ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #237 : [AkaFuri (B)] Goei 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 873
      50
      15 มี.ค. 62

    Title :   Goei 2

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Akashi (Masaomi) x Furihata (Kyon)

    Notes : มาตามเสียงเรียกร้อง (หรือเปล่า?) ตอนนี้ของให้ใช้ความเมา (?) ในการอ่านเพราะมั่วมาก WWW

    ปล. ตอนนี้ต่อจากนี่จ้า Goei

    .....................................................................................

    Goei2

     

    ภายในบ้านเดี่ยวหลังน้อยแสนธรรมดาแห่งหนึ่งที่ยามนี้นั้นได้มีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลผู้ติดกิ๊บสีเหลืองไว้ที่ปอยผมด้านซ้ายกำลังคิ้วกระตุกเป็นจังหวะสามซ่า ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มผมสีแดงสดนัยน์ตาสองสีกับชายวัยกลางคนผมแดงหงอกๆ (?) ซึ่งน้องชายตนมาพามาที่บ้านพร้อมกับบอกเรื่องสุดช็อกกับตน

     ถามจริง...เอากันจริงดิ?” นายตำรวจหนุ่มนามฟุริฮาตะ เคียวเอ่ยเสียงแผ่วราววิญญาณกำลังจะออกจากร่างอยู่ร่อมร่อเมื่อน้องชายตนอยู่ๆ พาแฟนหนุ่มมาแนะนำกับตนแถมพวงว่าที่พ่อตา (?) มาอีก...ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี่จะไม่น่าปวดหัวนัก หากไม่ติดว่าว่าที่พ่อตานี่ดันเป็นคนที่ช่วงหนึ่งเคยไปทำหน้าที่คุ้มกันเนี่ย!

    ...ถึงเขาจะไม่ได้อะไรกับตาลุงนี่นัก แต่ลุงนี่ดันบังเอิญมาเป็นพ่อของแฟนโคกินี่มันรู้สึกแปลกๆ นะเฮ้ย...

     ครับ...โคกิ (เนื่องจากมาซาโอมิในฟิคเรียกเคียวว่าฟุริฮาตะ เพราะงั้นเพื่อกันความสับสนพวกคู่ akafuri ทั้งสองคู่ใช้ชื่อจริงไปเลยแล้วกันเนอะ // s) เอ่ยด้วยเสียงสั่นนิดๆ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตราวแมวฉายแววกังวล “...พี่คงไม่ว่า...นะครับ

     พี่น่ะไม่ว่าน้องหรอก แต่...เคียวที่รู้ว่าน้องตัวเองกำลังกลัวว่าตนจะรับไม่ได้เอ่ยเช่นนี้เพื่อคลายความกังวลอีกฝ่าย ก่อนที่จะเหล่มองยังเด็กหนุ่มผมแดง “...นายจริงจังกับน้องฉันแน่นะไอ้หัวแดง?”

     ครับเด็กหนุ่มผมแดงหรืออาคาชิ เซย์จูโร่เอ่ยอย่างหนักแน่นกับว่าที่พี่เขย (?) “รับรองดูแลตลอดชีวิตด้วย

     แล้ว...เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มผมแดงคอบอย่างหนักแน่นจนไม่น่าห้วงอะไรแล้วเลยเหล่มองไปทางผู้อาวุโสสุดภายในห้องนี่แทน “...ไหงมาด้วยเนี่ยลุง? คงไม่คิดว่าสู่ขอโคกิให้ลูกลุงมันตอนนี้เลยนะ?”

    ...ถ้าใช่เขาจะตอบกลับไปเลยว่า...เร็วเกินไปเฟ้ย!...

     เปล่าๆ แค่รู้สึกว่านามสกุลเด็กคนนี้มันคุ้นๆ เลยมาดูว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่าน่ะชายวัยกลางคนหรืออาคาชิ มาซาโอมิตอบกด้วยใบหน้าตายสนิท แต่น้องเธอกับเธอนี่ต่างกันดีเนอะ

     หลายๆ คนก็ว่างั้นแหละลุงเคียวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะแปดสิบเปอร์เซ็นที่รู้จักเขาและน้องชายมักจะพูดเช่นนี้กันทั้งสิ้น

     เออ...ขอขัดหน่อยนะครับโคกิมองพี่ชายตนสลับกับว่าที่พ่อตา (?) “มาซาโอมิซังกับพี่รู้จักกันได้ไงเนี่ย?”

     อ๋อ ช่วงหนึ่งพี่เคยได้รับงานให้ไปคุ้มกันตาลุงนี่น่ะเคียวเอ่ยพร้อมชี้ตาลุงที่ว่าอย่างไม่เกรงใจคนอายุมากกว่าหรือตำแหน่งที่สูงกว่าของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

     “...ใครช่างกล้าเอาพี่ไปทำงานคุ้มกันคนเนี่ย?” โคกิพอได้ยินแบบนี้ถึงกับคุมขมับ เนื่องจากรู้ดีว่านิสัยพี่ตนนั้นชอบทำให้ปวดจิตชวนหัวใจวายขนาดไหน...แล้วนี่ใครกันที่กล้าเอาคนอย่างพี่เขาไปคุ้มกันคนแบบไม่กลัวว่าชาวบ้านจะหัวใจวายตายเนี่ย!?

     อย่าทำหน้าปวดจิตสิน้องรัก พอดีตอนนั้นไม่มีใครกล้ารับงาน ไดสึเกะซังเลยถีบพี่ไปทำเฉยๆเคียวหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าน้องตัวเอง ส่วนมาซาโอมิก็ตบบ่าปลอบเด็กหนุ่มผมน้ำตาลด้วยความที่ว่าเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย...เพราะเผชิญนิสัยป่วนชวนหัวใจวายจากเคียวมาแล้ว

     “...ทำไมทำหน้าเหมือนปวดจิตนักล่ะโคกิ?” เซย์จูโร่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขาถามด้วนท่าทางงงๆ ...สำหรับคนรักเขาน่ะไม่แปลก แต่มีคนทำให้พ่อเขาทำหน้าเหนื่อยใจได้ด้วยเหรอ?

     อย่ารู้เลยโคกิกับมาซาโอมิเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน...เล่นซะ เซย์จูโร่เอ๋อกินไปชั่วขณะเลย

     ฟุริฮาตะคุง...มาทางนี่กับฉันแป๊บนะ...มาซาโอมิลุกขึ้นพร้อมกับ ลากนายฟุริฮาตะ เคียวออกจากห้องไป

     เหวอ! อะไรของลุงเนี่ย!?” เคียวโวยวายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขืนตัวอะไรคล้ายแค่โวยเล็กๆ พลางเดินตามมาซาโอมิออกมานอกห้อง ลากผมออกจากห้องทำไมเนี่ยลุง!?”

     ก็เห็นทำหน้าเหมือนเริ่มอยากแกล้งคนนิ ลูกชายฉันยังปกติดี อย่าเอาความบ้าไปใส่เซย์จูโร่เชียวล่ะมาซาโอมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ถึงลูกชายเขาจะค่อนข้างรับเรื่องแปลกๆ ได้มากกว่าคนปกตินิดหน่อยก็เถอะ แต่ถ้าเจอแบบเคียวเขามั่นใจว่าร้อยทั้งร้อยสติหลุดชัวท์และมีแววว่าหากเคียวคิดจะป่วนลูกชายตนตอนนี้คงเล่นหนักชัวท์…

    ...เพราะงั้นรอให้รายนี้ทำใจที่ได้น้องเขยก่อนแล้วค่อยปล่อยให้ป่วนน่าจะดีกว่า (อ้าว? ไม่ใช่จะห้ามเหรอ? // s , อย่างฟุริฮาตะคุงห้ามอยู่ที่ไหนล่ะ อีกอย่าง...ยังไงก็ต้องเจอป่วนอยู่แล้วเพราะงั้นให้เซย์จูโร่เจอจากน้อยๆ ไปมากให้ชินเลยดีกว่า // มาซาโอมิ)

     โธ่ ที่แท้ก็คุณพ่อขี้หวงนี่เองเคียวแซวคนอายุมากกว่าเล็กน้อย ว่าแต่คืนดีกับลูกแล้วเหรอลุง? เห็นก่อนหน้านี้บ่นเรื่องลูกหนีอยู่นิ?”

     อื้ม คืนดีกันเพราะน้องชายเธอนั้นแหละ...” ...ที่ดันมาเป็นแฟนลูกฉันจนหาข้ออ้างเนียนมาหาเธอได้เนี่ย

     เหรออออเคียวลากเสียงยาวอย่างไม่ใส่ใจนัก

     เอาเป็นว่าเราปล่อยๆ เด็กๆ คุยกันสองคนเถอะ...อยู่ในห้องเดี๋ยวกลายเป็น กขค. เปล่าๆมาซาโอมิที่อยากหาโอกาสอยู่กับคนที่ตนหมายจีบกันสองคนใช้ลูกตัวเองเป็นข้ออ้างเสียดื้อๆ

     ปฏิเสธได้ไหมลุง? ผมกลัวลูกลุงลวมลามน้องผมอ่ะเคียวทำหน้ามุ่ย

     ไม่ต้องห่วง ฉันบอกเซย์จูโร่ว่าห้ามทำอะไรเกินเลยก่อนแต่งไปแล้วมาซาโอมิยิ้มขำๆ แล้วส่ายหน้าไปมา...หวงน้องเอาโล่พอดูเลยแฮะ

     งั้นแล้วไปจากที่เคยคุ้มกันรายนี้มา เคียวเลยรู้ว่ารายนี้หากเป็นเรื่องประเภทนี้จะพูดจริงเลยหายห่วงไป แล้วจะไปรอไหนดีเนี่ย?”

     ไม่รู้สิ ห้องเธอมั้งมาซาโอมิเอ่ยขึ้นมาเล่นๆ แต่...

     โอเค งั้นไปกัน” ...นายฟุริฮาตะ เคียวกลับเอาจริงเสียอย่างงั้น

     เดี๋ยวๆ ล้อเล่นๆมาซาโอมิรีบห้ามก่อนที่คนซื่อบื้อจะพาตนไปห้องตัวเองจริงๆ ...ถึงตั้งแต่เหตุการณ์คราวก่อนเขาจะรู้ว่ารายนี้ไม่ค่อยมีสามัญสำนึกแบบคนปกติธรรมดาก็เถอะ แต่ไอ้แบบนี้มันเกินไปไหมเนี่ย?

     อ้าวเหรอ?” เคียวเกาหัวตัวเองด้วยท่าทีไม่ใส่ใจอะไรมากนัก แล้วนี่เราจะไปไหนดีล่ะลุง?”

     “...ไปหาอะไรกินด้านนอกกันก่อนก็แล้วกันมาซาโอมิครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะเสนอความคิดเห็นขึ้นมา

     งั้นเดี๋ยวไปบอก...เคียวที่ขี้เกียจปฏิเสธหรืออะไรกับผู้ชรา (?) ให้มากความทำท่าจะเดินไปบอกน้องตัวเองว่าตนจะออกไปข้างนอก

     ส่งข้อความบอกแทนเถอะ ช่วยเลิกคิดจะไปขัดพวกเด็กๆ ด้วยมาซาโอมิรีบดึงคอเสื้อเคียวไว้...ถึงรู้ว่าจริงๆ แล้วหากเคียวคิดจะเดินไปดูแล้วตนคงรั้งไว้ไม่อยู่ด้วยแรงช้างสารของรายนี้ แต่คนอย่างเคียวคงเกรงใจไม่ลากคนแก่ (ยังไม่แก่!! // มาซาโอมิ , ลูกเป็นหนุ่มแล้วเนี่ยนะตัวเธอ? // s) ติดไปด้วยหรอกมั้ง

     “...นี่ลุงเป็นเอสเปอร์ใช่ไหมเนี่ย?” เคียวคิ้วกระตุกนิดๆ ...รู้ได้ไงหว่าว่าความจริงเขาอยากรู้ว่าไอ้เด็กหัวแดงนั้นแอบทำอะไรน้องเขาลับหลังหรือเปล่าอยู่เลย

     ใช่ที่ไหน ฉันทำงานอะไรเธอก็รู้นิ...ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้ผลกับเธอก็เถอะมาซาโอมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ด้วยความที่เขาทำงานด้านธุรกิจและติดต่อคนมาเยอะย่อมต้องดูคนให้ขาดรวมทั้งต้องคาดเดาความคิดคู่ค้าให้ออกอยู่แล้ว แม้ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามาเนี่ยใช้กับนายฟุริฮาตะเคียวแทบจะไม่ได้เลยก็เถอะ... เอ้าๆ ไปกันได้แล้ว

    ...และด้วยความไม่อยากปวดสมองกับชายหนุ่มผมน้ำตาลที่อาจเปลี่ยนความคิดได้เพียงในเสี้ยววิ นายอาคาชิ มาซาโอมิจึงลากฟุริฮาตะ เคียวออกจากบ้านไปเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกชายตัวเองได้จู๋จี๋กับคนรักได้ในที่สุด

     

     

     

     

     

    ณ ร้านน้ำชาสุดหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมืองโตเกียว นักธุรกิจผู้กุมอำนาจแทบทั้งประเทศเอาไว้กับนายตำรวจหนุ่มผู้แสนจะเกินมนุษย์มาได้เดินเข้ามาภายในร้านโดยที่คนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉยส่วนอีกคนมองไปมาภายในร้านอย่างสนอกสนใจ

     ร้านนี่หรูชะมัด...หากเผลอทำอะไรพังจะโดนเรียกค่าเสียหายไหมเนี่ย?” เคียวบ่นอุบอิบขึ้นมาเบาๆ ...นี่ถ้าทำแก้วแตกจะใช้กี่ชาติถึงจะหมดล่ะวะ?

     โดนแหงล่ะ...อย่าว่าแต่ร้านหรูๆ เลย ร้านปกติก็โดนเรียกแน่...มาซาโอมิเอ่ยอย่างปลงๆ ...คงไม่คิดเล่นอะไรชวนหัวใจวายอีกนะ? “...เพราะงั้นห้ามคิดไปปีนโคมไฟเล่นหรืออะไรเด็ดขาดเชียวล่ะ

     แหมๆ ไม่ปีนหรอกน่าลุง...โคมระย้าที่นี่มันอันเล็ก เล่นไม่มันส์เท่าที่บ้านลุงน่ะเคียวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

    อย่าเห็นโคมระย้าเป็นของเล่นสิมาซาโอมิคุมขมับเมื่อนึกไปถึงยามที่อีกฝ่ายเคยไปปีนโคมไฟบ้านตนเล่น...คราวนั้นกลัวแทบตายว่าอีกฝ่ายจะร่วงตกลงมาจากความสูงห้าเมตรน่ะ เข้าไปหาที่นั่งเลย เกะกะหน้าร้านเข้า

    ขี้บ่น~~~” เคียวลากเสียงยาวอย่างกวนๆ แล้วแว่บไปที่นั่งด้านในสุดของร้านทันที

    เฮ้อ...มาซาโอมิยิ้มอย่างอ่อนใจพลางส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ แล้วเดินตามเคียวไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับนายตำรวจหนุ่ม “...จะสั่งอะไรก็สั่ง เดี๋ยวเลี้ยง

    เอาจริงนะลุง?” เคียวถาม

    เออมาซาโอมิขานรับไป

    หมดตูดอย่าว่ากันก็แล้วกันนะ~~~” เคียวลากเสียงด้วยสีหน้ารื้นเริง

    ฉันว่าเธอทำฉันหมดตูดไม่ได้หรอกมาซาโอมิส่ายหน้าไปมาอย่างขำๆ ...พวกเขาเคยอยู่ด้วยกันตั้งหลายวันย่อมรู้อยู่แล้วว่าเคียวนั้นไม่ได้กินถึงขนาดล่มจมแบบนั้นหรอก

    แหม มั่นใจจ...เคียวเอ่ยปากจะแซวคนอายุมากกว่า แต่แล้ว...

    หยุด! นี่คือการปล้น! ส่งของมีค่ามาให้หมดซะ!!!” ...กลับมาคนสวมไอ้โม่งจำนวนหนึ่งพรวดพลาดเข้ามาในร้านพร้อมยกอาวุธปืนขึ้นมาขู่เสียอย่างนั้น

    “...เดี๋ยวนี้โจรปล้นร้านน้ำชาแทนธนาคารแล้วเหรอ?” เคียวมองพวกโจรแล้วเอ่ยอย่างติดตลกนิดๆ

    ร้านหรูแบบนี้ต้องมีบ้างมาซาโอมิเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนักเช่นกัน...ก็ในร้านนี่มีทั้งยามมีทั้งความปลอดภัยระดับสูงเพื่อคนที่มาใช้บริการนิ จะมีอะไรต้องกังวลล่ะ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวหน่อยรักษาความปลอดภัยก็ไล่ไปเอง

    แต่ผมเห็นงานอยู่ตรงหน้าคงอยู่เฉยๆ ไม่ได้อ่ะลุงเคียวฉีกยิ้มร่าพลางลุกจากที่นั่ง ขอไปจัดการแป๊บนะ

    อย่าทำอะไรพังล่ะมาซาโอมิรู้ดีว่าห้ามไปก็เท่านั้นได้เพียงเอ่ยเตือน

    จะพยายาม...เคียวตอบกลับพร้อมทำท่าเตรียมจะลงมือ แต่แล้ว...

    เค้กสามลังที่สั่งมาส่งครับ~~~” ...กลับมีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองคนหนึ่งเปิดประตูร้านเข้ามาโดยที่บนบ่ามีลังขนาดใหญ่วางอยู่ พร้อมเดิมผ่านกลุ่มโจรอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น เท่านั้นไม่พอ...ยังมีสีหน้าติดรำคาญพวกโจรที่ยืนขวางทางตนอีกต่างหาก ไปชิ้วๆ เกะกะ ฉันต้องรีบส่งรีบกลับนะเฮ้ย

    เฮ้ย! นี่แก!หนึ่งในกลุ่มโจรตวาดลั่นเมื่อผู้มาใหม่เมินพวกตน...นี่กำลังปล้นร้านอยู่นะเว้ย! อย่าทำท่าเหมือนเขาเป็นแค่นักเรียนยกพวกตีกันสิวะ!!!

    หนวกหูเฟ้ย!ชายหนุ่มถีบคนที่ขวางตนพร้อมเอาลังที่ตนแบกอยู่วางตรงเคาร์เตอร์ ทั้งหมด ××× เยนนะครับ ขอจ่ายสดงดเชื่อนะครับ

    เออ...จากคาเฟ่มิสึกิใช่ไหมครับ?” พนักงานในร้านเอ่ยอย่างเอ๋อๆ เมื่อชายหนุ่มดันเมินพวกที่มาปล้นร้านตนซะงั้น

    ครับ และเซ็นรับด้วยชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเอ่ยพร้อมยื่นใบรับของให้อีกฝ่ายเซ็น

    นี่พวกแก...อย่ามาเมินกันนะเว้ย!!!เสียงแว๊ดลั่นดังออกจากปากคนที่โดนถีบก่อนหน้านี้

    ก็พวกนายไม่มีอะไรต้องสนใจนิชายหนุ่มเมื่อส่งของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยักคิ้วกวนๆ ใส่กลุ่มโจรที่กลายเป็นตัวประกอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    หน็อย...จัดการมันซะ!!!คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าและตัวต้นคิดในการปล้นครั้งนี้กัดฟันกรอดก่อนที่จะสั่งการลูกน้องตนให้จัดการคนผมสีน้ำตาลทอง

    เฮ้ยๆ! ฉันยังไม่อยากโดนเรียกค่าเสียหายนะเฟ้ย!!!ทางคนที่กลายเป็นเป้าหมายโวยลั่นพร้อมกับโดดเตะก้างคอคนที่เข้ามาถึงตัวตนคนแรกทันที

    ...นั้นใช่เรื่องควรห่วง?...

    หลายๆ คนภายในร้ายคิดอย่างเอ๋อๆ กับความคิดของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่ดูจะไม่กลัวโจรผู้ร้ายแม้แต่น้อย แถมยังห่วงในเรื่องค่าเสียหายมากกว่าการสู้กับคนจำนวนมากเสียอีก

    “...บนโลกนี่มีคนมีความคิดแบบเดียวกับฟุริฮาตะคุงด้วยเหรอเนี่ย?” มาซาโอมิที่ได้ยินคำพูดที่ชายหนุ่มผมน้ำตาลทองพูดถึงกับคิ้วกระตุก...เพราะไอ้ความคิดแบบนี้มันดันคล้ายกับไอ้นายตำรวจที่ดูท่าจะไม่ไปทำหน้าที่ตนแล้วกลับมานั่งลงตามเดิม

    พูดแบบนี้หมายความว่างไงลุง? ความคิดผมออกจะปกติเคียวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก

    ว่าแต่จะไหวไหมนั้น...มาซาโอมิที่ปลงกับนิสัยคนผมน้ำตาลไปนานแล้วเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเนื่องจากขี้เกียจเถียงกับอีกฝ่าย

    ไอ้นั้นไหวอยู่แล้วเคียวตอบกลับไป ไอ้นั่นน่ะ...ฝึกต่อสู้ที่เดียวกับผม ถึงจะในระดับความยากน้อยกว่าก็เถอะ

    “...บ้าเท่าเธอไหม?” พอได้ยินแบบนี้ มาซาโอมิก็อดถามต่อเช่นนี้เสียมิได้

    ผมไม่ได้บ้าสักหน่อยเคียวทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยแบบเซแซรงสุดๆ กับคำพูดอีกฝ่าย ไม่ต้องห่วง ไอ้ชิโระมันกากว่าผม

    ไม่กากเฟ้ย!!!ทันทีที่เคียวพูดจบประโยค...ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่ก่อนหน้านี้ซัดกับกลุ่มโจรอยู่ก็เดินมาหาพร้อมแยกเขี้ยวใส่

    จัดการเสร็จแล้วเหรอ?” เคียวเมินท่าทางปานจะขบหัวของอีกฝ่ายแล้วถามกลับไปด้วยน้ำเสียงกวนๆ

    เออ และพวกยามก็ลากไปส่งตำรวจแล้วด้วยชิโระหรือชิโรบะตอบกลับพร้อมตวัดมือโบกหัวอีกฝ่ายทีหนึ่งข้อหาทำเสียงกวน ซึ่งแน่นอนว่านายเคียวนั้นหลบได้อย่างทันทวนที

    ส่งโรงพยาบาลมากกว่ามั้ง...มาซาโอมิที่มองผ่านไปด้านหลังคนผมสีน้ำตาลทองและเห็นสภาพแต่ล่ะคนที่โดนลากออกจากร้านไป...ดูแล้วคงต้องนอนโรงพยาบาลยาวกันทุกหน่อเลย

    ก็นะชิโรบะยักไหล่น้อยๆ ว่าแต่นี่...ถ้าจำไม่ผิด ใช่อาคาชิ มาซาโอมิที่เป็นนักธุรกิจหรือเปล่าหว่า?”

    ใช่มาซาโอมิพยักหน้ารับ

    “...ไหงแกมาอยู่กับคนระดับนี่ได้วะเคียว? อย่าบอกนะว่าเดี๋ยวนี่มีเสี่ยเลี้ยง?” ชิโรบะหันไปถามเพื่อนตนเป็นอย่างต่อไป

    จะบ้าหรือไงวะไอ้ชิโระ! ลุงเป็นคนที่ฉันเคยคุ้มกันบวกกับพ่อแฟนโคกิเว้ย!เคียวแยกเขี้ยวใส่คนที่พูดอะไรชวนให้ชาวบ้านเข้าใจผิด

    อ๋อ ว่าที่พ่อตานี่เองชิโรบะหัวเราะในลำคอเบาๆ ...ที่จริงเขารู้อยู่แล้วล่ะว่าอย่างไอ้เคียวคงไม่คิดหาเสี่ยเลี้ยงหรอก เพราะมันซื่อบื้อ (?) แต่ก็แค่แกล้งนิดๆ พอเป็นพิธีแค่นั้นแหละ

    ตามนั้นเคียวเอ่ย

    งั้นแกก็คุยกับพ่อตาแกไปแล้วกัน ฉันกลับไปทำงานล่ะชิโรบะที่ไม่อยากขัดขวางเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวชาวบ้านนักเอ่ย อ๋อ...และแกอย่าลืมที่นัดเจ๊กับไอ้โยชิกิในคืนนี่ด้วยล่ะ เดี๋ยวโดนตีหัวเอา

    รู้แล้วๆเคียวขานรับไป ในขณะที่ชิโรบะเดินออกจากร้านไปโดยไม่คิดฟังตอบรับเลยเหมือนแค่พูดเตือนเฉยๆ เท่านั้น

    เธอจะไปไหนเหรอคืนนี้?” พอสภาพในร้านกลับมาเป็นปกติและที่โต๊ะเหลือเพียงพวกตนสองคน มาซาโอมิก็ทำการยิงคำถามใส่นายเคียวทันที

    ผับน่ะลุง นัดเพื่อนไว้เคียวตอบ

    อย่างเธอเที่ยวด้วย?” มาซาโอมิที่เคยเจอด้านเด็กอนามัย (?) ของอีกฝ่ายมาแล้วถามขึ้นอย่างแปลกใจ

    ปกติไม่ แต่สำหรับผับนี่ก็ไปบ่อยๆ น่ะเคียวยักไหล่น้อยๆ

    อื้อ...มาซาโอมิพอได้คำตอบแบบนี้ก็ทำท่าครุ่นคิดก่อนที่จะ... “...งั้นไปด้วย

    ห๊า?” ...เอ่ยในสิ่งที่ทำให้นายเคียวเกิดอาการงุนงงขึ้นมาในฉับพลัน ลุงว่าไงนะ?”

    ฉันไปด้วยมาซาโอมิเน้นย้ำคำพูดเดิมอีกรอบชัดๆ

    จะไปทำไมลุง? จะปล่อยแก่หรือไง?” เคียวรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่ตาแก่บ้างานยี่สิบสี่ชั่วโมง (?) คนนี้อยู่ๆ อยากไปเที่ยว...ก็ไอ้ตอนที่เขาทำหน้าที่คุ้มกันรายนี้คราวก่อนเห็นทำแต่งาน งานและก็งานโดยไม่มีความกังวลเรื่องโดนลอบทำร้ายสักนิดนีนะ ไม่คิดว่าจะมีต่อมอารมณ์อยากเที่ยวกับเขาด้วยแฮะ

    ไปตามคุมเธอมั้งมาซาโอมิเอ่ย

    พูดยังกับภรรยาไปตามคุมความประพฤติสามีไปได้เคียวหลุดขำออกมาเบาๆ กับคำพูดอีกฝ่าย

    ก็นะ...” ...ที่จริงก็ตามไปคุมเธอจริงๆ นั้นแหละ กลัวมีไอ้บ้าที่ไหนจีบตัดหน้าเขาน่ะ

    เดี๋ยวนี้ส่งมุขรับมุขเก่งนะลุงเคียวแซวคนอายุมากกว่า

    ติดจากเธอนั้นแหละมาซาโอมิยอมรับว่าเมื่อก่อนเขาเป็นพวกจริงจังจนเรียกได้ว่าทุกคำพูดไม่มีการล้อเล่นแน่...แต่ตั้งแต่เขารู้จักฟุริฮาตะ เคียวมาเนี่ยรู้สึกว่าเขาจะเริ่มพูดเล่นบ่อยขึ้นเยอะเลย ทำเอาลูกชายเขาตอนแรกที้กลัวเขาแทบตายสนิทกับเขาขึ้นจมเลย...

    ...ควรขอบคุณที่รายนี้แพร่เชื้อบ้า (?) มาให้ไหมเนี่ย?

    น่าๆเคียวยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ว่าแต่ลุงไปเที่ยวผับเนี่ยไม่กลัวมีข่าวลือเสียๆ หายๆ หรือไง?”

    แค่เข้าผับนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสักหน่อยนิถึงมาซาโอมิไม่รู้ว่าคำว่านักธุรกิจในหัวเคียวนั้นเป็นไง แต่ที่แน่ๆ คือคงคิดว่าคนทำอาชีพนี่ต้องเนียบให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้แหง ที่น่าห่วงคงมีแค่เรื่องคนเมาตีกันหรือเจออริแค่นั้นแหละ

    ไม่ต้องห่วงลุง ถ้าเรื่องนั้นไม่เกิดในผับนั้นแน่...ถ้ายังรักชีวิตตัวเองอ่ะนะเคียวยิ้มร่าแบบที่...ดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย

    หมายความว่าไง?” มาซาโอมิถาม

    เดี๋ยวก็รู้เคียวเอ่ย ซึ่งทางมาซาโอมิที่รู้ว่าง่าวปากรายนี้ไปก็เท่านั้นเลยเลือกที่จะปล่อยๆ มันไปเสียอย่างนั้นพร้อมกับสั่งของว่างและเครื่องดื่มมาทานเล่นพลางคุยกันไป...ซึ่งเนื้อหาในเรื่องที่ทั้งสองคุยส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวกับเรื่องของอาคาชิ เซย์จูโร่กับฟุริฮาตะ โคกิแทบทั้งสิ้น...

    ...และการสนทนาของคุณพ่อลูกหนึ่งกับคุณพี่หวงน้องคงดำเนินไปอีกนาน

     

     

     

     

     

    ????????????????????????????????

    เสียงดนตรีดังก้องกังวาลออกมาเบาๆ จากอาคารเดี่ยวแห่งหนึ่งที่รูปร่างภายนอกอาคาร...ปานบ้านผีสิง หากไม่ติดว่ามีป้านติดหน้าทางเข้าเด่นหราว่า ผับซันไนท์พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอายุผู้เข้าที่หน้าทางเข้าล่ะก็ คงไม่มีใครรู้เป็นแน่ว่านี่เป็นผับไม่ใช่บ้านผีสิง

    “...เป็นผับที่แหวกแนวดีเนอะมาซาโอมิวิจารณ์สถานที่ตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งๆ ...อาจเป็นเพราะอยู่กับเคียวในช่วงหนึ่งทำให้ตนมีภูมิคุ้มกันเรื่องเหนือความคาดหมายมากขึ้นกระมั้ง

    รสนิยมเจ๊กแกน่ะเคียวยักไหล่น้อยๆ รีบเข้าไปเถอะลุง ยืนตรงนี้เกะกะคนอื่นเขา

    ไม่ต้องกัดเป็นของแถมก็ได้นะมาซาโอมิบ่นคนอายุน้อยกว่าน้อยๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเคียว...ซึ่งภายในผับนั้นตรงข้ามกับภายนอกลิบลับด้วยตกแต่งแนวคลาสิคสีโทนสว่างเพื่อที่จะได้ไม่มีใครเดินเตะอะไรเมื่อปิดไฟ บรรกาศภายในร้านนั้นออกไปทางครื้นเคร้งแต่ก็สงบแบบขัดแย้งกันสุดขั้ว แถมมีผู้คนล้นหลามบ่งบอกได้ว่าที่นี่เป็นที่ที่คนนิยมชมชอบกันน่าดู

    เคียว~~~~!!!” ระหว่างที่นักธุรกิจหนุ่มกำลังมองภายในผับอย่างสนใจอยู่นั้นเอง...เสียตะโกนหวานๆ ของใครสักคนก็ดังขึ้น เรียกให้มาซาโอมิมองยังต้นเสียง จึงเห็นหญิงสาวผมสีดำระบ่าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ดวงเขียวจ้องที่เคียวราวล็อกเป้าหมายและ... แก - มา - สาย!!!

    ...ไม่กี่วิต่อมาสาวเจ้าก็โดดเตะนายเคียวเสียราวกับโกรธแค้นมาตั้งแต่ชาติปานไหน

    เฮ้ย! แค่สองนาทีเองนะ!เคียวแว๊ดลั่นพร้อมยกแขนขึ้นมากันอย่างรวดเร็ว คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เดี๋ยวแก่เร็วหรอก!

    ...นี่จะใส่เชื้อไฟเพิ่มเพื่อ?...

    มาซาโอมิถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางนึกในใจว่าคงต้องหาครอสมารยาทหรือครอสสอนวิธีการพูดให้ถูกหูคนกับรายนี่จริงๆ เสียแล้ว...นี่ไม่รู้หรือไงว่าสำหรับผู้หญิงคำว่าแก่เป็นคำต้องห้าม! (เหรอ? // S , โอเค เว้นเธอไว้คนหนึ่งแล้วกัน // มาซาโอมิ)

    ใครแก่ห๊าไอ้ง่าว!สาวเจ้าแยกเขี้ยวใส่ก่อนที่จะ...จับนายเคียวทุ่ม

    แอ๊ก! ป่าเถื่อน!เคียวที่โดนทุ่มหาทางหลุดจากน้ำมือสาวเจ้าได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ตะเตะตัดขาอีกฝ่ายด้วยความเร็วไม่แพ้กัน

    ไม่ได้แอ้มหรอกย่ะ!สาวเจ้ากระโดดหลบ

    “...” มาซาโอมิมองการต่อสู้ตรงหน้าอย่างไม่รู้ว่าควรชมเฉยๆ หรือว่าห้ามดี...ถึงเขาไม่ค่อยเห็นด้วยการที่ฟุริฮาตะ เคียวสู้กับผู้หญิง แต่จากที่ดูแล้วต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงแต่ก็สู้สูสีกับนายตำรวจแรงช้างนี่พอดูเลย

    นี่...คุณ...เสียงฟังดูยานๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนดังขึ้นที่ด้านหลังทำให้นักธุรกิจหนุ่มที่ยืนชมการต่อสู้เพลินๆ (?) อยู่นั้นสะดุ้งโหยงและรีบหันขวับไปทางต้นเสียง...ก่อนจะพบว่ายามนี้มีชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวยืนหน้าง่วงอยู่หลังตนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบ “...ปล่อย...เดี๋ยวจบ...แล้ว

    หื้อ?” มาซาโอมิมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ พลางพยายามประติดประต่อคำพูดของอีกฝ่าย

    โยชิกิมันบอกว่าปล่อยไว้งั้นแหละ เดี๋ยวสองคนนั้นเลิกเองชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่ก่อนหน้านี้มาซาโอมิเจอที่ร้านน้ำชาเดินมาสมทบเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแปลคำพูดของชายหนุ่มนามโยชิกิไม่ออก

    “...แน่ใจว่าจะเลิก?” มาซาโอมิถาม

    แน่ เพราะ...ชิโรบะแสยะยิ้มน้อยๆ ก่อนที่...

    ยัยคานะ! ครบสามนาทีแล้ว!” ...เคียวเอ่ยคำพูดที่ดูจะไม่เข้ากับสถานการณ์ออกมา

    ชิ! เสมออีกแล้ว!หญิงสาวนามคานะหรือคานาเดะดีดตัวออกห่างก่อนที่จะยืนด้วยสีหน้าเซ็งๆ

    สองคนนี้กำลังแข่งกันว่าใครจะชนะก่อนในสามนาทีน่ะ...เห็นเล่นมานานแล้วยังไม่รู้ผลเลยเนี่ยชิโรบะเอ่ยอธิบายหน้าตายราวกับเคยชินที่ต้องอธิบายอะไรเช่นนี้

    “...” ส่วนมาซาโอมิก็ถึงกับกินจุดไปครู่ใหญ่ๆ ...นี่สรุปที่สู้กันนี่คือสู้เล่น เฉยๆ สินะ?

    เฮ้ ลุง...โทษทีที่ให้รอเคียวที่เป็นหนึ่งในตัวต้นเหตุของความวุ่นวายเมื่อครู่เดินกลับมาหามาซาโอมิที่รออยู่

    ใครวะไอ้เคียว?” คานาเดะที่เดินตามหลังมาถาม

    ว่าที่พ่อตามันน่ะเจ๊คำถามที่ถูกส่งมานั้นเคียวไม่ทันตอบอะไร ชิโรบะก็ทำหน้าที่ตอบแทนเสียอย่างนั้น

    อ๋อ ที่แกบอกน่ะนะ?” คานาเดะเลิกคิ้วน้อยๆ

    เออชิโรบะขานรับไปห้วนๆ ก่อนที่จะได้จานรองแก้วบินจากหญิงสาวกระแทกหัวไปหนึ่งที

    ขานรับดีๆ หน่อยสิย่ะ!คานาเดะแยกเขี้ยวใส่

    เจ๊ป่าเถื่อน! จะฟ้องฮิโระจัง!ชิโรบะโวยวายใส่

    ไม่ต้องเลยย่ะ!คานาเดะแว๊ดใส่และ...เริ่มฟัดกับชิโรบะเป็นการต่อสู้รอบสอง (?)

    ปล่อยพี่น้องทะเลาะกันไปเถอะลุง ไปที่หน้าเคาเตอร์เถอะเคียวหัวเราะเบาๆ

    อื้มมาซาโอมิขานรับสั้นๆ ด้วยความปลงกับความวุ่นวายที่เจอตั้งแต่เข้ามาสถานที่แห่งนี้เล็กน้อยๆ

    “...” ก่อนที่เคียวจะพามาซาโอมิไปไหน โยชิกิมองคนอายุมากกว่านิดๆ แล้วตบบ่าเบาๆ “...ทำใจ...นะ...ป่วน

    “...” ...จะพูดอะไรเนี่ย!? ใครก็ได้แปลกให้เขาที!

    ว่าใครป่วนห๊า!? ไอ้โยชิกิ!เคียวแยกเขี้ยวใส่เพื่อนตัวเอง

    เคียว...โยชิกิเอ่ยพร้อมที่เคียวอย่างเจาะจง

    นายก็พอกันแหละ!เคียวเถียงกลับ

    ปกติกว่า...โยชิกิเอ่ยก่อนที่โงกหัวไปเหมือนจะหลับ

    อย่าเพิงหลับเว้ยยยยย!!!เคียวที่รู้ว่าท่าทางแบบนี้คืออะไรตะโกนใส่หูกฝ่ายเสียงดังลั่น...แถมไม่ใช่แค่เคียวอีก ทางสองพี่น้องเมื่อเห็นท่าทางของโยชิกิก็พากันมาแว๊ดใส่ไม่ต่างกัน...

    ...ขี้เกียจเก็บแกถ้าหากแกเผลอหลับในนะเว้ย! ไอ้โยชิกิ!!!

    อื้ม...โยชิกิที่โดนตะโกนกรอกหูเอ่ยขึ้นอย่างัวเงีย

    “...เพื่อนเธอนี่เฮฮาดีเนอะฟุริฮาตะคุงมาซาโอมิไม่รู้จะว่าไงกับเหตุการณ์แบบนี้ได้เพียงเอ่ยเช่นนี้

    นั้นสิน้าาาาาเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาสนับสนุนคำพูดของมาซาโอมิ ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยงและหันขวับไปมองต้นเสียง...และพบเด็กหนุ่มผมดำ ไม่สิ ต้องเป็นชายหนุ่มเพราะที่นี่ห้ามคนต่ำกว่ายี่สิบเข้า กำลังยืนยิ้มร่าอย่างกวนพระบาทาอยู่

    เฮ้ย!หนุ่มสาวทั้งหลายสะดุ้งโหยงไม่ต่างกันและมองไปยังต้นเสียง ยูโตะซัง! มาไงครับ / ค่ะ!?”

    ปีนหลังคาเข้ามาชายหนุ่มผมดำนามยูโตะเอ่ยยิ้มๆ

    เข้ามาทางปกติเถอะ!คานาเดะะทำหน้าเหมืนกินยาขม แล้วคิโยมิซัง...

    โดนศรีภรรยาสุดที่รักไล่ออกจากบ้านอ่ะ...ยูโตะทำท่าหง่อยๆ “...แถมคราวนี้หาทางกลับเข้าบ้านไม่ได้ด้วย

    ปกติเข้าได้นิครับ?” เคียวถามอย่างแปลกใจ...เพราะปกติรายนี้หาทางเข้าบ้านตัวเองด้วยวิธีพิสดารต่างๆ นาๆ ได้ทุกครานิ?

                    คิโยมิเอากับระเบิดขวดติดไว้ทุกทางที่ฉันเข้าได้อ่ะยูโตะตอบ

    ช่างไม่กลัวบ้านไฟไหม้...แต่ละคนเมื่อได้ยินแบบนี้ก็พากันคุมขมับแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ

    บ้านฉันเป็นฉนวนกันไฟทั้งบ้าน ไม่เป็นไรหรอกยูโตะสวนกลับทันควัน

    เอาฉนวนกันไฟมาทำบ้านเนี่ยนะ?” เคียวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

    เปล่า วัตถุกันระเบิดเลยล่ะ...พอดีช่างที่มาช่วยซ่อมบ้านบ่อยๆ เริ่มขี้เกียจเลยเอาวัตถุกันระเบิดมาให้เลยน่ะยูโตะอธิบาย

    ถึงว่า บ้านคุณเดี๋ยวนี้ดูดีขึ้นคานาเดะทำหน้าถึงบางอ๋อ...ถึงว่าช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นบ้านรายนี่ทะลุ (?) เพราะแบบนี้สินะ

    ...เออ...นี่ช่วยบอกทีว่าที่คุยกันนี่คือเรื่องปกติ...

    มาซาโอมิทียืนฟังมานานชักอยากตบมุขขึ้นมาตงิดๆ กับบทสนทนาที่แสนไม่ปกติของแต่ล่ะหน่อนี่แล้วสิ...มีใครที่ไหนพูดเรื่องแบบนี้กันได้หน้าตาเฉยห๊า!? แล้วที่บ้านคนชื่อยูโตะนี่มันยังไงกันถึงกับต้องใช้วัตถุกันระเบิดมาทำบ้านเนี่ย!?

    ว่าแต่เคียวคุง...นี่ใครอ่ะ? เพื่อนใหม่เหรอ?” ยูโตะที่เพิ่งสังเกตเห็น...ไม่สิ ที่จริงเพิ่งนึกอยากถาม ถามถึงมาซาโอมิที่ยืนฟังเงียบๆ มานานเอ่ยขึ้น

    ประมาณนั้นแหละครับเคียวตอบไปส่งๆ

    ที่จริงว่าที่พ่อตาไอ้เคียวน่ะครับชิโรบะที่อยากมีส่วนร่วมหรืออย่างไรไม่ทราบเอ่ยแทรกขึ้นมา

    อ๋อ~~~ งั้นตำแหน่งเดียวกับฉันเลยยยยยูโตะยิ้มร่าพลางเดินไปตบบ่ามาซาโอมิอย่างอารมณ์ดี

    อ้าว? ลูกคุณก็มีแฟนแล้ว?” คานาเดะถามต่อ

    ช่ายยยย ทั้งสองเลยยยยยูโตะลากเสียงยาวอย่างอารมณ์ดี

    “...” ...ถามจริง...นี่สภาพคนมีลูกสองแล้ว? ดูยังไงก็ไม่น่าเกินยี่สิบนะ เออ...ขอเสียมารยาทหน่อยนะครับ ลูกคุณที่ว่าอายุเท่าไหร่?”

    คนโตสิบแปด คนเล็กสิบเจ็ดน่ะยูโตะตอบหน้าตาเฉย

    “...เอาจริงสิมาซาโอมิคิ้วกระตุกยิกๆ ...นี่ทำอีท่าไหนหน้าอ่อนได้ขนาดนี้เนี่ย!? ที่สำคัญกว่านั้น...

    ...ลูกรายนี่แก่กว่าลูกชายเขาอีก!...แสดงว่ารุ่นราวคราวเดียวกันหรือไม่ก็อาจแก่กว่าเขาน่ะสิ!...

    น่าๆ ลุง...ยูโตะซังแค่หน้าอ่อนน่ะเคียวที่ดูจะชินกับเรื่องแบบนี้มากเอ่ย

    ถ้าเจอคิโยมิซังหน้าอ่อนกว่านี่อีกนะ ทำใจเถอะลุงคานาเดะะเอ่ยเหมือนปลอบ...แต่ขอโทษ สีหน้าเนี่ยเหมือนกำลังสนุกชัดๆ เลย

    ลุง...อย่าเพิ่งสติแตก...โยชิกิเอ่ยนิ่งๆ แต่ท่าทางก็ทำให้คนฟังคิ้วกระตุกอยู่ดี

    สามัคคีเรียกลุงจังนะ!มาซาโอมิโวยเล็กน้อย...สำหรับฟุริฮาตะคุงโอเค ชินแล้ว แต่อีกสองหน่อนี่เพิ่งรู้จักกันแป๊บเดียวอย่ามาเรียกลุงอย่างสนิทสนมสิ!

    ก็เป็นลุงจริงๆ นี่~~~” สามหน่อที่แซวมาซาโอมิเมื่อครู่ลากเสียงยาวอย่างกวนบาทาเป็นที่สุด

    ฮะๆๆๆ โดนสามหน่อสุดโหดป่วนแล้ว!ชิโรบะที่ไม่ได้เข้าร่วมวงแกล้งกับเขาด้วยหัวเราะออกมาเสียงดัง

    สามหน่อสุดโหด?” มาซาโอมิหันมาสนใจชิโรบะที่ยังเป็นผู้เป็นคนปกติอยู่ (?) ...ไอ้สามหน่อสุดโหดนี่มันอะไรฟะ?

    ฉายาเมื่อก่อนของสามคนนี่น่ะชิโรบะตอบ

    เคียวคุง คานาเดะคุงและโยชิกิคุงเป็นเพียงสามคนที่ฝึกต่อจบคลาสต่อสู้ระดับสูงสุดจากศรีภรรยาฉันมาได้น่ะยูโตะเอ่ยอย่างเริงร่า

    “...” ...เออ...อาจารย์ที่ฟุริฮาตะคุงเคยบอกเป็าภรรยารายนี่?

    เอ้าๆ อย่าเงัยบสิ~~~ อึ้งหรือไงที่คนสอนเคียวคุงเป็นผู้หญิงอ่ะ? นี่ถ้าคิโยมิมาเจอคงโดนตีหัวแตกแน่~~~” ยูโตะตบหลังมาซาโอมิป๊าบๆ ราวกับรู้จักกันมาแรมปี

    เปล่า...แค่กำลังคิดว่าสอนอีท่าไหนถึงออกมาแบบนี้เอง...มาซาโอมิที่ไม่อยากถูกตบหลังจนหลังหักเอ่ยตอบส่งๆ ไป...นี่ตีสนิทคนอื่นเร็วไปไหมเนี่ยรายนี้?

    งั้นเหรอๆยูโตะพยักหน้าอย่างเข้าใจแบบไม่ติดใจอะไรนัก อ๋อ จะว่าไปยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนี่เนอะ~~~ มาสนิทๆ กันดีกว่าในฐานะผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันน่ะ~~~”

    “...ที่จริงควรคิดเรื่องนี้เป็นอย่างแรกนะมาซาโอมอบ่นนิดๆ ...ปกติการแนะนำตัวควรทำเป็นอย่างแรกไม่ใช่เหรอ!?

    น่าๆ อย่าเครียดสิ เดี๋ยวแก่เร็วหรอกยูโตะยิ้มอย่างร่าเริง

    เพราะชอบพูดว่าแก่นี่เลยทะเลาะกับคิโยมิซังทุกครั้งไม่ใช่หรือไง...คานาเดะบ่นพึมพำขึ้นมาเบาๆ

    อย่างน้อยคิโยมิก็แก่กว่าฉันจริงๆ นิยูโตะเถียงสาวผมดำเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาคุยกับมาซาโอมิต่อ อ๋อ และฉันชื่อมิยาจิ ยูโตะนะ ยินดีที่ได้รู้จัก

    อาคาชิ มาซาโอมิมาซาโอมิเอ่ยแนะนำตัวสั้นๆ

    ที่เป็นนักธุรกิจน่ะนะ?” ยูโตะเอียงคอน้อยๆ อย่างน่ารัก และสิ่งที่ได้กลับมาคือการพยักหน้ารับของมาซาโอมิ พ่อตารวยน่าดูเนอะ เคียวคุง

    เป็นตาลุงบ้างานมากกว่าเคียวเอ่ยโดยเมินสายตาคอดค้อนของว่าที่พ่อตาไป

    ไม่เท่า...โยชิกิมองมาซาโอมิก่อนที่จะเหล่ไปยังคานาเดะ

    ไม่ต้องเหล่มองฉันเลยย่ะ!คานาเดะที่ดูจะเข้าใจว่าโยชิกิหมายถึงอะไรจัดการเขกหัวอีกฝ่ายไปหนึ่งที

    “...แต่ล่ะคนดูไม่คิดอะไรเลยเนอะมาซาโอมิมองความวุ่นวานที่เกิดขึ้นอีกรอบ

    เกินปกติไปกันหมดแล้วนี่คงคิดกันหรอกชิโรบะยักไหง่น้อยๆ และในขณะนั้นเอง...

    ปัง!

    คานาเดะซัง ชิโรบะซัง! เกิดเรื่องแล้วครับเว้ยยยยย!!!” ...ก็มีชายหนุ่มร่างเล็กผมสีฟางข้าวคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาภายในร้านด้วยสภาพหอบแฮ่กๆ ดวงตาสีเขียวตวัดมองไปยังสองชื่อที่ตนเรียกเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว

    หื้อ? อะไร?” คานาเดะกับชิโรบะถามผู้มาใหม่อย่างงงๆ

    น้องเล็กพวกคุณโดนโจรอุ้มไปแล้ว!คนโดนถามรีบตอบแม้จะยังมีอาการหอบน้อยๆ ก็ตาม

    ห๊า!?” สองหนุ่มสาวยังคงทำหน้างงอย่างคนตามไม่ทัน

    เมื่อกี้มีโจรปล้นร้านสะดวกซื้อ แล้วน้องพวกคุณซวยเดินผ่านไปพอดี...ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวเมื่อปรับลมหายใจตัวเองได้แล้วอธิบายเพิ่มเติม

    เลยโดนจับเป็นตัวประกัน...สินะ?” เคียวที่จับประเด็นได้แล้วเอ่ยสรุป

    ฮิโระจางงงงงง!!!เพียงรู้ความเท่านั้นแหละ...ทั้งคานาเดะทั้งชิโรบะก็ต่างวิ่งออกจากร้านไปด้วยความเร็วแสง

    “...เธอไม่ไป?” มาซาโอมิมองคนที่วิ่งชนิดที่น่าจับไปเป็นนักวิ่งก่อนจะถามนายตำรวจหนุ่มที่อยู่กับตน

    ไม่ล่ะลุง แค่สองคนนั้นโจรจะรอดชีวิตกลับมาหรือเปล่ายังไม่รู้เลยเคียวยักไหล่น้อยๆ

    รอดชัวท์ ถ้าไปแค่สอง...แต่ถ้าคุณไปด้วยมีหวังมีคนปวดจิตตายของแท้ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวมั่นใจว่าถ้าหากอีกฝ่ายไปร่วมวงกับสองคนที่ออกไปก่อนหน้านี่ล่ะก็...หายนะมาชัวท์

    ก็นะมาซาโอมิไม่เถียงว่าอาจมีคนปวดจิตตายหากนายเคียวไปร่วมป่วนด้วย...และในเวลาที่คุยกันอยู่นี่แหละ...

    ปัง!

    ไอ้โยชิกิ! น้องแก...” ...ชายหนุ่มผมสีทองท่าทางจิ๊กโก๋คนหนึ่งวิ่งเข้ามาภายในร้านเพื่อบอกอะไรสักอย่าง...แต่ไม่ทันพูดจบประโยค นายโยชิกิก็วิ่งออกจากร้านไปเสียแล้ว “...อ้าวเฮ้ย! ไม่ฟังให้จบหน่อยเหรอ!?”

    คงคาดเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะ เรียวชายหนุ่มผมสีฟางข้าวถอนหายใจออกมาเบาๆ ...บังเอิญหรืออะไรเนี่ยที่มาบอกข่าวคล้ายๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกันเนี่ย?

    อย่างน้อยฟังให้จบหน่อยเถอะ!ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเรียกเรียวโวยเล็กน้อย

    สำหรับโยชิกิซังคงยากน่ะชายหนุ่มผมสีฟางข้าวเอ่ยอย่างใจเย็น

    “...รู้สึกแต่ละคนนี่ชวนปวดหัวดีนะมาซาโอมิที่แทบถูกลืมส่ายหน้าไปมาด้วยความปลงกับแต่ล่ะคนที่ไม่ปกติเอาเสียเลย

    ก็แบบนี้แหละลุงเคียวตอบมาซาโอมิก่อนหันไปทางเรียว แล้วทำไมวันนี้มางานสายเนี่ยพวกนาย?”

    พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะเรียวตอบ...และจากนั้นทั้งสามก็ต่างคุยกันไปเรื่อยอย่างเมามันส์ ปานแม่บ้านยามเย็น โดยไม่รู้สึกถึงสายตาของมาซาโอมิที่มองไปยังเคียวแม้แต่น้อย

    นี่ๆ มาซะคุงระหว่างที่มาซาโอมิมองสามหนุ่มที่คุย...ออกไปทางนินทาชายสองหญิงหนึ่งที่วิ่งออกไปช่วยน้องตัวเองกันก่อนหน้านี้อยู่ ยูโตะก็เรียกพลางเขย่าตัวนักธุรกิจหนุ่มปานน้ำผลไม้เพื่อให้หันมาสนใจตน

    หื้อ?” มาซาโอมิขานรับก่อนที่จะโดนเขย่าจนเวียนหัวตาย

    อย่าหึงไปน่า สองคนนั้นไม่คิดอะไรกับเคียวคุงเกินเพื่อนหรอก...คานาเดะคุง ชิโรบะคุงและโยชิกิคุงด้วยยูโตะเอ่ยหน้าตาเฉย

    เหรอ...เฮ้ย! ไม่สิ! มาบอกกันทำมายยยย!?” มาซาโอมิที่หลุดตอบรับไปรีบหาทางแก้คำทันที...ทำธุรกิจมาหลายสิบปีไม่เคยหลุดมาดหรือหลุดรับคำอะไรโดยไม่คิด เพิ่งมาเป็นเอาปานนี้ได้ไงเนี่ย...

    ...หรือว่าเขาติดเชื้อบ้าจากฟุริฮาตะคุงมาจริงๆ แล้วหว่า?

    ก็กลัวเข้าใจเคียวคุงผิดอ่ะ...อย่าคิดนะว่าดูไม่ออกว่ากำลังจะจีบเคียวคุงน่ะ~~~~” ยูโตะยิ้มยี่ยัวอย่างน่าถีบ พยายามเข้านะ...หากไม่กล้าบอกเดี๋ยวบอกให้แทนเอง

    อย่านะ!มาซาโอมิรีบหาทางห้ามไม่ให้อีกฝ่ายที่รู้ความลับของตนปากพล่อยอย่างรวดเร็ว หากแต่ด้วยความที่ยูโตะนึกสนุกหรืออย่างไรก็ไม่ทราบจึงพยายามมุดไปบอกเรื่องนี้กับเคียวทุกครั้งที่มีโอกาส...เลยทำให้เกิดความวุ่นวายจากผู้อาวุโสทั้งสองขึ้นเป็นอย่างถัดไป

     

     

     

     

     

    “...ทำไมสุดท้ายกลายเป็นงี้ล่ะ?” เสียงบ่นเบาๆ ดังออกจากปากชายผู้คุมเศรษฐ์กิจแทบทั่วทั้งญี่ปุ่นขณะที่เดินข้างชายหนุ่มผมน้ำตาลซึ่งแบกชายผมดำที่เมาหลับอยู่อย่างอ่อนอกอ่อนใจ...ส่วนสาเหตุที่ในตอนนี้ทั้งมาซาโอมิทั้งเคียวต้องมาทำอะไรเช่นนี้ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านี้...

    ...ก่อนหน้านี้นั้นหลังจากที่มาซาโอมิหาทางปิดปาดยูโตะ (?) ไม่ให้พูดอะไรแปลกๆ ให้เคียวฟังได้แล้ว ยูโตะที่ดูจะเซ็งที่ไม่ได้แกล้งมาซาโอมิเลยลากนักธุรกิจหนุ่มไปนั่งก๊งกับตน...และด้วยความที่ยูโตะคออ่อนหรือมาซาโอมิคอแข็งก็มิทราบ นายมิยาจิ ยูโตะเลยเมาหลับไปทั้งๆ อย่างนั้นแหละ

    ...แล้วด้วยความที่ไม่อยากให้ยูโตะตื่นขึ้นมาป่วนหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ พนักงานทั้งผับเลยโยนหน้าที่ให้พายูโตะกลับบ้านก่อนที่ศรีภรรยารายนี้จะมาตามตัวถึงที่...จนสุดท้ายทั้งมาซาโอมิทั้งเคียวเลยต้องนำตัวคนเมาไปส่งบ้านด้วยประการนี่แล

    น่าๆ ลุง...ก็แบบนี้ประจำแหละเคียวเอ่ยอย่างร่าเริง...ดูท่าจะชินกับเหตุการณ์เช่นนี้พอดู

    แล้วแบบนี้...” ...ศรีภรรยารายนี้ไม่ตีหัวตายเหรอนั้น?

    ไม่หรอก ถ้าเดา...คิโยมิ้ซังคงต้องการให้ยูโตะซังไปเมาแบบนี้อยู่แล้วล่ะ แต่ด้วยเหตุผลอะไรนี่ไม่รู้สิเคียวอธิบายอย่างรู้ทันขณะที่มาหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง

    งั้นเหรอมาซาโอมิพยักหน้ารับพลางมองเคียวที่เอื้อมมือไปกดกริ๊งหน้าบ้าน

    กิ๊งก๊อง...

    ค่า...หลังเสียงกริ๊งดังขึ้นไม่นานประตูบานก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นผู้หญิงผมสีน้ำผึ้งคนหนึ่งซึ่งหน้าตาเรียกได้ว่าสวยพอดู...หากใบหน้านั้นไม่ทำสีหน้าเซ็งๆ ทันที ที่เห็นหน้าเคียวพร้อมกับคำพูดที่ขัดกับหน้าตาสุดแสน “...อ้าว? แกเองเหรอ? เอายูโตะมาส่งสินะ...แล้วข้างๆ นั้นใคร?”

    สวัสดีครับ ผมอาคาชิ มาซาโอมิแบบ...เป็นว่าที่พ่อตาของฟุริฮาตะคุงน่ะครับมาซาโอมิเอ่ยแนะนำตัวตามมารยาท

    อ๋อ งั้นเชิญเข้ามาก่อน ส่วนยูโตะ...ทิ้งไว้หน้าบ้านนั้นแหละคิโยมิเอ่ย

    เอาจริง?” เคียวถามกลับ

    ล้อเล่น เอามันไปเก็บที่ห้องมันนั้นแหละคิโยมิยักไหล่น้อยๆ ...คิดว่าเธอจะให้ทิ้งสามีตัวเองไว้นอกบ้านจริงๆ เหรอ? หากมันป่วยขึ้นมาเธอขี้เกียจดูแลนะ

    โอเคเคียวพยักหน้ารับพลางเดินเข้าบ้านไปอย่างถือวิสาสะ

    ส่วนคุณก็มารอไอ้เคียวในห้องรับแขกนั้นแหละสาวเจ้าเอ่ยพร้อมกับส่งสีหน้าประมาณว่า ไม่ทำตามโดนไปให้

    อา...ครับ...มาซาโอมิที่ไม่อยากลองดีกับรายนี่เท่าไหร่นักพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในบ้านไป คิโยมิก็เดินนำชายหนุ่ม (เหลือน้อย... #หลบตรีน // S) ไปยังห้องรับแขกก่อนที่จะหยิบชามาเสริฟ์ประสาเจ้าบ้านที่ดี

    นี่นาย...คิโยมิที่ทิ้งตัวนั่งตรงข้ามมาซาโอมิมองอีกฝ่ายตาแป๋ว “...เป็นพ่อตาไอ้เคียวสินะ? แน่ใจ?”

    แค่ว่าที่ครับ ยังไม่ได้เป็นตอนนี้สักหน่อยมาซาโอมิเอ่ย

    ฉันว่าไม่ได้แค่นั้นนะคิโยมิฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ กะจีบอ่ะสิ

         “...” มาซาโอมิที่เกือบสำลักน้ำชาเพราะคำพูดตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย ชัดเจน...ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

    ก็ไม่นะ หากเป็นคนธรรมดาหรือไอ้เคียวคงดูไม่ออกหรอกคิโยมิเอ่ย เล่นหน้านิ่งเหมือนพวกขี้เก๊กแบบนี้ปกติคงดูไม่ออกกัน ส่วนไอ้เคียว...มันซื่อบื้อเรื่องความรัก ไม่รู้ตัวชัวท์

    งั้นเหรอครับมาซาโอมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...แสดงว่ารายนั้นยังไม่รู้สินะ?

    อื้มคิโยมิพยักหน้ารับ แล้วคิดบ้าอะไรจะจีบไอ้เคียวล่ะ?”

    ก็...ไม่มีอะไรครับ รู้ตัวก็...มาซาโอมิหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย...ก็ไอ้อาการปานหนุ่มเจอรักแรกทั้งที่มีเมียมีลูกมาแล้วนี่ให้พูดมันน่าอายนะ!

    โอเค พอเข้าใจล่ะคิโยชิที่พอเดาประโยคต่อไปออกจึงตัดบทไป แต่จะจีบมันต้องทำใจหน่อยล่ะ...มันซื้อบื้อ

    พอรู้มาบ้างแล้วครับมาซาโอมิไม่เถียงว่าเคียวมีความบื้อจริงๆ นั้นแหละ...ก็มีอย่างที่ไหนตอนคุ้มกันเขาวันสุดท้ายดันมานอนห้องคนอื่นหน้าตาเฉยล่ะ!?

    แสดงว่าทำใจไว้แล้วคิโยมิเลิกคิ้วน้อยๆ

    ครับมาซาโอมิพยักหน้ารับ ขณะนั้นเอง...

    คิโยมิซัง~~~” ...เสียงเคียวก็ลอยมาก่อนที่เจ้าของเสียงก็เดินเข้ามาภายในห้องด้วยสภาพที่...หน้าดำปิ๊ด หัวฟู เสื้อผ้ารุ่ยราวไปลุยอะไรมา ติดกับดักไว้ทำไมไม่บอก!?”

    ...เล่นซะระเบิดใส่หน้าเต็มๆ เลย! ดีนะเขาอึดไม่งั้นได้ไปนอนโรงพยาบาลแล้ว!...

    เออ ลืมคิโยมิเกาหัวนิดๆ ปลดระเบิดทั่วบ้านแล้ว แต่ลืมที่ห้องนอนน่ะ โทษที

    “...” มาซาโอมิเกิดอาการเอ๋อกับการที่มีคนวางระเบิดที่ห้องนอนตัวเองเล็กน้อยก่อนที่จะ...

    อย่าขำดิลุง!” ...หลุดขำออกมาน้อยๆ เมื่อมองเคียวไปนานๆ เข้าโดยสลัดความเอ๋อกับการกระทำของคิโยมิไปจนสิ้น

    ท...โทษที...มาซาโอมิพยายามหยุดอาการขำของตน

    อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลยน่าคิโยมิโบกมือไปมา

    ก็ได้...เคียวทำหน้ามุ่นเล็กน้อย “...แล้วนี่คิดอะไรไล่ยูโตะซังออกนอกบ้านครับเนี่ย?”

    ก็ไม่มีอะไร...วันนี้ยูยะบอกว่าจะไปเที่ยวกับแฟนแล้วกลับดึกหน่อยน่ะ และแน่นอนถ้ายูโตะมันเห็นว่ายูยะไม่กลับมาภายในสามทุ่มจะเดินวนไปวนมาแถมบ่นไปบ่นมาจนน่ารำคาญ อาจมีโดดเกาะยูยะตอนกลับมาอีก...คิโยมิอธิบาย “...เพราะงั้นไล่ออกนอกบ้านสบายหูฉันสุดล่ะ

    อ๋อเคียวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วนี่ลูกเจ๊กลับมายัง?”

    กลับมาก่อนพวกนายสักพักน่ะคิโยมิตอบ

    งั้นถ้ายูโตะซังตื่นมาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะโวยวายสินะ?” เคียวเอ่ยยิ้มๆ

    ฉันว่ายังไงก็คงไม่ตื่นมาในคืนนี้หรอกมาซาโอมิไม่คิดว่าคนที่ดื่มหนักขนาดนั้นจะตื่นขึ้นมาแล้วลุกมากวนชาวบ้านไหวหรอก แถมอาจมีอาการเมาค้างเป็นของแถมอีก

    ถ้าสำหรับคนปกติคงใช่อยู่คิโยมิยิ้มเยาะในขณะที่...

    คิโยมิ~~~~” ...เสียงของคนที่กำลังนินทาเมื่อครู่ก็ลอยมา ก่อนจะตามด้วยที่ร่างของชายหนุ่มผมดำก็กระโจนเข้ามาจากประตูไปกอดหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

    นี่ไง ตื่นแล้วคิโยมิเอามือดันหน้าสามีตนไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะกอดตนได้สำเร็จ

    “...เร็วไปไหม!?” มาซาโอมิคิ้วกระตุกยิกๆ ...นี่ไหงฟื้นเร็วแท้! แถมไม่มีอาการเมาค้างสักนิดอีกต่างหาก!

    ไอ้นี่มันฟื้นตัวเร็วน่ะคิโยมิเอ่ยอย่างเคยชิน

    อย่าว่างั้นสิตัวเธอ~~~” ยูโตะลากเสียงยาว

    อย่าไปสนเลยลุง แบบนี้ทุกรอบแหละเคียวโบกมือไปมา

    จะพยายามชินแล้วกันมาซาโอมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ที่จริงทำใจตั้งแต่เห็นเพื่อนแต่ละคนของรายนี้แล้วล่ะ เล่นไม่ปกติสักคนเนี่ย

    กริ้งงงง

    ในระหว่างที่มาซาโอมิกำลังปลงอยู่นั้นเอง เสียงกริ่งบางอย่างก็ดังขึ้นมาขัดบทสนทนาภายในห้อง

    หื้อ?” เคียวหยิบโทรศัพท์มือถือของตนที่ลั่นขึ้นมาดูแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย เดี๋ยวมานะลุง ที่ทำงานโทรมา

    อื้มมาซาโอมิขานรับไป เมื่อได้รับคำตอบเคียวก็ทำการเดินออกไปคุยโทรศัพท์ทันที

    “...” คิโยมิมองตามเคียวที่ออกจากห้องไปก่อนที่จะหันกลับมามองที่มาซาโอมิ นี่ๆ มาซะคุงเมื่อไหร่จะเริ่มจีบเคียวคุงอ่ะ?”

    ยังไม่จบอีกเหรอ?” มาซาโอมิถาม...นี่เห็นหยุดพูดเรื่องนี้ไปแล้ว คิดว่าจะจบเรื่องนี้ไปแล้วเสียอีก

    ไม่จบง่ายๆ หรอก เพราะฉันก็อยากรู้คิโยมิเอ่ยหน้าตาเฉย

    ก็เริ่มไปแล้วมาซาโอมิที่รู้ว่าเถียงไปก็เท่านั้นเหมือนลูกศิษย์นั่นแหละเลยตอบไป...ที่จริงเขาเริ่มแจกขนมจีบให้ฟุริฮาตะ เคียวไปตั้งแต่อยู่กันที่คาเฟ่ไปแล้ว เสียแต่รายนั้นไม่รู้เรื่องเลยนี่สิ

    แต่ไอ้เคียวมันบื้อ ไม่รู้เรื่องสินะ?” คิโยมิเอ่ยต่ออย่างรู้ทัน

    อื้มมาซาโอมิพยักหน้ารับ

    งั้นแนะนำวิธีให้เอาไหม?” คิโยมิเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

    ถ้าให้บอกตรงๆ บอกก่อนนะว่าไม่เอามาซาโอมิเอ่ยดักไว้ก่อน

    หว่า รู้ทันอีกคิโยมิหัวเราะในลำคอเบาๆ ตรงข้ามกับคำพูด งั้นไม่เป็นไร ลองวิธีนี่...

     

     

     

     

     

    ...เอิ่ม...คิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมทำตามรายนั้นเนี่ย?...

    นักธุรกิจใหญ่นามอาคาชิ มาซาโอมิยืนเอ๋อๆ อย่างที่ในช่วงนี้เป็นบ่อยๆ หลังจากที่แอบเนียนตามลูกชายตนไปบ้านแฟนลูกตัวเองเพื่อจีบพี่แฟนลูก (ทำไมอ่านแล้วชวนงงๆ เนี่ย? // มาซาโอมิ , เราอยากแกล้งคน // s , เอาความจริง // มาซาโอมิ , เรานึกคำบรรยายไม่ออกล่ะ เริ่มตัน // s , ว่าแล้วเชียว // มาซาโอมิ) มันเสียทุกรอบนี่ จนในที่สุดมาซาโอมิก็ได้โอกาสทำตามแผนที่มิยาจิ คิโยมิซึ่งเป็นอาจารย์สอนต่อสู้ของฟุริฮาตะ เคียวได้เสนอออกมาในคราวก่อนที่เจอกัน...และมันเป็นข้อเสนอที่ทำเอาจนปานนี้เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสาวเจ้าถึงขยักขยอยให้ใช้วิธีนี้นัก...

    ...ไอ้การชวนมาดูหนังผีเนี่ยมันเกี่ยวอะไรเนี่ย!? เขาไม่คิดว่าอย่างฟุริฮาตะ เคียวจะกลัวผีหรือชอบหนังแนวนี้หรอกนะ!

    ลุงคิดยังไงชวนผมมาดูหนังผีเนี่ย?” ราวกับอ่านความคิดของผู้อาวุโสกว่าได้ เคียวได้ถามในประโยคเดียวกันกับในความคิดมาซาโอมิเป๊ะ

    บังเอิญได้ตั๋วฟรีมา...มาซาโอมิทำหน้าตายตอบไป...ก็จะให้บอกไปว่าชวนมาเดทได้ไงล่ะ!?

    อ๋อ ถึงชวนมาสินะ...ถึงว่า อย่างลุงไม่น่าชอบหนังผีเคียวเอ่ย

    แล้วเธอชอบไหม?” มาซาโอมิถามกลับ

    ก็ชอบอยู่นะลุง ใช้เป็นไอเดียใหม่ๆ ได้ดีเลยเคียวยิ้มรับ

    ไอเดีย?” มาซาโอมิเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก...ไอเดียอะไรได้จากหนังผีเนี่ย?

    ผมมีงานอดิเรทชอบสร้างผีปลอมน่ะลุง บางทีครั้งไหนขี้เกียจเล่นไล่จับก็เอาไปใช้จับคนร้ายด้วยนะ~~~” เคียวยิ้มร่าอย่างภูมิใจมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

    ผีปลอม?” มาซาโอมิทวนคำพูดของอีกฝ่าย

    ใช่ เอาไว้ดูหนังเสร็จผมจะพาไปดูแล้วกันด้วยความขี้เกียจหรืออย่างไรไม่ทราบ เคียวจึงเอ่ยออกมาเช่นนี้

    อื้มมาซาโอมิที่รู้ว่าซักไซไปก็เท่านั้นจึงพยักหน้ารับไปก่อนที่จะลากเคียวเข้าไปในโรงหนังที่ใกล้เวลาฉายแล้ว

    ท่ามกลางความมืดมิดในโรงหนัง ภาพยนตร์เริ่มดำเนินเรื่องไปเมื่อถึงเวลา...ซึ่งก็ดูไม่ต่างจากคนดูหนังปกติเท่าไหร่นักจนเมื่อผ่านไปสักยี่สิบนาที...

    หึๆ” ...นายฟุริฮาตะ เคียวดันหลุดหัวเราะออกมาเมื่อถึงฉากที่ผีร้ายปรากฏตัวขึ้นมา

    ฟุริฮาตะคุง...ดูหนังผีอย่าหัวเราะสิ...มาซาโอมิเอ่ยเตือนคนที่ดันหัวเราะตอนดูหนังผีแทนที่จะกลัวอย่างชาวบ้านเขาซะงั้น

    ก็มันขำอ่ะ...รู้ทั้งรู้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติยังเดินไปหาอีกเคียวเถียงกลับ

    มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นของคนน่ามาซาโอมิไม่เถียงว่าคนที่เดินไปหาอันตรายคนเดียวนั้นมันน่าขันนิดๆ แต่มันก็ถือเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ลืมคิดวิเคราะห์เหตุผลต่างๆ ไป

    ผีมาแค่นี้ก็เตะกระเด็นซะสิเคียวที่ไม่สนคำบ่นของคนอายุมากกว่านักมองผีในหนังที่ถือมีดไล่แทงพระเอกของเรื่อง

    คนปกติไม่เหมือนเธอนะมาซาโอมิไม่คิดว่าจะมีใครสามารถสู้กับคนถือมีดด้วยมือเปล่าง่ายๆ โดยไม่เคยฝึกต่อสู้หรืออะไรพวกนี่หรอก

    ตัวนี่เหมือนตัวที่เจอในบ้านร้างคราวก่อนเลยเคียวที่ยังคงดูหนังต่อไปชี้ที่หน้าจอที่เป็นฉากที่ผีอีกตัวโผล่มาไล่พระเอกที่หลุดจากผีถือมีดมาได้

    บ้านร้าง?” มาซาโอมิเอ่ยทวนเชิงถาม

    มีคนแจ้งว่ามีเสียงดังออกมาจากบ้านร้างทุกคืน สร้างความรำคาญให้ชาวบ้านน่ะเมื่อโดนถามเคียวก็ตอบกลับไป

    แล้วเธอก็บุกไปหน้าตาเฉยสินะ?” มาซาโอมิเดาได้เลยว่าอย่างเคียวคงบุกบ้านผีหน้าตาเฉยแบบไม่สนใจอะไรแน่

    ถูกเคียวขานรับหน้าตาเฉย แต่พูดถึงแล้วเซ็งชะมัด...บุกเข้าไปไม่เจออะไรเลย เจออย่างมากแค่ลูกไฟลอยได้ ไอ้ที่ไปด้วยกันก็เผ่นป่าราบทิ้งให้ผมทำงานคนเดียวอีก

    “...ฉันว่าสมควรเผ่นนะมาซาโอมิไม่คิดว่าคนปกติธรรมดาเจอไฟวิญญาณแล้วจะไม่เผ่นหรอกนะ

    แค่ไฟลอยได้น่ากลัวตรงไหน? เจ๊คิโยมิยังน่ากลัวกว่าอีกเคียวทำหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจ

    นั้นน่ากลัวคนละความหมายนะมาซาโอมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...น่ากลัวสำหรับคนกับสิ่งที่ไม่ใช่คนมันไปคนละความหมายเลย แล้วหลังจากเจอ...เออ ไฟลอยได้ของเธอนี่ทำไงต่อล่ะ?”

    เอาหินโยนใส่เล่นเหมือนเป้าบินน่ะลุง...สนุกดีเคียวตอบอย่างเริงร่า

    “...” กินจุดสิ...มาซาโอมิไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้กลับมา เจอแค่นั้นใช่ไหม?”

    เปล่า มีตัวแปลกๆ เหมือนคนแต่ตัวขาดครึ่งน่ะ...มีถามด้วยแหน่ะว่า ขาฉันอยู่หน่ายยยยยย’” เคียวอธิบายต่อ

    แล้วทำไงต่อ?” มาซาโอมิถามอย่างใคร่รู้...

    ...หนังผงหนังผีไม่สนล่ะ ที่รายนี้เล่าน่าสนใจกว่าเยอะ!...

    ผมเลยบอกกลับไปว่าของหายก็แจ้งความสิ หากไม่สะดวกไปเองเดี๋ยวทำเรื่องให้ เอาเอกสารมาอยู่...เคียวตอบอย่างซื่อๆ “...จากนั้นไอ้ตัวแปลกๆ นั้นก็เอ๋อกินไปสักพัก ก่อนตอบกลับมาว่า... จะเอาขาตอนนี้~~~ เอาขาแกมา~~~’ น่ะ

    “...หนีมาได้ไงเนี่ย?” มาซาโอมิถาม...เล่นมาปานตำนานเมืองแบบนี้สามารถหนีรอดมาได้ไงนะ? ไม่สิ อย่างรายนี้อาจหนีด้วยวิธีสารพัดพิสดารของรายนี้ก็ได้ ใครจะรู้

    ก็ไม่ได้หนี ผมแค่บอกว่าให้ไม่ได้ เอาขาหุ่นไปแทนแล้วกันน่ะ...พอดีตอนนั้นซื้อหุ่นมาเตรียมเอามาทำผีปลอมเล่นพอดี กะว่าทำงานเสร็จก็จะกลับบ้านเลยเคียวยักไหล่น้อยๆ จากนั้นไอ้ตัวนั้นก็เบ้หน้าพร้อมพูดว่า นี่ข้าหลอกคนบ้าอยู่เหรอก่อนจะหายไป...คิดแล้วน่าโมโหอ่ะ ว่ากันได้

    “...เล่นไปเสนออะไรแปลกๆ แบบนั้นโดนเข้าใจผิดคงไม่แปลกหรอกมาซาโอมิหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้...เขาไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมอีกฝ่ายโดนว่ากลับเช่นนี้ ก็มีคนปกติที่ไหนเจอคนตัวขาดครึ่งนอกจากไม่กลัวแล้วยังไปเสนออะไรแบบนั้นอีก

    โธ่ อย่าขำดิลุงเคียวทำแก้มป่อง

    โทษทีๆมาซาโอมิที่ไม่อยากถูกงอนพยายามหยุดขำ แล้วสรุปเธอเจอแค่นั้นสินะ?”

    เปล่า มีอีกเยอะเคียวส่ายหน้าวืด

    งั้นขอตัดไปตอนสรุปสุดท้ายเลยมาซาโอมิที่คิดว่าถ้าฟังต่ออาจได้ยินอะไรชวนให้หลุดขำออกมาจริงๆ แน่ เลยตัดสินใจให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไปเล่าบทสรุปไปเลย

    สุดท้ายผมไปเจอตัวแปลกๆ คล้ายซอมบี้เลยอัดจนทำบ้านร้างพังน่ะ...เคียวเกาหัวตัวเองนิดๆ “...เซ็งมากเลย โดนเรียกไปรายงานเรื่องทำบ้านพังอีก

    จบแล้วสินะ?” มาซาโอมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...กะแล้วเชียวว่าสุดท้ายเรื่องก็จบแบบไม่ปกติสิน่า

    หมดล่ะเคียวพยักหน้ารับ

    มีเรื่องอื่นอีกไหม?”

    ใครเนี่ย!?” มาซาโอมิสะดุ้งน้อยๆ กับเสียงหวานๆ ของผู้หญิงที่อยู่ๆ ดังขึ้นมา ต่างจากเคียวที่ดูจะรู้ว่าอยู่แล้วว่ามีคนแอบฟังอยู่เลยหันไปมองต้นเสียงอย่างสงสัยเท่านั้น

    ผู้กำกับหนังที่พวกคุณกำลังดูอยู่นี่ไงคนที่ทักเมื่อครู่หรือก็คือหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ตอนแรกจะมาเช็คเรทติ้งสักหน่อย กลายเป็นว่าได้ไอเดียใหม่ซะงั้น หึๆ

    เออ...ครับ...สองหนุ่มขานรับอย่างเอ๋อๆ ...ทำไมเสียงมันคุ้นๆ หว่า? (ขอเวลาหน่อยนะ...เจ๊เนี่ยเธอใช่ไหม? ชิโกะ? // มาซาโอมิ , แม่น // s , แล้วไหงดูแก่จัง... // เคียว , เราลองปรับอายุตัวเองให้เพิ่มขึ้นน่ะ // S , โอเค เข้าใจล่ะ...งั้นกลับเข้าเรื่องต่อเถอะ)

    ไม่ต้องทำหน้าเอ๋อเลย...ว่าแต่มีเรื่องอื่นอีกไหม?” หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้มท่ามกลางความมืดทำให้รู้สึกหลอนแปลกๆ

    “...ไอ้มีมันก็มีหรอกครับป้าเคียวเอ่ยตอบกลับไป

    อย่าเรียกป้าสิ ต้องเรียกพี่สาวสิคนโดนเรียกป้าบ่นเล็กน้อย

    ดูอายุพอๆ กับลุงนิ งั้นต้องเป็นป้าเคียวเถียงกลับ

    นกบวกเกลือ (?) จนปานนี้เพราะงั้นต้องเรียกพี่หญิงสาวที่ไม่ยอมรับที่อักฝ่ายเรียกตนว่าป้าเถียงกลับไปก่อนที่...ไปๆ มาๆ สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นการเถียงกันสุดไร้สาระองสองคนนี้ไปในที่สุด

    “...กลายเป็นเถียงกันไปแล้วสินะมาซาโอมิถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะตัดสินใจหันไปดูหนังต่อเพราะไม่รู้จะทำอะไรระหว่างรอ...ยังดีที่สองคนนี้พูดเถียงกันด้วยเสียงเบาจนไม่เป็นการรบกวนคนอื่น ไม่งั้นได้โดนถีบออกนอกโรงหนังยกหมู่เป็นแน่

     

     

     

     

     

    วันเวลาผ่านไปนับจากวันที่เคียวกับมาซาโอมิได้ไปดูหนังกันและเจอคนเขียนแปลงกาย เอ้ย! ผู้กับกำหนังที่ดันคุยกับเคียวจนลามไปถึงสิง (?) เคียวกลับไปดูหุ่นผีจำลองของรายนั้นแถมโดนชวนให้ไปร่วมวงการหนังผีหน้าตาเฉย ระดับความสัมพันของเคียวกับมาซาโอมิก็ขยับขึ้นมานิดนึง...นิดนึงจริงๆ เพราะในคราวนั้นผู้กับกำสาวดูออกหรืออย่างไรไม่ทราบจึงหาทางช่วยเสียจนทั้งคู่สนิทกันขึ้นมาอีกระดับได้...

    ...ทว่าถึงอย่างนั้น ปัจจุบันนี้แม้เวลาผ่านไปหลายปี...อาคาชิ มาซาโอมิก็ยังคงจีบนายฟุริฮาตะ เคียวที่ซื่อบื้อเรื่องความรักเกินที่มนุษย์ปกติธรรมดาควรมีไม่ติดเลย แถมความสัมพันของทั้งสองในตอนนี้ออกไปทางเพื่อนสนิทต่างวัยกันแทนเสียแล้วด้วย

    คุณพ่อครับ...ขอถามจริงครับเมื่อไหร่จะจีบติดครับเนี่ย?” เสียงถามออกไปทางอ่อนใจดังออกมาจากชายหนุ่มผมแดงวัยยี่สิบห้าปีซึ่งแต่ตัวด้วยชุดสูทเต็มยศและผมโดนหวีจนเรียบแบบไม่มีเส้นผมกระดิกขึ้นมาสักเส้น เมื่อผู้เป็นพ่อตนนั้นจีบคนที่หมายตาไว้ไม่ติดจนมาถึงวันแต่งของตนเช่นนี้ เล่นพยายามจีบนานจนผมจะแต่งงานแล้วเนี่ย ใจคอจะรอให้ผมมีลูกหลานเหลนเต็มบ้านเต็มเมืองก่อนหรือไงครับ?”

    แหม นับวันยิ่งกัดพ่อเหลือเกินนะมาซาโอมิที่โดนลูกชายตัวเองบ่นกรอกตาไปมา...รู้สึกว่าตั้งแต่ทั้งเขาทั้งลูกชายเขารู้จักฟุริฮาตะ เคียวเนี่ยความสัมพันพ่อลูกนี่ดีขึ้นถนัดตาเลย จากที่ลูกชายเขาทำตามคำสั่งตลอดแบบไม่มีเถียงนั้นก็กลายเป็นปากจัดซะอย่างนั้น...

    ...ไม่ต้องคิดให้เปลื้องสมองก็รู้ได้เลยว่าคนที่ตนพยายามจีบนั้นแพร่เชื้อแปลกๆ มาติดลูกชายตนแน่...ดีไม่ดี เขาเองก็คงติดมาเช่นกันแหละ ถึงมีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับลูกตัวเองเนี่ย และลูกคงมีลูกหลานให้พ่อไม่ได้หรอก อย่าสิโคกิคุงเป็นผู้ชายนะ

    ให้ชินทาโร่ทำยาที่ทำให้ผู้ชายท้องออกมาครับ เพราะงั้นคุณพ่อได้อุ้มหลานแน่นอนเซย์จูโร่เอ่ยแย้งคำพูดของพ่อตนทันควัน

    “...” ...หมดคำเถียงเลยแฮะ

    และอย่าเพิ่งนอกเรื่องสิครับ ตกลงเมื่อไหร่จะจีบเคียวซังติดครับเนี่ย?” เซย์จูโร่คาดคั้นพ่อตนเล็กน้อย...เขาลุ้นเรื่องระหว่างพ่อเขากับพี่เขยมาหลายปีแล้วนะ! จนปานนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะจีบติดเลยสักนิด!!!

    อีกไม่นาน...มั้งมาซาโอมิได้แต่ยินแห้งๆ อย่างไม่รู้จะตอบยังไง...ชิโอริจ๋าา ตอนนี้ลูกดุเหมือนเธอเป๊ะเลยอ่ะ...

    ฉันว่านาน

    อีกนานชัวท์

    ดูท่าไอ้เคียวจะได้ผัวยากนะ

    อุตสาห์แอบแนะนำวิธีจีบไปหลายรอบแล้วนะ ยังแห้วได้ทุกทีสิน่า

    มันน่าอัดเสียงไปให้เคียวคุงฟังแทนจริงๆ นะเนี่ย

    เฮ้ย!!!เสียงที่ดังขึ้นมาหลายเสียงทันทีที่มาซาโอมิพูดจบประโยค ทำให้สองพ่อลูกอาคาชิสะดุ้งโหยงและหันไปมองต้นเสียอย่างพร้อมเพรียง...ก่อนที่จะพบว่าในห้องยามนี้นอกจากพวกตนแล้วมีชายหนุ่มสามหญิงสาวสองมายืนแอบฟังอยู่ข้างๆ ทั้งสองเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ทั้งๆ ที่ทั้งมาซาโอมิทั้งเซย์จูโร่นั้นยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า ดังนั้นหากมีใครเข้ามาทางประตูพวกตนก็ต้องรู้สึกสิ มาเมื่อไหร่!? ไม่สิ! เข้ามาทางไหนเนี่ย!?”

    หลังคา!ทั้งห้าตอบพร้อมชี้ไปที่หลังคา...ซึ่งทะลุเป็นรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    เออ...คุณพ่อ คนพวกนี่...เซย์จูโร่เมื่อตั้งสติได้ก็ชี้ไปยังบุคคลแปลกหน้าที่บุกเข้ามาในห้องนี่เสียดื้อๆ

    ฉันอาจารย์ไอ้เคียวมัน ส่วนนี่สามีฉัน ส่วนสามตัวนั้นเพื่อนไอ้เคียวหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งเอ่ยอธิบาย รู้สึกว่าลูกคุณนี่ยังจีบชาวบ้านได้ดีกว่าคุณอีกนะ เล่นซะจนได้เป็นน้องเขยเคียวมันแล้วเนี่ย...ว่างๆ หัดให้ลูกตัวเองสอนจีบหนุ่มบ้างนะ

                    ไม่ต้องแซวเลยครับมาซาโอมิค้อนใส่คนที่ว่าตนเล็กน้อย

    ก็มันจริงนี่นา~~~~” ยูโตะส่งเสียงกวนๆ ไปให้

    ว่าง...สอนด้วย...โยชิกิเดินไปตบบ่าเซย์จูโร่พร้อมเอ่ยประโยคที่ไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ตามนิสัยเจ้าตัว

    ไอ้โยชิกิหมายถึงว่างๆ ก็สอนพ่อนายบ้างนะชิโรบะที่เห็นคนที่เพื่อนตนพูดด้วยทำหน้างงๆ เลยแปลความให้

    อยากอยู่ครับ แต่คุณพ่อไม่ยอมเซย์จูโร่เมื่อได้ยินดังนี้ตอบออกมาตามตรงแบบไม่ไว้หน้าพ่อตัวเองสักนิด

    โธ่...พ่อคนหัวแข็งคิโยมิหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น

    หยุดแซวเลยครับ!มาซาโอมิแยกเขี้ยวใส่หญิงสาว

    ไม่สนหรอกกกกกคิโยมิลากเสียงยาวคล้ายกวนประสาทอีกฝ่ายเล่น

    ช่ายยยยทางยูโตะที่ทำตัวเป็นลูกคู่กับภรรยาตน

    ปล่อยไปเถอะ ป่วนไปสักครู่เดียวคงหยุดเองแหละ...มั้ง?” ชิโรบะมองความวุ่นวายของคนแก่สามคน (#หลบเกิบ // s) เล็กน้อยก่อนหันมาคุยกับเซย์จูโร่ต่อ

    ใช่ๆ ฉันว่าเรามาคุยเรื่องพ่อนายกับไอ้เคียวมันดีกว่าคานาเดะที่ตอนนี้เมินพวกผู้อาวุโสซึ่งเริ่มเถียงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วไป

    นั้นสิ...โยชิกิที่ดูจะไม่สนใจความวุ่นวายภายในห้องนี้มาแต่แรกแล้วพยักหน้ารับ “...ฉันว่าช่วย...น่าจะดีกว่า

    “...ผมก็ว่างั้นแหละครับ ผมก็สงสารคุณพ่อเหมือนกันเอาตามจริงเซย์จูโร่ก็รู้สึกสงสารปนอ่อนใจกับพ่อตัวเองที่จีบหนุ่มไม่ติดสักทีเหมือนกัน พอมีแผนไหมครับ? ผมนึกไม่ออกว่าบ้าๆ บอๆ (?) อย่างเคียวซังใช้วิธีไหนถึงจะได้ผล

    ได้เลย...เอาหูมานี่...คานาเดะ ชิโรบะและโยชิกิจับคนผมแดงมาสุมหัวกับพวกตนพร้อมอธิบายแผนการที่พวกตนเตรียมมาอย่างละเอียด

    “...เล่นงี้?” พอได้ฟังแผนทั้งหมด เซย์จูโร่ก็ถึงกับเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเนื่องจากแผนที่ได้ยินนั้นฟังดูเรียบง่ายกว่าที่คิดมากนัก

    แหงสิ ถือว่าบีบบังคับพ่อนายให้กล้าๆ พูดด้วยเลยไงชิโรบะยกนิ้วประมาณว่า แผนนี้แหละ เจ๋งแน่นอน!มาให้

    ถึงอาจได้เสียงบ่นเป็นของแถมหลังจากนี้ก็เถอะคานาเดะยักไหล่น้อยๆ

    ทำไม่ทำ?” โยชิกิถาม

    ทำครับ...จะได้เลิกลีลากันสักทีเซย์จูโร่เอ่ยตอบรับไป เดี๋ยวผมจะไปเตี๊ยมกับโคกิให้อีกทีนะครับ

    ไม่ต้องๆ ส่งข้อความไปเตี๊ยมกันก่อนมาหานายแล้วคานาเดะเอ่ย นายพยายามทำหน้านิ่งๆ ให้เนียนๆ ก็พอ

    ครับเซย์จูโร่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะ...มีเก้าอี้ตัวหนึ่งอยู่ๆ ลอยมาเฉี่ยวหัวไปซะอย่างนั้น อ่ะ?”

    อะอ้าว? กลายเป็นทะเลาะกันเองซะแล้วชิโรบะมองไปยังจุดที่เก้าอี้ลอยมาเมื่อครู่ ก่อนที่จะพบว่าผู้อาวุโสทั้งสามที่ถียงกันก่อนหน้านี้นั้นสองคนกลายเป็นทะเลาะกันส่วนอีกคนกลายเป็นผู้พยายามห้ามปรามไปเสียแล้ว

    นี่ลุงไปทำอีท่าไหนให้สองคนนั้นทะเลาะกันล่ะนั้น?” คานาเดะถามคนที่พยายามห้ามสองคนที่ทะเลาะกัน

    เปล่าสักหน่อย อย่าใส่ร้ายกันสิ...มาซาโอมิค้อนใส่สาวเจ้าที่เด็กกว่าตนมากเล็กน้อย “...แค่มีคนปากพาจนเหมือนเดิมนั้นแหละ

    อ๋อ ยูโตะซังพูดไม่คิดอีกตามเคยคานาเดะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

    เอาไงต่อดี? ใครมีความคิดดีๆ บ้าง?” มาซาโอมิที่เริ่มขึ้เกียจห้ามแล้วถาม

    ปล่อยไว้งั้นแหละ...เอ้า ใกล้เวลาเริ่มพิธีแล้ว รีบไปเถอะไปคานาเดะตอบไป ไม่ต้องห่วง อย่างมากก็ทะเลาะกันแค่ภายในห้องนี้แหละไม่ป่วนงานแต่งลูกลุงหรอก

    โอเค งั้นปล่อยไว้งั้นแหละมาซาโอมิที่ก่อนหน้านี้พยายามห้ามเพราะกลัวสามีภรรยาคู่นี้ล่มงานแต่งลูกตนเท่านั้นพยักหน้ารับ

    “...สองคนนั้นไม่ทะเลาะกันตายแน่นะครับ?” เซย์จูโร่มองสองหนุ่มสาวที่สู้กันปานจะฆ่ากันให้ตาย...ไม่สิ ถ้าให้ถูกคือหญิงสาวเพียงฝ่ายเดียวมากกว่าที่พยายามฆ่าชายหนุ่ม ส่วนฝ่ายชายดูท่าจะพยายามเข้าไปอ้อนเสียมากกว่า

    ไม่หรอก เกิดขึ้นประจำสี่คนที่รู้ดีว่าทั้งสองไม่มีวันฆ่ากันตายเอ่ยอย่างพร้อมเพียงก่อนที่จะลากชายหนุ่มผมแดงออกจาห้องไป ทิ้งให้สามีภรรยาทะเลาะกันไป

    หลังจากที่ทิ้งสองสามีภรรยามิยาจิไว้ในห้องทั้งอย่างนั้นเพื่อพาเจ้าบ่าวในวันนี้หรืออาคาชิ เซย์จูโร่ไปร่วมในพิธีตามธรรมเนียมแบบตะวันตก...ซึงที่จริงตอนแรกมาซาโอมิอยากให้จัดแบบญี่ปุ่น ทว่าเคียวกลับอยากให้จัดแบบนี้สุดท้ายมาซาโอมิเลยยอมตามเคียวซะอย่างนั้น...

    ...พิธีการดำเนินไปอย่างปกติ...ไม่มีความป่วนหรือใครมาป่วนภายในงานเนื่องคนมหาโหดอย่างเคียวคุม (?) จนมาถึงยังช่วงท้ายของพิธีการหรือก็คือการโยนช่อดอกไม้นั้นเอง

    ต่อไปเป็นพิธีโยนช่อดอกไม้นะครับ...เชิญเจ้าสาวเตรียมโยนช่อดอกไม้ได้เด็กหนุ่มผมดำหน้าสวยหรือฮิมุโระ ทัตสึยะที่โดนลากมาเป็นพิธีกรในงานแต่งเพราะโดนน้องชายร่วมสาบานขอเอาไว้เอ่ยตามหน้าที่

    เอาแม่นๆ นะโคกิเซย์จูโร่กระซิบเบาๆ กับเจ้าสาวของตน

    จะพยายาม...ฉันก็อยากให้มาซาโอมิซังสมหวังสักทีเหมือนกันโคกิเอ่ยพลางคิดว่าจะโยนไปด้านหลังยังไงให้ไปลงเป้าหมายดี

    พยายามกันคนที่จะมาแย่งช่อดอกไม้ไว้นะ เดี๋ยวแผนเสียเอาทางคานาเดะที่รออีกด้านกระซิบกับชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวเบาๆ

    ได้โยชิกิพยักหน้ารับ

    ผมก็เตี๊ยมกับเพื่อนโคกิที่จืดจางโคตรๆ ไว้แล้วว่าหากช่อดอกไม้ลงไม่ตรงจุดให้ปัดไปที่เป้าหมายด้วยชิโรบะเอ่ย

    เตรียมตัว...จะเริ่มแล้วพวกคานาเดะเริ่มแยกย้ายไปทำตามแผนของตน ส่วนทางคิโยมิกับยูโตะที่เลิกทะเลาะกันเองและเดินมาร่วมงานด้วยแล้วจับตามองยังเจ้าสาวบนเวทีซึ่งยืนหันหลังแล้วโยนช่อดอกไม้ไปด้านหลังและ...

    พรึบ!

    อ่ะ?” ...ลงไปยังมือเป้าหมายหรือนายอาคาชิ มาซาโอมิพอดีเป๊ะเลย ฉันได้...เนี่ยนะ?”

    โอ๊ะ? ดูท่าลุงจะได้เมียใหม่งานนี้แหละนะเคียวหัวเราะร่า ยินดีล่วงหน้านะลุง เป็นม่ายมานานในที่สุดก็มีคนแต่งด้วยเสียที

    ฟังแปลกๆ นะนั้นมาซาโอมิเกิดอาการคิ้วกระตุกนิดๆ ...พูดยังกับเขาไม่มีใครเอาเชียวนะ! ที่จริงเขาเลือกไม่แต่งเองต่างหาก!!!

    น่าๆเคียวยักไหล่น้อยๆ ว่าแต่ลุงกำลังคบใครอยู่อ่ะ? อยากรู้จังว่าใครจะมาเป็นแม่ยาย~~~”

    ไม่ต้องมาทำเสียงกวนเลยและฉันก็ไม่ได้คบใครในตอนนี้ด้วยมาซาโอมิที่กลัวว่าเคียวจะเข้าใจผิดรีบปฏิเสธไป

    อ้าว แล้วแบบนี้ลุงจะแต่งกับใครล่ะ? แมวแถวบ้าน?” เคียวเอียงคอน้อยๆ

    ฉันไม่คว้าแมวมาแต่งแน่ล่ะมาซาโอมิเอ่ยก่อนที่จะเหลือบไปเห็นลูกชายตนที่กำลังแสยะแล้วขยับปากพูดแบบไม่มีเสียง...

    รีบ - รีบ - ขอ - เคียว - ซัง - คบ - สัก - ที - สิ - คุณ - พ่อ!!!

    ...เป็นคำพูดนี้พร้อมกับส่งสายตาเขียวๆ มาให้อย่างชัดเจน...ดูท่าลูกเขาจะทนลุ้นกับนานจนเหลืออดเลยแฮะ และให้เดาไอ้ที่ดอกไม้มาลงมือเขาพอนี่เป็นแผนของลูกเขาหรือคนรอบข้างฟุริฮาตะ เคียวสักคนแหงแซะ!

    แล้วลุงจะแต่งกับใครล่ะ...ไม่สิ ต้องบอกว่าคบกับใครมากกว่า เขาว่าได้รับดอกไม้งานแต่งจะได้แต่งเป็นคนต่อไปนะ~~ แบบนี้ความเชื่อเขาก็เสียหมดสอถ้าลุงไม่ยอมแต่งน่ะ~~~” เคียวยังคงแซวอย่างกวนโอ๊ยไม่เลิก

    ก็...กับเธอนั้นแหละมาซาโอมิที่โดนจ้องด้วยหลากสายตา...ที่มีแรงกดดันบางอย่างเร่งให้ตนรีบๆ สารภาพในใจเสียที สุดท้ายได้แต่จำใจต้องพูดออกมา

    ห๊า?” เคียวชะงักไปเล็กน้อย...เมื่อกี้เหมือนได้ยินอะไรแปลกๆ หว่า?

    ฉันชอบเธอ! คบกับฉันนะ!มาซาโอมิตะโกนลั่นด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงปานจะระเบิด...

    ...อ๊ากกกกก! อายเฟ้ย!...

    “...” เคียวนิ่งอึ้งไปสามวิก่อนที่...หน้าจะเริ่มแดงขึ้นมาอีกคน “...ลุงป่วยหรือเปล่าเนี่ย?”

    ยังสบายดี ถึงมีจิตหลุดจากจากอาจารย์เธอมานิดหน่อยก็เถอะมาซาโอมิเอ่ย ฉัน...จริงจังนะ

    “...ก็พอเดาออกอยู่เคียวรู้ดีว่าคนอย่างมาซาโอมินั้นหากตนไม่เริ่มมุขก่อนก็จะไม่พูดเล่นเท่าไหร่นัก และยิ่งเป็นเรื่องแบบนี้ยิ่งไม่มีทางพูดเล่นแน่

    แล้ว...คำตอบล่ะ?” มาซาโอมิถาม...ไหนๆ ก็อายแล้ว ด้านให้ถึงที่สุดเลยแล้วกัน! (เดี๋ยวๆ แปลกๆ นะนั้น // S , ช่างฉันเถอะน่า! // มาซาโอมิ)

    “...” เคียวเงียบไปเมื่อโดนทวงคำตอบก่อนที่จะ...

    ห้ามหนีนะเว้ยไอ้เคียว! อุตสาห์มีหนุ่มมาจีบทั้งที!” ...พยายามหนีด้วยความอาย ทว่าหญิงสาวผมดำดันรู้ทันเลยโดดมาล็อกคอนายเคียวไว้อย่างทันทวนที

    ปล่อยฉันนะยัยคานะ!เคียวดิ้นพล่านๆ เพื่อพยายามสลัดสาวเจ้าให้หลุด...เสียแต่ไม่หลุด เท่านั้นไม่พอชิโรบะกับโยชิกิยังมาช่วยเกาะอีกแรงอีกต่างหาก

    ไม่มีทางงงงงคานาเดะลากเสียงยาวแบบชวนให้หลอนเล่นๆ โอ๊ะ? หายากนะที่นายหน้าแดงด้วย...เขินหรือไง?”

    เออดิ!เคียวแยกเขี้ยวใส่เพื่อนแต่ล่ะหน่อของตน...ลองมาอยู่ๆ โดนสารภาพรักกลางงานแต่งน้องตัวเองดูบ้างเซ! ไม่อายให้มันรู้ไป!

    แนะนำ...อย่าหนี...โยชิกิเอ่ยเสียงเนิบๆ ตามปกติ “...ตอบไปเถอะ...ลุงรอจนจะแก่ตายแล้ว

    ไม่ตายง่ายๆ หรอกเคียวเถียงกลับ...เขาคิดว่าอย่างมาซาโอมิไม่มีทางตายง่ายๆ แน่นอน เพราะหากจะตายคงปวดประสาทเพราะเขาตายไปนานแล้ว

    เอ้าๆ รีบๆ ตอบเลย...ชาวบ้านลุ้นอยู่นะชิโรบะเอ่ยเร่ง และเป็นดังการใส่เชื้อไฟ...เพราะพอจบประโยคนี้ก็เริมมีเสียงเชียร์ให้ทั้งสองคบกันดังจากผู้คนโดยรอบ

    “...” ...ใจคอจะให้กูตอบตอนนี้จริงๆ ดิไอ้เพื่อนบ้า!!!

    ...โอเค เขายอมรับว่าเขาสนิทกับลุงแก ชอบไปป่วนไปเล่นกับลุงแกมากกว่าคนอื่นๆ ไม่ชอบให้ลุงไปเล่นกับคนอื่นนอกจากเขานัก...แต่เขาก็ไม่ได้คิดไปถึงขั้นนี้นะเฟ้ย!!! แล้วจะตอบไงดีฟะ!?...

    ฟุริฮาตะคุง...มาซาโอมิที่เริ่มหน้าเจื่อนเพราะเคียวเงียบไป พลันหวั่นใจนิดๆ ว่างานนี้อาจจะแห้วก็ได้

    ต...ตกลง! แล้วห้ามเปลี่ยนใจทีหลังล่ะลุง!!!เคียวที่สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหวตัดสินใจตอบไปก่อนที่จะรีบสลัดคนที่เกาะตนบางด้วงออกด้วยความเร็วแสงแล้วรีบใส่เกียร์หมาวิ่งออกไปอย่างงานแต่งราวติดเทอร์โบ

    “...” มาซาโอมินิ่งอึ้งไปสักพักกับคำตอบที่เหนื่อยความคาดหมายก่อนที่จะวิ่งไปขึ้นรถที่เลขาตนสตาร์รถรอไว้ราวรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ขับตามไป... เฮ้ย! เดี๋ยว! รอด้วย! ฟุริฮาตะคุง!

    ...แถมมีเสียงนี้ลอยแว่วมาทั้งที่ตัวไปแล้วอีกต่างหาก

    “...เอาไงต่อ?” เซย์จูโร่มองทั้งพ่อทั้งพี่เขยตนที่เล่นไล่จับกันแบบแปลกๆ เสียแล้วด้วยอาการจุด จุด จุด

    ปลอยให้ไล่กันนั้นแหละ นายอุ้มเจ้าสาวเข้าห้องหอต่อเลยแล้วกันคิโยมิที่รู้นิสัยของลูกศิษย์ตนดีเอ่ย

    ไม่เป็นไรแน่นะครับ?” เซย์จูโร่แม้จะมีคนยืนยันแล้วก็ยังคงอดห่วงพ่อตนไม่ได้อยู่ดี

    ไม่เป็นไรหรอกสามคนที่ถูกเคียวสลัดหลุด (ซึ่งที่จริงก็ตั้งใจปล่อยไปนั้นแหละ) และคู่สามีภรรยามิยาจิตอบกลับมาเป็นเสียงเดียวกัน

    พี่แค่เขินน่ะ...เขินจนอยากเอาหน้ามุดดินซะด้วยโคกิเอ่ยสนับสนุนคำพูดเมื่อครู่

    หายห่วง หมอนั้นแค่เขิน เดี๋ยวหายเขินเมื่อไหร่ก็กลับไปคุยกับลุงแกเองแหละคานาเดะยักไหล่น้อยๆ เป็นเชิงว่าอย่าใส่ใจเรื่องนี้เลย

    งั้นเหรอครับท้ายที่สุดเซย์จูโร่ก็ยอมรับเรื่องนี้แต่โดยงานแล้วเริ่มพิธีพาเจ้าสาวตนเข้าห้องกอตามพิธีที่ถูกกำหนดไว้ โดยปล่อยให้ผู้เป็นพ่อและพี่เขยไปตามเวรตามกรรมไป (?)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    END


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×