คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #187 : [???] WD 5
Title : WD 5
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : All+Shiko
Notes : เรื่องยาวมาแล้วจ้า! ยังคงความมั่วบวกไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม กรุณาทำใจก่อนอ่านจ้า!
.....................................................................................
WD5
เช้าวันใหม่อันแสนสดใส เหล่าหนุ่มๆ ที่จะได้ไปสำรวจเมืองในวันนี้ต่างพากันตื่นเช้าเตรียมตัวเตรียมใจอย่างรู้หน้าที่แต่ก็ไม่แคล้วมีเรื่องวุ่นวายตามมาเมื่อ...นายมุราซากิบาระ อัตสึชิดันแบกลังขนมขนาดใหญ่เตรียมเอาไปด้วยนี่สิ
“อัตสึชิ...เราแค่ไม่สำรวจเมืองนะ ไม่ต้องเอาขนมไปเยอะนักก็ได้!!! เอาไปเก็บเลยนะ!!!” ฮิมุโระดุเด็กโข่งร่างยักษ์ที่คิดจะขนกล่องใส่ขนมจำนวนมากไปด้วย
“ม่ายยยยย ขนมฉานนนนน” มุราซากิบาระกอดขนมจำนวนมากไว้อย่างหวงแหน
“เอาไงล่ะทีงี้?” อิมาโยชิถามขึ้นลอยๆ
“ไม่รู้มัน” คาซามัตสึยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก
“ว่าแต่ใจคอจะกินหมดนั้นในวันเดียวจริงสิ?” คาเนะมองจำนวนถุงที่คนผมม่วงหอบแล้วเกิดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
“ไม่ทราบครับ รู้แค่ว่ากินขนาดนั้นมันเยอะไปนะครับ” โฮริคาวะเอ่ย...ถ้าที่หอบนั้นคือของกินทั้งหมดก็ถือว่าเยอะเกินไปมากเลยล่ะ
“แต่หมอนั้นก็กินหมดได้นะ” ชิโกะที่เพิ่งยกอาหารเช้าออกจากครัวหัวเราะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบาๆ “เอ้ามากินข้าวกันได้แล้ว เลิกทะเลาะกันเสียทีเถอะน่าและ...ระวังเถอะมุราซากิบาระ ถ้างอแงมากๆ ฮิมุโระจะตื้บขนมนายทิ้งหมดแบบคราวก่อน”
“ชะอุ๋ย!” มุราซากิบาระเมื่อเจอคำนี้ก็ถึงกับหง่อยแล้วยอมเอาขนมไปเก็บแต่โดยดี
“...รู้งี้น่าจะให้ชิโกะจัดการแต่แรกแฮะ” ฮิมุโระเอ่ย
“ต่อให้เราไม่จัดการให้ นายก็หาทางเองได้อยู่ดีนิ?” ชิโกะยักคิ้วกวนๆ “ว่าแต่นายเอาขนมมาจากไหนเนี่ย?”
...ไม่ได้เสกขนมซองให้มันนี่หว่า?...
“เสบียร์สำรอง...” มุราซากิบาระตอบสั้นๆ
“สรุปติดกระเป๋ามาแต่แรกแล้วแต่สำรองไว้กินหลายๆ วันว่างั้น?” ชิโกะสรุปจากคำพูดอีกฝ่าย...นี่ปกติมันเอาติดกระเป๋าเยอะขนาดนี้เลยเหรอฟะ!?
“อื้ม” มุราซากิบาระพยักหน้ารับ
“ติดขนมเข้าเส้นเลือดแล้วแหงหมดนี่?” คาซามัตสึส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ
“ติดขนมยังดีกว่าบ้าอย่างชิโกะนะ” อิมาโยชิเอ่ยด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม
“ก็จริง” คาซามัตสึพยักหน้ารับ
“อยากโดนแกล้งใช่ไหมพวกนาย?” ชิโกะแยกเขี้ยวใส่
“ไม่ล่ะ” เด็กหนุ่มทั้งสองที่นินทาสาวเจ้าเมื่อครู่ถอยกรูดอย่างพร้อมเพรียง
“ว่าแต่ไอ้นั้นมันอร่อยเหรอ?” คาเนะที่เพิ่งเคยเห็นขนมถุงครั้งแรกถามฮิมุโระที่เริ่มยึดขนมที่คนผมม่วงแอบเอาใส่กระเป๋าเสื้อออกเมื่อสบโอกาส
“ใช่ครับ แต่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพสักเท่าไหร่หรอกครับ” ฮิมุโระตอบ
“...งั้นไอ้กินต่างข้าวแบบนั้นล่ะ?” คาเนะมั่นใจว่าจำนวนที่คนผมม่วงหอบมาก่อนหน้านี้ถ้ากินทั้งหมดกินแทนข้าวได้เลย
“มีแต่หมอนี่แหละครับที่ทำได้ (ให้หมู่หนุ่มบาส) คนอื่นกินยังไงคงไม่เท่ามันหรอก” คาซามัตสึเอ่ยต่อจากคนสวยผมดำ (?)
“...” โฮริคาวะเมื่อได้ยินดังนี้ก็คิ้วขมวดด้วยความที่วิญญาณคุณแม่เข้าสิง (?) “ฮิมุโระซัง...ผมว่าถ้าแบบนั้นงดมุราซากิบาระซังกินของแบบนั้นได้งดเลยเถอะครับ”
“กะทำอยู่ครับ แต่ไม่มีโอกาส” ฮิมุโระเอ่ย...ความจริงเขากะงดขนมรายนี้มาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จเสียที
“อย่าพูดจาใจร้ายแบบนั้นสิ!” มุราซากิบาระที่ชอบขนมราวกับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้โวยเล็กน้อย
“เอ้าๆ เลิกเล่นแล้วมากินข้าวเสียทีเถอะ!” มิบุจิที่ยกข้าวเช้าที่เหลือตามมาโวยใส่คนที่เล่นกันไม่เลิก ทำให้เหล่าคนที่ต้องสำรวจเมืองวันนี้รีบวิ่งมานั่งประจำที่ตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนโดนงดอาหารเช้ากันทั่วหน้าและรีบทานเมื้อเช้าด้วยความเร็วแสงก่อนที่จะแยกย้ายไปยังเขตที่ถูกกำหนดกันในที่สุด
ทางเหนือ (มุราซากิบาระและฮิมุโระ)
“มุโระจิน...มันวังเวงจังอ่ะ” มุราซากิบาระลากเสียงยาวพลางกอดคนตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขน...หลังจากที่พวกเขาเดินมาถึงที่นี่จนปานนี้มันเงียบสนิกจนหลอนเลย
“ฉันว่าแบบนี้แหละดีแล้ว ดีกว่ามีตัวอะไรโผล่มางับหัวล่ะ” ฮิมุโระตอบกลับ
“แต่นี่...โล่งไปนะ นกกาก็ไม่มีเนี่ย” มุราซากิบาระคิดว่าต่อให้ร้างยังไงกน่าจะมีเสียงนกหรือแมลงบ้างล่ะ
“จะว่าไปก็จริงแฮะ” ฮิมุโระพยักหน้ารับพลางมองไปรอบๆ ก่อนที่จะชะงักเมื่อ...มีบางอย่างปรากฏเข้าสู่สายตาของตน “อัตสึชิ...ฉันว่าฉันรู้สาเหตุแล้วล่ะ”
...ไอ้ที่เงียบๆ เพราะพวกสัตว์พากันหนีไอ้พวกนี่ไปแล้วนี่เอง!...
“โอ้ว มากันเต็มเลยยยย” มุราซากิบาระเมื่อมองตาฮิมุโระไปและเห็นว่าพวกศพเดินได้ฝูงใหญ่กำลังเคลื่อนขบวนมาทางตนก็เอ่ยเสียงยาน
“ไม่ใช่เวลามาพูดเล่นนะ” ฮิมุโระดุคนเล่นไม่รู้เวล่ำเวลาเล็กน้อย “เยอะเสียด้วย”
“เยอะมาก ขี้เกียจสู้อ่ะ” มุราซากิบาระเอ่ย
“ถ้าไม่สู้นายจะโดนพวกนี้กินเอานะ” ฮิมุโระส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจกับเด็กหนุ่มผมม่วง
“งั้นสู้ก็ได้ ไม่อยากเป็นอาหารให้ชาวบ้านอ่ะ” ว่าแล้วมุราซากิบาระก็เอาหน้าไม้ยิงใส่ซอมบี้ที่เข้ามาใกล้ตน “และ...นอกจากฉัน ไม่ยอมให้ใครกินมุโระจินหรอกกกก”
“ฉันเองก็ไม่ยอมให้ใครกินง่ายๆ นอกจากนายเหมือนแหละ” ฮิมุโนะมุดออกจากอ้อมแขนของไททันม่วงแล้วเอาขวานขนาดพอดีมือของตนฟาดฟันให้เหล่าซอมบี้
“จริงดิ?” มุราซากิบาระถามด้วยสีหน้าปานเด็กน้อย
“จริง” ฮิมุโระพยักหน้ารับ และแล้ว...การต่อสู้ปนจีบกันของสองตัวจริงทีมบาสโยเซ็นก็ดำเนินต่อไปจนกระทั่ง...
“น่าจะหมดแล้วล่ะ” ...ทั้งคู่ปานซอมบี้ได้จนหมด
“คงงั้น” ฮิมุโระยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อเล็กน้อย พลางมองคนผมม่วงที่...วิ่งโร่ไปในอาคารขนาดเล็กแห่งหนึ่ง “จะไปไหนล่ะอัตสึชิ?”
“มุโระจินๆ เจอขนมล่ะ” มุราซากิบาระชูถุงขนมให้อีกฝ่ายดู
“หื้อ?” ฮิมุโระเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนที่จะเดินไปดึงถุงขนมเก่าโบราณออกจากมืออีกฝ่าย “อย่ากินเชียวนะอัตสึชิ หมดอายุไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“อาาาา ไม่นะมุโระจินนนนน” มุราซากิบาระร้องโหยหวนเมื่อโดนพรากจากขนามรอบสองของวัน
“ไม่ได้ ห้ามกินเด็ดขาด” ฮิมุโระยืนกร่าน...ไอ้ที่เอาเองอาจจะยอมได้บ้าง แต่ไอ้นี่ยังไงก็ไม่ให้!
“งั้นกินมุโระจินแทนได้ใช่ไหม?” มุราซากิบาระถามกลับ
“...” ฮิมุโระพอเจอคำถามนี้ก็ชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา “...ได้ ถ้านายยอมไม่กินขนมซอง (ขนมที่ชิโกะทำไม่นับ) พวกนี่ตลอดวันล่ะก็นะ”
“โอเค งั้นไม่กินก็ได้...” ...เพื่อให้ได้กินมุโระจินงานนี้สู้ตาย!
ทางทิศใต้ (อิมาโยชิกับคาซามัตสึ)
ทางด้านทิศใต้ของเมืองที่รกร้างซึ่งเงียบสงบเนื่องจากไม่มีผู้คนอยู่ ในยามนี้เด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งกำลังยืนคุมขมับคล้ายไมเกรนขึ้น ดวงตาสีครามจับจ้องไปยังตัวต้นเหตุด้วยท่าทีเหมือนอยากหาหนังสติ้กมายิงใส่เหลือหลาย
“อิมาโยชิ~~~~ นี่แกจะปีนไปบนนั้นทำบ้าอะไรห๊า~~~~!!?!” คาซามัตสึแค่นเสียงใส่คนหน้าจิ้งจอกที่...ยามนี้อยู่บนเสาไฟฟ้าที่สูงลิบตาแบบตกลงมาได้ไปเกิดใหม่ลูกเดียวเป็นแน่
“สำรวจจากมุมสูงไง” อิมาโยชิตะโกนตอบกลับมาหน้าตาเฉย
“อย่างน้อยก็ปีนที่มันดูปลอดภัยกว่านี้หน่อยเซ่!” คาซามัตสึแว๊ดกลับ...ไอ้ตึกสูงๆ ให้เดินธรรมดาเข้าไปก็มีนะ แล้วจะปีนเสาเพื่อ!?
“ก็แบบนี้มันง่ายกว่านิ และอีกอย่างที่นี่ไม่ต้องกลัวโดนไฟช็อกหรือตำรวจจับเสียหน่อย ไม่เป็นไรหรอกน่า” อิมาโยชิเอ่ย
“นั้นใช่ประเด็นที่ไหนกันฟะ!?” คาซามัตสึเริ่มอยากฆ่าคนที่ทำให้ตนปวดหัวแล้วงานนี้ “ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะเฟ้ยไอ้บ้า!”
“จ้าๆ แหม บ่นจังนะ...ประจำเดือนไม่มาหรือไง?” อิมาโยชิค่อยๆ ปีนลงมาจากเสาไฟ และทันทีที่มาถึงพื้น...นายอิมาโยชิ โชอิจิก็โดนฝ่ามือพิฆาตจากกัปตันทีมบาสไคโจวตบเข้าที่หัวเต็มๆ “เจ็บนะ ตีทำไมอ่ะ?”
“ปากน่าฆ่าเองนี่หว่า! เลิกเล่นลิ้นแล้วไปกันต่อได้แล้ว!” คาซามัตสึเอ่ย
“จ้า เมียจ๋าาาาา” อิมาโยชิลากเสียงยาว
“เดี๋ยวปั๊ดฆ่าจริงๆ ซะนิ!” คาซามัตสึส่งลูกถีบใส่ทีหนึ่งก่อนที่จะเริ่มเดินทางสำรวจเมืองกันต่อ และ... “ความซวยมาเยือนอีกแล้ว”
...เจอซอมบี้ฝูงใหญ่รอต้อนรับอยู่
“คราวนี้ซอมบี้ตัวใหญ่จังหรือขึ้นอืดหว่า?” อิมาโยชิบ่นขึ้นมาลอยๆ
“อาจจะ” คาซามัตสึตอบรับอย่างไม่ใส่ใจนักพลางค่อยๆ หยิบเคียวเกี่ยวข้าวของตนออกมาเตรียมลุยกับซอมบี้ “ยังไงก็ช่าง ฉันว่าเราควรลุยๆ ไปเลยนะ”
“ฉันก็ไม่คิดว่าพวกนี้จะยอมมานั่งจับเข่าคุยกับพวกเราหรอก” อิมาโยชิชักกริชออกมาฟาดใส่ซอมบี้อย่างรวดเร็ว “มาแข่งเก็บไอ้พวกนี่กันไหมคาซามัตสึ?”
“ตามแต่เถอะ” คาซามัตสึที่ขี้เกียจหรืออะไรสักอย่างขานรับไปส่งๆ
“งั้นตกลงตามนี้นะ” อิมาโยชิหัวเราะหึๆ แล้ว...เริ่มมหกรรมการกวาดล้างซอมบี้ขึ้น
สามสิบนาทีต่อมาเด็กหนุ่มทั้งสองพากันจัดการซอมบี้ได้จนสิ้นด้วยสภาะสะบัดสะบอมพอสมควร จึงทำให้ทั้งสองเลือกหาที่พักกันก่อนที่จะเดินสำรวจกันต่อ เนื่องจากยามนี้ถ้ามีเหตุต้องปะทะกับเหล่าซอมบี้อีกรอบพวกตนคงสู้ไม่ไหวแล้ว
“ให้ตายสิ...วันนี้ขอรีเครสข้าวหน้าปลาไหลกับชิโกะได้ไหมเนี่ย?” อิมาโยชิบ่นขึ้นมาเบาๆ ...เขาไม่คิดเลยว่าจะเจอจำนวนที่มากมายขนาดนี้
“ไม่รู้สิ อาจได้มั้ง” คาซามัตสึเองที่ไม่ค่อยแน่ใจอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของหญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มตนยามนี้เท่าไหร่เอ่ย
“งั้นเปลี่ยนคำถาม...คิดว่ากลับไปจะโดนชิโกะแกล้งเล่นต่อไหมอ่ะ?” อิมาโยชิเอ่ยขึ้นมาเล่นๆ อย่างไม่หวังคำตอบหรืออะไรนัก
“ถ้าเอาตามความคิดฉัน...โดนแน่นอน ไม่มีรอด” คาซามัตสึเดาได้เลยว่ากลับไปต้องโดนแกล้งสักอย่างสองอย่าง แต่จะน้อยหรือมากก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์รายนั้นอ่ะนะ
“มีวิธีรอดไหมหว่า?” อิมาโยชิทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“มี แต่นายอย่าทำเชียว” คาซามัตสึที่รู้ทันในสิ่งที่อีกฝ่ายคิดรีบเอ่ยดักไว้...ก็อย่างรายนั้นถ้าจะไม่แกล้งพวกเขาก็มีแค่เกิดเรื่องฉุกเฉิกมากๆ กับพวกเขาเล่นสิบแปดบวกแล้วถ่ายวิดีโอให้รายนั้นชมนี่หว่า!
“แหม เสียดายจังรู้ทัน” อิมาโยชิบ่นอย่างเสียดายจริงๆ
“พูดเหมือนนิสัยชิโกะเดายากนักเนอะ” คาซามัตสึสวนกลับทันควัน
“ก็นะ” อิมาโยชิไม่เถียงว่านิสัยของสาวเจ้าเดาง่ายจริงๆ
“เอ้าๆ เลิกพูดถึงรายนั้นให้เสี่ยงต่อการถูกหลอกหลอน (?) แล้วไปกันต่อเถอะ” คาซามัตสึที่พูดไปพูดมาชักกลับสาวเจ้าจะโผล่มาหาพวกตนถึงที่ชอบกลเอ่ย
“โอเค~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาวก่อนที่จะพากันไปสำรวจเมืองกันต่อ
ทางจุดกึ่งกลางระหว่างทิศตะวันออกและตก (โฮริคาวะและคาเนะ)
“เราจะไปทางไหนกันก่อนดีล่ะ?” คำถามหนึ่งถูกถามขึ้นมาจากปากของคาเนะ ในขณะที่เจ้าตัวกำลังยืนอยู่จุดกึ่งกลางระหว่าทิศทั้งสี่พอดี
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ” โฮริคาวะส่ายหน้าวืดอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะไปทางใดต่อเหมือนกัน
“ใช้วิธีเสี่ยงทายไหม?” คาเนะเสนอความเห็นขึ้นมา
“ตามไงตามกันเลยครับ” โฮริคาวะที่ตามใจอีกฝ่ายจนชินพยักหน้ารับ
“งั้น...” ว่าแล้วคาเนะก็ชักดาบออกมาฝักแล้ว...
ฉับ!
...ฟันเสาต้นน้อยผู้โชคร้ายจนขาดครึ่ง เสาเหล็กเมื่อไร้สิ่งใดยึดให้ตั้งตรงก็ค่อยๆ เอียงล้มไป...ทางทิศตะวันออกมาพอ ดี ทำให้หนุ่มทั้งสองไม่ต้องเสียเวลาหาตัดเสาต้นใหม่เพราะดันล้มไปทางทิศที่มีคนไปแล้วเข้า
“ทางนี้สินะ...ไปกันเถอะคุนิฮิโระ” คาเนะรีบวิ่งโร่ไปทางทิศที่ว่าก่อนใคร
“ครับ” โฮริคาวะขานรับพร้อมพยายามวิ่งตามเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายกลับมาแบกตนวิ่งไปแทน และพอวิ่งไปได้สักพัก...ทั้งสองก็มาเจอเข้ากับกองทัพซอมบี้เข้าเสียให้
“โอ้...ดูท่าเรามาถูกทางนะ” คาเนะยิ้มราวเด็กเจอของเล่น
“คงงั้นล่ะครับ” โฮริคาวะเอ่ย
“มาจัดการเจ้าพวกนี้กันเถอะเนอะ” คาเนะฟาดฟันดาบใส่ซอมบี้ตัวแรกที่พุ่งเข้ามา
“รับทราบครับ” โฮริคาวะชักดาบออกมาแล้วไปตะลุมบอนกับซอมบี้ด้วยอีกคน...หลังจากทำการสู้กับเหล่าศพเดินได้กันสักพัก หนุ่มดาบทั้งสองก็ปราบพวกซอมบี้ได้สำเร็วเนื่องจากซอมบี้จัดการได้ง่ายกว่าพวกที่พวกตนเจอปกติเสียอีก
“สะใจดีแฮะ” เมื่อจัดการซอมบี้จนเรียบร้อยยิ่งกว่าแม่บ้านมือทอง (เดี๋ยวๆ มันเกี่ยวอะไรด้วยนั้น?! // คาเนะ , น่าๆ เล่นไปเถอะ // s) คาเนะก็เก็บดาบเข้าฝัง
“คาเนะซัง ผ้าครับ” โฮริคาวะยืนผ้าขนหนูที่ขนมาจากไหนไม่รู้ให้คนผมดำยาว
“อา ขอบใจ” คาเนะรับผ้ามาเช็ดคราบเลือดคราบหนองที่ติดมาจากการต่อสู้เมื่อครู่ออกจากร่างตน
“ผมพันกันแล้วด้วยครับ หวีหน่อยเถอะครับ” โฮริคาวะเอ่ยพร้อมชูอาวุธ...ซะเมื่อไหร่ ชูหวีขึ้นเตรียมหวีผมที่พันกันยุ่งของอีกฝ่าย
“อ่ะๆ ได้ๆ” คาเนะขานรับไปส่งๆ เพราะว่าตอนนี้คู่หูตนก็เอาหวีมาหวีผมตนแล้ว
“เรียบร้อยแล้วครับ” โฮริคาวะยิ้มร่าหลังจากแงะผมอีกฝ่ายเพียงไม่นานก็สามารถทำให้เส้นผมอีกฝ่ายกลับมาคืนตัวได้อย่างง่ายดายจนน่าเอาไปเป็นช่างทำผมชอบกล
“ขอบใจ...งั้นไปสำรวจต่อเถอะ” คาเนะเอ่ยพร้อมเดินลิ่วๆ ไปหาตัวอะไรมาสู้เล่นต่อ
“ครับผม” โฮริคาวะรีบตามไปอย่างรวดเร็ว หนุ่มๆ ทั้งสองพากันเดินวนอยู่ในเขตตะวันออกของเมืองสักพัก ไม่สิ จนรอบเลยต่างหากล่ะ “ดูท่าทางทิศนี้จะมีแต่พวกเมื่อกี้นะครับ เราไปทิศต่อไปเลยดีไหมครับ?”
“แน่นอนสิ” คาเนะพยักหน้ารับ และนั้นทำให้ทั้คู่พากันไปที่ทิศตะวันตกของเมือง แต่แล้ว...
“...ดูท่ามีขบวนต้อนรับเราอีกแล้วนะครับ” ...เมื่อมาถึงทัเงคู่ก็พบกับฝูงซอมบี้ที่มากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่ารอต้อนรับอยู่
“เยอะกว่าตอนแรกด้วย...แบบนี้สิถึงจะสนุก!” คาเนะยิ้มร่าพร้อมกับเริ่มการต่อสู้ครั้งที่สองของวัน เช่นเดียวกับโฮริคาวะและ...ดูท่าศึกคราวนี้จะยามนานกว่าในรอบแรกเป็นแน่แท้
“ไง...กลับมาแล้วเหรอพวก?” คำทักทายพร้อมกับ...ยิ้มแบบหลอนๆ ถูกส่งมาจากร่างเปื้อนเลือดของหญิงสาว ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองที่เพิ่งกลับมากันสะดุ้งโหยงอย่างห้ามมิได้
“ไปทำอะไรมาอีกแล้วเนี่ยชิโกะ? ไหงเลือดอาบอีกแล้วเนี่ย?” ฮิมุโระถามกับสภาพปานผีสาวของอีกฝ่าย
“แล่ปลามา ได้ตัวใหญ่เหมือนคราวก่อนน่ะเลยอยู่ในสภาพนี้” ชิโกะตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“หลอนอ่ะ ชิโกะจิน” มุราซากิบาระย้ายร่างใหญ่ๆ ของตนหลบหลังคนผมดำหน้าสวย “เหมือนผีเลย”
“อยากโดนแกล้งใช่ไหมมุราซากิบาระ?” ชิโกะแยกเขี้ยวใส่
“ไม่อ่ะ” มุราซากิบาระส่ายหน้าวืด...กับรายนี้เนี่ยขอเถอะ! ไม่อยากปวดจิตลามไปถึงตับ!
“เออ...ว่าแต่เธอมาเดินร่อนแบบนี้แล่ปลาเสร็จแล้วเหรอ?” ฮิมุโระที่เห็นท่าไม่ดีรีบช่วยเหลือคู่หูตนทันที
“ยัง พอดีนึกไม่ออกว่าจะเอามาปลามาทำอะไรดีเลยจะมาถามพวกนายว่าเย็นนี้อยากกินปลาทอดหรือต้มยำปลาน่ะ...แต่ทำลาบก็ไม่เลวนะ” ชิโกะทำท่าครู่คิด
“เอาตามความเห็นก็คงบอกว่าตามใจเธออย่างเดียวล่ะ” ฮิมุโระส่งยิ้มนางงาม (?) ให้
“ฉันขอหมดได้ไหมอ่ะ?” สำหรับมุราซากิบาระที่หญิงสาวพูดมามันดูน่ากินหมดเลย
“งั้นเอาหมดเนอะ” ชิโกะพยักหน้ารับ
“ตามนั้น” ฮิมุโระที่ขี้เกียจเถียงหรืออะไรกับสาวเจ้าตอบส่งๆ ไป “ว่าแต่คนอื่นๆ ล่ะ? ทำไมวันนี้เธอมาเดินร่อนคนเดียวเนี่ย?”
...เพราะปกติจะมีคนตามคุม (?) อย่างน้อยหนึ่งคนนี้หว่า?...
“พวกนั้นไปนั่งดูถ่ายทอดสดการแข่ง NBA ส่วนพวกดาบเห็นว่าไปซ้อมดาบกันตรงป่าด้านหลังน่ะ” ชิโกะเอ่ย
“อ๋อ” ฮิมุโระพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“มุโระจินๆ หิวอ่ะ” มุราซากิบาระเอาคางพาดลงบนเรือนผมสีดำ
“รอไปก่อนนะอัตสึชิ” ฮิมุโระส่งยิ้มหวานให้เด็กหนุ่มร่างยักษ์
“ถ้าหิวไปกินขนมในครัวก่อนไป” ชิโกะเอ่ยกึ้งไล่เนื่องจากไม่อยากฟังเสียงงอแงของรายนี้เท่าไหร่นักในตอนนี้
“เอ๋~~~ มีขนมเหรอชิโกะจิน~~~?” มุราซากิบาระทำตาวาวขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่าขนม
“ถ้าไม่มีคงบอกนายเนอะ” ชิโกะสวนกลับอย่างกวนๆ
“คราวนี้ทำอะไรมาล่ะ?” ฮิมุโระถาม
“แกงบวดฟักทอง...” ชิโกะตอบ “...นายก็คุมอย่าให้มุราซากิบาระกินหมดหม้อล่ะ เดี๋ยวคนอื่นเขาไม่มีกินกัน”
“โอเค” ฮิมุโระพยักหน้ารับ ในขณะที่เด็กโข่งม่วงลากตนขึ้นไปบนบ้านอย่างรวดเร็วด้วยความที่อยากินขนม
“...นับวันยิ่งเหมือนพี่เลี้ยงเด็กแฮะ” ชิโกะส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะเดินไปแล่ปลาต่อและเมื่อผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ... “เสร็จเสียที...ตัวใหญ่ๆ นี่แล่ยากชะมัดคราวหน้าเปลี่ยนใช้ดาบแล่แทนดีไหมหว่า?”
...สาวเจ้าก็จัดการปลาตัวใหญ่ยิ่งกว่าร่างเองเสร็จเสียที
“คาซามัตสึ~~~ คืนนี้ขอได้ไหมอ่ะ~~~~?”
“ไม่ได้”
“สักนิดน่า”
“ไม่”
“ขอหน่อยนะ”
“ไม่ได้เด็ดขาด”
“หือ?” ชิโกะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูลอยแว่วมาพลางแหว่งพุ่มไม้ออกมาดูและ...พบเด็กหนุ่มหนุ่มหน้าจิ้งจอกกำลังทำท่าออดอ้อนจนน่าถีบใส่คนผมดำตาสีครามขณะที่เดินเข้ามาในเขตบ้านกันอยู่ “เล่นอะไรกันอ่ะพวกนาย?”
“อ...ชะแว๊ดดดด! นี่ไปโดนอะไรมาห๊าชิโกะ!?” เด็กหนุ่มทั้งสองเมื่อหันไปมองตามเสียงเรียกและเห็นสภาพของหญิงสาวก็แว๊ดลั่นออกมาในทันที
“แล่ปลาเพิ่งเสร็จ...แล้วนี่ไม่คิดใจอ่อนหน่อยเหรอคาซามัตสึ? เราอยากดู” ชิโกะถามกลับปน้าตาเฉย
“จะบ้าหรือไงชิโกะ!? ไม่เอานะเว้ย!” คาซามัตสึรีบถอยกรูดด้วยความที่สังหรณ์ว่าความซวยกำลังจะลอยมาหาตน
“เอาหน่อยน่าาาาา” ชิโกะลอย (?) เข้าหาคนตาสีคราม
“นั้นสินะ” อิมาโยชิที่เห็นผลประโยชน์ส่วนตนด้วยรีบเอ่ยเสริม
“ไม่เอา!” คาซามัตสึทำมือเป็นรูปกากบาก
“ถ้าไม่ยอมงั้น...” ชิโกะสะบับมือน้อยๆ “...เราจะแกล้งนายล่ะนะ~~~”
“เฮ้ย!” ว่าแล้วก็มีเสียงปุ้งดังขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับควันสีขาวๆ ก็ปรากฏรอบตัวคาซามัตสึและเมื่อควันจาง...หูกับหางแมวก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายคาซามัตสึเสียแล้ว “เล่นอะไรเนี่ยยัยชิโกะ! เสกอะไรมาอีกเนี่ย...เฮ้ย! หูแมวหางแมวเหรอ!? ทำไมชอบของแบบนี้จังฟะ!?”
“เพราะเราชอบแมวไง” ชิโกะยักคิ้วกวนๆ “และมันจะไม่หายไปจนกว่านายจะยอม ××× กับอิมาโยชินะ”
“ยัยบ้า!” คาซามัตสึเริ่มอยากเอาหัวโขกเสาตายแล้วสิ เนื่องจากรู้ว่ารายนี้คงไม่มีทางที่จะยอมเอาหูแมวนี่ออกจากหัวตนง่ายๆ แน่เว้นแต่จะยอมทำตามเงื่อนไขที่ว่ามานั่น
“ก็บ้าน่ะสิ” ชิโกะหัวเราะคิกคัก “อ่ะๆ โวยยังไงเราก็ไม่เอาออกให้หรอกนะ อย่าโวยให้เหนื่อยเลย ส่วนอิมาโยชิ...อย่าลืมถ่ายคริปให้เราด้วยเอ้อ!”
“รู้แล้วน่า” อิมาโยชิพยักหน้ารับ
“งั้นก็ดี ง้นเราไปเก็บปลาก่อนล่ะ” ชิโกะว่าพลางโดดดึ๋งๆ ราวจิ้งโจไปหลังพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
“เราควรปลงอย่างเดียวใช่ไหมเนี่ย?” หลังจากสาวเจ้าไปแล้วคาซามัตสึก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“ฉันก็ว่างั้นแหละ” อิมาโยชิตบบ่าคนที่หูหางงอกเป็นการปลอบ...สำหรับเขาคนอย่างชิโกะ อาคากิถ้าไม่ปลงให้ได้เร็วๆ คงได้ปวดจิตตายอย่างเดียวแหละ
“เออ...ไอ้บนหัวนั้นมันอะไรนั้น?” คำถามที่แสดงถึงความงุนงงอย่างชัดเจนดังออกจากปากอิสึมิโนะคามิ คาเนะซาดะทันทีเมื่อกลับมาถึงยังหน้าบ้านต้นไม้และพบกับเด็กหนุ่มผมดำตาสีครามในสภาพที่...มีหูหางแมวโผล่ออกมาจากร่างกาย
“อย่าถามถึงมันเลยครับ” คาซามัตสึเบ้หน้าน้อยๆ
“แต่ถ้าเอาง่ายๆ คือโดนชิโกะแกล้งครับ” อิมาโยชิส่งยิ้มแห้งๆ ให้คนอายุมากกว่า
“นางแกล้งคนอีกแล้วสินะ?” คาเนะคิ้วกระตุกนิดๆ เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายมีหูหางงอกขึ้นมา
“ชิโกะซังเนี่ยสุดๆ เลยนะครับ” โฮริคาวะส่ายหน้าไปมา “แต่...ถ้าคาเระซังหูงอกด้วยอีกคนน่าจะดูดีนะครับ”
“ไม่มีทางและอย่าแม้แต่คิดเชียวนะคุนิฮิโระ” คาเนะที่เดาออกว่าคู่หูตนหมายถึงอะไรรีบเอ่ยดักไว้
“แต่มันน่าจะดูดีจริงๆ นะ” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นที่...ด้านหลังหนุ่มดาบทั้งสองทำให้แต่ล่ะคนสะดุ้งโหยงแล้วหันขวับไปยังต้นเสียงก่อนจะ...
“ชะแว๊กกก!” ...ร้องลั่นเมื่อภาพที่ปรากฏเข้าสู่สายตาคือภาพของคนคนหนึ่งซึ่งใส่หน้ากากที่ดูไม่ออกว่าเป็นอะไร รู้แค่มันเหมือนกับอะไรสักอย่างกำลังแยกเขี้ยวใส่ ทำให้หนุ่มๆ ทั้งสี่พร้อมใจกันฟาดอาวุธในมือใส่อยางรวดเร็ว
“อันตรายนะยะ!” ตัวต้นเหตุเมื่อครู่โดดหลบข้าวของที่ฟาดใส่ตนอย่างรวดเร็วพลางถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่คุ้นเคย
“แล้วใครใช้ให้เธอแกล้งพวกฉันล่ะ!? แล้วหน้ากากนั้นมันอะไรกัน!?” คาซามัตสึแว๊ดใส่ หูหางแมวฟูฟ่องขึ้นมา
“เราเอาไม้มาแกะเล่นน่ะ” ชิโกะตอบหน้าตาเฉย
“ทำหน้ากาปีศาจมาใส่เพื่อ!?” อิมาโยชิยังถึงกับคุมขมับ...จะใส่มาหลอกเล่นทำไมเนี่ย!? ยังดีนะที่รายนี้ไปล้างเนื้อล้างตัวมาแล้วเนี่ย ไม่งั้นสยองคูณสองเลย
“ใครว่า หน้ากากแมวต่างหาก แต่แกะห่วยไปหน่อยเลยกลายเป็นแบบนี้” ชิโกะทำหน้ามุ่ยน้อยๆ
“...” ...อื้ม ได้คำตอบแบบนี้พูดไม่ออกเลย
“ไม่ต้องอึ้งเลย เราแกะสลัดไม่เก่งแล้วผิดหรือไง?” ชิโกะแยกเขี้ยวใส่
“ไม่ผิด แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นแกะเป็นรูปที่ต่างกันโดนสิ้นเชิงแบบนี้ได้น่ะ” คาซามัตสึไม่คิดง่ารูปแบบมันจะเปลี่ยนได้ขนาดนี้นะ
“จะว่าไม่มีฝีมือหรือเก่งแบบพิลึกๆ ดีเนี่ย?” อิมาโยชิเอ๋อกินเลยงานนี้
“เอาตามความคิดข้า...น่าจะอย่างหลัง” คาเนะคิดว่าไม่มีใครโลกไหนทำแบบนี้ได้แน่ ยกเว้นแต่พวกบ้าๆ อย่างรายนี้
“ไม่มั้งครับคาเนะซัง ชิโกะซังอาจแค่พลาดเฉยๆ ก็ได้” โฮริคาวะยิ้มแห้งๆ
“แหม ได้ทีเอาใหญ่เลยนะพวก...แบบนี้ต้องเจอออฟชั่นเสริมหน่อยแล้ว” ชิโกะโบกมือเบาๆ และ...
ปุ้ง!
...เสียงปุ้งเบาๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับมีควันปรากฏรอบตัวคาซามัตสึและคาเนะจนมิด
“เอ๊ะ? อะไรอ่ะ?” เสียงคาเนะที่ออกจะงงนิดๆ ดังขึ้นจากในม่านหมอก
“ยัยชิโกะ...เอาอีกแล้ว!” เสียงคาซามัตสึดังขึ้นคล้ายคนกำลังคลั่ง (?)
“คราวนี้จะอะไรนะ อยากรู้จัง” อิมาโยชิหัวเราะหึๆ พลางนึกว่าเมื่อควันจางลงจะมีอะไรแปลกๆ ให้ตนชม
“ไม่เป็นอะไรแน่นะครับ?” โฮริคาวะที่ไม่แน่ใจว่าควันตรงนี้คืออะไรถาม...ถึงพอรู้ว่ารายนี้ไม่น่าทำอันตรายใครไปมากกว่าทำให้ปวดจิตก็เถอะ
“อย่างชิโกะไม่มีทางทำอะไรที่เป็นอันตรายหรอกครับ แค่...” อิมาโยชิยิ้มแห้งๆ พร้อมกับที่ควันค่อยๆ จางลงไป
“...เป็นแบบนี้นั้นเองจ้าาาาา!!!” เมื่อควันจางหายไปสาวเจ้าก็ผายมือไปยังคนสองคนที่...ร่างหดเล็กลงจนกลายเป็นเด็กไปเสียแล้ว
“อ๊ากกกก! ชิโกะ! ยัยบ้า! แค่หูแมวก็แย่แล้วนะเฮ้ย! จะเพิ่มนี่มาทำไมเนี่ย!?” คาซามัตสึเมื่อรู้สภาพตัวเองก็ทำหน้าราวจะร้องไห้...จะเพิ่มความซวยให้เขาทำไมเนี่ย?!
“เอ๊ะ! ทำไมตัวข้าเล็กลงล่ะ!?” คาเนะมองร่างกายตนอย่างแปลกใจ
“น่ารักจังเลยครับ!” โฮริคาวะพุ่งเข้าไปกอดอีกฝ่ายด้วยสีหน้าชื่นมืน
“แจ่มแจ๋วมากชิโกะ” อิมาโยชิจิ้มๆ แก้มของเด็กน้อยตาสีคราม ก่อนที่จะโดนคนกลายเป็นเด็กปัดมืออกในเวลาต่อมา
“ใช่ไหมล่ะ?” ชิโกะยิ้มร่า
“ไม่ต้องมาใช่ไหมล่ะเลย! แก้ไอ้ผลบ้าๆ นี่เลยนะ!” คาซามัตสึโวยวาย
“ไม่ และเราบอกวิธีแก้ไปแล้วนิ?” ชิโกะแล่บลิ้นใส่
“เอาวิธีอื่นได้ไหม!?” คาซามัตสึทีรู้ว่าที่อีกฝ่ายพูดหมายถึงอะไร
“นี่ๆ วิธีแก้คืออะไรหรือ?” คาเนะที่ยังไม่รู้ว่าวิธีแก้ที่ว่าคืออะไรหันไปถามอิมาโยชิ
“อ๋อ วิธีแก้คือ...” อิมาโยชิออกอาการเหงื่อตกนิดๆ ที่ต้องบอกรายนี้
“ต้อง ××× กันแล้วส่งคลิปมาให้เราดูจ้า!” ชิโกะที่เห็นอิมาโยชิลำบากใจที่จะบอกเอ่ยเสริมขึ้นมาในทันใด
“เอาจริง?” คาเนะถึงกับแข็งทื่อเมื่อได้ยินแบบนี้
“แน่นอน” ชิโกะพยักหน้ารับ
“แล้วคลิปที่ว่านี่...คืออะไรครับ? แล้วมันส่งยังไงล่ะครับ?” โฮริคาวะเอียงคอน้อยๆ
“เอาง่ายๆ นะ...” ชิโกะเสกกล้องวิดีโอออกมา “...เห็นกระจกใสๆ ตรงนี้ไหม? ให้มันหันมาทางพวกนายแล้วกดปุ่มแดงตรงนี้ จากนั้นจะทำอะไรหน้ากล้องก็ทำ แล้วจากนั้นก็เอามาคืนเราในวันพรุ่งนี้แค่นั้นเอง”
“อื้ม เข้าใจแล้วครับ” โฮริคาวะพยักหน้ารับ
“นี่นายคิดจะทำจริงๆ หรือ!?” คาเนะหันไปโวยใส่คู่หูตน
“แน่ะนอนครับ โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหนล่ะครับ?” โฮริคาวะไม่คิดว่าจะได้ฟัดอีกฝ่ายในสภาพตัวเล็กๆ น่ารักๆ แบบนี้บ่อยๆ แน่
“นั้นสิน้าาาา” อิมาโยชิเห็นด้วยกับความคิดนี่เต็มๆ ...การได้กอด (กด) คนรักตนเองในสภาพนี้มันหาไม่ได้ง่ายๆ นะ!
“แกก็อย่างเออออตามสิฟะไอ้บ้า!” คาซามัตสึหันไปถีบใส่คนใส่แว่นหน้าจิ้งจอก
“ทำอะไรกันครับเนี่ย?” ระหว่างเถียงกึ้งเล่นกันกันอยู่นั้นก็มีเสียงถามดังขึ้น ทุกชีวิตจึงเงนหน้าขึ้นไปมองต้องเสียง...และพบกับสองตัวจริงของทีมบาสโยเซ็นก้มลงมามองพวกตนอยู่บนบ้านต้นไม้
“หว่าๆ ไหงตัวเล็กลงกันล่ะ?” คนผมม่วงถามอย่างสงสัยกับที่เห็นคนสองคนด้านล่างกลายร่างเป็นเด็กไปได้
“ชิโกะแกล้ง” หนุ่มๆ สี่คนเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน
“โอเค เข้าใจล่ะ” คำพูดแค่นี้ก็ทำให้สองหนุ่มที่นั่งบนบ้านเข้าใจอย่างง่ายดาย
“แกล้งคนบ่อยไปไหมชิโกะ?” ฮิมุโระถามกลับไปอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่นิ ว่าแต่นายอยากโดนด้วยไหม?” ชิโกะยิ้มร่าคล้ายอยากแกล้งคนเพิ่ม
“ไม่ล่ะ ขอบใจ” ฮิมุโระปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“เอ๋~ แต่ฉันอยากเห็นมุโระจินเป็นเด็กอาาาาา” มุราซากิบาระลากเสียงยาว
“เอาไว้วันหลังจะเอาภาพให้ดูแล้วกันนะอัตสึชิ” ฮิมุโระส่งยิ้มหวานให้เด็กโข่ง “และฉันว่าพากันขึ้นบ้านกันได้แล้วมั้ง”
“เออ จริงเนอะ” ชิโกะที่เพิ่งนึกได้ว่าได้เวลาทำกับข้าวแล้ววิ่ง...ไม่สิ โดดขึ้นไปหาฮิมุโระทันใด “รีบๆ ขึ้นมาล่ะพวก!”
“ปลงกับปลง..ปลงดีสุด” อิมาโยชิบ่นขึ้นมาเบาๆ ...ยังไงก็ไม่ชินกับไอ้การกระโดดรวดเดียวถึงด้านบนของรายนี้สิน้า
“นั้นสินะ” คาซามัตสึพยักหน้ารับพลางถอนหายใจออกมาอีกคน
“นี่สนุกไหม?” คาซามัตสึที่กลายเป็นเด็กยามนี้...โดนคนรักตัวเองจับนั่งตักเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวสุดแสน
“สนุกดี” อิมาโยชิตอบออกมาหน้าตาเฉยโดยที่มือทั้งสอง...กำลังจับหูแมวทั้งสองข้างของคาซามัตสึเล่นอย่างมันส์มืออยู่
“ไปเล่นที่อื่นได้ไหมเนี่ย?” คาซามัตสึถาม
“ไม่เอา” อิมาโยชิปฏิเสธทันควัน
“แต่มันน่ารำคาญเฟ้ย! ไปไกลๆ เลย!” คาซามัตสึแว๊ดลั่น...มันจั๊กจี้นะเว้ย! เล่นอยู่ได้!
“ไม่สน” อิมาโยชิปฏิเสธอีกรอบ
“...” พอได้รับคำตอบแบบนี้คาซามัตสึชักอยากแจกรอยเล็บให้รายนี้สักรอยสองรอยเสียแล้วสิ
“อย่าทะเลาะกันสิครับ” ฮิมุโระห้ามด้วยสีหน้ายิ้มๆ เหมือนเดิม
“ใครมันจะโดนเด็กโข่งเกาะจนชินแบบนายล่ะ!?” คาซามัตสึเถียงกลับใส่คนที่ยามนี้มีสภาพไม่ต่างกันนัก นั่นคือการโดนคนรักตัวเองเกาะนั่นเอง
“ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย คาซาจินอ่ะ!” มุราซากิบาระทำแก้มป่องพลางเอาคางวางบนหัวฮิมุโระ
“หยุดทะเลาะกันเถอะครับ” โฮริคาวะพยายามห้าม
“เจ้าเองก็เลิกเอาหน้าไถ่หัวข้าเถอะ” คาเนะที่มีสภาพไม่ต่างจากเคะทั้งสอง (?) นักเอ่ยด้วยท่าทีเหนื่อยใจ
“ขอปฏิเสธครับ” โฮริคาวะส่ายหน้าวืด
“เอ้าๆ เลิกเล่นกันก่อนแล้วมากินข้าวเย็นกันเถอะ” ระหว่างที่กำลังเถียงกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น (?) ชิโกะก็ยกอาหารเย็นมาที่โต๊ะพอดี “ใครช้าหมดเราไม่ช่วยนะ”
“คร้าบบบบ” หนุ่มๆ ทั้งหลายขานรับพร้อมรีบลงมือกินข้าวเย็นด้วยความเร็วแสง ซึ่งก็เหมือนทุกวันถ้าไม่ติดว่า...
“คุนิฮิโระ...คีบมาให้หน่อยสิ” ...ดูท่าคนกลายเป็นเด็กจะมีปัญหากับการทานมื้อค่ำในครั้งนี้เสียแล้ว
“รับทราบครับผม” โฮริคาวะรีบคีบของที่คาเนะชี้ให้ทันทีราวป๋าเลี้ยงต๋อย... (เฮ้ยๆ! อย่าเอาดาบมาฟันเราสิ! // s , ก็บรรยายดีๆ สิครับ! // โฮริคาวะ)
“เอื้อมไม่ถึงเหมือนกันใช่ไหมคาซามัตสึ?” อิมาโยชิถามขึ้นมาเมื่อเห็นคนรักตนคีบเฉพาะของที่อยู่ใกล้ๆ มาทานเท่านั้น
“...” คาซามัตสึเบ้หน้าน้อยๆ แทนคำตอบ ทำให้อิมาโยชิอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้พร้อมคีบของที่อยู่ห่างเกินระยะเด็กเอื้อมถึงมาให้
“มุโระจินๆ ป้อนหน่อยๆ” มุราซากิบาระที่เกิดอาการอิจฉาคนเป็นเด็กหรืออย่างไรก็ไม่ทราบหันไปอ้อนใส่คนหน้าสวยผมดำ
“ไม่ใช่เด็กแล้วนะอัตสึชิ ถึงจะให้ป้อนอยู่น่ะ” ฮิมุโระบ่นเล็กน้อย แต่ก็ยังยอมป้อนให้เด็กโข่งม่วงอยู่ดี
“หวานจังกันนะพวกนาย” ฟุคุอิที่มองรุ่นน้องตนทั้งสองที่ดูราวกับพวกคู่ใหม่ปลามันกันอย่างหน่ายๆ พร้อมกับดันหน้าเด็กหนุ่มชาวจีนที่จะมาอ้อนตนเอาไว้
“เรามาหวานกันอีกคู่ดีไหมโคกิ?” อาคาชิหันไปถามคนผมน้ำตาล
“อย่าทำเชียวนะอาคาชิ ฉันอายนะ” ฟุริฮาตะรีบห้ามทันใดก่อนที่อีกฝ่ายจะทำอะไรแปลกๆ ออกมา
“ที่จริงน่าลองอยู่นะ” อาคาชิบ่นอุบอิบ
“ข้าลองมั้ง...เอ้า น้องชาย อ้าม” ฮิเกะคิริที่ไม่รู้นึกสนุกอะไรเริ่มหันไปป้อนข้าวให้น้องตัวเอง
“ท่านพี่อย่าเล่นงี้สิครับ!” ฮิสะมารุหน้าแดงวาบกับการกระทำของสิงโตสีเหลือง
“อ้าม” ฮิเกะคิริไม่สนคำโวยวายนั้นแล้วยังเอาข้าวจ่อปากอีกฝ่ายต่อไป
“...” ฮิสะมารุที่เริ่มจนใจกับพี่ตัวเอง สุดท้ายก็ยอมทำตามประสงค์ของอีกฝ่าย
“อร่อยไหม?” ฮิเกะคิริถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ครับ...” ฮิสะมารุตอบด้วยใบหน้าแดงแจ๋
“แหม จีบอะไรกันเกรงใจกันมั่งก็ได้นะ...รอเราเตรียมวิดีโอก่อนแล้วค่อยหวานกันสิ เราจะได้ถ่ายเก็บไว้ทัน” ชิโกะไม่ว่าเปล่ายังเสกกล้องวิดีโอขึ้นมาไว้ในมือจริงๆ อีกด้วย
“ไม่ต้องเลยนะ! ยัยบ้า!” เหล่าเคะ (?) แต่ล่ะคนหันมาแว๊ดใส่สาวเจ้าในทันใด
“ก็บ้าน่ะสิ” ชิโกะแล่บลิ้นใส่
“อย่าเล่นระหว่างทานข้าวกันสิ” มิบุจิที่เหมือนแม่ขึ้นทุกทีดุเล็กน้อย
“อุ้ย! โทษที...” ความวุ่นวายเมื่อครู่เริ่มสงบลงทันตาและทำให้...
“ขอบคุณสำหรับอาหารคร้าบบบ” ...จนท้ายที่สุดทุกชีวิตก็ทานมื้อเย็นกันเสร็จโดยไม่มีเรื่องอะไรลอยมาอีกรอบจนได้ เหล่าหนุ่มเมื่อกินเสร็จก็ช่วยกันยกจานชามไปเก็บก่อนที่จะกลับมานั่งจับเข่าคุยกันที่เดิมต่อ
“ชิโกะ...พรุ่งนี้พวกฉันได้ไปทางทิศไหนเหรอ?” โมริยามะซึ่งเป็นคู่สุดท้ายในกลุ่มตนที่โดนให้ไปสำรวจเมืองถาม...หวังว่าไม่ใช่ให้พวกเขาเดินทั่วทั้งเมืองเลยนะ
“นายกับโมริยามะไปทางทิศเหนือ เราไปทางทิศใต้กับตะวันออก ส่วนตะวันตกก็ฮิเกะคิริกับฮิสะมารุน่ะ” ชิโกะตอบ
“เดี๋ยวนะ...เธอได้ไปด้วย?” อิสึกิถาม...ตอนแรกคิดว่ามีแค่พวกเขาเสียอีก!
“แถมควบสองทิศอีก...” โมริยามะที่เอ๋อกินกับสิ่งที่ได้ยินเหมือนกันพึมพำออกมาเบาๆ
“อื้อ สงสัยนายหัวทองเปลวนั้นเห็นว่าเราน่าจะจัดการได้มั้งเลยให้ควบสองเลย” ชิโกะยักไหล่น้อยๆ
“แต่เล่นให้ผู้หญิงไปเดินเล่นในเมืองแบบนั้นไม่ค่อยเหมาะเลยนะ” ฮิเกะคิริไม่คิดว่าสถานการณ์แบบนี้ให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไปเดินร่อนในเมืองที่เต็มด้วยอันตรายจะเหมาะสักเท่าไหร่นัก
“ใช่ ถึงเจ้าจะบ้าก็เถอะ...” ฮิสะมารุถึงรู้ว่ารายนี่ไม่เป็นไรง่ายๆ แน่แต่ก็อดที่จะเห็นด้วยเสียมิได้
“ว่าแต่ฉันอยากถามนานแล้ว...ทำไมเธอไปเรียกแนชว่าหัวทองเปลวล่ะ?” โมริยามะถาม...รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินแล้ว เพราะส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้ตั้งใจแกล้งรายนี้จะเรียกด้วยชื่อมากกว่าตั้งฉายาให้แบบนี้
“อ๋อ ไม่มีอะไรมาก...แค่ตอนแรกเราจำชื่อหมอนั่นไม่ได้บวกกับหมั่นไส้แค่นั้นแหละ” ชิโกะยิ้มร่า...ว่าตามจริงตอนเห็นหน้าหมอนั่นตอนแรกโคตรหมั่นไส้เลย
“...ฉันควรสงสารรายนั้นไหม?” โมริยามะหันไปถามคนรักตน
“เอาตามความคิดผม...ไม่ครับ” อิสึกิส่ายหน้าวืด
“...ข้าชักอยากเห็นคนที่ว่านั้นแล้วสิ” ฮิเกะคิริพอได้ยินแบบนี้ก็ชักอยากเห็นที่ว่าขึ้นมาตงิดๆ
“ข้าก็ด้วย” ฮิสะมารุพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“อย่าดีกว่าครับ หมอนั่นมันกวนบาทา” โมริยามะเอ่ย
“ใช่เลย” อิสึกิสนับสนุนคำพูดเมื่อครู่
“...ขนาดอิมาโยชิซังเห็นด้วยนี่ไม่ธรรมดาเลยล่ะ ขอบอก...กับไอ้ปีศาจหน้ายิ้มเนี่ย” ฮานามิยะเอ่ยเสริม...แบบเหมือนกัดใครบางคนกลายๆ ขึ้นมา
“ไม่กัดฉันจะเป็นอะไรไหมเนี่ยฮานามิยะ?” อิมาโยชิหันไปบ่นใส่รุ่นน้องสมัยม.ต้นของตนเอง
“เป็นครับ” ฮานามิยะตอบกลับหน้าตาเฉย
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิเว้ย!” คาซามัตสึตบหลังคนใส่แว่นหน้าจิ้งจอกอย่างไม่ออมแรง เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายไปแกล้งฮานามิยะเข้า
“ได้ชมมวยคู่ต่อไปแล้วววว” ชิโกะเอ่ยอย่างร่าเริงกับการดูคู่รักทะเลาะกัน (?)
“อย่ามัวเล่นสิชิโกะ” อิสึกิส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ กับสาวเจ้าที่ดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย “แล้วเธอแน่ใจนะว่าควบสองทิศจะไหว?”
“แน่นอน ระดับไหนแล้ว...ถ้าไม่ใช่เรื่องออกไปเจอคนเยอะๆ เราทำได้หมดแหละ” ชโกะยักไหล่น้อยๆ
“ไอ้นิสัยกลัวคนนี่เลิกเสียทีเถอะ” อิสึกิกรอกตาไปมา
“...เดี๋ยวนะ...นางกลัวคน?” ฮิสะมารุชี้ไปที่หญิงสาว...บ้าๆ ลั้นลาๆ แบบนี้เนี่ยนะกลัวคน? ไม่น่าเชื่อสักนิด
“ถ้านับที่เป็นคนปกติล่ะก็...ใช่ครับ” อิสึกิเกาหัวน้อนๆ อย่างไม่รู้จะอธิบายยังไง
“ชิโกะบ้าเฉพาะกับพวกเราเท่านั้นแหละครับ...กับพวกที่อยู่ในโลกจริงๆ ของชิโกะรายนี่เป็นพวกชอบอยู่ในหลีบน่ะครับ” ฟุคุอิที่ว่างเว้นจากการทะเลาะกับชาวบ้านว่าพลางนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคราวที่ไปติดในโลกที่มีความคล้ายคลึงกับโลกของหญิงสาว...ตอนนั้นเกิดอายชาวบ้านจนแทบโดดตึกหนีด้วยซ้ำ
“...” ฮิสะมารุเมื่อได้รับคำตอบแบบนี้ก็นิ่งเงียบไป “ทำไมพอคิดภาพตาม ข้าหลอนกับนางในแบบในหลีบมากกว่าเนี่ย?”
“นันสินะ...คล้ายๆ กับเห็นยามาบุชิสลับนิสัยกับยามัมบะกิริเลย” ฮิเกะคิริหัวเราะร่าเมื่อนึกภาพตาม...มันคงฮาแบบแปลกๆ น่าดู
“แบบนั้นมันแปลกๆ อยู่นะครับ” โฮริคาวะไม่อยากคิดเลยว่าถ้าคนที่ถูกเอ่ยถึงทั้งสองนั้นสลับนิสัยกันขึ้นมาจริงๆ จะเป็นไง
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงนายคงตีหัวน้องนายให้สมองกลับเข้าที่เข้าทางทั้งคู่เลยใช่ไหม?” ชิโกะแทบปล่อยก๊ากเมื่อเห็นยิ้มแห้งๆ ของคนที่กำลังนึกภาพน้องตัวเองสลับนิสัยกันอยู่
“อาจจะครับ” โฮริคาวะพยักหน้ารับ
“โหดเหมือนกันนะนายเนี่ย” ชิโกะเอ่ยแซว
“ยอมรับครับ” โฮริคาวะที่ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวพยักหน้ารับในขณะที่...ความวุ่นวายที่มีแกนหลักสามคนคืออิมาโยชิ คาซามัตสึและฮานามิยะก็ลอยแว่วมาอย่างต่อเนื่องก่อนความวุ่นวายที่ว่าก็จบลงด้วยชัยชนะของคาซามัตสึในที่สุด
ทางห้องของมุราซากิบาระและฮิมุโระ
“มุโระจิน” เสียงเรียกอย่างอ้อนๆ ดังขึ้นพร้อมกับน้ำหนักที่กดทับลงบนบ่าและหัวของนายฮิมุโระ ทัตสึยะจากเด็กหนุ่มผมม่วงที่ทับคนอื่นแบบไม่ดูขนาดตัวเองแม้แต่น้อย
“ว่าไงอัตสึชิ?” ฮิมุโระส่งยิ้มรับคำเรียกเมื่อครู่
“วันนี้ฉันไม่ได้กินขนมนะ” มุราซากิบาระเอ่ยแบบที่จับใจความสำคัญของประโยคเมื่อครู่ไม่ได้มากนัก
“แล้ว?” ฮิมุโระเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ
“สัญญาไง มุโระจินอย่าเนียนลืมสิ” มุราซากิบาระทำแก้มป่อง
“ไม่ลืมน่าไม่ลืม แต่จะเอาที่นี่เลยเหรอ?” ฮิมุโระถาม...ที่จริงเขายังไงก็ได้ เพราะเป็นคนเสนอเอง แต่นี่ถ้าทำที่นี่โดยไม่คิดอะไรจริงๆ เหรอ?
“อื้ม” เด็กโข่งม่วงพยักหน้ารับ
“ไม่กลัวชิโกะแอบติดกล้องไว้หรือไง?” ฮิมุโระถาม
“ไม่ ปกติชิโกะจินไม่ทำหรอก” มุราซากิบาระมั่นใจเลยว่าถ้าไม่ตกปากรับคำรายนั้นว่าจะถ่ายวิดีโอให้ก็ไม่มีทางแอบมาถ่ายเองหรอก เห็นบ้าๆ แบบนั้นแต่ก็เคารพสิทธิส่วนตัวของพวกเขาพอดู...
...แต่มันก็แค่พอดูล่ะนะ...ยังดีกว่าไม่มีเลยแล้วกัน
“ก็จริง” ฮิมุโระไม่เถียงเรื่องนี้ “แล้วเรื่องเสียงไม่กลัวลอยไปรบกวนคนอื่น?”
“อย่างชิโกะจินมีหรือจะไม่เสกห้องเก็บเสียงออกมา?” มุราซากิบาระกล้าพนันล้านเปอร์เซ็นเลยว่าคนอย่างชิโกะ อาคากิต้องเสกห้องเก็บเสียงออกมาแน่
“ก็นะ” ฮิมุโระยักไหล่น้อยๆ
“อย่ามัวบ่ายเบี่ยงสิมุโระจิน ฉันอยากกินมุโระจินแล้วอ่ะ” มุราซากิบาระทำหน้ามุ่ยราวเด็กโดนขัดใจ
“เอ้าๆ ก็ได้ๆ ...” ฮิมุโระหัวเราะออกมาเบาๆ “...มาเริ่มกันเถอะเนอะ อัตสึชิ”
ทางห้องอิมาโยชิและคาซามัตสึ
“...ต้องทำแบบนี้จริงสิ?” คำถามเบาๆ ดังออกมาจากปากคาซามัตสึ หูแมวกระดิกไปมาอย่างน่ารัก
“แหงสิ คิดว่าชิโกะจะยอมปล่อยไปง่ายๆ เหรอ?” อิมาโยชิถามกลับหน้าตาเฉย
“ไม่คิดแต่...” คาซามัตสึคิ้วกระตุกยิกๆ กับ... “...นายจะให้ฉันใส่ชุดผู้หญิงทำขนมจีบอะไรวะห๊า!?”
...การที่โดนนายอิมาโยชิ โชอิจิจับแต่งชุดวันพีชสีขาวราวตุ๊กตานั้นเอง ยิ่งยามนี้ตัวคาซามัตสึมีหูหางแมวเพิ่มเข้ามายิ่งเพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก
“น่ารักดีออก” อิมาโยชิยิ้มน้อยๆ กับสภาพคนรักตนตอนนี้ที่น่ารักน่าฟัดเหลือหลาย!
“ไม่น่ารักเว้ย! แล้วนี่เอามาจากไหนห๊า!?” คาซามัตสึขู่ฟ่อใส่
“ให้ชิโกะเสกให้” อิมาโยชิตอบแบบสั้นๆ ง่ายๆ และได้ใจความเป็นที่สุด ไม่ต้องถามอะไรต่อให้ยืดยื้อเลย
“...” ...โอเค เขาผิดเองที่ถาม
“เสกออกมาได้น่ารักดีเนอะ” ถึงแม้สาวเจ้าที่ตนเองถึงจะไม่มีเซนท์ด้านแฟชั่นเท่าไหร่รัก แต่ก็เสกออกมาได้เหมาะพอดูเลย
“น่ารักกับแมวน้ำสิ!” คาซามัตสึโวยลั่นก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่ออีกฝ่ายคว้าหมับเข้าที่หางตน “เฮ้ย! จับบ้าอะไรของนายน่ะ!?”
“แค่เล่นหางหน่อยจะเป็นอะไรไปเล่า?” อิมาโยชิถามพลางมองปฏิกิริยาของคาซามัตสึที่ยิ่งลูบก็ยิ่งสั่นแถมมีหลุดครางออกมาเบาๆ อีก “ความรู้ไวตรงหางหรือไง?”
“ไม่รู้เว้ย!” คาซามัตสึเอามือดันหน้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เอาไว้ “ปล่อยเลยนะอิมาโยชิ!”
“ไม่เอา” อิมาโยชิปฏิเสธทันควันพร้อมกับ...จับอีกฝ่ายมากดไว้บนเตียงแล้วขึ้นคล่อมในเวลาต่อมา
“ไอ้หื่นเอ้ย!” คาซามัตสึนึกคำด่าใส่คนหน้าหนาคนนี้ออกแค่นี้จริงๆ
“อื้ม ยอมรับ...กับนายคนเดียวล่ะนะ” อิมาโยชิยิ้มและ...จากนี้เป็นไงกันต่อคงเดากันออกสินะ?
ทางห้องของโฮริคาวะและคาเนะ
“คุนิฮิโระ...ต้องทำจริงๆ เหรอ?” คาเนะที่ตอนนี้...อยู่ในสภาพล่อแหลมมมากถามเสียงแผ่ว ขณะที่คู่หูกำลังขึ้นคล่อมบนร่างตน
“ครับ หรือคาเนะซังไม่อยากกลับร่างเดิมล่ะครับ?” โฮริคาวะถามกลับ
“อยากน่ะอยาก แต่มัน...” คาเนะเบ้หน้าน้อยๆ “...มันไม่น่าไหวนะ! ร่างนี้น่ะ!”
“ไม่ลองไม่รู้หรอกครับ” โฮริคาวะยิ้มบางๆ เป็นการปลอบใจอีกฝ่าย “ไม่ต้องห่วง ผมจะพยายามทำเบาที่สุดนะครับ”
“เห็นพูดแบบนี้ทุกรอบแต่ทำไม่ได้สักรอบเลยนะ” คาเนะบ่นอุบ...ก็ทุกครั้งที่ทำกันก็พูดแบบนี้ทุกครั้งและเขาต้องนอนปวดเอวเพราะอีกฝ่ายทำแรงไปทุกครั้งเลยนี่หว่า!
“แฮะๆ” โฮริคาวะหัวเราะแห้งๆ ไม่ได้ทำการโต้ตอบอะไรกลับไป
“เถียงไม่ออกล่ะสิ?” คาเนะเอ่ย
“ครับ” โฮริคาวะพยักหน้ารับ “แต่คราวนี้จะพยายามมากกว่าเดิมครับ”
“คุนิฮิโระ...” คาเนะเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย “...อย่าเพิ่งเอามือเลื้อยเข้ามาในเสื้อข้าเซ่!”
“แหม นิดเดียวเองครับ” โฮริคาวะยิ้มร่า ในขณะที่คาเนะเริ่มเหงื่อตก
“...” ...เอาแล้วไง...ภาคหื่นออกมาอีกแล้ว!
“คาเนะซัง...” โฮริคาวะเริ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“พ...พอก่อนคุนิฮิโระ ข้าว่าไม่ไหวมั้ง” คาเนะเอามือเล็กๆ ในร่างเด็กของตนดันหน้าอีกฝ่ายไว้
“ไม่เอาล่ะครับ มาถึงขั้นนี้แล้ว” โฮริคาวะใช้มือข้างเดียวรวบข้อมืออีกฝ่ายกดลงกับฝูก...แหม ปกติก็น่ารักอยู่แล้ว เล่นมาอยู่ในร่างที่น่าฟัดกว่าเดิมแถมหน้าแดงจนน่ากินแบบนี้ใครจะอดใจไหวล่ะครับ! “ขอนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนคุนิฮิโระ! เดี๋ยววววว!!!” คาเนะพยายามร้องห้าม แต่...อนิจา ถึงแม้ปกติโฮริคาวะจะเชื่อฟังคาเนะเป็นอย่างดี หากแต่ถ้าเป็นเรื่องอย่างนี้โฮริคาวะแถมเรียกได้ว่าเมินทุกคำพูดคำด่าเลยทีเดียว
TBC.
ช่วงตอบเม้น
Lilina konome จัง : เราลืมตั้งกล้องถ่ายอ่ะ เอาคู่คะชูกับยามาโตะไปแทนแล้วกัน #ยื่นคลิปให้
Ken คุง : ไม่รู้สิน้า
กุหลาบสีดำ นิรนามทมิฬ ซัง : คาเนะโดนกดแล้วนี่ไง^^
ความคิดเห็น