ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #191 : [AkaFuri] Bourei

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.93K
      49
      4 ส.ค. 60

    Title :   Bourei

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Akashi x Furihata

    Notes : S // สวัสดีจ้า! อันดับหนึ่งในการโหวตมาแล้วจ้า!!! (#โผล่มาจากบ่อน้ำแบบซาดาโกะ)

    อาคาชิ // (#สะดุ้งเล็กน้อย) นี่ถึงเวลาเริ่มโปรเจคแล้วเหรอ?

    s // ใช่แล้ว! เพราะงั้นลงไปแสดงเลยจ้า!!! (#เสกสาหร่ายให้ลากอาคาชิลงบ่อไป)

    อาคาชิ // ให้ไปแบบปกติสักครั้งเถอะ!!! (# โวยขณะที่ร่างค่อยๆร่วงลงไปในบ่อน้ำและหายไปในที่สุด)

    s // (#เมินคำของอาคาชิ) ขอให้สนุกกันนะท่านผู้อ่านทุกท่าน เชิญชมความรั่ว (?) ได้เลยจ้า!

    .....................................................................................

    Bourei

     

     “อาคาชิ~~~!!!” เสียงเรียกที่ลากยาวอย่างร่าเริงเรียกให้เด็กหนุ่มผมแดงที่เป็นเจ้าของชื่อหันกลับไปมองต้นเสียง ดวงตาสีแดงสดใสมองไปยังเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลที่พุ่งเข้ามาหา วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันเถอะ~~~!!!”

     “ขอโทษด้วย พอดีวันหยุดนี้ฉันไม่ว่างอาคาชิเบี่ยงตัวหลบก่อนที่จะโดนชน ทำให้อีกฝ่ายได้แต่คว้าอากาศวืดไป ไปชวนคนอื่นแทนเถอะฮายามะซัง...งานนี้ตื้อยังไงฉันก็ไม่ไปหรอก

     “อ้าว? งั้นเหรอ? ว้า น่าเบื่อจัง...งั้นไปชวนคุณมืดมน (ฮิงุจิ) แทนก็ได้ฮายามะเมื่อเห็นว่ากัปตันทีมของตนไม่ยอมไปกับตนด้วยง่ายๆ แน่งานนี้ก็หันไปพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่ยืนอยู่ห่างออกไปแทน

     “...” อาคาชิมองคนผมสีคาราเมลอย่างขำๆ ก่อนที่จะหันไปทำหาของตนต่อตามปกติจและเมื่อถึงเวลาเลิกซ้อมของชมรม เจ้าของเรือนผมสีแดงก็รีบคว้ากระเป๋าของตนออกจากโรงเรียนไปในทันทีแทนที่จะรอกลับกับคนในทีมตัวจริงเช่นเดียวกับตนอย่างทุกวัน

     “...หมอนั่นเป็นอะไรไปหว่า?” ดวงตาสีเงินของเด็กหนุ่มผมเงินมองคนผมแดงที่เดินเร็วเสียจนแทบเป็นวิ่งเลยด้วยซ้ำด้วยความงุนงง

     “ไม่รู้สิ...รีบไปหาแฟนมั้งเด็กหนุ่มหน้าสวยที่งงไม่ต่างกันลองคาดเดาดู

     “ตลกล่ะ อย่างอาคาชิเนี่ยนะจะมีแฟน?” เด็กหนุ่มหัวลูกสนุ๊กส่ายหน้าไปมา

     “อาคาชิก็คนนะเอย์จัง อาจจะมีจริงๆ ก็ได้เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลยังคงยิ้มร่าตามปกติ

    ฉันว่าคงไม่ใช่วะ ถ้าเกิดไปหาแฟนคงไม่ทำหน้าเศร้าแบบนั้นหรอกคนผมเงินหรือมายุสุมิ จิฮิโระเอ่ยแย้ง

    เอ๋? อาคาชิทำหน้างั้นเหรอ?” ฮายามะถาม

    เออดิมายุสุมิพยักหน้ารับ

    แล้วตกลงหมอนั่นเป็นอะไรหว่า?” เนบุยะ เอย์คิจิเกาะหัวตัวเองนิดๆ

    ทำหน้าเศร้า...อ่ะ! จริงสิ...” คนหน้าสวยทำท่าเหมือนจะนึกอะไรออก “...เซย์จังคงไปที่นั้นสินะ

    พูดอะไรอ่ะ? นึกอะไรออกเหรอพี่เรโอะ?” ฮายามะส่งสีหน้าลูกหมา (?) ให้อีกฝ่าย

    นึกออก แต่ฉันไม่บอกหรอก...นี่มันเรื่องส่วนตัวของเซย์น่ะมิบุจิ เรโอะเอ่ยพลางคว้าแขนคนผมเงินไว้ และฉันไม่อยากเจอกรรไกรบินด้วยงั้น...ไปล่ะ!”

    เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน! กลับมาบอกผมก็เด้! พี่เรโอะ~~~~!!!” ฮายามะร้องโวยวายเมื่อมิบุจิรีบหนีไปโดนลากมายุสุมิไปด้วยเสียแล้ว

    เอาน่าโคทาโร่...บางทีเรื่องนี้ไม่รู้คงดีกว่ามั้งเนบุยะที่ยามนี่เหลืออยู่กับฮายามะสองคนเอ่ยปลอบเพื่อไม่ให้ตนต้องฟังเสียงบ่นจากรายนี้ตลอดทางกลับบ้านนั่นเอง

     

     

     

     

     

    ตึง...ตึง...

    เสียงก้าวเดินอย่างเป็นจังหวะดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบงันจนทำให้ถ้าใครไม่เคยมา ณ สถานที่แห่งนี้ที่มีป้ายหลุมศพเรียงรายหรือสุสานคนเดียวคงรู้สึกอยากวิ่งหนีไปให้ไกลๆ โดยเฉพาะในยามสนธยาแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่รีบใส่เกียร์แมววิ่งเลยล่ะ

    แต่ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นนั้นคงไม่มีผลกับเด็กหนุ่มผมแดงที่เดินอย่างมั่นคงและไม่มีความหวาดหวั่นอะไรเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีแดงสดกวาดมองยังป้ายหลุมศพทีเรียงกันอย่างเป็นระเบียบนิ่งๆ ก่อนที่จะไปหยุดที่หน้าป้ายหลุมศพแห่งหนึ่งที่เขียนไว้ว่า อาคาชิ ชิโอริ

    ผมมาเยี่ยมแล้วนะครับ คุณแม่...ขอโทษนะครับที่ปีนี้มาช้าไปหน่อย...” เด็กหนุ่มผมแดงหรือที่รู้จักกันในนามอาคาชิ เซย์จูโร่ยิ้มเศร้าออกมา “...พอดีวันนี้ผมมีซ้อมเลยมาช้าไปหน่อย แต่ยังไม่เกินวันนะครับ คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

    ...ที่จริงเขาคงแอบแว่บมาได้ตั้งแต่เช้าด้วยซ้ำถ้าไปติดโดนส่งไปเรียนเกียวโตเนี่ย...

    คุณแม่...ปีนี้ผมแข่งแพ้เป็นครั้งแรกด้วยล่ะครับ โดนคุณพ่อว่าใหญ่เลย แต่ว่า...” อาคาชิเอ่ยต่อคล้ายกับว่า...อยากหาคนที่รักฟังความทุกข์ใจของตนสักนิด แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่ไม่อาจโต้ตอบอะไรได้แล้วก็ตาม “...ผมกลับรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ ไม่รู้ทำไม...คุณแม่คงไม่ว่าผมที่คิดแบบนี้ใช่ไหมครับ?”

    จะไปว่าทำไมล่ะ? เด็กโง่เอ้ย...”

    เอ๊ะ?” อาคาชิหลุดร้องเอ๋อๆ ออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงอันแสนอ่อนโยนตอบกลับมาทั้งๆ ที่ในตอนนี้มีตนอยู่คนเดียวแท้ๆ หูแว่วเหรอ?”

    ...นั่นสิเนอะ...ต้องหูแว่วอยู่แล้ว เสียงที่คุ้นเคยนี้คงไม่มีวันได้ยินอีกอยู่แล้วล่ะ...

    นี...อย่าทำหน้าหงอยนักสิ หัดทำหน้าร่าเริงให้สมเด็กหน่อยสิ!” เสียงเดิมนั้นดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับ...

    เหวอ! โอ๊ย!” ...มีหญิงสาวผมแดงโผล่ออกมาจากป้ายหลุมศพแล้วดีดมะกอกใส่หน้าผากอาคาชิเต็มๆ ...ถึงแม้จะเจ็บที่โดยดีดหน้าผาก แต่นั้นก็ไม่ดึงดูดความสนใจของอาคาชิเท่าไหร่เมื่อเทียบกับการเห็นว่าคนที่โผล่ออกมาจากป้ายหลุมศพเป็นใคร ...คุณแม่!?”

    อ้าว? จำหน้าแม่ได้ด้วยเหรอ? คิดว่านานจนลืมแล้วเสียอีก...” หญิงสาวร่างกึ่งโปร่งใสยิ้มหวาน “...อ่ะ? ไหงนิ่งค้างแบบนั้นล่ะ? กลัวแม่เหรอ? งั้นแม่ไปก็ได้นะ

    เดี๋ยวครับ! อย่าเพิ่งไปนะ!” เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายจะไปแล้วก็รีบคว้าร่างอันเลือนลางของหญิงสาวไว้...ซึ่งแน่นอนว่าวืด เนื่องจากวิญญาณนั่นล้วนทะลุผ่านทุกสิ่งอยู่แล้ว ผมแค่ตกใจเฉยๆ! ไม่ได้กลัวแม่นะ! อย่าทิ้งผมสิ!”

    จ้าๆ ไม่ไปก็ไม่ไปจ้า...อย่าเพิ่งน้ำตาแตกสิ แม่ใจเสียนะชิโอริมองลูกชายตนที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้าแล้วพลางยิ้มแห้งๆ ออกมา

    ผมเปล่าสักหน่อย!” อาคาชิเซ็ดตาตนลวกๆ ...แค่ดีใจเองเลยเผลอ

    แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จะร้องก็ร้องมาแม่ไม่ว่าหรอก...” ชิโอริหัวเราะออกมาเบาๆ “...แล้วนี่เมื่อกี้บอกโดนพ่อเขาว่าเพราะแค่แข่งแพ้? ดูท่าแม่ต้องโผล่ไปหาพ่อเขาสักหน่อยแล้วสิ

    อย่าเลยครับ เดี๋ยวพ่อเค้าหัวใจวายตายเอาอาคาชิส่ายหน้าวืด...ที่จริงพ่อเขาคงไม่หัวใจวายตายหรอก แต่จะเปลี่ยนเป็นรีบกราบแม่ทันทีจนคนที่มาทำงานในบ้านช่วงหลังแม่เสียไปแล้วจนอ้าปากค้างแทน...

    ...ก็พ่อเขาเป็นพวกกลัว...เออ เกรงใจศรีภรรยาสุดแสนนี่นา ถึงแม่เขาจะใจดีก็เถอะ

    พ่อเขาไม่ตายหรอกเชื่อแม่ชิโอริยักไหล่น้อยๆ แล้วนี่...ลูกคิดอะไรมาซะเกือบมืดเลย เดินทางในที่แบบนี้มืดๆ ค่ำๆ มันอันตรายนะ ถึงมาวันพรุ่งนี้แทนแม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกน่า

    ผมอยากมาให้ทันวันนี้นี่ครับ และคงไม่อันตรายอะไรหรอกมั้งครับในที่แบบนี่เนี่ยอาคาชิตอบ

    ถึงเป็นในสุสานก็อันตรายอยู่ดีนะ! เดินออกจากสุสานก็ทางเปลี่ยวตั้งห้าร้อยเมตรก่อนถึงถนนใหญ่! ถ้ามีโจรดักปล้นลูกจะทำไงเล่า!” ชิโอริบ่นด้วยความเป็นห่วง เอาเป็นว่าวันนี้แม่จะไปขอคนดูแลสุสานให้ลูกพักที่นี่คืนหนึ่งแล้วกันนะ!”

    ไม่ต้องหรอกครับ...” อาคาลิเถียงแต่...

    เซย์จูโร่!” ...ดันโดยแม่ตัวเองค้อนใส่ซะงั้น

    “...ก็ได้ครับอาคาชิเบ้หน้าเล็กน้อย

    โอเค ตามนี่...งั้นเดี๋ยวแม่มา รออยู่นี่ห้ามไปวิ่งเล่นแถวไหนนะชิโอริเอ่ยเตือน

    ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะแม่!” อาคาชิโวยเล็กน้อย

    สำหรับแม่ลูกก็เด็กอยู่ดีนั้นแหละชิโอริส่งเสียงตอบกลับมาและจากนั้นก็ลอยห่างไปจนลับตา ก่อนที่จะกลับมาหลังผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีพร้อมกับ...

    นี่นาย...เพื่อนร่วมทีมคุโรโกะ?” ...คนที่อาคาชิคุ้นหน้าคุ้นตาเนื่องจากเพิ่งเจอกันเมื่อศึกวินเทอร์คัพที่ผ่านมานี่เอง!

    อะจึ๋ย! คนที่ชิโอริซังบอกคืออาคาชิเหรอครับ?!” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหันไปถามวิญญาณสาวข้างกายตน

    ถูกจ้า น้าก็บอกแล้วนี่ว่าจะขอฝากลูกชายน้าสักคืนน่ะ?” ชิโอริถาม

    แต่ก็ไม่คิดว่าจะบังเอิญเป็นอาคาชิคนนี้นะครับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลถอนหายใจออกมาเบาๆ ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมมองไปที่คนผมแดงที่ดูงงเหมือนกันที่ตนมาอยู่ที่นี่ เฮ้อ งั้นเชิญอาคาชิมาที่บ้านก่อนดีกว่านะ...ยืนตากลมหนาวนานๆ เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก

    “...อื้ออาคาชิพยักหน้ารับพลางสังเกตอีกฝ่ายที่ยามนี้...ยังสั่นไม่ต่างจากเจ้าเข้าดั่งตอนที่เจอกันครั้งแรกเป๊ะเลย แล้วนี่นาย...ไหงสั่นแบบนั้นล่ะ?”

    ...ถึงปกติจะไม่คิดอะไร แต่เห็นสั่นเป็นเจ้าเข้าแบบนี้ต่อให้ด้านแค่ไหนก็อดรู้สึกตงิกๆ ไม่ได้เหมือนกันนะ...

    เออ...คือ...” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลหลบตาคนผมแดงอย่างกลัวๆ

    โคกิคุงเขาขี้กลัวน่ะจ๊ะ ไม่มีอะไรหรอก...แต่อย่าเผลอไปทำให้โคกิกลัวจนน้ำตาแตกล่ะ ไม่งั้นเคียวคุงมาเห็นได้เรื่องแน่ชิโอริที่รู้ว่ารอเจ้าตัวตอบคงอีกนานเลยเอ่ยแทน เอาเป็นว่ารีบกลับที่พักกันทั้งสองคนเลยนะจ๊ะ ไม่งั้นเดี๋ยวหวัดกินกันทั้งคู่แน่ และถ้าป่วยจริงจะให้เคียวคุงหาของที่เกลียดมาให้กินเลย

    ไปล่ะครับ!” เด็กหนุ่มทั้งสองที่รู้ว่ารายนี่ถ้าพูดลักษณะนี้คือเอาจริงรีบจับมือกันวิ่งไปในทันที โดยมีวิญญาณสาวลอยตามด้วยสีหน้าขำๆ

     

     

     

     

     

    หลังจากที่เด็กหนุ่มทั้งสองพากันวิ่งมาถึงบ้านของผู้ดูแลสุสานหรือบ้านของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลซึ่งเป็นบ้านทรงญี่ปุ่นขนาดกลางด้วยอาการหอบแฮ่กๆ ทั้งคู่ หญิงสาวร่างใสก็ไล่ทั้งสองเข้าไปในบ้านก่อนที่จะหายตัวไปโดยบอกว่าจะกลับป้ายหลุมตัวเองเพราะให้วิญญาณออกห่างจากป้ายหลุมศพหรือที่สิงนานๆ มันไม่ดีเท่าไหร่...ซึ่งตอนแรกอาคาชิก็ตื้อบอกไม่ให้ไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมแม่ตัวเองเหมือนเดิม...

    ...จนในที่สุดภายในบ้านที่ด้านนอกเป็นสไตร์ญี่ปุ่นหากแต่ด้านในเป็นลักษณะเหมือนบ้านจัดสรรทั่วไปก็เหลือแค่เด็กหนุ่มทั้งสองอย่างในยามนี้นี่แหละ

    ...เออ อาคาชิเอาน้ำหรืออะไรหน่อยไหม?” หลังจากนั่งเงียบอยู่นานเด็กหนุ่มผมน้ำตาลเอ่ยทำลายความเงียบเป็นคนแรก

    ไม่ล่ะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องสงสัยมากกว่าอยู่...” ดวงตาสีแดงคู่สวยจ้องฝ่ายตรงตามตาไม่กระพริบ “...อย่างแรกของถามเลยนะ...นายชื่ออะไร?”

    ...ฟุริฮาตะ โคกิครับฟุริฮาตะตอบเสียงสั่น

    โอเค ฟุริฮาตะ...ฉัยขอถามอีกข้อนะ... “ อาคาชิเอ่ย “...ว่าทำไม...นายทำหน้ายังกับฉันจะกินตับเนี่ย? กลัวอะไรกัน?”

    ...ถ้ากลัวเฉยๆ จะไม่ว่าแต่เล่นทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกแกล้งเนี่ย...ยอมรับเลยว่ารู้สึกผิดขึ้นมาเฉยๆ เลย...

    ...ใครกลัว? ไม่มีสักหน่อยฟุริฮาตะขึ้นเสียงสูง

    อย่าโกหกน่าอาคาชิทำเสียงเข้ม

    ...” ฟุริฮาตะกำลังจะปฏิเสธแต่ว่า...

    มีใครเคยบอกนายไหมว่านายโกหกไม่เนียนเลย” ...อาคาชิเอ่ยแทรกถอนหายใจออกมาเบาๆ เสียก่อน

    ...ให้ตายสิ...เล่นแสดงทุกอย่างออกมาทางสีหน้าแบบนี้คิดว่าเขาดูไม่ออก!? เขายังไม่บื้ออย่างอาโอมิเนะนะ!...

    ประจำครับ...” ฟุริฮาตะตอบ

    เฮ้อ...” อาคาชิถอนหายใจออกมาเบาๆ กับคนที่สั่นไม่ยอมหยุด “...เอาเถอะ เอาเป็นว่าที่นายสั่นฉันจะคิดว่าเพราะหน้าฉันหลอนแล้วกัน

    ...เปล่าหรอก หน้าอาคาชิไม่ได้หลอนสักหน่อยแค่...” ฟุริฮาตะทำท่าทีลนลานเล็กน้อย “...ก่อนหน้านี่...ที่นายเอากรรไกรปาดหน้าคางามิน่ะมัน...มัน...มันน่ากลัวน่ะ!”

    “...” ...สรุปที่สั่นนี่คือกลัวจากตอนนั้นเหรอ? คุโรโกะไม่ได้บอกหรือไงเนี่ยว่าเขากับรายนั้นน่ะถึงอยู่ร่างเดียวกันแต่มันก็คนละคนนะ! “งั้นนายไม่ต้องกลัวแล้วล่ะ ฉันไม่เอากรรไกรปักหัวใครหรอก รับรองได้

    ...แต่อาจมีบ้างถ้าโดนป่วนมากๆ ล่ะนะ...

    ...จริงเหรอ?” ฟุริฮาตะถาม

    จริงสิ ไม่เชื่อไปถามคุโรโกะได้เลย...ว่าฉัน คนนี้ไม่เอากรรไกรแทงใครแน่อาคาชิเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายคล้ายความกลัวลง

    ...อื้อ งั้นฉันเชื่อนายก็ได้ฟุริฮาตะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

    เข้าใจก็ดีอาคาชิมองคนที่เข้าใจง่ายอย่างเอ็นดู...ทำไมคนในทีมเขาแต่ล่ะหน่อไม่ว่าม.ต้นหรือม.ปลายทำไมไม่ว่าง่ายแบบนี้บ้างนะ งั้นฉันขอถามอะไรต่ออีกข้อได้หรือเปล่า?”

    อื้อ...ได้สิฟุริฮาตะพยักหน้ารับอีกระรอบ

    ที่คุณแม่โผล่มา...ทำไมคุณแม่โผล่มาได้ล่ะ? ทั้งๆ ที่ฉันมาที่นี่ตั้งหลายปีไม่เห็นคุณแม่มาหาฉันเลยอาคาชิทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

    เพราะนายไม่เคยมาตอนเย็นจนใกล้มืดล่ะมั้งฟุริฮาตะเอ่ย สุสานที่นี่มักมีวิญญาณโผล่ลอยไปลอยมาแถวป้ายหลุมศพตัวเองทุกคืนอยู่แล้วล่ะ แต่ตอนกลางวันพวกวิญญาณสู้แสงแดดไม่ได้เลยไม่โผล่ออกมาให้เห็นแค่นั้นเอง

    แปลว่า...คุณแม่ออกมาทุกคืนอยู่แล้ว?” อาคาชิถาม...ถ้าเป็นงั้นจริงรู้งี้เขามาตอนค่ำๆ ตั้งแต่แรกดีกว่า ได้เจอคุณแม่ด้วย

    ถ้าหมายถึงชิโอริซังล่ะก็...ใช่ล่ะนะฟุริฮาตะตอบ

    อื้อ...แสดงว่าถ้ามาตอนค่ำก็จะเจอคุณแม่ได้สินะ?” อาคาชิแสยะยิ้มเล็กน้อย

    ใช่ฟุริฮาตะพยักหน้ารับ

    ตัดสินใจล่ะ...ว่าตลอดวันหยุดยาวนี่ฉันจะสิงอยู่ที่บ้านนายเนี่ยแหละอาคาชิยิ้มร่า

    ...ห๊า?” ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาด้วยความงงงวย ...นี่นายคิดจะมาคุยกับชิโอริซังตลอดวันหยุดยาวเลยเหรอ!? ...แล้วแบบนี้ที่บ้านนายจะไม่ห่วงเหรอ!?”

    คุณพ่อไม่ค่อยกลับบ้านไม่เป็นไรหรอก...ถึงฉันไม่อยู่แต่ถ้าทำงานสำเร็จตามที่ท่านต้องการก็ไม่เป็นไรหรอกอาคาชิตอบด้วยใบหน้าตายสนิกหากแต่น้ำเสียง...กลับแฝงด้วยความเศร้าเล็กน้อย

    ไม่ใช่หรอกอาคาชิ...” ฟุริฮาตะเถียงกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง ต่างจากก่อนหน้านี่ที่มีท่าทีหวาดกลัวเล็กน้อย “...คุณพ่อของอาคาชิคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำแบบนี้มากกว่า ฉันว่ายังๆ คุณพ่อของอาคาชิต้องเป็นห่วงอาคาชิอยู่แน่ ดังนั้น...ไม่มีทางที่คุณพ่อของอาคาชิจะใช้อาคาชิเป็นเหมือนเครื่องมือแบบนั้นหรอก เชื่อฉันสิ

    “...” อาคาชินิ่งอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดที่แฝงความรู้สึกแสนอ่อนโยนของอีกฝ่ายก่อนที่จะเผยยิ้มออกมา นั้นสิเนอะ

    ใช่ไหมล่ะฟุริฮาตะยิ้มร่า ขณะเดียวกันนั้น...

    ตึงๆ โครม! ฟิ้ว!

    ...เสียงอันดังก็ดังมาจากทางหน้าบ้านพร้อมกับมีข้าวของบินผ่านทางเข้าห้องรับแขกไป

    “...” อาคาชิมองข้าวของที่ลอยผ่านอย่างงุนงง...แต่ล่ะอย่างนี่ไม่น่าลอยมาได้เลยนะ

    อา...วันนี้พี่พาโชจิซังมาค้างสินะ?” ฟุริฮาตะหัวเราะออกมาเบาๆ

    “...ไอ้ข้าวของบินนี้มันอะไรเนี่ย?” อาคาชิถามพลางหลบบางสิ่งที่เริ่มกระเด็นเข้ามาในห้อง

    พี่ฉันกับเพื่อนพี่ฉันทะเลาะกันน่ะ...ถ้าให้เดาพี่ฉันคงไปแหย่หรือก่อเรื่องอะไรสักอย่างจนโดนไล่ถีบอีกตามเคยนั้นแหละฟุริฮาตะเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู รอสักครู่นะ...เดี๋ยวไปห้ามพวกพี่เขาก่อนทำบ้านพังก่อน

    อา...ได้...” อาคาชิที่เพิ่งเคยเห็นข้าวของแปลกๆ บินได้ครั้งแรกในชีวิตพยักหน้ารับอย่างงงๆ จากนั้นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลก็เดินออกจากห้องไป...เมื่อเวลาผ่านไปได้สักสิบนาทีเสียงโครมครามก็เงียบลงพร้อมกับฟุริฮาตะ โคกิเดินกลับเข้ามาภายในห้องโดยลากชายหนุ่มอีกสองคนเข้ามา...

    ...โดยที่หนึ่งในคนที่ถูกลากเข้ามานั้นเป็นคนที่อาคาชิรู้จักเสียด้วย

    อ้าว? ไหงนายมาอยู่นี่ได้ล่ะ?” ชายหนุ่มผมดำถามด้วยสีหน้างงๆ

    พอดีถูกเชิญมาน่ะครับ ไฮซากิซังอาคาชิตอบกลับอย่างมีมารยาท

    รู้จักเหรอโชจิ?” ชายหนุ่มผมน้ำตาลหันไปถามคนข้างๆ ตน

    เพื่อนน้องฉันน่ะไฮซากิ โชจิตอบก่อนที่จะถามคนผมแดงต่อ แล้วนายถูกใครเชิญมาเหรออาคาชิ? หรือว่านายตกท่อแล้วโคกิช่วยและโดนพากลับมาด้วยล่ะ?”

    คิดว่าอย่างผมจะตกท่อเหรอครับ?” อาคาชิกรอกตาไปมา

    ไม่คิด แต่ก็เผื่อไว้โชจิยักไหล่

    พูดอะไรกันอ่ะ? ขอรวมวงด้วยสิชายหนุ่มผมน้ำตาลเมื่อรู้สึกเหมือนกำลังโดนเมินรีบเกาะหลังคนผมดำไว้

    เรื่องอะไรแกไม่ต้องรู้หรอก! และลงจากหลังฉันเลยนะเว้ย! ไอ้เคียว! คิดว่าตัวเบาหรือไง!?” โชจิพยายามสลัดคนที่เกาะตนเป็นปลิงออก

    อย่างน้อยฉันหนักกว่านายแน่ล่ะเคียวหัวเราะออกมาเบาๆ พลางเกาะโชจิต่อไป =_=

    ไม่ต้องมาประชดเลยไอ้บ้า!” โชจิโวยลั่น

    เออ...ใจเย็นๆ เถอะครับ...ผมขี้เกียจซ่อมบ้านแล้วนะฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ ให้คนทั้งสอง

    อุ๊ย! โทษทีๆเมื่อถูกคนอายุน้อยกว่าเอ่ยเช่นนี้ชายหนุ่มทั้งสองก็หงอยลงทันที

    “...ดูเฮฮาดีเนอะอาคาชิหัวเราะออกมาเบาๆ ...อา ไอ้สถานการณ์แบบนี้ชวนให้นึกถึงสมัยม.ต้นชอบกลแฮะ

    เปลี่ยนจากเฮฮามาเป็นปวดหัวจนอยากเอาหัวโขกกำแพงตายดีกว่านะฟุริฮาตะเอ่ยแย้งแบบลืมกลัวอาคาชิ (?)

    ไหงว่างั้นอ่ะ!” เคียวที่ถูกน้องตัวเองว่ารีบลอยมาเกาะน้องตนแทน

    ก็ตามนั้นแหละครับฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะเมินและหันไปพูดกับอาคาชิแทน อาคาชิจะกินข้าวเย็นกันเลยไหม? หรือจะอาบน้ำก่อน?”

    ยังไงก็ได้อาคาชิตอบพลางมองคนที่ตัวไม่น้อยแต่ทำตัวราวเด็กอย่างเอื้อมระอา...ในอนาคตหวังว่าเพื่อนหัวม่วงของเขาจะไม่ดูชวนเส้นกระตุกแบบนี้นะ?

    งั้นฉันตัดสินให้...กินข้าวก่อนเถอะ เถียงกับไอ้เคียวนานชักหิวแล้วโชจิเอ่ยขึ้นมาแทน

    โอเค ตามนั้นนะครับฟุริฮาตะพยักหน้ารับพลางแงะมือพี่ชายตนออกอย่างรวดเร็ว และรีบวิ่งไปในครัวด้วยความเร็วแสงก่อนถูกป่วนอีกรอบ

    “...นับวันโคกิยิ่งแงะฉันเก่งแฮะเคียวเกาหัวนิดๆ ขณะที่อีกฝ่ายหนีไปแล้ว

    โดนแกเกาะมากี่ปีแล้วล่ะ ถ้าไม่รู้วิธีเอาแกออกบ้างปานนี้โคกิความสูงลดไปหลายเซนแล้วแหงโชจิแล่บลิ้นใส่เพื่อนตน

    ใจร้ายอ่ะ!” เคียวทำแก้มป่องแล้วโดดเกาะโชจิเป็นรายต่อไป

    เฮ้ย! อย่ามาเกาะฉันสิวะ!” โชจิสะดุ้งโหยงพร้อมเอามือดันหน้าอีกฝ่ายตามสัญชาตญาญ

    ไม่สน! ว่าฉันก่อนนิ!” เคียวยักคิ้วแบบกวนๆ เป็นการโต้กลับ

    “...” อาคาชิมองชายหนุ่มทั้งสองเล่นกันนิ่งๆ ก่อนที่จะเดินไปช่วยฟุริฮาตะในครัวแทนเพื่อไม่ให้ตนเพี้ยนตามสองคนนี้เข้า

     

     

     

     

     

    ขอโทษจริงๆ นะอาคาชิ...” เสียงอ๋อยๆ ดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล “...ฉันลืมไปว่านายไม่เคยเจอสงครามบนโต๊ะอาหารแบบนี้น่ะ

    ไม่เป็นไร...ช่างมันเถอะ...” อาคาชิเอ่ยพลางลูบหน้าผากตนที่ยามนี่ติดพลาเตอร์ยาเอาไว้...ส่วนสาเหตุที่มาของแผลนี้นั่ต้องย้อนไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนที่ทุกคนเริ่มรวมตัวกินข้าวกันนั้น...

    ...ทันทีที่มาถึงโต๊ะนายฟุริฮาตะ เคียวกับนายไฮซากิ โชจิดันฟัดกันซะงั้น! ส่วนที่ฟัดกันเนี่ยเนื่องจากนายเคียวดันจะโยนของที่ไม่ชอบให้โชจิแล้วโดนโวยกลับ...จากนั้นไปๆ มาๆ ก็เริ่มมีข้าวของลอยไปมาให้หลบกันเล่นระหว่างกินข้าว

    ...ซึ่งฟุริฮาตะคนน้องหลบได้ทุกดอก แต่อาคาชินี่สิตอนกินข้าวเสร็จดันหลบดอกสุดท้ายไม่ทัน โดนถ้วยลอยมาจากไหนไม่รู้ลอยมากระแทกหน้าผากเต็มๆ ...และหลังจากนั่นคนผมแดงก็ได้ดูรายการเด็กเทศผู้ใหญ่เป็นรายการต่อไป

    ...พอฟุริฮาตะเทศพี่กับเพื่อนพี่ตัวเองเสร็จก็ให้อาคาชิไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนมาทำแผล...เมื่อทำแผลเสร็จก็หลายเป็นเหตุการณ์ในตอนนี้นี่เอง

    ว่าแต่ขอบ่นหน่อยนะ...นี่พี่นายเนี่ยมีพรสวรรค์ด้านการยั่วให้คนปริ้ดแตกหรือเปล่า? เห็นกวนๆ โชจิซังตั้งแต่โผล่มาตอนแรกเลยเนี่ย?”

    ...ขนาดเขายังอดเส้นกระตุกนิดๆ เลย เขาว่าฮายามะซังกวนบวกป่วนสุดๆ แล้วนะ นี่ยังอุตสาห์มีเหนือกว่าอีก...

    “...อาจจะนะ เห็นว่าเพื่อนพี่แต่ล่ะคนก็ไล่ตื้บพี่แบบนี้แหละฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ

    แบบนั้นขอแนะนำพาไปคอสร์อมรมพฤติกรรมซะ...จะได้ไม่ไปเผลอป่วนชาวบ้านอีกอาคาชิถอนหายใจออกมาเบาๆ

    โดนคนที่ทำงานพี่ลากไปนานแล้วครับ และพี่เขาทำสถานที่วายวอดไปแล้วด้วย...” ฟุริฮาตะเอ่ย “...จำเหตุอาคารถล่มที่××××เมื่อสี่ปีก่อนได้ไหม?”

    อาคารที่××××เหรอ? ทำไมเหรอ?” อาคาชิเลิกคิ้วเล็กน้อย อย่าบอกนะว่า...ที่เป็นนั้นเพราะพี่นาย?”

    ถูกเผงฟริฮาตะพยักหน้ารับ

    ตอนนั้นจำได้ว่าตามข่าวคือโดนโจรบุกปล้นแล้วอาคารเกิดรับน้ำหนักไม่ไหวถล่มลงมาพอดีไม่ใช่เหรอ?” อาคาชิขมวดคิ้วเป็นปม...ทำไมรู้สึกว่าคำตอบที่จะได้มันจะชวนเหวอหว่า?

    ตามข่าวน่ะใช่ แต่ความจริงคือตอนนั้นพี่อยู่ที่นั้นแล้วพอเห็นโจรยกขโยกเข้ามาเกิดนึกคึกอยากเล่นด้วย (?) เลยจัดการซะ...แบบลืมสนใจรอบข้างจนทำอาคารถล่มน่ะฟุริฮาตะอธิบาย คล้ายๆ กับที่นายเห็นพี่ทำผนังทะลุด้วยตะเกียบเมื่อตอนนั้นแหละ

    “...” อาคาชิอ้าปากค้างไป...เขายอมรับว่าอึ้งอยู่ที่เห็นคนโยนกระเกียบทะลุผนังไม้ได้ แต่เขาไม่คิดว่ารายนั่นจะทำถึงขั้นถล่มตึกได้นิ! “...พี่นายคนแน่นะ?”

    คนแน่นอน แค่ถึกบวกแรงวัวแรงควายไปหน่อยฟุริฮาตะหัวเราะออกมาเบาๆ

    ฉันว่านั้นไม่เรียกว่าหน่อยแล้วนะอาคาชิเบ้หน้าเล็กน้อย เฮ้อ ช่างเถอะ อย่าพูดต่อเลยเดี๋ยวฝันร้ายเปล่าๆ ...แล้วนี่นายจะให้ฉันนอนไหนเหรอ?”

    นอนกับฉันนี่แหละฟุริฮาตะกลับอย่างซื่อๆ

    ...ห๊า?” อาคาชิเมื่อได้รับคำตอบก็ถึงกับอ้าปากค้าง...นี่ยอมให้คนที่เพิ่งเคยเจอกันไม่กี่ครั้งนอนเตียงเดียวกันเลยเหรอ!?

    ...บื้อไปป่าวเนี่ย!? อยู่รอดมาจนปานนี้ได้ไงกัน!?...

    อะไรเหรอ? หรือชอบนอนคนเดียว? งั้นฉันไปนอนกับพี่กับโชจิซังก็ได้นะฟุริฮาตะถาม

    เปล่า ไม่ใช่งั้น...คือ...” ...แค่รู้สึกแปลกๆ แค่นั้นแหละ

    คืออะไร?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ ราวกับลูกสุนักกำลังมองเจ้าของ

    เปล่า...ไม่มีอะไร...” ท้ายที่สุดอาคาชิก็ทนสายตาซื่อๆ ของอีกฝ่ายไม่ไหวเลยตอบไปอย่างจำยอม “...เรามานอนกันเถอะ นอนดึกมากไม่ดีต่อสุขภาพนะ

    อื้อฟุริฮาตะพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนที่ขึ้นเตียงก่อนที่อาคาชิจะเดินไปปิดไฟและขึ้นเตียงอีกคน ราตรีสวัสดิ์อาคาชิ

    อือ ราตรีสวัสดิ์อาคาชิเอ่ยและจากนั้นเสียงของทั้งสองก็เงียบลงไป จากนั้นพอผ่านสักพักเสียงกรนเบาๆ ก็ดังขึ้นมาจากคนผมน้ำตาล ในขณะที่เด็กหนุ่มสีแดงลืมตาขึ้นมามองคนข้างกาย ไม่ระวังตัวจริงๆ ให้ตายเถอะ...”

    ...ถ้าเป็นพวกหื่นๆ ล่ะก็สงสัยโดนลักหลับแหง...

    นายนี่มัน...สุดๆ เลยแฮะ...” มือเรียวเขี่ยเส้นผมสีน้ำตาลของคนที่จมอยู่ในนิทราขึ้นเผยให้เห็นดวงหน้าที่ดูจะเป็นสุขเหลือหลายราวกับเด็กๆ ที่กำลังหลับอยู่พลางยกยิ้มขึ้นมา “...แต่เพราะแบบนี้...ทำให้ฉันเริ่มสนใจนายแล้วสิ

    ...ดูสิ นายจะทำให้ฉันสนใจนายได้นานแค่ไหนกัน ฟุริฮาตะ โคกิ...

     

     

     

     

     

    พอค่ำคืนที่อาคาชิมาค้างกับฟุริฮาตะวันแรกผ่านพ้นไป เด็กหนุ่มผมแดงก็ได้ทำการสิง (?) อยู่ในบ้านฟุริฮาตะจริงๆ ดังวาจากล่าวไว้ โดยที่ตอนกลางคืนจะไปหาผู้เป็นแม่ของตนทุกคืนตลอดวันหยุดยาว ส่วนในยามเช้าก็มักจะตัวติดกับฟุริฮาตะคล้ายว่าอยากแกล้งให้อีกฝ่ายกลัวเล่นๆ และจากนั้น...ไม่รู้เป็นไงมาไง แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาอาคาชิก็มักจะโผล่มาที่บ้านฟุริฮาตะทุกครั้งที่ตนว่าง ส่วนใหญ่เจ้าตัวมักมาหาฟุริฮาตะก่อนที่จะไปหาวิญญาณของมารดาตนเสมอๆ ด้วย...

    ...และเป็นแบบนี้ติดต่อกันมาเรื่อยๆ มาเกือบสามเดือน...จนอาคาชิ ชิโอริที่สงสัยท่าทางแปลกๆ ของเด็กหนุ่มผมแดงก็เริ่มทำการเค้นคอ (?) ลูกชายตัวเอง

    เซย์จูโร่...แม่ถามอะไรลูกหน่อยได้ไหมจ๊ะ?” ชิโอริถามเสียงหวานใส่เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าป้ายหลุมศพของตน

    ได้ครับ มีอะไรเหรอครับ?” อาคาชิถาม...ทำไมรู้สึกตาขวากระตุกหว่า?

    ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ แค่...” ชิโอริจ้องมองอีกฝ่าย

    แค่?” อาคาชิทวนเป็นเชิงถาม

    แค่จะถามว่าลูก...กะจีบโคกิคุงเหรอจ๊ะ?” ชิโอริถามออกมาแบบขวานผ่าซากสุดๆ เล่นซะ...

    แค่ก! ...ถามอะไรกันครับเนี่ย!?” ...เด็กหนุ่มสำลักน้ำลายตัวเองเลยทีเดียว ดวงหน้าขาวๆ เริ่มขึ้นสีแดงตามสีผม

    ก็ถามตามที่แม่อยากรู้ไง...” ชิโอริหัวเราะออกมาเบาๆ “...ก็แม่เห็นว่าช่วงนี้ลูกมาหาโคกิคุงบ่อยจนไม่น่าจะตั้งใจมาหาแม่จริงๆ นี่ เลยอยากรู้...แต่ไม่คิดว่าอย่างลูกจะชอบโคกิคุงจริงๆ นิ

    เปล่านะครับ! ผมไม่ได้...” อาคาชิพยายามแย้งแต่ว่า...

    อย่าปฏิเสธซะให้ยากเลย...ตอนนี้หน้าดูง่ายพอๆ กับโคกิคุงเลยนะ” ...ชิโอริดันเอ่ยดักขึ้นมาเสียก่อน

    “...” อาคาชินิ่งเงียบไป รู้ได้ไงครับ?”

    แค่ดูก็รู้แล้ว...ลูกคงไม่คิดว่าแม่ดูลูกไม่ออกหรอกนะชิโอริยิ้มร่า และถึงลูกชอบผู้ชายแม่ก็ไม่ว่าอะไรสักหน่อย

    “...คุณแม่ยอมรับได้แต่คุณพ่อเขาไม่นะครับอาคาชิที่เห็นว่าปิดไปก็เท่านั้นเอ่ยออกมา

    ถ้าพ่อไม่ยอมลากมาหาแม่เลย...เดี๋ยวจัดการให้ชิโอริหักไม้หักมือเหมือนเตรียมจัดการคนที่บังอาจมาขวางทางรัก (?) ของลูกชายตน

    อย่าเลยครับ...สงสารคุณพ่อเขาบ้างเถอะอาคาชิรีบห้ามก่อนที่วิญญาณหญิงสาวจะไปหลอกหลอนใครเข้า...ซึ่งคนที่ว่าคงไม่พ้นพ่อของตนแน่

    จ้าๆ แหม...กลัวแม่ไปหลอกพ่อจนซ็อกตายหรือไงชิโอริหัวเราะเบาๆ

    กลัวคุณพ่อจะแสดงอาการก...เคารพแม่จนคนที่เห็นหมดความเชื่อถือคุณพ่อเขาน่ะครับอาคาชิเดาได้เลยว่าถ้าให้ใครเห็นอาการนั้นเข้า...ความน่าเชื่อถือลดหวบหาบเลยล่ะ

    ไม่หรอกน่าชิโอริยักไหล่ แล้วลูกไปชอบโคกิคุงตอนไหนเหรอจ๊ะ?”

    “...ไม่ทราบเหมือนกันครับอาคาชิจอบไปตามตรง...ว่าตามจริงเขายังไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มชอบอีกฝ่ายตอนไหนเลย...

    ...ตอนแรกเขาคิดแค่ว่าอีกฝ่ายน่าสนใจแค่นั้น แต่พอรู้จักกันนานๆ ...รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปเสียแล้ว

    อาการคล้ายพ่อเขาเลยนะเนี่ย...พ่อเขาเคยบอกว่าตอนชอบแม่ก็ไม่รู้เหมือนว่าชอบแม่ตอนไหนชิโอริเอ่ย งั้นแม่แนะนำว่าทำแบบพ่อไปเลย

    ทำไงล่ะครับ?” อาคาชิถาม

    ทำหน้าด้านบอกแม่ตรงๆ เลยน่ะชิโอชิอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอดีตยามที่ตนยังมีชีวิต

    “...แบบนั้นไม่ไหวนะครับอาคาชิส่ายหน้าวืด

    งั้นรอให้โคกิคุงโดนคนอื่นจีบก่อน...รับรองเดี๋ยวลูกจะกล้าบอกเอ่ยแหละชิโอริเอ่ยต่อ

    แบบนั้นก็ไม่เอาครับอาคาชิมั่นใจเลยว่าถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริงตนได้หน้ามืดฆ่าคนที่มาจีบแน่

    แต่แม่ว่าหาทางอื่นไม่ได้แล้วนะ...โคกืคุงยิ่งเป็นพวกซื่อ (บื้อ) อยู่ ถึงจะมีอีกทางก็เสี่ยงไปนิดชิโอริทำหน้าครู่คิด

    อีกทางที่ว่าคืออะไรครับ?” อาคาชิมองหญิงด้วยความอยากรู้

    “...ให้เคียวคุงช่วยน่ะ แต่แม่ว่าอย่าเลย...เดี๋ยวเกิดเคียวคุงนึกวิธีพิเรนท์ๆ ขึ้นมาล่ะยุ่งเลยชิโอริกล้ารับประกันล้านเปอร์เซ็นเลยว่าคนอย่างฟุริฮาตะ เคียวถ้ายอมช่วยลูกชายตนจริงๆ นั้น...วิธีการช่วยต้องเดินกว่าที่มนุษย์มนาทำกันแน่นอน

    “...แต่ถ้าไปขอจีบฟุริฮาตะกับเคียวซังเลยน่าจะดีนะครับ...อย่างน้อยถ้าเคียวซังไม่ว่าอะไรที่ผมไปจีบน้องตัวเองก็ได้หมดปัญหาไปเปาะหนึ่งด้วยอาคาชิทำหน้าครุ่นคิด แต่ถ้าเกิดเคียวซังยอมรับเรื่องชายรักชายไม่ได้คงต้องรับมือหนักหน่อะน่ะครับ

    ไม่ต้องถามหรอก เคียวคุงไม่ว่าเรื่องนั้นชัวท์...” ชิโอริส่ายหน้าวืด “...ลูกอาจไม่รู้ แต่เคียวคุงกับโชจิคุงเค้าคบกันอยู่นะ ดังนั้นไม่มีทางที่จะรับเรื่องนี้ไม่ได้หรอก

    “...สองคนนั้นคบกันเหรอครับ?” อาคาชิเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

    ใช่จ้ะชิโอริยิ้มร่า

    “...ไอ้ข้าวของบินเมื่อวันก่อนนี่ทำเอาไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่เลยนะครับอาคาชิไม่เห็นแววว่าสองคนนั้นเหมือนคนรักกันเลยสักนิด

    พูดยังกะพอกับแม่ไม่เคยทำข้าวของบินงั้นแหละชิโอริถามกลับ

    “...” เด็กหนุ่มผมแดงนิ่งเงียบไป...โอเค เขาเคยเห็นพ่อแม่ทำข้าวของบินเหมือนกัน แต่ก็ไม่หนักเท่าชายหนุ่มสองคนนั้นเพราะพ่อเขาไปกราบขอขมา (?) แม่ก่อนที่เรื่องจะบานปลายแล้วโดนแม่ตีหัวตาย (?) ทุกที

    เถียงไม่ออกเหรอจ๊ะ?” ชิโอริลากเสียงยาว

    “...ครับอาคาชิพยักหน้ารับ

    แหม ตอบตรงตรงนะเจ้าลูกคนนี้วิญญาณสาวหัวเราะคิดคัก เอาเป็นว่าตอนนี้แม่ว่าลูกควรกลับไปกินข้าวเย็นกับโคกิคุงได้แล้วนะ และ...พยายามจีบโคกิคุงให้ติดก่อนมีใครงาบไปแล้วกันนะ

    อย่าแช่งกันสิครับ!” อาคาชิโวยใส่แม่ตนเองที่ยามนี่มุดเข้าป้ายวิญญาณของตนเองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปยังบ้านหลังเดียวที่ตั้งเด่นในบริ้เวณสุสานดั่งเช่นที่ทำทุกครั้งที่มา ณ ที่แห่งนี้...

    ...และนับจากที่โดนชิโอริเอ่ยเช่นนี้ใส่...เด็กหนุ่มนามอาคาชิ เซย์จูโร่ก็เริ่มทำการหาทางจีบฟุริฮาตะ โคกิก่อนที่จะมีใครมาแย่งสมพรปากแม่ตนเข้า

    ...โดยที่อาคาชิก็ได้แต่หวังว่า...เขาจะหาทางจีบติดโดยการที่ไม่มีคนมาแย่งหรืออีกฝ่ายไม่หนีหน้าเขาไปซะก่อนล่ะนะ

     

     

     

     

     

    เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นจากเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่กำลังยืนกวาดใบไม้แห้งในสุสานบริเวณบ้านตนตอนเช้าวันหยุดแบบที่ตนทำทุกครั้ง หากแต่คราวนี้ต่างจากทุกครั้งเล็กน้อยเมื่อ...เจ้าตัวนั้นดูเหม่อลอยมากกว่าปกติหลายเท่าเลย “...หายไปไหนของเขานะ

    ...ปกติถ้ามีซ้อมหรือธุระอะไรจนมาไม่ได้ก็มักโทรบอกนิ! ไหงคราวนี้เงียบหายไปเลยตั้งแต่สามวันก่อนเนี่ย!? โทรไปก็ไม่รับอีก! แบบนี้มันสังหรณ์ไม่ดีนะเว้ย!!!...

    ฟุริฮาตะ โคกิคิดในใจอย่างหงุดหงิดเมื่อคนผมแดงหรือกัปตันทีมบาสราคุซันอย่างอาคาชิ เซย์จูโร่ที่มักโผล่มาแกล้งเขามาเกือบครึ่งปีนี้อยู่ๆ ก็ขาดการติดต่อไป แถมไม่ยอมโผล่มาในวันหยุดเหมือนอย่างเคยอีก...นั้นทำให้เด็กหนุ่มอดหงุดหงิดและห่วงคนผมแดงไม่ได้จริงๆ ...

    ...ที่จริงถ้าเป็นเมื่อก่อนฟุริฮาตะคงโล่งใจมากที่ไม่ได้เจออาคาชิ แต่ในตอนนี้เขายอมรับเลยว่า...พอขาดอาคาชิที่เคยมัดมือชกให้เขาโทรหาทุกวัน โผล่มาแกล้งเขากับมาหาชิโอริซังทุกๆ วันหยุด และมักมาแหย่เขาทุกครั้งที่เจอกันไม่ว่าที่ไหนจนเขาจากที่เคยกลัวจนตัวสั่นก็สามารถโต้ตอบคนผมแดงได้ตามประสาคนอายุเท่ากัน แถมยังถือวิสาสะเรียกชื่อต้นเขาหน้าตาเฉยเนี่ยรู้สึกเหมือนกับว่าตนนั้นอยู่ไม่สุขเลย

    ...จนฟุริฮาตะอดนึกไม่ได้ว่าบางที...อาคาชิคงมีอิทธิพลกับเขามากกว่าที่เคยคิดไว้ในยามแรกแล้วสิ

    “...เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?” ฟุริฮาตะเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามด้วยความเหนื่อยหน่ายปัวใจ...ยังดีที่วันนี้พี่เขาไปเที่ยวกับโชจิซัง ไม่งั้นได้เหนื่อยคูณสองแน่

    ...ลองไปปรึษาชิโอริซังดีไหมนะ?...

    แซ่กๆ แซ่กๆ...

    หื่อ?” เสียงใบไม้ที่เหมือนโดนอะไรสักอย่างเหยียบจนเกิดเสียงทำให้คนที่กำลังเหม่อไปเรื่อยเมื่อครู่หันไปมองยังต้นเสียง ดวงตาสีน้ำตาลใสจ้องมองยังจุดกำเนิดเสียงและ...

    โคกิ!!! เผ่นเร็ว!!!” ...เด็กหนุ่มผมแดงคนหนึ่งที่มีสภาพปานมุดโพรงกระต่ายที่ไหนมาก็โผล่พรวดพรากเข้ามาพร้อมกับอุ้มตัวคนผมน้ำตาลด้วยท่าเจ้าหญิงแล้วใส่เกียร์หมาวิ่งทันทีแบบไม่อธิบายอะไรทั้งสิ้น

    เหวอ!” ฟุริฮาตะที่ถูกอุ้มโดยที่ไม่ทันตั้งตัวรีบคว้าคอคนผมแดงไว้ด้วยความที่ว่ากลัวตก นี่มันอะไรกันเนี่ย!? อาคาชิ! ปล่อยฉันลงนะ!”

    เรื่องมันยาว! อธิบายทีหลังนะ! และอีกอย่างถ้าปล่อยนายลงตอนนี้นายได้ถูกรุมถามจนลมจับแน่!” อาคาชิเอ่ยพร้อมวิ่งไปภายในสุสานที่มีป้ายหินวางเรียงรายเป็นระเบียบ พอมีที่ไหนซ่อนได้บ้างเนี่ย!?”

    เอ๊ะ?” ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาอย่างงงๆ ก็มีตรงหน้าป้ายหลุมศพของชิโอริซังน่ะ เมื่อวันก่อนพี่เขาทำพื้นยุบยังไม่ได้ซ่อมเลยเอาแผ่นไม้โปะปูนให้คนที่มาไหว้หลุมศพไม่เห็นแล้วเอาไปเล่าต่อกันว่าที่นี่มันใกล้ร้างน่ะ

    งั้นเอาตรงนั้นแหละ!” อาคาชิสรุปสั้นๆ พร้อมวิ่งไปที่ป้ายหินของผู้เป็นมาดารตนอย่างเคยชิน โดยที่ดวงตาสีน้ำตาลของฟุริฮาตะซึ่งถูกอุ้มอยู่นั้นเห็นชายชุดดำกลุ่มใหญ่วิ่งเข้ามายังจุดเดียวกับที่อาคาชิโผล่มาเมื่อครู่และดูอาคาชิคงจะรู้ถึงการมาของผู้ที่ไล่ตามตนเช่นกันเลยเพิ่มความเร็วของตนขึ้นอีกระดับ...และเมื่อมาถึงยังจุดหมายอาคาชิก็วางตัวฟุริฮาตะลง ไอ้ไม้ที่ว่าอยู่ตรงไหนเหรอ?”

    ตรงนี้...” ฟุริฮาตะเอ่ยพร้อมกับ...ดึงพื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ เผยให้เห็นหลุมที่กว้างพอที่พวกตนสองคนจะลงไปนั่งได้อย่างสบายๆ

    “...เคียวซังนี่กลบหลักฐานการทำลายล้าง (?) ของตัวเองดีเหลือเกินนะอาคาชิบ่นเบาๆ พร้อมกับที่รีบนำร่างตนลงไปซ่อนในหลุมพร้อมกับคนผมน้ำตาลแล่วเอาแผ่นไม้หนักอึ้งที่มีปูนฉาบอยู่ตรงด้านหนึ่งมาปิดไว้ดังเดิม จากนั้นไม่ถึงสามนาที...ก็เริ่มได้ยินเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายประมาณว่า หายไปไหนแล้วเนี่ย’ ‘ไม่น่าจะหนีไปได้นิ’ ‘รีบตามหาเร็ว’ ‘นายน้อยหรืออะไรเทือกๆ นี้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าด้านบนคงวุ่นวายกันน่าดูที่อยู่คนที่ไล่ตามนั้นอยู่หายไปราวกับโดนผีลักซ่อนเนี่ย

    อาคาชิ...บอกได้หรือยังเนี่ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” ฟุริฮาตะถามขึ้นเบาๆ ด้วยความสงสัย...จากที่เขาฟังรวมๆ แล้วคนที่ไล่ตามอาคาชิไม่น่ามีประสงค์ร้ายอะไรนิ

    คือว่า...เมื่อสามวันก่อน...” อาคาชิเบ้หน้าเล็กน้อยเหมือนไม่อยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่นัก “...อยู่ๆ คุณพ่อเขาก็จะบังคับให้ฉันไปเรียนแถวยุโรปน่ะ เลยให้ฉันสอบแทรกชั้นเข้ามหาลัยของทางนู้นไว้ (ซึ่งแน่ล่ะว่าคะแนนนั้นได้เต็ม) และกะส่งฉันไปภายในสัปดาห์หน้า...ฉันแค่โดนให้ไปเรียนถึงเกียวโตฉันก็เครียดจะตายแล้วนี่ยังให้ไปเรียนต่างประเทศอีก ฉันว่าฉันไม่ไหวหรอกเลยหนีมาเนี่ย

    “...นายไม่อยากไปสินะ?” ฟุริฮาตะถามขึ้นมา

    แหงสิ ฉันชอบที่นี่มากกว่า...” อาคาชิเอ่ย “...ที่นี่เป็นที่ฉันเกิด ที่ที่เพื่อนฉันอยู่และเป็นที่นายอยู่ด้วย...ฉันไม่อยากจากนายไปไหนด้วย ไม่งั้นมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาคาบนายไปกินแหง

    ข้อแรกๆ พอเข้าใจนะ แต่ไอ้ช่วงหลังๆ นี่มันอะไรกันห๊า? ใครโดนคาบอะไรของนายเนี่ย?” ฟุริฮาตะขมวดคิ้วเป็นปม

    เอาง่ายๆ สั้นๆ นะ...” ดวงตาสีแดงสบกับดวงตาสีน้ำตาลตรงๆ ด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดง “...ฉันชอบ...ไม่สิ ฉันรักนายโคกิ รักมากด้วย

    ...ถึงน่าอายไปหน่อยที่บอกไปหน้าด้านๆ ทั้งสภาพนี่ แต่ว่า...ถ้าเกิดเขาโดนจับพ่อเขาจับตัวได้เขาอาจไม่มีโอกาสมาหาโคกิเพื่อบอกความในใจอีกเลยก็ได้ แถมดีไม่ดีเขาได้เสียใจภายหลังที่ไม่บอกกับคนที่เขารักให้รู้เรื่องเลยด้วยแหงๆ เพราะฉะนั้นแบบนี้คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้วล่ะในยามนี้ ก่อนที่พวกเขาต้องลาจากกันจริงๆ ...

    ...นาย...” ฟุริฮาตะหน้าแดงวาบขึ้นมาอีกคน “...เอาจริง...ดิ?”

    แน่นอน ฉันไม่คิดล้อเล่นกับความรู้สึกนายหรอกนะ...” อาคาชิตอบอย่างไม่มีติดขัด “...และถ้านายไม่สบายใจก็ไม่ต้องตอบรับฉันก็ได้นะ...แค่ฉันได้บอกให้นายรู้ ฉันก็พอใจแล้ว

    ...ให้ตายเถอะ...นายนี่มัน...” ฟุริฮาตะเอามือกุ่มหน้าตัวเอง “...ไหงกลายเป็นว่า...นายมาชิงบอกก่อนฉันได้ไงเนี่ย?”

    ...ห๊า?” คราวนี้กลายเป็นว่าอาคาชิถึงกับเอ๋อกินเลย

    ไม่ต้องมาหาเลย...ฉันอุตสาห์วางแผนไว้ว่าวันไหนเหมาะๆ จะบอกนายอยู่แล้วแท้ๆฟุริฮาตะเอามือลงพร้อมทำหน้ามุ่ยใส่คนผมแดง

    เออ...โทษทีแล้วกันที่ตัดหน้านาย...” อาคาชิเริ่มยิ้มร่าออกมา “...แล้วนี่แสดงว่า...ถ้าฉันขอคบนายก็โอเคสินะ?”

    เออสิ...” ฟุริฮาตะพยักหน้ารับ

    ยิ่งได้คำตอบรับแบบนี้ยิ่งไปอยากไปเลย...” อาคาชิดึงตัวฟุริฮาตะมากอดเล่นเป็นการคลายเครียด “...ที่จริงฉันน่าจะหนีมาตอนกลางคืนนะเนี่ย ไม่งั้นล่ะก็คงขอให้คุณแม่ช่วยคุยกับคุณพ่อได้แท้ๆ

    ไม่กลัวพ่อนายช็อกตายเลยเนอะฟุริฮาตะส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ

    ไม่ตายหรอก รับรองได้เลยอาคาชิมั่นใจว่าพ่อตนไม่ตายชัวท์

    มั่นใจจริงนะนายฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ แล้วถามหน่อย...นี่พ่อนายก็มาไล่ตามนายด้วย?”

    แหงล่ะ อย่างคุณพ่อเห็นฉันวิ่งหนีเนี่ยย่อมมาลากฉันกลับด้วยตัวเองด้วย...” อาคาชิเริ่มทำหน้าเครียดเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูลอยแว่วมาจากด้านบน “...และดูท่าจะเข้าใกล้แล้วด้วย...ไปหาตรงอื่นก็ไม่ได้เนอะ

    “...นี่อาคาชิฟุริฮาตะที่รู้สึกเหงื่อเย็นๆ จากมืออาคาชิได้เอ่ยเรียกอีกฝ่าย

    อะไรเหรอ?” อาคาชิถามด้วยเสียงที่พยายามทำให้เหมือนยามปกติที่สุด

    นายบอกว่าชิโอริซังช่วยคุยกับพ่อนายได้ใช่ไหม?” ฟุริฮาตะถาม

    ใช่ และรับรองว่าถ้าคุณแม่เป็นคนพูดคุณพ่อยอมหมดล่ะอาคาชิตอบ

    งั้นถ้า...ชิโอริซังมาช่วยตอนนี่นายก็มีโอกาสไม่ต้องไปต่างประเทศสินะ?” ฟุริฮาตะหันไปมองอาคาชิ

    ไม่ใช่มีโอกาสล่ะ แต่ร้อยเปอร์เซ็นเลยต่างหากถึงแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะถามไปทำไมแต่คนผมแดงก็เลือกที่จะตอบอีกฝ่ายไปตามจริง

    “...ฉันเริ่มสงสารพ่อนายแล้วล่ะฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ

    หมายความว่าไง?” อาคาชิที่สงสัยคำพูดของคนในอ้อมแขนถามขึ้น

    หมายความว่าความวุ่นวานจะบังเกิดแล้วไงฟุริฮาตะถอนหายใจออกมา โดยที่ขณะนั้นเอง...

    นี่มันหมายความไงย่ะ!!! มาซาโอมิ!? ไปบังคับลูกได้ไงตาทึ่ม!!!”

    อะจึ๋ย! ตัวเธอมาได้ไง!?”

    ไม่ต้องถามเลย! ตาบ้า!!!”

    ...จ้า เมียจ้า...”

    ...เสียงหวานๆ ที่คุ้นหูกับเสียงทุ้มๆ ที่เอ่ยราวแมวหง่อยก็ดังขึ้น ทำให้ดวงตาสีแดงสดถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ

    เสียงนี่มัน...บ้าน่า...” อาคาชิเริ่มเหงื่อตกนิดๆ “...ตอนนี้ยังเช้าอยู่นะ ทำไมคุณแม่ถึงไปโวยคุณพ่อได้เนี่ย!?”

    แฮะๆ คือว่า...พอดีว่า จริงๆ แล้วถ้าเกิดฉันอยู่ใกล้วิญญาณในระยะสองเมตรจะทำให้วิญญาณที่อยู่ในระยะนั้นจะมีพลังมากพอที่จะปรากฏตัวตอนเช้าได้น่ะ...” ฟุริฮาตะที่เห็นอาคาชิทำหน้าเหมือนจะเป็นลมเอ่ย “...แต่ปกติฉันจะพกยันต์เอาไว้เพื่อผนึกความสามารถนี่น่ะ แต่พอดีวันนี้ตอนโดนนายอุ้มมานี่ดันทำหลุดหายไปไหนไม่รู้เลยเป็นงี้แหละ

    โอเค...พอเข้าใจล่ะ...” อาคาชิถอนหายใจออกมาเบาๆ “...เอาเป็นตอนนี้เราออกจากที่ซ่อนเถอะ...คุณพ่อคงไม่ทำอะไรแล้วล่ะ

    อื้อฟุริฮาตะพยักหน้ารับพลางดันแผ่นไม้ที่ปิดปากหลุมออกแล้ว...ถึงกับอึ้งกิมกี่เลยทีเดียวเมื่อทันที่โผล่ขึ้นจากหลุมก็เห็นชายวัยกลางคนผมสีหงอก (แก่จนหัวหงอกนั้นแหละ #หลบรองเท้า // s) กำลังนั่งคุกเข่าอย่างสงบเสงี่บเจื๊ยมตัวอยู่ต่อหน้าร่างอันเลือนลางของหญิงสาวผมแดง โดยที่ชายชุดดำที่ไล่ตามอาคาชิก่อนหน้านี่ส่วนหนึ่งกำลังนั่งสวดมนต์ผิดๆ ถูกหรือไม่ก็น็อกกลางอากาศไปจากการได้เจอผีกลางวันแสกๆ ส่วนหนึ่งก็ถึงกับเหวอกินเมื่อเจ้านายผู้แสนเย็นชาของตนแสดงท่าทีแบบนี้ ส่วนอีกส่วนหนึ่งนั้นส่ายหน้าไปมาเหมือนกำลังปลงอยู่

    อ้าว? นายน้อยซ่อนอยู่นี่เองเหรอครับ?” ชายชุดคำคนหนึ่งที่ดูจะชราพอสมควรเอ่ยเสียงแห่บพลางมองคนผมแดงที่ขึ้นจากหลุมนิ่งๆ แล้วข้างๆ นี่คือคนที่คุณหนูแบกมาจากหน้าบ้านหลังนั้นสินะครับ?”

    ครับ ใช่ครับอาคาชิตอบแล้วขึ้นจากหลุมพร้อมช่วยพยุงฟุริฮาตะขึ้นมาด้วย

    เออ...ก่อนจะคุยอะไรกันฉันของถามก่อนได้เปล่าว่าไหงดูชิโอริซัง...” ฟุริฮาตะเหล่มองหญิงสาวด้วยความขนลุกนิดๆ “...ดูน่ากลัวกว่าปกติน่ะ?”

    เอาไว้อธิบายทีหลังนะโคกิคุง~~~” ชิโอริที่ดันหูดีได้ยินเป็นคนเอ่ยแทนเด็กหนุ่มผมแดง ตอนนี่โคกิคุงมาใกล้ๆ น้ามา...น้าจะได้มีพลังมากพอหาอะไรมาฟาดตานี่ได้สักหน่อย

    โหดไปแล้วนะ!” ชายผมหงอกหรืออาคาชิ มาซาโอมิเหงื่อแตกพลั่ก

    เมื่อกี้ว่าใครโหดเอ่ย?” ชิโอริแสยะยิ้มเหี้ยมๆ

    เปล่าครับคุณภรรยาที่เคารพ...” มาซาโอมิหงอยลงทันที

    “...” ฟุริฮาตะมองภาพตรงหน้าถึงกับกินจุดยิ่งกว่าเดิม และจากนั้น...ฟุริฮาตะก็โดนชิโอริดึงไปใกล้ๆ ตนเพื่อที่จะลงไม้ลงมือกับสามีตัวเองได้สะดวกๆ โดยที่คนอื่นๆ ที่เหลือก็ได้แต่มองดูท่านประธานใหญ่ของเครืออาคาชิโดนดุราวเด็กทำผิดไปเงียบๆ แล้วปล่อยสามีภรรยาคู่นี่เคลียร์กันเองไป

     

     

     

     

     

    ภายในบ้าน ณ บริเวณสุสานที่ตั้งเด่นอยู่หลังเดียวซึ่งยามปกติมักจะมีผู้อาศัยเพียงสองคน แต่ในตอนนี้ภายในบ้านนั้นกลับเต็มไปด้วยชายในชุดดำหลายคนอยู่หลบยืนแอบคนที่นั่งในห้องรับแขก โดยภายในห้องรับแขกซึ่งปิดผ้าม่านสนิกจนแสงแดดไม่อาจลอดเข้ามาได้มีเด็กหนุ่มผมแดงคนหนึ่ง ชายหนุ่มหนึ่งคนและ...หญิงสาวที่เป็นวิญญาณอีกหนึ่งกำลังคุยกันอยู่

    ไม่ได้เจอกันตั้งนานยังดุเป็นแม่เหมือนเดิมเลยนะอาคาชิ มาซาโอมิในสภาพที่...ดูยับพอดูบ่นขึ้นมาเบาๆ

    พูดแบบนี้อยากโดนต่อใช่ไหม?” หญิงสาวร่างโปร่งใสถามคนที่นั่งข้างๆ ตน

    ไม่ครับมาซาโอมิรีบปฏิเสธทันทีก่อนที่จะโดนฟังเทศต่อหลังจากนั้นฟังมาหลายชั่วโมง...

    ...และที่จริงอาจตั้งนั่งฟังนานกว่านั้นแน่ถ้าไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนนั้นช่วยเขาไว้ก่อนเนี่ย...

    “...ผมว่าคุณพ่อกับคุณแม่เลิกเถียงกันก่อนเถอะครับ สงสารคนอื่นเขาบ้างดวงตาสีแดงของเด็กหนุ่มเหล่มองคนที่แอบมองอยู่นอกห้องแบบอยากรู้ก็อยาก กลัวก็กลัว...และถ้าให้เดาคงกำลังลุ้นว่าพ่อเขาจะโดนแม่จัดการอีกรอบไหมด้วยแหง

    ไม่เห็นต้องสน เป็นคนทำงานต้องอดทนหน่อยสิ...โอ๊ย! ตีทำไมอ่ะตัวเธอ?” มาซาโอมิร้องลั่นเมื่อถูกศรีภรรยาตนยิกแก้ม

    ก็ใครให้พูดจาแบบนั้นล่ะ ถ้าพูดอีกเดี๋ยวแม่เปลี่ยนเป็นไม้ตีแทนแน่หญิงสาวไม่ว่าเปล่ายังมองหาไม้จริงๆ ด้วย

    อุ๊ย! ไม่พูดแล้วครับมาซาโอมิสะดุ้งโหยงพร้อมเอามือปิดปากตนเองไว้

    แน่ใจ?” ชิโอริถามย้ำด้วยท่าทีเหมือนไม่เชื่อ

    คือ...” มาซาโอมิเนะเริ่มเหงื่อตกด้วยอาการกลัวศรีภรรยากำเริบ (?) และในตอนนั้นเอง...

    อาคาชิซัง...น้ำชาครับ” ...เด็กหนุ่มผมน้ำตาลซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก็ยกน้ำชาเข้ามาช่วยพอดี

    ขอบคุณมาก!” มาซาโอมิถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก...เฮ้อ โดนช่วยอีกรอบแล้วเรา

    โคกิคุงจ๊ะ...ไม่ต้องต้อนรับตานี่ดีนักก็ได้ เปลื้องน้ำเปล่าๆชิโอริค้อนใส่คนที่ดูโล่งใจจนน่าหมั่นไส้เล็กน้อย

    อูย ไหงพูดงั้นล่ะที่รัก?” เมื่อโดนว่ามาซาโอมิก็หงอยลงทันที

    ก็สมควรไปล่ะ? แหม แค่ตายไปไม่กี่ปีทั้งเผด็จการ เจ้ากี่เจ้าการ บ้าอำนาจ หน้าตาย แถมจูนิเบียวขึ้นเยอะเลยนะชิโอริร่ายออกมาเป็นชุดซะคนที่ฟังอยู่ทั้งหลายแทบหลุดขำออกมาเลยทีเดียว

    ข้ออื่นไม่เถียง แต่ไอ้เรื่องจูนิเบียวเนี่ยบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ได้เป็นมาซาโอมิทำหน้ามุ่ย

    เหรอ~~~~” ชิโอริลากเสียงยาวด้วยสีหน้าอยากแกล้งคนเสียเต็มที่

    แฮะๆคนที่กำลังจะถูกแกล้งยิ้มแห้งๆ พร้อมกับ...ส่งสัญญาณ SOS ใส่เด็กหนุ่มผมน้ำตาลทันที นี่เธอ...โคกิคุงสินะ? ช่วยลุงหน่อยนะๆ เห็นแก่คนแก่เถอะ

    “...โคกิ...ไม่ต้องไปช่วยคุณพ่อหรอก รับรองว่าคุณแม่ไม่ทำคุณพ่อตายชัวท์อาคาชิที่เกิดอาการคิ้วกระตุกเล็กน้อยเมื่อพ่อตนไปขอความช่วยเหลือจากฟุริฮาตะเนื่องจากเดาได้ว่ารายนั้นช่วยตนได้...ถึงเป็นพ่อตัวเองแต่เขาก็อดหงุดหงิดไม่ได้นิ!

    ไม่ตายแต่เฉาแทนสิมาซาโอมิค้อนใส่ลูกชายตนเองเล็กน้อยก่อนร้องจ๊ากเมื่อถูกศรีภรรยายิกอีกระรอบ

    เออ...หยุดทะเลาะก่อนเถอะ...” ฟุริฮาตะที่ท่าว่าอาจมีสงครามในครอบครัวอาคาชิเข้ารีบห้าม “...ดีๆ กันไว้ดีกว่านะครับ

    “...” ดวงตาสีแดงสามคู่หันไปมองที่คนผมน้ำตาลแล้วถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพียง

    ทำไมฉันรู้สึกผิดขึ้นมาหว่า?” มาซาโอมิหลบสายตาลูกหมา (?) วูบ

    อดใจอ่อนไม่ได้ทุกทีสิน่าชิโอริยิ้มอย่างอ่อนใจ

    เหมือนชิว่าวาดีแฮะอาคาชิหังเราะออกมาเล็กน้อย

    ฉันไม่ใช่ชิวาว่านะ! อาคาชิ!” ฟุริฮาตะแยกเขี้ยวใส่เด็กหนุ่มแดงอย่างเคยชิน ด้วยความที่ว่าโดนแกล้งบ่อย (?)

    แต่ก็เหมือนนะมาซาโอมิพยักหน้าเห็นด้วย

    ช่าย~~~ เหมือนสุดๆชิโอริเอ่ยสนับสนุน

    อย่าเห็นด้วยกับอาคาชิสิครับ!” ฟุริฮาตะโวยใส่ผู้อาวุโสกว่าเล็กน้อย

    น่าๆ โคกิ...นายไม่หายเหมือนชิวาว่าง่ายๆ หรอกอาคาชิเอ่ยปลอบ...ซึ่งเหมือนแหย่มากกว่าตั้งใจปลอบจริงๆ

    อาคาชิ!” ฟุริฮาตะทำหน้ามุ่ย

    “...” มาซาโอมิมองเด็กหนุ่มทั้งสองที่เริ่มเถียงกันเล่นราวกับเด็กๆ ด้วยแววตาขำๆ “...ไม่เห็นเซย์จูโร่เล่นกับใครแบบนี้นานแล้วแฮะ

    ก็เพราะใครล่ะ?” เมื่อได้ยินสามีตนบ่นหญิงสาวก็สวนกลับทันที

    แหม อย่าว่ากันสิที่รัก...ถ้าเกิดไม่เข้มกับเซย์จูโร่มีหวังโดนไอ้บ้าที่ไม่รู้ลักพาตัวเดือนล่ะครั้งเลยแหงมาซาโอมิทำเสียงอ๋อย

    ก็เข้าใจนะว่าทำเพื่อลูก แต่ช่วยอธิบายลูกดีๆ แทนตีหน้ายักษ์บังคับสักทีมันจะทำให้คุณเป็นหมันหรือไง?” ชิโอริเอ่ย

    “...พูดจาได้เจ็บแสบกว่าเดิมอีกนะที่รัก...แบบนี้ผมน้อยใจนะมาซาโอมิเริ่มส่งสายตาอ้อนๆ ให้ร่างเลือนลางข้างๆ ตน

    ไม่ต้องมาอ้อนเลย...” ชิโอริดีดหน้าบนสามีตนที่นิสัยดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่นักกับตน “...อ๋อ และขอถามอะไรหน่อย...ถ้าเกิดแม่อยากได้โคกิคุงมาเป็นลูกสะใภ้คุณจะอนุญาติไหม?”

    ถ้าไม่อนุญาติแม่ก็งอนพ่อดิ...” มาซาโอมิตอบ “...อีกอย่างเด็กคนนี้ก็น่ารักดี มาเป็นลูกสะใภ้ก็ไม่เลวหรอก...เดี๋ยววันหลังจะไปปรึษากับเครือของมิโดริมะให้ช่วยหาทางทำยาที่ทำให้ผู้ชายท้องด้วย จะได้หมดปัญหาเรื่องไม่มีหลานให้อุ้มดีไหม?”

    ดีเลยจ้าชิโอริหัวเราะเบาๆ พลางมองเด็กหนุ่มที่ยังเล่นกันไม่เลิก แถมคนเป็นลูกชายตนยังตีเนียนแบบลวมลาม (?) อีกฝ่ายอีก...

    ...งานนี้แม่กับพ่อเปิดทางให้แล้วนะ...ที่เหลือหาทางจัดการเองแล้วกันนะเซย์จูโร่...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End



    cr. かお

    https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=63274713

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×