ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #228 : [NijiFuri] keiran

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 682
      28
      16 พ.ย. 61

    Title :   keiran

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Nijimura x Furihata

    Notes : สวัสดีจ้า! โทษทีเด้อที่มาช้าไปหน่อย! เชิญอ่านได้เลยจ้า! ส่วนถ้าสงสัยว่านิจิมุระไปไหน เราขอตอบง่ายๆ คือเราเสกปลาวาฬงาบนิจิมุระลงฟิคไปแล้วจ้า!!! ขอให้สนุกกันน้า!!!

    .....................................................................................

    keiran

     

    จอแจ...จอแจ...

    เสียงพูดคุยดังจากทั่วสารทิศภายในตลาดแห่งหนึ่ง ผู้คนต่างจับจ่ายใช้สอยกันให้วุ่นวายไปทั่วตามแบบของตลาดค้าขายทั่วไป และท่ามกลางความวุ่นวายนี่เอง...ที่มุมหนึ่งของตลาดกำลังมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนหน้าเครียดราวคนโดนหวยกิน ในมือถือกระเป๋าตังค์ใบน้อยเอาไว้

    ...ตังค์จะเหลือถึงสิ้นเดือนไหมฟะ?...

    อดีตกัปตันแห่งทีมบาสเทย์โคนิจิมุระ ชูโชมองเงินในกระเป๋าตัวเองด้วยความอนาถใจกับความน้อยนิดของเงินแม้เพิ่งต้นเดือนก็ตาม เพราะดันไปซื้อของที่อยากได้โดยลืมคำนึงถึงค่ากินค่าอยู่ จะขอที่บ้านเพิ่มก็แลดูจะไม่เหมาะสมเพราะเรื่องนี้เจ้าตัวทำตัวเองจึงทำได้เพียงถอนหายใจกับเงินในกระเป๋า...แบบนี้ต่อให้จะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากินทั้งเดือนยังไม่พอเลย!!! แล้วเขาจะกินอะไรจนถึงสิ้นเดือนล่ะวะ!?

    ...เอาวะ กินไข่มันทั้งเดือนนี่แหละ!!!...

    สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจซื้อไข่ไก่แบบแพ็คลดราคาถูกสุดๆ กับข้าวสารลดราคาที่แย่งจากกลุ่มแม่บ้านมาได้แทน แล้วหิ้วกลับที่พักตนอย่างไม่คิดจะแวะที่ไหนให้เสียเงินเพิ่ม

    หื้อ?” เมื่อมาถึงห้องและเก็บไข่ไก่เข้าตูเย็น เด็กหนุ่มถึงจะสังเกตเห็นว่าไข่ใบหนึ่งหนึ่งที่มีเปลือกสีน้ำตาลวาวสวยงามดูแตกต่างจากใบอื่นอย่างชัดเจน ทำไมใบนี้แปลกๆ หว่า? แม่ค้าหยิบให้ผิดเหรอ?”

    ...เปลือกมันๆ สวยดีแฮะ ยังกับเพชรเลย...

    กุก...กุก...

    เสียงขยับเบาๆ ในมือทำให้นิจิมุระรีบโยนไข่ในมือไปบนโต๊ะด้วยความตกใจ เจ้าไข่ใบน้อยที่ดูท่าจะแข็งพอดูเพราะโยนใส่โต๊ะยังไม่แตกยังคงสั่นกึกๆ เหมือนมีบางอย่างพยายามทะลวงออกมาจากด้านใน

    เฮ้ยๆ! อย่าบอกนะว่าฝักพอดีนะเฮ้ย!!!นิจิมุระมองไข่ประหลาดที่เริ่มเกิดรอยร้าวเนื่องจากถูกทะลวงจากภายในและ...

    กี๊...” ...ในท้ายที่สุดเปลือกไข่ก็แตกออกเป็นรูกว้าง เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งค่อยๆ คลานออกมาจากเปลือกไข่พร้อมส่งเสียงทักทายเด็กหนุ่ม

    “...” นิจิมุระมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าที่ตรงหน้าที่...มีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ผมสีน้ำตาล หากแต่ตัวเล็กเท่าลูกเจี๊ยบ แถมยังมีปีกที่เหมือนปีกค้างคาวสีน้ำตาลสวยปรากฏที่กลางหลัง...

    ...นี่มันตัวบ้าอะไรฟะ!?...

    กี้...กี้...รางเล็กๆ ที่ดูคล้ายมนุษย์ส่งเสียงร้องพลางพยายามคลานเข้าหานิจิมุระ แต่ด้วยความที่นิจิมุระถอยห่างด้วยความตกใจบวกกับเจ้าตัวน้อยยามนี้อยู่บนโต๊ะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือเจ้าตัวน้อยพยายามไปหานิจิมุระจนตกโต๊ะนั้นเอง

    เฮ้ย!!!นิจิมุระร้องลั่นเมื่อร่างเล็กๆ ร่วงลงจากโต๊ะพร้อมกับพุ่งตัวไปรับร่างนั้นตามสัญชาตญาณจนหน้ากระแทกพื้น (?) เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับการรับร่างนั้นได้ทันเวลา ก...เกือบไป...

    กี้...ร่างเล็กของสิ่งมีชีวิตแสนประหลาดส่งเสียงเรียกร้องเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลใสดั่งแก้วจ้องมองนายหน้านก (เอาดีๆ มันให้ได้ตลอดบ้างเถอะ!!! // นิจิมุระ) อย่างไม่วางตา

    อะไรล่ะ?” นิจิมุระมองร่างเล็กๆ ในมือตน หิวเหรอ?”

    ...ไอ้ตัวแบบนี้มันจะกินอะไรวะ!?...

    กี้...เจ้าตัวน้อยตอบเป็นเชิงบอกว่าใช่ก่อนจะคลานลงจากมือนิจิมุระไปยังตู้เย็นที่ถูกเปิดทิ้งไว้

    หื้อ? จะเข้าช่องผักหรือไง?” นิจิมุระมองอีกฝ่ายที่เคาะช่องผักอย่างงงๆ แต่... เอ้าๆ ก็ได้ๆ

    ...สุดท้ายก็ยอมให้เจ้าตัวเล็กเข้าไปในช่องผักจริงๆ

    กี้...เจ้าตัวน้อยพยายามปีนเข้าช่องผัก และภาพนั้นทำให้นิจิมุระต้องหิ้วร่างนั้นเข้าไปในช่องผักแทนด้วยความที่กลัวว่าหากปล่อยให้ปีนเองอาจทำให้ตกลงมาหัวโขกพื้นตายได้

    นี่ชอบกินผัก?” นิจิมุระมองเจ้าตัวเล็กที่เมื่อเข้าช่องผักได้ก็นั่งกินผักที่เหลือค้างอยู่ในตู้หน้าตาเฉย เฮ้อ...ออกมากินนอกตู้เถอะ มันเปลื้องไฟ

    กี้ๆเจ้าตัวน้อยขานรับ

    “...” นิจิมุระยื่นมือให้เจ้าน้อยคลานขึ้นมา ร่างเล็กก็คลานขึ้นมาบนมือจริงๆ พร้อมกับผักกาดหัวหนึ่ง

    ...เอาเถอะ อย่างน้อยก็ว่าง่ายล่ะ...

    หื้อ? อะไรเนี่ย?” หลังจากที่นิจิมุระเอาเจ้าตัวน้อยออกมาจากช่องผักแล้วเอาวางลงบนโต๊ะดีๆ แล้ว เจ้าตัวถึงจะเพิ่งสังเกตว่าในถุงใส่ไข่ก่อนหน้านี้มีกระดาษแผ่นหนึ่งติดมาด้วยและนั้นทำให้เด็กหนุ่มหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูและพบว่ามีข้อความเขียนอยู่บนหน้ากระดาษว่า...

    ใครเก็บได้ฝากเลี้ยงด้วย อย่าเอาไปทอดกินล่ะ

    อะไรวะเนี่ย?” นิจิมุระเกาหัวตัวเองแกร่กๆ พลางพลิกดูกระดาษอีกด้านว่ามีข้อความอะไรเพิ่มเติมไหมและพบว่ามีข้อความที่ยาวกว่าอันแรกนิดหน่อยเขียนไว้

    ชื่อของเจ้าหนูนี่คือฟุริฮาคะ โคกินะ อย่าตั้งชื่อแปลกๆ ไปล่ะ วิธีเลี้ยงก็ให้กินอยู่แบบคนทั่วไปแหละแต่จะเรียนรู้และโตเร็วหน่อยแค่นั้นเอง

    ฟุริฮาตะ โคกิงั้นเหรอ?” นิจิมุระทวนชื่อที่เขียนอยู่ขึ้นมาลอยๆ

    กี้!เจ้าตัวน้อยขานรับราวกับว่ารู้ว่านี่คือชื่อของตน

    สรุป...ต้องเลี้ยงสินะ?” นิจิมุระยิ้มเจื่อนๆ ออกมากับหน้าที่ที่อยู่ๆ ถูกโยนมาให้นี่...จะทำเมินแล้วเอาไปปล่อยคงไม่ไหวล่ะนะงานนี้ เพราะสิ่งที่ได้มาดันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้แบบนี้ด้วย คงได้แต่ทำใจล่ะงานนี้

     

     

     

     

     

    ...เออ...ถึงบอกว่าโตเร็ว แต่นี่เร็วไปหน่อยไหม?...

    นิจิมุระคิดในใจอย่างแปลกใจกึ่งปลงนิดๆ พลางมองร่างที่เหมือนมนุษย์หากแต่มีปีกคล้ายค้างคาวที่กลางหลังซึ่งยามนี้มีรูปร่างเท่ากับเด็กสามเดือนภายในเวลาเพียงสามสัปดาห์...ทั้งๆ ที่ตอนแรกตัวเท่าลูกเจี๊ยบเองแทนๆ ไหงถึงโตได้พรวดพล่านขนาดนี้นะ?

    นิจิ...นิจิ...ระหว่างที่นั่งๆ ดูอยู่นั้นเองร่างเล็กๆ ของฟุริฮาตะก็คลานมาหาเด็กหนุ่ม

    จ้าๆ มีอะไรเอ๋ย?” นิจิมุระถามขึ้น

    นี่ๆฟุริฮาตะหยิบหนังสือจากไหนไม่รู้ยื่นให้นิจิมุระ อ่านๆ

    คู่มือบาส?” นิจิมุระรับหนังสือมาพลางอุ้มตัวเด็กน้อยมานั่งบนตัก โอเค เดี๋ยวอ่านให้ฟังนะ

    อื้ม!ฟุริฮาตะขานรับอย่างเริงร่า จากนั้นทั้งคู่ก็พากันนั่งอ่านหนังสือกันปานพ่อลูก (?) จนเวลาผ่านเลยไปนานพอสมควร

    สายปานนี้แล้วเหรอ? หาอะไรกินไหม?” หลังจากอ่านหนังสือให้เด็กฟังมาพักใหญ่ๆ นิจิมุระก็เหลือบมองนาฬิกาที่ติดผนังบ่งบอกเวลาว่าเลยเวลาที่สมควรกินข้าวเที่ยงมานานพอสมควรแล้ว

    อื้ม!ฟุริฮาตะพยักหน้ารับ นิจิมุระก็จะลุกไปทำข้าวเที่ยงตามปกติ...ถือว่าเป็นโชคดีของนิจิมุระที่ฟุริฮาตะถึงแม้รูปร่างเหมือนเด็กสามเดือนแต่กินได้เหมือนผู้ใหญ่ทุกประการเลยทำให้เจ้าตัวไม่ต้องคิดว่าเมนูสำหรับเด็กให้

    นิจิมุระเข้าครัวไปเตรียมของทำมื้อเที่ยงดั่งเช่นทุกวันแต่ในขณะนั้นเอง...

    กริ้งงงงง...กรี้งงงง...

    นิจิมุระซัง!!!” ...เสียงกริ่งหน้าประตูดันดังขึ้นพร้อมกับเสียงคุ้นหูลอยแว่วมา

    ซวยล่ะ! ไอ้พวกตัวแสบมา!นิจิมุระเหงื่อตกนิดๆ ก่อนที่จะใช้สมองที่เหลือน้อยนิดอุ้มตัวเด็กน้อยเข้าไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า...เขาจะให้ไอ้พวกที่มาเห็นฟุริไม่ได้เด็ดขาด! ไม่งั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่! ฟุริ! นายรีบซ่อนเร็วๆ! อย่าออกมาจนกว่าไอ้พวกที่มานี่จะกลับไปนะ!

    อื้อ...ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ “...ด้า!

    ดีมาก...รอแป๊บ!นิจิมุระเอ่ยกับเด็กน้อยพลางปิดประตูตู้ลงก่อนที่จะวิ่งสี่คูณร้อยไปเปิดประตูห้องให้แขกไม่ได้รับเชิญ ว่าไง?”

    สวัสดีครับนิจิมุระซัง ไม่เจอกันนานนะครับเด็กหนุ่มผมแดงเอ่ยทักตามมารยาททันทีที่นิจิมุระเปิดประตูออกมารับ

    กลับมาก็ไม่บอกกันเลยอาาาาเด็กหนุ่มผมม่วงลากเสียงยาวอย่างเกียจคร้าน

    สวัสดี นิจิมุระซังเด็กหนุ่มผมดำเงินผู้เกรียม (?) โบกมือทักทาย

    สวัสดีครับ นี่ลักกี้ไอเทมครับเด็กหนุ่มผมเขียวยื่นกระถางต้นไม้ของเล่นให้

    สวัสดีครับ!!เด็กหนุ่มผมเหลืองเอ่ยอย่างเริงร่า

    สวัสดีครับ...เสียงแผ่วๆ ดังขึ้นพร้อมกับ...ร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าปรากฏขึ้นมาตรงกลางวงเด็กหนุ่ม

    เหวอ!นิจิมุระหลุดร้องออกมาเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของคนผมฟ้า

    ตกใจเหรอครับ?” คนที่ทำชาวบ้านตกใจหรือคุโรโกะ เท็ตสึยะเอียงคอน้อยๆ แล้วถามออกมาหน้าตาย

    เออดิ!นิจิมุระตอบรับไปห้วนๆ ...ไม่ได้เจอแบบนี้มาตั้งนานต้องมีตกใจกันบ้างล่ะวะ! ไม่สิ! ต่อให้เจอกันทุกวันรายนี้โผล่มาทีก็ตกใจกันทั่วหน้าเลยด้วยซ้ำ แล้วมานี่มีอะไร?”

    มาเยี่ยมเฉยๆ แหละครับจักพรรคสีแดง...อาคาชิ เซย์จูโร่ตอบคนอายุมากกว่า

    รุ่นพี่นิจิมุระไปเที่ยวกัน!น้องหมาสีเหลือง...คิเสะ เรียวตะเอ่ยชวนเด็กหนุ่มหน้านก (ฉันควรปลงอย่างเดียวสินะ? // นิจิมุระ)

    โทษที ไม่ได้วะ...” ...กูต้องเลี้ยงเด็ก

    เอ๋~~~ ทำไมล่ะครับบบบบคิเสะร้องโหยหวน (?)

    พอดีมีงานนิหน่อย ไว้ปีหน้าแล้วกันนิจิมุระเอ่ย...เขาว่าแค่ปีเดียวฟุริฮาตะคงโตพออยู่คนเดียวได้แล้วมั้ง ขนาดสามสัปดาห์ยังเท่าเด็กสามเดือนแล้วเนี่ย

    ต้องเป็นคราวหน้าไม่ใช่เหรอครับ!?” คิเสะโวยเล็กน้อยกับคำพูดของนิจิมุระ

    สงสัยไม่อยากเจอหน้าแกเร็วๆ นี้มั้งนายดำเกรียม...อาโอมิเนะ ไดกิหัวเราะในลำคอเบาๆ

    อาโอมิเนจจิอ่ะ!คิเสะทำแก้มป่องใส่คนผมน้ำเงิน

    อย่าทะเลาะกันเซ่ นิจิมุระซังเพิ่งกลับมาคงมีงานหลายๆ.อย่างให้ทำมั้งหมอดูหัวเขียว (?) มิโดริมะ ชินทาโร่เอ่ยตามหลักเหตุผล

    ก็จริงมางงงงงเด็กโข่งม่วงนามมุราซากิบาระ อัตสึชิลากเสียงยาว แต่แบบนี้ก็แย่สิ ว่าจะชวนรุ่นพี่นิจิมุระไปกินขนมหน่อย

    ไวทีหลังแล้วกันนิจิมุระตอบส่งๆ ไปขณะที่ในใจนั้น...

    ...รีบๆ กลับไปสักทีสิเว้ย!!! เดี๋ยวฟุริได้ขาดใจตายในตู้ก่อนหรอก!!!!...

    เอาเป็นว่าพวกผมกลับก่อนแล้วกันนะครับ รักษาตัวดีด้วยนะครับราวกับเดาใจนิจิมุระออกอาคาชิเลยเอ่ยออกมาเช่นนี้

    เออๆนิจิมุระเอ่ยตอบไปส่งๆ ก่อนที่จะปิดประตูหนีอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปหาเด็กน้อยที่อยู่ภายในตู้ด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ฟุริ? โอเคไหม?”

    แอ๊!ฟุริฮาตะขานรับเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

    โทษทีนะที่ต้องเก็บนายใส่ตู้เนี่ยนิจิมุระส่งยิ้มแห้งๆ ให้เด็กน้อย...ก็เมื่อกี้เขานึกที่อื่นไม่ออกนี่นา

    จ๊ะอา...ฟุริฮาตะเอ่ยแบบตีความหมายไม่ได้ออกมาก่อนที่จะงับมือเด็กหนุ่มเบาๆ

    เด็กดีๆนิจิมุระอุ้มเด็กน้อยออกมาจากตู้ เดี๋ยวรอแป๊บนะ เดี๋ยวหาอะไรมาให้กิน

     

     

     

     

     

    ...อื้ม...โตขึ้นอีกแล้ว...

    เด็กหนุ่มมองร่างของฟุริฮาตะ โคกิตาแป๋วพร้อมความรู้สึกราวคุณพ่อเดี่ยวกำลังเลี้ยงลูกตามลำพัง...ตอนนี้ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากที่เขาบังเอิญรับเลี้ยงอีกฝ่ายและตอนนี้ตัวฟุริฮาตะเองก็มีลักษณ์ภายนอกเหมือนเด็กอายุสามปีแล้วด้วย เรื่องการเรียนรู้ทั่วไปเจ้าตัวก็เรียนได้เร็วมากพอดู ส่วนเรื่องการเรียนด้านเฉพาะอย่างคณิตอะไรพวกนี่ก็กลางๆ ไม่เด่นมาก...

    ...ส่วนคนสอนก็ไม่ใช่ใครตัวเขานี่แหละ เพราะรายนี้เล่นมีปีกกลางหลังแถมโตเร็วแบบนี้คงไม่สามารถไปโรงเรียนได้แน่

    พี่ชู~~~” เด็กน้อยลากเสียงยาวพร้อมวิ่งมาหานิจิมุระที่นั่งเหม่ออยู่

    ว่าไง?” นิจิมุระขานรับ

    เล่นกันๆฟุริฮาตะดึงแขนอีกฝ่ายเบาๆ พร้อมแผ่นเกมอักษรไขว่ในมือ

    ได้ๆนิจิมุระตอบรับไป...จากนั้นทั้งคู่ก็เล่นเกมปริศนาอัดษรไขว่กันไป

    พี่ชู...หลังเล่นกันมาพักใหญ่ๆ ฟุริฮาตะก็เอ่ยขึ้นมา

    อะไรเอ่ย?” นิจิมุระถามกลับ

    ทำไมผมมีปีกในขณะที่คนอื่นไม่มีอ่ะ?” ฟุริฮาตะถาม

    เออ...พอเจอคำถามนี้นิจิมุระก็เกิดอาการเหงื่อตกนิดๆ “...ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ

    ...ว่าตามจริงเขาไม่รู้ว่าฟุริเป็นอะไรด้วยซ้ำ!...

    อื้อ...ฟุริฮาตะทำหน้าหง่อยลงเล็กน้อย

    น่าๆ ต่อให้นายเป็นแบบนี้พี่ก็รักนายน่านิจิมุระเมื่อเห็นเด็กน้อยดูเศร้าๆ ก็ยกมือลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ

    จริงเหรอ?” ฟุริฮาตะถามต่อ

    แหงสิ...” ...น่ารักน่าฟัดขนาดนี้ใครมันจะไม่รักฟะ!? แถมเล่นเลี้ยงมาเองกับมือด้วย

    งั้นผมก็รักพี่ชูเหมือนกัน!ฟุริฮาตะยิ้มร่าพร้อมพุ่งกอดเด็กหนุ่ม

    ...พระเจ้า...ช่างน่ารักอะไรแบบนี้...

    นิจิมุระเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพวกคุณพ่อที่เห่อลูกแบบสุดแล้วสิงานนี้

    แกร่ก...แกร่ก...

    หื้อ?” ระหว่างที่นิจิมุระกำลังจะมีอาการหมีออก (?) นั้นเสียงบางสิ่งกระทบกล่องจดหมายที่หน้าห้องทำให้เด็กหนุ่มชะงักแล้วหันไปมองยังต้นเสียงด้วยความแปลกใจ เนื่องจากเวลานี้เลยเวลาส่งจดหมายมานานแล้ว จะว่าเป็นใบปลิวก็ไม่น่าใช่เพราะปกติคนแจกใบปลิวถ้าเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องน่าจะกดกริ่งเรียกมากกว่า เดี๋ยวมานะ ฟุริ

    ครับฟุริฮาตะพยักหน้ารับพลางปล่อยมือจากเด็กหนุ่ม ทางนิจิมุระเมื่อถูกปล่อยแล้วก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบจดหมายที่กล่องจดหมายหน้าประตูบ้านด้วยความสงสัยทันที

    เอ๋? จดหมายนี่มัน...เมื่อหยิบจดหมายที่...เหมือนกระดาษข้อความที่ถูกพับๆ ใส่มามากกว่าขึ้นมาดูนิจิมุระก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วเป็นปมทันทีกับลายมือบนจดหมายนั้นเหมือนกับลายมือบนกระดาษที่เขียนเรื่องฝากฟุริฮาตะไว้กับตน

    รู้สึกเหมือนข้อความคราวก่อนลืมบอกรายละเอียด โทษที เพิ่งนึกออก

    ...ชักอยากถีบคนแฮะ...

    นิจิมุระพอหยิบจดหมายมาและเห็นข้อความแรกก็ถึงกับอยากถีบยอดหน้าใครบางคนขึ้นมาทันที หากแต่ด้วยความที่จดหมายนี่อาจมีใจความสำคัญบางอย่างทำให้นิจิมุระจำต้องอ่านต่อแทนขย้ำจดหมายทิ้งแล้วไปลากคอจนส่งมาตื้บ

    เจ้าหนูที่นายเลี้ยงอยู่นั้นเรียกง่ายๆ คือเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกร จะโตเร็วมากในช่วงแรกแต่ร่างกายจะเริ่มเจริญเติบโตเท่ามนุษย์ปกติเมื่อมีรูปร่างเท่าเด็กอายุสิบสองปี สามารถซ่อนปีกหากสอนให้ซ่อนด้วยการ...

    ...ครึ่งมังกร? เพราะแบบนี้เลยมีปีกเหมือนค้างคาวสินะ?...

    เจ้าตัวอ่านสรุปข้อมูลในกระดาษที่ดูจะมีประโยชน์มากกว่าที่คิดสองสามรอบจนเข้าใจก่อนที่จะเลือกพับแผ่นกระดาษนี่ใส่กล่องเก็บรวมกับแผ่นก่อนหน้านี้ไป ฟุริ...

    ครับ?” เมื่อถูกเรียกเด็กน้อยก็ขานรับไป

    นายอยากซ่อนปีกไหม?” นิจิมุระถาม

    อยากครับฟุริฮาตะพยักหน้ารับ

    งั้นมาเลย เดี๋ยวสอนให้นิจิมุระเอ่ยพลางเดินกลับไปหาเด็กน้อย เด็กหนุ่มทำการสอนอีกฝ่ายตามที่ในกระดาษบอก สักพัก...หลังลองผิดลองถูกอยู่สองสามครั้งปีกค้างคาวสีน้ำตาลสวยก็หุบลงและค่อยๆ หายไปจากหลังของเด็กชายในที่สุด เจ๋งแฮะ

    แบบนี้ก็ไม่ต่างจากคนอื่นแล้ว เย้!ฟุริฮาตะโห่ร้องอย่างดีใจ

    นั้นสินะนิจิมุระลูบเรือนผมสีน้ำตาลของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูเด็กชาย...เท่านี้เหลือแค่รอให้ฟุริมีรูปลักษณ์เท่าเด็กสิบสองปีสินะ? เพื่อให้ฟุริได้มีชีวิตอย่างคนทั่วไปสักที...

     

     

     

     

     

    ...ในที่สุด...วันนี้ก็มาถึง...

    เสียงถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัวเด็กหนุ่มผมดำเมื่อเด็กชายที่ตนเลี้ยงดูมากับมือถึงเวลาที่รูปกายภายนอกเท่าเด็กสิบสองปีซึ่งยามนี้ทำให้อีกฝ่ายสามารถไปเรียนเด็กทั่วไปได้แล้ว ทว่า...

    งื้อ...ไม่อยากให้ไปง่ะ...” ...นายนิจิมุระ ชูโชวดันเกิดอาการพ่อหวงลูก (?) ขึ้นมาในเช้าวันแรกของชั้นเรียนระดับมัธยมต้นซึ่งนิจิมุระไปขอให้รุ่นน้องหัวแดงของตนช่วยในการสร้างประวัติบวกกับเรื่องการสอนบทเรียนต่างๆ ในการเข้าเรียนให้โดยการแถจนสีข้างแทบถลอกไปทั้งสองข้างเลยทีเดียว...ถึงนิจิมุระเป็นคนเลือกอยากให้ฟุริฮาตะได้รับการศึกษาเองแต่เมื่อถึงเวลาแล้วเจ้าตัวที่ตัวติดกับเด็กชายมาตลอดกลับรู้สึกไม่อยากให้อีกฝ่ายไปเลย

    แต่ผมต้องไปเรียนนะพี่ชู...ฟริฮาตะเอ่ยอย่างอ่อนใจนิดๆ กับคนอายุมากกว่า...นี่เขาแค่ก้าวออกมาหน้าห้องได้ก้าวเดียวยังร้องโหยหวนขนาดนี้ หวังว่ากลับมาตอนเย็นพี่เขาจะไม่แห้งตายไปก่อนนะ?

    โดดเรียนได้ไหมวันนี้?” นิจิมุระถามเสียงแผ่ว

    จะให้โดดตั้งแต่วันแรกคงไม่เหมาะนะครับฟุริฮาตะส่งยิ้มแห้งๆ ให้ ที่สำคัญพี่เองก็ต้องไปเรียนนะครับ

    งือ~~~~” นิจิมุระส่งเสียงในลำคอเบาๆ อย่างน่าสงสาร

    อย่าดื้อสิครับฟุริฮาตะเอ่ย...แบบที่ทำเอาคนเดินผ่านไปผ่านมาที่ได้ยินและเห็นการกระทำของทั้งสองอดคิดไม่ได้ว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่เลยทีเดียว

    ง่ะ...นิจิมุระทำหน้ามุ่ย

    เฮ้อ...ฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ “...เดี๋ยวตอนเย็นก็กลับมาแล้วครับ กรุณาปล่อยผมไปเรียนเถอะครับ ผมยังไม่อยากสายตั้งแต่วันแรกนะ

    ก็ได้...นิจิมุระสุดท้ายก็จำยอมด้วยความที่เหตุผลอีกฝ่ายฟังขึ้นกว่าของตน “...ถ้ามีใครแกล้งให้บอกพี่มาเลยนะ เดี๋ยวจัดการให้ถึงกึ๋นไปเลย

    ครับๆ ไปล่ะครับฟุริฮาตะขานรับไปก่อนที่จะเริ่มเดินทางไปโรงเรียนตามเส้นทางที่อาคาชิสอนไว้ (เดี๋ยวๆ ไหงนายเป็นคนสอนล่ะอาคาชิ? // s , ก็นิจิมุระซังโอ๋เด็กเกินไปนิ เลยต้องเป็นคนสอนแทน // อาคาชิ)

    เฮ้อ ไปซะแล้ว...นิจิมุระมองอีกฝ่ายเดินจากไปจนลับตาก่อนที่เดินคอตกกลับเข้าห้องพักตัวเอง...อย่างไรเสียกว่าเขาจะมีเรียนก็ตั้งตอนบ่ายนู้น ตอนนี้พยายามสงบสติไม่ให้ห่วงฟุริมากไปดีกว่า

    ขอโทษนะครับ

    หื้อ?” นิติมุระที่ถูกใรบางคนเรียกไว้ก่อนที่จะได้เดินกลับเข้าห้องไปจริงๆ ขานรับและมองไปยังค้นเสียง...ซึ่งเป็นชายสวมฮู้ดดูไม่น่าไว้ใจคนหนึ่ง ครับ?”

    ผมมีเรื่องจะแจ้งครับ...เรื่องมังกรของคุณชายปริศนาเอ่ยต่อ

    ...ฟุริน่ะเหรอ?...

    นิจิมุระเมื่อได้ยินดังนี้ก็ขมวดคิ้วเป็นปม มีอะไร?”

    ผมจะมาแจ้งว่า...ช่วงนี้กรุณาระวังตัวกันหน่อยนะครับ พวกนักล่ามันเยอะชายหนุ่ม (มั้ง) เอ่ยต่อ แค่นี้ล่ะครับ ไปล่ะ

    เดี๋ยวก่อนเว้ย!!!นิจิมุระที่เห็นอีกฝ่ายกำลังจะไปรีบตะโกนรั้งไว้พร้อมกับ...ส่งบาทางามๆ ให้อีกฝ่ายเพื่อไม่ให้รายนั้นวิ่งหนีไปเสียก่อน

    แอ๊ก! ปากบอกอย่างเดียวก็ได้ครับ! ตรีนไม่ต้อง!ชายหนุ่มร้องโอดครวญอย่างน่ามั่นไส้มากกว่าน่าสงสาร

    เออๆ โทษๆนิจิมุระที่ลืมตัวถีบชาวบ้านไปเกาหัวตัวเองนิดๆ ก่อนที่จะลากอีกฝ่ายเข้ามาภายในห้องตัวเอง...เพราะเรื่องที่พวกเขากำลังจะคุยกันนี่หากมีคนนอกมาได้ยินเข้าคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาแน่ นักล่าที่นายพูดถึงคืออะไร?”

    พวกล่าของแปลกน่ะครับ...คล้ายๆ พวกชอบล่าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อะไรแบบนี้น่ะครับชายหนุ่มตอบไป

    พวกนั้นตอนนี้ตามล่าฟุริ?” นิจิมุระเริ่มกังวลขึ้นมานิดๆ ...เขาแอบตามไปดูฟุริที่โรงเรียนตอนนี้ดีไหมเนี่ย?

    ตามนั้นแหละชายหนุ่มพยักหน้ารับ แต่ยังดีที่คุณสอนเด็กคนนั้นเก็บปีกเร็วเลยทำให้พวกนั้นคงตามจับได้ยากหน่อย เพราะยิ่งเริ่มเก็บปีกได้นานเท่าใดลักษณะเฉพาะเผ่าก็จะลดลงเท่านั้น แถมยังทำอีท่าไหนไม่รู้ให้เด็กคนนั้นเรียนแบบคนปกติได้อีก...ยิ่งจะจับได้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ได้ยากกว่าเดิมหลายเท่าเลยล่ะ

    และโชคดีที่ฉันสอนจนฟุริสามารถเก็บปีกได้ตลอดเวลาสินะนิจิมุระถอนหายใจออกมาเบาๆ ...โชคดีจริงๆ ที่เขาสอนฟุริทันทีที่รู้วิธีการสอนแถมยังขอให้อาคาชิช่วยทำให้ฟุริสามารถเข้าเรียนได้เนี่ย

    ครับชายหนุ่มพยักหน้ารับอีกรอบ แต่คุณก็เก่งนะครับ ที่สามารถสอนวิธีเก็บปีกให้เด็กคนนั้นได้เอง

    เปล่าสอนเอง มีคนบอกวิธีมาน่ะครับนิจิมุระเอ่ยปฏิเสธไป

    เอ๊ะ?” ชายหนุ่มทำท่างงๆ กับคำตอบที่ได้รับ

    ก็แบบ...นิจิมุระหยิบจดหมายที่ส่งมาบอกเรื่องวิธีสอนเก็บปีกให้ฟุริฮาตะให้อีกฝ่ายดู “...มีคนส่งนี่มาให้น่ะครับ

    “...ไอ้เพี้ยนแรงช้างสารนั้นเล่นวิธีนี้เลยเหรอ?” พอดูจดหมายที่นิจิมุระส่งมาให้ดูสักพัก ชายหนุ่มก็คุมขมับเหมือนคนปวดจิตสุดแสน

    เพี้ยนแรงช้างสาร?” นิจิมุระทวนคำพูดอีกฝ่ายอย่างงงๆ

    ฉายาเพื่อนผม...เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเด็กคนนั้นครับชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ...พี่ชายแท้ๆ ของฟุริงั้นเหรอ?...

    นิจิมุระถึงกับเอ๋อกิน เนื่องจากไม่คิดว่าคนที่ส่งจดหมายรวมทั้งฝากฟุริฮาตะไว้กับตนจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของอีกฝ่าย แล้วทำไมเขาไม่โผล่มาหาผมเลยล่ะ? ใช้วิธียุ่งยากอย่างการส่งจดหมายแบบนี้ทำไม?”

    มันจำเป็นน่ะครับ เพราะเขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อพวกนักล่าน่ะครับชายหนุ่มเอ่ย...ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเหี้ยมขึ้นมานิดๆ

    ห๊า?” นิจิมุระหลุดร้องออกมาด้วยความแปลกใจ...ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ?

    หมอนั่น...ไอ้บ้านั้นเล่นไปป่วนพวกนักล่าเล่นเพื่อให้พวกนั้นเล่นงานตัวเองแทนคนในเผ่าน่ะเซ่! ไอ้ง่าวนั้น!ว่าแล้วชายหนุ่มก็แว๊ดลั่นขึ้นมาราวคนเสียสติ ดูท่าจะโมโหคนที่ว่านั้นมากมาย

    เออ...เย็นไว้ครับ เย็นไว้นิจิมุระที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะพังห้องตนพยายามปลอบให้ชายหนุ่มให้ใจเย็นลง

    โทษที อารมณ์ขึ้นไปนิดชายหนุ่มทำเสียวขึ้นจมูกนิดๆ ก่อนจะสงบสติลงได้ สรุปคือคุณพยายามระวังตัวเองและเด็กคนนั้นไว้นะครับ...เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพจิตของคุณเอง เพราะหากเกิดอะไรขึ้นไอ้เพี้ยนนั้นโผล่มาช่วยแหง

    ...ทำไมรู้สึกว่าไม่ควรให้พี่ชายฟุริโผล่มาหว่า? ได้ยินแบบนี้แล้วเนี่ย...

    ไม่รู้ทำไมพอฟังไปฟังมาแล้วพี่ชายของฟุริฮาตะดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ควรเจอมากที่สุดกันหว่า? ...ถึงจะสงสัยแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เพียงขานรับเท่านั้น เออ ครับ

    งั้นผมไปล่ะ อยู่นานเดี๋ยวได้เรื่องอีกชายหนุ่มเอ่ยเช่นนี้เป็นอย่างสุดท้ายก่อนที่จะรีบเปิดประตูห้องเผ่นออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าถ้าช้านิจิมุระจะเรียกและถีบตนอีกรอบ ทิ้งให้นิจิมุระยืนงงต่อไปเพียงลำพัง

     

     

     

     

     

    นับจากวันที่ชายปริศนามายังห้องพักของนิจิมุระ เด็กหนุ่มหน้านก (เอาดีๆ เซ่! ยัยบ้า! // นิจิมุระ , ก็บ้าอ่ะสิ! // s) ก็ทำการระวังตัวเป็นพิเศษรวมทั้งคอยย้ำเตือนให้ฟุริฮาตะระวังตัวเอาไว้...แม้จะไม่ได้บอกความจริงไปทั้งหมด แต่ฟุริฮาตะก็ยอมทำตามคำของนิจิมุระตามประสาเด็กดี...

    ...ทำให้ช่วงหลายเดือนมานี่ไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรอย่างที่นิจิมุระนึกกลัวขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดที่จะประมาทฝ่ายตรงข้ามที่ไม่รู้ว่าจะลงมืออะไรบ้างหากตนเผลอ...เพราะหากเผลอไปอาจมีสิ่งที่ไม่อาจเรียกย้อนคืนตามมาก็ได้

    ฟุริ...นิจิมุระที่นอนกลิ้งไปมากับพื้นอย่างไม่แคร์สายตาใครเอ่ยเรียกคนผมสีน้ำตาลที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมห้อง

    มีอะไรเหรอพี่ชู?” ฟุริฮาตะถามกลับไป

    ไปเล่นบาสกับพี่ไหม?” นจิมุระถาม

    บาสเหรอครับ?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ

    อื้ม พวกตัวป่วนมันมาชวนพี่น่ะนิจิมุระตอบกลับไป ไปด้วยกันไหม?”

    “...จากหน้าพี่บอกว่าถ้าผมไม่ไปจะโอดครวญใส่ชอบกลนะครับฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    อุ๊ย! จริงดิ?” นิจิมุระลูบหน้าตัวเอง...นี่เขาเผลอแสดงสีหน้าออกไปขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่ก็นะ เขาไม่อยากปล่อยอีกฝ่ายไว้คนเดียวนี่หว่า

    ครับฟุริฮาตะพยักหน้ารับ เฮ้อ...โอเค ไปก็ได้ครับ

    เย้!นิจิมุระเผลอหลุดร้องออกมาอย่างดีใจก่อนที่จะรีบตะคุบปากตัวเองเมื่อน้องชายไม่แท้ของตนส่งสายตาเหมือนจะบอกว่าอย่าส่งเสียงรบกวนชาวบ้านมาให้ งั้นเตรียมตัวไปกันเลยเถอะ!

    เขานัดวันนี้?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ

    อื้ม ไอ้พวกตัวแสบมันโทรมาบอกมันเมื่อเช้าเลยล่ะนิจิมุระยิ้มแห้งๆ ...ว่าตามจริงไอ้พวกรุ่นน้องตัวแสบมันเล่นสามัคคีโทรหาเขาตั้งแต่ตีห้า เล่นซะเขาแทบอยากไปไล่ถีบเรียงคนเลยล่ะ

    เพื่อนพี่นี่สุดๆ ดีนะครับฟุริฮาตะส่งยิ้มแห้งๆ ออกมา

                       “ก็นะนิจิมุระยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะพากันไปแต่งตัวและรีบไปยังจุดนัดพบอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีตัวแสบสักคนมาลากตัวถึงที่  ท้งคู่ใช้เวลาเดินทางไปยังสนามบาสที่เป็นสถานที่นัดพบประมาณสิบนาที...

    นิจิมุระซัง! ทางนี้ๆ!” ...และเมื่อมาถึง...หมาน้อยสีเหลือง (?) ก็เอ่ยทักทายขึ้นมาเป็นคนแรก

    ไง...นิจิมุระโบกมือทักทายรุ่นน้องหัวหลากสีของตน

    สวัสดีครับฟุริฮาตะเอ่ยทักทายคนอายุมากกว่าตามมารยาท

    เอ๊ะ? พาเด็กจากไหนมากันครับเนี่ย? ลักพาตัวมา?” เด็กหนุ่มผมน้ำเงินมองคนผมน้ำตาลที่รุ่นพี่ตนพามาอย่างสงสัย

    กับผีสิ! ว่าแบบนี้ฉันเสียหายนะเว้ย!นิจิมุระแยกเขี้ยวใส่คนที่ว่าตน นี่ลูกญาติฉันต่างหาก

    ตามนั้นแหละครับฟุริฮาตะเอออ่อตามนิจิมุระไป

    อ๋ออาโอมิเนะที่เพิ่งว่าชาวบ้านเสียๆ หายๆ มาพยักหน้ารับเชิงเข้าใจ

    แล้วนี่ชื่ออะไรเนี่ย?” คิเสะถามต่อจากคนเกรียม (?)

    ฟุริฮาตะ โคกิครับฟุริฮาตะตอบ

    อายุเท่าไหร่ล่ะ?” คิเสะยิงคำถามต่อไปทันที

                    ราวๆ สิบสองสิบสามแล้วครับฟุริฮาตะยังคงตอบต่อไปอย่างใจเย็น

    แล้ว...คิเสะอ้าปากจะถามต่อ ทว่า...

    เอ้าๆ หยุดก่อนๆ จะมาซักฟอกฟุริเพื่อ?” ...กลับถูกนิจิมุระเอ่ยดักเอาไว้เสียก่อน

    ก็มันอยากรู้นี่ครับคิเสะทำท่าอ้อมแอ้มอย่างน่ารัก หากแต่ในสายตาคนในที่นี่ดูน่าถีบเสียมากกว่า...และหลังจากนั้นก็มีคนถีบเด็กหนุ่มผมเหลืองจริงๆ อย่างอดไม่ได้ ทำให้เกิดการโต้เถียงราวเด็กเล็กๆ ของเหล่าเด็กหนุ่มขึ้น

    หลังจบบทโต้เถียงสุดแสนที่จะหาสาระไม่ได้ เหล่าเด็กหนุ่มก็เริ่มทำการเล่นบาสกันตามจุดประสงค์เดิมในการนัดพบกันในครั้งนี้ โดยที่ฟุริฮาตะที่เล่นกับเขาไม่เป็นทำเพียงนั่งชมการแข่งขันเท่านั้น

    การแข่งดำเนินไปราวๆ ชั่วโมงสองชั่วโมงก่อนที่การแข่งจะจบลงด้วยอาการหอบปานหมาหอบแดดของเหล่าเด็กหนุ่ม

    น้ำครับฟุริฮาตะด้วยความรู้ว่าต้องเป็นอย่างนี้หรืออย่างไรก็ไม่ทราบแจกน้ำที่ตนไปแอบซื้อมาให้คนที่นอนแผ่กับพื้นอย่างไม่เกรงใจใคร

    ขอบใจเหล่าเด็กหนุ่มรับน้ำจากคนอายุน้อยกว่ามาดื่ม

    เฮ้อ ไม่ได้เล่นแบบจุใจแบบนี้นานพอดูเลยน้าาาาหลังดื่มน้ำแล้วนิจิมุระก็เอ่ยออกมาเป็นคนแรก

    ก็นะครับอาคาชิที่อยู่ใกล้ๆ พนักหน้ารับ และในขณะนั้นเอง...

    เออ...ขอโทษครับ...” ...ก็มีเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้น ทำให้เหล่าเด็กหนุ่มหันไปมองยังต้นเสียงและพบกับ...ชายในเครื่องแบบตำรวจคนหนึ่งยืนอยู่ “...พอดีบริเวณนี้เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ขอสอบปากคำได้ไหมครับ?”

    เอ๊ะ? อา...ครับ...เด็กหนุ่มทั้งหลายขานรับไปอย่างงงๆ แต่ก็ยอมให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่โดยง่าย

    งั้นขอเริ่มจาก...นายตำรวจหนุ่มเริ่มทำการสอบถามตามหน้าที่ไป เจ้าตัวถามเด็กหนุ่มไปหลายคำถามพลางจดข้อมูลที่ได้ลงในสมุดโน้ตจนเสร็จสิ้นกระบวนความ “...ขอบคุณสำหรับความร่วมมือนะครับ ขอตัวนะครับ

    ครับเหล่าเด็กหนุ่มขานรับ ทางนายตำรวจหนุ่มเองก็ทำท่าเหมือนจะเดินจากไป

    อ๋อ และอีกอย่าง...แต่แล้วพอกำลังจะเดินผ่านนิจิมุระนายตำรวจหนุ่มก็ชะงักแล้วหันกลับมาทางเหล่าเด็กหนุ่มอีกรอบเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก “...ช่วงนี้ช่วยระวังตัวกันด้วยนะครับ

    อ่ะ!นิจิมุระสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมีบางอย่างยัดใส่มือตน อา...ครับ

    งั้นไปล่ะครับนายตำรวจหนุ่มขยิบตาให้นิจิมุระทีหนึ่งก่อนที่จะรีบออกจากจุดที่เหล่าเด็กหนุ่มอยู่ทันที

    ครับ...นิจิมุระเอ่ยตอบรับไปเสียงแผ่วก่อนที่เบนสายตามาที่มือตนว่าอีกฝ่ายยัดอะไรมาและพบว่า...มีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งในมือตนซึ่งเขียนข้อความแบบให้สามารถอ่านง่ายแม้ไม่ต้องหยิบมาคลี่ดูเอา

    ระวัง พวกมันจับตาอยู่

    กระดาษที่มีลายมือที่คุ้นตานี่ทำให้นิจิมุระชะงักเล็กน้อย...เพราะลายมือนี้เจ้าตัวจดจำได้ดีว่าเป็นลายมือเดียวกับของคนที่ฝากฟุริฮาตะไว้กับตนซึ่งนั้นหมายความว่า...

    ...ตำรวจคนนั้น...พี่ฟุริเหรอ!?...

    พี่ชู...เสียงเรียกพร้อมแรงดึงที่ชายเสื้อทำให้นิจิมุระละความสนใจจากแผ่นกระดาษในมือ เป็นอะไรไปเหรอ?”

    เปล่าๆ ไม่มีอะไรนิจิมุระที่รู้ตัวว่าตนนิ่งอึ้งกับข้อความใหม่ที่ได้รับมากไปเอ่ย พวกเรารีบกลับเถอะ คุณตำรวจมาเตือนแบบนี้แสดงว่าแถวนี้คงไม่ปลอดภัยจริงๆ

    ครับเหล่าเด็กหนุ่มแต่ละคนที่เห็นด้วยกับความคิดของผู้อาวุโสสุดในกลุ่มตนพยักหน้ารับก่อนที่จะพากันแยกย้ายไปทางใครทางมันในที่สุด

     

     

     

     

     

    ...รู้สึกว่า...ช่วงนี้เหมือนมีคนจับตามองอยู่เลย...

    นี่ความคิดที่พุดขึ้นมาภายในหัวนิจิมุระไม่หยุดนับตั้งแต่วันที่เจ้าตัวได้ข้อความเตือนจากพี่ชายของฟุริฮาตะที่ส่งข้อความมาให้ จนปานนี้เวลาผ่านไปเดือนกว่าแล้วนิจิมุระก็รู้สึกราวกับมีคนมองอยู่...ซึ่งสายตาที่มองนี่เป็นมิตรหรือศัตรูก็ไม่รู้ ทำให้นิจิมุระทำอะไรไม่ได้มากนอกจากพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด

    เฮ้อ...นิจิมุระถอนหายใจออกมาเบาๆ กับความรู้สึกแบบนี้ของตน...ก่อนที่จะปัดเรื่องความรู้สึกอึดอัดเหมือนคนจ้องมองตนทิ้งจากสมองและเริ่มเกิดอาการร้องโหยหวน (?) ในเวลาต่อมา... “...อยากไปหาฟุริจัง~~~”

    ...เนื่องจากวันนี้ฟุริฮาตะไปเจ้าค่ายของทางโรงเรียนและนิจิมุระเริ่มเกิดอาการลงแดง (?) เพราะไม่ได้ฟัดน้องไม่แท้ของตนเล่นนั้นเอง

    นี่...เสียงเรียกเบาๆ พร้อมกับความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองที่หายไปพร้อมกันทำให้นิจิมุระที่ร้องโอดครวญในสวนสาธารณะอย่างไม่เกรงใจใครชะงักกึก

    หื้อ?” นิจิมุระหยุดโอดครวญแล้วมองยังต้นเสียง...ซึ่งก็คือนายตำรวจที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่งยืนหน้าเครียดอยู่ คุณ...

    รีบไปกับฉันเร็วนายตำรวจหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม

    ห๊า?” นิจิมุระส่งสีหน้างุนงงออกมา

    มากับฉัน!ชายหนุ่มผมน้ำตาลเน้นคำพูดเมื่อครู่อีกทีชัดๆ โคกิกำลังอยู่ในอันตราย!

    ว่าไงนะ!?” คราวนี้ถึงตานิจิมุระร้องเสียงหลงบ้างเมื่อได้ยินพูดของอีกฝ่าย

    ไว้อธิบายทีหลัง! รีบไปเร็ว!!!คนผมน้ำตาลรีบจับตัวนิจิมุระอุ้ม...ท่าเจ้าหญิงเสียด้วย ก่อนที่จะ...

    เหวอ!” ...มีปีกค้างคาวสีน้ำตาลเข้มปรากฏที่กลางหลังชายหนุ่มผมน้ำตาล ปีกคู่นั้นกระพืดอย่างแรงสองสามทีก่อนที่ร่างของทั้งสองลอยขึ้นจากพื้น...เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ลอยขึ้นมาบนท้องฟ้าแบบสูงลิบแล้ว นี่เล่นบินไปเลยเหรอ!?”

    ...ไม่กลัวมีใครเห็นหรือไง!?...

    ก็ทางอื่นมันช้านิ!ชายหนุ่มผมน้ำตาลตอบกลับไป ระหว่างไปนี่ขออธิบายสถานการณ์ง่ายๆ เลยนะ...

    ครับนิจิมุระที่เห็นว่าจะโวยวายเรื่องที่อีกฝ่ายพาตนบินขึ้นมาตอนนี้ไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดีเท่าไหร่เลือกที่จะพยักหน้ารับไป (กลัวโดนทิ้งกลางอากาศหรือไง? //S , เออดิ // นิจิมุระ)

    เริ่มแรกเลยคือพวกนักล่าเริ่มลงมือแล้ว สองพวกมันดันหาทางใหม่เพื่อให้ดูใครไม่ใช่มนุษย์แบบเต็มร้อยได้ซะงั้น สามมันเห็นว่าโคกิยังเด็กเลยเลือกลงมือกับโคกิ และที่แย่สุดคือตอนนี้มันโจมตีค่ายของทางโรงเรียนโคกิวะ ทำเอาเด็กๆ ต้องหาที่ซ่อนกันและไม่กล้าออกจากที่ซ่อนกันเลยนายตำรวจหนุ่มอธิบายแบบกระชับรวบรัด เลยต้องพานายมาเรียกโคกิออกมาเพื่อพาโคกิหนีจากพวกนั้นไง

    เข้าใจล่ะครับนิจิมุระพยักหน้ารับ...สถานการณ์ตอนนี้อันตรายแก่ฟุริจริงๆ แล้วอีกนานไหมครับจะถึง?”

    ...ตอนนี้เขาห่วงฟุริใจจะขาดแล้ว!...

    ไม่นาน เพราะถึงแล้ว...นายตำรวจหนุ่มเอ่ย

    ห๊า?” นิจิมุระหลุดร้องออกมาอย่างงงๆ ...เขาจำได้ว่าฟุริไปเข้าค่ายที่คานาคาวะไม่ใช่เหรอ? มันไม่น่ามาถึงเร็วนักนิ?

    ถึงแล้ว นี่ไงชายหนุ่มผมน้ำตาลเอ่ยพลางค่อยๆ บินต่ำลงสู่พื้นและเมื่อถึงพื้นก็วางตัวนิจิมุระให้ขาได้สัมผัสพื้นพร้อมเก็บปีกอย่างรวดเร็ว

    เร็วแท้!นิจิมุระเพิ่งเคยเดินทางจากโตเกียวมาคานาคาวะได้เร็วขนาดนี้ครั้งแรกจริงๆ  แต่ก็ดี...งั้นผมไปตามหาฟุริล่ะ!

    ไม่ต้อง ฉันรู้ว่าโคกิอยู่ไหน แต่โคกิไม่ยอมออกมาหาฉันเพราะกลัวว่าเป็นพวกนั้นปลอมตัวมาหลอกน่ะชายหนุ่มรีบคว้าคอเสื้อคนอายุน้อยกว่าไว้ก่อนวิ่งพล่านไปตามหาคนจนหลงไปไหนต่อไหน เพราะพวกนั้นตามแต่กลุ่มของโคกิกลุ่มเดียวเลยกลัวกันหัวหดเลย

    เหรอครับ...งั้นตอนนี้ฟุริอยู่ไหน?” นิจิมุระถาม

    ในโพรงไม้กับพวกเพื่อนกลุ่มหนึ่งและพวกอาจารย์ชายหนุ่มผมน้ำตาลเอ่ยพลางลากตัวนิจิมุระไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ตรงนี้

    โอเคนิจิมุระพยักหน้ารับก่อนที่จะก้มไปมองในโพรงไม้และ... อ้าว? จารย์!

    นิจิมุระ?” ...พบว่าหนึ่งในคนที่หลบในที่นี่นอกจากน้องชายไม่แท้ตนแล้วยังมีบุคคลที่เจ้าตัวรู้จักอีกคนอยู่ด้วย

    รู้จักกันดิ?” นายตำรวจหนุ่มถาม

    ครับนิจิมุระตอบคนที่พาตนมานี่ก่อนหันไปคุยกับอาจารย์สมัยม.ต้นของตนต่อ อาจารย์ออกมาเถอะ แล้วรีบหนีกัน

    แต่นักเรียนคนอื่น...ชายหนุ่มเหลือน้อย (?) หรืออาจารย์ที่ทำหน้าที่พาเด็กๆ หลบในตอนนี้ถามขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวล คาดว่าที่แอบอยู่นี่คือเพื่อใช้เป็นที่ซ่อนและเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่บังเอิญวิ่งหนีผ่านมาทางนี่ด้วย

    ผมให้เพื่อนผมพาหนีหมดแล้วลุง เหลือแต่กลุ่มพวกลุงเนี่ยนายตำรวจหนุ่มที่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนในโพรงไม้เริ่มลดความระวังตัวลงตั้งแต่เห็นหน้านิจิมุระ...แสดงให้เห็นว่านิจิมุระรู้จักบุคลากรในโรงเรียนนี่มากกว่าที่คิด แถมยังเป็นที่ไว้ใจยิ่งอีกต่างหาก

    แน่ใจว่าปลอดภัยกันหมด?” ชายหนุ่มถามย้ำ

    แน่ เพื่อนผมแต่ล่ะตัวปกติที่ไหนล่ะนายตำรวจหนุ่มยักคิ้วอย่างกวนๆ และในตอนนั้นเอง...

    เคียว...” ...เสียงแว่วเบาๆ ของใครสักคนก็ดังขึ้นมา “...ระวัง

    หื้อ?” นายตำรวจหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกและ...ถึงกับร้องลั่นในเวลาต่อมาเมื่อมีมีดบินผ่านหัวตนไปอย่างเฉียดฉิว ชะแว๊ก! แกแจกลูกหลงมาให้ฉันทำไมวะไอ้โยชิกิ!

    ฉันเปล่า...คานาเดะ...ชิโรบะชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวที่ถูกเรียกว่าโยชิกิซึ่งเพิ่งวิ่งตามมีดบินมา (?) เอ่ยตอบแบบสั้นๆ

    เจ๊คานะกับไอ้ชิโระ?” นายตำรวจหนุ่มนามว่าเคียวทวนด้วยสีหน้างุนงงก่อนที่จะไล่สายตาไปยังจุดที่มีดบินลอยมา เช่นเดียวกับนิจิมุระที่เอ๋อกับข้าวของบินเหมือนกัน...แล้วพบกับภาพที่หญิงสาวผมดำคนหนึ่งและชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่เคยมาเตือนนิจิมุระเรื่องนักล่ากำลังตื้บคนจำนวนมากอย่างเมามันส์ ไหงองค์แบบนั้นฟะ!?”

    น้องคนเล็กของสองคนนั้นมาเข้าค่ายที่นี่เหมือนกัน และพวกนั้นก็...โยชิกิยิ้มแห้งๆ ให้

    เล่นงานน้องสองคนนั้นพอดี? โอเค เข้าใจล่ะแค่ประโยคอธิบายเพียงเท่านี้เคียวก็สามารถคาดเดาประโยคต่อไปได้ไม่ยาก

    สวดส่งไหม?” โยชิกิถามขณะที่ลูกหลงเริ่มลอยมาเรื่อยๆ

    ดีเหมือนกันเคียวยักไหล่น้อยๆ ว่าแต่แบบนี้ใครเฝ้าเด็กๆ ที่เหลือล่ะ?”

    คิโยมิซังโยชิกิตอบ

    เจ๊แกมาด้วยเหรอ!?” เคียวหน้าซีดลงทันควันเมื่อได้ยินชื่อที่ออกจากปากอีกฝ่าย

    พอดีอาจารย์เขามาเที่ยวพอดี...โยชิกิส่งยิ้มแห้งๆ ให้...เพราะรู้ดีว่าคนที่ตนพูดถึงนั้นน่ากลัวขนาดไหนและรู้สาเหตุที่เพื่อนตนหน้าซีดแบบนี้ด้วย

    เออ...นี่คุณอย่าเพิ่งลืมพวกเรากันสิครับ...อาจารย์ของโรงเรียนมัธยมต้นที่เริ่มเอ๋อกินกับเหตุการณ์ในขณะนี้เอ่ยแทรกขึ้นมา “...ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน?”

    เออ ว่าไงดีล่ะ...เอาเป็นว่าพวกที่เล่นงานเด็กๆ นี่คงไม่มีเวลามาก่อเรื่องต่อแล้วล่ะเคียวที่ไม่รู้จะอธิบายไงต่อเหมือนกันเอ่ยไปส่งๆ เอาเป็นว่าเราเปลี่ยนที่คุยเถอะ

    ครับเหล่าคนจากโรงเรียนมัธยมต้นเลือกที่จะเชื่อคำพูดของนายตำรวจและยอมให้เคียวกับนิจิมุระพอตนออกจากที่แห่งนี้โดยดี แล้วปล่อยให้นายโยชิกิทำหน้าที่คอยเก็บศพ (?) คนที่โดนสองหนุ่มสาวอัดไป

     

     

     

     

     

    คิโยมิซัง...จัดการเอี่ยมเกินไปหรือเปล่าครับ?” คำทักทายอย่างปลงๆ ดังออกมาจากปากนายตำรวจนามเคียว เมื่อเข้ามาภายในโรงแรมแห่งหนึ่งซ้ำเป็นสถานที่ใช้พักสำหรับนักเรียนที่มาเข้าค่ายแล้วพบกับภาพที่นักเรียนมัธยมต้นจำนวนหนึ่งนั่งหน้าซีดราวกับเจอสิ่งที่น่าสยองสุดแสนมาและหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งคนหนึ่งยืนหาวโดยรอบๆ มีซาก เอ้ย! คนจำนวนมากนอนสลบอยู่

    เอี่ยมๆ สิดี จะได้ไม่ตามมารังคราญอีกหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งหรือที่ถูกเรียกว่าคิโยมิยักไหล่น้อยๆ แล้วนี่พามาหมดแล้ว?”

    ครับเคียวขานรับไป โดยไม่สนใจท่าทีหวั่นกลัวของคนที่ตนพามานัก

    “...นี่เจ๊เขาจัดการคนเดียวเหรอครับ?” นิจิมุระซึ่งเป็นคนเดียวในกลุ่มซึ่งตามเคียวมาแล้วไม่เกิดอาการหวาหวั่นใดๆ เพราะชินกับพวกไม่ปกติ (?) อยู่แล้วถามขึ้นมาเบาๆ

    เออ เจ๊แกโหดขนาดจัดการคนเดียวได้เลยล่ะเคียวกระซิบติบกลัยไป

    ได้ยินนะย่ะ!คิโยมิที่ดันหูผีได้ยินที่เคียวนินทาโยนเก้าอี้ตัวใหญ่ใส่

    แอ๊ก! ขอโทษครับ!เคียวที่รีบก้มหลบอย่างไวว่องรีบเอ่ยก่อนโดนอะไรโยนมาใส่อีก

    “...” นิจิมุระขนลุกเล็กน้อยเมื่อเก้าอี้ลอยเฉียดหัวตนไป...ดูท่าสาวเจ้าจะโหดกว่าที่เขาคิดแฮะ...

    ...สงบปากสงบคำไว้ดีกว่าแฮะเรา...

    แล้วนี่พวกมันอัพเลเวลตัวเองแล้วสิ? ถึงบ้าขนาดมาโจมตีค่ายแบบนี้?” คิโยมิที่ไม่สนใจท่าทีหวาดกลัวของชาวบ้านแม้แต่น้อยเอ่ยถาม

    ครับเจ๊เคียวพยักหน้ารับ

    งั้นแกคงใช้วิธีเดิมไม่ได้แล้วล่ะวะคิโยมิเกาหัวตัวเองนิดๆ

    ผมก็ว่างั้นเคียวเห็นด้วยเลยเรื่องนี้

    อย่าคุยกันรู้เรื่องกันสองคนสิครับ อธิบายให้ผมด้วยสินิจิมุระเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อมีโอกาส...อย่าลืมกันหน้าตาเฉยสิคร้าบบบบ

    หมอนี่คือ?” คิโยมิที่เพิ่งเห็นนิจิมุระที่อยู่ในระยะการได้ยินคำพูดจองพวกตนหรืออย่างไรก็ไม่ทราบชี้ไปยังนิจิมุระ

    คนที่ผมบอกฝากรายนั้นไว้ไงเคียวตอบ

    อ๋อคิโยมิพยักหน้ารับเชิงเข้าใจ งั้นเดี๋ยวอธิบายแล้วกัน ตอนนี้ขอแถเรื่องที่เกิดนี่กับพวกอาจารย์พวกนี่เสียก่อน

    ครับนิจิมุระขานรับไป ทำให้ทั้งคิโยมิทั้งเคียวพากันไปหาเรื่องอธิบายพวกที่โดนนักล่าโจมตีแบบคิดขึ้นเองสดๆ ร้อนๆ

    สิบห้านาทีต่อมาเมื่อเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาแทบทั้งดุ้นจนหลอกให้คนอื่นๆ เชื่อกันได้แล้วคิโยมิกับเคียวก็กลับมาลากนิจิมุระเข้ามุมมืด (?) เพื่อจะได้คุยกันได้สะดวกๆ

    โอเค จะเริ่มจากเรื่องไหนก่อนล่ะ?” คิโยมิเอ่ยถามเบาๆ กันคนที่เดินผ่านไปมาได้ยินเข้า เอาเป็นว่าง่ายๆ สถานการณ์ในตอนนี้คือพวกนักล่าเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว และควรจับเข้าซังเตให้ได้มากที่สุดแล้วกัน

    พวกนี่จับเข้าคุกได้เหรอครับ?” นิจิมุระถามอย่างงุนงง...เขาคิดว่าไม่มีมาตรการจัดการอะไรคนพวกนี่ได้เลยเสียอีก

    ได้สิ เพราะกฎหมายก็คลอบคุมถึงพวกนี่เหมือนกันคราวนี้เคียวเป็นคนทำหน้าที่ตอบคำถามให้แทน ถึงสิ่งที่พวกนี่ล่าจะเป็นครึ่งมังกรเสียส่วนใหญ่ แต่ในสายตาคนทั่วไปก็ไม่ต่างจากการค้ามนุษย์หรอก เพราะงั้นลากเข้าคุกได้เลย

    เข้าใจล่ะครับนิจิมุระพยักหน้ารับ และนี่...ในเมื่อคุณไม่จำเป็นต้องเป็นเหยื่อล่อพวกนั้นแล้ว คุณจะพาตัวฟุริกลับไหมครับ?”

    ...ในเมื่อครอบครัวที่แท้จริงของฟุริกลับมาแล้ว...คนนอกอย่างเขาคงไม่มีสิทธิรั้งอะไรไว้หรอก...

    แล้วนายอยากให้พากลับไหมล่ะ?” เคียวถามกลับ

    ไม่ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้เปลื้องสมองนิจิมุระก็ตอบกลับไปเช่นนี้ทันที

    งั้นก็ให้โคกิอยู่กับนายต่อไปนั้นแหละเคียวยักไหล่น้อยๆ

    จะดีเหรอครับ?” นิจิมุระถามตาวาว,..จะว่าดีใจก็ดีใจหรอกที่ฟุริยังอยู่กับเขาได้แต่ก็แปลกใจเหมือนกันที่อีกฝ่ายอนุญาตให้น้องตัวเองอยู่กับเขาต่อไป

    ดีสิ อย่างไรเสียโคกิก็ติดนายสุดๆ ไปแล้วนิถึงอยากยอมรับแต่เคียวคิดว่าตอนนี้ต่อให้ตนพาน้องชายตัวเองกลับ น้องชายตนก็คงไม่ยอมหรอก

    แถมอีกอย่าง หากให้หมอนี่ดูแลเด็กรับรองเพี้ยนตามมันแน่...เพราะงั้นเพื่ออนาคตที่ดีของชาวบ้านอย่าให้มันเลี้ยงเลยเถอะคิโยมิเอ่ยเสริมขึ้นมา

    คิโยมิซังใจร้าย!เคียวหันไปโวยใส่อาจารย์ตนเล็กน้อย...ว่ากันมาแบบไม่เกรงใจกันเลยนะครับ!

    เออๆคิโยมิกรอกตาไปมา ยังไงก็เลี้ยงดูน้องไอ้นี่ให้ดีๆ ล่ะ อย่าให้โตมาเพี้ยนเหมือนมันเด็ดขาดล่ะ

    ครับ!นิจิมุระขานรับอย่างหนักแน่น

    ดีมาก ต่อไป...คิโยมิหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางเหล่มองเคียวด้วยสายตาเหมือนกำลังรอดูเรื่องสนุก “...นายเตรียมโดนโวยได้เลยไอ้เคียว

    หื้อ?” เคียวเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

    แกลืมไปแล้วเหรอว่าตอนแกมาที่นี่แกไม่ได้มาคนเดียว?” คิโยมิถาม

    ชิบ! ลืม!เท่านั้นแหละเคียวถึงกับสบถออกมาเบาๆ และ...

    ไอ้เคียว!!!” ...สามวิหลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มผมดำในชุดเครื่องแบบตำรวจคนหนึ่งเดินแยกเขี้ยวเข้ามาพร้อมโดดถีบใส่นายเคียวอย่างไม่เกรงใจใคร แกนะแก! ให้ฉันทำงานคนเดียวเลยนะไอ้ง่าว!!!

    แอ๊ก! เจ็บนะเว้ย! ตัวแค่นี้ทำไมแรงเยอะจังนะ...เคียวร้องลั่น...แบบดูกวนโอ๊ยมากกว่าน่าสงสารเยอะ

    พูดไม่ดูตัวเองเลยนะไอ้แรงช้างสาร! ไม่ต้องมาพูดมาก! มาช่วยงานกันเลยเว้ย!!!ชายหนุ่มผมดำแว๊กลั่นพร้อมลากคอเคียวออกนอกอาคาร

    “...” นิจิมุระมองคนที่ถูกลากไปนิ่งๆ ...ทำไมภาพมันดูเหมือนซ้อนกับเมื่อก่อนที่เขาลากตัวรุ่นน้องหัวเทาของตัวเองไม่ให้ไปก่อเรื่องหว่า? “ผมควรสวดให้ไหมครับ?”

    ไม่ต้อง มันอึดคิโยมิยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจว่าลูกศิษย์ตนจะถูกฆาตกรรมหรือเปล่าแม้แต่น้อย นายกลับไปดูแลน้องไอ้เคียวเถอะ

    ครับนิจิมุระขานรับแล้วทำท่าจะทำตามที่อีกฝ่ายว่าก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เออ จะว่าไป...ผมลืมถามถึงสาเหตุที่เคียวซังฝากฟุริไว้กับผมน่ะครับ คุณพอรู้ไหมครับว่าทำไมเคียวซังฝากฟุริไว้กับผมแทนที่จะเป็นญาติหรืออะไรแบบนี้ล่ะครับ?”

    อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ...คิโยมิลากเสียงยาว “...เพราะทุกคนในตละกูลหมอนั่น...ถูกนักล่าฆ่าไปหมดแล้วไง

    ห๊า?” นิจิมุระนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ...ถูกฆ่าหมดงั้นเหรอ?

    อย่างที่ได้ยินนั้นแหละ และคนที่เหลือรอดก็มีแต่เคียวกับน้องหมอนั้นที่ยังไม่ฝักออกจากไข่แค่นั้นแหละ แต่ครั้นจะฝากคนรู้จักก็กลัวว่าเด็กคนนั้นจะไม่สามารถมีชีวิตแบบคนปกติธรรมดาได้เลยเลือกฝากไว้กับนายไงคิโยมิอธิบาย

    แล้วทำไมเป็นผมล่ะครับ?” นิติมุระถาม...มันดูไม่มีเหตุผลเลยที่จะฝากน้องตัวเองไว้กับคนไม่รู้จักทั้งที่บ้านตัวเองโดนคนอื่นฆ่าหมดมาแบบนี้

    เพราะพวกที่มีสายเลือดมังกรถ้าฝึกดีๆ แบบไอ้เคียวแล้วสามารถมองถึงจิตใจคนได้ไงคิโยมิยักไหล่น้อยๆ และเพราะเห็นว่านายเหมาะดีเลยแอ๊บเนียนเอาไข่มังกรไปฝากนายไง

    ...แปลว่าดีไม่ดีคนขายไข่ให้เขาก็อาจเป็นเคียวซังสินะ...

    นิจิมุระอดคิดในใจไม่ได้เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว...และจากนิสัยเท่าที่เห็นอาจเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ สูงด้วย

    ไปรวมกลุ่มเถอะ เดี๋ยวเด็กคนนั้นจะรอนานคิโยมิไม่ว่าเปล่ายังทำท่าจะโยนเด็กหนุ่มไปรวมกลุ่มแทนอยู่ร่อมร่ออีกด้วย

    เดี๋ยว ผมมีอีกคำถามหนึ่ง...นิจิมุระถอยห่างกรูดก่อนโดนจับโยนจริงๆ หากแต่ปากก็ยังถามเรื่องที่อยากรู้ต่อไป “...คุณก็เป็นแบบเคียวซัง?”

    เปล่า ฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่เป็นอาจารย์หมอนั้นเท่านั้นคิโยมิตอบ กลุ่มรุ่นของไอ้เคียวที่เป็นเผ่าเดียวกันก็มีแค่คานาเดะกับชิโรบะเท่านั้น ส่วนโยชิกิเป็นคนธรรมดา

    งั้นเหรอครับนิจิมุระพยักหน้ารับเชิงเข้าใจ

    หมดคำถามแล้วใช่ไหม? งั้นไปรวมกลุ่มได้แล้ว!คิโยมิที่เกิดรำคาญคำถามหรืออย่างไรไม่ทราบเอ่ยไล่เด็กหนุ่มอีกรอบด้วยสีหน้าเหมือนพร้อมจะถีบส่งแทนจับโยนแล้ว

    ครับ!นิจิมุระขานรับแล้วรีบเผ่นไปหาน้องไม่แท้ของตนอย่างรวดเร็วก่อนโดนถีบส่งขึ้นมาจริงๆ

    พี่ชู...ทางฟุริฮาตะที่เห็นเด็กหนุ่มจ้ำอ้าวมาทางก็เอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบาๆ “...ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? ไม่มีใครทำอะไรพี่ใช่เปล่า?”

    ไม่มีหรอกๆนิจิมุระที่รอดพ้นจากบาทาพิฆาต (?) ของหญิงสาวแล้วเอ่ยตอบ แล้วนายล่ะ? ไม่บาดเจ็บใช่ไหม?”

    ครับ ไม่บาดเจ็บอะไรเลยฟุริฮาตะส่ายหน้าไปมา

    งั้นดีแล้วนิจิมุระเผยยิ้มบางๆ ออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้คำยืนยันจากอีกฝ่ายว่าไม่ได้รับอันตรายจากพวกนักล่ามาเลยแม้แต่น้อย

    พี่ชู...ฟุริฮาตะเอ่ยเรียกอีกฝ่าย “...ทำไมผมรู้สึกว่าที่คนพวกนั้นบุกมาเหมือนจะมาหาผมเลยล่ะครับ?”

    “...” ...สังหรณ์แม่นจังคุณน้อง! นายคิดไปเองน่า ฟุริ

    งั้นเหรอครับโชคดีที่ฟุริฮาตะเป็นพวกเชื่อคนง่ายเลยพยักหน้ารับคำตอบของเด็กหนุ่มอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ

    ใช่ๆนิจิมุระรีบหลอกเด็ก (?) ต่อไปในทันที

    “...ทำไมมองๆ แล้วเหมือนเห็นคนกำลังจะกินเด็กหว่า?”

    นั้นสินะ

    ชะแว๊กกกกก!?” ระหว่างที่นิจิมุระกำลังหลอกล่อให้ฟุริฮาตะเลิกสนใจพวกนักล่าอยู่นั้น เสียงเอ่ยสองเสียงที่ดังขึ้นมาใกล้ๆ ทำให้นายนิจิมุระ ชูโชวสะดุ้งโหยงพร้อมหันขวับไปทางต้นเสียง...และสิ่งที่เด็กหนุ่มเห็นคือหญิงสาวผมดำและชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองซึ่งเป็นคนแรกที่บอกเรื่องนักล่ากับนิจิมุระซึ่งโผล่มาอยู่ข้างตนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พวกคุณมาตอนไหนเนี่ย!?”

    เมื่อกี้ โดนไอ้เคียวไล่มาหญิงสาวหรือคานาเดะตอบกลับไป นายเห็นเจ๊คิโยมิไหม? ...คนผมสีน้ำผึ้งน่ะ

    อยู่ทางนู้นครับนิจิมุระชี้บอกทางไปยังจุดที่ตนเพิ่งหนีมา

    ขอบใจคานาเดะเอ่ยก่อนที่จะเดินจากไป

    นี่ๆ นาย...ส่วนทางชายหนุ่มผมน้ำตาลทองหรือชิโรบะที่ยังไม่ตามสาวเจ้าไปล็อกคอนิจิมุระราวกับเป็นเพื่อนสนิกกันมาแรมปี

    ครับ?” นิจิมุระขานรับไป

    คิดจะกินเด็กจริงดิ?” ชิโรบะถามแบบตรงไปตรงมาอย่างไม่มีอ้อมค้อมสักนิด

    “...” นิจิมุระนิ่งอึ้งกับคำถามเล็กน้อย ก่อนที่ดวงหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงระเรือขึ้นมาเมื่อนกได้ว่าคำถามที่ได้ยินมันน่าอายขนาดไหน จะบ้าหรือไงครับ!? ใครมันจะไปทำล่ะ!!!!?”

    อ้าว ก็เห็นเหมือนเป็นงั้นนิชิโรบะหัวเราะร่า ถ้าจะกินน้องไอ้เคียวไปสู่ขอกับมันก่อนทำอะไรๆ แล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวโดนฆ่าเอา

    บอกว่าไม่ใช่ไงครับ!!!!นิจิมุระโวยลั่น หากแต่...ไม่ทัน ชิโรบะได้หนีตามคานาเดะไปแล้ว ให้ตายสิ...

    พี่ชู...เป็นอะไรไปเหรอครับ?” ฟุริฮาตะที่เห็นและฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดถามขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าของคนอายุมากกว่า...ดูท่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ชิโรบะพูดก่อนจากไปแม้แต่น้อย

    เปล่า ไม่มีอะไรนิจิมุระบอกปัดไปพลางถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ ...โอเค ฟุริน่ารักน่าจีบ (?) จริงๆ นั้นแหละ แต่เขาไม่ได้คิดจะจีบนะเฮ้ย! ไม่คิดจะเอาเด็กที่เลี้ยงมากับมือมาเป็นแฟนด้วย! ถึงมีหวั่นไหวบ้างก็เถอะ เฮ้อ...หวังว่าสุดท้ายจะไม่กลายเป็นอย่างที่ชิโรบะซังพูดนะ...

    ...หวังว่าสุดท้ายไม่กลายเป็นว่าเขาเลี้ยงต๋อยขึ้นมาจริงๆ นะ...ไม่งั้นเขาได้กัดลิ้นตัวเองตายจริงๆ แหง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    END


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×