คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #195 : [ImaFuri] 先輩
Title : 先輩
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Imayoshi x Furihata
Notes : S // สวัสดีจ้า! มาถึงหนึ่งในสามคนที่ได้อันดับห้าในการโหวตมาแล้วจ้า!!! (#ห้อยหัวลงมาจากต้นไม้)
อิมาโยชิ // โอ๊ะโอ๋? นับวันยิ่งโผล่แปลกแฮะ
s // ก็นะ...และรีบลงไปแสดงเลยจ้า! รอบนี้เรารีบ!!! (#เสกข้าวถ้วยยักษ์ออกมาแล้วโยนอิมาโยชิลงไป)
อิมาโยชิ // เออ...คราวนี้น่าปวดจิตไปไหม?!!! (# โวยขณะที่จมลงถ้วยข้าว)
s // (#เมินคำบ่น) ขอให้สนุกน่อ! และนี่คือหนึ่งในฟิคมั่วแหลกอีกแล้วจ้า!
.....................................................................................
先輩
เช้าอันแสนสดใส ณ ภายในรั้วของมหาวิทยาลัยขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในนครโตเกียว เสียงจอแจดังไปทั่วทั้งบริเวณจากเหล่านักศึกษาเข้าใหม่ที่กำลังตื่นเต้นกับกิจกรรมที่กำลังจัดขึ้นภายในวันแรกของการเปิดภาคเรียน...ซึ่งก็คือการจับสายรหัสนั้นเอง
“...ทำไมต้องมีการจับสายรหัสอะไรแบบนี้ด้วยนะ” เสียงบ่นชวนหม่นหมองดังขึ้นจากปากเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนหนึ่ง ขัดกับบรรยากาศโดยรอบอย่างสิ้นเชิง
“ไม่รู้สิครับ...” เด็กหนุ่มผมสีฟ้าข้างๆ คนผมน้ำตาลตอบกลับไปนิ่งๆ “...คงจะให้เป็นที่ปรึษาเผื่อมีปัญหาอะไรมั้งครับ...ว่าแต่คุณไม่อยากมีพี่รหัสเหรอครับ? ดูคุณซึมๆ ชอบกล”
“ก็ไม่เชิงหรอก...” คนโดนถามกลับส่ายหน้าไปมา “...ฉันแค่กลัวจะโดนจับคู่กับพวกโหดๆ น่ะ”
“คงไม่ดวงกุดขนาดนั้นมั้งครับ ฟุริฮาตะคุง” คนผมฟ้าไม่คิดว่าจากคนเป็นร้อยๆ เป็นพันๆ จะบังเอิญเจอคนกลุ่มเล็กๆ แบบนั้นได้หรอก
“นายลืมไปหรือเปล่าว่าฉันเป็นพวกซวยบรรลัยขนาดไหนน่ะ?” ฟุริฮาตะ โคกิอดีตกัปตันทีมบาสเซย์รินรุ่นที่สองกรอกตาไปมา
“...จะว่าไปก็จริงครับ” คุโรโกะ เท็ตสึยะอดีตตัวจริงของทีมบาสเซย์รินพยักหน้ารับในขณะที่...มีชายคนหนึ่งเอาบางอย่างแปะใส่มือของเจ้าตัวพลางยัดกระดาษแผ่นน้อยใส่เป็นอย่างต่อมา “เอ๊ะ? นี่อะไรเหรอครับ?”
“ชื่อพี่รหัสของนายไง ปีนี้เขาใช้แบบสุ่มเอาน่ะว่าใครจะได้คนไหน” ชายหนุ่มซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสี่ของมหาลัยนี่เอ่ยพลางยัดกระดาษแผ่นน้อยให้ฟุริฮาตะเป็นคนต่อไป
“โดยการเอาชื่อรุ่นพี่มายัดมือหน้าตาเฉยเนี่ยนะครับ?” คุโรโกะออกอาการเอ๋อเล็กน้อย...ถึงเคยได้ยินว่ามหาลัยนี่มีอะไรที่แปลกๆ กว่าที่อื่นเล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าจะมามุขนี้แฮะ
“ใช่น่ะสิ...ไปล่ะ ต้องไปแจกให้คนอื่นต่ออีก” ชายหนุ่มตอบรับก่อนเดินจากไปหาเหยื่อ (?) รายต่อไป
“...นี่พวกนั้นจำได้ไงนะว่ายัดชื่อพี่รหัสกับใครไปแล้ว ไม่กลัวแจกซ้ำหรือไง” ฟุริฮาตะบ่นเล็กน้อยพลางมองกระดาษแผ่นน้อยที่พับครึ่งอย่างสวยงามในมือ
“ผมว่าผมพอรู้ครับ...” คุโรโกะมองเพื่อนตนอย่างเหนื่อยใจนิดๆ “...นี่คุณไม่รู้สึกตัวเหรอครับว่าเขาเอาตรายางปั๊มมือคุณด้วยน่ะ?”
“เอ๊ะ?” ฟุริฮาตะลองยกมือตนขึ้นมาดูและพบว่าตอนนี้มีหมึกสีน้ำเงินรูปหน้าคนกลมๆ แล่บลิ้นใส่อยู่กลางฝีมือตน “มาปั๊มตอนไหนเนี่ย?”
“ตอนคุณรับชื่อพี่รหัสคุณมาไงครับ” คุโรโกะตอบด้วยความที่ไม่รู้จะปลงหรืออ่อนใจกับเพื่อนผู้แสนจะความรู้สึกช้าของตนดี “เฮ้อ เอาเถอะ....ว่าแต่คุณได้ใครเป็นพี่รหัสครับ? ผมโชคดีจับได้ชื่อรุ่นพี่ฮิวงะครับ”
“เออ ขอฉัน...” ฟุริฮาตะคลี่แผ่นกระดาษในมือของตนออกแล้วถึงกับตัวแข็งทื่อไปในเวลาต่อมา เมื่อเห็นตัวอักษรที่ปรากฏบนกระดาษ “...ดูท่าฉันจะโชคร้ายอีกแล้วนะ”
“ครับ?” คุโรโกะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ฉันได้อิมาโยชิซัง...” ฟุริฮาตะเอ่ยเสียงแผ่ว
“...เอาแล้วไงครับ” คุโรโกะถึงกับคุมขมับ...จากที่เขาฟังมานี่รายนี้ขี้แกล้งพอดูเลย แล้วแบบนี้จะมารังแกเพื่อนเขาไหมเนี่ย? ยิ่งดูน่าแกล้งอยู่ นอกจากนี้ยัง... “...หวังว่าที่อาโอมิเนะคุงเคยพูดว่าอิมาโยชิซังน่ากลัวสุดๆ อาโอมิเนะคุงจะแค่พูดเวอร์ไปเองนะครับ”
“ฉันก็ว่างั้น” ว่าตามจริงตอนนี่ฟุริฮาตะอย่างให้มันเป็นอย่างที่คุโรโกะว่าสุดๆ เลย
“เอ๋~~~~ อาโอมิเนะว่างั้นเหรอ?”
“ชะแว๊กกกกกก” ระหว่างที่กำลังนินทาชาวบ้าน (?) อยู่นั้น เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังฟุริฮาตะอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้ชิวาว่าสีน้ำตาล (ช่วยเลิกเทียบกับชิวาว่าทีเถอะ!!! // ฟุริฮาตะ) หลุดร้องเสียงหลงพร้อมรีบไปหลบหลังคนผมฟ้าในทันที
“อ้าวๆ ตกใจอะไรกันเอ๋ย?” เด็กหนุ่มหน้าตาเจ้าเล่ห์ซึ่งเป็นตัวตนเหตุเอียงคอน้อยๆ ดวงตาหลังเลนส์แว่นจับจ้องยังคนที่หนีตนราวหนีผีเมื่อครู่ตาแป๋ว
“ฟุริฮาตะคุงตกใจคุณนั้นแหละครับ อิมาโยชิซัง” คุโรโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ “แล้วนี่ทำไมอยู่ๆ โผล่มาแกล้งฟุริฮาตะคุงล่ะครับ?”
“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย แค่เดินมาหาเฉยๆ เอง” อิมาโยชิหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี “ว่าแต่ไม่คิดเลยนะว่าพวกนายจะเข้ามหาลัยนี่ด้วย...ตามพวกฮิวงะคุงมาหรือไง?”
“เปล่าครับ แค่ที่นี่มันใกล้บ้านผมกับฟุริฮาตะคุงแค่นั้นเองครับ” คุโรโกะอธิบาย
“อ๋อ~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาวเป็นเชิงเข้าใจ “แล้วนี่....พวกนายได้ชื่อพี่รหัสหรือไงล่ะ?”
“ได้แล้วครับ” คุโรโกะพยักหน้ารับ
“ถ้าได้แล้วก็รีบไปหาพี่รหัสล่ะ วันนี้ทั้งวันเขาให้อยู่กับพี่รหัสน่ะ” อิมาโยชิเอ่ยเตือนตามประสาคนเป็นรุ่นพี่
“ห๊า?” คุโรโกะกับฟุริฮาตหลุดร้องออกมาพร้อมกัน “ให้ตามพี่รหัส? ทั้งวัน?”
“ใช่ คล้ายๆ อยากให้รุ่นพี่รุ่นน้องสนิกๆ กันไว้น่ะ แต่ใครจะไม่ไปหาแล้วหายจ๋อมไปเลยก็ได้....แต่ไอ้วิธีหลังไม่แนะนำนะ เพราะตอนงานกีฬามหาลัยเขาจะให้จับคู่ลงแข่งกับพี่รหัสด้วย” อิมาโยชิอธิบาย “แต่ถ้าเป็นพวกเพี้ยนๆ แบบอาโอมิเนะก็อีกเรื่องนะ”
“ผมไม่ถึงขนาดไม่เกรงใจใครแบบอาโอมิเนะคุงหรอกครับ” คุโรโกะไม่คิดว่าตนจะก่อเรื่องแบบเพื่อนผู้หายไปกับความมืดได้ (ไหงมาแซะฉันเล่า! // อาโอมิเนะ , เราอยากทำไง // s) แน่นอน ฟุริฮาตะนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
“ฉันก็ไม่คิดว่ามีใครทำตัวน่าฆ่าหมกท่อได้เท่านั้นเหมือนกัน...” อิมาโยชิเกาะหัวตัวเองนิดๆ “...จะว่าไป...พวกนายได้ใครเป็นพี่รหัสล่ะ? เดี๋ยวช่วยหาตัวให้”
“ไม่ต้องหรอกครับ...ของผมได้รุ่นพี่ฮิวงะครับ เดี๋ยวโทรหาเอาก็ได้” คุโรโกะปฏิเสธความหวังดีของคนหน้าจิ้งจอกไป (...รู้สึกคราวนี้แซะหลายคนจังนะ // อิมาโยชิ , น่าๆ อย่าบ่นน่า // s) “ส่วนฟุริฮาตะคุงก็...”
“...อิมาโยชิซังนั้นแหละครับ” ฟุริฮาตะเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“อ๋อ ตอนฉันมาเลยกำลังนินทาฉันสินะ” อิมาโยชิพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมเนียนไปล็อกคอคนผมน้ำตาลเอาไว้ “ถ้างั้นรีบๆ ไปหาฮิวงะคุงล่ะคุโรโกะคุง ส่วนฉัน...ขอยืมหมอนี่ไปก่อนนะ”
“ครับ อย่ารังแกเพื่อนผมล่ะ ไม่งั้นอดีตทีมเซย์รินยกทีมได้บุกไปหาคุณถึงที่แน่” คุโรโกะที่รู้ตัวว่าคงหาทางปฏิเสธยากถอรหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่แกล้งหรอกน่า~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาวก่อนที่จะรีบลากฟุริฮาตะหายเข้าไปในฝูงชนทันที
“...” คนผมฟ้าที่ถูกทิ้งไว้เพื่อผู้เดียวมองตาคนที่ลากเพื่นตนไปด้วยความปลงนิดๆ “...หวังว่าจะทำได้ตามพูดจริงๆ นะครับ”
...ถ้าเพื่อนเขาร้องไห้กลับมาล่ะก็ เขามั่นใจว่าคนจากทีมบาสเซย์รินทั้งหมดคงพร้อมใจกันทั้งโทรไปทั้งโผล่ไปเป็นตัวเป็นตนเพื่อโวยอิมาโยชิซังแน่...
...เออ...สถานการณ์นี่มันอะไรวะครับ?...
ความคิดอันแสนร้อนรนพลุบขึ้นภายในหัวเด็กหนุ่มไม่หยุดราวดอกเห็ด พลางพยายามหลบสายตาคนหน้ายิ้มที่ลากตนมาสิงอยู่ร้านกาแฟแห่งนี้แล้วนั่งจ้องหน้าราวหาเลขในขณะนี้อย่างสุดความสามารถ
“...เออ...อิมาโยชิซัง...ลากผมมานี่ทำไมอ่ะครับ?” หลังนั่งจ้องหน้ากันเองอยู่นาน ฟุริฮาตะก็เป็นคนเอ่ยเปิดประเด็นขึ้น
“รอนายเลิกทำท่าเหมือนฉันลักนายมาเชือดแล้วยอมพูดกับฉันก่อนไง” อิมาโยชิยักคิ้วอย่างกวนๆ เช่นเดียวกับคำตอบที่ตอบคนผมน้ำตาลไปแบบกวนไม่แพ้กัน “แต่เริ่มถามหลังจ้องกันหนึ่งชั่วโมงแล้วแบบนี้ ถ้าพวกเราเป็นปลาปานนี้นายท้องไปแล้วมั้ง”
“พรวด! แค่ก!” เมื่อเจอมุขหน้าตายของอิมาโยชิเข้าไป ฟุริฮาตะก็ลำสักน้ำลายตัวเองในทันที
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งสำลักตายนะ ฉันยังไม่อยากเจอคนกลุ่มใหญ่อาฆาตเอา” อิมาโยชิพูดอย่างติดตลกนิดๆ ...แต่มันคงไม่ตลกถ้าเกิดมันเกิดขึ้นจริงๆ และแต่ล่ะคนที่ว่าถึงแม้คงตามเขาไม่ทันแต่วิธีแก้แค้นคงไม่เจ็บแสบแบบไม่ธรรมดาแน่ ดังนั้นอย่าหาเหาใส่หัวตัวเองดีกว่า
“ผมไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ” ฟุริฮาตะรีบยกน้ำขึ้นดื่มกันตัวเองลำสักจนตายจริงๆ ก่อนจะเถียงกลับ
“ก็นะ” อิมาโยชิหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มหายกลัวตนแล้วเล็กน้อย “ว่าแต่ถามจริง...นายไปโดนอาโอมิเนะเป่าหูอะไรมาเนี่ย? ถึงทำท่าเหมือนกลัวฉันนักหนาเนี่ย?”
“ก็...” ฟุริฮาตะหลบตาวูบอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไรดี...จะให้บอกความจริงไปเดี๋ยวอาโอมิเนะก็คงโดนโวยแหง แต่ถ้าจะให้โกหกก็ไม่รู้จะโกหกไปว่าไงเหมือนกัน
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ฉันไม่ไปโวยอาโอมิเนะหรอก” อิมาโยชิเอ่ย
“แต่...” ...ก็ไม่รู้จะบอกไงอยู่ดีนั้นแหละครับ! อาโอมิเนะเล่นว่าซะเยอะเลย
“อ๋อ แแสดงว่าใส่ไฟไว้ซะเยอะเลยสินะ?” อิมาโยชิที่พอรู้นิสัยของอดีตลูกทีมตนมาพอสมคสรเดาได้ไม่ยากเลยว่าตนคงโดนนินทาจนเละเลยแหง
“...” ฟุริฮาตะเกิดอาการคิ้วกระตุกนิดๆ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยราวรู้ความคิดของตนถึงสองครั้งสองคราว “...รู้ได้ไงครับ...ว่าผมคิดอะไรน่ะ?”
“หน้านายมันฟ้อง” อิมาโยชิตอบ “และถ้านายไม่โกหกหน้าตายเหมือนฮานามิยะอย่าหวังว่าจะมาหลอกฉันได้เลย”
“ง่ายๆ คือไม่มีทางที่คุณจะดูผมไม่ออกสินะครับ?” ฟุริฮาตะไม่คิดว่าตนจะตีหน้าตายเท่ารายนั้นได้หรอก
“ตามนั้น” อิมาโยชิยักไหล่น้อย
“แล้ว...” ฟุริฮาตะทำท่าเหมือนจะถามอะไรคนหน้าจิ้งจอก (...เปลี่ยนจากหน้าจิ้งจอกเป็นอย่างอื่นได้ไหมอ่ะ? // อิมาโยชิ , ไม่ได้จ้า เพราะเรานึกมุขอื่นไม่ออก // s) ต่อ ทว่า...
“ฟุริฮาตัจจิ~~~~ ช่วยด้วยจ้าาาาาาา!!!” ...ดันมีเสียงอันดังสนั่นดังขึ้นมาขัดเสียก่อนพร้อมกับที่ร่างของเป็นหนุ่มผมเหลืองคนหนึ่งวิ่งมาหลบด้านหลังฟุริฮาตะ
“กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะเว้ย! ไอ้เจ้าบ้า!!!” หลังจากเด็กหนุ่มผมเหลืองวิ่งเข้ามา เด็กหนุ่มผมดำที่เตี๊ยกว่าคนผมเหลืองพอสมควรก็วิ่งตามมาติดๆ
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งไล่ฆ่ากันกลางร้านสิ” อิมาโยชิเอ่ยอย่างใจเย็นแบบสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“ไม่สนเว้ย! ถ้าไม่ได้ถีบมันสักทีสองทีฉันคาใจจนนอนไม่หลับแน่!” คนผมดำเอ่ยพร้อมพยายามแงะคนผมเหลืองออกมาเนื่องจากไม่อยากให้คนผมน้ำตาลโดนลูกหลง
“โหดร้ายนะครับ!” คนผมเหลืองร้องโหยหวนพลางเกาะฟุริฮาตะหนึบเพื่อกันไม่ให้ตนโดนลากไปตื้บ
“เดี๋ยวก่อนนะเดี๋ยว...” ฟุริฮาตะที่เห็นว่าความวุ่นวายเริ่มเพิ่มขึ้นมาทุกทีเอ่ยขัดทัพระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสอง “...นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยคิเสะ? นายไปทำอะไรให้โดนคาซามัตสึซังไล่ตื้บเนี่ย?”
“คือว่า...” คิเสะที่ยังเกาะคนผมน้ำตาลไม่ปล่อยทำหน้าซึมลงเล็กน้อย “...แค่เผลอดีใจที่ได้รุ่นพี่คาซามัตสึเป็นพี่รหัสแล้วโดดกอดเองง่ะ”
“นายลืมเพิ่มเติมว่านายโดดเกาะแรงซะเกือบกลิ้งไปกลางถนนให้รถชนเล่นกันทั้งคู่ด้วยเฟ้ย!” คาซามัตสึโวยลั่นและใช้จังหวะนี้ดึงตัวคิเสะออกห่างฟุริฮาตะแล้วยกเท้าถีบดลางลำตัวอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง “และนายเลิกวิ่งมาเกาะชาวบ้านแบบนี้สักทีเถอะ! ดูโคตรขัดตาเลยเว้ย!!!”
“แอ๊ก! รุ่นพี่ใจร้าย!” คิเสะร้องแบบน่าหมั่นไส้มากมาย
“เออ! ร้ายก็ร้าย! และเห็นว่าทำแบบนี้แล้วฉันใจร้ายก็หัดจำบ้างสิเว้ย! ไอ้บ้า!!!” คาซามัตสึแยกเขี้ยวใส่
“...” อิมาโยชิมองคาซามัตสึที่เริ่มเปลี่ยนจากจับคิเสะมาตื้บมาเป็นจับมาให้นั่งฟังเทศแทนแล้วในยามนี้อย่างขำๆ “เฮฮาดีเนอะ”
“ออกไปทางเกินไปด้วยซ้ำครับ” ฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางมองคิเสะโดนรุ่นพี่ตัวเองเทศอย่างไม่คิดช่วยอะไรเลย...หรือพูดให้ถูกคือไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะที่ฟังมานี่คือทำตัวเองล้วนๆ เลย....
...ยังไงก็ขอให้รอดกลับบ้านโดยหูไม่ดับไปสักข้างเสียก่อนล่ะ คิเสะ...
วันเวลาผ่านไป นับจากวันที่ฟุริฮาตะได้รับรู้ว่าพี่รหัสของตนคืออิมาโยชิ โชอิจิผู้ที่เคยได้รับข่าวลือเสียๆ หายๆ มาเยอะพอดูแต่เพราะอิมาโยชิไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นภัยคุกคามนักทำให้ชิวาว่าน้อย (เอาเทียบกับอย่างอื่นสักทีเถอะ // ฟุริฮาตะ) มากนักเลยทำให้เจ้าตัวไม่ค่อยรู้สึกกลัวเท่าในยามแรกที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพี่รหัสตน จนมาถึงยามนี่ที่เวลาผ่านมาสองเดือนแล้วเด็กหนุ่มผมน้ำตาลก็ดำเนินชีวิตในรั้วมหาลัยไปอย่างปกติสุข...และคงปกติกว่านี้ถ้าไม่ติดว่า... “ฟุริ~~~ ไปกินข้าวกัน!!!” ...นายอิมาโยชิ โชอิจิมักโผล่มาหาทุกครั้งที่ฟุริฮาตะว่างราวกับรู้ความเคลื่อนไหวตลอดเวลางั้นแหละ!
“มาอีกแล้วเหรอครับ?” ฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“หว่าๆ อย่าพูดเย็นชาแบบนั้นสิ~~~” อิมาโยชิที่เดินมาหายิ้มร่าจนดูเหมือนกรามค้างชอบกล (เลิกแซะฉันทีเถอะ // อิมาโยชิ , ไม่มีทาง // s)
“...นี่ฟุริฮาตะคุง...ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือว่านับวันอิมาโยชิซังยิ่งเหมือนติดเชื้อคิเสะคุงมาครับเนี่ย?” เด็กหนุ่มผมฟ้าผู้แสนจืดจางมองคนอายุมากกว่าที่มาหาเพื่อนตนได้ทุกวี่ทุกวันเหมือนว่างงานเหลือเกิน ทั้งๆ ที่พวกปีสามเองก็น่าจะงานเยอะแท้ๆ
“อย่าว่างั้นดิ~~~~” อิมาโยชิเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจมากนัก...
“แต่มันเริ่มเหมือนขึ้นทุกทีแล้วนะเฟ้ย!” ...และในไม่กี่นาทีต่อมาก็ถูกเด็กหนุ่มผมดำที่วิ่งตามมาโดดถีบเสียแทบหน้าทิ่ม
“อูย~~~ เจ็บนะ~~~ นี่นายนับวันก็ยิ่งขยันถีบกันเหลือเกินนะ” อิมาโยชิหันไปบ่นเพื่อนตนที่โดนถีบกันแบบไม่เกรงใจเลยสักนิด
“ก็นายทำตัวน่าหมั่นไส้เองนี่หว่า” คาซามัตสึยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก
“ใจร้ายจริง” อิมาโยชิเบ้หน้านิด
“เออ ยอมรับวะ” คาซามัตสึกรอกตาไปมา
“อย่าทะเลาะกันสิครับ” ฟุริฮาตะเอ่ยขึ้นขัดทัพก่อนที่คนอายุมากกว่าทั้งสองจะเถียงกันยาวอีกครั้ง...ซึ่งแน่นอนในการเถียงแต่ล่ะครั้งที่เขาเห็นล้วนเรียกสายตาชาวบ้านได้ทั้งสิ้น
“ไม่ได้ทะเลาะกันเสียหน่อย~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาวพร้อมลอย (?) ไปเกาะคนผมน้ำตาลอย่างเนียนๆ
“...คุโรโกะ...ฉันรู้สึกไปเองหรือว่าไอ้นี่มันยิ่งติดเพื่อนนายเนี่ย?” คาซามัตสึถามคนผมฟ้าพลางมองเพื่อนร่วมชั้นปีตนกำลังถูกไถ่เด็กหนุ่มผมน้ำตาลราวกับถูกวิญญาณรุ่นน้องหัวเหลืองของตนสิงเสียอย่างนั้น
“เอาตามความคิดผม...อิมาโยชิซังมาติดฟุริฮาตะคุงจริงๆ นั้นแหละครับ” คุโรโกะตอบกลับไปตามตรงในขณะที่ดวงตาสีฟ้าใสก็เหลือบมองไปยังคนหน้าเจ้าเล่ห์ที่ฟัดเพื่อนตนไม่เลิก “ว่าแต่คาซามัตสึซัง...ทำไมดูท่าอิมาโยชิซังรู้ความเคลื่อนไหวของฟุริฮาตะคุงจังล่ะครับเนี่ย? โผล่มาทันตอนเลิกคาบทุกครั้งเลย”
...ทั้งที่บางวันก็เลิกก่อนเวลานะ ยังมาได้ทันก่อนที่พวกเขาจะไปที่อื่นทุกครั้งเลย...
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าเอาตามฉันคิด...มันคงมานั่งเฝ้าพวกนายอยู่ข้างๆ ห้องนี่แหละ” คาซามัตสึตอบ
“มาเฝ้า? แล้วเรื่องเรียน...” คุโรโกะที่พอรู้มาว่าบางครั้งในเวลาเรียนของพวกตนเป็นเวลาเรียนของพวกคาซามัตสเช่นกันขมวดคิ้วเป็นปม
“ไอ้นี่โดนอาจารย์ไล่ไม่ให้เข้าห้องเรียนตั้งแต่ไปป่วนอาจารย์เขาตั้งนานแล้ว” คาซามัตสึเอ่ยด้วยสีหน้าปลงสุดแสน
“งั้นเหรอครับ” คุโรโกะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“เฮ้ๆ อย่านินทากันต่อหน้าได้เปล่าเนี่ย?” อิมาโยชิที่ถูกนินทาเสียนานเอ่ยขัดขึ้นมา
“ไม่ได้นินทา แค่พูดความจริงเฟ้ย” คาซามัตสึสวนกลับทันควัน
“โกหกบ้างก็ได้นะ” อิมาโยชิกรอกตาไปมา
“จะจริงจะโกหกก็ช่างมันเถอะครับ แต่ผมว่าคุณรีบๆ ปล่อยฟุริฮาตะคุงดีกว่านะครับ” คุโรโกะเอ่ย
“หื้อ? ทำไมล่ะ?” อิมาโยชิเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เนื่องจากปกติต่อให้เขาเกาะฟุริฮาตะมากแค่ไหนรายนี้ก็ไม่เคยออกปากไล่แบบนี้เลยสักหน
“เพราะวันนี้...” ดวงตาสีฟ้าค่อยๆ เหล่มองไปยังจุดๆ หนึ่ง โดยที่ขณะเดียวกันนั้น...
ฉึก!
...วัสดุขนาดเล็กที่ดูยังไงก็คือปากกาด้ามน้อยพุ่งมาเฉียดหน้าอิมาโยชิเสียจนเลือดไหลออกมาซิบๆ ทำให้เด็กหนุ่มชั้นปีสามทั้งสองคนตัวแข็งทื่อไปในบัดดล
“...พี่ชายฟุริฮาตะคุงเขามาหาฟุริฮาตะคุงไงครับ” คุโรโกะเอ่ยต่อจากประโยคเมื่อครู่โดยที่ดวงตาไม่ละจากจุดที่ปากกาพุ่งมาเมื่อครู่หรือชายหนุ่มผมน้ำตาลที่กำลังเดินมาหาด้วยสีหน้าเหี้ยมแม้แต่น้อย ทางฟุริฮาจะเองเมื่อเห็นว่าใครมาก็รีบมุดออกจากเงื้อมือของอิมาโยชิและ...
“โอ๊ย!” ...เดินไปตีแขนชายหนุ่มอย่างแรง “ตีพี่ทำไมอ่ะโคกิ?”
“ก็ใครให้พี่โยนของแบบนั้นใส่ชาวบ้านล่ะครับ? มันอันตรายนะครับ” ฟุริฮาตะเอ่ยแกมดุอีกฝ่ายพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ก็พี่เห็นมันลวมลามโคกิน่ะ!” ชายหนุ่มทำหน้ามุ่ยเมื่อโดนน้องชายตนเองดุ
“ไม่ได้ลวมลามนะครับ! คาซามัตสึ! นายก็อย่าขำเซ่!” อิมาโยชิที่โดนว่าเสียๆ หายๆ โวยลั่นใส่คนที่ว่าตนก่อนจะหันไปแว๊ดใส่เพื่อนตนที่หัวเราะก๊ากทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบเป็นรายการต่อไป
“ท...โทษที แต่มัน...พรูด! ฮาๆๆๆๆ!” คาซามัตสึหัวเราะจนตัวงอกับคำพูดขอชายหนุ่ม
“คาซามัตสึ!” อิมาโยชิแยกเขี้ยวใส่
“พี่คุณนี่สร้างเรื่องได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ นะครับ” คุโรโกะที่ยืนอยู่มานานแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความปลง
“อ้าว? อยู่ด้วยเหรอ?” ชายหนุทมเอียงคอน้อยๆ เป็นตัวบ่งบอกว่าเมื่อครู่มองข้ามคนผมฟ้าไปเสียสนิกเลย
“ครับ อยู่ครับ” คุโรโกะกรอกตาไปมา “แล้ววันนี้มาทำอะไรที่นี้ล่ะครับเคียวซัง? มาทำงานเลยแวะมาหาเหรอครับ?” คุโรโกะถาม
“เปล่า ว่าจะลากไปกินข้าวด้วยกันน่ะ ตั้งแต่ขึ้นมหาลัยมานี่โคกิไม่ค่อยกลับไปกินข้าวบ้านเลยอ่ะ” เคียวเอ่ย
...เออ...แล้วผมจะกลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้านทั้งๆ ที่กินแค่นี้ได้ทำไมล่ะพี่? แถมตอนเย็นพี่เป็นฝ่ายกลับช้าเองนะ...
ฟุริฮาตะแอบเถียงในใจเนื่องจากรู้ดีว่าต่อให้สวนกลับไป...พี่ตนก็คงไม่ฟังหรอก และมีแววโดนงอแงใส่เพิ่มอีก
“อาาา ได้ไงอ่ะครับ ผมชวนฟุริก่อนนะ~~~” อิมาโยชิโวยขึ้นเมื่อได้ยินดังขึ้น...โวยแบบไม่เกรงกลัวอะไรสักนิดแม้เมื่อครู่เกือบโดนปากกาปักหัวตายก็ตาม
“ไม่สน ฉันอยากกินข้าวกับโคกิอ่ะ” เคียวแล่บลิ้นใส่
“งั้นผมไม่สนเหมือนกัน” อิมาโยชิเนียนมาเกาะแขนฟุริฮาตะ
“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งคิดวางมวยกันเซ่” คาซามัตสึที่เริ่มได้ยินเสียงเปรี๊ยะๆ จากสายตาทั้งสองรีบห้ามก่อนเกิดเรื่องชวนปวดหัวอะไรขึ้นอีก
“ผมว่าเราไปหมดนี่เลยดีกว่านะคร้บ” คุโรโกะเอ่ยสนับสนุนคาซามัตสึอีกคน
“แต่...” เคียวทำท่าเหมือนจะเถียงอะไรสักอย่าง ทว่า...
“ถ้าเถียงผมจะไปฟ้องโชจิซังว่าคุณก่อเรื่องนะครับ” ...คนผมฟ้ากลับเอ่ยขัดอย่างรู้ทัน
“งั้นก็ได้” เคียวเบ้หน้าน้อยๆ เหมือนไม่พอใจ แต่ก็ยอมทำตาม
“โอเคครับ งั้นไปเถอะครับ” คุโรโกะเมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็รีบพาทั้งหมู่ไปจากจุดนี้ทันทีเพราะมีแววว่าถ้าอยู่ต่อสักนาทีสองนาทีคงจะโดนอาจารย์มาไล่เพราะคิดว่าจะท้าตีท้าต่อยกันที่นี่เป็นแน่แท้
“คุณนี่บ้าบิ่นกว่าที่คิดนะครับเนี่ย...” เสียงบ่นเบาๆ ดังออกจากคนผมสีน้ำตาล “...คิดอะไรอยู่ครับเนี่ย? ถึงไปกวนพี่ผมกลับแบบนั้นน่ะครับ?”
...ยังดีนะที่พี่เขาไม่ป่วนไม่กวนอะไรเพิ่มเติมเนี่ย...
ฟุริฮาตะ โคกิคิดในใจพลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่อยู่ๆ พี่ชายตนกับผู้เป็นพี่รหัสของตนอย่างอิมาโยชิ โชอิจิดันเถียงกันซะงั้น...โชคยังเข้าข้างเขาตรงที่คุโรโกะหาทางจัดการไกล่เกลี่ยได้ และพอกินข้าวเสร็จพี่เขาก็โดนโทรตามไปทำงานต่อเลยไม่มีอะไรน่าปวดหัวเพิ่มเติมเนี่ย
“นั้นสิครับ ถ้าเป็นปกติเคียวซังคงทำเรื่องปวดจิตให้คุณไมเกรนขึ้นยกกำลังสองไปแล้วแหง” คนผมฟ้าถอนหายใจออกมาเบาๆ
“และดีที่พี่หมอนี่ไม่ปาอะไรใส่นายรอบสองด้วย” เด็กหนุ่มผมดำนัยน์ตาสีครามส่ายหน้าไปมา...ก็ขนาดก่อนหน้านี้แค่โยนปากกาใส่ไอ้หน้าจิ้งจอกนี่มันยีงถึงขั้นเลือดซิบ ถ้ามีโยนอย่างอื่นที่ใหญ่กว่าใส่ไม่ต้องไปนอนโรงพยาบาลเลยเหรอ?
“แหม สามัคคีกันบ่นฉันจังนะ” อิมาโยชิถึงปากจะบ่นแต่ดวงหน้ายังคงยิ้มร่าตามปกติ “ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่คิดว่าฉันไปหาฟุริก่อนต้องได้ก่อนแค่นั้น ไม่อยากโดนแย่งอ่ะ”
“เห็นผมเป็นของลดราคาหรือไงครับ?” ฟุริฮาตะคุมขมับ
“เปล่าเสียหน่อย~~~ อย่าคิดมากดิฟุริ~~~” อิมาโยชิเอามือยี่หัวสีน้ำตาลของอีกฝ่ายเล่น “แล้วนี่มาบ่นฉันแบบนี้จะดีเหรอ? ถึงเวลาไปเรียนของพวกนายแล้วไม่ใช่หรือไงหื้อ?”
“หื้อ?” ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาอย่างงงๆ ลามไปถึงคุโรโกะ ทั้งสองรีบยกนาฬิกาขึ้นดูและ...ถึงกับร้องลั่นในเวลาต่อมา “ชิบ! ถึงเวลาเรียนแล้วนี่นา!?”
“แถมอาจารย์คนนี้เช็คชื่อคนเข้าเรียนด้วย...รีบไปเถอะครับฟุริฮาตะคุง!” คุโรโกะที่ตื่นตนกไม่แพ้กันรีบคว้าแขนฟุริฮาตะออกวิ่งทันที “พวหผมขอตัวก่อนนะครับ!!!”
“ขอให้ไปทันนะ” อิมาโยชิโบกมือลาคนอายุน้อยกว่าน้อยๆ
“ให้ตายเถอะ” คาซามัตสึถอนหายใจออกมาเบาๆ “นี่นายจงใจใช่ไหมเนี่ย?”
“เรื่องอะไรเหรอ?” อิมาโยชิถามกลับ
“เรื่องที่นายเพิ่งบอกว่าถึงเวลาเรียนกับพวกนั้นไง...เรื่องที่นายไปกวนพี่ฟุริฮาตะกับเรื่องที่นายตามติดฟุริฮาตะยังกับผีอาฆาตด้วย นายจงใจสินะ?” ดวงตาสีครามจ้องจับผิดคนที่ยิ้มราวกรามค้างข้างๆ ตน (เลิกว่าฉันสักทีเถอะ... // อิมาโยชิ)
“ใครบอกล่ะ บังเอิญทั้งนั้น~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาว
“เชื่อตายล่ะ ฉันโดนจับเรียนห้องเดียวกับนายมากี่ปีแล้วห๊า?” คาซามัตสึกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าไม่เชื่อคำพูดของเพื่อนตนเลยสักนิด “นายเดาว่าตัวเองจะถูกบ่นแน่เลยยืดเวลาตอนกินข้าวกันเอาไว้เล็กน้อยสินะ? ส่วนเรื่องที่นายไปกวนพี่ฟุริฮาตะแบบไม่กลัวตายแบบนั้นเหตุผลต้องมากกว่าที่บอกเมื่อกี้แน่ๆ ใช่ไหม?”
“เดาแม่นขึ้นนี่คาซามัตสึ ฉันควรตบมือให้ไหมอ่ะ?” อิมาโยชิยักคิ้วอย่างกวนๆ
“ไม่ต้องเฟ้ย!” คาซามัตสึแยกเขี้ยวใส่ “ตกลงนายไปป่วนไปกวนฟุริฮาตะทำไมห๊า?”
“เอาตามตรง จริงๆ เลยนะ...” อิมาโยชิที่รู้ดีว่าบ่ายเบี่ยงไปอีกฝ่ายคงไม่เชื่อแล้วแน่ๆ งานนี้ถอนหายใจออกมาเบาๆ “...ฉัน...กะจีบฟุริน่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มไงดีเลยเลือกตามติดฟุริดูก่อนน่ะ”
“เฮ้ย! เอาจริงดิ!?” พอได้รับคำตอบแบบนี้คาซามัตสึก็ถึงกับอ้าปากค้าง...ก็เขาไม่คิดว่าจะมามุขนี้นี่หว่า!
“จริง และฉันไม่บ้าเหมือนอาโอมิเนะหรือซึนแตกแบบฮานามิยะจนไม่รู้ความรู้สึกตัวเองหรอกนะ” อิมาโยชิกรอกตาไปมากับท่าทีของเพื่อนตน...เขาไปชอบใครเนี่ยมันแปลกนักหรือไงห๊า!?
“ชอบเข้าไปได้ไงวะ!?” คาซามัตสึอยากเอาหัวโขกกำแพงสักทีสองทีจริงๆ ถึงแม้ว่าฟุริฮาตะจะเป็นเด็กดีน่ารักก็จริงแต่นี่ผู้ชายทั้งคู่นะเฮ้ย
“ไม่รู้ รู้แค่ตอนแรกที่ตามติดก็แค่กะให้ฟุริหายกลัวฉันน่ะ จากนั้นไปๆ มาๆ รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปแล้ว” อิมาโยชิตอบตามตรง
“...” คาซามัตสึนิ่งเงียบไปเล็กน้อยคล้ายกำลังดึงสติตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอยู่ “นี่นายไม่กลัวโดนพี่ฟุริฮาตะฆ่าหรือไง!?”
...แค่ตอนโยนปากกาใส่ก็บ่งบอกชัดเจนแล้วนะว่ารายนั้นหวงน้องน่ะ!...
“กลัวอยู่ แต่ไม่สน” อิมาโยชิเอ่ยแบบไม่ต้องผ่านสมองแม้แต่น้อย
“...นี่ฉันควรเตรียมไปงานศพนายสินะเนี่ย” คาซามัตสึชักเห็นแววว่ารายนี่อาจถึงฆาตอยู่ร่ำไรแล้วสิ
“ไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า...” ...อย่างน้อยก็ไม่ยอมตายแล้วปล่อยให้ฟุริโดนคนอื่นงาบแล้วกัน
“ให้มันจริงเหมือนที่พูดเถอะ” คาซามัตสึบ่นอุบอิบ
“ก็นะ...” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ “...ว่าแต่...คิดว่าคาบนี้เราไปเรียนหรือโดดดีล่ะ? ถึงเวลาแล้วนะ”
“หื้อ?” คาซามัตสึเมื่อโดนทักแบบนี้รีบยกนาฬิกาข้อมือของตนขึ้นดูและ...ถึงกับร้องเสียงหลวในทันที “แว๊ก! อีกสามนาทีเข้าเรียน! ทำไมไม่บอกเร็วกว่านี้ฟะไอ้คุณอิมาโยชิ!!!”
...ตึกที่ต้องใช้เรียนนี้เดินอย่างต่ำสิบห้านาทีเลยนะเฟ้ย!!!...
“ก็ไม่ถามนิ” อิมาโยชิตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก เนื่องจากปกติตนแทบถูกอาจารย์ห้ามเข้าห้อง (?) อยู่แล้ว
“แต่ก็ควรบอกเว้ย! ไอ้บ้า!!!” คาซามัตสึถีบอีกฝ่ายไปทีหนึ่งก่อนที่จะรีบวิ่งไปอาคารเรียนพร้อมลากตัวอิมาโยชิไปทั้งอย่างนั้นเลย
ยามเช้าวันเสาร์อันแสนสดใสแถม...ร้อนจวนทำเอาหลายๆ คนอยากละลายไปกองกับพื้นของฤดูร้อน ในตอนนี้มีเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนหนึ่งยืนทำหน้าราวไมเกรนขึ้นอยู่ที่หน้าบ้านตนเอง ดวงตาสีน้ำตาลใสจับจ้องไปยังบุคคลตรงหน้าอย่างงุนงง “เออ...ขอโทษนะครับ ไหงคุณโผล่มาบ้านผมได้ครับเนี่ย?”
“พอดีว่างเลยแวะมาน่ะ” เด็กหนุ่มหน้าตาเจ้าเล่ห์ที่อยู่ๆ โผล่มาบุกบ้านคนอื่นหน้าตาเฉยยิ้มร่า “แล้วนี่นายอยู่คนเดียวเหรอ? พี่นายไปไหนล่ะ?”
“วันนี้พี่ผมไปเข้าเวรน่ะครับ” ฟุริฮาจะที่ถึงแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาบ้านตนถูกได้ไงทั้งๆ ที่ไม่เคยบอกแท้ๆ ตอบกลับไป
“เข้าเวร? พี่นายทำงานอะไรเนี่ย?” อิมาโยชิถามต่อ
“ตำรวจครับ” ฟุริฮาตะตอบไปสั้นๆ ง่ายๆ และแค่นั้นทำให้...
“...” ...นายอิมาโยชิ โชอิจิถึงกับกินจุดเลยทีเดียว เนื่องจากพี่ชายของอีกฝ่ายนั้นในสายตาตนไม่มีเค้าว่าเป็นคนในเครื่องแบบเลยแม้แต่น้อย
“มาดพี่เขาไม่ให้เลยใช่ไหมครับ?” ฟุริฮาตะถามกลับอย่างคนเข้าใจอาการของอีกฝ่ายดี เพราะว่าหลายๆ คนที่รู้อาชีพพี่ตนเป็นครั้งแรกมักเป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น
“ถูก” อิมาโยชิส่ายหน้าไปมาเพื่อดึงสติเข้าร่าง “แต่เอาเถอะ...ฟุริ เราไปเที่ยวกันเถอะ”
“เอ๊ะ?” ฟุริฮาตะที่อยู่ๆ ถูกชวนหลุดร้องออกมาเบาๆ
“นะๆ ไปด้วยกันนะ” อิมาโยชิทำเสียงอ้อนๆ จนน่าถีบสักทีดหลือหลาย
“เออ มันก็ได้หรอกครับ...ว่าแต่จะให้ไปไหนเหรอครับ?” สำหรับฟุริฮาตะยังไงเสียในวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วตอบรับไป
“ภูเขา ไปจับแมลงกัน” อิมาโยชิตอบแบบได้ใจความชัดเจน
“...” ฟุริฮาตะเมื่อได้คำตอบก็ถึงกับเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่ารายนี้จะชวนไปที่แบบนั้น
“อย่ามองงั้นสิ แค่เห็นอาโอมิเนะบอกว่าภูเขาใกล้ๆ นี่มีแมลงแปลกๆ ให้จับเยอะน่ะ เลยว่าจะไปลองดูสักหน่อย” อิมาโยชิพอโดนจ้องราวกับถามเป็นนัยน์ๆ ว่าไปหัวฟาดแถวไหนมาหรือเปล่าก็เอ่ยขึ้นมาก่อนโดนลากไปโรงพยาบาล
“อ๋อ ครับ” ฟุริฮาตะเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายนึกคึกอยากไปจับแมลงนั้นมาจากอาโอมิเนะก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยง่าย
“เพราะงั้นไปกันเถอะเนอะ” อิมาโยชิเอ่ยชวนอีกรอบและคราวนี้เจ้าตัวลากอีกฝ่ายไปเลย ไม่คิดรอคำตอบจากคนผมน้ำตาลสักนิด ทางฟุริฮาตะเองที่พอเดาได้ว่าต่อให้ปฏิเสธไปรายนี้ก็คงหาทางลากตนไปเที่ยวเป็นเพื่อนอยู่ดีเลยปล่อยเลยตามเลยไป
จากนั้นผ่านไปสักยี่สิบนาที...ฟุริฮาตะที่โดนลากขึ้นรถไฟบ้างเดินบ้างมาพักใหญ่ๆ ก็มาถึงยังภูเขาอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง
“...อาโอมิเนะมาอีท่าไหนถึงมาไกลขนาดนี้ได้เนี่ย?” ฟุริฮาตะบ่นขึ้นมาเบาๆ เมื่อมาถึง...ถึงแม้ที่นี้จะไม่ถือว่าไกลจากบ้านเขานักก็จริง แต่ถ้าเทียบจากบ้านอาโอมิเนะนี่ไกลพอดูเลย
“ไม่รู้สิ อาจนั่งหลับจนลงรถไฟผิดสายแล้วมาเจอมั้ง” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ ว่าตามจริงเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารายนั้นเสาะหาที่จับแมลงมาได้ไงได้ตั้งเยอะตั้งแยะ และตอนนั้นเอง...ก็มีบางอย่างบินเฉี่ยวหน้าอิมาโยชิไปพอดี “อ่ะ! ด้วงล่ะ~~~”
“ตัวใหญ่ด้วยแฮะ” ฟุริฮาตะมองตามด้วยตัวใหญ่ที่หาได้ยากพอดูในปัจจุบันอย่างสนใจ
“สมกับที่อาโอมิเนะชวนมาเลยแฮะ” อิมาโยชิหัวเราะหึๆ
“อาโอมิเนะชวน?” ฟุริฮาตะเอ่ยทวน...ไหงก่อนหน้านี่บอกว่าแค่อาโอมิเนะบอกมานิ?
“ก่อนหน้านี่ถูกชวนมาแข่งจับแมลงกันน่ะ แต่ไม่ว่างเลยไม่ได้มา” อิมาโยชิอธิบายก่อนที่... “แอ๊ก!”
...โดนแมลงอะไรสักอย่างตัวใหญ่ๆ บินชนหน้าผากเต็มๆ
“อ่ะ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับอิมาโยชิซัง!?” ฟุริฮาตะถามขึ้นมา
“ไม่เป็นไรๆ” อิมาโยชิกุมหน้าผากตนอย่างเจ็บๆ ...ตัวอะไรบินชนฟะ? พ่อจะจับมาคั่วกินเสียนิ
“ไหวแน่นะค...เหวอ!” ฟุริฮาตะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แต่ถามไม่ทันจบประโยคก็มาบางอย่างปุยๆ โดดเข้ามาใส่อย่างรวดเร็ว...ไม่ใช่แค่ตัวเดียวเสียด้วย มาเป็นฝูงเลย
“...ฉันแมลงส่วนนายกระต่ายแฮะ” อิมาโยชิมองคนถูกรุมอย่างขำๆ “ดูท่ามันจะชอบนายนะ”
“ไม่ขำนะครับอิมาโยชิซัง” ฟุริฮาตะค้อนใส่คนหน้าจิ้งจอกเล็กน้อย “แล้วที่นี่มีกระต่ายป่าด้วยเหรอครับ?”
“ไม่รู้สิ เห็นอาโอมิเนะพูดถึงแค่แมลงนะ” อิมาโยชิส่ายหน้าไปมา...เท่าที่เข้ารู้นอกจากแมลงเนี่ย อาโอมิเนะไม่พูดถึงอย่างอื่นด้วยซ้ำ
“หวังว่าคงไม่มีเสือนะครับ” ฟุริฮาตะชักหวั่นๆ ว่าไอ้เขาลูกนี้จะมีสัตว์สารพัดชนิดด้วยแล้วสิ
“ไม่หรอก ถ้ามีอาโอมิเนะคงโดนไปแล้วล่ะ” อิมาโยชิส่ายหน้าวืด...ว่าตามจริงเขาก็แปลกใจเหมือนกันที่มีสัตว์ป่าในภูเขาลูกนี้ เพราะเท่าที่รู้มาที่นี่ไม่มีสัตว์ป่าเพ่นพล่านเท่าไหร่หรอก เนื่องจากเขาลูกนี้ติดกับเขตเมืองพอสมควรเลย
“จะว่าไปก็จริง...” ฟุริฮาตะเอ่ยพลางเอาเจ้ากระต่ายน้อยที่เริ่มอุตริคิดปีนหัวตนออก
“เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ...” อิมาโยชิมองเจ้าขนปุ๋ยในมืออีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด ดวงตาสีดำหรี่ลงเล็กน้อย “...ฟุริ...เอากระต่ายตัวนั้นมาให้ดูหน่อยดิ”
“ห๊า? อา...ครับ” ฟุริฮาตะยื่นเจ้ากระต่ายน้อยให้คนอายุมากกว่าอย่างงงๆ
“...ว่าแล้วเชียว” อิมาโยชิเมื่อรับกระต่ายตัวน้อยมาดูอย่างละเอียดแล้วก็ถึงกับทำหน้าเครียดขึ้นมาแทบจะในทันที “นี่มันเป็นกระต่ายพันธ์ต่างประเทศนี่นา ไม่น่าจะมาอยู่แถวนี้ได้ง่ายๆ แน่ แถมพวกนี้ก็เยอะเกินกว่าที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงใครหลุดออกมาด้วย”
“แล้วพวกมันมาได้ไงล่ะครับเนี่ย?” ฟุริฮาตะเริ่มสังหรณ์แปลกๆ ขึ้นมาแล้วสิ...คล้ายๆ ว่าความซวยจะมาเยือนอีกยังไงไม่รู้
“เอาตามความคิดฉัน...อย่างดีก็คือมีกระต่ายของใครสักคนหลุดมาผสมกับกระต่ายในแถบนี้จนเพิ่มจำนวนขนาดนี้เนี่ย”
“แล้วอย่างแย่ล่ะครับ?”
“คือกระต่ายพวกนี่นำเข้าอย่างผิดกฎหมายไง แล้วไอ้คนเอาเจ้าพวกนี้เข้าประเทศคงโดนตรวจค้นหรืออะไรสักอย่างเลยเอามาปล่อยที่นี่ก่อน”
“...แค่กระต่ายทำเรื่องนำมาขายดีๆ น่าจะง่ายกว่านะครับ” พอฟุริฮาตะได้ยินคำตอบอย่างแย่จากอีกฝ่ายก็แย้งออกมา...แค่กระต่ายฝูงหนึ่งไม่แพงนักหรอกมั้ง?
“ใครว่าล่ะ ไอ้พันธ์นี้แหละตัวดีเลย...” อิมาโยชิกรอกตาไปมา “...เจ้ากระต่ายนี้เป็นพันธ์เนเธอร์แสนด์ดรอป มีราคาแพง (หรือเปล่าไม่รู้ มั่วเอา // S) แถมเป็นที่นิยมด้วยและแน่นอนว่าเอามาเยอะขนาดนี้ต้องเสียภาษีบานเบอะแน่...ที่จริงปกติเขาจะเอามาขยายพันธ์ในประเทศเองมากกว่า แต่ดูท่าไอ้คนทำขี้เกียจรอลูกกระต่ายโตล่ะนะ”
“สรุป...เรามีแววเจอความซวยในไม่ช้านี้สินะครับ?” ฟุริฮาตะคุมขมับ...ไม่ต้องคิดให้เปลื้ยงสมองก็รู้เลยว่าถ้าเป็นอย่างข้อหลังจริงๆ ความซวยของเขาก็ตามมาติดๆ อย่างไม่พลาดแน่
“ถูกและฉันว่านายรีบโทรไปเรียกพี่นายมาตรวจดูที่นี่หน่อยเถอะ เพื่อความปลอดภัย” อิมาโยชิมองเจ้ากระต่ายน้อยในมือตนที่พยายามถีบตัวหนีตนอยู่ สลับคนผมน้ำตาลที่เหล่ากระต่ายเกาะอยู่...ช่างบ่งบอกว่าตัวเขาสำหรับสัตว์เล็กๆ พวกนี่น่ากลัวแค่ไหนดีแท้ๆ
“ตามไงตามกันครับ” ฟุริฮาตะที่คิดว่ารีบโทรหาพี่ตนกันความซวยทำพิษอีกก็ดีเหมือนกันรีบคว้าโทรศัพท์ออกมาโทรหาผู้เป็นพี่ตน เสียงรอสายดังขึ้นอยู่สักสองสามครับก่อนที่จะมีคนรับสาย
‘ว่างายยย มีอะไรเหรอโคจัง?’
“พี่...ช่วยมาตรงภูเขาบริเวณเขต×××หน่อยได้ไหมครับ?”
‘ไอ้ได้มันก็ได้อยู่ แต่ทำไมล่ะ?’
“คือว่า...” ฟุริฮาตะเมื่อโดนถามและกำลังจะอ้าปากอธิบายนั้นเอง...
“เฮ้ย! ระวัง!!!”
“เหวอ!” ...อิมาโยชิก็ดึงตัวฟุริฮาตะอย่างแรงเสียจนมือถือในมืออีกฝ่ายตกพื้น พร้อมกับ...บริเวณที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยืนอยู่เมื่อครู่ก็มีลูกของหน้าไม้ปักเด่นหราอยู่
“ชิบ! โดนแอบฟังเหรอ!?” อิมาโยชิกวาดสายตาไปรอบๆ “หนีเร็ว!!!”
“หว่า!!!” ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาเมื่ออยู่ๆ ถูกแบก หากแต่คนแบกนั้นหาได้สนใจเสียงร้องนี่แม้แต่น้อยแล้วรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดขณะที่เสียงฝีเท้าหลายเสียงดังใกล้เข้ามา
อดีตกัปตันแห่งทีมบาสโทโอววิ่งโดยแบกชาวบ้านมาด้วยไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดๆ หนึ่งที่อิมาโยชิรับรู้ได้ว่าถ้าวิ่งหนีต่อไปก็มีแววโดนบุคคลที่ไล่ตามมาล้อมไว้เป็นแน่ จึงเลือกมาแอบที่โพรงไม้เล็กๆ แห่งหนึ่งแทน
“ให้ตายสิ...แค่จะมาจับแมลงไหงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยเนี่ย?” อิมาโยชิบ่นขึ้นมาเบาๆ พลางทิ้งตัวลงนั่ง
“ไม่รู้ครับ...” ฟุริฮาตะที่ถูกอุ้มมาตลอดทางยิ้มแห้งๆ “...หวังว่าพี่จะมาเร็วๆ นะ”
“ฉันก็หวังว่างั้น” อิมาโยชิเอง...ถึงเอาตามจริงเขาไม่ค่อยชอบพี่รายนี้นัก แต่ตอนนี้รู้สึกอยากเจอสุดๆ ไปเลย เพราะอย่างน้อยเขามั่นใจว่ารายนั้นคงไม่ปล่อยน้องตัวเองเป็นอันตรายแน่
“เฮ้อ~~” เด็กหนุ่มทั้งสองถอนหายใจออกมาพร้อมกัน และได้แต่รอให้คนมาช่วยเท่านั้น
“นี่...อิมาโยชิซัง ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?” ฟุริฮาตะที่เห็นว่ายังไงเสียก็ต้องรอเฉยๆ อยู่แล้วก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ...หรือก็คือถามแค่คลายเครียดเฉยๆ นั้นแหละ (เหรอ?)
“ตามสบาย” อิมาโยชิพยักหน้ารับ
“ทำไมคุณ....ถึงชอบมาติดผมนักล่ะครับ?” ฟุริฮาตะว่ามันแปลกๆ นะที่มาเกาะหนึบตนขนาดนี้...หนึบชนิดที่ว่าไปไหนก็แทบเจอกันตลอดจนน่าแปลกเลย
“จะเอาคำตอบตามจริงหรือเอาแบบถนอมจิตใจนายล่ะ?” อิมาโยชิถามกลับด้วยสีหน้าไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“เอาตามจริงสิครับ...” ฟุริฮาตะคิ้วกระตุก...ทำไมชักสังหรณ์ว่าคำตอบมันจะชวนเหวอหว่า?
“งั้นง่ายๆ ...ฉันชอบนาย ไม่รู้จะจีบไงเลยเลือกตามป่วนนายก่อนเนี่ย” อิมาโยชิตอบไปตามตรงและ...ตามหัวใจตัวเองสุดๆ
“ห...อุ๊บ!” ฟุริฮาตะถึงกับหลุดร้องออกมาด้วยความตกใจ ทว่าไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงออกมาก็ถูกมืออีกฝ่ายปิดปากเอาไว้เสียก่อน
“อย่าร้องสิ เดี๋ยวพวกนั้นมาเจอเข้าหรอก” อิมาโยชิเอ่ยเตือน
“...” ฟุริฮาตะพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงเข้าใจทำให้มือหนาค่อยๆ เลื่อนออกจากปากคนผมน้ำตาลอย่างง่ายดาย “...แล้วคุณไปหัวกระแทกอะไรมาครับเนี่ย? ถึงคิดมาจีบผมเนี่ย? หรือคุณไม่ได้ไปตัดแว่นนานจนแว่นเสื่อมครับ”
“อูย~ กัดเจ็บเหมือนกันนะนาย” อิมาโยชิหัวเราะเบาๆ กับคำพูดนี้...ที่ดูจะเบากว่าที่เขาคาดไว้เยอะเลย “ไม่ต้องห่วง หัวฉันไม่ได้ไปกระแทกอะไรมาแน่นอน ส่วนแว่นเพิ่งเปลี่ยนมาไม่นานนี่เองและที่จะจีบเนี่ย...ก็ไม่ได้คิดอะไร ฉันรู้ตัวว่าชอบนายเลยจะจีบ แถมฉันไม่บื้อแบบอาโอมิเนะหรือซึนแตกแบบฮานามิยะจนไม่รู้ใจตัวเองด้วย”
“...นี่คุณ...เอาจริง?” ฟุริฮาตะถาม
“จริงแท้แน่นอน ถ้าโกหกยอมอดกินข้าวหน้าปลาไหลให้นายดูสามเดือนเลย” อิมาโยชิเอ่ยอย่างหนักแน่น
“ปกติต้องเป็นถ้าโกหกขอให้ฟ้าผ่าไม่ใช่เหรอครับ?” ฟุริฮาตะกรอกตาไปมา
“ของแบบนั้นมันเกิดยากนิ ไอ้ข้าวหน้ปลาไหลนี่เป็นชัดกว่า” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ
“...” พอเจอคำตอบนี้เข้าไปเด็กหนุ่มผมน้ำตาลก็ถึงขั้นกินจุดเลยทีเดียว
“ฉันจริงจังนะฟุริ~ เชื่อฉันนะ~~~” อิมาโยชิพยายามทำเสียงน่าสงสารที่สุดเพื่อหวังให้อีกฝ่ายเชื่อ...ซึ่งถ้าคนรู้จักที่สนิกๆ กันสมัยม.ปลายมาเห็นเข้าคงรีบจับลากเข้าโรงพยาบาลแน่
“ครับๆ เชื่อครับเชื่อ แต่บอกไว้ก่อนนะครับ...ว่าผมน่ะคงไม่รับรักคุณหรอกครับ ต่อให้คุณพยายามจีบแค่ไหนก็เถอะ” ฟุริฮาตะที่ไม่ชอบให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับใครบอกไปตามตรง...อย่างน้อยถ้าเกิดอีกฝ่ายเลิกชอบเขาตอนนี้คงเจ็บน้อยกว่าปล่อยไปนานๆ ให้ช้ำใจทีหลังล่ะ
“ก็ไม่แน่ ตอนนี้นายยังว่างก็ถือว่าฉันยังมีสิทธิ์” อิมาโยชิยิ้มร่า
“...มีใครบอกไหมครับว่าบางทีคุณก็ดูหน้าด้านสุดๆ ไปเลยน่ะครับ” ฟุริฮาตะที่เห็นว่าอีกฝ่ายท่าจะไม่ยอมเลิกความคิดที่จะจีบตนง่ายๆ เอ่ย
“มีบ้าง” อิมาโยชิเอ่ย
“เฮ้อ...งั้นช่างคุณเถอะครับ แต่โผล่ม่มากๆ ระวังโดนพี่เชือดทิ้งนะครับ” ฟุริฮาตะเอ่ย...อย่างไรเสียการที่รายนี้จะจีบเขามันก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าตัว เขาคงห้ามอะไรไม่ได้หรอก ถ้าเกิดอิมาโยชิซังช้ำในเพราะอกหักจากเขาทีหลังมันก็ถือว่าเขาเตือนแล้วนะ
“ไม่กลัวหรอก~~~” อิมาโยชิลากเสียงยาว
“คำตอบน่าหมั่นไส้มากครับ” ฟุริฮาตะเบ้หน้านิดๆ กับคำตอบที่ได้รับ
“ก็นะ” อิมาโยชิยักไหล่น้อยๆ ก่อนที่จะ...เอามือของตนปิดปากคนผมน้ำตาลไว้แล้วประทับจูบลงไปที่หลีงมือตนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงค่อยๆ เอามือออกจากริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างช้าๆ “แต่เมื่อนายยอมให้ฉันจีบแล้ว...ก็ขอรับนี้ไปเป็นมัดจำไปก่อนนะ ส่วนที้เหลือเดี๋ยวฉันมาอาเมื่อจีบนายติดแล้วกันเนอะ”
“อ...” ฟริฮาตะถึงกับอ้าปากพะงาบๆ เมื่อถูกกระทำเช่นนี้ ดวงหน้าใสๆ ค่อยๆ ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด ทำให้คนหน้าจิ้งจอกคลี่ยิ้มอออกมาบางๆ ด้วยความพึงพอใจก่อนที้จะต้องหุบยิ้มลงฉับพลันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหลายเสียงที่ใกล้เข้ามา พร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายที่ดังไปทั่ว
“แย่แล้ว...พวกนั้นมาแล้ว” อิมาโยชิดึงตัวฟุริฮาตะเข้ามาใกล้เผื่อเกิดเหตุอะไรจะได้พาหนีได้ทัน ทางฟุริฮาตะเองก็ยอมให้อีกฝ่ายดึงตัวไปโดยง่ายเนื่องจากในยามนี้เจ้าตัวก็ไม่รู้จะทำไงต่อดีเหมือนกัน และในระหว่างที่ตึงเครียดอยู่นั้นเอง...
“นี่~~ ทำอะไรกันเหรอ~~~~?” ...เสียงอันคุ้นหูสำหรับเด็กหนุ่มทั้งสองก็ดังขึ้นมาพอดี
“เฮ้ย!!! ใครวะ!?” เสียงของหลายๆ คนหรือก็คือพวกที่ไล่ตามอิมาโยชิกับฟุริฮาตะถึงกับร้องลั่นกับการปรากฏตัวของผู้มาใหม่
“ทำไมต้องบอกล่ะ?” เสียงของนายเคียวดังขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังท้าทายอีกฝ่าย
“...มาแล้วสินะ” อิมาโยชิถอนหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนมาช่วย ทว่าอีกใจหนึ่งก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “แต่จากเสียงพวกนั้นนี่จำนวนน่าจะเยอะนะ แล้วพี่นาย...”
...จะไม่แย่เอาเหรอ...
“ไม่หรอกครับ แค่นี้ไม่รอดหรอก” ฟุริฮาตะที่พอเดาคำที่คนอายุมากกว่าตนจะพูดออกส่ายหน้าไปมา “รอดูเองเถอะครัย”
“เอ๊ะ?” อิมาโยชิที่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายดูจะไม่ห่วงพี่ชายตัวเองเลนแม้แต่น้อย แต่ก็ยอมที่จะเชื่อในคำพูดอีกฝ่ายเนื่องจากว่าสีหน้าของคนผมน้ำตาลนั้นอ่านง่ายมากเลยทำให้พอคาดเดาได้ว่าฟุริฮาตะมีความมั่นใจพอสมควรว่าพี่ชายตัวเองปลอดภัย และในขณะนั้น...
โครม! ปัง! ตึง! โครมๆๆๆ!!!
...เสียงอันดังหลายๆ เสียงก็ดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ ราวแผ่นดินไหวตามมาติดๆ
“...” อิมาโยชิฟังเสียงการต่อสู้ (?) ภายนอกด้วยอาการเครียดนิดๆ “เออ...อย่าหาว่าฉันปากเสียเลย แต่ฉันว่าพี่นายไม่น่ารอดยังไงไม่รู้สิ”
“ไม่หรอกครับ มั้นใจได้เลยว่าที่เละไม่ใช่พี่แน่นอน” ฟุริฮาตะเอ่ย
“ช่ายยยย”
“เฮ้ยยยยย!!!” อิมาโยชิหลุดร้องลั่นออกมาแบบหมดมาดเมื่อเสียงของคนที่ตนเอ่ยถึงเมื่อครู่ดังขึ้นมาในระยะใกล้ ดวงหน้าดูเจ้าเล่ห์หันขวีบไปยังต้นเสียง...และก็พบชายหนุ่มพอสีน้ำตาลคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยสภาพครบสามสิบสองดี “เคียวซัง! คุณสู้พวกนั้นได้เหรอ!?”
“แหงสิ ระดับไหนแล้ว...” เคียวยักไหล่น้อยๆ “...แล้วนี่ทำอีท่าไหนเจอไอ้พวกนี้ได้เนี่ย?”
“ไว้อธิบายทีหลังครับพี่ ตอนนี้ผมว่าเรียกรถพยาบาลก่อนไหมครับ? เดี๋ยวพวกที่พี่อัดก็ตายเอาหรอก” ฟริฮาตะที่รู้ฝีมือการต่อสู้ของพี่ตนดีเอ่ยถาม
“ให้ไอ้เซย์มันเรียกแล้ว และเดี๋ยวคนอื่นๆ ก็ตามมาแล้วล่ะ” เคียวตอบกลับพร้อมกับ....
“ไอ้เคียววววว!!!” ...เสียงแว๊ดลั่นดังขึ้นพร้อมกับที่มีชายหนุ่มผมสีดำคนหนึ่งโดดถีบนายเคียวเข้าอย่างจัง ซึ่งแน่นอนว่าโดนถีบนั้นไม่สะท้นสะท้านเลยแม้แต่น้อย “จะวิ่งจะอะไรบอกกันก่อนบ้างสิเว้ย!!! ตามรอยแกมานี้มันยากนะเฟ้ย!!!”
“น่าๆ อย่าขี้บ่นนีกดิวะ ไอ้เซย์ ประจำเดือนไม่มาหรือไง?.” เคียวทำหน้ากวนโอ๊ยใส่คนผมดำที่ยามนี้โวยวายแบบแทบฟังไม่ได้ศัพท์อยู่ “...พวกนายก็ออกมาได้แล้วไม่มีตัวอะไรมาโผล่มาทำร้ายแล้วแน่นอน”
“กวาดไปเอี๊ยมแล้วสินะครับ” ฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ พลางคลานออกจากโพรงไม้
“มั้นใจจังนะครับว่าจัดการหมดล...” อิมาโยชิที่คลานตามออกมาอีกคนถาม แต่ไม่ทันที่จะถามจบประโยคเจ้าตัวก็ถึงกับแข็งทื่อไปในทันทีเมื่อ...ภาพที่ปรากฏเข้าสู้สายตาคือภาพที่มีคนจำนวนเกินครึ่งร้อยนอนสลบอยู่ โดยที่สภาพรอบข้างนั้นราวกับอุกาบาตลง!!! “นี่คุณ...คุณจัดการคนเดียวหมดนี่เลยเหรอ!?”
...ถึงรู้ว่ารายนี้เก่ง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้นะ!!!...
“แหงสิ” เคียวเอ่ย
“หมอนี่เพิ่งเคยเห็นไอ้เคียวกวาดล้างครั้งแรกเหรอ?” เซย์ที่เห็นว่าบ่นไปอีกฝ่ายก็ไม่ฟังเลยหันมาให้ความสนใจที่อิมาโยชิแทน
“ครับ” ฟริฮาตะพยักหน้ารับ
“อื้อ งั้นไม่แปลกเท่าไหร่ที่จะอึ้งล่ะนะ” เซย์เกาหัวตัวเองนิดๆ ..ก็ขนาดเขาเห็นมันทำแบบนี้ประจำยังอดไมเกรนขึ้นไม่ได้ แล้วคนที่เจอแบบนี้ครั้งแรกจะเหลือเหรอ?
“ถ้าไม่อึ้งเลยแปลกกว่าครับ” ฟุริฮาตะพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“แหม นินทากันสนุกกันนะ” เคียวที่โดนนินทาในระยะประชิตโวยเล็กน้อยอย่างไม่จริงจังนัก
“ก็ใช่น่ะสิ” เซยแล่บลิ้นใส่ “เอ้าๆ เลิกเล่นแล้วไปทำงานกันเถอะ ส่วนโคกิ...นายไปดึงสติหมอนั้นให้กลับเข้าร่างเลย เดี๋ยวกลับบ้านกลับช่องไม่ถูกเอา”
“ครับ” ฟุริฮาตะพยักหน้ารับขณะที่มองพี่ชายตนโดนเพื่อนร่วมงานลากไปจัดการเรื่องที่รายนั้นก่อต่อ ก่อนที่จะหันมาหาอิมาโยชิที่นวดขมับตัวเองอยู่ “รู้สึกปวดหัวกับพี่ดีไหมครับ?”
“ไม่รู้สิ...ไม่รู้ว่าควรบอกว่าปวดหัวหรือสยองดีน่ะ” อิมาโยชิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...เขาไม่เคยคิดเลยว่านายฟุริฮาตะเคียวจะโหดเกินคนขนาดนี้!
“ถ้าสยองพี่แล้วยังคิดจะจีบผมอยู่ไหมครับ?” ฟุริฮาตะถามกลับเล่นๆ เผื่อว่าอีกฝ่ายจะหายปวดหัวกับพี่ตนสักนิด จะได้ไม่เส้นเลือดในสมองแตกตายไปซะก่อน
“แหงสิ” อิมาโยชิสวนกลับทันควัน
“ตอบอย่างมั่นใจเหลือเกินนะครับ” ฟริฮาตะกรอกตาไปมา...แม้สติหลุดยังตอบกลับมาได้อีกนะครับ
“ฉันไม่มีทางเลิกคิดจะจีบนายง่ายๆ หรอกน่า” อิมาโยชิเอ่ย
“ครับๆ รู้แล้วครับ” ฟุริฮาตะยักไหล่พลางถอนหายใจน้อยๆ
...ดูท่างานนี้...มีแววเขาจะได้แฟนหนุ่มแทนแฟนสาวขึ้นมาตงิกๆ แล้วแฮะ...
“เฮ้! โคกิ! มาช่วยไอ้นี่ทีสิ! ปวดขมับกับมันวะ!” ระหว่างที่เด็กหนุ่มทั้งสองกำลังอยู่นั้นเสียงของนายเซย์ดังขึ้นมาแทรก
“ครับ! จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ!” ฟุริฮาตะรีบวิ่งไปตามเสียงเรียกทันทีเนื่องจากเดาได้ว่าพี่ชายตนได้ก่อเรื่องขึ้นอีกแล้ว
“...” อิมาโยชิยิ้มบางๆ ออกมาพลางมองคนผมน้ำตาลที่ไปช่วยชายหนุ่มผมดำไม่ให้ไมเกรนขึ้นตายเสียก่อน “...ฉันจะจีบนายให้ติดให้ได้ค่อยดูเถอะ ฟุริ”
End
Cr. แคปมา จำไม่ได้แล้วว่าตอนไหนภาคไหน
ความคิดเห็น