ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #209 : [MiyaMayu] 見

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 851
      24
      9 มี.ค. 61

    Title :   

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Miyaji x Mayuzumi

    Notes : ...

    .....................................................................................

     

    ...เออ...นี่มันบ้าอะไรกันฟะเนี่ย?...

    ความคิดอันเต็มไปด้วยความงุนงงลอยไปมาภายในหัวของชายหนุ่มผมสีน้ำผึ้งผู้เพิ่งพ้นวัยยี่สิบมาหมาดๆ อย่างไม่มีหยุดเมื่อตนเปิดประตูห้องในห้องพักที่ตนเช่าไว้ใกล้ๆ กับสถานที่เรียนเพื่อความสะดวกในการเดินทางในยามมีแขกไม่ได้รับเชิญนั่งหน้าตายอยู่ ทั้งที่ตอนออกจากห้องตนก็ล็อกห้องไว้อย่างแน่นหนาแล้วแท้ๆ

     สวัสดี...” แขกไม่ได้รับเชิญผมเงินเอ่ยทักด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

    ไม่ต้องมาสวัสดีเลยเฟ้ย! นายเข้ามาในห้องฉันได้ไงเนี่ย!?” มิยาจิ คิโยชิผู้เป็นเจ้าของห้องแว๊ดใส่อีกฝ่ายเสียงดังลั่น...ให้ตายเถอะ ไม่เจอกันมาตั้งนานโผล่มาทีนี่โผล่มาไม่ต่างจากผีเลยนะ!

    ไม่รู้คนผมเงินหรือมายุสุมิ จิฮิโระอดีตผู้เล่นตัวจริงของทีมบาสราคุซันเอ่ย

    ห๊า?” มิยาจิหลุดร้องออกมาเล็กน้อย

    บอกว่าไม่รู้ไงฟะ รู้ตัวอีกทีก็มานี่แล้วมายุสุมิเน้นย้ำคำเดิมอีกทีชัดๆ

    อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย!” มิยาจิรุกเข้าหาหมายจะกระชากตัวคนผมเงินโยนออกนอกห้องไม่ให้มากวนโอ๊ยตนไปมากกว่านี้ หากแต่...มือของคนผมสีน้ำผึ้งกลับทะลุผ่านอีกฝ่ายไปเสียอย่างนั้น เอ๊ะ?”

    อ่ะ?” มายุสุมิส่งสีหน้างุนงงไม่ต่างจากคนผมสีน้ำผึ้งแล้วพยายามจับตัวอีกฝ่ายกลับ หากแต่ก็วืดไม่ต่างกัน “...นี่มันบ้าอะไรกันฟะ!?”

    จะไปรู้กับแกเหรอ!?” มิยาจิขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ตกลงนี่แกนอกจากจืดจางแล้วยังตัวจางตามหรือไง!?”

    จะไปใช่ได้ไงวะ!” มายุสุมิมั่นใจว่าต่อให้ตนจืดจางขนาดไหนก็คงไม่ถึงขั้นบรรลุจนทะลุสิ่งของได้หรอก ทำไมฉันมาอยู่ในสภาพนี่ได้เนี่ย!?”

    ไม่รู้เฟ้ย!” มิยาจิเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายเป็นอย่างงี้ไปได้ นี่แกกลายเป็นผีเหรอวะเนี่ย?”

    คงงั้นมายุสุมิที่เริ่มตั้งสติถอนหายใจออกมาเบาๆ

    แล้วไหงมาอยู่ห้องฉันได้?” มิยาจิที่ตั้งสติได้อีกคนถาม

    ก็อย่างที่บอกไป ไม่รู้หรอกมายุสุมิส่ายหน้าวืด

    “...แล้วฉันจะไปถามใครดีเนี่ย?” มิยาจิบ่นออกมาเบาๆ

    ไม่รู้ แต่สำหรับฉัน...อาคาชิมายุสุมิตอนนี้นึกออกแค่ไอ้รุ่นน้องหัวแดงของตนเท่านั้นแหละ ที่น่าจะช่วยได้มากที่สุด

    ไอ้หัวแดงเพื่อนมิโดริมะมันน่ะนะ?” มิยาจิถาม

    ไอ้จูนิเบียวนั้นแหละ รับรองอยากรู้อะไรถ้ามันอยากหา หาได้หมดแหละมายุสุมิมั่นใจว่ารายช่วยได้แน่ ไม่มากก็น้อยล่ะ

    ข้อนั้นไม่เถียงมิยาจิที่รู้ฤทธิ์รายนั้นจากรุ่นน้องตนพอสมควรพยักหน้ารับ แต่ฉันไม่ได้สนิทกับอาคาชิถึงขนาดถามกันแบบนั้นได้นี่สิ

    นายก็ถามผ่านฮายามะมันสิ ช่วงนี้โดนลากไปเล่นบาสกับหมอนั่นบ่อยไม่ใช่เหรอ?” มายุสุมิลองเสนอความเห็นดู...ถ้าจำไม่ผิด ได้ยินว่าช่วงหลังๆ หลังจากที่รุ่นน้องผมสีคาราเมลของตนมาเรียนต่อที่นี่ก็มันมาลากชาวบ้านไปเล่นบาสด้วยบ่อยๆ เสียจนโดนถีบบ่อยๆ ด้วยซ้ำ และคนที่โดนชวนเล่นบวกถีบรายนั่นบ่อยที่สุดก็คือมิยาจินี่แหละ

    คงต้องงั้นแหละมิยาจิพยักหน้ารับ และในขณะนั้นเอง...

    ปัง!

    มิยาจิซัง! ไปเล่นกันเถอะ!!!” ...เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลคนหนึ่งก็โผล่พรวดพลาดเข้ามาในห้องแบบไม่คิดจะเคาะประตูสักนิด

    ...พูดถึงก็มาเลยเว้ย!...

    มิยาจิกรอกตาไปมากับการมาของฮายามะ โคทาโร่ที่เข้ามาในห้องคนอื่นแบบไม่มีเคาะขออนุญาตสักนิด...และที่จริงถ้าเป็นปกติเขาคงถีบสักทีสองทีข้อหาเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต หากแต่ตอนนี้เพิ่งเจอเรื่องปวดหัวมาเลยไม่มีอารมณ์ไล่ตื้บคน

    มิยาจิซังไปเล่นกันๆๆ!” ฮายามะที่ไม่รับร้สิ่งผิดปกติของมิยาจิหรือสิ่งใดภายในห้องจับตัวคนผมสีน้ำผึ้งเขย่าไปมา วันนี้คุณมืดมนมาเล่นด้วยนะเอ้อ!”

    รู้แล้วเฟ้ย! รอเดี๋ยวสิฟะ!” มิยาจิเอามือสับหัวสีคาราเมล เพื่อให้อีกฝ่ายหยุดเขย่าตนเสียที แล้วไอ้คุณมืดมนนี่ใครวะ!?”

    รุ่นพี่ผมฮ้าฟ!” ฮายามะตอบอย่างร่าเริง

    เพื่อนฉันเอง...” มายุสุมิเอ่ยเสริมขึ้นพลางลองไปโบกมือไปมาหน้าคนหัวสีคาราเมล...ซึ่งฮายามะก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรการกระทำนี้ทั้งๆ ที่ปกติทั้งพูดทั้งโบกมือตรงหน้าแบบนี้อีกฝ่ายน่าจะรู้ถึงตัวตนของคนผมเงินไปแล้วแท้ๆ เป็นตัวบ่งบอกอย่างดีว่ายามนี้นอกจากมิยาจิ คิโยชินั้นไม่มีใครเห็นตนเลย “...จะว่าไปนายก็ลองถามเรื่องฉันจากฮิงุจิดูก็น่าจะได้นะ

    “...” ...ตกลงไอ้คุณมืนมนที่ว่าหมายถึงฮิงุจิเหรอวะ? มันไปทำอีท่าไหนได้ฉายานี่มาเนี่ย?

    มิยาจิซังเป็นอะไรอ่ะ? รีบๆ เข้าสิ!” ฮายามะกระโดดหยองแหยงใส่มิยาจิทำเหมือนเหม่อๆ ใส่ตน

    รู้แล้วเฟ้ย! ใจเย็นหน่อยสิไอ้หมาบ้า!!!” มิยาจิคว้าคอฮายามะไว้ก่อนที่จะไปทำอะไรในห้องตนเสียหายแล้วลากออกจากห้อง โดยมีมายุสุมิที่ไม่มีใครมองเห็นเดินตามไปติดๆ

     

     

     

     

     

    สวัสดี...สุดท้ายก็โดนฮายามะลากมาจนได้เนอะคำทักทายเบาๆ ดังออกมาจากปากชายหนุ่มผมดำหน้าตาราวตัวประกอบ (เอาดีๆ สิ! ไม่งั้นแช่งให้ความสูงลดจริงๆ ด้วย! // ฮิงุจิ , อย่าแช่งเชียวนะ! แค่นี้ก็กลุ้มใจจะตายแล้ว!!! // s) ฮิงุจิ โชตะที่โดนคนผมสีคาราเมลลากมารอที่สนามบาสอยู่ก่อนแล้ว

    ไง...” มิยาจิเอ่ยทักทายคนที่โดนลากมาไม่ต่างจากตน “...โดนลากมาเหมือนกันสิเนี่ย?”

    ตามนั้นเลยฮิงุจิยักไหล่น้อยๆ พลางมองคนผมสีคาราเมลที่พอมิยาจิปล่อยตัว (?) ก็วิ่งโร่ไปทั่วราวเด็กเล็หๆ ทันที

    ต้องปลงสินะ?” มิยาจิถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ควรปลงกับมันตั้งนานแล้วฮิงุจิที่เรียกได้ว่าทนกับความป่วนของคนผมสีคาราเมลมานานพอสมควรแล้วเอ่ย

    ก็จริงมิยาจิพยักหน้ารับ

     ยอมรับง่ายเชียวนะฮิงุจิหัวเราะหึๆ ว่าแต่...ทำไมรู้สึกว่ามีคนจ้องมาหว่า?”

     ความรู้สึกไวใช่ได้...” คนผมเงินที่...อยู่ข้างๆ ฮิงุจิยกยิ้มขึ้นน้อยๆ “...แต่จะดีกว่านี้ถ้ามองเห็นด้วยนะเนี่ย

     เออ จริงสิ...ฮิงุจิ ฉันเคยได้ยินว่านายสนิทกับมายุสุมิใช่ไหม?” มิยาจิเหล่มองมายุสุมิที่อยู่ในสภาพไร้ตัวตนเล็กน้อยก่อนที่จะเนียนถามเรื่องคนผมเงินที่โบกมือไปมาหน้าฮิงุจิ

     มายุสุมิเหรอ? อื้อ ถ้าเทียบกับชาวบ้านก็ถือว่าสนิทพอสมควร แต่ถ้าให้สนิทกับหมอนั่นสุดน่าจะเป็นอาคาชินะคนโดนถามเอ่ย

    เอาตาที่ไหนมองว่าฉันสนิทกับไอ้จูนิเบียวนั้นสุดวะ?” มายุสุมิบ่นอุบ...เขาแทบจะทะเลาะกับอาคาชิวันล่ะครั้งเลยด้วยซ้ำ

    เหรอ แล้วช่วงนี้นายได้ติดต่อมายุสุมิไหม?” มิยาจิเมินคำบ่นของมายุสุมิแล้วเนียนถามฮิงุจิต่อ

    ก็...นะฮิงุจิตอบเสียงแผ่ว

    มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? หน้าเจือๆ ลงนะนายมิยาจิที่พยายามแอ๊บหน้าไม่รู้เรื่องสุดฤทธิ์ถามด้วยความอยากรู้...อยากรู้จะตายอยู่แล้วว่าทำไมไอ้หน้าผมเงินดันกลายเป็นผีมาอยู่ในห้องพักเขาได้เนี่ย!

    คือ...” ฮิงุจิกำลังจะอ้าปากตอบแต่...

    ทำอะไรกันอยู่ฮ้าฟ!” ...นายฮายามะ โคทาโร่กลับวิ่งกลับมาโดดเกาะฮิงุจิเป็นการขัดจังหวะเสียก่อน

    ...มาขัดได้จังหวะชะมัด! มันน่าจับไปให้มิบุจิสั่งสอนสักทีสองทีจริงๆ!...

    มายุสุมิคิดอย่างหัวเสียเมื่อรุ่นน้องตัวแสบของตนดันมาขัดช่วงประโยคสำคัญเสียก่อน และแน่นอนว่ามิยาจิก็คิดเช่นเดียวกัน

    คุยเรื่องมายุสุมิอยู่น่ะฮิงุจิตอบคนที่เกาะหลังตนปานด้วงด้วยท่าทีเหนื่อยใจ

    คุณคิ้วบางน่ะเหรอ? พูดแล้วก็แย่จังเนอะที่ชวนมาเล่นตอนนี่ไม่ได้...” ฮายามะทำหน้าหงอยไปอีกคน

    “...ไหงทำหน้าเหมือนมายุสุมิมันตายแล้วแบบนั้นล่ะ? โอ๊ย! ตีฉันทำไมเนี่ย!?” มิยาจิที่อยู่ๆ ถูกฮิงุจิตบหัวแทบทิ่มถามกลับพลางลูบหัวตัวเองอย่างเจ็บๆ ...นี่ถ้าไม่ติดว่ารู้นิสัยรายนี่ว่าไม่ต่อยตีกับใครง่ายๆ นอกจากหัวเสียจริงๆ ปานนี้เขาสวนกลับไปแล้ว

    ปากเสียเองนิ จะแช่งมายุสุมิทำไมเล่า...” ฮิงุจิเอ่ยด้วยเสียงติดเหี้ยมเล็กน้อย “...นี่นายไม่รู้ข่าวเหรอ? เมื่อวันก่อนมายุสุมิมันโดนรถชนจนนอนเป็นผักที่โรงพยาบาลอยู่น่ะ

    มันถูกรถชน?” มิยาจิเหล่มองมายุสุมิที่ไม่มีผู้ใดเห็นเล็กน้อย

    เออดิ ในเมื่อรู้แล้วว่างๆ ก็ไปเยี่ยมหมอนั่นหน่อยล่ะ เผื่อนายไปแล้วหมอนั่นจะลุกขึ้นมากัดกับนายเล่นบ้างฮิงุจิที่เริ่มสงบอารมณ์ตนเองไม่ให้กัดอีกฝ่ายได้แล้วเอ่ยติดตลกนิดๆ ด้วยความที่รู้ว่ารายนี้กับเพื่อนผมเงินของตนเจอกันทีไรก็มักจะกัดกันสักยกหนึ่งทุกครั้ง...และถ้าเกิดรายนั้นลุกขึ้นมาจริงๆ เขาจะเลี้ยงสับปะรดให้มิยาจิแบบไม่อั้นเลย

    ถ้าลุกขึ้นมาจริงก็ฮาล่ะครับฮายามะเอ่ย

    คงงั้นฮิงุจิยักไหล่น้อยๆ

    มิยาจิ...งั้นไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วให้ฮิงุจิะพาไปหาร่างฉันหน่อยสิ เผื่อจะกลับเข้าร่างได้มายุสุมิที่ไม่อยากอยู่ในสภาพวิญญาณนานเท่าไหร่นักเอ่ย

    อื้อ...” มิยาจิขานรับในลำคอเบาๆ “...ฮิงุจิ...ไหนๆ ก็พูดแบบนี้แล้วก็พาฉันไปหามายุสุมิมันเลยแล้วกัน

    จะไปลองเผื่อหมอนั่นลุกมากัดกับนายได้จริงๆ หรือไง?” ฮิงุจิถาม

    ประมาณนั้นมิยาจิที่ขี้เกียจหาข้ออ้างอื่นขานรับไปส่งๆ

    งั้น...” ฮิงุจิเหล่มองยังคนผมสีคาราเมลเล็กน้อย

    เอาวันเล่นวันหลังก็ได้ฮ้าฟ! เราไปหาคุณคิ้วบางกันก่อนเถอะ!” ฮายามะที่เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายจะสื่อเอ่ยออกมาอย่างร่าเริง

    “...ฉันควรดีใจสินะที่ฮายามะรู้จักคิดว่าอะไรควรไม่ควรแล้วเนี่ยมายุสุมิเริ่มรู้สึกแปลกๆ นิดๆ ที่ไอ้รุ่นน้องที่ปกติทำตัวราวเด็กประถมรู้จักคิดให้สมวัยแล้ว

    งั้นไปกันเถอะมิยาจิรีบเอ่ยกับฮิงุจิก่อนที่ตนจะบ้าจี้ตอบมายุสุมิที่ไม่มีใครเห็นเข้าแล้วโดนจับเข้าโรงพยาบาลแทน ทางฮิงุจิเองเมื่อโดนเร่งก็รีบพาอีกฝ่ายไปยังโรงพยาบาลที่เพื่อนผมเงินของตนพีกรักษาตัวอยู่...และเมื่อมาถึงโรงพยาบาลบวกกับมาถึงห้องพักของมายุสุมิ จิฮิโระแล้ว มิยาจิก็ถึงกับคิ้วขมวดเมื่อเห็นสภาพของคนผมเงินบนเตียงผู้ป่วย “...นี่มันถูกรถชนแน่นะ? ดูเหมือนแค่หลับเฉยๆ เลย

    แน่สิ...รู้สึกถูกชนไม่แรงเท่าไหร่เลยไม่เป็นอะไรมาก แต่หัวดันไปกระแทกอะไรไม่รู้ปานนี้เลยยังไม่ฟื้นเนี่ยฮิงุจิอธิบายด้วยท่าทีเคยชิน คล้ายกับว่าตอบคำถามนี่หลายรอบแล้ว

    หัวกระแทกจนวิญญาณหลุดหรือไงวะ?” มายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางมองร่างตัวเองที่นอนนิ่งบนเตียงก่อนที่จะตัดสินใจยื่นมือไปแตะร่างตัวเองดูและ...

    วูบ...

    ...จากนั้นก็รู้สึกราวมีลมพัดเบาๆ เข้ามาในห้องพักพร้อมกับร่างวิญญาณของมายุสุมิก็หายไปเสียดื้อๆ ทำให้มิยาจิที่เป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอดที่จะสะดุ้งโหยงเสียไม่ได้

    เป็นอะไรไปมิยาจิ?” ฮิงุจิถามขึ้นเมื่ออยู่ๆ คนผมสีน้ำผึ้งสะดุ้งโหยงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

    เออ...เปล่า ไม่มีอะไรมิยาจิบอกปัดๆ ไป...ก็แหงล่ะ จะให้เขาบอกไปว่าตกใจที่อยู่ๆ เห็นคนหายตัวได้ไงล่ะ

    แน่ใจ?” ฮิงุจิที่พอจับสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายดูลนลานผิดปกติรี่ตาลงเล็กน้อย

    เออ...” มิยาจิส่งยิ้มแห้งๆ ไปทัพ และในตอนนั้นเอง...

    อ่ะ! คุณมืดมน! ดูสิๆ!” ...เสียงฮายามะที่ร้องขึ้นมาดึงความสนใจของฮิงุจิออกจากมิยาจิ คุณคิ้วบางเริ่มขยับตัวแล้ว!”

    โอ๊ย...ให้ตายเถอะ...” เสียงอันแห่ยแห้งเล็กน้อยตามประสาคนเพิ่งตื่นดังออกจากปากคนที่นอนบนเตียงคนไข้ ดวงตาสีเงินค่อยๆ ฝืนลืมขึ้นมาอย่างยากลำบาก

    มายุสุมิ!!! นี่ฟื้นมากัดกับมิยาจิจริงๆ เหรอวะ!?” ฮิงุจิจะว่าเใจก็ดีใจที่เพื่อนตนฟื้นขึ้นมาเสียที จะว่าสงสัยก็สงสัยว่าอีกฝ่ายทำไมฟื้นมาได้อย่างเหมาะเจาะขนาดนี้...แต่อย่างไรเสียเจ้าตัวก็คงต้องแก้บน (?) ด้วยการเลี้ยงสับปะรดมิยาจิอยู่ดี

    จะบ้าหรือไง!?” มายุสุมิตอบกลับในเชิงปฏิเสธอย่างชัดเจน

    ไง...นอนเป็นผักมาหลายวันเมื่อยดีไหม?” มิยาจิทีรอดจากการโดนคาดคั้นแล้วทักคนผมเงินที่กลับมาอยู่ในสภาพมนุษย์ปกติเรียบร้อยแล้วเล็กน้อย

    สุดๆ เลย...” มายุสุมิพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่จะลงไปกองบนเตียงอีกรอบเมื่อฮายามะโดดกอดเข้ามาด้วยความดีใจราวหมาเจอเจ้าของ ร้อนถึงฮิงุจิต้องรีบหาทางแงะฮายามะออกก่อนที่จะทำให้คนผมเงินนอนยาวอีกรอบ

    “...งั้นฉันเรียกหมอให้นะมิยาจิเอ่ยขึ้นมาพลางมองความวุ่นวายจากอดีตคนจากชมรมบาสราคุซันทั้งหลายอย่างปลงๆ

    เออมายุสุมิขานรับส่งๆ และพอได้รับคำตอบดังนี้คนผมสีน้ำผึ้งก็รีบออกจากห้องไปในทันทีก่อนที่จะโดนลากเข้าร่วมวงไปสร้างความวุ่นวายเข้า...และถ้าเป็นงั้นจริงมีแววโดนหมอโนพยาบาลถีบออกจากห้องพักกันทั่วหน้าแน่

     

     

     

     

     

    หลังจากที่แยกฮายามะออกจากมายุสุมิได้แล้วและหมอได้มาตรวจมายุสุมิเรียบร้อยแล้ว ทางโรงพยาบาลก็บอกให้มายุสุมิอยู่ในโรงพยาบาลอีกหนึ่งวันเพื่อเฝ้าดูอาการ ส่วนตัวก่อความวุ่นวายทั้งสาม (ไหงนับฉันไปด้วยเล่า!? // มิยาจิ & ฮิงุจิ , จะได้โดนกันครบๆ ไง // s) นั่นเมื่อเห็นว่าคนผมเงินปลอดภัยดีก็พากันแยกย้ายกลับที่พักตัวเองตามระเบียบ...ซึ่งกรณีแบบความจริงแต่ล่ะคนควรกลับถึงบ้านแล้วได้พักผ่อนกันหมดแล้ว หากแต่มิยาจิกลับเจอเรื่องปวดหัวตามมารังครวญอีกเมื่อ...

    ...ดันกลับมาเจอนายมายุสุมิ จิฮิโระอีกแล้วนี่สิ

    ไหงนายมาอีกแล้วฟะ!?” มิยาจิอยากเป็นลมสักตลบจริงๆ ...นี่เขาเพิ่งแยกดันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ไหงกลายเป็นวิญญาณมาอีกแล้วฟะ!?

    จะไปรู้เหรอฟะ ฉันแค่เข้านอนตามปกติเองนะเฮ้ย...” มายุสุมิส่งสีหน้างุนงงไม่ต่างกันาให้ “...ว่าแต่ไหงมาโผล่แต่ห้องนายเนี่ย? ที่อื่นตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่ไปโผล่เนี่ย

    ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันเฟ้ย!” มิยาจิสบถออกมาเบาๆ อย่างหัวเสีย...ห้องเขาเป็นที่ดูดวิญญาณหรือไงวะ?! “แล้วนี่ฉันต้องเอานายไปส่งโรงพยาบาลอีกรอบไหมเนี่ย?”

    ไม่ต้อง นี่มันค่ำแล้วอย่าออกไปเตร็งเตร่ให้โดนชาวบ้านดักตีหัวเลยเถอะ อีกอย่างปานนี้โรงพยาบาลหมดเวลาเยี่ยมแล้วด้วยมายุสุมิส่ายหน้าวืด

    งั้นคืนนี้ฉันต้องอยู่กับนายสินะเนี่ยมิยาจิที่พอทำใจได้ระดับหนึ่งแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ ฉันเองก็ไม่อยากลอยว่อนแอบดูชาวบ้านเขาไปทั่วด้วยถึงปกติมายุสุมิเคยเผลอเห็นเรื่องที่ไม่ควรเห็นเพราะความจืดจางก็เถอะ แต่นั้นคนอื่นยังพอรู้ตัวตนของเขาบ้างเลยไม่ทำอะไรแปลกๆ ให้เขาเห็นมากนัก หากแต่ในยามที่ไม่มีใครเห็นเขาเนี่ย...น่ากลัวว่าจะเผลอเห็นเรื่องชวนสยองโดยไม่ทันตั้งใจเข้านี่สิ

    สรุปวันนี้นายสิงอยู่นี่แหละ ส่วนพรุ่งนี้เดี๋ยวฉันไปส่งโรงพยาบาลให้มิยาจิเอ่ยสรุปง่ายๆ สั้นๆ

    เออมายุสุมิขานรับไป ทางมิยาจิเมื่อได้คำตอบดังนี้ก็...ทำการเดินผ่านคนผมเงินไปทิ้งตัวลงบนเตียงทันที เดี๋ยวๆ มิยาจิ...ใจคอจะไม่อาบน้ำไม่กินข้าวก่อนนอนเลยเหรอ?”

    แค่วันเดียวไม่เป็นไรหรอกน่ามิยาจิเอ่ย...ตอนนี้เขาปวดหัวกับเรื่องที่ลอยเข้าหาไม่หยุดจนไม่มีอารมณ์ทำอะไรแล้ว

    เป็นสิฟะ! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย!” มายุสุมิโวยลั่น

    ไม่ลุกมิยาจิปฏิเสธทันควัน

    เป็นเด็กหรือไง!? ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไปอาบน้ำกินข้าวก่อน!” มายุสุมิอยากลากอีกฝ่ายออกจากเตียงมันตอนนี้จริงๆ ถ้าไม่ติดว่ายามนี้ตนไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดได้เนี่ย...ปกติออกจะโหดๆ แท้ๆ ไหงคราวนี้ทำตัวเหมือนเด็กจังวะ?!

    เออๆ ก็ได้ๆ ...ขี้บ่นเป็นคนแก่เชียวมิยาจิที่ไม่อยากโดนคนโวยใส่หูตลอดทั้งคืนจำต้องยอมลุกขึ้นมาแต่โดยดี

    ก็ใครทำตัวเป็นเด็กก่อนล่ะ?” มายุสุมิสวนกลับทันที

    “...นี่ถ้าไม่ติดว่าสภาพตอนนี้นายเป็นวิญญาณล่ะก็พ่อจะเอาสับปะรดปาหัวเข้าให้มิยาจิแยกเขี้ยวใส่คนผมเงิน

    ต่อให้ไม่อยู่ในสภาพนี้ก็คือเหรอว่าฉันจะบ้ารอให้นายปาอะไรใส่หัว?” มายุสุมิถามกลับ

    ไม่คิดมิยาจิเองก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายที่จืดจางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะบ้ายืนรอสับปะรดบินหรอก

    งั้นอย่าพูดมากให้เสียเวลา ไปอาบน้ำเลยไปมายุสุมิโบกมือไล่น้อยๆ

    เออๆมิยาจิกรอกตาไปมา ห้ามแอบดูฉันอาบน้ำนะเว้ย!”

    ใครมันจะไปทำงั้นวะไอ้บ้า!!!” มายุสุมิแว๊ดใส่เสียงดังลั่นแบบไม่กลัวว่าจะมีใครได้ยินเพราะในยามนี้คนที่เห็นและได้ยินตนมีแค่มิยาจิเท่านั้น

    เผื่อไว้ไงมิยาจิเอ่ยก่อนที่จะรีบเผ่นเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

    ไอ้^#/£(()¥...!!!” ส่วนมายุสุมิได้เพียงด่าเช็คไล่หลังไปเท่านั้น...ซึ่งแน่นอนว่าคนผมสีน้ำผึ้งคงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ให้ตายเถอะ เจ้าบ้านั้น...”

    ...กวนโอ๊ยกว่าที่เห็นภายนอกอีก!!!...

    มายุสุมิยอมรับเลยว่าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่โหดขัดกับหน้าตาอย่างมิยาจินี่จะมีนิสัยกวนๆ กับเขาด้วย...หรือจะติดมาจากรุ่นน้องตัวเองเหมือนที่เขาเริ่มติดบ้ามาจากพวกมันกันหว่า?

    เป็นอะไร? ทำหน้าแปลกๆ...” ระหว่างที่คิดๆ อยู่นั้นคนผมสีน้ำผึ้งก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี

    นี่อาบหรือวิ่งผ่านน้ำวะ!? เร็วแท้!” มายุสุมิที่ไม่ติดว่าอีกฝ่ายจะอาบน้ำเร็วขนาดนี้ถาม

    อาบนี่แหละโว้ย!” มิยาจิตอบกลับเสียงห้วน

    ไม่เชื่อมายุสุมิทำหน้าแบบ...ยังไงก็ไม่เชื่อเด็ดขาดมาให้

    นายนี่มัน...” มิยาจิคิ้วกระตุกนิดๆ พลางเริ่มนึกอยากเอาเกลือสาดไล่ เสียแต่ดูท่าแล้วไม่น่าจะได้ผล เพราะถึงเป็นวิญญาณแต่ร่างต้นรายนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ “...เฮ้อ ช่างเถอะ...หลบไป จะนอนแล้ว

    กินข้าวเย็นก่อนสิเฟ้ย!” มายุสุมิแยกเขี้ยวใส่คนที่ทำท่าจะนอนทั้งอย่างนี้

    กินลูกอมไปแล้วมิยาจิตอบหน้าตาย

    นั้นไม่ใช่ข้าวเฟ้ย! กินข้าวก่อน! หรืออย่างน้อยบะหมี่กึ้งสำเร็จรูปก็ดี!” มายุสุมิเอ่ยด้วยท่าทีที่บ่งบอกว่าจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายนอนอย่างสงบแน่ ถ้าไม่ยอมกินข้าวเย็น

    เฮ้อ...เอางั้นก็ได้ฟะ...” มิยาจิซึ่งขี้เกียจเถียงแล้วขานรับส่งๆ “...นายนี่...ขี้บ่นกว่าที่คิดแฮะ

    ก็ทำตัวน่าบ่นเองนี่หว่ามายุสุมิทำหน้ามุ่ยใสพลางมองคนผมสีน้ำผึ้งที่เริ่มเดินไปทำอาหารกินที่ห้องครัวอย่างเอื่อยๆ ตาแป๋ว เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายกินอย่างอื่นแทนข้าวหรออะไรที่อยู่ท้อง...และหวังว่ามันคงไม่เอาสับปะรดมาปอกกินแทนข้าวเย็นอย่างที่เขาคิดแล้วกัน

     

     

     

     

     

    จิ้บๆๆๆ

    เสียงนกร้องคลอเสียงแสบแก้วหูดังไปทั่วทั้งบริเวณเสียจนมีบางคนเริ่มอยากจับนกมาย่างกินให้จำนวนเสียงร้องลดลงสักนิด ชายหนุ่มผมสีน้ำผึ้งพลิกตัวไปมาภายใต้ผ้าห่มลายสับปะรดสุดแสนมุ้งมิ้งก่อนที่จะลุกขึ้นมาด้วยความทนข่มตาหลับต่อท่ามกลางเสียงนกเหล่านี้ไม่ไหว

    อื้อ...เช้าแล้วเหรอ?” มิยาจิเอ่ยขึ้นอย่างเบลอๆ สมองพยายาามดึงสติกลับให้เข้าที่เข้าทางก่อนที่จะนึกถึงเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาสีน้ำผึ้งกวาดมองไปรอบๆ ห้องเพื่อหาร่างๆ หนึ่งที่เจ้าตัวนึกได้ว่าต้องพาไปส่งโรงพยาบาลในเช้านี้...หากแต่ไม่พบร่างของผู้ใดเลย เอ๊ะ? มายุสุมิล่ะ?”

    ...ลอยออกไปเล่นด้านนอกแก้เบื่อหรือไงหว่า?...

    กริ้งงงงง!!!

    โทรศัพท์ทีดังขึ้นมาทำให้มิยาจิที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่สะดุ้งโหยงก่อนที่จะคว้าโทรศัพท์มือถือตนมาเปิดดู...ซึ่งเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นเบอร์ของคนที่เจ้าตัวไม่รู้จัก

    โมชิโมชิ? ใครครับ?” มิยาจิตัดสินใจกดรับเบอร์แปลกหน้าแล้วเอ่ยถามไปตามมารยาท

    มิยาจิ ฉันเอง...’

    มายุสุมิ?” มายุสุมิเลิกคิดขึ้นเล็กน้อยอย่างงุนงงเมื่อคนที่ตนมองหาก่อนหน้านีเโทรมาหาตน ทั้งๆ ที่ไม่น่าโทรหาตนเพราะร่างการทะลุผ่านทุกสิ่ง...เว้นแต่กรณีเดียวเท่านั้นที่รายนี่จะโทรมาได้คือนายมายุสุมิ จิฮิโระได้กลับร่างเนื้อของตัวเองไปแล้ว

    แล้วคิดว่าใครล่ะ?’

    ไม่ต้องมากวนเลย...” มิยาจิเผลอทำเสียงดุใส่อย่างเคยชิน “...นี่นายกลับร่างแล้ว?”

    อื้ม รู้สึกพอพยาบาลมาปลุกก็ถูกดึงกลับเข้าร่างเลยน่ะ

    แปลว่านายถอดวิญญาณได้ตอนหลับสินะ?” มิยาจิสรุปสั้นๆ ตามความน่าจะเป็นที่อาจเกิดขึ้นมากที่สุด

    คงงั้น

    แปลกแฮะ...นายไปฝึกญาณหรืออะไรพวกนี่มาหรือไงถึงถอดวิญญาณได้เนี่ย?” มิยาจิถามด้วยความสงสัย

    ใครมันจะไปทำงั้นฟะ? มันเป็นของมันเองเฟ้ย!’

    ฉันล้อเล่นน่า อย่าเครียดสิเฮ้ย...” มิยาจิหัว้ราะเบาๆ ...เขาเองก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไปฝึกอะไรแบบนั้นเพิ่มความยุ่งยากในชีวิตตัวเองหรอก “...เอาเป็นว่าเดี๋ยวดูคืนนี้อีกที...นายลองหลับราวๆ สามทุ่มดู ดูสิว่านายจะโผล่มาอีกไหมและฉันอยากเห็นด้วยว่านายโผล่มายังไง

    อื้ม ตามนั้นนะ...แค่นี้ล่ะ พยาบาลเรียกแล้ว

    เออๆมิยาจิขานตอบไปก่อนที่สายจะถูกตัด พร้อมกันนั้นเอง...

    มิยาจิซัง!” ...เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลคนหนึ่งก็พรวดพรากเข้ามาภายในห้องแล้วโดดใส่มิยาจิในเวลาต่อมา...ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างมิยาจิไม่ยอมให้คนใครโดดเกาะง่ายๆ แน่ จึงยกเท้าถีบอย่างทันทวนที

    เฮ้ย! แกเลิกเข้ามาดื้อๆ เสียทีเถอะ! ไม่สิ! เข้ามาไงฟะ!?” มิยาจิแว๊ดลั่นใส่ผู้บุกรุกหน้าทะเล้นที่เข้ามาในห้องตนได้ไงไม่ทราบทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้าตัวมั่นใจว่าล็อกประตูแล้วแท้ๆ

    ขอกุญแจจากคุณมืดมนน่ะครับ!” ฮายามะตอบด้วยท่าทีไม่สำนึกเลยว่าตนไม่ควรบุกเข้าห้องคนอีกโดยไม่ได้รับอนุญาต

    นี่มันแอบปั๊มกุญแจห้องฉันเหรอวะเนี่ย!?” มิยาจิคิ้วกระตุกนิดๆ ...มันจิ๊กกุญแจเขาไปปั๊มระหว่างที่ซ้อมหรือไงวะเนี่ย!?

    ไม่รู้ครับ! และรีบไปกันเถอะ!” ฮายามะดึงแขนคนผมสีน้ำผึ้ง

    เดี๋ยวๆ! จะไปไหนกันเนี่ย!?” มิยาจิถามพลางขืนตัวเล็กน้อย

    ไปหาคุณคิ้วบางที่โรงพยาบาลครับ! และคุณมืดมนจะพาไปเลี้ยงสับปะรดด้วย!” ฮายามะเอ่ยอย่างร่าเริง

    “...งั้นไปด้วยก็ได้ รอแป๊บเมื่อได้ยินคำว่าเลี้ยงสับปะรดมิยาจิก็เอ่ยเช่นนี้ก่อนที่จะรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อไปโรงพยาบาลทันที

    เมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วฮายามะก็ทำการลากมิยาจิออกจากห้องลงไปชั้นล่างของหอพักและ...พบว่าฮิงุจิซึ่งเป็นคนให้กุญแจฮายามะไปเปิดห้องชาวบ้านกำลังรออยู่พร้อมทำท่าเตรียมหนีทันทีหากคนผมสีน้ำผึ้งหมายจะตื้บตน ซึ่งพอเห็นแบบมิยาจิก็เล่นจัดการไล่ตื้บไปหนึ่งฉากตามที่อีกฝ่ายคิด ก่อนที่จะเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรับตัวมายุสุมิ จิฮิโระพร้อมกับฮิงุจิที่มีสภาพเละเล็กน้อย...

    ...พอไปหามายุสุมิและรับตัวคนผมเงินออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฮิงุจิก็ทำการพาทุกคนไปยังนิทรรศการสับปะรด (?) ที่บังเอิญจัดงานอยู่ใกล้ๆ พอดีเป็นการแก้บน (?)

    สุดท้าย...นายก็ถูกล่อด้วยนี่สินะ?” มายุสุมิเอ่ยอย่างเอื่อมๆ เมื่อรู้สาเหตุที่มิยาจิยอมมารับตนด้วยจากเพื่อนผมดำของตนพลางมองกองของกิน...ที่ทำจากสับปะรดทั้งสิ้น

    ประมาณนั้น...” มิยาจิพยักหน้ารับขณะที่กำลังกินสับปะรดปานไปตายอดตายอยากมา...เนื่องจากเยอะซะคนที่เดินผ่านไปมาอดจ้องมองอย่างตื่นตะลึงกับปริมาณที่อีกฝ่ายกิน

    เฮ้อ...กินมากขนาดนี้ระวังตัวเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับสับปะรดล่ะมายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ไม่หรอกน่ามิยาจิเอ่ย...ก็เขากินมาตั้งนานไม่ยักเป็นไรสักนิด

    ไม่หลอกๆ น่ะสิมายุสุมิกรอกตาไปมา

    พูดมาก นายก็กินด้วยกันเลย ผอมเป็นกุ้งเชียวมิยาจิไม่ว่าเปล่า ยังจ้วงเค้กสับปะรดยัดเข้าปากอีกฝ่ายไปด้วย

    แค่ก! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย?!” มายุสุมิที่ต้องรีบกลืนเค้กเจ้าไปก่อนที่จะติดคอตายหันไปแว๊กลั่นใส่คนผมสีน้ำผึ้ง

    ก็ขี้บ่นเองนิมิยาจิยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก

    เฮ้ๆ จะจีบอะไรกันเกรงใจกันมั้งสิ พวกฉันยังนั่งกันอยู่นะฮิงุจิที่นั่งมองเพื่อนรุ่นเดียวกันกับตนทั้งสองเถียงกันมานานสองนานแล้วเอ่ยขึ้น ส่วนฮายามะน่ะเหรอ...ก็ยังกินขนมต่อไปโดยไม่สนใจรุ่นพี่ผมเงินกับคนผมสีน้ำผึ้งมากนัก

    จีบบ้าอะไรวะ!? พูดแบบนี้เสียหายนะเว้ย!” มิยาจิโวยใส่ฮิงุจิที่พูดอะไรแปบกๆ ออกมา

    ถ้าไอ้นี่จะจีบฉัน ฉันยอมให้อาคาชิมันแกล้งฉันสักสองสามรอบยังดีกว่าอีก!” มายุสุมิทำหน้าเหมือนสยองเล็กน้อย

    แหม แสดงท่าทีรังเกลียดกันเหลือเกินนะ...” ฮิงุจิหัวเราะเบาๆ “...แต่เชื่อเถอะ...แบบนี้สุดท้ายจบลงที่การเป็นแฟนกันเองทุกราย

    ไม่มีทางเฟ้ย!!!” ท้งคู่ปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน...และการเถียงระหว่างชายหนุ่มทั้งสามก็เริ่มขึ้นแล้วจบด้วยความพ่ายแพ้ของมิยาจิและมายุสุมิ ทำให้มิยาจิก็ทำการกินสับปะรดต่อไปอย่างห้วเสียโดยมีมายุสุมิร่วมวงด้วยแบบกะให้คนจ่ายอย่างฮิงุจิล่มจมไปเลย

    หลังกินสับปะรดกันเสร็จและทำกระเป๋าฮิงุจิแฟ่บลงไปเรียบร้อยแล้วทุกคนก็พากันแยกย้ายกลับที่พักใครที่พักมัน มิยาจิเองเมื่อกลับมายังห้องพักตนก็ทำกิจกรรมต่างๆ ตามปกติโดยไม่มีคนโผล่มาอยู่ในห้องให้ตกใจอย่างเมื่อวานพลางมองนาฬิกาที่ติดข้างผนังเป็นระยะๆ

    ใกล้สามทุ่มแล้วสินะ?” ดวงตาสีน้ำผึ้งจับจ้องเข็มนาฬิกาที่ขยับทีล่ะนิดๆ ราวกับตรวจล็อกตารี่ (?) จนกระทั่ง...

    ติ๊ด...ติ๊ด...

    สวัสดี...” ...เมื่อถึงเวลาสามทุ่มพอดีเป๊ะ ร่างเลือนลางของชายหนุ่มผมเงินคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของมิยาจิทันที

    “...โผล่มางี้เลยเหรอ?” มิยาจิที่ทำใจมาระดับหนึ่งแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่โผล่มาแบบปกติชัวท์ถามขึ้นอย่างเหนื่อยใจ

    เออดิมายุสุมิตอบกลับด้วยความเซ็งสุดแสนที่ในวันนี้ก็โผล่มาที่นี่อีกรอบ

    “...ห้องฉันมันมีอะไรที่ดูดวิญญาณนายมาวะเนี่ย?” มิยาจิบ่นขึ้นมาลอยๆ

    จะไปรู้เหรอฟะ?” มายุสุมิเอ่ย แต่ที่แน่ๆ คือ...ถ้าหาทางแก้ไม่ได้นายคงต้องทนเห็นหน้าฉันมันทุกคืนอย่างนี้แหละ

    แย่เหมือนกันแฮะมิยาจิเกาหัวตัวเองนิดๆ พลางนึกหาวิธีหยุดอีกฝ่ายไม่ให้วิญญาณออกจากร่างมาหาตนไปด้วย และในขณะนั้นเอง...

    ก๊อกๆๆๆๆๆ

    ...ระหว่างที่สนทนากันอยู่นั้นเสียงเคาะประตูก็ดังรัวขึ้นมาราวกับว่าคนเคาะจะเคาะให้ประตูหลุดไปทั้งบานเลย

    ใครมาดึกขนาดนี้วะ?” มิยาจิบ่นน้อยๆ อย่างแปลกใจที่มีคนมาหาตนในเวลาที่สมควรเข้านอนแล้วแบบนี้

    ไม่รู้สิมายุสุมิส่ายหน้าวืด

    พี่! เปิดประตูหน่อย!” และทั้งสองก็ได้คำตอบในเวลาต่อมาเมื่อมีเสียงตะโกนดังแว่วมา

    เฮ้ย!?” มิยาจิรีบลุกพรวกไปเปิดประตูห้องด้วยความเร็วแสงทันทีที่รู้ว่าใครมา...เร็วเสียจนแทบเปิดประตูไปกระแทกหน้าอีกฝ่ายที่อยู่นอกห้องเลยด้วยซ้ำ ยูยะ!? นายมาทำบ้าอะไรดึกขนาดนี้เนี่ย!? เข้ามานี่เลย!”

    โดนไอ้บ้าสองตัวชวนมาเที่ยวแล้วโดนปล่อยเกาะน่ะเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งที่ยอมให้พี่ตัวเองลากเข้าไปในห้องแต่โดยดีเอ่ยตอบ

    ยามาโตะกับอิยามิสินะ?” แค่ประโยคเดียวมิยาจิก็สามารถเดาได้ในทันทีว่าคนที่น้องชายตนกล่าวถึงคือใคร

    แล้วคิดว่ามีตัวอื่นหรือไง?” ยูยะถามกลับแบบกวนๆ

    ตอบดีๆ บ้างไม่ได้หรือไง?” มิยาจิกรอกตาไปมา

    ก็เหมือนนายนั่นแหละ...” มายุสุมิแอบบ่นขึ้นมาเบาๆ จนทำให้โดนมิยาจิค้อนใส่ไปหนึ่งที

    ไม่รู้สิยูยะที่ไม่เห็นหรือได้ยินมายุสุมิยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ที่แน่ๆ คือผมขออยู่นี่สักพักแล้วกัน

    ทำไมล่ะ?” มิยาจิถาม...ปกติน้องเขาไม่น่าอยู่ๆ โผล่มาโดยไม่บอกแบบนี้นิ?

    พ่อโทรมาบอกว่าเดี๋ยวเป็นคนมารับ...กลัวว่ายืนด้านนอกแล้วอยู่ๆ จะมีคนตาถั่วมาหาเรื่อง...” ยูยะส่งยิ้มแห้งๆ ให้

    “...และจะโดนพ่อตื้บในเวลาต่อมาสินะ?” แค่นี้ก็มากพอทำให้มิยาจิรู้สาเหตุที่น้องตนอยู่ๆ โผล่มาแล้วงานนี้

    ถูก...และถ้าพ่อมาคนเดียวคงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าแม่มาด้วยเนี่ยสิยยะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    หายนะชัดๆมิยาจิไม่รู้จะใช้คำพูดไหนอธิบายสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นหากน้องตนไปยืนรอพ่อแม่ด้านนอกแล้วโดนหาเรื่องได้มากกว่านี้แล้วจริงๆ งั้นนายอยู่นี่จนกว่าพ่อจะมานั้นแหละดีแล้ว

    “...ตกลงพ่อแม่นายเป็นคนแบบไหนเนี่ย?” มายุสุมิเริ่มสงสัยแล้วว่าพ่อแม่อีกฝ่ายเป็นคนอย่างไร แต่ล่ะคนถึงทำหน้าปวดจิตกันทั่วหน้าแบบนี้เนี่ย

    อย่ารู้เลย...” มิยาจิเอ่ยตอบเบาๆ เพื่อไม่ให้ยูยะที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน และในตอนนั้นเอง...

    ยูจางงงงง!!! มาแล้วจ้าาาาา!!!” ...ก็มีเสียงตะโกนสุดแสนจะกวนโอ๊ยดังขึ้นมาพร้อมกับร่างของชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้อง โบกมือทักทายยูยะหนึ่งที ก่อนที่จะพุ่งไปเกาะนายมิยาจิ คิโยชิในเวลาต่อมา คิโยจางงงง!!! คิดถึงจังเลยยยยย!”

    “...มาเร็วไปไหม!?” ยูยะแว๊ดลั่นกับคนที่อยู่ๆ โผล่มา พ่อเพิ่งโทรหาผมไม่ถึงสิบนาทีเองนะ!”

    ก็พ่อเขาเอาแต่คะยักคะยอให้มาเร็วๆ น่ะสิหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งที่เดินตามมาด้วยสีหน้าปลงๆ ก่อนที่จะไปเขกหัวคนที่เกาะชาวบ้านปานโคอาล่าอย่างแรง และเลิกเกาะคิโยชิได้แล้วย่ะ!”

    แอ๊ก! เจ๊บนะตัวเธอ~~~” ชายหนุ่มผมดำร้องโหยหวนอย่างน่าถีบเป็นที่สุด

    ไม่ต้องมาพูดเลย!” สาวเจ้าแยกเขี้ยวใส่พร้อมยกเท้าถีบอีกฝ่ายจนกระเด็นออกจากตัวมิยาจิ

    พี่...บางทีผมก็นึกเสียใจที่เข้ามหาลัยใกล้บ้านแทนมาอยู่ไกลๆ แบบพี่แฮะยูยะที่มองพ่อแม่ตัวเองที่เริ่มทะเลาะกันเสียแล้วด้วยความปลงสุดแสน

    น่าๆมิยาจิตบบ่าปลอบ

    “...ครอบครัวนายนี่เฮฮาดีแฮะมายุสุมิเริ่มนึกว่าโชคดีจริงๆ ที่ตนอยู่ในสภาพวิญญาณในตอนนี้เมื่อข้าวของเริ่มบินไปทั่ว...ถ้าไม่เพราะทุกสิ่งทะลุร่างตนได้ปานนี้โดนสอยร่วงไปแล้ว

    เฮฮาจนน่าปวดหัวน่ะสิ...” มิยาจิบ่นขึ้นมาเบาๆ พลางหลบลูกหลงอย่างเคยชิน และ...กำลังคิดว่าตนควรเก็บห้องยังไงต่อจากนี้ดี เพราะพอพ่อแม่ตนทะเลาะกันเสร็จห้องตนต้องเละจนไม่เหลือเค้าเดิมเป็นแน่

     

     

     

     

     

    วันเวลาผ่านไปนับจากวันที่ห้องมิยาจิเกือบพังเพราะพ่อแม่ตัวเอง ร่างอันเลือนลางมายุสุมิก็โผล่มาที่ห้องของคนผมสีน้ำผึ้งทุกคืนยามหลับ จากตอนแรกๆ ที่รำคาญเพราะได้เพื่อนร่วมห้องขึ้นมาแบบไม่ได้รับเชิญก็แปรเปลี่ยนเป็นความเคยชิน ชนิดที่ว่าต่อให้โดนกวนแค่ไหนก็สวนกลับได้หมด เช่นเดียวกับมายุสุมิถ้าโดนกวนก็สวนกลับได้หมดเช่นกัน

    ไง...ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นนายเลยเนอะคำทักทายดังออกจากปากคนผมสีน้พผึ้งเมื่อเห็นร่างเลือนลางปรากฏขึ้นตรงหน้าตนอย่างไม่มีท่าทีตกใจหรืออะไรแม้แต่น้อย

    พอดีใกล้สอบเลยนอนดึกน่ะคนผมเงินตอบพร้อมทิ้งตัวลงนั่งข้างมิยาจิ

    นอนดึกหรือไม่ได้นอน?” มิยาจิถามกลับ

    ทั้งคู่นั้นแหละมายุสุมิตอบหน้าตาเฉย

    บางทีนายนี่ก็หักโหมตัวเองไปแฮะมิยาจิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...เขารู้ว่าก่อนสอบก็ต้องอ่านหนังสือหนังเป็นธรรมดา แต่อ่านห่ามรุ่งห่ามค่ำแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ

    ช่างฉันเถอะน่ามายุสุมิทำหน้ามุ่ย

    ช่างได้ไงล่ะมิยาจิสวนกลับทันควัน ไม่ได้นอนมากๆ ระวังน็อกกลางอากาศไปล่ะ

    ไม่หรอกน่ามายุสุมิไม่คิดว่าแค่นอนดึกตืนเช้าติดต่อกันไม่มากพอทำให้น็อกกลางอากาศได้หรอก

    ไม่หลอกๆ น่ะสิ เคยลองมาแล้ว...” มิยาจิเอ่ย...ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเขาเผลอน็อคไประหว่างขึ้นบันไดจนตกลงมาบาดเจ็บ จากนั้นก็โดนทั้งโค้ชทั้งคนในชมรมและพ่อแม่เขาเทศยกใหญ่เลย

    ยังอุตสาห์เคยลองมาอีกเนอะมายุสุมิกรอกตาไปมา

    ก็มีบ้างมิยาจืหัวเราะออกมาเบาๆ

    ไม่รู้จะว่าไงกับนายเลยวะมายุสุมิเริ่มหมั่นไส้คนผมสีน้ำผึ้งนิดๆ แล้วสิ

    งั้นขอคืนคำพูดนั้นให้นายแล้วกัน เพราะตอนนี้เราก็ไม่ต่างกันหรอกน่ามิยาจิไม่ยอมโดนว่าคนเดียวงานนี้

    เออมายุสุมอขานรับห้วนๆ ...เออ ยอมรับว่าเขาก็พอๆ กันนั้นล่ะ

    เออ จริงสิ มายุสุมิ...ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากพูดกับนายแหน่ะมิยาจิที่ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นได้เอ่ยขึ้นมา

    หื้อ? ว่ามาสิมายุสุมิเอ่ยเป็นเชิงว่าถามได้

    นาย...สนใจมาอยู่กับฉันไหม?” มิยาจิถาม

         “...ห๊า?” มายุสุมิถึงกับสตั้นไปสามวิก่อนที่จะหลุดร้องออกมา

    นายสนใจมาอยู่กับฉันไหม?” มิยาจิเน้นคำเดิมอีกครั้งชัดๆ

    “...อย่าอยู่ดีๆ พูดเหมือนขอแต่งงานแบบนี้สิวะ! ขนลุก!” มายุสุมิแว๊ดลั่นใส่คนผมสีน้ำผึ้ง...มันรู้ไหมฟะว่าถูกผู้ชายด้วยกันพูดเหมือนขอแต่งงานแบบนี้มันน่าอายนะ! “แล้วที่บอกให้มาอยู่ด้วยกันนี่คิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ!?”

    ก็ไม่คิดอะไร แค่เห็นว่ายังไงนายก็ถอดวิญญาณมานี่ทุกคืนแล้วงั้นก็มาอยู่ทั้งตัวเลยจะเป็นไรไปน่ะมิยาจิอธิบายพลางหัวเราะออกมาเบาๆ กับสีหน้าของคนผมเงิน

    นี่นายก็คิดไปได้...” มายุสุมิกรอกต่ไปมากับคำตอบที่ได้รับ

    ก็นะ...” มิยาจิไม่สนใจคำบ่นเมื่อครู่นัก “...แล้วว่าไง?”

    ตามใจนายเถอะ มายุสุมิที่ขี้เกียจเถียงอะไรให้มากความเอ่ย...อย่างไรเสียต่อให้อยู่ไหน เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

    งั้นฉันถือว่าตกลงนะมิยาจิสรุป งั้นรีบๆ ย้ายมาเด้อ

    เออๆมายุสุมิถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับความรู้สึกไม่สบายใจอะไรบางอย่างที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้น หวังว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะย้ายมานี่นะ

    หื้อ? หมายความว่าไง?” มิยาจิถามด้วยสีหน้างุนงง...ไอ้ที่พูดหมายความว่าไงฟะ!?

    เปล่า แค่สังหรณ์แปลกๆ น่ะมายุสุมิเอ่ยก่อนที่จะสะดุ้งโหยงขึ้นมา อ่ะ...เอ๋?”

    เป็นอะไรไปน่ะ?” มิยาจิที่เห็นท่าทีแปลกๆ ของคนผมเงินถามขึ้น

    คือ...” มายุสุมิทำท่าจะบอกอะไรสักอย่าง หากแต่ก็สะดุ้งโหยงอีกรอบเสียก่อน

    เฮ้ยๆ โอเคเปล่าวะเนี่ย?” มิยาจิที่เห็นท่าไม่ดีจมวดคิ้วเป็นปม

    มิยาจิ...ไปที่ห้องฉันเร็ว!” มายุสุมิเอ่ยเสียงดังลั่น

    ห๊า?” มิยาจิหลุดร้องอย่างงงๆ ...มันจะให้เขาไปที่ห้องมันทำไมวะ?

    ไปเร็วๆ เถอะน่า!” มายุสุมิเอ่ยเร่ง

    ฉันรู้จักที่พักนายที่ไหนเล่า!?” มิยาจิเถียงกลับ...ตั้งแต่รายนี่โผล่มาทีาห้องเขาประจำจนปานนี้เขาไม่เคยถามถึงที่อยู่อีกฝ่ายเลยนะ!

    อยู่ตึกถัดไปจากนี้สามหลังเอง!” มายุสุมิเอ่ย

    นี่แกพักอยู่ใกล้ขนาดนี้เลยเหรอฟะ!?” มิยาจิไม่คิดเลยว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายอยู่ใกล้ขนาดนี้...ทำไมเดินผ่านไปผ่านมาไม่เคยบังเอิญเจอกันเลยวะ!? เอ๊ะ! หรือเจอแต่ไม่เห็นตัวหว่า?

    เออ! อย่าถามมากรีบไปเร็ว! ห้อง 408 นะ!” มายุสุมิเอ่ยอย่างหัวเสียก่อนที่ตัวจะเลือนลางและหายไปในที่สุด

    เฮ้ย! เดี๋ยว!” คราวนี้ถึงตามิยาจิสะดุ้งโหยงบ้าง เนื่องจากตลอดมาไม่มีครั้งใดที่อีกฝ่ายหายไปก่อนเช้าสักครั้ง เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!?”

    ชายหนุ่มผมสีน้ำผึ้งขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะวิ่งออกจากห้องไปยังจุดหมาย...หรือหอพักที่มายุสุมิอาศัยอยู่ได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากทั้งบริเวณมีหอพักแค่สองสามหลัง หากแต่ว่าเมื่อมาถึงหน้าหอพัก...

    คนนอกห้ามเข้าครับ...” ...กลับถูก รปภ. ของหอพักห้ามไว้เสียก่อน

    ผมมาหาเพื่อน ขอเข้าไปหน่อยครับมิยาจิเอ่ยด้วยความรู้สคกหงุดหงิดเล็กน้อย...ถึงรู้ว่าทำตามหน้าที่แต่แบบนี้เขาก็ไปหามายุสุมิมันไม่ได้น่ะสิ!

    ไม่ได้ครับรปภ. คนเดิมเอ่ย

    งั้น...” มิยาจิมองซ้ายมองขวาเล็กน้อยก่อนที่จะ...บุกฝ่าเข้าไปดื้อๆ นี่แหละ “...ขอโทษด้วยนะครับ! ผมรีบ!”

    เฮ้ย! เดี๋ยวสิ!” เสียงรปภ. ลอยแว่วตามหลังม่ หากแต่คนผมสีน้ำผึ้งหาได้สนใจอะไรแลเววิ่งไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าห้อง 408 และ...

    ปัง!!!

    ...ถีบประตูอย่างแรงจนหลุดออกมาทั้งบานแบบไม่เกรงใจเจ้าของห้องเลยสักนิดเพราะจากท่าทางของมายุสุมิก่อนที่จะหายไปนั้นบ่งบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้คงไม่เหมาะกับการมามัวเคาะประตูแน่ และภาพที่เข้าสู่สายตาทำเอามิยาจิอยากฆ่าคนขึ้นมาตงิกๆ ...กับภาพที่มีชายคนหนึ่งกำลังคล่อมบนตัวคนผมเงินที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดสุดฤทธิ์

    นี่แกทำอะไรของแกวะ!?” มายุสุมิยกเท้าถีบคนที่คล่อมบนตัวคนผมเงินอย่างแรงเสียจนกระเด็นชนกำแพง น็อคเอ๊าในทันใด (ผู้ชนะได้แก่นายมิยาจิ คิโยชิครับ!!! // s , ไม่ต้องมาเล่นมุขเลย!!! // มิยาจิ) “นายโอเคไหมมายุสุมิ?”

    ยังอยู่ดี...โชคดีจริงที่นายมาทัน...” มายุสุมิถอนหายใจอย่างโล่งอก

    โชคดีกว่าคือนายบอกฉันทันก่อนกลับเข้าร่างเนี่ยมิยาจิดึงอีกฝ่ายที่ดูจะหมดแรงจากการขัดขืนก่อนหน้านี้ขึ้นนั่ง

    นั้นสิ ถ้าไม่ทันพูดอะไรแล้วกลับมาเจอนี่คนเดียวล่ะก็...ไม่อยากนึกเลยว่าจะเป็นไงต่อมายุสุมิเอ่ยด้วยความรู้สึกขนลุกนิดๆ

    เป็นเมียไอ้นี่ไงมิยาจิเอ่ยอย่างติดตลกนิดๆ

    มุขนี้ไม่ขำเว้ย!” มายุสุมิแยกเขี้ยวใส่

    เกิดอะไรขึ้นครับ!?” รปภ. ที่มิยาจิวิ่งฝ่าเข้ามาก่อนหน้านี้วิ่งตามเข้ามาภายในห้อง

    ไอ้นั่นบุกรุกห้องผม ลากออกไปทีครับมายุสุมิเอ่ย ทาง รปภ. หนุ่มก็พยักหน้ารับก่อนที่จะลากคนที่มิบาจิถีบจนชักกระแด๊วๆ ออกไป และมิยาจิ...ดูท่าคืนนี้ฉันต้องระเหินไปนอนห้องนายจริงๆ แล้ววะ

    ไม่กล้านอนคนเดียวหรือไง?” มิยาจิถาม...ที่จริงถามไปงั้นแหละ เขารู้อยู่แล้วว่าเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีทางที่จะไม่กลัวเลยหรอก

    อยู่ๆ โดนไอ้บ้านี่บุกห้องใครมันจะกล้าหลับต่อวะ?” มายุสุมิทำหน้ามุ่ย

    ไม่กลัวว่าฉันหื่นปล้ำนายหรือไง?” มิยาจิถามขึ้นเล่นๆ

    ถ้าทำฉันจะโทรฟ้องแม่นาย...” มายุสุมิเอ่ยหน้าตาย

    แค่ก! นายไปรู้เบอร์แม่ฉันได้ไง!?” พอเจอคำตอบแบบนี้มิยาจิก็ถึงกับสำลักอากาศทันที

    ไปขอมาหน้าด้านๆ นี่แหละมายุสุมิยักคิ้วกวนๆ  แล้วแบบนี้จะกล้าไหม?”

    กล้าก็บ้าล่ะ!” มิยาจิส่ายหน้าวืด...แหงล่ะ แม่เขาโหดจะตายชัก!

    เออ...จะจีบอะไรกันเอาไว้ทีหลังเถอะครับ ช่วยอธิบายมาก่อนได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น?” เจ้าของห้องพักที่ได้รับแจ้งเหตุร้ายจาก รปภ. แล้ววิ่งมาดูสองหนุ่มจีบกัน (?) ได้สีกพักแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

    ไม่ได้จีบกันครับ!” สองหนุ่มปฏิเสธอย่างพร้อมเพรียง

    จีบกันเห็นๆ ...” คุณเจ้าของหอพักบ่นขึ้นมาเบาๆ “...เอ้าๆ สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ยมายุสุมิซัง?”

    โดนไอ้บ้านั้รบุกเข้าห้องมาลักหลับครับมายุสุมิเอ่ยหน้าตาย

    ส่วนผมโดนมายุสุมิบอกให้รีบมาที่นี่เลยมาเฉยๆมิยาจิเอ่ยต่อ ที่เหลือไปถามไอ้นั้นเองเถอะครับ ไม่รู้แล้วว่ามันโผล่มาทำไม

    โอเคครับ ขออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยนะครับเจ้าของหอพักที่พอรู้ได้ว่าทั้งสองไม่อยากพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นักเอ่ย ก่อนที่จะเดินไปดูตรงประตูห้องพลางคิดว่าควรจะซ่อมไงดี (?)

    เอาไงต่อ?” มิยาจิเมินเจ้าของหอที่คงกำลังแช่งตนที่พังประตูเข้ามาเป็นแน่

    ไปห้องนายสิถามได้มายุสุมิเอ่ย

    ไม่คิดอยู่ห้องตัวเองจริง? ฉันมานอนด้วยคืนนี้ก็ได้นะมิยาจิถาม

    ไม่เอามายุสุมิส่ายหน้าวืด...ต่อให้ประตูห้องไม่พังแถมมีระบบล็อกเพิ่มก็ไม่เอา!

    งั้นเอาตามนั้นก็ได้มิยาจิที่ขี้เกียจเถียงอะไรต่อให้มากความยักไหล่น้อยๆ ก่อนที่จะกลับที่พักตนโดยมีมายุสุมิติดสอยห้อยตามมาด้วย

     

     

     

     

     

    เอาชาหรือโกโก้ล่ะ?” คำถามง่ายๆ ตามประสาเจ้าของห้องดังออกจากปากนายมิยาจิ คิโยชิที่เอาตัวคนผมเงินติดสอยห้อยตามกลับมาที่พักด้วย

    ชามายุสุมิตอบ

    โอเคมิยาจิพยักหน้ารับพลางเดินไปชงชามาให้แขกผมเงิน และสักพักก็กลับมาพร้อมถ้วยชาสองถ้วย แล้วนี่...นายมองหาอะไรอยู่น่ะ?”

    เปล่า แค่กำลังคิดว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันมาห้องนายในสภาพนี้เนี่ยมายุสุมิเอ่ย

    ก็จริงมิยาจิพยักหน้ารับ...ก็ปกติมาแต่วิญญาณนี่หว่า มาเป็นตัวเป็นตนนี่ครั้งแรกเลย

    นั้นสินะมายุสุมิเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่บทสนทนาจะหยุดลง

    เออ...” ชายหนุ่มทั้งสองต่างพากันเหล่มองไปคนล่ะทางด้วยความที่ไม่รู้จะพูดอะไรกันต่อบวกกับ...

    ...มาตั้งหลายครั้งพวกกูจะมาอายทำซากอะไรตอนนี้วะ!?...

    มายุสุมิ...” มิยาจิเริ่มทำหน้าที่สานบทสนทนาขึ้นมาอีกรอบ

    ว่าไง?” มายุสุมิขานรับ

    นายอายเหรอ?” มิยาจิถาม

    นายด้วยแหละมายุสุมิสวนกลับทันควัน

    “...” พอโดนสวนกลับเช่นนี้มิยาจิก็ได้เพียงยิ้มแห้งๆ เท่านั้น ก่อนที่จะทำให้ทั้งห้องตกไปอยู่ในความเงียบ

    มายุสุมิ?” มิยาจิที่ทนความเงียบจนน่าอึดอัดนี่ไม่ไหว เรียกคนผมเงินที่ไม่โต้ตอบหรือสานบทสนทนาใดๆ เลย มายุ...อ้าว? หลับซะแล้ว

    ...แต่ก็...สมควรล่ะนะ ช่วงนี้หมอนี่ไม่ค่อยได้นอนแถมพอนอนปุ๊บยังมาเจอเรื่องแบบนั้นนี่หว่า...

    คนผมสีน้ำผึ้งคิดพลางมองคนผมเงินที่หลบไปทั้งที่ยังถือถ้วยชาอย่างขำๆ ก่อนที่ตะงิกๆ ใจขึ้นมาอีกทีเมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

    ...ทำไมคราวนี้วิญญาณมายุสุมิไม่โผล่มาล่ะ? หรือเพราะว่าร่างอยู่ที่นี่?...

    ให้ตายเถอะมิยาจิคุมขมับน้อยๆ พลันหน้าแดงขึ้นมาเมื่อสมองดันไปนึกถึงเรื่องที่ตนเคยได้ยินมาเข้า... “มันคงไม่ใช่แบบที่เคยได้ยินมานะ? ไม่งั้นฉันจะระเบิดตัวตายให้ดู

    ...เรื่องที่ว่านั้นคือ...ถ้าวิญญาณออกจากร่าง วิญญาณจะไปโผล่ไปหาคนที่รักมากๆ เป็นคนแรกไงล่ะ

    ...ไร้สาระน่า...เป็นไปไม่ได้หรอก อย่างหมอนี่เนี่ยนะ?...

    มิยาจิพยายามไล่ความคิดแปลกๆ ในหัวออกไปให้หมดก่อนที่จะจัดการเอาถ้วยออกจากมืออีกฝ่ายแล้วอุ้มคนผมเงินไปนอนบนเตียงดีๆ และ...นอนกับคนผมเงินนี่แหละ ด้วยความที่เจ้าตัวขี้เกียจหาฝูกบวกกับมันดึกแล้วนั่นเอง ราตรีสวัสดิ์ มายุสุมิ...หวังว่าพรุ่งนี้นายตื่นมาจะไม่ถีบฉันตกเตียงนะ

    ...เอาเป็นว่าเรื่องปวดหัวทิ้งเอาไว้ก่อนแล้วกันเนอะ? เรื่องแบบนี้คิดทีหลังก็ไม่สายนี่จริงไหม?... (บวกกับอยากแกล้งคนอ่านด้วย... // มิยาจิ , เดี๋ยวๆ ปกติคนแกล้งชาวบ้านต้องเราสิ อย่าแย่งหน้าที่กันสิ! // S , ไม่สน // มิยาจิ)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×