คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #151 : [??] เรื่องวุ่นวายของ s กับคนจากต่างมิติ (ุ7)
Title : เรื่องวุ่นวายของ s กับคนจากต่างมิติ (7)
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : All + shiko
Notes : ...
................................................................
เรื่องวุ่นวายของ s กับคนจากต่างมิติ (7)
ในยามเช้าอันแสนสดใสและแดดแรงมากจนแทบทำเอาหลายๆ คนอยากละลายลงไปกองกับพื้น ภายในบ้านทรงไทยที่อยู่กลางทุ่งโดดเด่นเพียงหลังเดียวที่..เงียบสงบอย่างผิดปกติ เหล่าเด็กหนุ่มบวกหญิงสาวอีกหนึ่งกำลังนั่งกินมื้อเช้าโดยไม่มีสงครามบนโต๊ะอาหาร (?) แบบวันก่อนๆ เนื่องจาก...
...สภาพแต่ล่ะคนในตอนนี้...แทบไม่ต่างจากซอมบี้!!!
“ให้ตายเถอะ...เพิ่งเคยเจอเรื่องที่ทำให้เหนื่อยลากเลือดแบบนี้ครั้งแรกเลยแฮะ...” เด็กหนุ่มผมเหลืองหรือโกลเด้นประจำกลุ่มอย่างคิเสะ เรียวตะที่ทนความเงียบจนน่าอึดอัดไม่ไหวเอ่ยเปิดประเด็นเป็นคนแรก “...โดนให้วิ่งรอบเมืองยังไม่เหนื่อยขนาดนี้เลย”
“เห็นด้วยเลย...” อาโอมิเนะถอนหายใจออกมาเบาๆ “...บางทีผู้หญิงนี่ก็น่ากลัวเนอะ”
“นั่นสิครับ...ขนาดผมกับมายุสุมิอุตสาห์ทำตัวเงียบๆ แล้วยังมีคนหาเจออีก” คุโรโกะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“กรณีฉันกับนายเรียกว่าซวยดีกว่ามั้ง...เล่นโดนหาเจอเพราะมีคนเดินมาชนเนี่ย” มายุสุมิกรอกตาไปมา
“แต่ก็น่ากลัวอยู่ดีแหละ” มิบุจิที่ปกติต่อให้เจอสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ว่าอะไรยังบ่นเลยงานนี้
“ไอ้น่ากลัวน่ะไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่จำนวนคนที่มานี่สิ...ยังกับคลื่นยักษ์” ยูยะเกาหัวตัวเองนิดๆ “แล้วพี่ก็ไม่คิดช่วยกันเลย”
“โทษที มัวหงุดหงิดกับไอ้สองตัวนั่นอยู่น่ะ” มิยาจิที่สภาพถือว่าดีกว่าคนอื่นเอ่ย
“แต่ก็กลายมิยาจิซังดวงดีไปเลย...เล่นทำซะคนแทบไม่กล้าเข้าใกล้เนี่ย” ทาคาโอะเอาคางวางพาดโต๊ะ
“นั่นสิเนอะ...แถมที่รอดเนี่ยครบสามหน่อหล่อเสียของหมดเลย~” ชิโกะลากเสียงยานราวกับผีในหนัง “แต่คนที่ไม่คิดว่าจะรอดแต่ยังรอดคงมีแต่อิมาโยชิคนเดียวแหละ...สำหรับคาซามัตสึเราเป็นคนช่วยเองเลยพอมีโอกาสรอดอยู่แล้ว ส่วนอาคาชิถ้าเอาตัวไม่รอดเราให้ถีบเลยล่ะ”
“ถ้าอาคาชิจัดการไม่ได้คงแปลกพิลึก” เนบุยะคิดว่าถ้าเกิดอาคาชิโดนรุมซะปานตาย (?) แบบพวกเขาได้เนี่ย เขาจะแอบถ่ายภาพไปขายเลย...ท่าจะได้ราคางาม
“นั้นสิ...” เด็กหนุ่มทั้งหลายพยักหน้าเห็นด้วย
“แหม ทีนี่พร้อมเพรียงกันเชียว...” ชิโกะส่ายหน้าไปมาอย่างขๆ “...เออ จริงสิ...เมื่อวานทำตามสัญญาหรือเปล่า? อิมาโยชิ? อิสึกิ?”
“สัญญา?” อิสึกิทวนอย่างงงๆ เล็กน้อยก่อนที่จะนึกออกว่าที่อีกฝ่ายพูดหมายถึงอะไร “อ๋อ ไอ้นั่นล่ะนะ...ไม่ต้องห่วง อัดคลิปไว้ให้แล้ว ชัดแจ๋วทั้งภาพทั้งเสียงเลย”
“แว๊ด!!! นี่ถ่ายวิดีโอไว้จริงดิ!? ตอนไหนอ่ะ!?” โมริยามะโวยลั่นด้วยใบหน้าแดงแจ๋
“ตั้งแต่ผมลากโมริยามะซังเข้าเต้นท์แล้วครับ...ผมเอาซ่อนไว้ในกระเป๋าน่ะครับ” อิสึกิยิ้มร่าพลางยื่นกล้องวิดีโอให้ชิโกะทันที
“...อิมาโยชิ...อย่าบอกนะว่านายใช้วิธีเดียวกันด้วย?” คาซามัตสึถามด้วยอาการเหงื่อแตกนิดๆ ...นี่มันแอบถ่ายตนที่ลากเขาไป ××× ด้วยหรือเปล่าฟะ!?
“ถูกเผง แต่ของฉันเป็นกล้องจิ๋วติดขาแว่นเลย...ฉันให้ชิโกะเสก (?) ให้ก่อนที่ชิโกะจะลากสังขารไปนอนน่ะ” อิมาโยชิยิ้มร่าพร้อมกับ...โยนกล้องจิ๋วคืนให้หญิงสาว “ส่วนถ้าไม่อยากให้ชิโกะดูก็หาทางขอคืนเองแล้วกันนะ~~~”
“ขอยัยนี่คงมีทางได้คืนหรอก!!!” คาซามัตสึโวยลั่น...เขากล้ารับประกันเลยว่าถ้ายัยนี่ยังไม่ได้ดูก็ไม่มีทางคืนให้หรอก!
“ถูกจ้า! ดังนั้นอย่ามาขอคืนซะให้ยากเลย!” ชิโกะยิ้มร่าก่อนที่จะทำให้ของในมือตนหายไปในชั่วพริบตา...และนั้นก็ทำเอาคนอื่นๆ อดสะดุ้งไม่ได้
“...อัพสกิลตัวเองอีกแล้วเหรอชิโกะจัง?” มิบุจิถามพลางยิ้มแห้งๆ ...นี่ใจคอกะจะทำให้ตัวเองไม่เหมือนคนไปเลยจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย!?
“ถูก” ชิโกะตอบพลางยกแก้วกาแฟซดหวบทีเดียวทั้งแก้ว “และเราว่าตอนนี้รีบกินเถอะ เดี๋ยวสายเอานะ”
“ถามจริง...ลาหยุดไม่ได้ดิ?” อาโอมิเนะถามด้วยท่าทางห่อเหี่ยว
“ไม่ได้จ๊ะ ให้ลาหยุดทั้งหมู่คงแปลกไปหน่อยนะ” ชิโกะยักไหล่นิดๆ “ทนๆ อีกสักวันเถอะน่า พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้ว...ถือว่าโชคดีพอสมควรที่สัปดาห์นี่มีวันหยุดเทศกาลเนี่ย”
“สรุป...ทนๆ ไปอีกวัน เดี๋ยวก็ได้พัก...” อาคาชิที่สภาพเรียกได้ว่าไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าแม้แต่น้อยเอ่ย “...แต่โคกิ...คืนนี้ฉันไม่ให้พักหรอกนะ หึๆ”
“...นี่จะเอาอีกเหรอ!?” ฟุริฮาตะหน้าซีดลงเล็กน้อย
“...ทาคาโอะ...เอาด้วยไหม?” มิโดริมะเหล่มองคู่หูตนที่เมื่อได้ยินคำถามของตนเมื่อครู่ก็แทบพ่นน้ำเป็นสิงโตพ่นน้ำเลยทีเดียว
“แค่กๆ! จะบ้าเหรอชินจัง!? ไม่มีทางซะล่ะ!” ทาคาโอะค้านสุดฤทธิ์...แค่เมื่อคราวก่อนยังอายไม่หายเลยนะเว้ย! “มิยาจิซัง! วันนี้ผมของไปนอนด้วยนะครับ!!!”
“เออๆ จะมาก็มา...ฉันจะได้มีข้ออ้างไล่สองตัวนี่ออกจากห้องด้วย” มิยาจิชี้ไปที่คนคิ้วลูกอ๊อช (?) กับคนหัวลูกสนุ๊ก (?) อย่างเจาะจง
“ถ้าไล่พวกผมออกจากห้องแล้วพวกผมจะไปนอนไหนล่ะครับ!?” เนบุยะกับฮานามิยะถามเป็นเสียงเดียวกัน
“เรื่องของพวกนายสิ...” มิยาจิค้อนใส่เด็กหนุ่มทั้งสอง “...คิดว่าลงโทษที่สองสามวันก่อนคิดลักหลับน้องฉันแล้วกัน!”
“แค่นิดเดียวเอง!” ฮานามิยะเถียงกลับ และผลที่ได้กลับมาคือ...ถูกจานรองร่อนใส่เต็ม!
“เฮ้ย! นี่แกทำจริงๆ เหรอฟะ!?” ยูยะแยกเขี้ยวใส่ฮานามิยะ
“ฮานามิยะมันทำคนเดียวไหงผมโดนด้วยล่ะครับ!?” เนบุยะที่ไม่คิดช่วยฮานามิยะที่ตอนนี้โดนยูยะโยนข้าวของใส่เลยสักนิดถามเสียงแผ่ว
“เผื่อนายหน้ามืดตามไอ้บ้าฮานามิยะไง” มิยาจิตอบกลับทันทีแบบไม่เสียเวลาคิดสักนิด
“เอ้าๆ เลิกเล่นกันก่อน...เราขี้เกียจเก็บบ้านก่อนไปเรียนนะ” ชิโกะเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ “แล้วก็รีบกินข้าวกันได้แล้ว ใครทำให้เราไปสายเราจะให้วิ่งตามรถไปเรียนแทนนะ”
“โอเค งั้นกินกันต่อเถอะ” เด็กหนุ่มทั้งหลายที่เถียงกันเมื่อครู่รีบกลับมานั่งกินมื้อเช้าต่อด้วยความที่ว่ากลัวหญิงสาวจะทำจริงตามที่พูดนั่นเอง
หลังจากเหตุการณ์ที่ดูวุ่นวายนิดๆ บนโต๊ะจบลงได้ด้วยดีโดยไม่มีใครต้องวิ่งตามรถมาเรียนจริงๆ และมาถึงโรงเรียนกันแล้ว...ชิโกะก็ทำการหนีแถวเป็นครั้งแรกในชีวิต เนื่องจากแค่เดินเข้าประตูโรงเรียนมาก็โดนรุมถามต่อจากเมื่อวานแล้ว...
...แต่ยังดีที่ปกติชิโกะมักจะพามาโรงเรียนแต่เช้าตอนนี้เลยยังไม่ค่อยมีคน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชิโกะตัดสินใจลากเหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายหนีไปยังห้องเรียนในภาคเช้า...ซึ่งเป็นตึกที่ไม่ค่อยมีใครชอบมาในช่วงเช้าเท่าไหร่เพราะมีข่าวลือเรื่องผีเยอะ เลยกลายเป็นว่าที่นี่เป็นที่หลบภัยชั้นดีไปโดยปริยาย
...จากนั้นเหล่าเด็กหนุ่มบวกหนึ่งหญิงสาวก็พากันนั่งรอให้ถึงเวลาเรื่องกันเงียบๆ เพราะไม่ให้โดนครูเวรจับไปเข้าแถว...ซึ่งสุดท้ายก็รอดจากการโดนครูจับได้จริงๆ อ่ะนะ
...พอรอดจากการแถวได้แล้ว สิ่งที่พวกชิโกะต้องรับมือต่อไปคือคำถามจากเพื่อนในห้องว่าทำไมไม่ไปเข้าแถว...แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าโดนคนเป็นพันรุมล่ะ
...ชิโกะเองก็ตอบไปง่ายๆ แค่ว่าตื่นสายเลยปีนกำแพงเข้ามากันเอาก่อนที่จะเริ่มเรียนตามปกติ เพราะอาจารย์ประจำวิชาเข้ามาพอดี
...และแน่นอนว่าเมื่อเริ่มเข้าบทเรียน ชิโกะที่เหนื่อยจากเมื่อวานกับเด็กหนุ่มอีกหลายๆ คนก็เริ่มสัปหงกกันเป็นแถว ก่อนที่จะโดนอาจารย์สาวปลุกกัน...เว้นเพียงชิโกะเนื่องจากดันหลับทั้งที่ลืมตา (หลับใน) แถมมือจดข้อความบนกระดาน (ละเมอ) อีก อาจารย์เลยดูไม่ออก
...สุดท้ายก็เลยเป็นเช่นนี้ไปในการเรียนทุกคาบของภาคเช้า...กว่าที่จะพากันตื่นเต็มตาก็ปาไปตอนเที่ยวกันแล้ว
“ชิโกะๆ ตื่นๆ ...เที่ยงแล้ว” คาซามัตสึเขย่าตัวหญิงสาวที่นั่งนิ่งราวตุ๊กตาเบาๆ
“ชิโกะจินหลับในได้หลอนดีแฮะ” มุราซากิบาระเอ่ยพลางโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว
“นั้นสิเนอะ” ฮิมุโระพยักหน้ารับ...เห็นด้วยเลยว่าไอ้การหลับทั้งลืมตาแบบนี้มันโคตรหลอน!
“ตกลงนี่หลับหรือตายวะเนี่ย?” อาโอมิเนะถอนหายใจอออกมาเบาๆ ก่อนที่จะ...โดนปากกาลอยจากมือหญิงสาวมาใส่หัว “โอ๊ย! เจ็บนะเฮ้ย!”
“ก็ตั้งใจให้เจ็บน่ะสิ” ชิโกะที่ตื่นเมื่อไหร่ไม่รู้หาวเล็กน้อย “แล้วนี่เที่ยงแล้วเหรอ?”
“เออดิ” คาซามัตสึที่เป็นคนปลุกเมื่อครู่เอ่ย
“งั้นไปกินข้าวกัน...แล้วช่วงบ่ายนี่พวกนายจะไปไหนไหม? หรือว่ากลับเลย?” ชิโกะถาม
“เอ๊ะ? ไม่เรียนคาบบ่ายเหรอ?” คาซามัตสึขมวดคิ้วเป็นปม
“คาบบ่ายครูบอกตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วว่าไม่สอนน่ะ” ชิโกะลุกขึ้นบิดเส้นบิดสายเล็กน้อย “แล้วตกลงว่าไง? จะกลับบ้านไปนอนต่อหรือว่าจะไปไหน?”
“ไม่นอนต่อมันหรอก คาบเมื่อกี้อาจารย์เล่นให้หลับกันเต็มตื่นกันทุกคนแล้วนิ” คาซามัตสึถอนหายใจออกมาเบาๆ “ส่วนจะไปไหนนั่น...เอาสนามบาสไหม? ฉันคิดออกแค่นี้แหละ”
“ไม่รู้สิ...เรายังไงก็ได้...” ชิโกะยักไหล่เล็กน้อย “...แล้วพวกนายจะเอาไง?”
“สนามบาสนั้นแหละดีสุด” เด็กหนุ่มทั้งหลายเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน
“สรุปสนามบาสนะ...งั้นไปกินข้าวกัน แล้วค่อยเดินไปเอา” ชิโกะเอ่ยสรุป
“เอ๋~~~ จะเดินไปเอาเหรอ~~~?” มุราซากิบาระลากเสียงยาว
“อื้อ สนามบาสที่พาพวกนายไปก่อนหน้านี้ เดินจากนี่ไปแค่สิบห้านาทีก็ถึงแล้ว...ใกล้แค่นี้เราไม่ขับรถไปให้เปลื้องน้ำมันหรอก” ชิโกะเอ่ยพลางหยิบกล่องข้าวออกมากินในห้องนี่มันเลย
“หื้อ? ใกล้ขนาดนั่นเลยเหรอ?” คาซามัตสึขมวดคิ้ว...ก็ตอนนั้นเล่นทับกันแบนเลยนี่หว่า เลยไม่ทันได้สักเกตรอบข้างเลย
“อื้อ” ชิโกะพยักหน้ารับ
“ดีแฮะ ใกล้ดี” อาโอมิเนะผู้ได้ชื่อว่าเป็นไอ้บ้าบาสขนานแท้ยิ้มร่า “งั้นรีบๆ กินข้าวกันเถอะ เสร็จแล้วจะได้รีบๆ ไป...ไม่ได้เล่นซะหลายวัน เบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
“ใช่เลย~~~” คางามิพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับอาโอมิเนะ
“คำพูดสมเป็นไอ้บ้าบาสกันจริงๆ” อิมาโยชิส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ
“ทำใจเถอะ ก็พวกนี้เป็นอย่างนี้มานานแล้วนิ” ฟุคุอิเอ่ยปลอบ
“นั้นสิครับ...ทำใจแล้วทานมื้อเที่ยงเถอะครับ กินอาหารไม่ตรงเวลามันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ” อาคาชิเอ่ย
“ก็จริง” ฟุคุอิไม่เถียงว่าที่อาคาชิพูดมันจริง
“เอ้าๆ ง้นก็รีบมานั่งสิ เดี๋ยวขโมยข้าวกล่องพวกนายมากินเองทั้งหมู่เสียนิ” ชิโกะที่เห็นเด็กหนุ่มทั้งหลายไม่ยอมหยิบข้าวกล่องออกมากันสักทีเอ่ย
“ถ้ากินจริงเธอได้ท้องแตกตายแทนแหง” คาซามัตสึส่ายหน้าไปมาพลางหยิบกล่องข้าวออกมา
“ใช่ครับ ถ้าไม่กระเพาะหลุมดำแบบคางามิคุงอย่าทำดีกว่าครับ” คุโรโกะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำตามที่พูดได้จริงๆ หรอก
“เอ้าๆ รีบมากินข้าวก่อนที่ยัยนี่จะทำตัวเองตายเถอะ” ฟุคุอิเอ่ยพลางลากแต่ล่ะหน่อมานั่งกินข้าวโดยหวังว่า...จะไม่มีเรื่องปวดหัวอะไรลอยมาหาอีก
“แหม ดูทำกันเข้า...แค่นี้เราไม่ตายหรอก เราอัพสกิลตัวเองมาเยอะ” ชิโกะหัวเราะเบาๆ พลางกินข้าวกล่องของตนเองอย่างสบายอารมณ์หลังแกล้งคนเสร็จแล้ว (?)
“ถึงงั้นก็เถอะ...” คาซามัตสึเปิดกล่องข้าวตัวเองออก “...อ่ะ? วันนี้ผัดบ๊อกโครลี่ใส่แครอกเหรอ?”
“ห๊า? จริงดิ?!” เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลกับม่วงหันขวับไปที่หญิงสาวทันที
“ไม่ต้องมามองเราเลย ของพวกนายเป็นหมูผัดกระเทียมพริกไทน่า...คิดว่าเราไม่รู้ว่าพวกนายไม่ชอบอะไรหรือไง?” ชิโกะที่โดนจ้องเอ่ย
“ที่จริงเธอไม่น่าเปลี่ยนให้สองคนนี้นะ...” มิบุจิส่ายหน้าไปมา “...โคทาโร่จังเองก็หัดกินผักบ้างสิ”
“อัตสึชิเองก็กินผักบ้างเถอะ เดี๋ยวจะไม่แข็งแรงเอานะ” ฮิมุโระยิ้มอ่อนใจให้เด็กหนุ่มผมม่วง
“ไอ้ผักน่ะกินได้ แต่บ๊อกโครี่นี้ยังไงก็ของบายเถอะ!” ฮายามะทำหน้ามุ่ย
“ไม่เอา...เกลียดผัก” มุราซากิบาระทำหน้ามุ่ยพลางเปิดกล่องข้าวตัวเองออก...ซึ่งด้านในเป็นหมูผัดกระเทียมจริงๆ อย่างที่หญิงสาวบอก แต่ก็มีมะเขื่อเทศจิ๋วกับผักสลัดประดับอยู่ “มุโระจิน กินให้หน่อยดิ”
“ไม่ต้องเลยอัตสึชิ กินเองเลย” ฮิมุโระปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“มุโระจินใจร้ายอ่ะ!” มุราซาดิบาระทำหน้าราวเด็กโดนขัดใจ
“...ดูท่าเรื่องวุ่นๆ อีกเดี๋ยวคงลอยมาหาอีกแล้วแฮะ” คาซามัตสึถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่วุ่นนักหรอก อย่างมากก็แค่มุราซากิบาระเหลือผักไว้แล้วโดนฮิมุโระจับเอาผักยัดปากตอนหลังแค่นั้นแหละ” ชิโกะหัวเราะออกมาเบาๆ พลางมองฮิมุโระที่ดุมุราซากิบาระต่อกับมิบุจิและมิยาจิช่วยกันเอาบ๊อกโครี่ยัดปากฮายามะด้วยความขำสุดแสน
“...บางที...พวกเราก็ซวยกว่าที่คิดนะเนี่ย” เสียงบ่นพึมพำดังออกมาจากปากหญิงสาว ดวงตาสีน้ำตาลหลัวแว่นสายตากวาดมองไปยังสถานที่ตรงหน้าที่...มีคนที่ไม่อยากเจอที่สุดอยู่ด้วย! “เราว่ารีบกลับก่อนพวกนี่มาเห็นเถอะ เราไม่อยากซวย...เดี๋ยวพาไปสนามบาสของมหาลัยที่อยู่แถวๆ บ้านเราแทน”
“ฉันก็ว่างั้น” โมริยามะเบ้หน้าเล็กน้อยกับความซวยของพวกตน...ก็ใครใช้ให้พวกที่ใช้สนามอยู่ในตอนนี้เป็นคนที่เจอเมื่อตอนวันแรกที่พวกเขาหลุดมานี่ล่ะ!!! แถมคราวนี้มีพวกเพิ่มมาจากคราวก่อนอีกตั้งเยอะอีกแหน่ะ!
“แต่ผมว่าไม่ทันแล้วนะครับ” อิสึกิเอ่ยพร้อมกับ...รับลูกบาสที่พุ่งเข้ามาเกือบอัดหน้าโมริยามะไว้อย่างทันทวนที “เพราะพวกเขาคงเห็นเราแล้วล่ะครับ”
“งานงอกแล้วไง” ชิโกะคุมขมับ
“ใช่...แถมนอกจากงานงอกแล้วความซวยจะงอกตามมาติดๆ ด้วย” อาคาชิถอนหายใจออกมาเบาๆ “และดูท่าครั้งนี้คงไม่ยอมกลับกันดีๆ แหง”
“แล้วเอาไงดี?” อาโอมิเนะถามพลางเหล่มองชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ที่เดินเข้ามาหา “ฉันไม่อยากหาเหาใส่หัวนะเว้ย!”
“เอาง่ายๆ เลยคือ...เดี๋ยวฉันจัดการเอง แต่ถ้าเกิดพูดดีๆ แล้วยังมาหาเรื่องอยู่ก็คงต้องใช้กำลังบ้างล่ะ” อาคาชิเอ่ยพร้อมเดินไปหากลุ้มเหล่าชายหนุ่มก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินมาถึง และจากนั้นไม่นาน...ชายหนุ่มคนหนึ่งก็กระชากคอเสื้ออาคาชิด้วยสีหน้าเหมือนกำลังโมโหดอยู่
“นี่ตกลงไปพูดดีๆ หรือไปหาเรื่องเขากันแน่เนี่ย!?” ชิโกะเริ่มอยากเป็นลมจริงๆ งานนี้
“ไม่รู้ รู้แค่พวกนั่นอาจไม่รอด” เนบุยะมองชายหนุ่มที่เงื้อหมัดเตรียมต่อยคนผมแดง แน่กลับถูกกรรไกรปาสวนไปเสียก่อน
“ไม่พวกนั่นก็พวกเรานี่แหละ” ชิโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“จะยังไงก็ช่างเถอะ ฉันว่าไปช่วยอาคาชิกันไหม? ถึงหมอนั่นจะเก่งแต่ก็ใช่ว่าจะสู้คนจำนวนมากได้ด้วยตัวคนเดียวซะหน่อย” มิยาจิเอ่ย
“แต่ผมว่าไม่ต้องไปช่วยหรอก...เพราะบางส่วนมาหาเราแล้ว!” ยูยะเอ่ยพร้อมหลบชายหนุ่มคนหนึ่งที่พุ่งมาหาตน
“ดูท่ากะจะเล่นงานเราทุกคนเลยแฮะ” ชิโกะโดดข้ามหัวชายหนุ่มคนหนึ่ง
“เลิกลืมว่าตัวเองใส่กระโปรงอยู่สักทีเถอะชิโกะจัง! ถึงใส่กางเกงไว้ด้านในก็ไม่ควรนะ!” มิบุจิแว๊ดลั่นพลางเตะก้างคอคนที่มาหาเรื่องตน
“นั้นมันใช่เรื่องที่ควรบ่นตอนนี้เหรอ!? รีบๆ หาทางจัดการแล้วค่อยบ่นชิโกะทีหลังเถอะ!” ฮานามิยะเตะเข้าที่เข่าคนที่หมายจะทำร้ายตนอย่างแรง...เสียจนอีกฝ่ายถึงขั้นเข่าหลุดเลย
“เฮ้ๆ เล่นหนักไปหรือเปล่าฮานามิยะ?” อิมาโยชิถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ พร้อมหลบไปหลบมาให้แต่ล่ะคนหัวชนกันเอง
“คงงั้นมั้งครับ” ฮานามิยะตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก
“...หวังว่าจากนี่คงไม่โดนตำรวจเรียกไปสอบปากคำที่โรงพักนะ” เนบุยะเริ่มกลัวว่าเรื่องจะจบที่โรงพักชอบกล
“ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่อเล็กซ์ไม่ได้เขียนว่าพวกนายโดนตำรวจจับเราก็ยังสามารถหาทางช่วยพวกนายได้อยู่น่า” ชิโกะเอ่ยพร้อมกับปาบางสิ่งใส่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ย่องมาด้านหลังฟุริฮาตะ “แถมพวกนี่เล่นพกของอันตรายมาแบบนี้ ยังไงเราก็หาทางช่วยให้พวกนายรอดจากตารางได้อยู่แล้ว”
“ว่าแต่เขา แต่ของที่เธอปาเมื่อกี้ก็อันตรายโคตรๆ เหมือนกันแหละ!!!” ทาคาโอะโวยลั่นพลางมองปืนที่ร่วงหล่นลงกับพื้น ก่อนที่จะดึงตัวฟุริฮาตะมาหลบด้านหลังตน “แล้วนี่เธอเอามีดมาจากไหนเนี่ย!?”
“จากในกระเป๋าน่ะ เราซื้อมาสะสมแล้วลืมเอาไปเก็บในกล่องที่บ้านน่ะ” ชิโกะโดดมาฉกปืนที่หล่นอยู่กับพื้นพร้อมดึงมีดจากมือชาวบ้านคืนมา
“ทำไมไม่สะสมอะไรที่มันเป็นผู้หญิงหน่อยเนี่ย!?” คาซามัตสึไม่เข้าใจความคิดของรายนี่จริงๆ ...ของมีตั้งเยอะตั้งแยะให้สะสมไม่สะสม แต่สะสมมีดเนี่ยนะ!?
“ก็เราชอบของเราอ่ะ!” ชิโกะทำแก้มป่อง
“ทำใจเถอะ...ยัยนี่เพี้ยนมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนิ” ฟุคุอิปลอบ
“อย่านินทากันต่อหน้าเซ่!” ชิโกะแยกเขี้ยวใส่คนผมทอง “อ๋อ! และพวกนายระวังกันหน่อยล่ะ...พวกนั่นเริ่มชักอาวุธกันแล้วนะ”
“...ความซวยมาไม่จบไม่สิ้นจริงๆ” อิสึกิเริ่มอยากบ้าขึ้นมาตงิกๆ เมื่อเหล่าชายหนุ่มเริ่มชักมีดด้ามยาว ปืนและสารพัดข้าวของใกล้ตัวมาเป็นอาวุธ
“คงงั้นมั้ง...” ชิโกะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก “...คราวนี้ดูเล่นไม่ได้แล้วแฮะ...พวกนายรีบๆ มาหลบหลังเราเร็ว เราจะใช้มาตราการสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่หลบแล้วโดนลูกหลงเราไม่ช่วยนะขอบอก”
“...” สิ้นเสียงหญิงสาว เหล่าเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งมาหลบหลังหญิงสาวสุดฝีเท้าเนื่องจากรู้ดีว่า...ไอ้มาตราการสุดท้ายนี่ไม่ปกติชัวท์
“มาหมดแล้วนะ?” ชิโกะถาม
“เออๆ ครบแล้วน่า จะทำอะไรก็รีบทำเลย” มายุสุมิตอบโดนเมินเสียงดูถูกที่ดังมาจากเหล่าชายหนุ่มไป
“งั้นเราจะ...เริ่มกวาดล้างล่ะนะ~~~” ชิโกะแสยะยิ้มอย่างน่าสยองก่อนที่จะ...
ปังๆๆๆๆๆ!!!
...ยิงปืนใส่มือของพวกที่ถือปืนไว้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ! ก่อนที่จะโยนวัตถุกลมๆ คล้ายๆ ก้อนดินใส่...จากนั้นก็มีเสียงระเบิดเบาๆ ดังขึ้นตามด้วยชายหนุ่มทั้งหลายเริ่มชักดิ้นชักงอเหมือนผีเข้า!
“...น่ากลัววุ้ย” คางามิมองด้วยอาการเหงื่อตกนิดๆ
“เพราะยิงแม่นและเร็วแบบนี้สินะ? สงครามปืนฉีดน้ำคราวก่อนถึงได้ชนะเนี่ย” อาคาชิถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แล้วนี่ชิโกะ...เธอโยนอะไรใส่พวกนั่นน่ะ?” ทาคาโอะที่เห็นว่ามีบางคนมีอาการน้ำลายฟูมปากถาม
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เราเสก (?) ระเบิดหมามุ่ยผสมผงตัวบุ๋ง เห็บ หมัด เหา แมงตด มดคันไฟมาปาเท่านั้นแหละ” ชิโกะยักไหล่เล็กน้อยพลางโยนปืนทิ้ง
“เสกของประหลาดๆ ออกมาจนได้สิน่า” คางามิคุมขมับ...แต่ยังดี ที่ไม่ใช่ของอันตรายอะไร (มั้ง)
“ยังไงสุดท้ายยัยนี่ก็น่ากลัวสุดสินะ...” ฟุคุอิส่ายหน้าไปมา “...แล้วจะเอาไงต่อดี? ปล่อยพวกนี่ไว้งี้เหรอ?”
“ปล่อยไว้อย่างนี้นี่แหละ ระเบิดที่เราเสกนี่เราทำให้มีผลแค่ชั่วโมงเดียวก็เป็นเหมือนเดิมแล้วล่ะ ส่วนแผลที่เราเอาปืนยิงเดี๋ยวก็หายเองแหละเพราะเราใส่ยาสารพัดนึก (เสกขึ้นเอง) ลงไปในระเบิดเมื่อกี้ด้วย...” ชิโกะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจพลางเดินออกประตูไป “...เราว่าไปเล่นบาสที่มหาลัยแถวบ้านเราเถอะ ถึงสนามที่นั้นจะเล็กไปหน่อย แต่คงเล่นกันได้อยู่หรอก...อีกอย่างเรามั่นใจว่าที่นั้นคงไม่มีใครมาหาเรื่องหรอก”
“โอเค ตามนั้น” เด็กหนุ่มทั้งหลายขานรับ จากนั้น...ก็พากันเดินออกนอกสนามไปโดยไม่สนใจเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายที่ชักกระแด็กๆ อยู่เลย
“เฮ้อ...วันนี้ก็ซวยเหมือนเดิม...” เด็กหนุ่มผมดำถอนหายใจออกมาเบาๆ ดวงตาสีครามทอดมองไปยังพระจันทร์สีเหลืองนวลพลางนึกถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันนี้...ที่ทำเอารู้สึกเหมือนตัวเองแก่ขึ้นไปเป็นสิบปีเลย...
...ไหงจะตอนเช้าต้องหนีแถวและหาทางไม่ให้โดนอาจารย์จับได้ ไหนตอนเที่ยงจะต้องปลุกชิโกะ ไหนจะโดนคนมาหาเรื่อง ไหนจะวิธีจัดการชาวบ้านของชิโกะอีก...ถึงแม้หลังที่รายนั่นพาไปที่สนามบาสอีกที่แทนจะไม่มีเรื่องอะไรชวนเหวอแล้ว นอกจากก่อนหน้านี้มิโดริมะจับทาคาโอะล็อกคอแล้วลากเข้าห้องก่อนที่จะหนีไปนอนกับมิยาจิ แต่แค่นี้ก็ทำให้เขาแทบจิตตกเหมือนกัน
“หวังว่าวันสองวันสุดท้ายนี่จะไม่เกิดเรื่องอะไรอีกนะ...เฮ้อ ช่างเถอะ เล่นนี่คลายเครียดดีกว่า =_=” คาซามัตสึเยียดตัวยาวบนม้านั่ง ก่อนที่จะ...หยิบกีต้าขึ้นมาดีดเล่นเป็นทวงทำนองเพลงสุดคลาสิคไป และเมื่อเล่นจนจบเพลงก็...
“เพราะดีนี่คาซามัตสึ” ...ก็มีเสียงสุดกวนดังขึ้นพร้อมลมอุ่นๆ เป่าที่ข้างหูคาซามัตสึ ทำให้...เจ้าตัวตกใจจนร้องเสียงหลงและเอากีต้าฟาดใส่อย่างแรง! “เฮ้ย! เดี๋ยวคาซามัตสึ! ฉันเอง! แค่แกล้งนิดเดียวคิดจะฆ่ากันเหรอ!?”
“ก็มืดๆ แล้วใครให้เล่นอย่างงี้เล่า! และอีกอย่างนายไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า!” คาซามัตสึแยกเขี้ยวใส่คนที่แกล้งตัวเมื่อครู่...ดีนะที่เขายังยั้งมือทัน ไม่งั้นได้โดนตีแว่นแตกแน่!
“ใจร้ายจังนะ” อิมาโยชิเอ่ยพลางนั่งลงข้างๆ คาซามัตสึ
“ก็มันจริงนี่หว่า นายมันอึดแถมเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก” คาซามัตสึทำหน้ามุ่ย “แล้วนี่นายออกมาจากเต้นท์ทำไมเนี่ย? เมื่อกี้เห็นหลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“พอดีตื่นมาแล้วไม่เห็นนายเลยออกมาดูน่ะ...” อิมาโยชิยิ้มบางๆ “...และมาเจอนายนั่งเล่นกีต้าอยู่น่ะ เลยยืนฟังมันซะเลย”
“สรุปมานานพอที่จะฟังตั้งแต่ต้นจนจบเพลงสินะ?” คาซามัตสึถอนหายใจออกมาเบาๆ “และพอเล่นจบาายก็นึกคึกอยากแกล้งฉันขึ้นมาสินะ?”
“ถูกเผง...แต่ไม่คิดว่านายจะเล่นฟาดกีต้าใส่น่ะ” อิมาโยชิหัวเราะเสียงแห้ง
“ก็มันตกใจนี่หว่า” คาซามัตสึทำปากยื่นราวโดนนิจิมุระเข้าสิง (?)
“ก็นะ...แต่อย่างน้อยนายก็ตกใจน้อยกว่าตอนฉันแกล้งฮานามิยะล่ะนะ” อิมาโยชิเอ่ย
“ฮานามิยะเหรอ? อ๋อ...ไอ้ที่นายแกล้งเป็นผีหลอกสามคนนั้นน่ะนะ?” คาซามัตสึถามพลางนึกไปถึงก่อนหน้านี่ที่อีกฝ่ายแกล้งสามราชันไร้มงกุฎเสียจนขวัญกระเจิงเลย
“เปล่า อันนั้นเนี่ยฮานามิยะออกไปทางสยองฉันมากกว่าตกใจ...ไอ้ที่ฉันพูดถึงหมายถึงตอนฉันอยู่ ม.ต้น ต่างหาก” อิมาโยชิแก้ความเข้าใจของอีกฝ่าย
“ตอน ม.ต้น? นายไปแกล้งอะไรเข้าล่ะ?” คาซามัตสึทำหน้าเหมือนอยากรู้
“ก็เหมือนที่แกล้งนายเมื่อกี้นั้นแหละ แต่คราวของฮานามิยะน่ะสะดุ้งโหยงพร้อมรีบถอยห่างจากฉันเสียจนเกือบตกหน้าต่างเลย...ไม่สิ ต้องบอกว่าตกไปแล้วแต่ฉันคว้าตัวไว้ทันเฉยๆ” อิมาโยชิตอบกลับ
“นี่นายเกือบทำฮานามิยะตกตึกตายเลยเหรอเนี่ย?” คาซามัตสึกรอกตาไปมาอย่างปลงๆ
“ก็ไม่คิดว่าหมอนั่นตอนเหม่อจะขี้ตื่นขนาดนั้นนิ” อิมาโยชิยักไหล่
“ถ้าเล่นมาเงียบๆ แบบเมื่อกี้ไม่ตกใจเลยก็แปลกล่ะ...แล้วนี่อย่าบอกนะว่าไอ้ที่นายแกล้งนั่นรวมไอ้สามหน่อนั่นไปด้วย?” คาซามัตสึเริ่มสังหรณ์ว่ารายนี่ตอน ม.ต้น จะแกล้งรุ่นน้องตัวเองมันทุกคนแล้วสิ
“ถ้าหมายถึงพวกมิบุจิก็...ใช่...” อิมาโยชิที่อยากเผา (?) รุ่นน้องสมัย ม.ต้น ของตนเองยิ้มร่า “...ตอนนั้นฮายามะสะดุ้งโหยงแล้วขู่ฟ่อเป็นแมว เนบุยะแค่หลุดร้องเล็กน้อย มิบุจิโดนแกล้งแล้วกริ้ดแต๋วแตกเลย...แต่ตอนมิบุจินั่นเซ็งหน่อยๆ ตรงที่หลังจากนั้นมิบุจิเล่นรวมมือกับฮานามิยะ แล้วให้ฮานามินะแกล้งเอาคุกกี้ผสมยาถ่ายมาให้ฉันกินเป็นการแก้แค้นด้วย”
“ก็เล่นแกล้งซะขนาดนั้นก็สมควรล่ะ” คาซามัตสึไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายโดนเอาคืน
“หว่า~~~ ไม่คิดปลอบกันหน่อยเหรอ~~~” อิมาโยชิอ้อนคนรักตน
“ไม่...ก็สมควรโดนแล้วนิ...” คาซามัตสึส่ายหน้าไปมา “...ตอนขึ้นม.ปลายนี่นายคงไม่ไปแกล้งคนในทีมเล่นอีกนะ?”
“โทษที แต่แกล้งมาแล้ว ยกเว้นโมโมอิคนเดียวล่ะนะ...” อิมาโยชิยิ้มร่า “...สึสะฉันแกล้งเล่นมุขตลกของฉันที่หมอนั่นไม่ชอบใส่เกือบสองชั่วโมงจนโดนสึสะเขกหัว วากามัตสึฉันแกล้งใส่หน้ากากผีไปหลอกจากซ็อกน้ำลายฟูมปากไปเลย ซากุระอิฉันแกล้งพูดแหย่จนเผลอหลุดพูดออกมาว่าชอบวากามัตสึต่อหน้าเจ้าตัว ส่วนอาโอมิเนะ...อันนี้จงใจแกล้งสุดๆ ข้อหาทำฉันปวดหัว ไม่ว่าจะจับใส่ถุงลากไปตามถนน แอบเอานิตยาสารของหมอนั้นไปซ่อน แอบเอาของที่หมอนั่นไม่ชอบใส่กล้องข้าวหมอนั่นตอนเผลอ และ**,€/$#%^(£€&€£)^%%**♡♢▪■■♤•”
“เออ...พอก่อนๆ อิมาโยชิ ชักเยอะแล้ว...” คาซามัตสึรีบห้ามก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดยาวกว่านี้ “...สรุปโดยรวมคือนายแกล้งอาโอมิเนะมากกว่าคนอื่นเลยใช่ไหมเนี่ย?”
“ถูก...ที่จริงอยากแกล้งมากกว่านี้ถ้าไม่ติดว่าโค้ชสั่งห้ามว่าอย่าแกล้งคนมากนักเสียก่อนน่ะ” อิมาโยชิเกาหัวนิดๆ
“สมควร” คาซามัตสึยอมรับเลยงานนี้สงสารอาโอมิเนะขึ้นมาตงิกๆ “ยังดีไม่โดนทำโทษด้วย”
“พอดีหาทางเอาตัวรอดได้น่ะ” อิมาโยชิหัวเราออกมาเบาๆ
“ก็น่าจะ...เล่นลื่นยังกับปลาไหลแบบนี้นิ” คาซามัตสึถอนหายใจออกมาเบาๆ “ดีไม่ดีนายพูดหาข้ออ้างสารพัดจนรอดมาได้แหง”
“ถูกเผง~~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาว
“พูดได้เต็มปากเต็มคำมากเลยนะ” คาซามัตสึมองคนที่ดูจะดี้ด้า...เสียจนน่าถีบสักเลย
“ก็นะ...” อิมาโยชิยักไหล่เล็กน้อย “...นี่ๆ คาซามัตสึ...คาซามัตสึก็เล่าให้ฟังบ้างสิว่าเคยแกล้งใครบ้างอ่ะ?”
“คิดว่าหน้าอย่างฉันจะชอบแกล้งชาวบ้านหรือไง?” คาซามัตสึกรอกตาไปมา
“ไม่คิด” อิมาโยชิส่ายหน้าทันที
“แล้วจะถามทำไมห๊า?” คาซามัตสึเขกหัวดำๆ ของอีกฝ่ายไปหนึ่งที
“ก็มันอยากรู้นิ” อิมาโยชิลูบหัวตนเองเบาๆ ...เล่นเขกกันไม่ออมแรงเลยแฮะ
“นายนี่มัน...เฮ้อ ช่างเถอะ...” คาซามัตสึที่ไม่รู้จะว่ายังไงกับคนรักตนเองถอนหายใจออกมาเบาๆ “...เอ้าๆ รีบไปนอนกันเถอะ นี่มันดึกแล้วนะ”
“ไม่เอา ไม่ง่วง...” อิมาโยชิทำเสียงง่อยเมื่อโดนไล่ให้ไปนอน “...แต่ถ้าบอกให้ไป×××นาย ฉันจะไปมันตอนนี้เลย”
“อ...ไอ้บ้าเอ้ย! พูดอะไรอายปากบ้างเถอะ!” คาซามัตสึถีบอิมาโยชิตกเก้าอี้ด้วยใบหน้าแดงแจ๋
“จะอายทำไมล่ะ ก็ฉันพูดจริงนิ” อิมาโยชิเอ่ย “เฮ้ยๆ! เดี๋ยวคาซามัตสึ! อย่าเพิ่งทำท่าอยากเอากีต้าฟาดหัวฉันสิ!”
“เงียบไปเลยไอ้บ้า!” คาซามัตสึแยกเขี้ยวใส่
“ใจเย็นๆ สิ...” อิมาโยชิต้านกีต้าที่กำลังจะกระแทกหัวตนสุดแรง “...เดี๋ยวกีต้าพังนะ...ถ้าให้เดาชิโกะคงใช้วิธีให้ที่โผล่มาเนี่ยเอามาจากบ้านนายแหง”
“...” คาซามัตสึไม่ตอบอะไรอิมาโยชิกลับ แต่ก็หยุดคิดเอากีต้าฟาดหัวอีกฝ่ายด้วยความเสียดายของ (?) ...แต่เปลี่ยนมาเป็นดึงแก้มเด็กหนุ่มหน้าจิ้งจอกเสียจนยืดแทน
“โอ๊ยๆ! เอ๊บอะ! อาอาอัตอึ!” อิมาโยชิโวยด้วยเสียงอู้อี้
“ก็ตั้งใจให้เจ็บน่ะสิ ข้อหาพูดอะไรไม่อายปาก” คาซามัตสึเอ่ยก่อนที่จะปล่อยมือจากอีกฝ่าย “และเลิกเล่นแล้วไปนอนซะไป...ต่อให้เป็นวันหยุด แต่ถ้าตื่นสายขึ้นมาอาจมีคนนึกพิเรนท์มาแกล้งแหง”
“แต่ฉันยังไม่ง่วงอ่ะ” อิมาโยชิลูบแก้มตนที่แดงเถือกจากการถูกดึงเบาๆ
“ไม่ง่วงก็ต้องนอนเฟ้ย!” คาซามัตสึเริ่มอ่อนใจกับคนรักตนเองชอบกล “เอางี้...เดี๋ยวร้องเพลงกล่อมให้ กลับเต้นท์เถอะ”
“จะร้องให้ฟังจริงดิ?” อิมาโยชิเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“เออ...และไม่ต้องคิดว่าฉันจะร้องเพลงแปลกๆ ให้ฟังเลย ฉันเคยช่วยแม่กล่อมน้องนอนอยู่น่า” คาซามัตสึเอ่ย
“โอเค ตามนั้น!” อิมาโยชิรีบลากคาซามัตสึกลับเต้นท์ทันทีด้วยความอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะร้องเพลงอะไรกล่อมตนให้หลับในยามค่ำคืนนี้นั่นเอง
TBC.
Cr. 海月くろば
http://www.pixiv.net/
ตอบเม้นตอนที่ 149
seisho ซัง = สองหน่อนั้นแค่เกือบลุกไม่ขึ้นจ้า (ที่จริงก็ไม่น่าลุกได้หรอก ถ้าไม่ติดว่ากลัวโดนเธอแกล้งน่ะ...เล่นจำต้องฝืนลุก // คาซามัตสึ)
pinwaris ซัง = จัดให้จ้า! #ยื่นคลิปที่เอาลงแผ่นซีดีเรียบร้อยให้ แถมแว่นสามมิติ (?)
กุหลาบสีดำ นิรนามทมิฬ ซัง = นี่จ้าคลิป #ยื่นซีดีพร้อมแว่นสามมิติให้
จบการตอบเม้น
ความคิดเห็น