คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #232 : [TsukiFuri] Memory
Title : Memory
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Itsuki x Furihata
Notes : สวัสดีจ้า! ในที่สุดก็มาถึงอันดับสุดท้ายแล้ว เชิญอ่านเลยจ้า!!! และหากสงสัยว่าอิสึกิไปไหน ขอบอกเลยว่าเราถีบลงฟิคไปแล้วจ้า!!!
.....................................................................................
Memory
...วันที่ 13 สิงหาคม ปี ×××...
...วันนี้เป็นวันที่มีอากาศร้อนอบอ้าว...
...ช่างเหมือนกับช่วงเวลานั้นเหลือเกิน...
...ช่วงเวลาแสนสุขในสมัยม.ปลายนั้น...
...แต่ทำไมกันนะ...เขาถึง...
...รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไปกัน?...
จิ้ง...จิ้ง...
เสียงจักจั่นร่ำร้องเรไรภายในเมืองอันกว้างใหญ่ ณ มุมหนึ่งบริเวณบ้านไตร์สญี่ปุ่นเก่าแก่หลังหนึ่งได้มีชายผู้หนึ่งกำลังนอนเหมือนกำลังจะละลายในไม่ช้าอยู่
“เฮ้อ...ร้อนชะมัด...” ชายหนุ่มผมดำที่นอนกลิ้งบนพื้นบ้านตัวเองอย่างไม่แค่สายตาใครหรือก็คืออิสึกิ ชุนอดีตนักบาสม.ปลายที่ยามนี้ทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวชื่อดังซึ่งไม่มีใครไม่รู้จักด้วยความที่เวลาทำงานนั้นดูมีความน่าเชื่อถือมาก... “...อ่ะ! ร้อนเพราะแดดเผา! มุขนี้ใช้ได้!”
...แต่ก็ไม่วายมีมุขฝืดๆ ออกมาดังเช่นเมื่อกาลก่อนนั้นแหละ
“อิสึกิ!” เสียงเรียกที่ค่อนไปทางตะโกนดังขึ้น เรียกให้ชายหนุ่มที่กำลังกลิ้งไปมาอยู่นั้นลุกขึ้นมานั่งแล้วหันไปมองยังต้นเสียง
“อ่ะ!” อิสึกิพอเห็นว่าผู้บุกรุกบ้านตนคือชายหนุ่มผมดำสวมแว่นราวกับครูฝ่ายปกครอง (?) ก็ยิ้มออกมาบางๆ “ไงฮิวงะ ไม่เจอกันนานเลยนะ~”
“อา ไม่เจอกันนานจริงๆ นั้นแหละ” ฮิวงะ จุนเปย์อดีตกัปตันทีมบาสเซย์รินเก่าหัวนิดๆ อย่างไม่คิดเถียงกลับ...ตั้งแต่พวกเขาจบมหาลัยเนี่ยก็ไม่ได้เจอกันเลยเพราะงานยุ่งทั้งคู่จริงๆ นั้นแหละ
“แล้วนี่นายมาหาฉันที่นี่ทำไมเหรอ?” อิสึกิถามต่อ...ปกติรายนี้มักงานยุ่งแทบจะตลอดไม่น่าจะมาหาตนได้นิ?
“ที่ชมรมบาสตอนนี้เซรินจะจัดงานเลี้ยงรุ่นขึ้นน่ะและโค้ชก็คิดจะเชิญพวกเราที่เป็นรุ่นก่อตั้งชมรมไปรวมตัวให้รุ่นน้องได้เห็นหน้ากันหมดเลยด้วย” ฮิวงะตอบ “รวมทั้งพวกคางามิที่เป็นคนพาไปชนะการแข่งวินเทอร์คัพตอนนั้นด้วย...เรียกง่ายๆ คือโดนหมดนั้นแหละ แถมจะให้ไปร่วมซ้อมด้วยอีกแหน่ะ”
“...ถ้าโค้ชเป็นคนเชิญคงปฏิเสธไม่ได้สินะ?” อิสึกิยิ้มแห้งๆ อย่างรู้ชะตากรรมของตนต่อจากนี้ดี...สำหรับไอดะ ริโกะที่ตอนนี้เป็นอาจารย์ในเซรินและไปเป็นโค้ชชมรมบาสเหมือนเดิมเนี่ยรับรองได้เลยว่าวิธีจัดการคนของรายนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
“แหงสิ นายก็น่าจะรู้ผลนะว่าหากปฏิเสธโค้ชไปจะเป็นยังไง?” ฮิวงะถามกลับ
“ก็หายนะมาเยือนแน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย” อิสึกิตอบกลับทันทีอย่างรู้ดี
“ถูก เพราะงั้นพยายามทำตัวให้ว่างในวันพรุ่งนี้หน่อยล่ะ” ฮิวงะหยิบซองจดหมายอะไรสักอย่างให้อีกฝ่าย “เอ้านี่ โค้ชฝากมา...บอกว่าเผลอไปเจอในห้องชมรมเลยอัดมาแจกทุกคนน่ะ”
“โอเค” อิสึกิรับซองจดหมายมา
“งั้นไปล่ะ นี่ฉันแอบโดดงานมา” ฮิวงะเอ่ยพลางมองนาฬิกาข้อมือของตนเอง
“อื้ม” อิสึกิโบกมือลาอีกฝ่าย และเมื่อฮิวงะออกจากบ้านไปแล้วอิสึกิก็ล้มตัวกลิ้งลงกับพื้นต่อ “จะได้เจอทุกคนอีกครั้งแล้วสินะ? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ~~~ ทุกคนจะเป็นไงกันบ้างเนี่ย?”
...ตลอดมาเราติดต่อแค่ไม่กี่คนเองนี่เนอะ...แต่ก็ทำไงได้ล่ะ คนที่ใช้เบอร์เก่าอยู่มีแค่ไม่กี่คนเองนี่นะ~~...
อิสึกิคิดในใจก่อนที่จะเปิดซองจดหมายที่ได้รับมาและพบว่าภายในซองจดหมายเป็นรูปถ่ายสมัยม.ปลายในชมรมขิงตนจำนวนหนึ่ง เจ้าตัวเลยทำการพลิกภาพดูเล่นไปซะเลย...ถือว่าเป็นการระลึกความหลังไปด้วย
“เอ๊ะ?” อิสึกิหลุดร้องออกมาเบาๆ เมื่อเปิดมาเจอรูปหนึ่งมีรูปของใครสักคนที่ไม่สามารถเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนักเพราะภาพมีแสงย้อนเข้ามาพอดียืนอยู่ข้างรุ่นน้องผมสีเพลิงของตนในรูปถ่าย “รูปนี่...ใครกัน?”
...ชุดของชมรมเราด้วย...แต่ไหงจำไม่ได้เลยหว่า?...
“เอาเถอะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยถามฮิวงะก็ได้” อิสึกิเมื่อนึกไม่ออกก็ตัดสินใจเลิกให้ความสนใจภาพในมือก่อนที่จะลุกไปเตรียมหาชุดสำหรับไปโรงยิมในวันพรุ่งนี้
‘นี่...’
‘อย่าจำได้นะครับ’
‘ช่วยอย่าจดจำมันอีกเลย’
‘ผมอยากให้รุ่นพี่มีความสุขนะครับ’
‘เพราะฉะนั้น...’
‘รุ่นพี่ช่วย...’
“เฮือก!” อิสึกิสะดุ้งเฮือกขึ้นมา ดวงตาสีดำกวาดมองเพดานห้องไปมาก่อนที่จะระลึกขึ้นได้ว่านี่คือห้องตัวเองจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วลุกขึ้นมานั่งพลางนึกถึงความฝันเมื่อครู่ของตน...ฝันทีเขาเห็นเด็กหนุ่มผมน้ำสีน้ำตาลที่คุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าคือใครในสภาพเลือดท่วมตัวกำลังพยายามเอ่ยบางอย่างกับตนก่อนที่จะตื่นขึ้นมาเสียก่อน “ฝันบ้าอะไรกันเนี่ย?”
...น่ากลัวชะมัด...แถมรู้สึกเศร้าด้วย มันฝันอะไรกันเนี่ย?...
ชายหนุ่มเกาหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดที่ตนต้องมาตื่นเพราะฝันร้ายแบบนี้พลางดันตัวลุกขึ้นมานั่ง เจ้าตัวพยายามดึงสติของตนกลับเข้าร่างเพื่อไม่ให้คิดมากกับความฝันแปลกๆ นั้นมากเกินไป
“อื้ม เจ็ดโมงห้าสิบ...เฮ้ย! โค้ชนัดรวมตัวตอนแปดโมงนี่หว่า!?” ดวงตาสีดำเบิกกว้างเมื่อเห็นนาฬิกาที่บอกเวลาเด่นหราอยู่ในยามนี้ สมองก็นึกไปถึงเวลาและบทลงโทษของโค้ชตนที่แอบแนบมากับจดหมายเมื่อวาน... “ตายๆ โค้ชเอาฉันตายแน่!!!”
...ว่าแล้วอิสึกิก็รีบเปลี่ยนชุดด้วยความเร็วแสงแล้วบึงออกจากบ้านด้วยความเร็วที่ไม่แพ้กันและในสิบนาทีต่อมา...นายอิสึกิ ชุนของเราก็มาล้มราวกับคนหมดแรงตายกลางทะเลทราย (?) หน้าโรงยิมของโรงเรียนมัธยมปลายเซรินเป็นที่เรียบร้อย
“แปดโมงเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน...เฉียดฉิวเลยนะพวก” ฮิวงะมองเพื่อนตัวเองที่นอนแผ่อย่างไม่เกรงใจใครก่อนที่จะนั่งย่องๆ ลงที่ข้างๆ แล้วเอานิ้วจิ้มดูว่าตายหรือยัง
“ยังทัน...” เสียงอิสึกิดังแผ่วมาราวคนใกล้ตายจริงๆ
“ฮะๆ น้ำไหมอิสึกิ?” ชายหนุ่มผมน้ำตาลร่างใหญ่ราวหมียิ้ม (?) ยื่นน้ำให้คนที่นอนอยู่
“ขอบใจ” อิสึกิรีบคืนชีพ (?) ขึ้นมาพลางรับน้ำจากอีกฝ่ายมาดื่ม
“เกือบไปแล้วนะครับ” เสียงทักเบาๆ พร้อมกับ...ร่างของชายหนุ่มผมฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าอิสึกิเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“พรวก!” อิสึกิพ่นน้ำเป็นสิ่งโตพ่นน้ำทันทีที่เห็นหัวฟ้าๆ ของใครบางคนเข้า “มาตอนไหนเนี่ย!?”
“ตั้งนานแล้วครับ” คนจืดจางผมฟ้าหรือก็คือคุโรโกะ เท็ตสึยะตอบแบบไม่รู้สึกร้สาอะไรที่เกือบทำรุ่นพี่ตัวเองสำสักน้ำตายแม้แต่น้อย
“คือรุ่นพี่วิ่งมาหยุดหน้าคุโรโกะเลยนะครับ” คนผมสีเพลิงที่ดูจะชินชากับปฏิกิริยาแบบนี้มากเอ่ยตอบ
“ไม่ยักเห็น! จืดจางขึ้นจนน่ากลัวไปไหมเนี่ย!?” อิสึกิแว๊ดลั่น
“คงงั้นแหละครับ” คุโรโกะนักไหล่น้อยๆ
“ยอมรับเฉยเลยนะ” ฮิวงะที่แม้จะตกใจกับการปรากฏตัวของคุโรโกะเหมือนกัน แต่ไม่มากเหมือนอิสึกิเท่านั้นเอง
“นั้นสิเนอะ” คิโยชิหัวเราะร่า
“เอ้าๆ เลิกเล่นกันแล้วรีบเข้าโรงยิมกันเร็ว!” หญิงสาวเพียงนางเดียวในกลุ่มชายหนุ่มทั้งหลายหรือไอดะ ริโกะผู้เป็นอาจารย์และโค้ชคนปัจจุบันของชมรมบาสเซรินเอ่ย
“คร้าบบบบบ” หนุ่มๆ ทั้งหลายที่รู้ดีว่าหากขัดรายนี้จะเป็นเช่นใดจึงรีบวิ่งเข้าโรงยิมกันไปในทันที ทางริโกะก็ได้เพียงมองเพื่อนบวกรุ่นน้องอย่างอ่อนใจก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในอีกคน
ในภาคเช้าในวันนี้ไอดะ ริโกะผู้เป็นโค้ชของชมรมบาสเซรินได้ทำการซ้อมเหล่าอดีตลูกทีมตนเสียเหมือนกับในอดีตแทบทุกอย่าง ทำเอาทางคนที่แทบเรียกได้ว่าพวกที่ยังคงออกกำลังกายเป็นปกติยังเกือบตาย ส่วนพวกที่ทำงานจนแทบไม่ได้ออกกำลังกายมีสภาพเกือบไปเฝ้ายมบาลเลยทีเดียว
“ไม่ได้ซ้อมตั้งนานกะจะซ้อมให้ตายเหมือนเดิมเลยแฮะ” ฮิวงะที่คาดไว้แล้วว่าผลมันจะออกมาเช่นนี้ปาดเหงื่อที่ไหลต่างน้ำด้วยความเหนื่อยหอบ
“นั้นสินะ...อ่ะ! ซ้อมจนได้ตายจริง! มุขนี้...” อิสึกิแม้มีสภาพปานตายก็ยังคงเล่นมุขได้ ทว่า...
“ขอบอกว่าไม่เข้าท่าอย่างแรงเลยวะ!!!” ...ฮิวงะกลับขัดไว้เสียก่อน
“แหม ฮิวงะก็...” อิสึกิทำท่าหงอยเล็กน้อยที่ถูกขัดก่อนที่จะชะงันไปเมื่อ...สายตาเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ดูคุ้นตาคนหนึ่งยืนอยู่ข้างสนามก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ เดินจากไปทางประตูโรงยิม
“เป็นอะไรไปอิสึกิ?” ฮิวงะที่เป็นว่าเพื่อนตนไม่ได้โวยหรือต่อมุขแปลกๆ อย่างปกติถามกลับอย่างแปลกใจ
“ฮิวงะ...ฉันมีบางอย่างที่ต้องไปดูเพราะงั้นขอตัวแป๊บ!!!” อิสึกิเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเดินออกนอกโรงยิมก็รีบลุกพรวดพราดแล้ววิ่งตามไป
“เฮ้ย!!! เดี๋ยว!!!” เสียงฮิวงะที่ลอยตามหลังมาหาได้ทำให้อิสึกิสนใจแม้แต่น้อย เจ้าตัวยังคงตามเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลต่อไปอย่างไม่ลดละเนื่องจากกลัวว่าจะคลาดสายตาจากอีกฝ่ายไป
...เด็กคนนั้น...
...เหมือนมาก...
...เหมือนคนในความฝันนั้น...
อิสึกิที่จำได้ดีว่าเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่ตนกำลังตามอยู่นี่เป็นคนเดียวกับที่ตนเห็นในความฝัน แม้จะไม่ได้เลือดท่วมตัวเหมือนกันก็เถอะ แต่เขาก็มั่นใจว่าเป็นคนคนเดียวกันแน่นอน...ชายหนุ่มตามเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่รู้สึกว่าความเร็วในการเดินมากเกินปกติไปมากเนื่องจากขนาดตนวิ่งยังตามไม่ค่อยทันไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดๆ หนึ่งที่ไม่มีทางใดให้ไปต่อได้อีกต่อไป...
...ดาดฟ้านั้นเอง
“นี่นาย...” อิสึกิที่วิ่งตามมาทันและประจันหน้ากับเด็กหนุ่มเพียงลำพังเอ่ยเรียกรั้งอีกฝ่าย
“คุณไม่ควรมาที่นี่...” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ย ดวงตาสีน้ำตาลใสของอีกฝ่ายมองมายังอิสึกืด้วยสายตาเศร้าสร้อย “...กรุณากลับไปเถอะครับ...ไปหาโค้ชและพวกรุ่นพี่”
“...หมายความว่าไง?” อิสึกิถามกลับอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของอีกฝ่ายและไม่ยอมหันหลังกลับไปตามคำเตือนของเด็กหนุ่ม...เพราะเจ้าตัวรู้สึกว่าไม่ควรหันหลังกลับในตอนนี้เด็ดขาด...
...ความรู้สึกเขาบอกว่า...ไม่ควรปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป...
“นี่คือคำเตือน หากคุณไม่กลับไปตอนนี้...” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเอ่ยและพริบตานั้น...ร่างของคนผมน้ำตาลก็ไปอยู่หลังรั้วกั้นของดาดฟ้าเสียแล้ว “...คนที่จะเสียใจ...คือคุณเอง”
“นี่นาย...” อิสึกิที่แม้จะเริ่มรู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะใช่มนุษย์ปกติอย่างคนทั่วไป แต่ก็ยังคงไม่คิดจะหันหลังหนีแล้วจะเอ่ยถามต่อไป
“ทั้งๆ ที่เตือนแล้วนะครับ...” คนผมน้ำตาลส่งยิ้มเศร้าๆ ให้ก่อนที่จะ...ทิ้งร่างลงไปยังความว่างเปล่าเบื้องหลัง
“เฮ้ย!!!?” อิสึกิเมื่อเห็นคนร่วงจากตึกไปตกหน้าต่อตาวิ่งพรวดไปที่ราวกั้นแล้วมองไปยังเบื้องล่าง ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า...ไม่มีร่องรอยอะไรบ่งบอกว่ามีร่างที่เหมือนมนุษย์ตกลงไปแม้แต่น้อย...
...พร้อมกันนั้นก็มีภาพบางอย่างแล่นแว่บเข้ามาในสมองของชายหนุ่ม...และจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป
...อื้อ...ที่นี่?...
ดวงตาสีดำกระพริบปริบๆ อย่างงุนงงเมื่ออยู่ๆ ตนมารู้สึกตัวอยู่ที่ในอาคารเรียนทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้อยู่ที่ดาดฟ้า แถมเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างยังเห็นนักเรียนจำนวนมากเดินเข้าโรงเรียนทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเสาร์แถมลักษณะพื้นด้านล่างนั้นหาได้เหมือนกับก่อนหน้านี้แต่กลับ...เหมือนกับในอดีตกาลเมื่อนานมาแล้ว...
...เซริน...เมื่อสิบปีก่อน?...
“ไหงมาอยู่นี่ได้วะ!?” อิสึกิที่จำได้ดีว่าลักษณะนอกหน้าต่างที่ตนเห็นยามนี้คือโรงเรียนเซรินเมื่อสิบปีก่อน ในสมัยที่ตนยังคงเรียนอยู่ที่นี่ก็แว๊ดลั่นขึ้นมา...อยู่ๆ ย้อนมาอดีตแบบนี้ไม่ตลกนะเฮ้ย!
“เฮ้ย!” เสียงร้องเรียกห้วนๆ ของใครบางคนทีดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมองยังต้นเสียง
“ฮิวงะ...” อิสึกิหลุดร้องออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเสียงเมื่อครู่มาจากเด็กหนุ่มผมดำสวมแว่นท่าทางเจ้ากี้เจ้าการ...ฮิวงะ จุนเปย์ในสมัยม.ปลายนั้นเอง
“อยู่ไหนกันหมดเนี่ย!?” ฮิวงะตะโกนลั่น ดวงตาหลังกรอบแว่นกวาดไปมาเพื่อตามหาอะไรสักอย่างแล้วเดินผ่านอิสึกิไปราวกับไม่ทันเห็นตัวตนของอิสึกิ
“ฮิวงะ! ทางนี้ๆ!” สิ้นเสียงของฮิวงะเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากมุมทางเดินมุมหนึ่งเดินมาหาฮิวงะด้วยท่าทีเริงร่า
“นั้นมัน...” อิสึกิชี้นิ้วสั่นๆ ไปที่ร่างของเด็กหนุ่มผมดำที่โผล่มา ซึ่งไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหนเลย
...ฉัน...ในสมัยม.ปลาย?...
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!?” อิสึกิที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้พยายามคว้าแขนของเพื่อนในสมัยม.ปลายไว้ ทว่า... “นี่!!!”
...มือนั้นกลับทะลุผ่านร่างตรงหน้าไป
“อะไรกัน...” อิสึกิมองมือตนเองก่อนที่จะพยายามคว้าแขนฮิวงะอีกรอบ...แต่ผลก็เหมือนเดิม มือของเจ้าตัวทะลุผ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไปราวกับกำลังคว้าอากาศอยู่ “...นี่มันอารายกานนนน!?”
...มาอยู่ในสภาพเหมือนผีแบนี้ไม่ขำนะเฮ้ย!!!...
“มาทำอะไรอยู่นี่ห๊า? แล้วมาทำอะไรอยู่นี่เนี่ย?” เสียงแว๊ดลั่นของฮิวงะดึงอิสึกิที่กำลังจะคลั่งกับเรื่องที่เจอให้กลับเข้าร่างมาอีกครั้ง
“มารอพวกคุโระโกะเล่นทดสอบความกล้ากันน่ะ” ชุน (ขอเรียกอิสึกิในอดีตแบบนี้เด้อ จะได้ไม่สับสน // s) ตอบกลับไปอย่างไม่กลัวโดนเพื่อนตัวเองถีบแม้แต่น้อย
“อีกแล้วเหรอ?” ฮิวงะคุมขมับ
...ฉากนี่...ทำไมรู้สึกคุ้นๆ แต่จำไม่ได้เลยหว่า?...
อิสึกิที่ได้แต่ชมสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆ เพราะจับต้องสิ่งใดไม่ได้คิดในใจกับความรู้สึกคุ้นเคยกับฉากนี่ หากแต่กลับไม่มีความทรงจำกับเกี่ยวกับเหตุการณ์ตรงหน้าหลงเหลือเลยแม้แต่น้อย
“แว๊ก!!!!” เสียงร้องที้ดังประสานกันทำให้ทำให้อิสึกิที่คิดอะไรเพลินๆ รวมทั้งเด็กหนุ่มอีกสองคนที่อยู่จุดเดียวกันสะดุ้งโหยง ก่อนที่...จะมีร่างของเด็กหนุ่มจำนวนหนึ่งวิ่งกรูเข้ามาแบบน่ากลัวกว่าหากเผลอขวางทางเด็กหนุ่มเหล่านี้เข้าจะโดนเหยียบตายเอา...และเด็กหนุ่มกลุ่มที่ว่าคือเหล่าสมาชิกทีมบาสเซรินทั้งหลายในครั้นอดีตนั้นแล
“เหวออะไรกันเนี่ย!?” ชุนหลุดร้องออกมาเมื่อเหล่าเพื่อนกับรุ่นน้องตนพุ่งเข้ามาเกาะจนแทบโดนทับแบน ส่วนฮิวงะนั้นด้วยความที่ทุกคนลืมสังเกตหรืออย่างไรก็ไม่ทราบถูกชนกระเด็นติดผนังไปแล้ว...เล่นซะอิสึกิที่ยืนชมอยู่รู้สึกว่าตนโชคดีเหลือเกินที่ไม่มีใครมองเห็นและไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ไม่งั้นคงโดนชนกระเด็นหรือโดนเหยียบแน่
“เกิดอะไรขึ้น!?” ฮิวงะที่โดนชนพยายามอดกลั้นความโกรธที่โดนมองข้ามไปเล็กน้อยแล้วถาทกลับไปเช่นนี้
“ผีๆๆๆ” แต่ล่ะคนตอบด้วยคำพูดง่ายๆ สั้นๆ ได้ใจความ สามารถบ่งบอกเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เหล่าเด็กหนุ่มจะหนีมาได้อย่างดี...และพอเหล่าคนที่เผ่นมาพูดจบ ทันใดนั้นก็มีมีข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจับบ่าฮิวงะ...
“ชะแว๊ก!!!!” ...เท่านั้นแหละ ฮิวงะก็หลุดร้องลั่นออกมาทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ ร้องลั่นกันไปทั้งกลุ่ม
“เดี๋ยวก่อนครับ...ผมเอง...” เสียงแว่วๆ ดังขึ้นพร้อมกับที่เด็กหนุ่มผมฟ้าที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีปรากฏตัวขึ้นมา
“นายเองเหรอคุโรโกะ! ตกใจหมด!!!” ฮิวงะแว๊ดลั่นใส่รุ่นน้องตัวเองที่เกือบทำตนหัวใจวายตาย
“ขอโทษครับ...” คุโรโกะเอ่ยหน้าตายสนิท
“นับวันยิ่งเหมือนผีจริง...” ชุนส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ “...แล้วฟุริล่ะ?”
...ฟุริ?...ใครกัน?...
ชายหนุ่มที่สภาพปานวิญญาณในขณะนี้ขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อตนในอดีตเอ่ยชื่อของใครบางที่ไม่รู้จัก ทว่ากลับคุ้นหูอย่างน่าประหลาด
“ตกใจสลบอยู่ที่ห้องเก็บของน่ะครับ” คุโรโกะสมัยม.ปลายตอบ
“แล้วนายก็ปล่อยฟุริไว้ที่นั้นเนอะ” ฮิวงะส่ายหน้าไปมา “เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะไปพาฟุริไปห้องพยาบาลเอง ส่วนพวกนายก็รีบกลับไปซ้อมก่อนที่โค้ชจะกลับมาเจอเถอะ”
“ฉันว่าฉันไปเองดีกว่าฮิวงะ ถ้าเกิดโค้ชกลับมาแล้วเห็นว่านายที่เป็นกัปตันทีมไม่อยู่จะวุ่นวายกว่าเดิมนะ” ชุนเอ่ย...ทางอิสึกิที่แอบยืนดูอยู่ก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยว่าหากโค้ชตนไม่เห็นฮิวงะคุมทีมแทนอยู่ล่ะก็คงได้เกิดหายนะแน่
“ก็จริง งั้นฝากด้วยแล้วกัน” ฮิวงะเองก็ไม่เถียงความจริงในข้อนี้
“โอเคๆ” ชุนพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินแยกกลุ่มไป ทางอิสึกิที่ไม่รู้จะทำอะไรก็ตามตัวเองในอดีตเล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงห้องเก็บของที่...ภายในห้องมีเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าปานซ้อมตาย (?) อยู่ ชุนทำหน้ายุ่งเล็กน้อยก่อนที่จะพลิกตัวคนที่สลบอยู่ให้หงายหน้าขึ้นก่อนที่จะขาดใจตายเสียก่อน “คุโรโกะนี่เล่นหนักจริงๆ นะเนี่ย”
“หมอนี่มัน...” อิสึกิเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่สลบภายในห้องนี่คือคนที่เขาเคยเห็นมาก่อนที่จะมาที่นี่...
...คนที่ดาดฟ้าก่อนหน้านี้นี่หว่า!?...
ดวงตาสีดำที่มิมีผู้ใดในที่นี่มองเห็นเบี่ยงสายตาตามร่างของตนในอดีตที่ค่อยๆ อุ้มร่างของคนที่สลบอยู่ขึ้นเพื่อพาไปยังห้องพยาบาลก่อนที่จะตัดสินใจตามติดตัวตนในอดีตของตนไปราววิญญาณตามติด
...ตกลงรายนี้สนิทกับเขามากขนาดนี้เลยเหรอ?...
ความคิดที่เต็มไปด้วยความสงสัยลอยไปภายในหัวของชายหนุ่มไม่หยุดหลังจากตามตัวเองยามม.ปลายมานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตลอดเวลาที่ตามมานี่อิสึกิรู้ได้เลยว่าครั้นอดีตตนสนิทกับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหรือฟุริฮาตะ โคกิคนนี้มากขนาดไหน...และนั้นทำให้ชายหนุ่มยิ่งสงสัยตัวเองว่าทำไมตนถึงจำเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เลย ทั้งๆ ยิ่งสนิทกันมากเท่าใดก็ยิ่งไม่น่าจะลืมไปจนหมดแบบนี้
“รุ่นพี่อิสึกิ...” ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นเสียงเรียกก็ดังขึ้น ทำให้อิสึกิสะดุ้งโหยงก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าในตอนนี้นั้นไม่มีใครเห็นคนและชื่อที่ถูกเรียกนั้นน่าจะเป็นการเรียกตนเมื่อสมัยม.ปลายเสียมากกว่า
“มีอะไรเหรอ?” ชุนเมื่อถูกเรียกขานรับไป
“คิดว่าคราวนี้คางามิจะรอดไหมครับเนี่ย?” ฟุริฮาตะถาม
“ไม่รอดก็ต้องรอดล่ะ” ชุนหัวเราะเสียงแห้งเมื่อนึกภาพว่าหากรุ่นน้องหัวสีเพลิงสอบตกขึ้นมา...นรกถามหาเป็นแน่แท้
...เล่นโดนโค้ชพยายามติวให้แบบนี้ยังไงก็ต้องผ่านล่ะ...
อิสึกิแอบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของตัวเองในอดีตเนื่องจากรู้ความโหดของเพื่อนสาวตนดีพลางมองเหล่าคนในชมบาสเซรินที่ยามนี้กำลังนั่งติวให้คนหัวทึบที่สุดในหมู่หรือคางามิที่มีสภาพปานตายเพราะโดนบังคับอ่านหนังสืออยู่
“เอา! วันนี้พอแค่นี้! คางามิคุงก็พยายามไปติวเพิ่มด้วยตัวเองล่ะ...ถ้าไม่ผ่านคงรู้ผลดีใช่ไหม? หึหึ” ทางริโกะที่รู้ว่ามีคนนินทาหรืออย่างไรก็ไม่ทราบแสยะยิ้มอย่างชวนหลอน
“ครับ!!!” หนุ่มๆ แต่ล่ะคนเมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ขานรับและแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วกันในทันที
...หลอนได้ใจมากโค้ช...
ชายหนุ่มยกนิ้วให้ความหลอนของเพื่อนสาวคนนี้จริงทีทำเอาทุกคนสลายโต๊กันได้อย่างรวดเร็วเพียงนี้ ก่อนที่จะวิ่งตามตัวเองในอดีตและฟุริฮาตะทีหนีจากโค้ชตนด้วยความเร็วไม่แพ้คนอื่นๆ ไป...หลังที่หนีจากเด็กสาวจนมั่นใจว่าจะไม่โดนลากกลับไปติวรอบสองได้แล้วทั้งสองก็กลับมาเดินเอื่อยๆ ตามปกติ ทุกอย่างก็ดูจะไม่มีอะไรต่างจากทุกทีที่อิสึกิตามสองคนนี้มาจนกระทั่ง...
“นี่...พ่อหนุ่มตรงนั้นน่ะ...” ...เสียงแหบพล่านของคนมีอายุคนหนึ่งดังขึ้นมาเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มสองและชายหนุ่มที่เป็นดังวิญญาณตามติดหันไปยังต้นเสียง “...เธอนั้นแหละ...คนผมสีน้ำตาลน่ะ”
“ผมเหรอครับ?” ฟุริฮาตะชี้ที่ตัวเองอย่างงงๆ ดวงตาสีน้ำตาลใสมองหญิงชราที่โผล่มาข้างตนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตาแป๋ว “มีอะไรเหรอครับคุณยาย”
“ช่วยนี้ระวังตัวหน่อยนะจ๊ะ โดยเฉพาะที่สูงๆ อย่างดาดฟ้าอย่าขึ้นไปเด็ดขาดไม่ว่ายังไงก็ตาม...จนกว่าจะผ่านช่วงสอบไปแล้ว” หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอ๊ะ?” ฟุริฮาตะส่งสีหน้างุนงงออกมา เช่นเดียวกับชุนที่อยู่ด้วยกันและอิสึกิที่มิมีผู้ใดมองเห็น
“ยายเตือนได้แค่นี้แหละ ไปก่อนนะพ่อหนุ่ม” หญิงชราเอ่ยเพียงเท่านี้ก่อนที่จะเดินจากไป
“...อะไรของยายเขาหว่า?” พอหญิงชราจากไปจนลับตาฟุริฮาตะก็เกาหัวตัวเองอย่างงงๆ
“ไม่รู้สิ” ชุนส่ายหน้าวืดประมาณว่าตนก็ไม่รู้เช่นกัน
...คำพูดของยายคนนั้น...ทำไมเหมือนเคยได้ยินกันนะ? และรู้สึกว่าจะมีเรื่องไม่ดีหลังจากนั้นด้วย...
ส่วนทางอิสึกินั้นคิดอย่างไม่เข้าใจในตัวเองนัก แต่ที่รู้แน่ๆ คือเขารู้มั่นใจว่าหลังจากนี้ต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่แท้
แต่ด้วยความที่คนต้นเหตุไม่อยู่ให้ถามแล้วทุกคนจึงตัดสินใจไม่เก็บคำพูดของหญิงชรามาคิดนักแล้วแยกย้ายไปกลับบ้านใครบ้านมัน ส่วนอิสึกิที่ยังสงสัยในคำพูดของหญิงชราจึงเลือกที่จะตามเด็กหนุ่มผมน้ำตาลกลับไปในคืนนี้...และในเช้าวันถัดมาก็เกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นเมื่อ...อิสึกิในวัยทำงานกลับไม่สามารถเข้าใกล้เด็กหนุ่มผมน้ำตาลในระยะสองเมตรได้เลย
“เอ๊ะ?” อิสึกิหลุดร้องออกมาอย่างแปลกเมื่อลองเดินเข้าไปหากี่ทีๆ ก็มีเหมือนเชือกที่มองไม่เห็นรั้งเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้
...ทำไม...วันนี้เข้าใกล้ไม่ได้ล่ะ?...
“ฟุริ? เป็นอะไรหรือเปล่า? หน้าซีดๆ...” ชุนที่ไม่เห็นตัวตนของอิสึกิที่พยายามเอาชนะเชือกที่มองไม่เห็นอย่างเอาเป็นเอาตายทักฟุริฮาตะในยามเช้าดังเช่นปกติ
“ไม่รู้สิครับ เหมือนสังหรณ์ไม่ดีชอบกล” ฟุริฮาตะตอบกลับไป
“ห่วงเรื่องคะแนนเหรอ? ไม่ต้องห่วงๆ ยังไงนายทำได้มากกว่าครึ่งแน่นอน!” ชุนเอ่ยอย่างเริงร่า
“ผมว่าไม่ใช่เรื่องนั้นนะครับ” ฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“โชคดีในการสอบนะฟุริ” เมื่อมาถึงบนอาคารเรียนอิสึกิก็โบกมือลาคนผมน้ำตาลเพื่อเข้าห้องสอบของตนเอง
“ครับ” ฟุริฮาตะพยักหน้ารับก่อนเดินจากไป ส่วนอิสึกิที่กำลังจะเดินตามฟุริฮาตะไปนั้นในคราวนี้กลับถูกบางอย่างรั้งอยู่ติดกับตนเองในอดีตเสียแทน...อิสึกิพยายามสู้กับสิ่งนั้นอยู่นานก่อนที่จะยอมแพ้ไปในที่สุดเพราะไม่อาจต้านสิ่งนี่ได้ เลยยอมอยู่ติดกับตัวตนในสมัยม.ปลายของตนไปอย่างจำยอม
หลังจากที่ทั้งคู่แยกกันไปเพียงไม่นานการสอบก็ได้เริ่มขึ้นตามเวลาที่กำหนด ทุกอย่างก็ดูเหมือนการสอบในทุกครั้ง...แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นเมื่อชุนที่ทำข้อสอบเสร็จเร็วแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง...
...กลับพบร่างของคนผมสีน้ำตาลที่คุ้นตาร่วงผ่านหน้าไป
“เฮ้ย!!!” ทั้งชุนทั้งอิสึกิหลุดร้องเสียงดังลั่นก่อนที่จะมีเสียงคนอื่นๆ ตามเป็นพรวน ทั้งเด็กหนุ่มทั้งชายหนุ่มผมดำรีบถลายื่นหน้าออกไปดูที่นอกหน้าต่าง...ภาพที่เห็นคือร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของฟุริฮาตะ โคกิ ข้อต่อต่างๆ ตามร่างกายบิดงอราวตุ๊กตาชักใย ดวงตาสีน้ำตาลหม่นแสงเบิกกว้างราวจับจ้องมาที่ตัวของผู้ที่มองมายังตน
...ตายแล้ว...เหรอ?...
...ทำไมกันล่ะ?...
...ก่อนแยกกันก็ยังปกติดีนี่? แล้วทำไม...
อิสึกิที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นคิดอย่างสับสน ส่วนทางชุนเมื่อเห็นร่างไร้ชีวิตของรุ่นน้องตัวเองก็ถึงกับลมจับไปเลยทีเดียว...จากนั้นไม่นานตำรวจที่ใครสักคนโทรไปแจ้งก็มาถึง การสอบก็ถูกระงับไป
การตายของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลนั้นส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากในโรงเรียนเพราะเจ้าตัวเป็นเด็กดี เข้ากับคนง่ายทำให้มีเพื่อนค่อนข้างมาจนไม่มีใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มจะเสียชีวิตด้วยอายุที่น้อยถึงเพียงนี้ และหลายๆ คนยิ่งรับไม่ได้ไปใหญ่เมื่อทางตำรวจได้สรุปว่าการตายของฟุริฮาตะ โคกิเป็นการฆ่าตัวตาย
...ทำไมกัน...ทำไม...
...อย่างหมอนี่ไม่มีทางหรอก...
...ไม่มีทางที่จะทำแบบนี้...
...งั้นทำไมล่ะ...
...ทำไมถึงตายล่ะ?...
อิสึกิที่ตามติดชาวบ้านปานวิญญาณมาตลอดกล้าพูดเลยว่าคนอย่างฟุริฮาตะ โคกิไม่มีทางฆ่าตัวตายอย่างที่ทางตำรวจบอกมาแน่และไม่มีทางเลยด้วย
“นี่...อย่างนายคงไม่มีทางฆ่าตัวตายหรอกเนอะ...” ชุนที่มาร่วมงานศพของรุ่นน้องตนเอ่ยเสียงแผ่ว “...ฉัน...จะไม่ยอมให้มันจบอย่างนี้หรอก คุณเองก็ด้วยใช่ไหมครับ?”
“แน่นอน...แม้พวกตาแก่จะสรุปคดีไปแล้ว แต่ฉันไม่ยอมให้คดีของน้องฉันจบลงแบบนี้หรอก” ชายหนุ่มผมน้ำตาลในชุดเครื่องแบบตำรวจเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์อย่างน่ากลัว
“งั้นเรามาร่วมมือกันไหมครับ?” อิสึกิหันมาถามผู้เป็นพี่ชายของรุ่นน้องตน
“แน่นอน...แต่ถ้าเจออันตรายเมื่อไหร่ต้องรีบหนีนะ เข้าใจไหม?” ชายหนุ่มผมน้ำตาลเอ่ยอย่างจริงจัง
“ครับ” ชุนพยักหน้ารับ
...ไม่มีทางที่จะทำตามที่พูดหรอก...
ชายหนุ่มคิดในใจด้วยความที่รู้นิสัยของตัวเองในอดีตดีคิด...เขามั่นใจว่าเขาคงไม่หนีแน่หากเจอคนที่ทำเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ เจ้าตัวมองร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังจะเดินจากไปที่ไหนสักแห้งแล้วจะตามไป...
...ทันใดนั้น...ภาพเบือนหน้าอยู่ๆ ก็บิดเบี้ยวก่อนค่อยๆ มืดลงราวกับมีคนมาปิดตาเอาไว้พร้อมเสียงกู่ร้องของใครบางคนที่ดังขึ้นมา
“อะไรอีกล่ะเนี่ย?”
‘อย่ามองนะ...’
‘กลับไปซะ...’
‘รีบตื่นเร็ว...’
‘อย่าจดจำมันอีกเลย...’
“ยังไงฉันก็อยากรู้ฟุริฮาตะ...ไม่สิ ฟุริ” อิสึกิที่จำเสียงได้และมั่นใจว่าคนที่รั้งไม่ให้ตนตามภาพตัวเองในอดีตไปคือใครเอ่ย “ขอล่ะ...ให้ฉันได้รู้ความจริงที”
...ถ้านายคือฟุริฮาตะ โคกิจริง...คงยอมทำตามคำขอฉันสินะ?...
‘...ถ้าจดจำได้แล้วคุณจะไม่ทำอะไรบ้าๆ อีกใช่ไหม?’ เสียงคำถามดังแว่วกลับมา
“ไม่หรอก” อิสึกิตอบรับไป
‘ถ้าทำไมไม่ได้ตามพูด ผมจะลบความจำคุณอีกครั้งแน่’ เสียงของฟุริฮาตะดังขึ้นคล้ายจำยอมกับความหัวดื้อของรุ่นพี่ตนเอง
...สรุปที่เขาจำเรื่องเกี่ยวกับรายนี้ไม่ได้เพราะแบบนี้เองเหรอ?...
อิสึกิถึงแม้จะสงสัยว่าตนไปทำอะไรอีท่าไหนที่ทำให้คนใจดีอย่างฟุริฮาตะถึงขนาดต้องลบความทรงจำของตนออกไปแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป จากนั้นไม่นาน...ภาพตัดกลับมาอีกครั้งราวกับกดข้ามโฆษณาคลิปในเน็ต คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในงานศพอย่างตอนแรกแต่เป็นภายในห้องสมุดของโรงเรียน ซึ่งมีชายหนุ่มผมน้ำตาลที่เป็นพี่ชายของฟุริฮาตะ ชายหนุ่มผมดำที่ทำหน้าเตรียด ชุนที่ทำหน้าราวโกรธแค้นใครบางคนมากกับเด็กสาวอีกคนที่ตัวอิสึกิเองก็ไม่รู้จักอยู่ บรรยากาศในตอนนี้เรียกได้ว่ามาคุมากถึงมากที่สุด
“ความผิดแกนั้นแหละ!” เด็กสาวที่อยู่ๆ ก็เอ่ยอย่างบ้าคลั่งใส่ชุน เล่นซะอิสึกิที่เพิ่งโผล่มาตามสถานการณ์ไม่ทันแล้วเอ๋อกินไปเลยทีเดียว “แกปฏิเสธฉัน...เพราะเด็กคนนั้นเองนิ!”
“ฟุริไม่เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย!” ชุนตวาดใส่เด็กสาวอย่างผิดวิสัยปกติไปอย่างสิ้นเชิง
“เกี่ยวไม่เกี่ยวฉันก็ฆ่าไปแล้วแหละ!” เด็กสาวเอ่ยพลางหัวเราะไปราวคนเสียสติ “เด็กคนนั้นก็ใจดีเหลือเกิน แค่ขอให้ปีนออกไปหาขอที่นอกรั้วกั้นบนดาดฟ้าก็ยอมง่ายๆ แบบนี้ไงถึงถูกฆ่า! ฮาๆๆๆๆ!!!”
“ไม่ต้องพูดแล้ว! ไปโรงพักเลย!” ชายหนุ่มผมน้ำตาลทำหน้าบิดเบี้ยวคล้ายพยายามไม่ให้ตนเผลอไปทำเรื่องไม่เหมาะสมกับอาชีพตนอย่างการทำร้ายคนอื่นเข้า
“ใจเย็นเว้ย ไอ้เคียว” ชายหนุ่มผมดำพยายามห้ามปราม “ฉันกับไอ้เคียวพายัยหนูนี่ไปโรงพักก่อนนะ ส่วนนายก็กลับบ้านไปซะ อย่าบ้าจี้คิดมากตามคำพูดของคนบ้าเลย”
“...” ชุนมองชายผมดำที่คุมตัวเด็กสาวออกจากห้องไปพร้อมกับชายหนุ่มผมน้ำตาลจนกระทั่งท้ายที่สุดภายในห้องก็เหลือเพียงชุนเพียงคนเดียว...และราวกับความอดทนทั้งหมดของเด็กหนุ่มจะสิ้นสุดลงพอดี หยาดน้ำใสเริ่มไหลรินออกจากดวงตา “อึก...ฉันขอโทษ...นายไม่น่าต้องมาตายเพราะฉันเลย ฟุริ...”
“...” อิสึกิมองภาพตรงหน้าเงียบๆ
“ฉันขอโทษ...” ชุนเดินไปที่หน้าต่างและ...เปิดบานหน้าต่างออก “...จะตามไป...เดี๋ยวนี้แหละ”
“เฮ้ย!” อิสึกิหลุดร้องลั่น...การมาเห็นตัวเองฆ่าตัวตายนี่ไม่ขำนะเฮ้ย!!!
“หยุด!” ก่อนที่เรื่องจากกลายเป็นฉากหนังโศกนาฏกรรม (?) อิสึกิก็เห็นร่างอันเลืองลางของใครบางคนวิ่งตัดหน้าตนไปกอดเอวของคนที่กำลังจะโดดลงจาหน้าต่างไป ซึ่งคนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น... “อย่าทำอะไรบ้าๆ นะครับ! รุ่นพี่อิสึกิ!!!”
...ฟุริฮาตะ โคกินั้นเอง
“...ฟุริ” ชุนหลุดร้องออกมามาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกแล้วในชีวิตนี้
“นี่ไม่ใช่ความผิดของรุ่นพี่หรอกครับ” ฟุริฮาตะในสภาพวิญญาณเอ่ย
“ไม่...นี่ความผิดฉัน...” ชุนเถียงกลับ “...เพราะงั้น...ให้ฉันได้ชดใช้เถอะ”
“ไม่ได้หรอกครับ” ฟุริฮาตะยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดตาของชุนเอาไว้ “หากแต่ถ้ารุ่นพี่โศกเศร้าเพราะเรื่องนี้...ผมว่าลืมเลือนเรื่องนี้เสียให้หมดสิ้นเถอะครับ”
“อ่ะ!” ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาจากมือของวิญญาณเด็กหนุ่มพร้อมกับร่างของชุนทรุดฮวบลงกับพื้นไป
“ขอโทษนะครับ...ต่อจากนี้ช่วยมีชีวิตแทนผมด้วยนะครับ” ฟุริฮาตะเอ่ยด้วยท่าทางเศร้าสร้อย
“อา...” อิสึกิหลุดครางออกมาเบาๆ ขณะที่ภาพตรงหน้าค่อยๆ สลายหายไปราวกับหนังเรื่องหนึ่งที่จบลงแล้ว “...เพราะแบบนี้สินะ...นายถึงลบความทรงจำของฉันออกไป”
“ตามนั้นแหละครับ”
“เหวอ!” อิสึกิที่ตอนแรกคิดว่าอยู่คนเดียวสะดุ้งโหยงแล้วหันขวับไปทางต้นเสียง...หรือก็คือเด็กหนุ่มผมน้ำตาลคนหนึ่งที่คุ้นหน้าซึ่งโผล่มาอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ตกใจหมด! คิดจะเลียนแบบคุโรโกะหรือไง?”
“ขอโทษครับ” ฟุริฮาตะส่งยิ้มแห้งๆ ให้ “แล้ว...เมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแบบนี้แล้ว คงไม่คิดทำอะไรบ้าๆ แบบตอนนั้นหรอกนะครับ?”
“ไม่หรอก ตอนนี้ฉันไม่ขาดสติยั้งคิดแบบนั้นหรอก” อิสึกิส่ายหน้าวืด...ในตอนนี้เขานั้นทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวนั้นสามารถรับมือเรื่องเลวร้ายกับข่าวได้ดี แม้ว่าข่าวที่ว่านั้นจะเป็นของคนใกล้ตัวก็ตามเถอะ
“งั้นก็ดีแล้วครับ” ฟุริฮาตะส่งยิ้มบางๆ มาให้ “แต่ขอบ่นหน่อยนะครับ...ทำไมเกิดนึกคึกตามผมมาได้ล่ะครับเนี่บ? ทั้งๆ ที่ปกติไม่มีใครเห็นผมแท้ๆ”
“ไม่รู้สิ ฉันแค่เห็นนายแล้วคุ้นๆ เลยตามไปเฉยๆ” อิสึกิยักไหล่น้อยๆ “ฉันต่างหากที่ต้องถาม...คิดบ้าอะไรโดดตึกเล่นเนี่ย?”
“เป็นกฎครับ...” ฟุริฮาตะถอนหายใจออกมาเบาๆ “...เพราะผมตายก่อนกำหนดเลยต้องตายแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันที่ตายของทุกปีครับ”
“...” อิสึกินิ่งเงียบไป...สรุปคือที่เขาเห็นฟุริโดดลงจากตึกจนเป็นเหตุให้จำเรื่องในอดีตได้เนี่ยเพราะบังเอิญมาที่นี่วันนี้เลยเผลอเห็นฟุริด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างแล้วดันตามมาที่นี่หรอกเหรอ? ...แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้เขามีเรื่องที่สงสัยมากกว่าอีกเรื่องหนึ่ง... “มีทางแก้ไหม?”
...นั้นคือวิธีการที่ทำให้รุ่นน้องตนหลุดจากความทุกข์นี้...คนดีอย่างฟุริเขาไม่อยากให้มาเจอเรื่องอะไรแบบนี้นานๆ หรอกนะ
“ไม่มีครับ มีอย่างมากก็แค่ช่วยให้หมดกรรมไปเกิดใหม่เร็วขึ้นเท่านั้น” ฟุริฮาตะเอ่ย
“ทำไง?” อิสึกิที่คิดว่าแค่ช่วยอีกฝ่ายได้สักนิดก็ยังดีเอ่ยถาม
“กรวดน้ำให้บ่อยๆ ก็แค่นั้นแหละครับ” ฟุริฮาตะตอบ
“งั้นเดี๋ยวทำให้ทุกวันเลย” อิสึกิเอ่ย...รู้สึกว่าที่คนโบราณว่าๆ กันมานี่จะเป็นเรื่องจริงแฮะและเขาคงไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงข้อนี้เลยหากไม่ติดว่าวิญญาณรุ่นน้องตนเองไม่เป็นคนมาบอกเนี่ย
“ถ้าแบบนั้นขอขอบคุณล่วงหน้าเลยแล้วกันครับ” ฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ “เอาล่ะ ถึงเวลาที่รุ่นพี่ต้องกลับไปแล้วล่ะครับ ปานนี้ทุกคนคงเป็นห่วงกันแย่แล้ว”
“อื้ม” อิสึกิพยักหน้ารับ...ถึงเขาไม่อยากจากอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่มันคงช่วยไม่ได้ล่ะนะ“หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่อีกครั้งนะ”
“เช่นกันครับ” ฟุริฮาตะยิ้มรับก่อนที่จะยื่นมือมาปิดตาอิสึกิเอาไว้ “ชอบ...นะครับ มีชีวิตแทนผมนานๆ ด้วยนะครับ”
“เฮ้ย! ขี้โกงนิ! ฟุริ!!!” อิสึกิร้องโวยวายขณะที่ทุกอย่างเริ่มมืดลงพร้อมกับสัมผัสของอีกฝ่ายเริ่มจางหายไป...
“อิ...สึกิ...สึกิ...อิสึกิ...” ...และแทนที่ด้วยเสียงของใครบางตนที่รู้จักดีดังขึ้นมาแทน “...อิสึกิ ชุน!!! แกตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะเฟ้ย!!! ไม่งั้นพ่อเอาคุกกี้ฝีมือโค้ชยัดปากจริงๆ ด้วย!!!”
“ตื่นแล้วจ้า!!!” อิสึกิที่มานอนกับพื้นเมื่อไหร่ไม่รู้ลุกพรวดขึ้นมาด้วยความที่ไม่อยากลองดีกับอาหารมหาภัย ดวงตาสีดำเบิกโพลก่อนกวาดไปรอบๆ ซึ่งยามนี้มีทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องตนกำลังยืนล้อมตนอยู่...ซึ่งแน่นอนหนึ่งในนั้นไม่มีฟุริฮาตะ โคกิอยู่ตามคาด เป็นตัวบ่งบอกว่าตนกลับมาสู่โลกแห่งความจริงมิใช่โลกที่คาดว่าเป็นโลกแห่งความทรงจำที่ฟุริฮาตะพาไปแล้ว
“เป็นคำขู่ที่ได้ผลชะงักจริงๆ” ฮิวงะที่เป็นคนเอ่ยคำขู่ก่อนหน้านี้เกาหัวตัวเองนิดๆ
“มาลองโดนเองไหม?” อิสึกิถามกลับทันควัน
“ไม่ล่ะ” ฮิวงะส่ายหน้าวืด...หากเขาเจอคำขู่นี่คงรีบลุกพรวดขึ้นมาเหมือนกันแหละ “แล้วนี่ไหงนายไปสลบอยู่บนดาดฟ้าได้ล่ะ?”
“...” อิสึกินิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยคำอธิบายง่ายๆ สั้นๆ ที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเข้าใจได้ออกมา “...ฉัน...เจอฟุริ”
“...” ฮิวงะรวมทั้งคนในชมรมสมัยที่ฟุริฮาตะ โคกิยังคงมีชีวิตอยู่ต่างเงียบกันไปในทันทีทุกสายตาจับจ้องมาที่อิสึกิอย่างอึ้งๆ “นาย...จำได้แล้ว?”
“อื้ม” อิสึกิพยักหน้าอย่างไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาที่ได้รับนัก เนื่องจากยามนั้นตอนที่เขาหลงลืมเรื่องฟุริฮาตะไปนั้นทุกคนต่างคิดว่าเขาคงสะเทือนใจมากจนร่างกายทำให้ตนหลงลืมเรื่องนี้ไปเองเลยพยายามที่จะไม่พูดถึงกันเพื่อกันไม่ให้เขาสติแตกจนทำอะไรบ้าๆ ลงไป...ถึงความจริงจะไม่ใช่ก็เถอะ “นี่ทุกคน...ช่วยอะไรฉันสักอย่างได้หรือเปล่า?”
...นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันทำให้นายได้แล้วสินะ ฟุริ...
จิ้ง...จิ้ง...
เสียงร่ำร้องเรไรของจั๊กจั่นในหน้าร้านที่แสนจะอบอ้าว ภายในสุสานแห่งใหญ่แห่งหนึ่งในเขตชานเมืองชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งกำลังย่านเท้าอย่างรีบเร่งเข้าไปพร้อมกับดอกทานตะวันสีเหลืองสดใสในมือ ก่อนที่จะมาหยุดที่หน้าป้ายหลุมศพหลุมหนึ่ง
“ไง...ขอโทษที่เพิ่งมาเยี่ยมนะ ฟุริ...” อิสึกิ ชุนยิ้มเศร้าๆ ก่อนที่วางดอกไม้ลงหน้าป้านหลุมศพ...นี่ผ่านมาเกือบปีแล้วนับตั้งแต่เขาจดจำเรื่องของฟุริฮาตะ โคกิได้และทำการขอร้องให้ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องตัวเองช่วยกรวดน้ำให้ฟุริฮาตะและเล่าความจริงในสิ่งที่ตนเจอไป ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเหลือเชื่อแต่ยังยอมทำตามประสงค์ของเขาเพราะทุกคนก็ไม่อยากให้ฟุริทรมานเหมือนกัน “...ตอนนี้นายไปเกิดหรือยังนะ? ฮาๆ ก็ถามไปงั้นแหละ นายคงตอบฉันไม่ได้นี่เนอะ”
“ใครว่าล่ะครับ”
“ชะแว๊ก!!!!” อิสึกิร้องลั่นเมื่ออยู่ๆ มีเสียงดังตอบรับตนและเมื่อมองขึ้นไปบนป้ายหลุดศพ...ก็เห็นร่างเลือนลางของด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลกำลังนั่งอยู่
“สวัสดีครับ” คนที่ทำให้ชาวบ้านตกใจแทบตายเอ่ยทักทายหน้าตาเฉย
“ฟ...ฟุริ...น...นี่นาย...” อิสึกิอ้าปากพะงาบๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ปรากฏมาไม่ใช่ใครอื่น...ฟุริฮาตะ โคกิที่ตนเอ่ยถึงลอยๆ เมื่อครู่นั้นเอง
“ครับ?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ อย่างน่ารัก
“นาย...มาอยู่นี่ได้ไง!?” อิสึกิถามเสียงดังลั่น...เขาคิดว่าฟุริเป็นวิญญาณติดที่ไม่สามารถออกมาที่อื่นได้เสียอีก! ไหงโผล่มาได้ฟะ!?
“ก็นี่หลุมศพผม ผมก็มาได้สิครับ” ฟุริฮาตะถามกลับอย่างกวนนิดๆ “มาเยี่ยมผมสินะครับ”
“มาป้ายของนานแล้วคิดว่ามาเยี่ยมใครล่ะ?” อิสึกิเมื่อโดนกวนมาก็กวนกลับอย่างไม่โกง (?) “แล้วนี่นายยังไม่ไปเกิดเหรอ?”
“กำลังจะไปครับ พอดีเห็นรุ่นพี่มาเลยแว่บมาหาก่อนน่ะครับ” ฟุริฮาตะตอบ
“กำลังจะไปเหรอ? เร็วดีนะ” จากนับสิบปีที่ฟุริฮาตะต้องทนรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ...แค่ปีเดียวจากที่เขาทำบุญกรวดน้ำให้นี่ถือว่าเร็วมาก
“ต้องขอบคุณรุ่นพี่นั้นแหละครับที่เล่นบอกให้ทั้งทีมกรวดน้ำให้ผมเนี่ย” ฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงเพื่อนและรุ่นพี่ตนเองที่ยกขโยกมาทำบุญกรวดน้ำให้ตนชุดใหญ่ แถมยังขยายวงไปหาคนอื่นๆ จนคนที่ช่วยกรวดน้ำให้เขาเกือบเกินร้อยคนต่อวันแล้ว
“ก็นะ” อิสึกิยักไหล่น้อย “ยังไงก็ขอให้โชคดีล่ะฟุริ”
“ครับ ไว้ผมจะกลับมาหารุ่นพี่นะครับ” ฟุริฮาตะเอ่ย
“อื่ม แล้วเจอกันและ...” ...ฉันรักนาย
“และ?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายค้างคำพูดบางอย่างเอาไว้
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ในการพบเจอกันครั้งสุดท้ายนี่อิสึกิไม่อยากให้มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเกินไปจึงเลือกปกปิดความในใจตนเอาไว้
“งั้นไปล่ะครับ แล้วเจอกันนะ” ฟุริฮาตะโบกมือน้อยๆ
“อื้ม แล้วเจอกัน” อิสึกิเอ่ย ฟุริฮาตะก็ยิ้มรับพร้อมกับที่ร่างกายจะเลือนลางและหายไปต่อหน้านักข่าวหนุ่มอย่างรวดเร็ว “ฉันจะรอนะ”
...ไม่ว่าเมื่อไหร่ นานแค่ไหร่ก็จะรอนะ...
ดวงหน้าติดหวานได้เพียงยิ้มเศร้าๆ แล้วมองขึ้นไปบนท้องนภาที่แสนสดใสเพียงลำพังและได้เพียงแต่หวังถึงวันที่ตนจะได้พบฟุริฮาตะ โคกิในฐานะมนุษย์อีกครั้ง...เพียงเท่านั้น
END
ความคิดเห็น