คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #157 : [KuroMayu] Monitaringu
Title : Monitaringu
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Kuroko x Mayuzumi
Notes : s // มาแล้วกับผู้ได้ที่สามของการโหวต...ได้แก่นายจืดจางของเรา! คุโรโกะ เท็ตสึยะนั้นเองจ้า!!!
คุโรโกะ // สวัสดีครับ...หวังว่าครั้งนี้คงไม่มั่วอีกนะครับ?
S // ไม่มั่วจ้า แต่...
คุโรโกะ// แต่อะไรครับ?
S // แต่การบรรยายเนื้อเรื่องอาจแปลกๆ หน่อยนะจ๊ะ
คุโรโกะ // ...เอาเถอะครับ ยังดีกว่ามาหมดมุขตรงผมอีกแล้วกันครับ
S // แหม...แค่หมดมุขนิดๆ หน่อยๆ บ่นจังนะตัวเธอ... (เสกนกยักษ์มาฉกตัวคุโรโกะขึ้นฟ้า)
คุโรโกะ// !!! นี่ให้ลงไปในฟิคดีๆ ให้ได้ตลอดบ้างเถอะครับ!!!
S // ไม่ได้จ้า!!! (มองคนผมฟ้าที่ห่างออกไปจนลับตา) อ่ะ! และอย่างที่บอกว่าเราคิดว่าการดำเนินเรื่องคราวนี้มันดูแปลกๆ ดังนั้นกรุณาทำใจก่อนอ่านนะจ๊ะ
.....................................................................................
Monitaringu
“นี่นาย...จะทำแบบนี้ไปถึงไหน?”
“ทำแบบไหนเหรอครับ?”
“ก็ที่นายทำอยู่นี่ไง”
“ก็มันอะไรล่ะครับ?”
“ก็ที่...นายตามฉันเป็นวิญญาณตามติดนี่ไงฟะ!”
เสียงพูดคุยสองเสียงดังขึ้นมาแว่วๆ จากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งยามนี่ไร้ผู้คน...และไร้ซึ่งเสียงใดนอกจากต้นเสียงเมื่อครู่...
...มันเงียบมาก...เงียบจนน่าแปลกใจ
“ตามจนกว่าจะหาทางออกจากที่นี่ได้นั้นแหละครับ การเดินไปไหนมาไหนคนเดียวในเวลาแบบนี้มันอันตรายนะครับ” เด็กหามผมฟ้าเอ่ยด้วยใบหน้าตายสนิก
“ไอ้ตามน่ะไม่ว่า...แต่อย่าเกาะชนิดที่ว่าแทบจะขึ้นขี่คอฉันสิฟะ! หลอนนะเฟ้ย! ไอ้บ้าคุโรโกะ!” เด็กหนุ่มผมเงินเอาส้นมือสับเข้าที่กลางกระหม่อนคนผมฟ้าเต็มแรง
“เจ็บนะครับ” คุโรโกะลูบหัวตนเองเบาๆ “ขี้บ่นจังนะครับมายุสุมิซัง”
“เจอแบบนี้ใครๆ ก็บ่นทั้งนั้นแหละ! ให้ตายเถอะ! พวกทีมปาฏิหาริย์เนี่ยไม่มีใครปกติจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย!?” มายุสุมิขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด “หลงมาในที่แปลกๆ แบบนี้ยังใจเย็นอยู่ได้! แถมแกล้งฉันเฉยเลยเนี่ย!”
“ผมกลุ้มแทบตายไปแล้วครับ กลุ้มจนปลง ที่สำคัญตอนนี้ร้อนร้นไปก็เท่านั้นนี่ครับ และอีกอย่าง...แหย่คุณเล่นนี่มันก็สนุกดีด้วยครับ” คุโรโกะเอ่ยหน้าตายสนิก
“ไอ้ร้อนร้นไปก็เท่านั่นน่ะโอเค ไม่เถียง แต่ไอ้แหย่ฉันมันสนุกดีเนี่ยมันฟังแล้วจี๊ดโคตร! ความจริงคืออยากแกล้งฉันเฉยๆ จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย!?” มายุสุมิค้อนใส่คนตัวเล็กกว่าด้วยอารมณ์ที่แสนจะขุ่นมัว
“ประมาณนั้นแหละครับ” คุโรโกะเอ่ยพร้อมเกาะแขนอีกฝ่าย เพื่อกันคนผมเงินหนี
“เฮ้ย! บอกแล้วไงว่าอย่าเกาะ!” มายุสุมิใช้มือข้างที่ว่างดันหน้าคนผมฟ้า
“ขอปฏิเสธครับ” คุโรโกะตอบกลับพร้อมเกาะแน่นกว่าเดิม
“โธ่เว้ย!” มายุสุมิสบลออกมาอย่างหัวเสียพลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี่ที่ทำให้ตนต้องมาติดแหงะที่นี่กับอีกฝ่าย
ย้อนไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน
“ให้ตายสิ...จะมีอะไรที่ซวยกว่านี้ไหมเนี่ย?” เสียงบ่นอุบอิบดังขึ้นมาเบาๆ จากเด็กหนุ่มผมเงินที่เดินลากขาไปตามทางเดินอย่างเฉื่อยๆ “แค่มาซื้อหนังสือออกใหม่ทำไมถึงซวยขนาดนี่เนี่ย?”
...หรือว่าเพราะช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี่ไม่ได้ไปทำบุญหว่า? ถึงซวยแบบนี่เนี่ย? แต่คราวนั้นโทษเขาไม่ได้นะ ก็เขาดันป่วยตอนวันปีใหม่พอดีเด๊ะเลยนี่...
มายุสึมิ จิฮิโระผู้เล่นตัวจริงที่อยู่ปีสามเพียงคนเดียวของทีมบาสราคุซันคิดในใจไปเรื่อยเปื่อยเพื่อให้ลืมความเหนื่อยหน่ายหัวใจกับเรื่องที่ตนเพิ่งเจอมาสดๆ ร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็นขึ้นรถไฟแล้วรถไฟเกิดขัดข้องจนไปไหนไม่ได้ เดินข้ามถนนดันมีรถมาเฉี่ยว มีลูกบอลที่ไหนไม่รู้ลอยมาเฉี่ยวหัว จะเข้าร้านหนังสือป้ายหน้าร้านก็เกือบตกใส่ และพอออกจากร้านตอนที่กำลังเก็บหนังสือที่ซื้อมาเข้ากระเป๋าเป้ของตนดันมีโจรวิ่งราวฉกกระเป๋าไปหน้าด้านๆ แต่ยังดีที่มายุสุมิมีดีกรีเป็นผู้เล่นตัวจริงของทีมบาสม.ปลายทำให้ตามเอากระเป๋าคืนมาได้และยังมีอีกสารพัดความซวยเล็กๆ น้อยๆ ที่โถมเข้าหาไม่มีหยุด...สรุปโดยรวมคือวันนี้ราวกับเป็นวันซวยของมายุสุมิ จิฮิโระโดยแท้
“เฮ้อ...” มายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความปลงก่อนที่จะเดินเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งเพื่อนั่งพักให้สมอง แต่แล้ว...ความซวยก็มาเยือนอีกละรอบ เมื่ออยู่ๆ มาผ้าผืนใหญ่ๆ ตกมาจากไหนไม่รู้ลอยมาคลุมตัวของคนผมเงินเสียมิด “...อะไรอีกวะเนี่ย?”
...ตกลงต้องไปทำบุญล้างซวยจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?...
เด็กหนุ่มผมเงินคิดในใจอย่างปลงๆ พลางดึงผ้าที่คลุมร่างตนออก...และก็ถึงกับตัวแข็งทื่อภายในชั่วพริบตาเมื่อ...
...ภายในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยผู้คนเมื่อครู่ตอนนี้กลับไร้ซึ่งเงาของผู้ใดเลย! เท่านั้นไม่พอ! เมื่อหันไปมองด้านหลังที่เป็นถนนก็ไม่มีรถรางหรืออะไรสัญจรอยู่เลย!
“น...นี่มันอะไรเนี่ย?” มายุสุมิที่เห็นสภาพโดยรอบพยายามดึงสติของตนให้เข้าที่เข้าทางกับเมื่องที่ดูราวกับกลายเป็นเมืองร้างภายในชั่วพริบตา พร้อมกับลองหยิกแก้มตนเองดูและผลที่ได้คือ... “โอ๊ย! เจ็บ! นี่มันบ้าชัดๆ เลย!”
...ความเจ็บแปล็บที่เข้าสู่ระบบประสาท บ่งบอกว่สิ่งที่เกิดขึ้นนี่เป็นเรื่องจริง!
“ใช่ครับ...บ้าชัดๆ เลย...” เสียงนิ่มๆ ที่ดังแว่วมาในระยะประชิตทำให้คนผมเงินที่กำลังคลั่ง (?) สะดุ้งเฮือกและหันไปมองต้นเสียงอย่างรวดเร็ว “...แต่ยังดีนะครับที่ไม่ได้หลงมาที่นี่คนเดียว”
“น...นาย! คุโรโกะ!?” มายุสุมิมองคนที่เกือบทำตนหัวใจวายเมื่อครู่ตาแป๋ว
“ก็ใช่สิครับ เห็นเป็นอาคาชิคุงหรือไงครับ?” เด็กหนุ่มผมฟ้าหรือคุโรโกะ เท็ตสึยะตัวจริงปีหนึ่งของทีมบาสเซย์รินถามกลับหน้าตาเฉย
“ไม่ต้องมากวนเลยเฟ้ย! เจ้าบ้า!” มายุสุมิค้อนใส่เด็กหนุ่มที่ไม่ว่าเจอกันกี่ครั้งก็กวนโอ๊ยตนตลอด
“ครับๆ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิครับมายุสุมิซัง” คุโรโกะมองคนผมเงินที่เริ่มหน้าบูด “ตอนนี้เรามาหาทางออกจากที่นี่ก่อนเถอะครับ”
“เออ ความคิดดี...แล้วจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ? หาดูว่ามีคนอื่นหลงมานี่ด้วยหรือเปล่าดีไหม?” มายุสุมิที่คิดว่าถ้ามัวทะเลาะกับคุโรโกะเป็นการเสียเวลาเปล่าเอ่ยถาม
“ไม่มีคนอื่นหรอกครับ ผมหามาแทบทั้งเมืองแล้วไม่เจอใครเลยครับ ลองโทรหาใครก็ไม่มีคนรับสายเลย นี่ยังดีนะครับที่ผมเดินมาเจอคุณเนี่ย ไม่งั้นผมกลุ้มใจตายเลย” คุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แสดงว่าไม่เจอใครเลยสินะ? แล้วนี่นายหลุดมานี่นานเท่าไหร่แล้วเนี่ย?” มายุสุมิถามคนผมฟ้าอย่างสงสัย...ถ้าบอกว่าหามาแทบทั้งเมืองแล้วแสดงว่าไม่ได้เพิ่งหลุดมาที่นี่แน่
“เกือบสองวันแล้วครับ...ที่ผมหลุดมานี่เนี่ย...” ...และเกือบบ้าเพราะเครียดแล้วด้วยครับ ยังดีเจอคุณมาคุยเป็นเพื่อนเนี่ย ไม่งั้นบ้าจริงแหงๆ
“สองวัน? หรือว่า...เพื่อนที่อาคาชิบอกว่าหายตัวไปสองวันก่อนคือนาย?” มายุสุมิจำได้ว่าเมื่อวันก่อนตอนที่กำลังซ้อมกันอยู่รุ่นน้องหัวแดงของเขาเดินหน้าเครียดเข้ามาภายในโรงยิม และพอมิบุจิเข้าไปถามว่าเป็นอะไรก็บอกว่าใครหายนี่แหละ...ตอนนั้นเขาไม่ได้ฟังละเอียดนักเพราะโดนฮิงุจิเรียกไปคุยด้วยพอดีเลยจับใจความได้แค่ว่าเพื่อนอาคาชิหายตัวไปแค่นั้นเอง
“น่าจะมั้งครับ” คุโรโกะตอบรับไปอย่างไม่แน่ใจนัก
“...เฮ้อ~~ แล้วแบบนี่เอาไงต่อดีเนี่ย?” มายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ก็การที่คุโรโกะหลุดมาอยู่นี่กับที่อาคาชิบอกว่าหายตัวไปนั้นเป็นตัวบ่งบอกได้ดีเลยว่า...
...พวกเขานั้นถ้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรือออกไปได้ช้าล่ะก็...เรื่องที่พวกหายตัวมานี่กลายเป็นเรื่องใหญ่ของทางนู้นชัวท์
“ต้องหากระต่ายครับ” คุโรโกะตอบมาสั้นๆ ที่ช่าง...ชวนให้คนผมเงินงงมากมาย
“กระต่าย? อะไรของนายล่ะนั้น?” มายุสุมิขมวดคิ้วเป็นปม
“คือ...ตั้งแต่ผมมาอยู่นี่ผมได้รับข้อความแปลกๆ ส่งเข้ามาในมือถือน่ะครับ...” คุโรโกะอธิบายพร้อมโชว์ข้อความภายในมือถือเครื่องสีฟ้าใสของตนให้อีกฝ่ายดู “...วันแรกที่ผมหลุดมานี่ผมได้ข้อความให้ไปทีโทโอวเพื่อหากล่องสีขาว...ตอนนั่นผมที่หาทางติดต่อทุกคน แถมวิ่งหาคนอื่นๆ แทบทั้งเมืองแล้วไม่รู้จะทำไงเลยลองทำตามข้อความที่ส่งมาดู...
...และพอไปหาตามที่บอกก็เจออยู่จริงๆ ครับ กล่องสีขาวที่ว่าและข้างในมีสร้อยแปลกๆ สีเงินๆ อยู่ จากนั่นก็มีข้อความที่สองก็ส่งมาบอกว่าให้ใส่สร้อยนั่น...แต่ผมไม่กล้าใส่เลยแค่พกไว้เฉยๆ จากนั้นก็ไม่มีข้อความอะไรส่งมาอีกเลย
...พอไม่มีข้อความส่งมาผมก็เริ่มสำรวจหาคนอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ แทนที่จะนั่งรอเฉยๆ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย...ผมจึงเลือกลองที่จะใส่สร้อยเส้นนั้นตามข้อความนั่นดู
...ปรากฏว่ามีข้อความส่งเข้ามาทันทีราวกับรู้ความเคลื่อนไหวของผม ในข้อความล่าสุดก็อย่างที่คุณเห็น...มันเขียนว่าให้ตามหากระต่ายสีขาวในสวนสาธารณะที่นี่ และจะมีผู้ช่วยให้หนึ่งคน ส่วนสร้อยที่ผมสวมอยู่นี่สามารถเทเลพอร์ตให้ผมไปที่ไหนก็ได้แค่จินตนาการถึงสถานที่ให้ออกก็พอ
...เมื่ออ่านข้อความนี่จบผมก็ลองทำตามดูแล้วอยู่ๆ ก็โผล่มาเจอคุณยืนคลั่งอยู่นั่นแหละครับ...ว่าแน่ไม่คิดเลยนะครับว่าผู้ช่วยที่ว่าจะเป็นคุณเนี่ย”
“และถ้าให้เดา...ไอ้ผู้ช่วยนี่คงสุมเลือกจากคนที่อยู่ในสวนสาธารณะพอดีแหง และคนซวยโดนดึงมานี่ดันเป็นฉัน” มายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ “สรุป...หาไอ้กระต่ายอะไรนั่นให้เจอเป็นดีสินะ?”
“ถูกครับ” คุโรโกะพยักหน้ารับ
“โอเค งั้นเริ่มหาเลยเถอะ...กระต่ายสีขาวสินะ? จากที่ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่เลยนี่คงหาง่ายอยู่มั้ง?” มายุสุมิบ่นเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มหาสิ่งมีชีวิตสีขาวขนาดเล็กตามที่ข้อความนั้นบอก เช่นเดียวกับคุโรโกะที่เริ่มมุดหาตามจุดต่างๆ เหมือนกัน...ทุกอย่างนั้นดูเป็นไปตามปกติดี แต่พอผ่านไปได้สักยี่สิบนาทีก็...
“มายุสุมิซัง...คุณอยู่ไหนครับเนี่ย!?” ...ดันมีคนหายจ๋อมไปเสียแล้ว “มายุสุมิซัง! อยู่ไหนครับ! ตอบผมหน่อย! มายุสุมิซัง!!!”
...อย่าทิ้งผมไว้ที่บ้าๆ นี่คนเดียวนะครับ! เห็นหน้าผมนิ่งๆ แต่ผมก็กลัวนะครับ!...
“มายุสุมิซัง! ได้ยินผมไหม!? มายุสุมิซัง! ตอบผมหน่อยสิวะครับ!!!” คุโรโกะตะโกนเรียกอย่างหงุดหงิดปนหวาดกลัวว่าจะถูกทิ้งไว้ที่แห่งนี้คนเดียว แต่แล้ว...
“อยู่นี่! ฉันอยู่นี่!” ...ก็มีเสียงตอบกลับแว่วๆ ดังมาจากหลังพุ่มไม้
“มายุสุมิซัง?” ทางคุโรโกะเองเมื่อได้ยินเสียงก็รีบมุดไปดูหลังพุ่มได้ทันทีและพบ...กับหลุมขนาดใหญ่ชนิดที่ว่าเหมือนมีใครมาขุดเจาะน้ำบาดาลไว้ “คุณอยู่ในนั้นเหรอครับ!? มายุสุมิซัง!?”
“เออดิ! ช่วยหาอะไรย่องลงมาที!!! ฉันปีนขึ้นไปทั้งๆ แบบนี้เองไม่ได้นะเฟ้ย!!!” เสียงที่แฝงด้วยความหงุดหงิดของมายุสุมิแว่วตอบกลับมา
“โอเคครับ! เดี๋ยวผมมานะครับ!” คุโรโกะเอ่ยพลางคิดว่ามีอะไรบ้างที่สามารถนำมาดึงตัวคนผมเงินขึ้นจากหลุมได้อย่างรีบเร่งและรีบเทเลพอร์ตไปยังที่นี่หนึ่งก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับ...สายดับเพลิง “กลับมาแล้วครับ! รอสักครู่นะครับมายุสุมิซัง! อย่าเพิ่งขาดใจตายในหลุมนะครับ!”
“คำพูดจะดูดีมากเลยถ้าไม่มีคำท้ายเนี่ย! ไอ้เด็กบ้า!” เสียงโวยของมายุสุมิดังขึ้นมาจากก้นหลุมอย่างชัดเจน
“อย่ามัวบ่นกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลยครับ” คุโรโกะมันปลายสายยางกับเสาไว้ และเมื่อมั่นใจว่ามัดแน่นดีแล้วก็โยนปลายอีกด้านลงไปในหลุม “ระวังหัวด้วยนะครับ!”
“เหวอ! นี่นายเล่นสายดับเพลิงเลยเหรอ!?” เสียงมายุสุมิดังขึ้นอีกครั้ง
“ก็ผมนึกสายที่มันยาวๆ ออกแค่นี้นิครับ” คุโรโกะตอบไป “แล้วคุณล่ะครับ? คิดว่าปีนขึ้นมาได้ไหมครับ?”
“ได้ๆ คิดว่านะ” มายุสุมิตอบกลับมาเช่นนี้ก่อนที่จะตามด้วยเสียงเหมือนคนออกแรงอย่างหนักตามมา...จากนั้นราวๆ สิบนาทีร่างของคนผมเงินก็ขึ้นมาสู่เบื้องบนได้สำเร็จ “โอ๊ย...เกือบตาย คราวก่อนเห็นฮายามะมันตกหลุมไหงมันปีนขึ้นมาได้เหมือนง่ายๆ ฟะ?”
“ไม่รู้สิครับ โดนมิยาจิซังตื้บจนมากอึด ถึก อดทนสูงกว่าชาวบ้านชาวช่องมั้งครับ” คุโรโกะลองคาดเดาดูเล่นๆ
“อาจจะแฮะ ล่าสุดเห็นมันโดดลงจากชั้นสองเฉยเลย” มายุสุมินอนแผ่กับพื้นอย่างหมดแรง
“นับวันฮายามะซังนี่ยิ่งดูเกินคนขึ้นทุกทีนะครับ ว่าแต่...ทำอีท่าไหนตกหลุมได้ครับเนี่ย?” คุโรโกะมองคนผมเงินที่นอนแผ่กับพื้นเอ่ยถามอย่างสงสัย
“พอดีเห็นไอ้กระต่ายบ้านั้นมันโดดมาทางนี้เลยวิ่งตามมา...ดูท่ามันจะรู้ทางหนีเลยโดดข้ามหลุมปล่อยให้ฉันตกไปคนเดียวเนี่ย” มายุสุมิถอนหายใจเฮือก...จับได้เมื่อไหร่พ่อจะทำซุปกระต่ายกินเลย! ค่อยดู!
“งั้นเหรอครับ...แล้วตกลงไปเนี่ยบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?” คุโรโกะไม่คิดว่าตกหลุมลึกขนาดแทบมองไม่เห็นก้นหลุมเนี่ยจะไม่เป็นอะไรเลยหรอกนะ
“นอกจากหินบาดก็ไม่ โชคดีที่ด้านล่างเหมือนจะมีเบาะลมอยู่น่ะ” มายุสุมิเอ่ย
“เบาะลม? ไปอยู่ก้นหลุมได้ไงครับนั่น?” คุโรโกะขมวดคิ้วเป็นปม
“จะไปรู้เหรอ!” มายุสุมิก็ไม่รู้เหมือนงานนี้
“อย่าเพิ่งหัวเสียสิครับ ผมไม่ได้คิดจะกวนคุณเล่นหรอกครับแต่ว่า...ทุกอย่างมันดูเหมาะเจาะเกินไปเฉยๆ ครับ...” คุโรโกะรีบอธิบายก่อนได้รับมะเหงกจากคนอายุมากกว่า “...เหมือนกับว่า...มีคนจงใจให้มีใครสักคนมาตกหลุมนี่อย่างนั้นแหละ”
“ถ้าเป็นงั้นจริงมันจะทำหาขนมจีบอะไรเนี่ย?” มายุสุมิลุกขึ้นนั่ง “หรือว่าแค่อยากเห็นคนกริ้ดแต๋วแตก?”
“ไม่มั้งครับ นั่นดูออกจะไร้เหตุผลไปหน่อยนะครับ” คุโรโกะส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะชะงักเมื่อดวงตาสีฟ้าใสสังเกตเห็นบางอย่างเข้า “มายุสุมิซัง...อยู่นิ่งๆ นะครับ มีอะไรติดหลังคุณอยู่แหน่ะ”
“อะไรอีกล่ะ?” มายุสุมิถึงปากจะบ่นแต่ก็ยอมนั่งนิ่งๆ ให้คนผมฟ้าแกะสิ่งที่ติดหลังตนออก
“น่าจะเป็นจดหมายครับ” เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยพร้อมกับคลี่กระดาษในมือออก “ในนี่เขียนว่า... ‘เมื่อเจอจดหมายนี่แสดงว่าตกลงไปในหลุมบ๊องนี่แล้วสินะ? และคงยังจับกระต่ายนั้นไม่ได้ด้วย ดังนั่นขอแนะนำอย่างหนึ่งคือ...จับกระต่ายนั่นให้ได้แล้วโดดลงมาในหลุมนี่อีกที มันจะเชื่อมไปยังด่านสุดท้าย’ น่ะครับ”
“คราวนี่แปลกๆ แฮะ แล้วไหงคราวนี้มาเป็นกระดาษแทนข้อความเนี่ย?” มายุสุมิขมวดคิ้วเป็นปม
“นั้นสิครับ...อ่ะ! มีต่อปล. ด้วยครับ...” ดวงตาสีฟ้ากวาดมองถ้อยคำที่เขียนบนแผ่นกระดาษ “...มันเขียนว่า ‘เนื่องจากอีกสามนาทีสัญญาณทุกอย่างจะถูกตัดขาด เพราะงั้นต่อจากนี้จะมาเป็นจดหมายแทน’ ครับ”
“สัญญาณ? แสดงว่าติดต่ออะไรผ่านมือถือก็ไม่ได้แล้วสินะ?” มายุสุมิค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “แบบนี่คงต้องรีบหาทางออกเร็วขึ้นแล้ว ชักกลัวๆ ว่าปล่อยไปนานๆ มีแววจะมาเป็นแผ่นสลักหินชอบกล”
“ก็พูดเว่อร์ไปครับ” คุโรโกะเอ่ยพร้อมกับ...
“เฮ้ย! ทำอะไรของนายเนี่ย!?” ...คล้องแขนคนผมเงินเอาไว้
“กันคุณหายครับ” คุโรโกะตอบหน้าตาย “เดี๋ยวไปตกไหนอีกยุ่งเลย”
“ฉันไม่ตกหลุมรอบสองแล้วเฟ้ย! และอย่ามาเกาะแบบนี้ด้วย! ขนลุกเฟ้ย!” มายุสุมิสะบับแขนออกจากมืออีกฝ่ายอย่างไร้เยื่อใย “แค่เดินตามเฉยๆ พอ! ไม่ต้องมาจับมือถือแขนเลย!”
“ไม่สนครับ” คุโรโกะเอ่ยพร้อมเดินตัวติดกับคนผมเงิน
“ไอ้บ้า!” มายุสุมิดันหน้าคนผมฟ้าออก แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่เลิกเกาะหนึบอยู่ดี “ไปห่างๆ หน่อยเซ่!”
“ไม่ครับ” คุโรโกะตอบกลับ
“ถ้านายไม่ยอมไปห่างๆ ฉันไปเองก็ได้ฟะ!” มายุสุมิสะบับหน้าหนีพน้อมสาวเท้ายาวๆ เดินหนีเด็กหนุ่มผมฟ้า
“อ่ะ! รอด้วยสิครับ! มายุสุมิซัง!” คุโรโกะเมื่อเห็นว่าโดนงอน (?) ก็รีบวิ่งตามอีกฝ่ายไปทันทีเพื่อไม่ให้คนผมเงินคลาดสายตาไป
กลับมายังปัจจุบัน
“แล้วไอ้กระต่ายเวรนั้นอยู่ไหนฟะ!?” มายุสุมิที่ขี้เกียจบ่นเรื่องที่คนผมฟ้าเกาะตนไม่ปล่อยแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ “ทั้งๆ ที่ตัวก็ขาดเด่นแท้ๆ ไหงหาไม่เจอเลยเนี่ย!?”
“อาจจะแอบอยู่ก็ได้มั้งครับ” คุโรโกะเอ่ยโดยที่มือนั้น...ยังเกาะแขนคนผมเงินไว้อยู่ “หรือว่าอยู่บนต้นไม้?”
“กระต่ายบ้าอะไรไปอยู่ต้นไม้เล่า!” มายุสุมิสบถเบาๆ แต่ยังอุตสาห์บ้าจี้มองบนต้นไม้จริงๆ ก่อนที่จะชะงักไปเมื่อ... “...ไอ้กระต่ายเวรนี่ปีนต้นไม้ได้จริงๆ เหรอวะเนี่ย!?”
“เอ๋? อยู่จริง?” คุโรโกะลองมองตามอีกคน...เมื่อกี้แค่พูดเล่นๆ คลายเครียด ไหงมันเป็นจริงเนี่ย!? “แบบนี้ต้องปีนขึ้นไปเอาสินะครับ?”
“คงงั้น...” มายุสุมิไม่คิดว่ามีวิธีที่ดีกว่านี่หรอก “...ว่าแต่ใครจะเป็นคนปีน?”
“ผมเองแล้วกันครับ...ให้คนแก่ปีนคงไม่ดีเท่าไหร่” คุโรโกะเอ่ยพลางเดินไปที่โค่นต้นไม้ก่อนที่จะปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว
“ว่าใครแก่วะ!? ไอ้เด็กบ้า!” มายุสุมิทำหน้าบูดบึ้ง
“ใครรับก็คนนั้นแหละครับ” คุโรโกะตอบกลับได้อย่างเจ็บแสบตามปกติพร้อมกระดึบๆ ไปหากระต่ายสีขาวสวยที่กำลังกินใบไม้อย่างสบายใจเฉิบ...มือหยาบจากการเล่นกีฬาค่อยๆ ยื่นไปหากระต่ายน้อย แต่ว่าตอนที่มือกำลังจะไปสัมผัสร่างอันปุกปุยนั่นเอง...
“อ้าวเฮ้ย! ไอ้กระต่ายนี่อยากฆ่าตัวตายหรือไง!?” ...เจ้ากระต่ายน้อยดันกระโดดดึ๋งลงจากกิ่งไม้ไปหาคนผมเงินที่อยู่เบื้องล่าง เด็กหนุ่มยื่นมือไปรับตามสัญชาตญาณและทันทีที่มือสัมผัสกับกระต่ายน้อยก็...มีเสียงดังปุ๊ดดังขึ้นพร้อมกับควันสีขาวปกคลุมรอบตัวคนผมเงิน “อะไรอีกล่ะเนี่ย!? กระต่ายติดระเบิดควันเหรอ!? แล้วไอ้กระต่ายเวรนั้นไปอยู่ไหนเนี่ย!?”
“ไม่ทราบเหมือนกันค...อ้าวเฮ้ย! มายุสุมิซัง!?” คุโรโกะที่ปีนลงต้นไม้วิ่งไปหาคนผมเงินในขณะที่ควันสีขาวค่อยๆ จางลงจนเห็นร่างอีกฝ่ายที่...มีสิ่งที่ไม่ควรมีปรากฏขึ้นมาบนร่าง!!! “บ...บนหัวคุณ...”
“...บนหัว?” มายุสุมิที่เห็นดวงตาสีฟ้าที่จ้องยังตนราวกับเห็นผีเอ่ยทวนอย่างงุนงงก่อนที่จะยกมือแตะๆ บนหัวตนและสัมผัสโดนอะไรนิ่มๆ คล้ายหูสัตว์ “อะไรมาอยู่บนหัวฉันฟะ?”
“เออ...ดูเองเถอะครับ” คุโรโกะที่พยายามดึงสติเข้าร่างเปิดกล้องถ่ายรูปในมือถือตนแล้วเปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายตัวเองยื่นให้มายุสุมิ
“หื้อ? อ...เอ้ย! มันมาอยู่บนหัวฉันได้งายยยยยยย!?” มายุสุมิที่รับมือถือมาอย่างไม่เข้าใจในคราวแรกแว๊ดลั่นเมื่อภาพของตนที่ปรากฏนั่น...ดันมีหูกระต่ายสีขาวโผล่ขึ้นมาเด่นหราบนหัวน่ะสิ! “อย่าบอกนะว่าที่ไอ้กระต่ายตัวนั้นหายไปคือมันเข้าสิงฉันเนี่ย!?”
“อาจจะ...มั้งครับ?” คุโรโกะเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน และในตอนนั้น...ก็มีเครื่องบินกระดาษลำหนึ่งลอยเข้ามาหา “เอ๊ะ? เครื่องบินกระดาษ? มาไงเนี่ย?”
“จะไปรู้เหรอ!” มายุสุมิตอบกลับอย่างหัวเสียพร้อมหาทางเอาหูบนหัวตนออก “โอ๊ย! เจ็บ! นี่มันงอกจากหัวฉันจริงๆ เหรอ!?”
...เขาไม่ใช่สาวน้อยที่มีหูแบบนี้งอกแล้วจะดูดีนะเว้ย!...
“เท่าที่เห็นก็ใช่ครับ” เด็กหนุ่มผมฟ้าคว้าเครื่องบินกระดาษไว้และลองแกะดูด้านใน เนื่องจากเจ้าตัวคาดไว้ว่านี่คือข้อความใหม่ที่ถูกส่งมา...และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อคลี่ออกแล้วเห็นข้อความที่เขียนอยู่บนแผ่นกระดาษ “มายุสุมิซัง...ดูท่าคุณคงต้องทนอยู่ในสภาพนี่จนกว่าจะออกจากที่นี่ได้แล้วล่ะครับ”
“ห๊า?” ดวงตาสีเงินหันขวับไปยังคนผมฟ้า “หมายความว่าไง?”
“ข้อความล่าสุดที่มานี่บอกว่า ‘ผู้ที่ได้สัมผัสกระต่ายสีขาวจะมีหูมีหางงอกออกมา ซึ่งเป็นดั่งตราผ่านไปด่านต่อไป...ทั้งสองท่านกรุณามาหลุมต๊องที่เดิมนั้นและโดดลงไปซะ รับรองว่าโดดลงไปไม่ตายชัวท์ จากนั้นทางจะเปิดให้พวกท่านเอง’ น่ะครับ” คุโรโกะอ่านข้อความในจดหมาย
“สรุป...รีบไปตามที่ข้อความนั้นบอกเป็นดี” มายุสุมิสรุปสั้นๆ ด้วยความปลง...จะมีอะไรซวยกว่านี่ไหมเนี่ย?
“ตามนั้นแหละครับ” คุโรโกะเองก็ไม่คิดว่าจะมีทางเลือกอื่นนอกจากนี้หรอก
“ถ้างั้นไปเถอะ” มายุสุมิเอ่ยพลางยกร่างคนผมฟ้าพาดบ่าและรีบวิ่งไปยังหลุมที่ว่าเนื่องจากถ้าเป็นไปได้ก็อยากออกจากที่นี่ให้ได้เร็วๆ ...เพียงไม่ถึงห้านาทีทั้งสองก็มาถึงยังหลุมแห่งเก่าแห่งเดิม
“...ต้องโดดจริงๆ เหรอครับ? ปีนลงไปเอาไม่ได้เหรอครับ?” ดวงตาฟ้าใสมองไปยังหลุมที่มองไม่เห็นก้นอย่างหวั่นไหว
“คงไม่ได้หรอกมั้ง...เล่นขนาดเอาป้ายมาปักเนี่ย” เด็กหนุ่มผู้มีหูกระต่ายโผล่มาบนหัววางตัวคนผมฟ้าลงพลางเหล่มองป้ายที่ปักใกล้ๆ ปากหลุมว่า ‘โปดรโดดลงเอา อย่าปีนลง ขี้เกียจรอบวกกับปุ่มที่จะทำให้กดไกประตูเปิดคือไอ้เบาะลมนั้น ต้องกระแทกแรงๆ ถึงจะเปิดออกและจะมีระบบตรวจหากระต่ายขาวเป็นบัตรผ่านต่อไป’ ให้เห็นชัดๆ ไปเลย
“ว่าแต่เอามาปักตอนไหนเนี่ย? ผมจำได้ว่าตอนแรกไม่มีป้ายนี่นะครับ?” คุโรโกะเริ่มชักกลัวไอ้คนทำเรื่องนี่ชอบกล...ไหนจะเรื่องที่หลงมาในที่แปลกๆ ข้อความที่ถูกส่งมา กระต่ายประหลาด แถมยังป้ายนี่อีก...
...มันชวนหลอนนิดๆ จริงๆ งานนี้
“เรื่องป้ายน่ะช่างหัวมันเถอะ รีบๆ โดดลงไปเร็วเถอะน่า!” มายุสุมิเอ่ยพร้อมกับ...โดดลงหลุมไปอย่างอาจหาญ
“อ้าว! อย่าทิ้งผมสิครับ! มายุสุมิซัง! รอผมด้วยสิ!!!” คุโรโกะที่เห็นว่าโดดทิ้งให้อยู่คนเดียวรีบโดดตามลงไป
“...บางทีนี่มันก็ชวนเหวอได้เหมือนกันแฮะ” เสียงบ่นราวคนวิญญาญหลุดออกจากร่างดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมเงิน ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมมองไปรอบๆ ด้วยสายตาว่างเปล่ากับ...สถานที่ที่ไม่ต่างจากสวนสนุกเลยเนี่ย!
“เปลี่ยนจากเหวอเป็นปวดจิตเถอะครับ” คุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี่ที่พวกตนโดดลงหลุม...ตอนที่ตกลงไปถึงพื้นแล้วกระแทกเบาะลมก็ปกติดีหรอก แต่หลังจากนั่นนี่สิดันเห็นประตูบานหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมาจากม่านหินและพอเปิดประตูนั่นดูดันกลายเป็นว่ามาโผล่ที่นี่ซะได้! “แล้วนี่จะไปไหนกันต่อดีครับเนี่ย? หวังว่าคงไม่ได้จะให้เล่นเครื่องเล่นพวกนี่ให้หมดหรอกนะครับ?”
“ถ้าใช่ล่ะก็...กว่าจะเล่นหมดคงหลายสัปดาห์ล่ะ” มายุสุมิไม่คิดว่าเครื่องเล่นเยอะขนาดนี้จะเล่นหมดได้ง่ายๆ หรอก
“ผมก็ว่างั้น” คุโรโกะไม่เถียงหรอกเรื่องนี้
“...เอาเป็นว่า...ลองไปหาแผ่นที่ของที่นี่ไหม? เผื่อได้อะไรเพิ่มเติม” มายุสุมิลองเสนอความเห็นดู
“ดีเหมือนกันครับ” คุโรโกะพยักหน้ารับ ทางมายุสุมิเมื่อได้รับคำตอบก็พากันเดินไปยังจุดที่น่าจะมีแผนที่ของที่นี...และไม่ถึงห้านาทีก็เจอบอร์ดที่ติดแผ่นที่ไว้จริงๆ พร้อมมีกระดาษแผ่นหนึ่งติดไว้ข้างๆ ว่า ‘ภารกิจต่อไปที่ท่านต้องทำคือต้องไปตามห้าสถานที่ที่กำหนดไว้แล้วเล่นเครื่องเล่นให้ครบ ถ้าครบเมื่อไหร่ท่านก็จะสามารถกลับโลกเดิมของท่านได้ ขอให้โชคดี’ “...ดูท่าเราต้องเล่นเกมจริงๆ นะครับ”
“เอาเถอะ...คิดแง่ดี อย่างน้อยก็แค่ห้าอย่างล่ะ...” มายุสุมิเอ่ยพลางกวาดตามองวงกลมสีแดงที่ถูกเขียนไส้บนแผ่นที่เลขกำกับ “...ที่แรกที่ต้องไปคือ...บ้านผีสิง?”
“...ที่แรกบ้านผีสิง จุดที่สองรถไฟเหาะ จุดที่สามเกมเซ็นเตอร์ จุดที่สี่สรีทบาส จุดที่ห้าบ้านคู่รัก...ใช่อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกเนี่ย?” คุโรโกะขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ใช้เกณฑ์อะไรไม่รู้ รู้แค่ว่าฉันเริ่มเสียวๆ ว่าจะมีเรื่องชวนจิตตกมาอีกชอบกล” ถึงไม่รู้ว่าคนที่พาพวกตนมาที่นี่มีจุดมุ่งหมายอะไรแต่มายุสุมิสังหรณ์ว่าความซวยจะมาตกที่ตนชอบกล
“อย่าพูดเป็นลางสิครับ” คุโรโกะเอ่ยเชิงดุคนอายุมากกว่า
“เออๆ” มายุสุมิขานรับส่งๆ อย่างคนขี้เกียจเถียง “งั้นไปจุดแรกเลยเถอะ จะได้รีบๆ ออกไปจากที่นี่เสียที”
“แหม รีบจังนะครับ...กลัวว่าอยู่กันสองคนนานๆ ผมจะขืนใจคุณหรือไงครับ?” คุโรโกะเอ่ยแบบน้อยใจนิดๆ
“แค่ก! จะบ้าเหรอ! ใครจะไปกลัวเรื่องแบบนั้นห๊า!?” มายุสุมิค้อนใส่คนผมฟ้า ดวงหน้าใสขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยกับเรื่องน่าอายที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย “รีบๆ ไปที่จุดแรกได้แล้ว! อย่ามัวเล่น!”
...และถ้าพูดเล่นชวนเส้นกระตุกอีกรอบ...คราวนี้มีถีบจริงนะเว้ย!!!...
“ครับๆ” คุโรโกะรับด้วยสีหน้าขำๆ กับคนซึนที่ยามนี่หาความน่ากลัวไม่เจอเลยแม้แต่น้อย “ไปกันเถอะครับที่รัก♡”
“ที่รักกะผีสิ! นี่ยังเล่นไม่เลิกอีกเหรอ!?” มายุสุมิแยกเขี้ยวใส่ตัวเล็กกว่าที่มาคล้องแขนตนไว้ “ปล่อยนะเว้ย! ขนลุก!”
“แหมๆ อย่าเขินไปเลยครับ~~~” คุโรโกะเริ่มสนุกกับท่าทีของอีกฝ่ายแหย่ต่อไป “น่ารักจริงๆ นะครับ~~~~”
“น่ารักกับแมวเด้!” มายุสุมิดันหน้าอีกฝ่ายออก “นี่ตอนโดดลงหลุมมานี่หัวกระแทกอะไรมาหรือไง!? ถึงทำตัวเพี้ยนๆ เนี่ย!?”
“ไม่ได้หัวกระแทกอะไรหรอกครับ~~~~” คุโรโกะยิ้มร่าก่อนที่จะเลิกแกล้งอีกฝ่ายเล่นเนื่องจากกลัวว่าคนผมเงินจะเข้าใจว่าตนเพี้ยนจริงๆ ...ถึงแม้ใจจริงอยากแกล้งต่อก็เถอะ “เอ้าๆ เลิกเล่นแล้วครับ...เรารีบไปที่บ้านผีสิงกันเถอะครับ”
“เออๆ! รู้แล้ว! อย่าลากดิ!” มายุสุมิที่ถูกคนผมฟ้าจูงแขนไปโวยเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดิมตามอีกฝ่ายแต่โดยดี จนมาถึงยังจุดหมายที่หนึ่งซึ่ง... “นี่มันบ้านผีสิงหรือบ้านขนมฟะ!? ไหงหวานซะ!”
...เป็นบ้านสีชมพูหวานแหววราวบ้านตุ๊กตาที่มีป้ายด้านบนเขียนไว้ว่า ‘บ้านผีสิง’ เด่นหราอยู่
“เอาตามความคิดผม...เหมือนบ้านขนมมากกว่าครับ” คุโรโกะมองสถานที่ตรงหน้าอย่างอึ้งๆ “คนสร้างนี่ถ้าตอนสร้างไม่มีความคิดแหวกแนวก็คงเมาล่ะมั้งครับเนี่ย”
“ฉันว่าข้อหลังนะ” มายุสุมิคุมขมับอย่างรับไม่ได้กับบ้านผีสิงสีชมพูนี่จริงๆ “เฮ้อ...เอาเถอะ รีบๆ เข้าไปให้เสร็จๆ เถอะ ฉันไม่อยากยืนอยู่ตรงนี่นานๆ ให้เสียสุขภาพจิตหรอกนะ”
“ผมเองก็ว่างั้นแหละครับ” คุโรโกะที่รู้สึกหลอนกับบ้านผีสิงที่ดูไม่ใช่บ้านผีสิงนี่เหมือนกันพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูบ้านสีชมพูออกซึ่งทำให้เห็นว่าด้านในนั่น...มีสภาพราวกับเคยเป็นสถานที่เกิดไฟไหม้อย่างไรอย่างนั้น! “ผมว่า...คนสร้างที่นี่คงแค่แหวกแนวนะครับ ไม่ได้เมาหรอกเล่นมามุขนี่เนี่ย”
“...ทำเอาปรับอารมณ์ไม่ทันเลยแฮะ” มายุสุมิยกมือนวดขมับตน
“เห็นด้วยเลยครับ...ยังกับกำลังดูหนังโรแมนติกแล้วอยู่ตัดฉากไปหนังผีเลยครับ...” คุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางเดินเข้าไปในตัวบ้าน “...หวังว่าพอเข้าไปคงไม่เจออะไรชวนจิตตกอีกนะครับ”
“ฉันก็หวังว่างั้นเหมือนกัน” มายุสุมิถอนหายใจออกมาอีกคนก่อนที่จะเดินตามคนผมฟ้าเข้าไปในบ้านผี
ภายในบ้านผีสิงแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยคราบสีดำพร้อมกลิ่นเหม็นไหม้คล้ายกับว่าถูกไฟไหม้และเพลิงเพิ่งมอดไปได้ไม่นาน ตามผนังมีรอยแห้งกั้กสีแดงๆ คล้ายรอยเลือด รอยคล้ายถูกของมีคมฟันและรอยเท้าขนาดใหญ่ที่ไม่น่าไปอยู่บนผนังได้...โดยรวมช่างเหมือนกับหนังสักเรื่องที่มีฆาตกรมาฆ่าคนในบ้านก่อนจุดไฟเผาอำพลางคดี แล้วจากนั้นบ้านก็กลายเป็นบ้านผีสิงเลย แถมยังมีออฟชั่นเสริมเป็นไอเย็นประหลาดที่ชวนให้ขนลุกอีก
“ข้างนอกกับข้างในบรรยากาศต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยวุ้ย!” เด็กหนุ่มผมเงินบ่นขึ้นมาเบาๆ พลางมองไปรอบๆ “แล้วเอาไงต่อ? ไอ้บ้านผีนี่เท่าที่ดูก็ไม่เห็นจะมีป้ายทางเข้าทางออกเลยนิ? อย่าบอกนะว่าให้เข้ามาแค่นี้ก็ออกแค่นั้นจบน่ะ?”
“ผมว่าไม่แค่นั้นหรอกครับ” คนผมฟ้าเอ่ยพร้อมลองบิดลูกบิดประตูที่ตนเข้ามาเมื่อครู่ “เพราะถ้าให้ออกทางเดิมได้ประตูคงไม่เป็นแบบเปิดได้แต่จากด้านนอกแบบนี้หรอกครับ...ถ้าให้เดาผมว่าคงต้องออกประตูหลังล่ะครับ”
“ถ้าง่ายแค่นั้นก็ดีดิ...” มายุสุมิกรอกตาไปมาก่อนที่จะชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นแผ่นกระดานสีขาวที่ดูใหม่กว่าอย่างอื่นภายในบ้านเข้า “...อ่ะ? มีป้ายด้วย...อื้อ ‘กฏภายในบ้านผีสิง’ มีกฏด้วยเหรอฟะ? แถมยาวซะ!”
“อย่าเพิ่งบ่นสิครับ ผมว่าเรารีบอ่านให้เข้าใจก่อนมีอะไรลอยมาหาเถอะครับ...ผมมั่นใจว่าเล่นมีป้ายเด่นหร่าแบบนี้ต้องมีอะไรชวนหัวใจวายตายในบ้านนี่แน่ครับ” ดวงตาสีฟ้าค่อยๆ ไล่มองตามตัวอักษรบนแผ่นกระดานอย่างเคร่องเครียด “ถึงกฏเขียนยาวไปหน่อย แต่สรุปง่ายๆ มีแค่ 2 ข้อครับ...
...ข้อแรกคือให้เดินหาทางลับตรงชั้นสองที่เชื่อมไปยังทางออกจากบ้าน
...ข้อสอง...อย่าให้ผีภายในบ้านนี่พาตัวไปได้ ไม่งั้นอาจไม่ได้ออกจากบ้านนี่ตลอดกาล
...เท่าที่สรุปได้เนี่ย...บ้านนี่อันตรายพอสมควรเลยนะครับ”
“ไม่แค่พอสมควรล่ะ...อันตรายโคตรเลยต่างหาก...” มายุสุมิเอ่ยเสียงเบาลง เพื่อกันไม่ให้ผีในบ้านผีสิงนี่มาเจอตัว “...เอาเป็นว่าเราพยายามทำตัวจืดจางไว้แล้วกัน เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“ความคิดดีครับ มายุสุมิซัง” คุโรโกะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ...
...หวังว่า...พวกเขาจะออกไปได้โดยสวัสดิภาพนะ?...
“ให้เถอะ...เล่นซะเกือบแย่เลยวุ้ย! ไอ้แต่ล่ะอย่างที่ให้ไปนี่อันตรายจริงๆ!” เสียงบ่นอุบอิบดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมเงินไม่ขาดสาย
“นั่นสิครับ...แต่ล่ะอย่างเนี่ยสุดๆ จริงๆ” เด็กหนุ่มผมฟ้าถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางนึกถึงเรื่องที่พวกตนเพิ่งเผชิญมาเมื่อไม่นานมานี่...ชวนหัวใจวายตายทั้งนั้น...
...ไม่ว่าจะบ้านผีสิงที่ผีในบ้านนั่นราวกับฆาตกรโรคจิตที่ถือมีดไว้เตรียมเชือด...ยังดีที่อันนี่พวกเขาจืดจางพอที่จะทำให้ผีในบ้านผีสิงหาตัวไม่เจอ
...รถไฟเหาะที่ไร้สายคาด ต้องเกาะกันเอาเองไม่งั้นได้ร่วงจากความสูงหลายเมตร...เล่นซะทำเอาต้องหาที่เกาะกันยกใหญ่
...เกมเซนเตอร์นี่ให้เล่นเกมคีบตุ๊กตา ถ้าพลาดหนึ่งครั้งจะมีกับดักคอยเล่นงาน...ซึ่งแน่นอนเขาเล่นเกมแบบนี้เก่งอยู่แล้วเลยรอดไป
...ส่วนที่สตรีทบาสก็มีหุ่นยนต์มาเป็นคู่แข่งและต้องพยายามทำให้ได้แต้มก่อนคู่แข่งไม่งั้นจะโดนไฟฟ้าแรงสูงซ็อก...แถมไอ้หุ่นนี่ก็โกงครบสูตรเลย ทำให้พวกเขาเกือบแย่เหมือนกัน แต่พอดีมีดีกรีเป็นนักบาสกันอยู่แล้วเลยพอเอาตัวรอดได้
...และอันสุดท้ายบ้านคู่รักเนี่ยยังไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง...หวังว่าจะไม่ชวนให้หัวใจวายอีกนะ
“เฮ้อ...เหลืออีกที่เดียวสินะ...” มายุสุมิบิดตัวไปมา “...คราวนี่จะเป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย?”
“ไม่ทราบครับ รู้แค่ว่าคงไม่เหมือนบ้านคู่รักแบบปกติแน่ครับ” คุโรโกะกล้าพนันเลยว่า...หาความปกติไม่เจอชัวท์!
“อันนั่นไม่บอกก็รู้” มายุสุมิเองก็ไม่คิดว่าไอ้ที่สุดท้ายมันจะปกติหรอก “แถมอาจหนักกว่าอันก่อนๆ อีกต่างหาก”
“อย่าพูดเป็นลางสิครับ” คุโรโกะเอ่ย
“เออๆ โทษที” มายุสุมิตอบกลับไปแบบส่งๆ “แล้วนี่...จะไปไอ้ที่สุดท้ายนั้นเลยไหม? หรือนั่งทำใจก่อนดี?”
“เอาตามใจจริงคืออยากทำใจก่อนครับ แต่ดูท่าจะไม่ได้แล้วล่ะครับ...” คุโรโกะยิ้มแห้งๆ ออกมาเมื่อเงยหน้ามองบนฟ้า “...เพราะดูท่า...มันจะมาบริการถึงที่แล้วล่ะครับ”
“ห๊า?” มายุสุมิหลุดร้องออกมาอย่างงุนงงก่อนที่จะได้คำตอบในเวลาต่อมาเมื่อ...
โครม!!!
...อาคารชั้นเดียวหนึ่งหลังตกลงมาตรงหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองพอดีเด๊ะ!
“...นี่มันยกมาส่งถึงที่เลยเหรอฟะ!?” มายุสุมิเริ่มอยากเป็นลมขึ้นมาตงิดๆ ...ถ้าเจอไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขามาเจอเรื่องแบบนี้ล่ะก็ขอตื้บสักที่เถอะ! ข้อหาทำให้เขาปวดจิตปวดใจเนี่ย!
“ไม่ได้มาส่งหรอกครับ แต่มันลอยมาเองต่างหากครับ” คุโรโกะที่เห็นตั้งแต่อาคารหลังนี่ลอยมาส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยใจพลางเดินไปที่หน้าประตู “เรารีบเข้าไปเถอะครับ ก่อนที่จะมีตัวอะไรแปลกๆ มาลากเข้าไปแทน”
“...” มายุสุมิไม่ตอบอะไร คาดว่าคงปวดขมับกับอาคารนี่ที่ลอยมาหาอยู่ แต่ก็ยังยอมเดินตามคนผมฟ้าไปและ...
ปัง!!! ปุ๊ดๆ!
...เพียงทั้งสองก้าวพ้นประตูทางเข้ามา ประตูก็ถูกปิดลงอย่างแรงพร้อมกับมีเสียงประทั่งดังขึ้น สายรุ้งเส้นน้อยใหญ่ตกลงแปะบนหัวสีเงินเต็มๆ ส่วนคนผมฟ้ารอดจากการโดนสายรุ้งแปะหัวเนื่องจากมันไปติดบนหัวคนผมเงินหมด
“...คราวนี้มาแนวงานฉลองหรือไง?” มายุสุมิบ่นอุบอิบพลางมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
“ถ้าแค่จัดงานฉลองจริงก็ดีสิครับ” คุโรโกะเอ่ย
“นั้นสิเนอะ” มายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ
‘อ้าวๆ อย่าเพิ่งปลงสิครับท่าน! ร่าเริงหน่อยสิ! นี่เกมสุดท้ายแล้วนะ!’ เสียงประกาศตามสายที่ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองสะดุ้งโหยง ‘อ่ะ! อย่าทำทีเหมือนเจอผีแบบนั่นสิครับ! มันน่าน้อยใจนะ!’
“จะน้อยจงน้อยใจก็น้อยไปสิ! ไม่สนหรอก!” มายุสุมิเถียงกลับอย่างหัวเสีย
“ใจเย็นๆ สิครับมายุสุมิซัง...อย่าเถียงกับคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าโผล่หน้ามาให้เห็นแบบนี่เลยครับ” คุโรโกะเอ่ยจาวาที่ช่างเชือดเฉือดใจคนที่กล่าวถึงยิ่งนัก
‘อูย~~~ เจ็บกระดองใจเอ๋ยเจ็บกระดองใจ~~~~ ไหงพูดจาทำร้ายกันแบบนี้ล่ะ~~~~’ เสียงโอดครวญจนน่าถีบสักทีสองทีดังขึ้น ทำให้คนฟังเริ่มอยากถีบต้นเสียงสักเปรี้ยงจริงๆ
“กรุณาเลิกทำตัวน่าถีบแล้วบอกเกมสุดท้ายมาได้แล้วครับ พวกผมจะได้รีบกลับไปกันเสียที” คุโรโกะทำเสียงดุ
‘จ้า~~~ ...เล่นนิดๆ หน่อยๆ บ่นจริง...’ เสียงดังขึ้นอย่างอ้อมแอ้ม ‘...เอาเป็นว่าง่ายๆ นะครับ...ขั้นแรกพวกคุณเห็นแท่งไม้ที่เสียบไว้ตรงกระถางต้นไม้บนโต๊ะไหมครับ?’
“เห็นสิ ตาไม่ได้บอดนิ” มายุสุมิตอบกลับ
‘ไม่กัดผมสักนิดจะได้ไหมครับเนี่ย?’
“ไม่ได้!” เด็กหนุ่มทั้งสองตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง...ถือเป็นการแก้แค้นที่ทำเอาพวกเขาเกือบตายแล้วกัน!
‘ใจร้ายกันจัง...เอ้าๆ ช่างเถอะ มาต่อกันเลยครับ...’
“ก็ว่ามาสิครับ รอใครตัดริ้บบิ้นล่ะครับ?” คุโรโกะเอ่ย
‘พูดจาแต่ล่ะคำเล่นทำเอาอยากจะไปนอนกระซิกๆ กับพื้นจริงๆ ครับ...อ่ะ! ไม่เล่นแล้วๆ! อย่าเตรียมกัดผมสิครับ! ต่อไปพวกคุณต้องดึงไม้ออกมาจากกระถางคนล่ะแท่งครับ!’
“...หวังว่าดึงแล้วคงไม่มีตัวอะไรโผล่มางับมือนะ” มายุสุมิถึงผากจะบ่นแต่ก็ยอมดึงแท่งไม้ที่ว่าออกจากกระถาง
“คงไม่หรอกครับ...แต่ถ้ามีเดี๋ยวผมสวมวิญญาณอาคาชิคุงช่วยคุณเองครับ” คุโรโกะเอื้อมมือไปดึงแท่งไม้อีกคน
“เอาตัวเองให้รอดก่อนมาช่วยคนอื่นเถอะ และไม่ต้องสวมวิญญาญไอ้จูนิเบียวนั่นเลย มีคนเดียวก็ปวดหัวจะตายแล้ว” มายุสุมิที่ไม่อยากเจอสิ่งสยองขวัญ (?) เอ่ยห้ามก่อนที่อีกฝ่ายคิดจะเลียนแบบรุ่นน้องหัวแดงของตนขึ้นมาจริงๆ
“ระวังถ้าอาคาชิมาได้ยินจะเจอกรรไกรบินนะครับ” คุโรโกะเตือนด้วยความหวังดี
“แล้วเรื่องอะไรจะไปพูดให้ได้ยินล่ะ? และถึงได้ยินเรื่องอะไรจะอยู่ให้โดน?” มายุสุมิไม่คิดว่าตัวเองบ้าพอที่จะยืนรอมัจจุราชสีแดงเอากรรไกรปักหัวเฉยๆ หรอก
‘เฮ้ๆ อย่าเมินกันสิ กำลังเล่นเกมกันอยู่นะ’
“ก็ได้ๆ เลิกทำเสียงอ่อมแอ้มเถอะ...ขนลุก” มายุสุมิเบ้หน้าน้อยๆ
‘ใจร้าย...เอาเถอะๆ มาต่อกันเลย...’ เสียงเก่าเสียงเดิมเอ่ยคล้ายว่ากลัวโดนกัดอีกดอก ‘...ต่อไปก็...คนที่จับได้ปลายไม้สีแดงถอดเสื้อผ้าออกให้หมดซะ’
“ห๊า!?” เด็กหนุ่มทั้งสองหลุดร้องออกมาพร้อมกันก่อนที่จะก้มมองแท่งไม้ในมือของตนเอง
‘ไม่ต้องห๊าเลย ก็ตามที่บอกนั่นแหละ...ได้ไม้สีแดงให้ถอดเสื้อถอดผ้าให้หมด ไม่งั้นเดี๋ยวมีแมลงกินผ้าไปเกาะกินผ้าตามตัวแทนนะ~~~’
“ไม้ต้องมาย้ำเลยเฟ้ย!” มายุสุมิทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เป็นดั่งตัวที่บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวได้ปลายไม้สีอะไร “นี่...ต้องถอดหมดจริงดิ? เหลือสักตัวก็ไม่ได้เหรอ?”
‘ไม่ได้ครับ มันเป็นกฎ’
“...” มายุสุมิชักเริ่มอยากกัดลิ้นตัวเองตายแล้วสิ...นี่มันซวยบรรลัยเลย! ให้ตายเถอะ!
‘เหลือเวลาอีกสิบวิ~~~ ถ้าไม่รีบถอดแมลงจะมาแล้วนะ~~~~’
“นี่จับเวลาด้วยเหรอ!?” มายุสุมิสะดุ้งเฮือกขณะเดียวกันหูก็พลันได้ยินเสียงหวี่ๆ ของแมลงอะไรสักอย่างที่...น่าจะตัวใหญ่พอสมควร...
...และนั้นก็มากพอที่จะทำให้มายุสุมิยอมทำตามคำสั่งไปเพื่อสวัสดิภาพของตนเอง...ถึงแม้จะอายจนแทบมุดดินหนีก็ตามเถอะ
‘โอ้ กล้าดีจังนะครับ...คิดว่าจะไม่ยอมถอดจนกว่าแมลงมันจะมาเสียอีก’
“เงียบไปเลยไอ้โรคจิต! และนายก็อย่าจ้องนักสิ! ไอ้เด็กบ้า!” มายุสุมิโวยกับคนที่ได้ยินแค่เสียงก่อนที่จะหันไปโวยคนผมฟ้าที่จ้องตนตาไม่กระพริบต่อด้วยใบหน้าแดงแจ๋ มือไม้ขาเขอนั้นก็พยายามปกปิดส่วนสำคัญให้ได้มากที่สุด หูกระต่ายสีขาวที่ยังไม่หายไปจากบนหัวสีเงินลู่ลงบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวในยามนี่ได้ดียิ่งนัก “และเลือดกำเดาไหลเป็นทางแล้ว! รีบเช็ดเลยเฟ้ยไอ้หื่น!”
“อ...อ่ะ! ครับ!” คุโรโกะที่เพิ่งรู้ตัวว่าเลือดนั้นไหลออกจากจมูกตนเป็นสายจนจะยอมเสื้อตนเป็นสีแดงแล้วรีบหยิบกระดาษทิชชูที่อยู่ใกล้ๆ มาอุดจมูกทันที
‘แหมๆ ไม่ทันแต่งก็กลัวเมียแล้วรึ?’
“ใครเมียหมอนี่ห๊า!? / ผมกับมายุสุมิซังไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับ!” เด็กหนุ่มทั้งสองเถียงกลับด้วยใบหน้าแดงแจ๋...
...แล้วนี่เขาจะอายทำขนมอะไรเนี่ย!?...
‘ปากบอกว่าไม่ แต่หน้าเนี่ยตรงกันข้ามเลยนะครับ...’ เสียงจากลำโพงเอ่ยเย่าแหย่เด็กหนุ่มทั้งสอง ‘...หว่าๆ อย่าเพิ่งทำหน้าเหมือนอยากพังลำโพงสิครับ เอาเป็นว่ามาเล่นเกมกันต่อเลยครับ...ต่อไปคนได้สีฟ้าจับหางสีแดง’
“อ...เอ๋? ผม?” คุโรโกะชี้ที่ตนเองอย่างงงๆ
“มีกันแค่นี้จะหมายถึงใครล่ะฟะ!?” มายุสุมิค้อนใส่คนผมฟ้าที่ทำตัวเอ๋อผิดเวลาไปหน่อย
“เออ...ขอโทษครับ...” คุโรโกะที่ยังเอ๋อๆ กับสิ่งที่ตนต้องทำอยู่เอ่ยตอบคนผมเงินไปแบบส่งๆ “...แล้วนี่...ผมต้องจับหางมายุสุมิซังเนี่ยนะครับ?”
‘ถูกต้อง! และรีบๆ ทำตามดีกว่าไม่งั้นจะมี...’
“มี?” เด็กหนุ่มทวนเล็กน้อยเมื่อเสียงของบุคคลที่ไม่รู้หน้าตาเว้นช่วงไป คล้ายอยากให้คนฟังลุ้นเล่นๆ
‘มี...มีตาลุงโรคจิตมารุมโทรมพวกนายไง! เหลือเวลาอีกหนึ่งนาทีนะ! รีบตัดสินใจเข้า!’
“บทลงโทษอันนี้สยองกว่าเมื่อกี้อีกวุ้ย!” มายุสุมิโวยลั่น...ทำไมแต่ล่ะอย่างที่เจอเนี่ยไม่ปกติสักอันเนี่ย!? ...
...กลับไปได้เมื่อไหร่จะทำบุญล้างซวยมันเจ็ดวัดเก้าวัดเลยคอยดู!...
“...” คุโรโกะทำหน้าเครียดเมื่อได้ยินบทลงโทษ “...มายุสุมิซัง...ขอโทษล่วงหน้านะครับ ขอล่วงเกินหน่อยนะครับ”
“ห...ห๊า? นายพ...” มายุสุมิที่ไม่ทันฟังที่อีกฝ่ายพูดเนื่องจากกำลังสาปแช่งความซวยของตนเองอยู่หันไปหาคนตัวเล็กกว่าอย่างงงๆ ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อคนผมเอามือคว้าหมับไปที่หางกระต่ายกลมๆ ของตน “...ด...เดี๋ยว...ท...ทำอะไรของนายเนี่ย!? อ...อื้อ...ป...ปล่อยนะเฟ้ย! อ...อา! อย่าบีบสิ! อ...อื้อ...”
...ก็อยากหยุดให้ตามขออยู่หรอกครับ แต่ตัวคุณในตอนนี้น่ารักน่าแกล้งมากครับ และ...คงไม่คิดว่าผมมาเห็นคนที่ตัวเอง ‘แอบชอบ’ ในสภาพนี้จะไม่รู้สึกอะไรเลยนะครับ?...
คุโรโกะตอบกลับคนผมเงินในใจพลางยกมืออีกข้างไปจับหูกระต่ายยาวๆ บนหัวของอีกฝ่ายเลย และ...งับลงไปเบาๆ
“อ่ะ! อ...อย่ากัดเซ่!!! ย...หยุดนะ!!! ม...มัน...” มายุสุมิที่เป็นผู้ถูกกระทำพยายามร้องห้ามให้อีกฝ่ายหยุด...ที่จริงถ้าเป็นปกติเจ้าตัวคงถีบคนผมฟ้าออกไปห่าง เสียแต่สภาพในตอนนี้ไม่อำนวยต่อการทำแบบนั่น “...อ...อึก...ค...คุโร...โกะ...พ...พอแล้ว...”
“...” คุโรโกะมองดวงตาสีเงินที่เริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำเล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยมือจากหูจากหางอีกฝ่าย “...โอ้ๆ ไม่ร้องนะครับมายุสุมิซัง ผมขอโทษครับ”
...ดูท่าเล่นแรงไปแฮะเรา...
“ไม่ต้องมาพูดเลย!” มายุสุมิค้อนใส่อีกฝ่ายวงเบ้อเร้อ
“ง...ง่ะ อย่างอนสิครับมายุสุมิซัง” คุโรโกะเอานิ้วจิ้มๆ แก้มคนผมเงิน “ดีกันนะครับ”
“ไม่ได้งอนเฟ้ย!” มายุสุมิปัดมือที่จิ้มแก้มตนออกมา
“ปากบอกว่าไม่แต่สีหน้าบ่งบอกว่างอนผมชัดๆ เลยนะครับ...” ดวงตาสีฟ้าจ้องอีกฝ่ายตาแป๋ว “อย่างอนผมเลยนะครับมายุสุมิซัง...นะ”
“เออ...” มายุสุมิชะงักเล็กน้อยเมื่อเจอสายตาราวลูกหมา (?) จากคุโรโกะและจากนั่น...ก็สับส้นมือลงบนเรือนผมสีฟ้าเต็มแรง! “...ฉ...ฉันไม่ได้งอนสักหน่อย! ไม่เห็นต้องมาง้อเลย! อย่าทำหน้าเหมือนลูกหมาด้วยโว้ย!”
“แหม...มายุสุมิซังก็...” คุโรโกะเริ่มยิ้มออกเล็กน้อย เนื่องจากรู้ว่าถ้าแสดงแบบนี้แสดงว่าไม่ได้งอนตนแล้วนั้นเอง
‘อะแฮ่มๆ จีบเสร็จหรือยังครับ?’
“ยังครับ และจะกรุณามากถ้าคุณอยู่เงียบๆ จนละลายหายไปเลย” คุโรโกะเอ่ยเสียงเย็นใส่เสียงที่มาขัดจังหวะการอ้อน (?) คนผมเงินของตน
“เฮ้ย! ตอบไปแบบนั้นได้ไงเล่า!?” มายุสุมิโวยลั่น
‘เอ้าๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันอีกรอบสิครับ...เดี๋ยวกว่าเกมจะจบก็มืดพอดีหรอกครับ’
“ครับๆ / เออๆ” เด็กหนุ่มทั้งสองขานรับแบบขอไปที
‘...น้ำเสียงช่างเย็นชาชวนน้อยใจจริงๆ นะครับเนี่ย...อ่ะๆ คุโรโกะซังอย่าเตรียมอ้าปากกัดผมสิครับ! สำหรับมายุสุมิซังโอเคอยู่ กัดไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่คุณอย่ากัดผมเลยนะครับ~~~!’
“คุโรโกะ...นายรู้สึกอยากระเบิดลำโพงทิ้งไหม?” มายุสุมิคิ้วกระตุกเป็นจังหวะชะชะช่า
“ผมอยากระเบิดตัวต้นเสียงมากกว่าครับ ดูท่าปล่อยไว้นานๆ เกิดมีคนหลงผิดมาแต่งงานด้วยเนี่ยน่าสงสารตายเลย ยิ่งเด็กตาดำๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้พ่อแบบนี้ยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่เลยครับ” คุโรโกะแสยะยิ้มเหี้ยมคล้ายอยากเชือดต้นเสียงที่ออกมาจากลำโพงนี่ทิ้งจริงๆ
‘หว่าๆ! อย่าเพิ่งวางแผนฆ่าผมสิท่าน! ผมว่ามาเล่นเกมต่อให้จบๆ ดีกว่านะครับ!!!’ เสียงที่ดังออกจากลำโพงเอ่ยอย่างรีบร้อนคล้ายว่ากลัวจะมีคนไปตื้นตนหรือพังลำโพงทิ้งก่อนที่จะจบเกม ‘คำสั่งต่อไปนั่นคือให้งับหูคนได้สีแดงครับ แต่ในเมื่อเมื่อครู่เจ้าตัวทำไปแล้วดังนั้นถือว่าผ่านไป แล้วข้อต่อไป...ให้คนไม้สีแดงแต่งชุดเมคครับ!’
“ฉันอีกแล้วเหรอ!?” มายุสุมิทำหน้าบึ้ง ขณะมองชุดๆ หนึ่งที่ร่วงมาจากช่องบนเพดานมาใส่หัวตนพอดี...ไหงเขาซวยโดนหลายอย่างจริง!
‘ใช่ครับ! และถ้าไม่แต่งจะโดนหนวดหมึกท...’
“โอเคๆ! แค่ใส่ก็พอใช่ไหม!?” มายุสุมิเอ่ยแทรกก่อนที่จะได้ฟังบทลงโทษสุดปวดจิตอีก
‘ตามนั้นแหละครับ...อ๋อ ลืมบอกไปว่าใช้ฉากกั้นที่อยู่ด้านขวามือได้นะครับ’
“...ทำไมไม่บอกชาติหน้าเลยเล่าไอ้โรคจิต!” มายุสุมิรู้สึกอยากมุดดินหนีจริงๆ ...ตอนให้เขาแก้ผ้าทำไมไม่บอก! เขาจะได้อายน้อยๆ หน่อย!
‘น่าๆ บอกช้าดีกว่าไม่บอกเลยนะครับ อ่ะ! และเหลือเวลาอีกห้านาทีนะครับที่คุณใช้ในการเปลี่ยนชุด...ขอให้โชคดีนะครับ’
“ตั้งแต่หลงมานี่โชคดีมันไม่มีมาอยู่แล้วเฟ้ย!” มายุสุมิโวยพร้อมรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดหลังฉากกั้นด้วยความเร็วแสง และหลังจากเข้าไปได้สักหนึ่งนาทีก็... “โว้ย! นี่จงใจแกล้งใช่ไหมวะเนี่ย!?”
...มีเสียงโวยวายที่ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่า...ชุดเมดที่ต้องใส่นั้นถ้าไม่ดูแฟนตาซีมากก็คงกระโปรงสั้นมากแหงๆ
‘อ้าวๆ อย่าบ่นสิครับ เดี๋ยวแต่งไม่ทันหรอกครับ’
“หุบปากแล้วไปตายซะ!” เสียงมายุสุมิโวยกลับมาพร้อมมีเสียงโครมครามเป็นเอฟเฟอร์เสริม
“...อาละวาลมากระวังล้มนะครับ” คุโรโกะที่ได้ยินเสียงที่ดังราวกับอีกฝ่ายกำลังพยายามพังอะไรสักอย่างเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
“เออๆ!” มายุสุมขานกลับมาห้วนๆ พร้อมกับเดินออกมาจากหลังฉากกั้นซึ่งนั้นถึงกับทำให้...นายคุโรโกะ เท็ตสึยะแข็งค้างไปเลย “...เฮ้...นายโอเคไหมเนี่ย? ตัวแข็งเป็นหินเชียว”
“...” เด็กหนุ่มผมฟ้าไม่ตอบอะไร ทำเพียงมองคนผมเงินที่...ยามนี้อยู่ในชุดเมคฟูฟ่องสีฟ้าใสพร้อมสวมที่คาดผมที่มีระบายลูกไม้ที่ดูยังไงก็ชุดตุ๊กตาชัดๆ! แถมกระโปรงที่ใส่ก็สั้นเสียจนเห็นขาอ่อนขาวๆ ได้อย่างชัดเจนอีก! ...
...พระเจ้า...เลือดกำเดาจะไหลอีกระรอบแล้วครับ...
...คุณในตอนนี้ช่างน่ารักเลือกเกินนะครับ...มายุสุมิซัง...
.,.อา...ถ้าเกิดขอแต่งงานตอนนี้จะโดนถีบไหมเนี่ย?...
“เออ...ตอบหน่อยสิ...” มายุสุมิเดินมาสะกิดเรียกคนผมฟ้าที่เริ่มเพ้อไปไกลแล้ว “...นี่ฉันแต่งแล้วอุบาทมากจนนายสติบินหรือไง?”
“อ่ะ! เปล่าครับๆ!” คุโรโกะที่ดึงสติกลับมาได้รีบปฏิเสธทันที
‘ใช่~~~ ไม่อุบาทหรอก~~~ น่ารักจะตาย~~~~’
“น่ารักกับแมวน้ำดิ!” มายุสุมิแว๊ดใส่เสียงตามสายที่ดังมา
‘หึๆ ขู่เป็นแมวเชียวน้า~~~~”
“เลิกหัวเราะด้วยเสียงแอ๊บแบ๊วแบบนั้นเถอะครับ ขนลุก สยอง ปวดจิตแถมขยะแขยะด้วยครับ” คุโรโกะเอ่ยเสียงเย็น...ที่จริงถ้าเรื่องแกล้งคน (?) ปกติเขาจะร่วมมือด้วย แต่...
...สำหรับมายุสุมิซัง...เขาไม่ยอมให้คนอื่นมาแกล้งนอกจากเขาหรอก!!!
‘...ช่วยกรุณากัดผมเบาๆ สักทีได้ไหมเนี่ย? พูดแต่ล่ะคำเนี่ยเจ็บถึงทรวงเลย’
“ถ้าจะขอความเห็นใจไปขอกับคนอื่นเถอะครับ ผมไม่มีให้หรอก” คุโรโกะสวนกลับทันทีแบบไม่มีหยุดคิดแม้แต่น้อย
‘ใจร้ายจริง...เอ้าๆ ช่างเถอะ มาทำตามคำสั่งสุดท้ายดีกว่าผมจะได้รีบๆ ส่งพวกท่านกลับโลกเดิมแล้วไปดูทีวีสักที รายการโปรดใกล้มาแล้วด้วย...’
“อย่างสุดท้ายสิแล้วสินะ...” มายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...อีกแค่อย่างเดียวเกมก็จะจบและได้กลับไปแล้ว!
“รีบว่ามาเลยครับว่าให้ทำอะไร” คุโรโกะเอ่ยเร่ง
‘ใจร้อนจังนะครับ งั้นเอาง่ายๆ ...ทั้งคู่ต้องจูบกันครับ แถมเป็นจูบแบบแลกลิ้นด้วยครับ’
“ห...ห๊า?” มายุสุมิแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เคาะหูตัวเองเบาๆ “เมื่อกี้บอกให้ทำอะไรนะ?”
‘ต้องจูบกันแบบคนรักไปเลยครับ...ทั้งสองท่านน่ะ’
“...” เด็กหนุ่มทั้งอ้าปากค้างก่อนที่จะหันขวับมองหน้ากันเอง “เอาจริงดิ!?”
‘จริงสิครับ...มีเวลาตัดสินใจสามนาทีนะครับ และถ้าไม่ทำจะมีปลาไหลยักษ์เลื้อยมายกรังนะครับ’
“...ถึงนึกภาพไม่ออกว่าเป็นไง แต่ผมว่าเราอย่าเสี่ยงกับบทลงโทษดีกว่าครับ” คุโรโกะที่ไม่อยากปวดจิตกับบทลงโทษเอ่ยหน้าตาย
“ฉันก็อยากทำงั้นอยู่หรอก แต่ไอ้ที่ให้ทำนี่มัน...” มายุสุมิทำหน้าปุเลี่ยนๆ
“ผมเข้าใจครับ แต่เพื่อสวัสดิภาพของพวกเราแล้ว...คงต้องทำล่ะครับ...” คุโรโกะตบบ่าคนตัวสูงกว่าสองสามทีเป็นการปลอบ ก่อนที่จะ...ฉวยโอกาสยื่นมือไปคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายให้ก้มลงมา “...และขอล่วงเกินอีกรอบนะครับ อย่าเผลอขาดใจตายไปซะก่อนล่ะครับ”
“เฮ้ย! ด...อื้อ!” มายุสุมิที่รู้สึกได้ถึงลางร้ายที่ใกล้เข้ามาเอ่ยห้าม แต่ไม่ทันพูดจบประโยคริมฝีปากของเด็กหนุ่มผมฟ้าก็ประทับลงมาพรอมกับลิ้นหนาๆ ก็เริ่มรุกรานเข้าไปโพรงปากอย่างรวดเร็ว...แต่ก็เป็นจูบที่อ่อนโยนเสียจนคนผมเงินแทนละลายเลยทีเดียว...
...ทางคุโรโกะเองเมื่อว่าอีกฝ่ายที่ตอนแรกขืนตัวเล็กน้อยเริ่มอ่อนแรงลงก็ยิ่งกดจูบหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม มือนั้นปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วจากนั้นข้างหนึ่งดันท้ายทอยมายุสุมิไม่ให้หนีจากเงื้อมือตนได้ ส่วนมืออีกข้างเริ่มไปลูบขาอ่อนอีกฝ่ายเบาๆ ...เรียกได้ว่าเกือบแปลงร่างจากลูกหมากลายเป็นหมาป่าแล้ว
...และคาดว่าเจ้าตัวคงจูบบวกแอบลวมลาม (?) คนผมเงินอีกนาน ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายทำท่าเหมือนใกล้จะขาดใจตายแล้วเสียก่อน...และนั้นทำให้คุโรโกะจำต้องถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดายนิดๆ
“อ...อ...” มายุสุมิเมื่อถูกถอนจูบออกก็รีบตักตวงอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่เพื่อทดแทนส่วนที่ถูกช่วงชิงไป ดวงตาสีเงินค้อนไปยังอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแดงก่ำ “...อ...ไอ้บ้า! นี่นายรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป!?! ต่อให้โดนบังคับก็ทำท่าทีลังเลสักนิดเถอะ! ไม่ใช่ปุ๊บปั๊บทำแบบนี้!!!”
...นี่จูบแรกของเขานะเว้ย!...
“รู้ครับรู้ และเรื่องจูบเนี่ยถ้ามั่วลีลาคุณก็มัวบ่ายเบี่ยงจนหมดเวลาสิครับ” คุโรโกะตอบกลับอย่างรู้นิสัยอีกฝ่าย
“เออ! ไม่เถียง! ก็ใครโลกไหนจูบกับคนอื่นแบบนี่แล้วไม่รู้สึกอะไรเล่า!” มายุสุมิโวย
“แหม...อย่าพูดจาใจร้ายแบบนั้นสิครับมายุสุมิซัง ใครว่าผมไม่รู้สึกล่ะครับ...” คุโรโกะยิ้มร่า...ขอพลิกวิฤตเป็นโอกาสในการสารภาพรักหน่อยนะครับ ซวยมาเยอะแล้ว ผมขอทำตามใจบ้างเถอะ “...ผมรู้สึกนะครับ...รู้สึกรักคุณไง♡”
“ห...ห๊า?” มายุสุมิที่ไม่คิดว่าจะได้การตอบกลับเช่นนี้นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “น...นี่...ติดโรคเล่นมุขฝืดจากรุ่นพี่นายมาหรือไง!? ไม่ขำนะเว้ย!”
“เปล่าครับ ไม่ได้ติดรุ่นพี่อิสึกิมาหรอกครับ...” คุโรโกะเอ่ย “...และที่พูดเนี่ย...ผมเอาจริงนะครับ”
“น...นายล้มหัวฟาดพื้นมาหรือไงฟะ!? ไม่สิ! สมองหล่นหายตอนเล่นรถไฟเหาะหรือไง!?” มายุสุมิถอยออกห่างคนผมฟ้าด้วยใบหน้าที่แดงกว่าทันที...
...ให้ตายสิ! นี่เขากำลังถูกผู้ชายด้วยกันบอกรักเนี่ยนะ!?...
“สมองกับอยู่ครบครับ” คุโรโกะหัวเราะเบาๆ กับท่าทีอีกฝ่าย...จากที่เคยสโตก์รเกอร์ (?) รายนี่มานั่นทำให้เจ้าตัวรู้ดีว่าการแสดงท่าทีแปลว่ากำลังเขินอยู่นั่นเอง “ผมน่ะ...ชอบคุณจริงๆ นะครับ มายุสุมิซัง และถึงคุณพยายามหนีผมก็ยังตามจีบคุณต่อไปครับ ดังนั้นกรุณาเตรียมใจไว้ดีๆ ด้วยครับ”
“อ...ไอ้บ้า! ไอ้&:’^(?♤□●>♡¤^^$_!;♤¤●>♢《_$3%&▪{[▪●|]” สารพัดคำด่าถูกพ่นออกมาจากปากมายุสุมิทันทีที่สิ้นเสียงอีกฝ่ายที่บอกว่าจะมาจีบตนหน้าด้านๆ
‘เออ...ทั้งสองท่าน ช่วยกรุณาอย่าลืมผมกันสิ’ ระหว่างที่คนจืดจางกันสองกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน (?) ก็เสียงที่ดังออกมาจากลำโพงบ่งบอกถึงความน้อยใจอย่างชัดเจน...คาดว่าคงงอนที่เด็กหนุ่มทั้งสองลืมตนนั่นเอง ‘ตอนนี้เกมจบแล้วครับ กรุณารับแหวนสองวงนี้ไปใส่แล้วเชิญเดินออกประตูไปเลยครับ มันจะนำพากลับโลกเดิมของพวกคุณเอง’
“ครับ / เออ” เด็กหนุ่มทั้งสองเมื่อได้ยินว่าจะกลับบ้านก็เลิกทะเลาะกันแล้วขานรับเสียงจากลำโพงก่อนที่จะเดินไปหยิบแหวนที่วางบนโต๊ะเมื่อไหร่ไม่รู้มาสวม จากนั้นทั้งสองก็เดินออกไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าถ้าช้ากลัวว่าจะโดนรั้งให้อยู่นี่ต่อ...และเพราะความเร่งรีบนั้นทำให้ทั้งสองไม่ทันสังเกตตัวลำโพงที่ค่อยๆ ถูกเปิดออกจากด้านในเลยสักนิด
“ฟู่...ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดได้ตายในลำโพงแน่เรา” คนที่เพิ่งโผล่ออกมาจากตัวลำโพงหมาดๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เท่านี้งานก็เสร็จแล้ว...ที่เหลือหาทางจัดการกันเองนะ มายุสุมิซัง คุโรโกะซัง”
“มายุสุมิซัง...เล่นอยู่ๆ โผล่ที่แบบนี้ทำเอาปรับตัวไม่ทันเลยนะครับเนี่ย...” เสียงบ่นแววๆ ดังออกมาจากปากคนผมฟ้าเบาๆ พลางมองสภาพรอบๆ ที่เป็น...ป่า “...เล่นโผล่มาปุ๊บปั๊บแบบนี้...ชักไม่แน่ใจว่าโดนส่งกลับมาจริงๆ หรือโดนหลอกแล้วครับเนี่ย”
“ถ้าเอาตามความคิดฉัน...ฉันว่ากลับมาจริงแล้วล่ะ ไม่งั้นชุดฉันคงไม่คืนสภาพเดิมและไอ้หูกระต่ายนั้นไม่หายไปจากหัวฉันง่ายๆ หรอก...” คนผมเงินเอาพร้อมควักมือถือของตนออกมาดู “...มือถือก็มีสัญญาณ แถมมีข้อความจากฮายามะส่งมาเมื่อกี้...แสดงว่ากลับมาจริงๆ แล้วล่ะ”
“แล้วไอ้เมื่อกี้...คิดว่ามันเรื่องจริงหรือแค่อุปทานหมู่ไปเองล่ะครับ? ผมชักงงๆ แล้วสิ” คุโรโกะที่ปรับสภาพตนเองไม่ทันถาม
“จริงแหง แหกตาดูที่นิ้วตัวเองสิฟะ! แหวนบ้าบอนั้นยังอยู่เลย!” มายุสุมิตอกกลับพร้อมเขกหัวสีฟ้าๆ ของอีกฝ่าย
“อูย...บอกอย่างเดียวก็ได้ครับ มือไม่ต้อง...” คุโรโกะยกมือลูบหัวตนอย่างเจ็บๆ “...นี่แสดงว่า...ผมได้ขโมยจูบแรกของคุณมาจริงๆ สินะครับ?”
“จะรื้อฟื้นหาอะไรฟะ!?” มายุสุมิหันไปแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย...
...อุตสาห์ทำเป็นลืมแล้วนะเฟ้ย! จะมาพูดย้ำทำไมเนี่ย!? เขาอายนะ!...
“เพื่อยืนยันเฉยๆ ครับ...” คุโรโกะยิ้มร่า “...และจากนี้...ผมจะเริ่มรุกคุณนะครับมายุสุมิซัง ไม่แอบหลบๆ ซ่อนๆ แบบเมื่อก่อนแน่”
“...นี่นายเคยแอบตามฉันเหรอ!?” มายุสุมิเริ่มอยากเป็นลมขึ้นมาตงิกๆ ...ทำไมไม่รู้เลยฟะ!?
“ครับ ผมแอบตามคุณมานานแล้วด้วยครับ” คุโรโกะยังคงยิ้มต่อไป และในขณะนั้นเอง... “อ่ะ? อะไรเนี่ย?”
...ก็มีกระดาษแผ่นน้อยลอยลงมาใส่มือคุโรโกะพอดีเด๊ะ
“กระดาษอะไรน่ะ?” มายุสุมิยื่นหน้าไปดูกระดาษแผ่นน้อยในมืออีกฝ่ายก่อนที่จะเริ่มคิ้วกระตุกนิดๆ “นี่มัน...เดี๋ยวนะ นายจริงดิ?”
“จริงครับ...ผมทำจริงๆ ก่อนที่จะหลุดไปโลกนู้นครับ” คุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่ออ่านแผ่นกระดาษแผ่นน้อยในมือที่เขียนไว้อย่างได้ใจความว่า...
... ‘ขอขอบคุณที่ช่วยยายแบกของเมื่อคราวก่อนนะพ่อหนุ่ม ยายขอตอบแทนโดยการให้ใช้บริการบริษทของหลานยายโดยไม่คิดตังค์...และบริการที่ว่าคือการชักนำให้พ่อหนุ่มสารภาพรักกับคนที่แอบชอบได้เร็วๆ ไงล่ะ! ถึงวิธีที่ใช้จะปวดจิตไปหน่อยเพราะหลานยายเป็นคนคิดแต่รับรองได้ผล 100% แน่จ้ะ
...อ๋อ และบริษัทที่ว่ามันเป็นบริษัทอะไรยายบอกได้เพียงว่าคือบริษัทกามเทพ (ชื่อเชยจังครับ // คุโรโกะ , ช่างเราเถอะน่า // s) จ้า! เป็นบริษัทที่ช่วยให้คู่รักสมหวังน่ะ! และท้ายที่สุด...ขอให้รักกันนานๆ นะ!
...ปล. ถ้าสงสัยว่าทำไมพาไปอีกโลกได้คงบอกได้แค่ว่าเชื้อสายของยายเป็นพวกแม่มดอะไรพวกนี่แหละจ้า’
“...นายนี่ซวยสุดกู่ แถมยังดึงฉันไปด้วยเนี่ยนะ?” มายุสุมิถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ก็ไม่คิดโทษอะไรอีกฝ่าย...ก็เรื่องแบบนี้ใครจะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ล่ะ!
“นั่นสิครับ...” คุโรโกะพับแผ่นกระดาษเข้ากระเป๋า “...แต่คิดแง่ดี...อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมกล้าจีบคุณล่ะครับและต่อจากนี้จะตามจีบแบบหน้าด้านๆ ยิ่งกว่าอาคาชิคุงตามจีบฟุริฮาตะคุงอีกครับ”
“ดีกับนายคนเดียวสิ! แล้วนี่อาคาชิมันตามจีบเจ้าชิวาว่านั้นจริงสิ!?” มายุสุมิถาม...ถ้าใช่เขาจะจับไปทำบุญล้างซวยพร้อมกับเขาเลย! ที่ดันถูกอาคาชิจีบน่ะ!
“จริงครับ แถมยังมีแอบฉกฟุริฮาตะไปเกียวโตอย่างน้อยสัปดาห์ล่ะครั้งด้วยครับ” คุโรโกะตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“...ถึงคราวต้องล้างซวยจริงๆ สินะ?” มายุสุมิกรอกตาไปมา “เอาเถอะ...ตอนนี้โทรหาคนมาช่วยก่อนดีกว่า เรื่องอะไรเอาไว้ทีหลังแล้วกัน”
“ตามแต่คุณเลยครับ” คุโรโกะพยักหน้ารับ ขณะที่คนผมเงินเริ่มที่จะกดมือถือหาคนมาช่วยเหลือพวกตนออกจากป่าที่ไม่รู้จักนี่ ซึ่งคนที่มายุสุมิโทรหาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก...
‘โมชิโมชิ? มีอะไรเหรอจิฮิโระ?’ ...อาคาชิ เซย์จูโร่นั้นเอง
“อาคาชิมาช่วยฉันหน่อย ฉันหลงอยู่ในป่าที่ไหนไม่รู้เนี่ย” มายุสุมิเอ่ยง่ายๆ สั้นๆ อย่างไม่มีความซึนแบบปกติเนื่องจากเหนื่อยใจเรื่องอื่นอยู่ “และถ้านายกำลังวุ่นกับการหาคุโรโกะอยู่ล่ะก็ ขอบอกเลยว่าไม่ต้องหาแล้ว...คุโรโกะอยู่กับฉันในตอนนี้เนี่ย”
‘จริงเหรอ? งั้นขอสายคุโรโกะหน่อย’
“ได้ๆ ...” มายุสุมิยื่นมือถือให้คนผมฟ้า “...อาคาชิอยากคุยกับนายแหน่ะ”
“ครับ?” คุโรโกะรับโทรศัพท์จากมืออีกฝ่ายมาอย่างงงๆ “โมชิโมชิ? อาคาชิคุง?”
‘...นายอยู่กับจิฮิโระจริงๆ สินะ?’
“แล้วที่มาขอสายผมเนี่ยกลัวว่ามายุสุมิซังพูดโกหกหรือไงครับ?” คุโรโกะถามกลับเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
‘ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก...แค่คิดว่ามันบังเอิญเดินไปที่จิฮิโระไปเจอนายพอดี ทั้งๆ คนอื่นช่วยกันหาแทบตายยังหานายไม่เจอเนี่ย’
“คงงั้นแหละครับ” คุโรโกะที่ไม่รู้จะอธิบายเรื่องเกิดขึ้นให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายๆ ได้ยังไงเลือกที่ตอบปัดๆ ไป “เอาเป็นว่าคุณมาช่วยพวกผมทีครับ ตอนนี้ติดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้...กลัวว่าถ้าอยู่นานๆ จะโดนตัวอะไรคาบไปกินชอบกล”
‘โอเค จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ ระหว่างก็พยายามทำตัวจืดจางเข้าไว้และอย่าโดนตัวอะไรคาบไปกินจริงๆ ก่อนล่ะ’
“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ...แค่นี้นะครับ” คุโรโกะเอ่ยก่อนที่จะตัดสายทิ้งไป
“สรุป...อาคาชิจะมาช่วยไหม?” มายุสุมิเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยื่นมือถือคืนตนก็เอ่ยถามออกมา
“มาครับ แต่คงต้องรอสักครู่น่ะครับ กว่าอาคาชิคุงจะแกะรอยตามเรามาถึงนี่ได้” คุโรโกะทิ้งตัวนั่งบนก้อนหินก้อนใกล้ที่อยู่ใกล้ๆ
“นั่นสิ...ถ้าให้เดาสักสามชั่วโมงจะมาได้เปล่าก็ไม่รู้” มายุสุมิทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คุโรโกะ
“ได้ครับ...ได้แน่นอน คราวก่อนคิเสะคุงโดนพวกโรคจิตลักพาตัวไปยังหาทางเอาตัวคืนมาภายในหนึ่งชั่วโมงได้เลยครับ” คุโรโกะตอบ
“...บางทีอาคนชิอาจน่ากลัวว่าที่คิดเยอะแฮะ” มายุสุมิคุมขมับ...ไอ้รุ่นน้องหัวแดงนั้นยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย?!...
...แต่จะว่าไป...มันเท่ากับว่าในกรณีกลายเป็นโชคดีไปเลยแฮะ...
“ไม่ขนาดนั้นหรอก...มั้งครับ” คุโรโกะยิ้มแห้งๆ อย่างเถียงไม่ออก...ก็เพื่อนเขารายนั่นออกจะน่ากลัวจริงๆ นิ
“ยิ่งกว่าน่ะสิไม่ว่า” มายุสุมิถอนหายใจเบาๆ พลางมองบนท้องฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีแดงบ่งบอกเวลายามเย็น...
...นี่หวังว่า...อาคาชิจะหาพวกเขาเจอก่อนค่ำนะ? ไม่งั้นได้พากันหาของป่ากินแน่...
หลังจากที่เด็กหนุ่มผู้จืดจางทั้งสองได้กลับมายังโลกเดิมของตนแล้วติดแหงกอยู่ในป่าที่ไหนไม่รู้ ทั้งคู่นั่งใช้เวลานั่งรอเพียงสองชั่วโมงก็ได้ออกจากป่า เนื่องจากผู้ทั้งสองโทรไปขอความช่วยเหลือหรืออาคาชิ เซย์จูโร่เล่นเอา...ฮอริคอปเตอร์ของกรมตำรวจมาใช้เลย...
...จากนั้นเมื่อขึ้นมาบน ฮ. แล้วทั้งคู่ถึงสังเกตว่าป่าที่พวกตนมาติดนั้น...อยู่ในป่าในเกียวโต! ซึ่งอยู่ห่างจากที่สุดท้ายที่ทั้งสองอยู่อย่างโตเกียวมากโขงเลย!
...แต่ด้วยความที่ว่า...เจอเรื่องชวนจิตตกมาก่อนหน้านี้เยอะแล้ว เด็กหนุ่มทั้งสองเลยสามารถดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับหันไปถามสถานการณ์ทางบ้านของเด็กหนุ่มผมฟ้าหรือคุโรโกะ เท็ตสึยะจากอาคาชิกันต่ออีกต่างหาก
...อาคาชิเองก็ยอมตอบแต่โดยดี ก่อนที่จะถามกลับว่าหายไปไหนมาและทำไมคนผมเงินหรือมายุสุมิ จิฮิโระถึงไปเจอตัวคุโรโกะได้...ซึ่งพอเจอคำถามนี้เข้าเด็กหนุ่มทั้งสองก็พร้อมใจกันบอกความจริงไปตรงๆ เลย เนื่องจากรู้ดีว่าถ้าโกหกไปยังไงอีกฝ่ายก็รู้อยู่ดี
...พออาคาชิได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมาก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจด้วยความที่ไม่คิดว่าคนทั้งสองจะบ้าพอพูดโกหกในแนวแฟนตาซีแบบนี้ให้เรื่องวุ่นวายกว่าเดิมและบอกกับทั้งคู่ว่าเดี๋ยวเรื่องพวกนี่จะหาข้อแก้ตัวให้...ซึ่งแก้ตัวยังไงก็ไม่รู้หรอก และเด็กหนุ่มทั้งสองไม่คิดอยากลองเสี่ยงกับกรรไกรบินเล่นด้วย
...จากนั้นเมื่อกลับมาถึงโตเกียว...อาคาชิก็ใช้วิธีไหนไม่รู้คุยกับพวกตำรวจและครอบครัวของคุโรโกะจนเรื่องที่คนผมฟ้าหายตัวไปตลอดสองสามวันนี้ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปกว่านี้ ซึ่งนั้นก็ถือว่าดีกว่าเล่าความจริงไปและโดนหาว่าบ้าเยอะเลย
...พอเมื่อเรื่องวุ่นวายจบลงแล้วอาคาชิกับมายุสุมิก็ตามกันขึ้นรถไฟกลับเกียวโตกันตามระเบียบ...เป็นอันว่าทุกอย่างเริ่มที่จะกลับสู่วัฏจักรปกติอีกครั้ง
...จะมีที่ไม่ปกติก็คงเป็น...ที่นับจากวันนั้นเป็นต้นมาคุโรโกะตามจีบแบบเปิดเผยสุดๆ นี่แหละ
ซึ่งแน่นอนว่า...พอโดนจีบแบบนี้เข้ามายุสุมิก็หาทางหนีสุดฤทธิ์ตามประสาคนซึน (?) ทางคุโรโกะเองก็ตามตื้อสุดฤทธิ์เช่นกัน ส่วนผลสุดท้ายน่ะหรือ? ก็...
“เฮ้อ...นานจังแฮะ....คงไม่ใช่ว่าหลงทางนะ?”
“ว่าใครหลงทางห๊า? แหม...รอนิดรอหน่อยทำเป็นบ่นเชียว ทีคราวก่อนฉันรอนายยังไม่บ่นเลย”
“อ้าวมาแล้วเหรอครับ? คิดว่าจะมาช้ากว่านี้เสียอีก...และที่คุณบอกว่าไม่บ่นน่ะใช่ครับ แต่ว่าเป็นด่าเลยนะครับมายุสุมิซัง คราวนั่นน่ะ”
“เอาน่า อย่าบ่นเป็นคนแก่เลย...แล้วคราวนี้จะไปเที่ยวไหนดีล่ะ?”
...กลายเป็นว่าทั้งคู่มาคบกันจริงๆ น่ะสิ!
“คราวนี้เอาเป็นสวนสนุกดีไหมครับ?” เด็กหนุ่มผมฟ้านามคุโรโกะ เท็ตสึยะเอ่ยถามกลับ
“ไม่เอา ฉันยังขยาดกับคราวก่อนอยู่เลย” คนผมเงินหรือมายุสุมิ จิฮิโระส่ายหน้าไปมา
“ถ้างั้นเอา...” คุโรโกะคลี่ยิ้มบางๆ “...เอาม่านรูดไหมครับ?”
“พรูด! แค่กๆ! พูดอะไรของนายเนี่ย!?” มายุสุมิค้อนใส่คนผมฟ้า
“พูดตามที่ผมอยากไปจริงๆ ไงครับ...” คุโรโกะหัวเราะออกมาเบาๆ “...หรือเอาแถวนี้เลยดีครับ?”
“ม...ไม่เอาเฟ้ยไอ้หื่น!” มายุสุมิเอาส้นหนังสือฟาดใส่หัวสีฟ้าของคนรักตนเอง “เดี๋ยวนี้ด้านขึ้นเยอะเลยนะเฟ้ย!”
“เฉพาะกับคุณแค่นั้นแหละครับ” คุโรโกะลูบหัวตนเองอย่างเจ็บๆ “โอ๋ๆ อย่างอนสิครับ...เดี๋ยวพาไปเลี้ยงไอติมนะครับ”
“ไม่ได้งอนเฟ้ย!” มายุสุมิเอ่ย
“ครับๆ ไม่งอนก็ไม่งอน...งั้นเราไปกินไอติมร้านนู้นกันเถอะครับ คราวก่อนมุราซากิบาระคุงเขาแนะนำมาน่ะครับ” คุโรโกะมองคนรักตนอย่างขำๆ ก่อนที่จะจับมือคนผมเงินลากไปที่ร้านดังกล่าว
“เออๆ รู้แล้ว ไม่ต้องรีบนักก็ได้ร้านมันไม่หนีนายไปไหนหรอกน่า” มายุสุมิเอ่ยด้วยท่าทางเหมือนเบื่อๆ แต่ก็ยอมตามไปแต่โดยดี
“ถ้าไม่รีบก็คงได้จู๋จี๋กับคุณช้ากว่าเดิมสิครับ” คุโรโกะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“อ...ไอ้บ้าเอ้ย” มายุสุมิเบ้หน้าเล็กน้อย
“บ้าก็บ้ารักล่ะครับ มายุสุมิซัง” คุโรโกะยิ้มร่าพลางนึกขอบคุณไอ้บริษัทแปลกๆ ที่ทำให้พวกตนไปเผชิญเรื่องประหลาดๆ ก่อนหน้านี้ขึ้นมาจากใจ...ที่ทำให้เขามีความกล้าพอที่จะตามจีบคนที่เขารัก...
...และเขาจะ...ดูแลมายุสุมิซังให้ดีที่สุด...
...ให้สมกับโอกาสที่ได้รับมา...
...เขาจะไม่มีวันทำให้มายุสึมิซังเสียใจเด็ดขาด...
...ผมขอสัญญา...ว่าจากนี้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต...
...ผมจะรักคุณเพียงคนเดียว...มายุสุมิซัง...
End
Cr. かお
http://www.pixiv.net/
จบแล้วจ้า! ถึงจบแบบมึนๆ งงๆ หน่อยคงไม่ว่ากันเนอะ? 555
ปล. สัปดาห์หน้าไม่ได้อัพนะ จะเอาโน๊ตบุ๊คไปซ่อม
พอดีเพอ่งไปอัพอะไรแปลกๆ เข้าเลยเจ๊งน่ะจ้า
ความคิดเห็น