คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #235 : [YoshiKana] Shinyuu
Title : Shinyuu
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Moriyama (Yoshiki) x Yamazaki (Kanade)
Notes : เนื่องจากวันศุกร์ไม่ว่างเลยมาลงวันนี้แทนอีกแล้วจ้า คราวนี้ไม่วายและเป็นคู่แปลกจ้า555 ขอให้สนุกน้าาาาาาาาา
.....................................................................................
Shinyuu
...เธอรู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น...
...แต่ว่าก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกตัวเองได้เลย...
...มันคงดีกว่านี้หากเธอไม่ไดรู้สึก...
...กับหนึ่งในเพื่อนสนิทตัวเอง...
...เกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนไป...
...และหากคนคนนั้น...
...ไม่ใช่ไอ้คนจอมประหยัดพลังงานนั้นด้วย!!!...
ภายในผับแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในซอยเล็กๆ ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากมาย ณ หน้าเคาร์เตอร์เครื่องดื่ม หญิงสาวผมดำคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอลสีสวยในมือพลางมองบรรยากาศรอบๆ ...ไม่สิ ต้องบอกว่ามองไปยังจุดจุดหนึ่งอย่างไม่วางตาต่างหากล่ะ
“เออ...คานเดะซัง...” ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวเอ่ยเรียกหญิงสาวเบาๆ “...ทำไมวันนี้ดันโผล่มาแอบตีเนียนเป็นแขกล่ะครับ”
“อยากดื่มบ้างนิ” หญิงสาวผมดำนามคานาเดะตอบกลับไป
“งั้นคุณก็มาแบบปกติสิ อย่าแกล้งปลอมตัวเข้ามาแบบนี้สิครับ” บาเทนเด้อหนุ่มเอ่ย...ดูยังไงก็กำลังปลอมตัวชัดๆ จากปกติมักทำตัวห้าวๆ แต่งตัวปานผู้ชาย วันนี้กลับใส่ชุดหวานราวสาวหวานจนเขาเกือบทำแก้วหลุดมือเลยด้วยซ้ำ “แล้วที่สำคัญ...ไหงจ้องโยชิกิซังปานจะจ้องให้ทะลุแบบนั้นล่ะครับ?”
“เปล่าจ้องสักหน่อย” คานาเดะเอ่ยปฏิเสธพลางเหล่มองไปยังที่นั่งจดหนึ่งภายในร้าย...ที่เป็นมุมอับที่ปกติไม่ค่อยมีใครไปนั่ง ในยามนี้มีชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งด้วยท่าทางเป็นทางการซึ่งจนไม่เข้ากับบรรยากาศโดยรอบเอาเสียเลย
“จ้องสิครับ...เขม็งเลยด้วย...” ...จนผมกลัวว่าโยชิกิซังไปก่อเรื่องอะไรมาและทำให้คุณอยากฆ่ารายนั้นทิ้งเลย!!!
“ก็นะ” คานาเดะยักไหล่น้อยๆ
“นี่เจ๊...ตกลงเจ๊เป็นไรเนี่ย? ผีเข้าเหรอ?” ชายหนุ่มผมสีทองซึ่งเพิ่งแสดงดนตรีบนเวทีเสร็จเดินลงมาหาหญิงสาวที่ดูต่างจากเดิมไปมาก
“อยากโดนหักเงินเดือนใช่ไหม? ไอ้เรียว?” คานเดะแยกเขี้ยวใส่ผู้มาใหม่
“ไม่ล่ะครับ” เรียวรีบส่ายหน้าวืด “มิกะ ช่วยฉันด้วย...”
“ปากเสียใส่คานาเดะซังเองนิครับ ช่วยไม่ได้นะครับ” บาเทนเด้อหนุ่มนามมิกะหรือชื่อเต็มๆ ว่ามิคารุสวนกลับไปทันควัน เป็นเชิงบอกว่าตนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
“มิกะเย็นชาวุ้ย!” เรียวโวยกลับอย่างไม่จริงจังนัก “แล้วนี่เจ๊อยู่ๆ เป็นอะไรเนี่ย? ถึงแต่งตัวหวานซะขนาดนี้ล่ะ?”
“มีสาวมาตามตื้อไอ้โยชิกิ มันเลยให้ฉันมาเล่นบทเป็นแฟนมัน” คานาเดะอธิบาย
“...” สองหนุ่มนิ่งเงียบไปเมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ “...แล้วเจ๊...ไม่เป็นไรเหรอ?”
“หื้อ? อะไร?” คานาเดะถามกลับอย่างงุนงง
“ที่ต้องมาแสดงแบบนี้ไงครับ...” มิคารุเอ่ย “...ที่ต้องมาเล่นบทคนรักกับคนที่ ‘แอบชอบ’ เนี่ย”
“...ไม่เป็นไรหรอกน่า” คานาเดะยักไหล่น้อยๆ พลางมองไปยังคนผมสีดำเหลือบเขียวที่ส่งสัญญาณบางอย่างมาให้ตน “ไปล่ะ ไอ้โยชิกิส่งสัญญาณให้ไปเล่นบทแฟนมันล่ะ”
“...เฮ้อ” ชายหนุ่มทั้งสองมองสาวเจ้าที่ลุกขึ้นเดินจากไปได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“คานาเดะซังนี่ลำบากน่าดูนะครับ ว่าไหมเรียว?” มิคารุเอ่ยเปิดประเด็นขึ้นมา
“ฉันก็ว่างั้น...ลำบากที่ต้องมาหลงรักไอ้เฉื่อยความรู้สึกช้าอย่างไอ้โยชิกิเนี่ย” เรียวเอ่ย...อีแบบนี้เจ้านายเขาจะมีโอกาสสมหวังไหมเนี่ย? อีกฝ่ายพวกประหยัดพลังงานขนาดนี้ ส่วนเจ๊เองก็ดันชอบใช้ความรุนแรง (?) แบบตรงข้ามกันสุดๆ เนี่ย?
“ถ้าเป็นคนปกติกว่านี้คงง่ายกว่านี้เนอะ” มิคารุคิดว่าหากเจ้านายเขาไปชอบคนที่ปกติกว่านี้ อะไรๆ คงง่ายขึ้นเยอะ...ก็ดัน ‘ไม่ปกติ’ กันทั้งคู่เลยไม่รู้จะช่วยยังไงเลยนิ
“นั้นสินะ” เรียวพยักหน้ารับพลางถอนหายใจออกมาอีกละรอบ
...ง่วง...อยากนอนชะมัด ทำไมเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย?...
ความคิดอันง่วงงุนดังก้องไปมาภายในหัวของชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวที่ทำหน้านิ่งสนิทแม้หญิงสาวที่เป็นคู่สนทนานั้นจะพยายามชวนคุยมากเท่าไหร่ก็ตาม...นี่หากไม่ติดว่าเป็นลูกค้าของทางบริษัทเขาคงเผ่นไปนานแล้ว เอาตามจริงในยามนี้โมริยามะ โยชิกินั้นรู้สึกอยากหนีจากตรงจุดจุดนี้อย่างมากถึงมากที่สุดเมื่อฝ่ายตรงข้ามนั้นพยายามขายขนมจีบใส่ตน...
...ที่จริงมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาสาวเจ้าจอมตื้อนี่ ตื้อซะจนขนาดคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรอย่างเขายังรำคาญเลย
...นี่เขามีอะไรน่าสนใจนักนะ? ถึงตามกันเนี่ย...แล้วทำไมถึงตามติดเขาขนาดนี้ทั้งที่ปกติ หากเห็นเขาเฉยๆ นานๆ เข้าหน่อยก็หนีไปหมดแล้วแท้ๆ...
“คุณโมริยามะค่ะ ลองนี่ไหมคะ?” หญิงสาวสุดเซ็กซี่ข้างกายเอ่ยด้วยน้ำเสียงยั่วยวน
“ไม่” แต่ความเซ็กซี่นั้นไม่มีผลต่อนายโมริยามะ โยชิกิแม้แต่น้อยแถมนั้นทำให้โยชิกิยิ่งรีบส่งสัญญาณให้เพื่อนสาวตนที่เตี๊ยมกันไว้ว่าให้เล่นบทแฟนหลอกๆ ให้มาเร็วๆ ...
...คานะเดะ...ช่วยมาเร็วๆ ทีเถอะ!!! ง่วง!...
“โยชิกิ...” ราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องในใจของโยชิกิ หญิงสาวผมดำก็ปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆ คนผมดำเหลือบเขียวในทันใด
“คานา...เดะ?” โมริยามะมองสาวเจ้าอย่างไม่แน่ใจนัก...ทำไมดูน่ารักฟะ!? ปกติคานาเดะต้องดูเหมือนหนุ่มหน้าหวานไม่ใช่เหรอ!?
“คิดว่าใครล่ะ? เปลี่ยนลุกท์หน่อยจำไม่ได้หรือไง?” สาวเจ้าตอบกลับมาอย่างกวนๆ และนั้นทำให้โยชิกิฟันธงได้เลยว่ารายนี้คือเพื่อนสาวของตนเป็นแน่แท้
“โมริยามซัง...นี่ใครค่ะ?” สาวเจ้าที่นั่งข้างๆ โยชิกิเอ่ยถามเสียงหวาน...แต่ภายในน้ำเสียงนั้นแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“แฟน” โยชิกิตอบกลับไปสั้นๆ ง่ายๆ
“...เหรอค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับเชิงเข้าใจแต่สายตากลับค้อนมาที่คานาเดะอย่างปิดไม่มิด และท่าทางแบบนั้นทำให้คานาเดะรู้สึกอยาก ‘เล่น’ ขึ้นมานิดๆ เลยทิ้งตัวนั่งลงข้างโยชิกิแล้วกอดแขนหนุ่มอย่างออดอ้อน
“เฮ้...ยัยนี่ดูท่าต่อให้นายมีแฟนก็คงไม่ยอมเลิกลานะ” คานาเดะที่ตีบทแตกมากเอ่ยกระซิบกับเพื่อนตนที่ตัวแข็งทื่อเนื่องจากไม่คิดว่าตนจะมามุขนี้...เห็นแล้วอยากแกล้งอีกเยอะๆ แฮะ นานๆ ทีไอ้เฉื่อยนี่จะหลุดสักที
“คงงั้น” โยชิกิดึงสติกลับเข้าร่างได้อย่างรวดเร็ว “เอาไง...ต่อ?”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจัดการให้...นายเองก็หัดทันผู้หญิงสมัยนี้มั่งเถอะ” คานาเดะกรอกตาไปมา...โธ่ ฟื้นตัวเร็วชะมัด คิดว่าจะแกล้งได้นานกว่านี้แท้ๆ
“จะพยายาม” โยชิกิเอ่ย
“คุยอะไรเหรอคะ? คุมิคุยด้วยสิค่ะ” หญิงสาวที่นั่งอีกด้านของโยชิกิถามขึ้นเมื่อสองหนุ่มสาวพากันคุยกันเสียงเบาจนตนไม่สามารถได้ยินได้
“ส ใส่เกือกค่ะ” คานาเดะส่งยิ้มหวานให้สาวเจ้านามคุมิ ก่อนที่จะกอดแขนโยชิกิแน่นกว่าเดิม “และเลิกขายขนมจีบใส่แฟนฉันด้วยค่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือนน้าาาา”
“...คานะ...เนียนไปไหม?” โยชิกิเริ่มเหงื่อตกนิดๆ เมื่อหน้าอกนิ่มๆ ของอีกฝ่ายเบียดแขนตน...นี่เขาต่อให้เฉื่อยยังไงก็ผู้ชายนะ! เกรงใจกันมั้งเถอะ!!!
“เนียนๆ นี่แหละดีแล้ว...” คานาเดะเอ่ย...ถึงจะไม่ใช่ของจริง แต่เธอก็อยากคบไอ้เพื่อนบ้านี่ในฐานะคนรัก...
...แค่เพียงชั่วคราว...ก็ยังดี
“แต่หน้าอกเธอเบียดแขนฉันแล้ว” โยชิกิเอ่ยเตือน
“นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า” คานาเดะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เป็นสิ...มากด้วย...” โยชิกิถอนหายใจออกมาเบาๆ กับท่าทีไม่ใส่ใจในเรื่องที่ควรอย่างนี้“...หากเล่นบทกับเคียว...ก็ทำงี้?”
“อย่างไอ้เคียวมันไม่ให้ฉันช่วยหรอก มันไปขอเมียมันนู้น” คานาเดะมั่นใจเลยว่าหากเพื่อนอีกคนของตนนั้นเจอปัญหาแบบโยชิกิ คงไม่มาขอความช่วยเหลือจากเธอหรอก คงไม่ขอเมียมันเองเสียมากกว่า
“ก็จริง” โยชิกิไม่เถียงว่าที่สาวเจ้าพูดมาเป็นความจริง...จากนั้นก็ตัดสินใจให้คานาเดะจัดการเรื่องต่อจากตนเพราะดูจากสีหน้าสาวเจ้าแล้ว โยชิกิก็เดาได้ไม่ยากว่าเพื่อนสาวตนอยากเล่นอะไรอีกแหง เลยปล่อยๆ ไป
ทั้งสามพากันกิน ดื่มและคุยเลยกันไป...โดยหลักๆ คือโยชิกิกับคานาเดะคุยกัน ส่วนอีกหนึ่งสาวพยายามจะชวนโยชิกิคุยแต่โดนเมินนั้นเอง
“ไปห้องน้ำแป๊บ เดี๋ยวมา” หลังจากที่ดื่มมานาน คานาเดะก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ...ซึ่งสาเหตุจริงๆ ไม่ใช่ไปทำธุระส่วนตัวหรืออะไรหรอก แค่รับรู้ถึงสายตาที่ปานจะขบหัวตนเลยจะลองย้ายตัวเองไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนเพื่อดูว่าหญิงสาวที่มาตามจีบเพื่อนตนจะทำไงต่อเท่านั้นเอง...ถ้าให้เดาคงจะตามเธอไปด้วยเพื่อสะสางกันแน่
“คุมิไปด้วยค่ะ” และก็เป็นดังคาด คุมิขอตามคานาเดะไปด้วย ซึ่งตัวสาวผมดำเองก็หาได้ใส่ใจแล้วเดินนำไป ส่วนทางโยชิก็แค่มองสองสาวเดินจากไปนิดๆ ก่อนที่จะนั่งดื่มต่อเพราะรู้ดีว่า...คนปกติธรรมดาอย่างคุมิทำอะไรเพื่อนสาวตนไม่ได้แน่ เลยปล่อยๆ ไป
ณ ภายในห้องน้ำหญิงที่สะอาดจนน่านอนกลิ้งเล่น (?) หญิงสาวสองคนกำลังยืนประจักษ์หน้ากันอยู่โดยสาวผมดำกำลังยืนยิ้มกวนบาทาแบบจงใจยั่วให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธ ส่วนอีกคนทำหน้าเหมือนแค้นอีกฝ่ายมาตั้งแต่ชาติปานไหน
“ไง...มีเรื่องจะคุยกับฉันสินะ?” คานาเดะยักคิ้วกวนๆ “มีอะไรก็รีบพูดมา ลีลามากเสียเวลา”
“คุณน่ะ...เลิกกับโยชิกิซังซะเถอะค่ะ คุณไม่เหมาะสมกับเขาหรอก” คุมิเอ่ยเสียงเข้ม
“เรื่องสิ พูดอย่างกับเธอเหมาะสมนักแหละ” คานาเดะเดาะลิ้นเบาๆ ...จะว่าไงดีเนี่ย? มาบอกให้คนเขาเลิกกันเพื่อให้ตัวเองเสียบแทนเนี่ยนะ? สติดีอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
“อย่างน้อยก็มากกว่าคุณ” คุมิสวนกลับไป
“เหรออออ” คานาเดะลากเสียงยาว “แต่ฉันว่าคนชอบแย่งของคนอื่นอย่างเธอน่ะ...ไม่เหมาะสมสักนิดเลยวะ”
“งั้นคอยดู” คุมิเอ่ยก่อนที่จะ...เปิดก๊อกน้ำแล้วเอาหัวตัวเองมุดเข้าไปในอ่างล้างมือ จนทั้งศรีษะเปียกโชกพร้อมส่งเสียงร้องออกมา “กรี๊ดดดดดด!!!”
“เฮ้ยๆ เล่นมุขตามนิยายน้ำเน่าหรือไง?” คานาเดะมองภายตรงหน้าแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่มีท่าทีตื่นตนกหรือคิดจะหนีออกจากที่เกิดเหตุแม้แต่น้อย
“เกินอะไรขึ้น?!” เวลานั้นเองการ์ดหญิงของทางผับที่มารักษาความปลอดภัยในส่วนที่เฉพาะผู้หญิงเข้าได้เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงร้อง
“ช่วยด้วยค่ะ! ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายฉัน!” คุมิที่เห็นว่ามีคนมารีบพุ่งหาการ์ดสาว พยายามทำให้ตนดูน่าสงสารเพื่อทำให้ตนเหมือนเป็นผู้เคราะห์ร้าย
“เฮ้ๆ ดูดีๆ สิ...คิดว่าถ้าฉันทำจะจบลงแค่นี้เหรอ?” คานาเดะเอ่ยกับการ์ดสาวเผื่อว่าอีกฝ่ายจำตนในลุกท์ใหม่ไม่ได้
“...นี่คุณจะไปหาเรื่องปีศาจในร่างคนนี่ทำมายยยยยย?!” การ์ดสาวแทบอยากเอาหัวโขกผนังตายเมื่อรู้ว่าคนที่มาขอความช่วยเหลือตนกำลังหาเรื่องใคร...ให้ตายเถอะ! นี่มีคนบ้าหาเรื่องคนที่เรียกได้ว่าปีศาจแบบนี้ด้วยเหรอ!? แล้วนี่ไม่รู้หรือไงว่าวิธีจัดการคนของรายนี้ไม่มีทางจบลงแค่เอาหัวล้างน้ำน่ะ!? หากสาวเจ้าเป็นคนทำจริงปานนี้คงได้นอนโรงพยาบาลหรือโลงไปแล้ว! ไม่ได้มาโวยวายแบบนี้หรอก! “ถ้านี่ฉันเป็นตำรวจจริงๆ คุณได้ติดคุกข้อหาแจ้งความเท็จแล้วนะ!”
“นี่ฉันพูดจริงนะค่ะ!” คุมิเถียงกลับเมื่อการ์ดสาวไม่เชื่อตน นัยน์ตาดูหวั่นไหว...คาดว่าคงใช้วิธีนี้มาหลายคราวและสำเร็จ เลยคล่องใจว่าทำไมคราวนี้กลับมีคนไม่เชื่อตน
“ถ้าจะโกหกไปโกหกกับคนอื่นไป!” การ์ดสาวตวาดลั่นทำให้คุมิสะดุ้งโหยงแล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ก่อนที่จะวิ่งหนีไป “ให้ไปตามจับโยนออกไปนอกร้านเลยไหมคะ?”
“ปล่อยไว้ก่อน อยากดูละครน้ำเน่า” คานาเดะเอ่ย
“...คุณคงคิดอะไรแผลงๆ อีกสิท่า” การ์ดสาวถอนหายใจเบาๆ กับเจ้านายตนคนนี้...มักชอบเล่นอะไรแปลกๆ ตลอด สิน่า ว่าแต่ทำไมคราวนี้เล่นในเวลางานนะ? ปกติมักเล่นในช่วงร้านไม่เปิดหรือไม่ก็เฉพาะกับเพื่อนที่เรียนต่อสู้ด้วยกันนิ?
“ไม่รู้สินะ” คานาเดะยักไหล่น้อย
“เริ่มกวนแบบนี้ติดนิสัยเคียวซังมาหรือไงคะ?” การ์ดสาวบ่นขึ้นมาเบาๆ
“ก็นิดหน่อย” คานาเดะตอบก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำอีกคนเพื่อดูว่ายามนี้คุมิพยายามใส่ร้ายป้ายสีตนขนาดไหนแล้ว...และเมื่อเดินไปถึงตรงส่วนตัวผับก็เป็นดังคาด ก็เห็นหญิงสาวนามคุมิพยายามบอกผู้คนว่าตนโดนทำร้าย เสียแต่ทว่ากลับมีคนเชื่อไม่ถึงห้าคนจากทั้งผับเพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำซึ่งรู้ฤทธิความโหดของคานาเดะดี...
...แน่นอนด้วยความโหดของคานาเดะที่เป็นเจ้าของร้าน ไม่มีใครสิ้นคิดมาทำร้ายกันหรือก่อเรื่องในผับนี้แน่นอน!!!
“ทำไมไม่เชื่อคุมิกันล่ะคะ!? คุมิถูกแฟนของโมริยามะซังทำร้ายจริงๆ นะ!” คุมิทำหน้าราวกับจะร้องไห้เมื่อมีคนเชื่อตนน้อยมากถึงมากที่สุด พลางไปเกาะแขนโยชิกิเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร
“ไม่เชื่อ...” โยชิกิสลัดมือที่เกาะคุมแขนตนออกได้อย่างรวดเร็ว “...คานเดะ...ไม่ทำแค่นี้”
“ใช่...เจ๊แกไม่มีทางลงมือแค่นี้หรอก” เรียวที่แอบมาร่วมวงเมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาเอ่ยเสริม
“ถ้าคานาเดะซังทำแค่นี้คงแปลกล่ะครับ...เล่นไม่มีใครธรรมดาเลยทั้งกลุ่มเนี่ย?” มิคารุมองภาพหญิงสาวที่พยายามป้ายร้ายเจ้านายตนพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“นี่เล่นบ้าอะไรเนี่ย? ถึงพยายามใส่ร้ายคนเกินคนแบบนั้น...” ชายหนุ่มผมดำที่ก่อนหน้านี้แสดงดนตรีบนเวทีและลงมาส่ายหน้าไปมาเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังโดนใส่ร้ายอยู่นั้นคือเจ้านายตนเอง
“ไม่เชื่อหรอกกกก” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองคนหนึ่งลากเสียงยาวอย่างไม่เชื่อเด็ดๆ
“ทำไมพวกคุณไม่เชื่อสาวน้อยคนนี้ล่ะครับ?” ชายหนุ่มตัวประกอบ (?) ที่ดูจะเป็นคนที่เพิ่งเคยเข้าผับนี้ครั้งแรกเอ่ยถาม
“ก็ที่นี่ไม่มีทางที่จะมีคนสิ้นคิดมาก่อเรื่องน่ะสิ!!!” ทั้งแขกทั้งพนักงานภายในร้านต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน
“หมายความว่าไง?” ชายหนุ่มอีกคนที่ไม่รู้ถึงติกิศัพท์ของที่นี่ถาม
“หมายความว่า...เจ้าของที่นี่โหดไง!” แทบทุกคนภายในผับตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียง
“เฮ้ๆ คำว่าโหดเนี่ยไปใช้กับไอ้เคียวนู้น ฉันยังปกตินะ” คานาเดะที่ดูละครจนพอใจแล้ว (?) โดดเข้ามาร่วมวงอีกคน
“เฮ้ย! เจ๊!? มาให้ซุ่มให้เสียบ้างเถอะ!!!” เรียวที่ยืนอยู่ใกล้จุดที่คานาเดะโผล่มามากที่สุดสะดุ้งโหยงจนแทบล้มหน้าทิ่ม
“ก็นะ...” คานาเดะยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก
“คนคนนี้แหละคะที่ทำร้ายฉัน!!!” คุมิเมื่อเห็นคานาเดะโผล่มาด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวจึงแสดงเป็นผู้เคราะห์ร้ายทันที
“...จะโกหกก็ให้้เนียนได้ไหม!? แล้วนี่จะไปหาเรื่องพวกเกินคนทำมายยยยย!?” คราวนี้คนแทบทั้งผับที่ไม่เชื่อที่สาวเจ้าว่าอยู่แล้วต่างฟันธงร้อยเปอร์เซ็นว่าที่คุมิพูดนั้นโกหก! เพราะหากเป็นแขกที่มาที่นี่เกินสองครั้งย่อมรู้ดีว่าคานาเดะเป็นเจ้าของผับแห่งนี้และโหดบรรลัยเกินสามัญสำนึกของมนุษย์ไปไกลแล้ว!!!
“เกินคน?” ตัวปลากรอบ (?) คนเดิมเอ่ยอย่างงุนงง
“ก็แบบว่า...ไม่เหมือนคนปกติเท่าไหร่ไง” เรียวอธิบายแบบง่ายๆ ให้อีกฝ่าย...เผื่อว่าพวกนี้จะเลิกทำอะไรสิ้นคิดอย่างการหาเรื่องเจ้านายตนอ่ะนะ
“...” ชายอีกคนหนึ่งที่เชื่อคำพูดของคุมิมองคานาเดะตาเขม็งก่อนที่จะ...พุ่งเข้าไปโจมตีในทันใดแบบไม่ให้ใครทันได้ตั้งตัวทั้งสิ้น ทว่า...
โครม!
...คานาเดะกลับจัดการคนที่พุ่งเข้ามาทำร้ายตนได้ในพริบตา...แถมจัดการซะอีกฝ่ายอยู่ในสภาพเหมือนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ด้วย
“อะไรกัน...เห็นพุ่งเข้ามาคิดว่าจะเก่งกว่านี้ซะอีก” คานาเดะบ่นน้อยๆ
“เจ๊...เก่งกว่าเจ๊แบบเหนือไปเลยคงมีแต่คิโยมิซังกับยูโตะซังแล้ว” เรียวไม่คิดว่าจะมีคนปกติธรรมดาที่ไหนสู้รายนี้ได้หรอก มีที่สูสีหน่อยก็พวกสองหน่อที่เรียนต่อสู้ในระดับเดียวกับอาเจ๊ แต่ถ้าให้เก่งกว่าไปเลยก็คงมีแค่สองคนนี่แหละ
“ก็จริง” คานาเดะไม่เถียงว่าคนที่เหนือกว่าตนจริงๆ เท่าที่รู้มีเพียงสองคนที่ว่าเท่านั้น
“นี่เธอ!” นายตัวประกอบใช้แล้วทิ้ง (?) มองหญิงสาวที่ดูไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้วเกิดอาการคิ้วกระตุกและ...
“โอ๊ะ?” ...ชักมีดขึ้นมาหมายจะแทงคานาเดะ! แต่...ขอโทษ ไม่ทันถึงตัวสาวเจ้าก็ทำการเตะมีดออกจากมืออีกฝ่ายพร้อมเตะหน้าคนที่จะทำร้ายตนสลบเมือดไปในทันใด เท่านั้นไม่พอหลังจากการคนที่หมายทำร้ายตนเรียบร้อยแล้วก็ยังไปแว๊กเหล่ายามที่หน้าประตู “ไอ้คนตรวจอาวุธโว้ย!!! แกให้ไอ้นี่เอามีดเข้ามาได้ไงยะ!? หักเงินเดือนสามเดือน!!!”
“ผมขอโทษครับเจ๊!!!” ตัวต้นเหตุที่โดนเอ่ยถึงเมื่อครู่รีบขอขมา (?) เจ้านายสุดโหดของตนทันทีพลางหวังว่าหักเงินเดือนที่สาวเจ้าว่าจะไม่หักเกินครึ่ง ไม่งั้นตนได้กินแกรบไปตลอดดือนแน่
“บอกแล้วว่าอย่าแอบฟังบอลไปทำงานไป...พลาดเลยเห็นไหม...” เพื่อนที่ทำหน้าที่เดียวกันถึงกับน้ำตาตก...เนื่องจากรู้ว่าอาเจ๊ต้องพวงคนทำหน้าที่นี้ทั้งหมดไปด้วยแหง เพราะงั้นหมายความว่าตนนั้นก็โดนด้วยนั้นเอง
“มา...อีกตัวมาเลย” คานาเดะเมินเสียงโอดครวญของคนโดนหักเงินเดือนไปแล้วหันไปกวักมือเรียกชายหนุ่มอีกคนผู้หลงเชื่อคำของคุมิที่ยังเหลืออยู่ให้มาสู้กับตนให้จบๆ ไปซะ
“เดี๋ยว...ผมไม่ได้จะสู้กับคุณนะ” ชายหนุ่มที่กลัวโดนอัดแบบคนสองก่อนหน้าเอ่ย
“งั้นมีอะไรว่ามา” คานาเดะเอ่ย...ถ้าไม่ทำเธอก่อนเธอก็ไม่สวนกลับหรอก เว้นแต่กับไอ้พวกเพื่อนๆ ไม่ปกติของเธอล่ะนะ
“คุณทำร้ายหญิงสาวคนนี้จริงหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถาม
“เปล่า ยังนี้เอาหัวจุ่มน้ำเอง ฉันไม่เกี่ยว” คานาเดะยักไหล่น้อย
“จริงหรือครับ?” ชายหนุ่มหันกลับมาถามคุมิที่ยามนี้มาหลบหลังตนแล้ว
“ไม่จริงนะคะ!!!” คุมิยังคงให้การปฏิเสธ (?)
“เหรออออออ” เสียงหวานๆ ลากยาวปนกับเสียงหัวเราะเล็กน้อยดังขึ้นมาขัดการสนทนานี่ “แสดงไม่เนียนแล้วยังดันทุรังต่ออีก...ไปเรียนการแสดงใหม่ไหม”
“อะจึ๋ย! อาจารย์!? มาเมื่อไหร่เนี่ย!?” คานาเดะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้ที่เอ่ยขัดบทสนทนาเมื่อครู่คือหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งที่คุ้นตา...หรือก็คืออาจารย์สอนต่อสู้ของตนนั้นเอง
“ตั้งแต่เริ่มเล่นบทแฟนไอ้โยชิกินั้นแหละ” หญิงสาวผมสีน้ำผึ้งหรือมิยาจิ คิโยมิผู้เป็นอาจารย์ของคานาเดะกับโยชิกิเอ่ย
“แสดงว่า...ตั้งแต่แรก...” โยชิกิทำหน้าเหมือนปลงสุดแสน...ทำไมอาจารย์หากคิดจะแอบมาพวกเขาไม่เคยรู้ตัวก่อนสักทีนะ!?
“ถูก ไอ้ยูโตะกับไอ้เคียวก็มา” คิโยมิเอ่ยพร้อมกับชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งจะเดินมาส่งยิ้มให้คานาเดะและโยชิกิพร้อมกับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่งที่เดินตามมาติดๆ
“โย่ เจ๊คานะและ...” ชายหนุ่ผมน้ำตาลเอ่ยทักคานาเดะกก่อนที่จะเหล่มองยังชายหนุ่มที่คุมิหลบอยู่ด้านหลังซึ่งหน้าเริ่มลงทุกขณะ “...สวัสดีไอ้เด็กใหม่!”
“ร...รุ่นพี่ฟุริฮาตะ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าราวกับไร้เลือดไปล่อเลี้ยง เม็ดเหงื่อจำนวนมากเริ่มแตกพล่านๆ
“รู้จัก?” โยชิกมองชายที่หน้าซีดสลับกับเพื่อนตนอย่างงุนงง
“เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานในหน่วยฉันสดๆ ร้อนๆ ได้สามวันน่ะ” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหรือฟุริฮาตะเคียวตอบ “ดูท่าจะไฟแรงเลยอยากช่วยคนถูกรังแก...แต่เหมือนจะดูระหว่างการแสดงกับของจริงไม่ออกแฮะ เดี๋ยวเอาไปฝึกใหม่”
“ไม่อ้าวววววว!!!” พอจบประโยคนี้เท่านั้นแหละ...ชายหนุ่มก็เริ่มร้องราวผีถูกน้ำมนต์ในทันใด “ขอล่ะครับ! ไอ้การต้องไปฝึกงานกับคุณขอเป็นทางเลือกสุดท้ายเถอะ!!! จะให้ช่วยงานเนบุยะซังมากกว่าปกติก็ได้!!!”
“เคยทำหมอนี่ปวดจิตมาสินะ?” คานาเดะพอเห็นท่าทางแบบนี้เดาได้เลยว่า...เจอไอ้หัวน้ำตาลนี่ทำให้หลอนมาชัวท์
“เปล่าสักหน่อย” เคียวส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมส่งสีหน้าแอ๊บแบ๊วไปให้
“เชื่อไม่ได้ย่ะ” คานาเดะกล้าพูดเลยว่าไม่เชื่อในคำพูดนั้นแม้แต่น้อย
“ใจร้ายจริง” เคียวทำแก้มป่องอย่างน่าถีบ และก็โดนสาวเจ้าส่งลูกถีบให้จริงๆ ด้วยความหมั่นไส้ ทว่าเคียวก็หลบได้อย่างทันทวนที
“เฮ้ๆ แล้วตกลงไปแกล้งอะไรหมอนี่มาล่ะ?” คิโยมิเอ่ยขัดการเล่นกันระหว่างศิษย์ทั้งสองของตนด้วยความอยากรู้
“ก็ไม่มีอะไร ผมแค่ถอนเสาให้หมอนี่เห็น...” เคียวเอ่ย
“...อย่าลืมเรื่องแจกลูกหลงให้ผมหลบ ให้ผมไปนั่งแก้ตัวกับพวกหน้าข้อหาทำข้าวของเสียหาย ทำพื้นยุบ เอาผมแบกบ่าแล้ววิ่งด้วยความเร็วยิ่งกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยสิ!!!” ชายหนุ่มทำหน้าปวดจิตน้อยๆ ใส่นายเคียว...อย่าทำเหมือนว่าเขาหลอนเพราะเรื่องๆ เดียวสิ! ทำให้เขาหลอนขนาดนี้อย่างน้อยช่วยบอกคนอื่นให้หมดๆ จะได้มีคนเห็นใจเขาบ้างเถอะ!!!
“โดนเยอะดีนิ” คานาเดะหัวเราะออกมาเบาๆ ...แค่ทำงานได้สามวันโดนขนาดนี้ ไม่สติแตกก็นับว่าเก่งล่ะ
“ก็นะ” เคียวยักไหล่น้อยๆ ก่อนที่จะหันไปคุยกับเพื่อนร่วมอาชีพของตน “อ๋อ และฉันว่านายเลิกสนใจผู้หญิงคนนั้นเถอะ เพราะยัยนั่นโกหกชัวท์”
“ทำไมคิดว่างั้นล่ะครับ” ชายหนุ่มถามกลับ
“เพราะเจ๊คานะไม่ปกติเหมือนฉันไง” เคียวยิ้มร่า “และคิดว่าคนที่เป็นประเภทเดียวกับฉันจัดการใครแล้วจะจบลงแค่หัวเปียก?”
“...” ชายหนุ่มนิ่งงั้นไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปคานาเดะ “ขอเสียมารยาทนะครับ...คุณแรงช้างสาวเท่ารุ่นพี่ฟุริฮาตะไหมเนี่ย?”
“ไม่ ใครจะบ้าเท่ามัน?” คานาเดะส่ายหน้าวืด
“แต่ในด้านต่อสู้...ฉัน คานาเดะและเคียวต่อสู้กันจะไม่เคยรู้ผลแพ้ชนะอย่างจริงๆ จังๆ เลยแม้จะเอาจริงแค่ไหนก็ตาม...” โยชิกิเอ่ยต่อ “...เพราะงั้นอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย...คานาเดะโหดกว่าเคียวหน่อยนึง”
“...ถ้ารู้ขนาดนี้ยังหาเรื่องใส่ตัวอีกก็บ้าล่ะครับ!?” ชายหนุ่มรีบถอยห่างจากคุมิราวกับอีกฝ่ายเป็นเชื้อโรคในทันที
“ตอนนี้เหลือคนเดียวแล้วน้าาาาา” ชายหนุ่มผมดำที่อยู่ข้างๆ คิโยมิ...มิยาจิ ยูโตะลากเสียงยาวราวกับกำลังสนุกสุดแสน “จะเอาไงต่อเอ๋ย?”
“...” คุมิเมื่อยามนี้ไม่เหลือใครเข้าข้างตนแล้วจึงเริ่มน้ำตาแตกแล้ววิ่งหนีออกจากผับไป
“หนีไปแล้วแฮะ” คานาเดะมองคนที่หนีไปอย่างสะใจนิดๆ ...มาเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับเธอเองนะ “คราวนี้ยัยนั้นไม่มาตอแยนายแล้วมั้ง และส่งบิลค่าอาหารไปเก็บรายนั้นย้อนหลังให้ด้วยนะยะ!”
“อื้ม...” โยชิกิพยักหน้ารับแล้วเริ่มสัปหงก
“อย่าเพิ่งหลับเว้ยยยย!!!” เหล่าคนที่รู้จักโยชิกิต่างแว๊ดเป็นเสียงเดียวกัน
“พอจบเรื่องก็หลับเลยนะยะ!” คานาเดะอยากตีหัวคนสักทีสองทีจริงๆ
“ก็มันง่วงตั้งนานแล้ว...ขอนอนแป๊บ” โยชิกิตอบเสียงแผ่วก่อนที่จะเดินง่วงๆ ไป...เอาคางวางพาดบนหัวคานาเดะพร้อมทำท่าคล้ายจะเฝ้าพระอินทร์อีกระรอบ
“แล้วจะนอนบนหัวฉันเพื่อ!? ไปไกลๆ เลยย่ะ!!!” คานาเดะทำการโหม่งหัวใส่โยชิกิอย่างแรงเพื่อให้อีกฝ่ายออกห่างตน...
...แบบนี้มันอันตรายต่อหัวใจฉันนะเว้ยไอ้บ้า!!!...
“อื้ม...” โยชิกิแม้โดนหัวกระแทกจนเป็นรอยแดงก็ยังพยักหน้ารับอย่างเฉื่อยๆ พลางมองสาวเจ้าที่ทำร้ายตนเมื่อครู่ “...คานาเดะ...ทำไมหน้าแดง?”
“แดงกับผีสิ! เพราะแสงเฟ้ย!” คานาเดะแยกเขี้ยวใส่เพื่อพยายามกลบอาการของตน...ตายๆ จะแถไงดีฟะ!?
“เฮ้ยๆ เพิ่งผ่านเรื่องมาอย่าแกล้งเจ๊สิเอ้ย” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่ยืนชมเงียบๆ มาตลอดโวยมาแทรกระหว่างคานาเดะกับโยชิกิ “ไปๆ ไปฉลองที่ไอ้โยชิกิไล่ปลิง (?) ออกไปได้กัน”
“เออๆ” คานาเดะขานรับห้วนๆ พร้อมล็อกคอคนผมสีน้ำตาลทองไปที่เคาร์เตอร์เครื่องดื่ม “ขอบใจที่ช่วยวะ ไอ้ชิโระ”
“ก็ผมเป็นน้องเจ๊ ไม่ให้ช่วยเจ๊แล้วจะช่วยใคร?” คนโดนล็อกคอหรือชิโรบะ น้องชายแท้ๆ ของคานาเดะตอบกลับอย่างกวนนิดๆ เผื่อพี่สาวตนอารมณ์ดีขึ้นได้ “และนี่...เมื่อไหร่เจ๊จะขอไอ้โยชิกิเป็นแฟนสักทีเนี่ย?”
“ไม่รู้เว้ย!” คานาเดะแยกเขี้ยวใส่น้องตัวเองที่ดันถามอย่างเถรตรงจนเกินไปก่อนที่จะหันไปแก้อายโดยการสั่งเครื่องดื่มกับบาเทนเด้อหนุ่มแทน “มิกะ! ขอเครื่องดื่มเว้ย! เอาแรงๆ เลยนะยะ! ค่าเครื่องดื่มหักจากเงินเดือนไอ้พวกที่มันปล่อยให้คนเอามีดเข้ามาได้แล้วกัน!”
“เจ๊ผมขอโทษคร้าบบบบบบ!!!” เสียงของเหล่าคนตรวจอาวุธลอยแว่วมาปานผีโหยหวน (?) ...นี่กะหักเงินเดือนพวกเขาทั้งเดือนเลยหรือไงคร้าบบบบ!?
“โชคดีวะพวก” เรียวหันไปตะโกนให้กำลังใจพวกที่โดนหักเงินเดือน
“แกไม่ต้องพูดเลยเว้ย!!!” เสียงคนโดนหักเงินเดือนลอยกลับมาอย่างหดหู่
“อย่าแกล้งชาวบ้านสิวะไอ้เรียว” ชายหนุ่มผมดำที่ท่าทางเหมือนจิ๊กโก๋เขกหัวเรียวไปทีหนึ่ง
“เจ็บนะเฮ้ย...เคียวคุมเมียแกทีดิ” เรียวเอ่ยพลางหลบจานรองที่ลอนมาทันทีที่ตนพูดจบประโยคเมื่อครู่ “อันตรายนะเว้ยไอ้โชจิ!!!”
“เมียกับผีสิไอ้บ้า!!!” โชจิแยกเขียวใส่เพื่อนร่วมงานตน “และแค่จานรองพลาสติสไม่ถึงตายหรอกเว้ย!!!”
“ก็ไม่แน่นะเฮ้ย!” เรียวโวยกลับก่อนใส่เกียร์หมาเผ่นทันที โดยนายโชจิเมื่อเห็นอีกฝ่ายหนีก็รีบวิ่งตามไปจัดการต่อ (?)
“วุ่นอีกล่ะ ไอ้พวกนี้...” ชิโรบะมองเรียวกับโชจิวิ่งไล่กันด้วยความขบขัน
“ก็ประจำนี่นะ” คานาเดะมองภาพตรงหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งดื่มเครื่องดื่มที่มิคารุยื่นให้ตนแล้วเลิกสนใจพวกลูกน้องทั้งสองของตนที่ทะเลาะกัน...และหันไปมองยังเพื่อนคนหนึ่งของตนที่บัดนี้นั่งหลับไปเสียแล้ว...
...สักวันแกจะรับรู้ความรู้สึกเกินเพื่อนของฉันบ้างไหมวะ? ไอ้โยชิกิ
สามวันถัดมาหลังจากที่หญิงสาวนามคุมิได้ใส่ร้ายหญิงสาวผู้ไม่เหมือนปกติชาวบ้านเขา (?) และโดนตอกกลับไปเสียหน้าหงาย ก็ได้มีข่าวลือว่าในร้านของคานาเดะนั้นมีการรุมทำร้ายผู้หญิงขึ้นโดยที่พนักงานภายในผับนั้นไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือเลย...แต่ข่าวลือนั้นหลังปล่อยออกมาได้ไม่นานผู้คนนับพันก็พากันคอมเม้นว่าเป็นเรื่องโกหกหรือว่าเป็นร้านอื่นที่เลียนแบบร้านของคานาเดทั้งสิ้้นเพราะผับของคานาเดะนั้นขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยมาก...
...ไม่ว่าใครไปก็ไม่เคยมีเรื่องใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้นแม้แต่คนเมาตีกัน รวมทั้งคนใหญ่คนโตที่เคยไปผับนั้นก็ต่างรู้ว่าคนเป็นเจ้าของร้านนั้นโหดขนาดไหนเพราะเคยมีคนมีชื่อเสียงคนหนึ่งกำลังถูกไล่ฆ่าหนีเข้าไปในผับของคานาเดะ...และมือสังหารนั้นก็ถูกคานาเดะจัดการภายในเสี้ยววินาที
...ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกคนใหญ่คนโตต่างเลือกมาดื่มที่ผับของคานาเดะ...และแน่นอนว่าต่อให้เมาขนาดไหนก็ไม่มีการลอบทำร้ายกันเกิดขึ้นแน่ต่อให้เป็นนักฆ่าหรือมาเฟียที่ขึ้นชื่อขนาดไหนก็ตาม ฉะนั้นการที่จะมีผู้หญิงธรรมดาโดนทำร้ายในที่ที่ของคานาเดะนั้นเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย
...นอกจากนี้หลังข่าวลือนั้นถูกปล่อยออกมาได้เพียงวันเดียว กระทู้ข่าวลือเกี่ยวกับร้านของคานาเดะนั้นก็ถูกลบหายไป ตามมาด้วยข่าวของผู้ที่ทำการตั้งกระทู้ขึ้นมาแทนไม่ว่าชื่อนามสกุลของหญิงสาวที่ว่าโดนทำร้ายในร้านของคานาเดะ สิ่งที่เคยกระทำในอดีตหรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว...ว่าผู้กระทู้หรือนาซาดะ คุมินั้นได้ทำการแย่งคนมีเจ้าของจากผู้อื่นเสียหลายต่อหลายครั้งและเมื่อได้มาและทำการหลอกใช้ชายหนุ่มจนหมดปนะโยชน์แล้วก็จะเขี่ยทิ้งไปหาคนใหม่ สร้างข่าวลือจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงหลายคราว
...นอกจากนี้ยังมีเรื่องการคดโกงทางธุรกิจจนหลายๆ บริษัทต่างถอนหุ้นและไม่มีใครคิดร่วมธุรกิจกับตระกูลนี้อีก แถมยังมีเรื่องการหนีภาษีของตระกูลนาซาดะด้วยจนทำให้เกิดการตรวจสอบจากทางรัฐบาลเสียยกใหญ่ แถมมีแววว่าจะล้มละลายภายในไม่ช้านี้ด้วย
...ส่วนทางคานาเดะที่นับได้ว่าเป็นผู้เสียหายคนหนึ่งนั้น...กลับไม่ได้สนใจถึงข่าวลือหรืออะไรพวกนี้อย่างคนอื่นเขาเลย เพราะอย่างไรเสียต่อให้ยังคงมีข่าวลือต่อไปร้านตนก็ยังมีลูกค้าประจำอยู่ดี แถมยังไม่สนโลกถึงขนาดชวนลูกน้องตนสามคนบวกน้องตัวเองอีกสองมานั่งดื่มชาเล่นที่คาเฟ่ที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมัธยมปลายคิริซากิมากนักอีกต่างหาก
“เจ๊...ฝีมือเจ๊หรือเปล่า?” เสียงถามเบาๆ ดังออกมาจากปากของชายหนุ่มผมสีทองพลางมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามตน
“จะบ้าหรือย่ะ ถ้าเป็นฉันจะถึงทำให้ชาวบ้านล้มละลายได้ไง” หญิงสาวผมดำปฏิเสธไป
“แต่วิธีการแบบนี้เหมือนของโยชิกิซังเลยนะครับ” ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวเอ่ย
“ไม่น่านะ โยชิกิมันไม่น่าจะทำอะไรที่เกี่ยวกับเจ๊โดยตรงโดยไม่ถามแบบนี้” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองแย้งคำพูดเมื่อครู่
“ผมก็ว่างั้นนะ...ว่าแต่พวกพี่เรียกผมมานั่งจ้อด้วยทำไมเนี่ย?” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลออกส้มถามออกไป...กับการที่อยู่ๆ โดนโทรตามมาที่นี่เนี่ย
“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่อยากให้ฮิโระจังช่วยอาเจ๊นิดหน่อยน่ะ...โชจิด้วย” ชิโรบะเอ่ยพร้อมส่งยิ้มโอ๋น้อง (?) ไปให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลส้ม
“พี่คานะเนี่ยนะ?” เด็กหนุ่มหรือยามาซากิ ฮิโรชิผู้เป็นน้องชายของคานาเดะและชิโรบะถามอย่างสงสัย...ปกติพี่สาวเขาคนนี้ไม่เคยขอความช่วยเหลือใครนิ?
“อาเจ๊เนี่ยยนะ?” ชายหนุ่มผมดำหรือไฮซากิ โชจิเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจไม่ต่างกัน
“เฮ้ยๆ ไหนบอกว่าจะช่วยปิดเรื่องนี้ไว้ไง!?” คานาเดะตีหัวชิโรบะไปหนึ่งที
“แอ๊ก! แค่ฮิโระจังกับไอ้โชจิเอง!” ชิโรบะกุมหัวตนอย่างเจ็บๆ “อีกอย่างฮิโระจังกับโชจิเป็นแค่สองคนที่ไม่ปากโป้และมีผัวแล้วนิ...แอ๊ก!!!”
“ไม่ใช่เว้ย!!!” ยามาซากิ ฮิโรชิ (ในตอนนี้บรรยายด้วยชื่อจริงแล้วกัน ยังไงก็แค่ตัวประกอบ // S , พูดแบบนี้เจ็บนะเว้ยยัยบ้า!!! // ฮิโรชิ) กับโชจิแว๊ดออกมาพร้อมกัน...โดยที่โชจิมีถีบอีกฝ่ายตกเก้าอี้อีกแหน่ะ
“เอาอย่าเล่นกันสิครับ...” มิคารุที่กลัวว่าจะมีการฆาตกรรมกันกลางร้านรีบเอ่ยห้าม “...คานาเดะซัง ผมว่าขอความช่วยเหลือจากผู้มีประสบการณ์นี่แหละดีแล้วครับ อย่างน้อยคงดีกว่าพวกผมแนะนำแบบมั่วๆ เนี่ย”
“เอางั้นก็ได้” คานาเดะเบ้หน้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่เถียงอะไรเพราะที่มิคารุนั้นพูดมานั้นมันก็สมเหตุสมผลอยู่
“แล้วนี่จะให้อะไรเหรอครับพี่คานะ?” ฮิโรชิเมินพี่ชายตนและหันไปถามผู้เป็นพี่สาวแทน
“หาทางช่วยฉันจีบไอ้โยชิกิที” คานาเดะเลือกที่จะตอบกลับไปตรงๆ ...ยังไงก็เลี่ยงไม่ตอบไม่ได้แล้วนี่นะ
“...ห๊า!?” ฮิโรชิกับโชจิเมื่อได้คำตอบต่างอ้าปากค้างกันเป็นแถว “นี่พี่คานะ / เจ๊ชอบโยชิกิซัง / ไอ้โยชิกิเหรอ!?”
“ตามนั้น” คานาเดะพยักหน้ารับ
“...เจ๊ก็รู้ว่าไอ้เคียวมันไม่เหมือนกับโยชิกินะครับ” โชจิที่เพิ่งรู้ว่าเจ้านายตนมีความเป็นผู้หญิงปกติ (?) อยู่ด้วยถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ส่วนผมถึงจะมีคนนิสัยเหมือนโยชิกิซังมาจีบอยู่ผมแต่ใช่ว่ารู้วิธีจีบนะ...” ฮิโรชิถอนหายใจออกมาอีกคน “...แต่ถ้าให้ไปถามคงพอได้มั้งครับ”
“ไม่อยากให้คนรู้เยอะกว่านี้แล้วอ่ะ” คานาเดะเอาหน้าฟุบโต๊ะ “ไอ้โยชิกิก็ความรู้สึกช้าเหลือเกิน”
“ก็โยชิกิซังเป็นพวกขี้เซานิ จะไม่ทันสังเกตคงไม่แปลก” ฮิโรชิไม่แปลกใจเลยหากคนเฉื่อยๆ อย่างโยชิกิจะไม่ทันสังเกต...และจากนั้นพวกหนุ่มๆ พากันคุยกันไปเรื่อยเพื่อหาทางช่วยในเรื่องปัญหาหัวใจของคานาเดะ
โดยที่กลุ่มของคานาเดะไม่ทันรู้ตัวเพราะกำลังกลุ้มใจกันอยู่นั้น ณ ร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน...ไอ้กลุ่มของชายหนุ่มที่พวกตนกำลังพูดถึงอยู่กันก็มีสภาพไม่ต่างกันเลย
“นี่แกชอบเจ๊คานะก็รีบๆ พูดไปสักทีสิวะ เดี๋ยวโดนงาบไปเสียก่อนหรอก” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยด้วยสีหน้าเซ็งๆ ...ให้ตายเถอะไอ้นี้ ชอบกันก็รีบๆ บอกกันไปเสียทีเถอะ!!! จะรอให้เจ๊แกโดนคนอื่นงาบหรือไง!?
“ก็...ไม่กล้า...” ชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวเอ่ยด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“กล้าๆ หน่อยสิย่ะ” หญิงสาวผมสีน้ำผึ้งตีหัวคนที่บอกว่าไม่กล้าไปหนึ่งที...ด้วยความหมั่นไส้...
...นี่มันดูไม่ออกกันหรือไงว่าคานาเดะก็ชอบมันเหมือนกันเนี่ย?...
“นั้นสิ บอกๆ ไปเลย” ชายหนุ่มผมดำเอ่ยสนับสนุนเนื่องจากเป็นอีกคนที่รู้ว่าคานาเดะกับโยชิกิความจริงก็ชอบกันเองแต่ไม่กล้าบอกกันทั้งคู่
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ” โยชิกิที่โดนตีหัวทิ่มทำเสียงโอดครวญใส่
“มัวโอเอ้เดี๋ยวยัยคานะก็โดนคนอื่นงาบไปหรอก!” เคียวเอ่ยอย่างหัวเสียก่อนที่จะ...โดนนายโมริยามะ โยชิกิถีบตกเก้าอี้ในเวลาต่อมา “โอ๊ย! ถีบฉันทำไมเนี่ย!?”
“ปากเสียนิ” โยชิกิทำหน้ามุ่ย
“แต่ไอ้เคียวมันพูดก็จริงนะ” คิโยมิส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ “และไอ้ข่าวลือนั้น...หายไปเพราะฝีมือนายสินะ? รวมทั้งการแฉผู้หญิงคนนั้นด้วย”
“...ก็ทำคานาเดะก่อนนิ” โยชิกิไม่ปฏิเสธว่านั้นเป็นฝีมือตนจริงๆ
“โธ่ พ่อพระเอกเอ้ย!” คิโยมิแซวลูกศิษย์ตัวดีของตนที่ดันทำตัวราวกับพระเอกพระรองที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อนางเองพลางเหล่มองไปยังคานาเดะที่พวกตนแอบตามมาส่อง (?) ซึ่งนั่งอยู่ร้านฝั่งตรงข้าม...ก่อนที่จะชะงักเมื่อ... “...ไอ้โยชิกิ...ฉันว่าแกเจอปัญหาแล้วล่ะ”
“อะไรเหรอครับ?” โยชิกิถาม
“นู้นๆ เบิ่งตาดูสิ” คิโยมิชี้ไปยังร้านฝั่งตรงข้ากับที่พวกตนนั่ง พวกหนุ่มๆ ทั้งสามก็หันไปมองตามอย่างพร้อมเพรียง...และสิ่งที่ปรากฏเข้ามาสู่สายตาคือภาพที่หญิงสาวผมดำที่พวกตนรู้จักดีกำลังถูกชายหนุ่มหน้าแปลก เอ้ย! แปลกหน้าคนหนึ่งลุกเข่าและจับมือสาวเจ้าราวกำลังจะขอแต่งงานอยู่
“อา ยัยคานะโดนจีบแล้ว...” เคียวเอ่ยพร้อมกันนั้น... “...แกจะ...เฮ้ย! เดี๋ยว! ไอ้โยชิกิ!!!”
...นายโมริยามะ โยชิกิก็รีบวิ่งออกไปหาคานาเดะที่อยู่อีกฟากของถนนทันที
“ไปแล้ววววว” ยูโตะผิวปากเบาๆ ราวกับเห็นว่าเรื่องตรงหน้านี้เป็นเรื่องสนุก
“หวังว่าคราวนี้จะกล้าพูดกันเสียทีนะ” คิโยมิมองภายตรงหน้าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วทำการเรียกพนักงานภายในร้านมาเก็บเงินแล้วค่อยตามโยชิกิไป
...อื้ม...นี่มันบ้าอะไรวะ?...
คานาเดะมองคนตรงหน้าที่อยู่ๆ มาคุกเข่าขอคบกับตนหน้าด้านๆ กลางร้าน...เธอจำได้ว่ารายนี้คือคนที่ก่อนหน้านี้เธออัดเละไปเป็นรายแรกในตอนที่ยัยคุมิหน้าผีนั้นกล่าวหาเธอ และเพราะเป็นแบบนั้นทำให้คานาเดะสงสัยมากกว่าอีกฝ่ายนึกคึกอะไรมาขอคบกับตน ถ้าหากไม่ใช่ว่า...
“...นี่ฉันตื้บคนจนเสียสติเลยเหรอ?” ...นี่คือสิ่งเดียวที่เป็นไปได้มากที่สุดที่คานาเดะคิดได้ว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในยามนี้ขึ้น
“ยังสติอยู่ครับคุณผู้หญิง” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยไปเมื่อโดนหาว่าเป็นคนเสียสติ “และกรุณาคบกับผมด้วยเถะครับ”
“อย่าไปเอามันนะเจ๊ มันท่าจะเพี้ยน” ชิโรบะที่เกิดอาการคิ้วกระตุกนิดๆ อย่างขนลุกที่มีคนมาขอพี่สาวตนแต่งงานแบบนี้ แถมยังเป็นคนที่พี่สาวตนเคยตื้บไปอีก...มันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เลยมายุ่งกับเจ๊แกเนี่ย
“ผมก็ไม่อยากได้พี่เขยแบบนี้นะ” ฮิโรชิเอ่ยเสริมเป็นลูกคู่กับพี่ชายตนเพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากลเหมือนกัน
“อย่าว่างั้นสิครับคุณน้อง” ชายหนุ่มที่เห็นว่าน้องของคนที่ตนกำลังจีบจะไม่ยอมเลยเอ่ยขึ้นมา
“ใครน้องแกวะ!?” ชิโรบะกับฮิโรชิทำหน้าขยะแขยะใส่ทันที
“และฉันไม่เอาแกย่ะ!” คานาเดะคิ้วกระตุกยิกๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้หมายหาทางหนีเพราะขนลุกกับชายตรงหน้า
“งั้นผมจะตามตื้อจนกว่าคุณจะยอม” ชายหนุ่มดูจะไม่ยอมง่ายๆ เลยลุกขึ้นตามสาวเจ้าต่อ
“เจ๊...ผมว่าหนีเถอะ ดูท่าจะคุยไม่รู้เรื่อง” เรียวรีบลุกพรวดขึ้นมากันท่าให้เจ้านายสาวตน
“ผมก็ว่างั้นแหละครับ” มิคารุเอ่ยเสริมอย่างเห็นด้วยกับเพื่อนตน
“เดี๋ยวผมจ่ายตังค์ให้ เจ๊เผ่นเถอะ” โชจิสนับสนุนอีกคน
“ก็อยากอยู่แต่...” คานาเดะเหล่มองไปรอบๆ “...มันมีพวกมาดักรอเพียบเลยวะ และฉันว่านอกจากไล่อัดพวกนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
“มีสิครับ ยอมคบกับผมไง” ชายหนุ่มเอ่ย...พร้อมกันนั้นเหล่าคนจำนวนมากกว่ามาปิดล้อมรอบร้านเอาไว้ คาดว่าคงเป็นคนของชายหนุ่มที่มาดักรอตามที่คานาเดะว่า
“ไม่เว้ย!!!” คานาเดะปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
“ไม่ให้...” พร้อมกันนั้นเสียงเนิบๆ ดังขึ้นพร้อมกับ...มีบางอย่างวางพาดลงบนเรือนผมสีดำของสาวเจ้าเบาๆ “...คานาเดะ...ของฉัน”
“เฮ้ย! ไอ้โยชิ!? มาไงฟะ!?” คานาเดะหลุดร้องลั่นออกมาแบบไม่ต้องมองก็รู้ เนื่องจากไอ้คนที่วางคางบนหัวตนและเสียงแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้น!
“นั่งเล่นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกอาจารย์แล้วเห็นพอดี” โยชิกิตอบ “แล้วนี่...ทำไมโดนจีบ?”
“จะรู้เหรอยะ!? มันมาเอง!” คานาเดะเอ่ย
“...” โยชิกิมองชายหนุ่มแปลกหน้านิ่งๆ “...นี่ของฉัน...ห้าม”
“ไม่สน ของแกแล้วไง แย่งมาก็หมดเรื่อง” ชายหนุ่มใช้จังหวะที่ทุกคนเผลอเข้าใกล้คานาเดะเลยจับมือหญิงสาวขึ้นมาจุมพิตเบาๆ
“...” โยชิกิขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก ก่อนที่จะ... “...ตาย”
“อ๊ากกกก!!!” ...ทำการบิดแขนอีกฝ่ายจนข้อหลุดดังกร็อบ ตามด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของคนโดนกระทำ
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวยุ่งยากหรอกโยชิกิ!” คานาเดะสะดุ้งโหยงเพราะไม่คิดว่าโยชิกิจะลงมือ...ไอ้เธอก็กะเตะให้กระเด็นอยู่หรอก แต่ไอ้โยชิกิดันลงมือก่อนเสียได้...
...ว่าแต่ปกติจะอ้อมมือไว้ไม่ใช่หรือไง!? ไหงคราวนี้ไม่อ้อมมือเลยย่ะ! ไปกินรังแตนที่ไหนมาหรือไงไอ้โยชิกิ!!!??...
“เริ่มก่อนนิ” โยชิกิทำแก้มป่องแบบดูขัดกับสีหน้าง่วงๆ ของเจ้าตัวสุดแสน ขณะเดียวกันนั้น...เหล่าตัวกระจอก เอ้ย! ตัวประกอบที่ดักอยู่รอบๆ ร้านก็ทำท่าจะพุ่งเข้ามาโจมตีเมื่อเห็นว่าหัวหน้าตนถูกทำร้าย
“เอาแล้วๆ มันมาแล้วไง” เรียวเผลอก้าวถอยหลังเล็กน้อย เช่นเดียวกับโชจิ ส่วนมิคารุ...ถึงดูเรียบร้อยสุด แต่ก็ตั้งท่าเตรียมสู้ก่อนใครเพื่อนเลย
“ฮิโระจัง หลบหลังพี่ไว้นะ” ชิโรบะกันน้องชายตนไว้เพราะรู้ว่าในที่นี้น้องชายตนต่อสู้ได้อ่อนที่สุด
“ไม่ต้อง...” โยชิกิมองพวกที่มาล้อมตนนิ่งก่อนที่...จะมีเสียงดังโครมดังขึ้นมา “...มาแล้ว”
“จะวิ่งมาทีก็รอกันบ้างสิเว้ยยยยย!!!” เสียงแว๊ดลั่นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มผมน้ำตาลที่...ถือป้ายจารจรที่งัดมาจากไหนไม่รู้มาฟาดชาวบ้านโผล่มากวาดพวกที่อยู่รอบๆ คานาเดะจนเรียบในเวลาเพียงชั่วอึดใจ
“ให้ตายเถอะ...นี่ติดความซวยจากไอ้เคียวมาหรือไงเนี่ย?” หญิงสาวผมน้ำผึ้งที่เดินตามมาอย่างเบื่อๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“น่าๆ อย่ารมณ์เสียดิตัวเธอ” ชายหนุ่มผมดำที่โดดหลบพวกที่โจมตีตนอย่างสนุกสนานเอ่ยอย่างเริงร่ากับภรรยาตนก่อนที่จะหันไปหาพวกคานาเดะ “นี่คานะคุง ชิกิคุง...พวกนี้ขอนะ! ไม่ได้เล่นมานานอยากเล่นบ้าง! เคียวคุงก็ห้ามแย่งนะ! ไม่งั้นโป้งจริงๆ ด้วย!”
“อ่ะ เอาด้วยสิ...ไม่ได้ออกแรงมานานแล้วเหมือนกัน” คิโยมิเอ่ยพร้อมโดดเตะคนตัวใหญ่กว่าตนจนกระเด็น
“...เชิญเลยค่ะ / ครับ” คานาเดะกับโยชิกิที่เห็นว่าไม่ควรไปขัดสองคนนี้ให้เสี่ยงโดนลูกหลงเอ่ยอย่างพร้อมเพรียง
“ให้สองคนนั้นจัดการไป ส่วนเราก็นั่งรอเฉยๆ นี่แหละ” เคียวที่โดนห้ามไปร่วมวงด้วยเช่นกันตัดสินใจว่านั่งดูการต่อสู้ของอาจารย์สาวกับสามีรายนั้นสู้ไปนั้นแหละ
“โอเค” เหล่าคนที่เห็นว่าปัญหาเดี๋ยวโดนจัดการโดยสองสามีภรรยามิยาจิจนเรียบร้อยแน่จึงพากันเมินพวกบ้า (?) ที่มาก่อเรื่องกลางวันแสกๆ แล้วมานั่งคุยกันเล่นไป...และแอบสวดภาวนาให้พวกที่โดนคิโยมิกับยูโตะอัดในใจ...
...สาธุ...ขอให้ไม่มีใครตายแล้วกันนะ...
“ให้ตายเถอะ...ไหงจบลงแบบนี้ได้...” คานาเดะบ่นขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับพยายามลากบางสิ่งเพื่อไปยังจุดหมายที่ตนกำลังจะไป “...แกก็เมื่อไหร่จะตื่นเนี่ยไอ้โยชิกิ!? ฉันไม่ได้แรงช้างสารแบบไอ้เคียวนะเว้ย!!!”
...แกจะประหยัดพลังงานยังไงก็ให้มีขอบเขตหน่อยสิ!!!...
คานาเดะอยากโยนไอ้คนที่ทำให้เธอต้องลำบากลากกลับนี้จริงๆ ส่วนสาเหตุที่กลายมาเป็นแบบนี้ก็...หลังจากที่คิโยมิซังกับยูโตะซังจัดการพวกที่มาหาเรื่องจีบเธอได้แล้ว พวกอาจารย์ก็ขอตัวกลับบ้านไปเพราะนัดไปดูหนังกับลูกๆ ทั้งสองของตัวเอง เคียวก็ทำหน้าที่จับเหล่าคนที่ก่อความวุ่นวายไปส่งโรงพักตามหน้าที่ โชจิกับเรียวก็ขอตัวแยกไปเพราะต้องไปรับเครื่องดนตรีที่พวกตนส่งซ้อมไปพร้อมลากมิคารุไปด้วย ชิโรบะไปเข้ากะที่ทำงานตัวเอง ส่วนฮิโรชิก็โดนเพื่อนโทรตามตัวไป ส่วนโยชิกิด้วยความเบื่อหรืออะไรไม่รู้เลยนั่งหลับในไป...
...และมันคงไม่มีปัญหาอะไร หากไม่ใช่ว่าโยชิกิดันหลับจนถึงเวลาปิดร้านแถมปลุกก็ไม่ยอมตื่นง่ายๆ เสียด้วย ทำให้คานาเดะต้องลำบากพยายามลากโยชิกิกลับที่พัก...และถึงแม้คานาเดะจะค่อนข้างแรงเยอะกว่าผู้หญิงทั่วไป แต่มันก็ไม่ได้มากมายขนาดจะลากผู้ชายที่ตัวสูงกว่าตนไปได้ง่ายๆ ทำให้สาวเจ้าต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่จะมาถึงหน้าแมนชั่นของโยชิกิได้
...ความจริงจะทิ้งไว้กลางทางก็ได้ แต่ปกติคานาเดะนั่งรอให้โยชิกิตื่นด้วย ทว่าในเวลานี่ใกล้เวลางานของตนเข้าทุกทีก็เลยเลือกลากโยชิกิกลับที่พักของรายนี่เพราะมันใกล้ที่สุดแทน
“ขออีก...ชั่วโมง...” โยชิกิที่สะลึมสะลือตื่นเพราะเสียงแว๊ดขาดๆ หูตอบกลับไปเบาๆ
“ปกติต้องห้านาทีไม่ใช่เหรอยะ!? แล้วนี่มาถึงแมนชั่นแกแล้ว!!! ตื่น!!!” คานาเดะแว๊ดลั่น “อย่าบอกว่าฉันต้องแบกแกไปถึงห้องนะเว้ย!!!”
“หนวกหู...” โยชิกิบ่นออกมาเบาๆ
“งั้นก็ลุกสักทีสิยะ!!!” คานาเดะแทบอยากจะทุ่มไอ้เพื่อนขี้เซ้าคนนี้ลงพื้นจริงๆ
“อื้ม” โยชิกิพยักหน้ารับแล้วยอมยืนดีๆ พลางหาวออกมา
“ตื่นแล้วใช่ไหม? งั้นฉันกลับล่ะ” คานาเดะเอ่ยพร้อมทำท่าจะเดินจากไป...
“เดี๋ยว...” ...แต่ไม่ทันได้ไปไหน โยชิกิก็จับข้อมือสาวเจ้าไว้เสียก่อน
“อะไรล่ะ? นี่่มันใกล้เวลาเปิดร้านฉันแล้วนะ” คานาเดะถาม...ถ้าไปไม่ทันแล้วให้ไอ้มิกะเปิดร้านให้เนี่ย หากมีคนก่อเรื่องในร้านเธอล่ะยุ่งเลย
“ช่วยไปคุยที่ห้อง...แป๊บได้ไหม?” โยชิกิเอ่ยเสียงแผ่ว
“ห๊า? ทำไมต้องไปห้องแกวะ?” คานาเดะถามกลับอย่างงงๆ ...ถึงปกติเธอกับไอ้เคียวก็ไปป่วนห้องไอ้โยชิกิบ้างบางครั้งบางคราว แต่คราวนี้นั้นแปลกออกไปเพราะโยชิกิปกติจะไม่ชวนในกรณีที่คนอื่นมีธุระอื่นเช่นนี้
“ขอร้อง...” โยชิกมองคานาเดะอย่างน่าสงสาร
“...นี่ป่วยหรือเปล่าเนี่ยโยชิกิ?” คานาเดะที่รับรู้ถึงท่าทาแปลกๆ ของเพื่อนตนถามขึ้น
“เปล่า...” โยชิกิส่ายหน้าไปมา
“แต่ฉันว่าป่วยแหง...”คานาเดะว่าพลางเปลี่ยนเป็นฝ่ายจูงมือโยชิกิเข้าไปในแมนชั่นแทน “...เอ้าๆ ไปส่งถึงห้องก็ได้ จะได้ไม่ไปเดินชนอะไรเข้า...ปกติก็หลับในจนชนนู้นชนนี้อยู่แล้ว ป่วยนี่สงสัยนายกลับไม่ถึงห้องแหง”
“ก็บอกว่าเปล่าไง” โยชิกิเอ่ย
“ไม่เชื่อย่ะ” คานาเดะไม่สนคำค้านพร้อมกดรหัสเข้าแมนชั่นอย่างแม่นยำเนื่องจากมาหลายครั้งแล้ว จากนั้นก็พาโยชิกิขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสาม เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกสาวเจ้าก็พาชายหนุ่มเดินไปหยุดที่หน้าห้องที่ติดป้ายไว้ว่า ‘โมริยามะ’ “ถึงห้องแล้ว งั้นฉัน...”
“คานาเดะ...” โยชิกเรียกรั้งคานาเดะที่กำลังจะเดินจากไปไว้ “...ฉันชอบเธอ”
“...ห๊า?” คานาเดะชะงักไปชั่วครู่แล้วหันไปมองโยชิกิอย่างเอ๋อๆ ...เหมือนได้ยินอะไรแปลกๆ แฮะ
“ฉันชอบเธอ...” โยชิกิเอ่ยย้ำคำพูดตนอีกทีชัดๆ “...ชอบมาตลอดเลย”
“...” คานาเดะอ้าปากพะงาบๆ ดวงหน้าหวานแดงวาบขึ้นมา “อะ...เออ...นี่เมาขี้ตาอยู่ใช่ไหมเนี่ย?”
“สติเข้าร่างครบแล้วน่า” โยชิกิเอ่ย...เข้าไม่แปลกใจหรอกที่คานาเดะจะไม่เชื่อเขา เพราะตลอดมาพวกเราเป็นเพื่อนกันนี่แต่... “และ...ฉันพูดจริง”
...ถึงแม้จะกลัวว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ทว่าเขาไม่อาจทนได้หากปล่อยคานาเดะไปเฉยๆ ...แค่การมีไอ้บ้านั้นมาจีบคานาเดะในวันนี้เขาก็แทบคลั่งจนเกือบฆ่าคนแล้ว ในคราวนี้ยังดีที่คานเดะไม่ได้ชอบอีกฝ่าย แต่หากวันใดวันหนึ่งคานาเดะจะต้องไปคบกับใครจริงๆ เขาคงทนไม่ได้แน่
...ทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนแท้ๆ เขานี่...ช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ สิน่า...
“...เอ๋!?” คานาเดะหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม...เดี๋ยวนะ นี่ไอ้โยชิกิกำลังสารภาพรักกับเธออยู่เหรอเนี่ย!?
“เขินเหรอ?” โยชิกิมองน้าที่ขึ้นสีของอีกฝ่ายด้วยท่าทางนิ่งๆ ...ตรงข้ามกับในใจที่ลุ้นว่าสาวเจ้าจะพูดอะไรต่อจนมันแทบจะเต้นออกมาจากอกอยู่แล้ว
“...เออสิยะ!” คานาเดะแว๊ดลั่นพร้อมกับ...เสยคางอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง “ไอ้บ้า! ไอ้งี่เง่า! ไอ้เฉื่อยเอ้ย!!!”
“เดี๋ยวคานาเดะเดี๋ยว...” โยชิกิที่โดนต่อยคางแทบหลุดพยายามปรามหญิงสาว
“ไม่เดี๋ยวล่ะไอ้ง่าว! แกจะบอกอะไรชวนหัวใจวายแบบนี้หัดให้เตรียมใจกันมั้งเซ่!!!” คานาเดะแยกเขี้ยวใส่
“โกรธเรื่องนั้นหรอกเหรอ?” โยชิกิถาม...ตอนแรกคิดว่าโกรธที่เขาคิดเกินเลยกับสาวเจ้าซะอีก
“เออ!!!” คานาเดะขานรับห้วนๆ
“แล้วนี่...ตกลงคบกับฉันไหมคานาเดะ?” โยชิกิถาม
“...” คานาเดะคิ้วกระตุกนิดๆ ก่อนที่จะ... “ไอ้ซื่อบื้อเอ้ย! ดูไม่ออกจริงๆ เหรอ!?”
“โอ๊ย!” ...ชกท้องโยชิกิเต็มแรงแล้วสาวเจ้าก็รีบใสเกียร์หมาเผ่นไปในทันที “เดี๋ยว! คานาเดะ!!!”
...เอาไงต่อดี?...
โยชิกิคิดอย่างกังวลนิดๆ ในตอนนี้เจ้าตัวรู้แค่เพื่อนสาวตนไม่ได้รังเกียจที่ตนคิดเกินเลยแบบนี่ ทว่ากลับไม่รู้ว่าท่าทางของคานาเดะที่ต่อยตนแล้วหนีไปเนี่ยหมายถึงอะไรนี่สิ...และเพราะนึกไม่ออกว่าควรทำเช่นไรจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรไปหาใครบางคน เสียงรอสายดังขึ้นสองสามทีก่อนที่ปลายสายจะรับสาย
‘โมชิโมชิ...’
“เคียว...ช่วยหน่อย” โยชิกิไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรมากกว่านี้ก็รีบเอ่ยขอความช่วยเหลือทันที
‘ห๊า? อา ว่ามาสิ...’
“คือ...” โยชิกิอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เคียวฟังอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่เคยทำมา โดยไม่มีตกแม้แต่คำเดียว
‘สรุปแกบอกรักไปแล้ว แต่ยัยคานะดันโมโหแล้วบอกว่านายซื่อบื้อสินะ?’
“อื้ม” โยชิกิขานรับเบาๆ ด้วยน้ำเสียงหง่อยๆ เมื่อนึกถึงเพื่อนสาวตนที่หนีไป “สรุป...ฉันแห้วใช่เปล่าเนี่ย?”
‘แห้วกับผีสิ! ท่าทางแบบนั้นหมายถึงยัยคานะก็ชอบแกเฟ้ย! และที่โมโหเพราะแกดันซื่อบื้อดูไม่ออกต่างหาก’
“งั้นเหรอ?” น้ำเสียงโยชิกิดีขึ้นมาทันควันเมื่อได้ยินแบบนี้
‘เออ! แกรีบไปเลย...รีบไปง้อเจ็คานะเลย!!! ไม่งั้นยัยนั้นเกิดงอนจนไปหาคนใหม่จริงๆ แกจะซึม’
“งั้นไปล่ะ” โยชิกิตัดสายไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เอ่ยอะไรมากกว่านี้ก่อนที่จะรีบออกจากที่พักของตนไปยังผับที่คุ้นเคย...ก็ผับของคานาเดะนั้นแหละ เนื่องจากโยชิกิมั่นใจว่าคนอย่างคานาเดะต่อให้หัวเสียแค่ไหนก็คงไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานแน่...
...และก็เป็นไปตามคาดเมื่อเดินเข้าไปในร้านก็พบว่าหญิงสาวผมดำที่คุ้นเคยกำลังนั่งอยู่มุมหนึ่งภายในร้านเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยดังเช่นทุกวัน...พอเจอเป้าหมายแล้วโยชิกิก็พุ่งชน เอ้ย! ก็รีบเข้าไปหาสาวเจ้าอย่างรวดเร็ว “คานาเดะ...”
“ชะแว๊กกกกก!!!” คานาเดะที่นั่งหม่อนิดๆ หลุดร้องลั่นอย่างไม่สมหญิงเท่าไหร่นักแล้วค้อนใส่โยชิกิวงเบ้อเร้อ “แกมาได้ไงวะ!?”
“เดินมา” โยชิกิตอบไปง่ายๆ สั้นๆ พร้อมกับ...เอามือวางแปะบนหัวคานาเดะเบาๆ
“ทำอะไรเนี่ย?” คานาเดะถาม
“ง้อ” โยชิกิเอ่ยคำเดียวสั้นๆ ได้ใจความ
“...อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กสิย่ะ!!!” คานาเดะปัดมือที่ลูบหัวตนทิ้งไป
“ไม่สน” โยชิกิยกมือลูบหัวสาวเจ้าอีกรอบอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรนักกับการที่โดนปัดมือ...ก็หากรายนี้ไม่ชอบจริงๆ คงจับเขาทุ่มมากกว่า “ดีกันนะคานาเดะ...”
“...มาคุยกันหลังร้านเลยไอ้บื้อ!!!” คานาเดะถอนหายใจกับเพื่อนตัวเองที่ไม่รู้จะหน้าหนาไปไหน...เล่นทำอะไรแบบนี้กลางร้านนี่ไม่อายหรืออะไรบ้างหรือไงยะ!? คนเขามองกันแล้วนะเว้ย!!! แบบนี้มันเหมือนคู่รักทะเลาะกันเลยนะเฮ้ยไอ้บ้า!!!
“อื้ม” โยชิกิพยักหน้ารับ ทางคานาเดะเมื่อได้รับคำตอบก็รีบลากชายหนุ่มไปหลังร้านทันที
“ให้ตายเถอะ...ถึงรู้ว่านายแอบบ้าเงียบๆ (?) แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้...” พอมาถึงยังส่วนที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านคานาเดะก็ทำหน้าตาปลงโลกใส่โยชิกิ “...แกจะมาง้อฉันเพื่อ?”
“ก็เธอโกรธฉัน ฉันก็ต้องง้อสิ” โยชิกิบอกไปตามตรง
“แล้วรู้เหรอว่าฉันโกรธเรื่องอะไร?” คานาเดะถามกลับ...จะว่าไปมันแปลกๆ นะ ปกติหากมันยังไม่รู้ต้นสายปลายมันจะยังไม่มาง้อเพราะกลัวทำให้โกรธหนักกว่าเดิมนี่หว่า?
“รู้...” ...จากเคียว
“...” คานาเดะนิ่งไปชั่วครู่กับคำตอบที่ได้รับ “ถ้ารู้แล้ว...นายคิดว่าไงล่ะ?”
“จะให้คิดไง? ก็ฉันชอบเธอ เธอก็ชอบฉันก็เท่ากับว่าที่ฉันสารภาพรักก่อนหน้านี้เป็นอันว่าคานาเดะตกลงไง” โยชิกิเอ่ยหน้าตาเฉย
“เฮ้ย! สรุปเองงี้เลยเหรอ!?” คานาเดะถึงกับหน้าเหวอ...มันหน้าด้านขนาดสรุปเองแบบนี้เลยเหรอ?!...
...ตกลงมันติดเพี้ยนมาจากไอ้เคียวจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? โธ่ ไม่น่าเลยเพื่อนกู...
“อื้ม” โยชิกิพยักหน้ารับ “หรือให้ข้าม...ไปขอแต่งงานเลยล่ะ?”
“นั้นก็ข้ามไปไกลเกินไปยะ!” คานาเดะแว๊ดลั่น...นี่ถ้าเธอไม่ยอมเป็นแฟนมันมีแววว่ามันจะขอแต่งงานแทนจริงๆ แหง?! “โอ๊ย! เออ! ยอมคบก็ได้ไอ้ด้านเอ้ย!”
“อื้ม ยอมรับ” โยชิกิเนียนไปกอดสาวเจ้า “ฉันดีใจนะคานาเดะ ที่เธอตอบรับน่ะ”
“เออ ดีใจเหมือนกัน” คานาเดะเบ้หน้าหนีอย่างอายๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าตนก็ดีใจที่รักของตนนั้นสมหวังและด้วยบรรยากาศที่กลายเป็นสีชมพูนี่ (?) ทำให้ทั้งสองนั้นไม่รับรู้เลยว่า...ยังมีอีกสองชีวิตที่อยู่ในที่แห่งนี้มาตั้งแต่ต้นและได้รับชมรับฟังทั้งหมดนี่ด้วย
“ ไปได้สวย...” หญิงสาวผมสีน้ำผึ้งที่แอบดักฟังอยู่บนคาน (?) เอ่ยด้วยรอยยิ้ม...ไม่เสียแรงที่มาแอบดักรอตั้งแต่ไอ้เคียวโทรมาบอกโยชิกิมันจะตามมาง้อคานาเดะนะเนี่ย
“ในที่สุดก็คบกันสักทีนะ” ชายหนุ่มดำที่แอบอยู่ข้างๆ เอ่ยพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปคู่หนุ่มสาวที่อยู่เบื้องล่าง
“อย่าลืมส่งภาพให้ด้วยนะยะ” คิโยมิเอ่ย
“จ้า เมียจ๋า” ยูโตะขานรับไปพร้อมถ่ายรูปรัวๆ ...และจากนั้นก็เริ่มส่งรูปให้แต่ล่ะคนที่ลุ้นว่าคานาเดะกับโยชิกิจะคบกันเมื่อไหร่นั้นให้รู้กันทั่วหน้าก่อนที่สองสามีภรรยาจะพากันมุดหลังคาหนี (?) ทิ้งให้คู่รักคู่ใหม่ของกลุ่มจัดการเรื่องของตัวเองกันไป
END
ความคิดเห็น