ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #247 : [NebuYuu] Otomo no ichijitsu (ยูโตะ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 344
      25
      12 ก.ค. 62

    Title :   Otomo no ichijitsu (ยูโตะ)

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Nebuya x Yuuya (โดนตามติดโดยยูโตะ)

    Notes : เกิดสนุกอยากลองแต่งโมเม้นของพวกหวงน้องหวงลูกกันดูเฉยๆ J

    .....................................................................................

    Otomo no ichijitsu (ยูโตะ)

     

    อรุณสวัสดิ์...ทำไมวันนี้รู้สึกมาช้ากว่าปกตินะ?” เสียงถามดังขึ้นจากเด็กหนุ่มร่างโตชนิดที่ว่าหลายๆ คนพากันเดินออกห่างด้วยความกลัวร่างอันใหญ่โตของเจ้าตัวที่ยืนรอคนอยู่ ณ หน้าชานชาลารถไฟแห่งหนึ่งที่ผู้คนพุดพล่าน ดวงตามสีดำจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งที่วิ่งหอบแฮ่กๆ มาทางตน เอาน้ำไหม?”

     ก็ดี...เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งรีบคว้าขวดน้ำที่ถูกยื่นมาดื่มอย่างรวดเร็ว

     แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? ปกตินายไม่มาช้าขนาดนี้นิเนบุยะ เอย์คิจิแห่งทีมบาสราคุซันถามขึ้นเมื่อในวันนี้คนผมสีน้ำผึ้งที่ไม่เคยมาหลังเวลานัดเลยสักครั้งกลับมาสาย ซึ่งในสายตาเด็กหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาพอดู

     ไม่มีอะไรมาก แค่พ่อฉันนึกพิเรนท์ปรับเวลาทั่วบ้านน่ะมิยาจิ ยูยะยิ้มแห้งๆ ให้คนรักตนพร้อมส่งขวดน้ำคืนให้

    แล้วพ่อนายนึกบ้าอะไรล่ะนั้นเนบุยะคิ้วกระตุกนิดๆ ด้วยความที่ไม่คิดว่าจะมีผู้หลักผู้ใหญ่คนไหนไปเล่นอะไรแบบนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าคนรักตนพูดเล่นด้วยเช่นกัน

    ไม่รู้สิ แต่คิดว่าคงแค่อยากทำเลยทำเฉยๆ ล่ะมั้งยูยะเอ่ยแบบไม่รู้จะตอบอะไรเหมือนกัน เพราะหลายๆ ครั้งที่พ่อตนเล่นพิเรนท์ๆ ...สาเหตุมักมาแค่อยากทำทั้งสิ้นและลงท้ายด้วยการถูกแม่เขาตื้บทุกครั้งเลยด้วย

    พ่อนายเป็นเด็กอนุบาลหรือไงเนบุยะทำหน้าเหมือนกำลังพยายามจินตนาการภาพของคนที่ถูกเอ่ยถึงอยู่

    ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงยูยะไม่เถียงว่าพ่อเขานิสัยโคตรป่วนเหมือนเด็กเลย!

    พูดแบบไม่ไว้หน้าพ่อตัวเองเลยนะเนบุยะเอ่ย

    ก็มันจริงนี่หว่า พ่อฉันป่วนจะตายชัก....ยูยะยักไหล่น้อยๆ “...ลองนึกภาพฮายามะที่ป่วนกว่าเดิมสักห้าถึงหกเท่าดูแล้วกัน แล้วจะเข้าใจว่าพ่อฉันป่วนขนาดไหนขึ้นมาระดับหนึ่งเลยล่ะ

    นั้นมันป่วนระดับก่อหายนะได้แล้ว!เนบุยะถึงกับหลุดร้องเมื่อนึกภาพตาม...แต่ปกติเพื่อนเขารายนั้นป่วนทีก็ทำห้องเปลี่ยนชุดของชมรมพังพินาศได้แล้ว ถ้าป่วนขึ้นกว่าเดิมขนาดนั้นนั้นมีหวังพังได้ทั้งโรงยิมแหง!

    ก็ตามนั้นแหละยูยะส่งยิ้มประมาณว่า นายเข้าใจถูกแล้วไปให้ ช่างเรื่องพ่อฉันเถอะ พูดไปก็ปวดจิตเปล่าๆ...เรารีบไปเที่ยวดีกว่า

    อ่ะ! ได้ๆเนบุยะขานรับขณะที่เริ่มถูกยูยะลากตัวไป โดยไม่รู้เลยว่า...

    แหม...นินทากันเฉยเลย” ...มีชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งแอบมองและแอบฟังมาตลอดเลยแม้แต่น้อย

    ...เล่นนินทากันมันส์เหลือเกิน ถ้าคนมาตามเป็นคิโยมิสงสัยจะไม่ต้งไม่ตามดูแล้วโผล่ไปร่วมวงนินทากันแหง...

    ชายหนุ่มหรือมิยาจิ ยูโตะคิดอย่างขำๆ พลางอดคิดต่อไม่ได้ว่าถ้าภรรยาตนมารู้ว่าตนคิดอะไรเข้าคงไม่แคล้วตื้บตนเป็นแน่แท้

    “...ว่าแต่จะไปไหนกันหว่า? อยากไปรวมวงเที่ยวด้วยจัง

     

     

     

     

     

    วิ้ด...วิ้ด..

    เสียงลมพัดเข้ามาเบาๆ ประสานกับเสียงของคลื่นที่ซัดซาเข้ามายังชายฝั่ง ทรายสีขาวสะอาดทอดยาวไปไกลดั่งเชื้อเชิญให้ผู้มาเยี่ยมชมมาเดินเล่นบริเวณนี้

    ลมเย็นดีเนอะเนบุยะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

    แหงล่ะ ก็หน้าหนาวนิยยะเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

    แล้วนี่...เราจะเดินไปไหนกันอ่ะ?” เนบุยะถาม...เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะนึกพิเรนท์อยากมาเล่นทะเลในหน้าหนาวแบบนี้หรอก

    งานเทศกาลที่อยู่ตรงสุดหาดนี่น่ะ ทางถนนคนมันเยอะเกินยูยะตอบ

    เลยมาทางนี้แทน?” เนบุยะมองไปรอบๆ ...ทั้งๆ ที่ใช้ทางนี้แทนได้ทำไมไม่มีคนเลยหว่า?

    อื้อ ปกติไม่ค่อยมีใครมาเพราะมันเดินยากน่ะยูยะเอ่ยต่อ...เนื่องจากทรายที่นี่นิ่มพอสมควรเลยทำให้เดินแต่ล่ะก้าวแทบสะดุดทรายล้มเลยด้วยซ้ำ และคงไม่ค่อยมีใครอยากคลุกทรายเล่นเท่าไหร่หรอกช่วงนี้

    แต่นายก็มา?” เนบุยะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    เออดิ ถ้าเดินบนถนนมีแววว่าจะโดนอัดเบี้ยดจนไม่ได้ไปไหนน่ะสิยูยะเดาได้เลยว่าถ้าไปทางถนนคงได้ไปติดแหง่กตรงไหนสักจุดล่ะ เพราะพวกเขาตัวเล็กๆ กันเสียเมื่อไหร่ล่ะ

    ก็จริงเนบุยะไม่เถียงว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะหลายๆ ครั้งที่เขาไปเที่ยวกับเพื่อนอีกสองหน่อของเขามักจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน....ตอนนั้นว่าตามตรงว่าโคตรอึดอัด จะขยับหรืออะไรก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวไปโดนคนอื่นเขา แถมยังโดนกระแสคนพัดไปจนหลงกับพวกนั้นบ่อยๆ ด้วย ถึงไม่หลงบ่อยเท่าโคทาโร่มันก็เถอะ

    เมื่อเข้าใจแล้วก็ไปกันเถอะ...ยูยะบิดตัวขี้เกียจเล็กน้อย “...ว่าแต่...วิ่งแข่งกันไปดีไหม? คราวก่อนเห็นพวกเซย์รินมาวิ่งแข่งกันที่นี่ดูน่าสนุกดี

    วิ่งแข่งเหรอ? ก็น่าสนุกดีนะเนบุยะที่เห็นว่าเป็นเรื่องสนุกเอ่ยเชิงตอบรับ

    โอเคงั้น...ยูยะขยับยิ้มเล็กน้อย “...ใครถึงทีหลังเลี้ยงน้ำนะ!

    เฮ้ย! ให้สัญญาณหน่อยเซ่!เนบุยะโวยลั่นเมื่อคนผมสีน้ำผึ้งออกตัววิ่งไปเสียแล้ว และคนร่างโตก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตามไปในทันทีก่อนที่จะคลาดกับอีกฝ่าย ในขณะที่ทางผู้แอบติดตามมานั้น...

    น่าสนุกแฮะ อยากเล่นด้วยกัน” ...กำลังทำท่าราวเสียดายสุดแสนที่ไม่สามารถโผล่ไปร่วมวงด้วยได้ งั้นเล่นแบบไม่ให้ยูจังรู้ตัวก็ได้

    ว่าแล้วชายหนุ่มก็ทำการวิ่งตามเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างรวดเร็ว...ซึ่งแน่นอนว่ายูโตะวิ่งไปถึงก่อนคนอื่นอย่างสบายๆ แล้วหาที่ซ่อนจนกว่าลูกชายคนเล็กของตนจะมาถึงและในสิบนาทีต่อมาเด็กหนุ่มทั้งสองที่ยูโตะรออยู่ก็มาถึงในสภาพที่หอบแฮ่กๆ

    แฮ่กๆ เสมอ...สินะ?” เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งเมื่อมาถึงยังจุดหมายพูดปนหอบเล็กน้อยพลางลากสังขารขึ้นจากชายหาดไปนั่งตรงม้านั่งในบริเวณใกล้ๆ

    คงงั้น...มั้งเด็กหนุ่มอีกคนที่ตัวโตกว่าซึ่งมีสภาพไม่ต่างกันนักเดินนั่งข้างๆ คนผมสีน้ำผึ้ง

    รู้สึกว่าไม่เคยตัดสินกับนายได้สักทีสิน่ายูยะบ่นอุบอิบขึ้นมา...เพราะนอกจากเรื่องบาสและเรื่องกิน (?) แล้วพวกเขาแข่งเสมอกันตลอดจนน่าแปลกเลย

    ก็นะ...เนบุยะขานรับสั้นๆ พลางมองไปงานที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ซึ่งมีคนเยอะชนิดที่น่ากลัวว่าจะเหยียบกันตายชอบกล “...ว่าแต่...นี้มันงานเทศกาลอะไรเหรอ?”

    จะว่าไงดีล่ะ...เอาเป็นว่าเป็นงานที่ให้เที่ยวตะเวนกินของฟรีแล้วกันยูยะเอ่ยแบบสรุปไปในตัวให้

    เหรอ~ น่าสนใจแฮะเนบุยะลากเสียงยาว

    ใช่ไหมล่ะยูยะเอ่ย อ๋อ และนายอย่าไปกินจนร้านชาวบ้านเขาล่มจมล่ะเนบุยะ ฉันยังไม่อยากโดนห้ามไม่ให้มางานนี้อีกนะ

                    ฉันไม่กินจนขนาดนั้นหรอกน่าเนบุยะส่ายหน้าไปมา

    ให้มันจริงเถอะว่าตามยูยะไม่คิดว่าคนที่กินถล่มทลายแบบนี้จะไม่ไปกินแหลกร้านใดร้านหนึ่งเทาไหร่นัก

    จริงแน่นอน เพราะจะเก็บกะเพาะไว้ชิมทุกอย่างไงเนบุยะทำท่ามั่นใจเหลือหลาย

    สมเป็นนายดีแท้ยูยะหัวเราะออกมาเบาๆ ในขณะนั้นเอง...

    อ่ะ! เอย์จัง! ยูจัง!” ...เสียงตะโกนเรียกอันแสนคุ้นหูก็ดังขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองหันไปทางต้นเสียงและพบกับ....เด็กหนุ่มหน้าสวยและเด็กหนุ่มผมเงินกำลังเดินมาหาพวกตน

    อ่ะ! เรโอะ มายุสุมิซัง...มาไงกันสิเนบุยะเมื่อเห็นว่าคนที่ทักคือเพื่อนและรุ่นพี่ของตนก็เอ่ยถามขึ้นมาเช่นนี้

    เดินมาสิ ถามได้เด็กหนุ่มผมเงินสวนกลับชนิดที่...เจ็บแสบมาก

    ไม่กัดสักครั้งจะเป็นไรไหมเนี่ยมายุสุมิซัง?” เนบุยะถามกลับ

    จนกว่าตอนซ้อมนายจะเลิกชนฉันล้มจนโดนชาวบ้านเหยียบไงมายุสุมิพูดแบบเน้นๆ ชัดๆ

    ชะอุ๋ย!พอถูกตอกกลับเช่นนี้เนบุยะถึงกับทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ กลับไปเท่านั่น

    นี่นายไปชนมายุสุมิซังกี่ครั้งกันเนี่ย?” ยูยะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย...ถ้าให้เดาคงไม่ใช่ครั้งสองครั้งแน่ เพราะจากหน้านี่ดูเหมือนคนเถียงไม่ออกสุดๆ

    สามครั้งต่อสัปดาห์ตั้งแต่ตอนเจอมายุซังครั้งแรกจนปานนี้เลยจ้ามิบุจิเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบคนผมสีน้ำผึ้งเลยเป็นคนตอบคำถามเสียแทน

    เฮ้ย! นับไว้ด้วยเหรอ!?” เนบุยะถามขึ้นเสียงดังด้วยความที่ไม่คิดว่าเพื่อนตนจะถึงขั้นจำจำนวนครั้งได้ ลามไปถึงคนผมเงินที่ไม่คิดว่ารายนี้จะจำได้เหมือนกันเนื่องจากตนเป็นพวกจืดจางเลยไม่คิดว่ารายนี้จะทันสังเกตเห็นตอนเขาโดนชนล้ม

    แน่นอน~ เกี่ยวกับมายุซังฉันรู้หมดแหละมิบุจิยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ

    งั้น...มายุสุมิซังใส่เสื้อด้านในสีอะไร?” เนบุยะถามขึ้นมาลอยๆ แบบไม่หวังคำตอบอะไร ทว่า...

    สีฟ้า” ...มิบุจิดันตอบหน้าตาเฉยเสียนิ

    นายรู้ได้ไงฟะ!?” มายุสุมิแว๊ดลั่น...ในวันนี้เขาใส่โค้ชติดกระดุมทุกเม็ดชนิดที่ว่าไม่น่าเห็นเสื้อที่เขาใส่ด้านในได้เลยนะ! แล้วนี่รู้ได้งายยยยยยย!!!

    คิดว่ารู้ได้ไงล่ะ?” มิบุจิถามกลบด้วยรอยยิ้ม

    นายคงไม่ได้...แอบดูใช่ไหม?” มายุสุมิเหงื่อตกนิดๆ เพราะถ้าเกิดใช่ตามที่ตนพูดจริงกลับห้องไปเขาคงต้องทำการรื้อห้องขนานใหญ่แล้ว

    เสียใจ แต่ไม่ใช่จ้ามิบุจิหัวเราะเบาๆ กับสีหน้าของคนผมเงิน ดูท่าจะสนุกกับการแกล้งรายนี้เหลือหลายเลยล่ะ เห็นตอนที่มายุซังโดนชนไง ตอนนั้นเสื้อมันไปเกี่ยวกับเสาจนเลิกขึ้นเลยเห็นน่ะ

    อ๋อมายุสุมิถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

    แล้วนี่ยูจังมาเดทกับเอย์จังเหรอ?” มิบุจิเมื่อไขข้อสงสัยให้คนรักตนเรียบร้อยแล้วก็หันไปถามยูยะที่นั่งเงียบมานาน

    ประมาณนั้นยูยะยักไหล่น้อยๆ

    ตอบว่าใช่ไปเลยไม่ได้หรือไงยูยะ?” เนบุยะถาม...เรื่องที่เขากับยูยะคบกันคนส่วนใหญ่ก็รู้หมดแล้ว แค่บอกว่ามาเดทกันทำไมบอกไม่ได้นะ?

    ไม่ได้ เพราะฉันอยากแกล้งนายยูยะแล่บลิ้นใส่

    ติดนิสัยขี้แกล้งจากทาคาโอะหรือไง?” เนบุยะส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ ถึงเหตุผลดูน่าโมโหไปนิดแต่...ทำท่าน่ารัก ให้อภัยก็ได้

    เปล่า และถึงติดมาคงไม่ได้มาจากทาคาโอะแหงยูยะคิดว่าถ้าตนติดนิสัยขี้แกล้งมาจริงๆ คงติดว่าจากที่ป่วนสุดแสนได้ทุกสถานการณ์แถมอยู่ใกล้ตัวสุดๆ อย่างพ่อตนมากกว่า...

    ...และถ้าติดขึ้นมาจริงเขาต้องหาทางแก้โดยด่วนเลย เขายังไม่อยากกลายเป็นตัวป่วนแบบพ่อ ถ้าเขาจะป่วนใครเอาแบบพอดีๆ พอ (?)...

    ยูยะ...ไหงทำหน้าเหมือนไมเกรนจะขึ้นแบบนั้นล่ะ?” เนบุยะมองคนผมสีน้ำผึ้งอย่างงงๆ

    เปล่า แค่นึกอะไรชวนจิตตกขึ้นมานิดหน่อยน่ะยูยะยิ้มแห้งๆ

    แน่ใจนะ? ถ้าไม่สบายเดี๋ยวฉันแบกนายกลับก็ได้นะเนบุยะถามอย่างห่วงๆ พร้อมทำท่าประมาณว่าจะแบกอีกฝ่ายกลับจริงๆ

    ไม่ต้องเลย! ถึงฉันไม่สบายก็ไม่ยอมให้นายแบกกลับแน่!ยูยะมั่นใจว่าตนไม่มีทางยอมให้ตัวเองอยู่ในสภาพน่าอายแบบนั้นแน่ ต่อให้ปางตายขนาดไหนก็ตาม

    ปฏิเสธได้โหดร้ายมากเนบุยะทำหน้ามุ่ย

    แหม จีบกันต่อหน้าเลยนะมิบุจิหัวเราะคิกคักพลางกอดแขนคนผมเงินไว้ งั้นพวกฉันไปก่อนดีกว่าเนอะ ไม่อยากเป็นกขค. ไปกันเถอะเนอะมายุซัง

    เออมายุสุมิขานรับไปเนื่องจากเริ่มรู้สึกว่ากลายเป็นกขค. เหมือนกัน ก่อนที่จะ...ลากมิบุจิหนีไปอย่างรวดเร็ว

    เฮ้ย! เดี๋ยวเซ่!ยูยะสะดุ้งโหยงเมื่อคนผมเงินกับคนหน้าสวยแว่บหายไปอย่างรวดเร็ว อะไรของพวกนั้นวะ?”

    ไม่รู้สิเนบุยะยักไหล่เป็นเชิญว่าตนก็ไม่รู้เหมือน ในขณะที่คนที่แอบดูอยู่ห่างออกไปนั้น...

    อะไรจะพากันบื้อขนาดนี้เนี่ย?” ...กำลังกลั้นหัวเราะจนตัวงออยู่ โดยเฉพาะแฟนยูจังเนี่ย หน้าไม่ให้เลยว่าจะบื้อได้ขนาดนี้ แบบนี้ชักน่าสนุกขึ้นแล้วสิ

    ...ดูสิ...ว่าจะมีอะไรชวนฮากว่านี้มาเพิ่มหรือเปล่า...

     

     

     

     

        

    เที่ยวกันสนุกดีเนอะยูยะเอ่ยขึ้นหลังจากที่เที่ยวกันเสร็จและในยามนี้กำลังนั่งบนรถไฟเพื่อกลับไปยังโตเกียวกัน

    นั้นสิเนอะเนบุยะเอ่ยอย่างเห็นด้วยว่าการเที่ยวเทศกาลครั้งนี้นั้นสนุกจริงๆ ไม่ว่าจะได้กินของฟรี เกมต่างๆ ภายในงานและที่สำคัญที่สุด...คือเขาได้อยู่ใกล้ๆ คนที่เขารักเนี่ย แต่เขาไม่พูดไปให้โดยแว๊ดเล่นหรอก

    แล้วนี่จะไปไหนกันต่อดีล่ะ?” ยูยะถามขึ้น เนื่องจากนึกไม่ออกว่าควรจะไปไหนต่อกันดี

    ไม่รู้สิเนบุยะที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเหมือนกันยักไหล่น้อยๆ งั้น...ลองไปหาพี่ฉันดูไหม?”

    ...ยังไงตอนเย็นเขาต้องเอาของที่พี่ชายคนหนึ่งของเขาฝากมาไปส่งให้พอดี และจะได้เป็นการแนะนำให้พี่รู้จักว่าที่น้องสะใภ้ (?) ไปในตัวด้วย...

    พี่นาย? นายมีพี่เหรอ?” ยูยะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ...ตลอดมาเขาคิดว่าหมอนี่เป็นลูกคนเดียวเสียอีก

    อา มีสามคนน่ะเนบุยะตอบ

    มีเยอะแท้...อย่าบอกนะว่านายมีน้องด้วย?” ยูยะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นครอบครัวใหญ่ขนาดนี้เลย...ชักอยากรู้แล้วสิว่าบ้านหมอนี่มีกี่คนกันแน่

    เปล่า ฉันคนเล็กสุดแล้วเนบุยะส่ายหน้าไปมา

    อ๋อ~ แล้ว...นี่พี่นายเป็นกอริล่าแบบนายหรือเปล่าเนี่ย?” ยูยะแหย่อีกฝ่ายเล่น

    ไม่หรอก คนที่เล่นกีฬามีฉันคนเดียวและฉันไม่ใช่กอริล่านะ!เนบุยะโวยกลับเมื่อโดนว่าเป็นกอริล่า

    แต่ก็คล้ายอยู่นะยูยะยังคนแหย่คนร่างโตต่อไป

    ไม่คล้ายนะ!เนบุยะเถียงกลับ

    เหรอ~~~” คนผมสีน้ำผึ้งลากเสียงยาวแบบกวนนิดๆ

    ยูยะ!เนบุยะทำหน้ามุ่ย

    ฮาๆ โอ๋ๆ อย่างอนน่า...ยูยะหัวเราะลั่นเมื่อเห็นท่าทางของคนรักตน “...ว่าแต่พี่นายอยู่โตเกียวนี่เหรอ?”

    ใช่ คนหนึ่งน่ะเนบุยะตอบ...แม้ที่จริงเขาควรงอนนานกว่านี้หน่อย แต่พอเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของยูยะแล้วใจอ่อนยวบเลย

    แล้วอีกสองล่ะ?” ยูยะถามต่ออย่างสนใจ...เขาอยากรู้เรื่องอีกฝ่ายมากกว่านี้อีกนะ

    พี่คนรองฉันอยู่เกียวโตกับฉัน ส่วนพี่คนที่สามอยู่ต่างประเทศเนบุยะเอ่ย

    พี่นายเก่งถึงขั้นไปต่างประเทศได้เลยเหรอ?” ยูยะรู้สึกแปลกใจนิดๆ

    แค่คนเดียวแหละ ที่เหลือการเรียนก็ระดับกลางๆ เหมือนกันหมดแหละเนบุยะยักไหล่น้อยๆ

    เหรอ~~~” ยูยะลากเสียงยาว แล้วพี่นายทำงานอะไรกันล่ะ?”

    ตำรวจสอง นักธุรกิจหนึ่งเนบุยะตอบ

    เอ๋~ งานดีกันนิ...แล้วนี่ถ้าเรียนจบไปนายกะจะไปทำงานอะไรล่ะ?” ยูยะอยากรู้จริงๆ

    แล้วนายล่ะ?” คราวนี้เนบุยะไม่ตอบแต่ถามกลับไปเช่นนี้

    ทำไร่สับปะรสยูยะตอบกลับทันทีแบบแทบไม่ต้องคิด ทำให้...

    พรูด!” ...เนบุยะหลุดขำพรวดออกมา ทำไมคิดจะไปทำไร่สับปะรดเนี่ย? อย่างนายฉันคิดว่าจะไปทำงานบริษัทหรืออะไรพวกนี่เสียอีก

    ก็ไม่มีอะไรมาก แค่คิดว่าาทำไร่สับปะรดคงลดค่าสับปะรดในแต่ละเดือนของพี่ได้เยอะเท่านั้นแหละยูยะมั่นใจว่าถ้าตนทำไร่สับปะรดจริงๆ คงลดรายจ่ายในแต่ละเดือนของบ้านลงเยอะเลย

    ทำให้มิยาจิซังเหรอเนี่ย!?” เนบุยะหัวเราะก๊ากออกมา

    เฮ้ๆ อย่าขำมากได้เปล่า เดี๋ยวปั๊ดถีบเลยยูยะเอ่ยอย่างไม่จริงจังนัก แล้วนี่นายยังไม่ตอบฉัยเลยนะ ว่านายจบไปกะทำงานอะไรน่ะ!

    ฉันยังไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก กะว่านายทำอะไรฉันก็จะตามไปอยู่กับนายนั้นแหละเนบุยะตอบ

    อ้าว! ไหงงั้นล่ะ!ยูยะโวย...นี่ใจคอกะไม่คิดเรื่องในอนาคตเลยเหรอวะ?!

    ก็ฉันแค่คิดว่างานอะไรก็น่าทำหมดแหละ ถ้าได้อยู่ใกล้นายน่ะเนบุยะตอบไปตามตรงอย่างไม่มีอ้อมค้อมแม้แต่น้อย

    “...” คำตอบที่ได้รับทำให้ยูยะนิ่งอึ้งไปสองสามนาที ก่อนที่ด้วยหน้าหล่อติดหวานจะขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมา อ...ไอ้บ้า! นี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา~~~!!!”

    รู้สิ แถมเอาจริงตามพูดด้วยเนบุยะสวนกลับพร้อมเอียงคอหลบหมัดจากยูยะอย่างรวดเร็ว

    ตรงไปแล้วเฟ้ยเจ้าบ้าาาาาา!!!ยูยะแว๊ดลั่นพลางส่งมือส่งเท้าใส่เนบุยะตามปกติ (?)

    หวานกันดีจังแฮะ...ทางด้านยูโตะที่แอบอยู่บนหลังคารถไฟ (อันตรายนะนั้น // s) นั้นมองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นผ่านหน้าต่าง “...ยูจังนี่ตอนเขินเหมือนคิโยมิเลยแฮะ แต่ตื้บไม่ยักหนักเท่าเลย

    ฮัดเช้ย!ทันทีที่ยูโตะพูดจบประโยค เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งก็จามออกมาราวกับรู้ถึงคำนินทาจากบิดาตน

    เป็นหวัดเหรอ?” เนบุยะถาม

    เปล่า น่าจะมีคนนินทามากกว่ายูยะถูจมูกตนเองเล็กน้อย

    ไม่มั้งเนบุยะไม่คิดว่าคนผมสีน้ำผึ้งนี้จะปฏิกิริยาไว้ขนาดมีคนนินทาก็รู้เลยหรอก ขณะเดียวกันเสียงแจ้งเตือนของรถไฟก็ดังขึ้นพอดี อา...ถึงสถานีแล้ว เตรียมลงกันเถอะ

    อื้อยูยะพยักหน้ารับพลางสำรวจตัวเองก่อนที่รถไฟจะเทียบชานชาลาเพื่อกันไม่ให้ตนลืมสิ่งใดไว้ และเตรียมตัวเตรียมใจไปพบพี่ชายคนรักตนเป็นรายการต่อไป

     

     

     

     

     

    “...เอาจริงสิเนี่ย?” เสียงบ่นเบาๆ ดังออกจากปากชายหนุ่มผมดำที่ปกติแทบจะลั้นลาตลอดเวลา ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องไปยังบุคคลที่ลูกชายตนและแฟนรายนั้นมาหาอย่างไม่วางตา...ที่จริงเขาตงิกๆ ตั้งแต่เห็นมาเดินมาพื้นที่นี้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาหาคนรู้จักเขาที่วนเวียน (?) ที่นี่ประจำเสียได้ ถึงรู้สึกว่านามสกุลมันคุ้นๆ แต่ไม่คิดว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ นี่หว่า

    ...ไหงบังเอิญว่าแฟนลูกเขากลายเป็นน้องเซย์คุงได้เนี่ย!?...

    มิยาจิ ยูโตะเริ่มรู้สึกอยากหายาดมขึ้นมาตงิกๆ และรู้สึกว่าโลกช่างกลมดีแท้ที่แฟนลูกชายคนเล็กของเขาดันมีพี่เป็นลูกศิษย์ในคลาสฝึกต่อสู้ระดับ พื้นฐานของภรรยาเขาเองเสียได้...ถึงที่จริงภรรยาเขาเห็นว่ารายนั้นฝึกต่อสู้ไม่ได้เลยโยนมาให้เขาฝึกแทนก็เถอะ แต่สุดท้ายก็ได้ชื่อว่าเคยฝึกในคลาสพื้นฐานมาอยู่ดี

    “...พี่นายต่างจากที่ฉันคิดพอดูนะเนี่ยในขณะที่ยูโตะกำลังปลงกับความบังเอิญในครั้งนี้ ทางเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งซึ่งไม่รู้ว่าถูกตามมาเอ่ยขึ้น

    ตอนแรกนายคิดว่าพี่ฉันเป็นไงล่ะ?” เนบุยะถามอย่างอยากรู้

    คิดว่าอย่างน้อยน่าจะดูโหดกว่านี้น่ะยูยะตอบกลับ...ตอนแรกคิดว่าจะโหดๆ หน่อย ที่ไหนได้ดันดูเป็นผู้เป็นคนดี (?) แถมตัวยังเล็กกว่าเขาพอสมควรด้วย ดูๆ แล้วน่าจะสูงกว่าทาคาโอแค่เซนสองเซนเองมั้ง

    นินทากันต่อหน้าเลยนะ...ชายหนุ่มผมดำที่ถูกนินทาต่อหน้าหัวเราะเบาๆ แบบไม่ใส่ใจนัก “...พูดแบบนี้แสดงว่าเอย์ไม่เคยเอารูปสมัยม.ต้นให้นายดูสิ?”

    ไม่ครับ...ว่าแต่ตอนม.ต้นหมอนี่ไม่ได้บึกบืนแบบนี้เหรอครับ?” ยูยะตอนแรกคิดว่าเนบุยะรูปร่างแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วเสียอีก

    เปล่า ไม่มีเค้าว่าจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ...ชายหนุ่มหรือก็คือนายเนบุยะ อันเซย์ยักไหล่น้อยๆ “...ฉันมีรูปติดมาด้วยนะ...อยากดูไหม?”

    อยาก! / อย่าให้ยูยะดูนะพี่!ยูยะกับเนบุยะเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน แต่เนื้อหาในประโยคไปคนละทางเลย

    ไม่สน ฉันอยากแกล้งนายเซย์แลบลิ้นใส่น้องตัวเองเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋าให้ยูยะ อ่ะนี่! แล้วบอกความรู้สึกเมื่อเห็นรูปนี้เทียบกับตอนนี้หน่อยนะ

    “...” ยูยะเมื่อรับรูปมาดูเกิดอาการนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เอาตามจริงนะครับ...ดูๆ แล้วอดนึกไม่ได้ว่าไอ้นี่หัวไปกระแทกอะไรมากหรือเปล่า ถึงไปเพาะกล้ามแบบนี้เนี่ย

    ...ไม่เข้าใจจริงๆ จากตอนแรกดีๆ มาเปลี่ยนตัวเองเป็นกอริล่าทำไมเนี่ย? ถ้าเกิดหมอนี้ยังหน้าเหมือนตอนม.ต้นคงมีคนจีบตรึมแหง แต่คิดอีกที...แบบนี้ก็ดีแฮะ จะได้ไม่มีไอ้บ้าหน้าไหนมาแย่งหมอนี่จากเขาเนี่ย...

    ยูยะ!เนบุยะทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกคนรักตนว่าแบบนี้

    ฮาๆ เห็นไหมบอกแล้วว่าเมื่อก่อนดูดีกว่าเยอะเซย์ตบบ่าเนบุยะป้าบๆ

    พี่เซย์ไม่ต้องพูดเลย!เนบุยะแยกเขี้ยวใส่ อย่างน้อยผมว่าผมดูดีพอเข้าคู่กับยูยะแล้วกัน!

    พูดบ้าอะไรฟะ!?” ยูยะยกเท้าถีบเนบุยะทันควัน

    เฮ้ๆ อย่ามาจีบต่อหน้าคนโสดกันสิเซย์ที่ไม่อยากเห็นคนจีบกันต่อหน้าเอ่ยขึ้นมา

    เดี๋ยวพี่ก็มีแล้วไม่ใช่เหรอ? โทชิซังไง...เนบุยะเอ่ยแบบไม่คิดอะไร และผลที่ได้คือ...

    ฉันไม่มีทางเอาไอ้บ้านั้นเป็นแฟนโว้ย!!!” ...เสียงแว๊ดลั่นจากนายอันเซย์นั้นเอง

    เขาตามจีบพี่ตั้งนานไม่คิดใจอ่อนดิ?” เนบุยะส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นท่าทางพี่ตนที่เหมือนรับไม่ได้อย่างแรง

    ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางเอาไอ้ยักษ์นั้นมาเป็นแฟนเด็ดขาด!!!เซย์เอ่ย

    “...พี่นายเป็นอะไรน่ะ?” ยูยะถอยห่างจากคนที่เหมือนกำลังคลั่งเล็กน้อย

    ไม่มีอะไรมาก แค่โดนคนที่ไม่ชอบจีบน่ะเนบุยะอธิบายง่ายๆ สั้นๆ

    ก็เหมือนนายตอนจีบฉันนิยูยะเอ่ยพลางมองนายอันเซย์...ในตอนแรกที่เขาถูกเนบุยะจีบก็อาการประมาณนี้เลย แล้วไปๆ มาๆ สุดท้ายก็กลายเป็นแฟนกันเนี่ย

    ก็นะเนบุยะหัวเราะออกมาเบาๆ เฮ้ๆ พี่เซย์หยุดอาละวาลก่อน...ว่าแต่ตอนนี้เข้าเวรคนเดียวดิ?”

    “...” เซย์ชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะพยายามสงบสติอารมณ์ของตนให้เข้าที่เข้าทาง เออ ที่จริงต้องเข้ากับไอ้เคียว แต่มันลางานน่ะ

    เลยมาเดินคนเดียวแบบนี้?” เนบุยะถาม...ที่จริงปกติเขารู้ว่าพี่เขาโดนให้มาตรวจตราแถวนี้ประจำ แต่ปกติเขาเห็นมาเข้าเวทสองคนตลอด มีแต่ครั้งนี้แหละมาเดินคนเดียว

    ถูก...เซย์พยักหน้ารับ “...เออ จริงสิ...จะว่าไปฉันถามอะไรนายหรอกได้เปล่า?”

    ว่ามาสิเนบุยะเอ่ย

    แฟนนายเนี่ย...นามสกุลอะไรล่ะ? หน้าทำไมคุ้นๆ ชอบกลเซย์ไม่รู้ว่าตนรู้สึกไปเองหรือว่าคนรักน้องตนหน้าเหมือนคนรู้จักของเขาจริงๆ แถมคนรู้จักที่ว่าคือคนที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วยมากที่สุดเสียด้วยสิ

    เอ๊ะ? ผม?” ยูยะชี้ที่ตัวเองอย่างงงๆ แต่ก็ตอบผู้อาวุโสกว่าแทนเนบุยะเนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องของตน เออ...ผมนามสกุลมิยาจิครับ

    “...” เมื่อได้คำตอบเซย์ก็ถึงกับตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย นี่อย่าบอกนะว่าแม่นาย...ชื่อมิยาจิ คิโยมิ?”

    ครับ...ยูยะพยักหน้ารับ

    ให้ตายเถอะ ถึงว่าหน้าคุ้นๆเซย์คุมขมับคล้ายคนไมเกรนขึ้น เอย์...ฉันแนะนำถ้าเกิดนายจะไปสู่ขอแฟนนายเมื่อไหร่เตรียมโรงพยาบาล ประกันชีวิตอะไรพวกนี่ไว้ให้ดีล่ะ

    ทำไมล่ะพี่?” เนบุยะถามอย่างงงๆ

    เพราะถ้าว่าที่แม่ยายไม่ชอบหน้านายขึ้นมาได้ใช้แน่นอนไงล่ะเซย์มั่นใจว่าถ้าเกิดว่าเป็นอยากที่พูดขึ้นมาจริงๆ ได้ใช้ของที่ว่าแน่นอน...แต่คิดอีกทีจะเหลือซากให้ไปส่งโรงพยาบาลไหมนั้น?

    เออ...เดี๋ยวนะครับ...ยูยะเอ่ยขึ้นขัด “...คุณรู้จักแม่ผม?”

    แม่นายเป็นอาจารย์สอนต่อสู้ฉันน่ะ...ถึงคนสอนจะเป็นพ่อนายแทนก็เถอะเซย์ตอบ และคำตอบนี้ทำเอายูยะถึงกับนิ่งอึ้งไปอีกคนเนื่องจากไม่คิดว่าเรื่องบังเอิญแบบนี้จะเกิดขึ้นได้

    หื้อ? คนที่พี่ว่าโหดบรรลัยน่ะนะ?” เนบุยะที่จำได้ลางๆ ว่าตอนพี่ตนไปเรียนต่อสู้นั้นมักบ่นเรื่องที่ครูฝึกโหดบรรลัยบ่อยๆ ถึงตอนหลังโดนย้ายไปฝึกกับอีกคนจะบ่นน้อยลงแต่ก็ไม่แคล้าบ่นอยู่ดีเรื่องความโหดในการฝึก

    คำว่าโหดน่ะยังน้อยไปเซย์กับยูยะเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันเมื่อนึกถึงคนที่พวกตนกำลังนึกถึงในยามนี้

    แหม พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยนะเนบุยะมองพี่ชายและคนรักของตนที่ทำหน้าเหมือนกำลังสยองอะไรสักอย่างอยู่

    ก็มันจริงนี่นา...และถ้านายเจอตัวจริงคงรู้เองแหละเซย์รู้ดีว่าร้อยทั้งร้อยไม่ค่อยเชื่อเรื่องความโหดของอาจารย์ของตนเท่าไหร่นักถ้าไม่เจอกับตัวเอง...และหลังจากนั้นก็จะจดจำความสยองของเจ๊แกกับสามีไปชั่วชีวิตเลยล่ะ

    รับรองได้ว่าโหดจริงอะไรจริงไม่มีโม้แน่นอนยูยะเอ่ย ว่าแต่เซย์ซัง...ตอนเรียนต่อสู้คุณอยู่ในคลาสไหนล่ะครับ?”

    คลาสพื้นฐาน...สุดๆ ได้แค่นั้นแหละเซย์ยักไหล่น้อยๆ

    คลาส? ไอ้ที่พี่เรียนมีแบ่งคลาสด้วยเหรอ?” เนบุยะทำหน้างงๆ เนื่องตนรู้กิตติศักดิ์ความโหดจากเซย์เท่านั้นและแค่นั้นก็ทำเอาไม่มีคนในบ้านคนไหนกล้าไปลองของกับที่นั้นแล้ว

    มีแบ่งเป็นสามคลาสน่ะเซย์ตอบสั้นๆ

    มีคลาสพื้นฐาน คลาสระดับสูงและคลาสระดับสูงสุด...แล้วขอบอกเลยว่าไอ้ระดับสูงสุดนี้ขอบอกเลยว่าเรียนครบจนจบเนี่ยไม่ปกติสักคนยูยะอธิบายเพิ่มเติมพลางนึกถึงลูกศิษย์ระดับสูงสุดของแม่ตน...ซึ่งไม่มีใครปกติเลยสักคน!

    ไม่ปกติ?” เนบุยะทวน...ไอ้ปกติที่ว่านี้หมายความว่าไอ้ฟะ? เหมือนอาคาชิเหรอ?

    สงสัยใช่ไหมล่ะว่าไอ้ไม่ปกติที่ว่าหมายถึงอะไร...เซย์ที่เดาสีหน้าผู้เป็นน้องออกเอ่ยอย่างรู้ทัน ทางเนบุยะเองก็พยักหน้ารับหน้าตาเฉย “...งั้นเอาง่ายๆ ...นายจำไอ้เคียวได้ไหม?”

    มาหาพี่ทุกครั้งเจอเข้าเวรด้วยกันแทบทุกครั้งคงจำไม่ได้เนอะเนบุยะกรอกตาไปมา

    ไม่ต้องมาย้อนเลย...นั้นแหละมันอยู่ในคลาสระดับสูงสุด และแค่นี้พอเดาความไม่ปกติออกยัง?” เซย์แยกเขี้ยวใส่เล็กน้อย

    “...โอเค เข้าใจแจ่มแจ้งเลยเนบุยะถึงกับคุมขมับเมื่อกถึงนายเคียวซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานพี่ตน ว่าแต่...แม่ยูยะสอนอีท่าไหนถึงออกมาเกินคนแบบนั้นได้เนี่ย?”

    ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าไอ้แรงเกินคนเนี่ยเคียวมันมีมาแต่แรกแล้ว แต่หลังฝึกเสร็จไม่รู้ทำไมกำลังมันเพิ่มคูณสองเลยเซย์เอ่ย แต่รู้แน่ๆ คือมีแต่รุ่นไอ้เคียวนี่แหละเป็นรุ่นแรกที่ทนเจ๊แกฝึกจนจบได้ คนอื่นที่ตอนแรกเข้าเรียนคลาสสูงสุดส่วนใหญ่ไม่หนีหายไปเลยก็กลับมาคลาสพื้นฐานแทนเนี่ย

    “...” เนบุยะเริ่มเข้าใจในความหมายที่พี่ตนบอกก่อนหน้านี้แล้วสิ ว่าทำไมให้เตรียมโรงพยาบาลกับประกันชีวิตไว้ถ้าจะไปสู่ขอลูกชายบ้านนี้ แล้วนี่...ตกลงไอ้คลาสพื้นฐานของพี่ปกติสุดแล้วใช่ไหมเนี่ย?”

    ถูก แต่ก็ยังโหดอยู่ดีแหละเซย์หัวเราะเบาๆ

    ใช่ ขนาดบางคนฝึกต่อสู้มาเป็นสิบยี่สิบปียังโอดครวญกับการฝึกสอนในคลาสระดับพื้นฐานของแม่เลยยูยะเอ่ยเสริม

    พี่เซย์...พี่รอดมาไงเนี่ย?” เนบุยะคุมขมับ...พี่เขาก็ไม่ใช่คนโหดหรืออึดอะไรมาก แล้วรอดจากการฝึกมหาโหดได้ไงกัน?

    ก็ไม่ไงล่ะ ที่จริงเจ๊แกถีบฉันไปฝึกด้านทางป้องกันตัวมากกว่าสู้ด้วยซ้ำ...เซย์เกาหัวตัวเองน้อยๆ “...เห็นบอกว่าอย่างฉันสู้ไม่น่าจะไหวน่ะเลยให้ไปฝึกกับยูโตะซังแทน...แต่พูดก็พูดเถอะ พอดูแต่ละคนที่ฝึกต่อสู้กับเจ๊แกโดนตรงรู้สึกโคตรโชคดีที่ถูกถีบไปฝึกอย่างอื่นแทนเลย

    นี่นอกจากแบ่งคลาสแล้วกันมีแบ่งเป็นการสู้กับป้องกันตัวด้วยเหรอเนี่ย?” เนบุยะกรอกตาไปมา แล้วยูโตะเนี่ยใครเนี่ย?”

    พ่อฉันยูยะตอบ ที่จริงปกติไม่มีแบ่งเป็นการต่อสู้กับป้องกันตัวหรอกและปกติแม่ฉันสอนคนเดียวด้วย แต่ในกรณีที่แม่เห็นว่าไม่น่าจะต่อสู้ไหวแต่ถ้าป้องกันตัวเองไม่ได้เลยอาจโดนรังแกง่ายๆ แม่จะส่งไปให้พ่อสอนแทนน่ะ

    ช่ายยย ที่จริงตอนแรกที่ถูกไปให้ยูโตะซังสอนก็ยั๊วะอยู่หรอกที่บอกว่าอย่างฉันสอนสู้ไปก็เท่านั้น แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าฉันได้ใช้ที่ยูโตะซังสอนโคตรเยอะเลย เพราะเมื่อก่อนฉันตัวเล็กกว่าชาวบ้านเยอะเลยเป็นเป้าหมายในการโดนแกล้งซะงั้น จะสู้กลับก็ไม่กล้ากลัวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ สุดท้ายก็รอดมาได้เพราะยูโตะซังเนี่ย...ไม่รู้ไปหาวิธีการป้องกันตัวเองสารพัดวิธีมาจากไหนเซย์พูดราวกับคนแก่รำลึกอดีต (เฮ้ยๆ เอาดีๆ สิ! // อันเซย์ , ไม่สน เราอยากแกล้งนาย...คราวหน้าเขียนคู่นายดีไหมเอ่ย? // s , ไม่ดีเฟ้ย! กลับไปเขียนต่อไป! // อันเซย์ , จ้าาาาา // s)

    ไม่รู้สิครับ สะสมเอาจากที่โดนแม่ตื้บทุกวันมั้งครับถ้าเกิดให้เดาถึงสาเหตุที่พ่อตนป้องกันตัวเก่งยูยะก็นึกออกแค่นี้แหละ

    อาจจะแฮะเซย์ไม่เถียงว่าอาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ และระหว่างที่คุยปนนินทาชาวบ้านอยู่นั้นเอง...

    กรี๊ดดดดด” ...เสียงกรีดร้องของใครสักคนก็ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหนึ่งเด็กหนุ่มสองสะดุ้งโหยงแล้วหันไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว และก็เห็นชายที่ปิดหน้าปิดตาคนหนึ่งวิ่งมาทางพวกตนโดยมีกระเป๋าผู้หญิงอยู่ในมือทำให้พอเดาได้ว่าเสียงเมื่อครู่สาเหตุมาจากอะไร

    เฮ้ย! หยุดนะเฟ้ย!เมื่อเห็นว่ามีคนก่อคดีต่อหน้าต่อตาวิญญาณตำรวจที่ดีก็เข้าสิงชายหนุ่มทันที เซย์รีบวิ่งไปสกัดทันทีทว่าเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับเสียงคำรามบาดแก้วหูที่ดังขึ้น

    เหวอ!ยูยะหลุดร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างเฉียดหน้าตนไป

    ชิบ! ปืน!เซย์สบลออกมาเบาๆ ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องยังคนร้ายอย่างไม่วางตาคล้ายกำลังดูท่าทีอีกฝ่ายเพื่อจะได้ตัดสินใจว่าควรทำไงต่อ

    พี่มีอะไรโต้ไหมอ่ะ!?” เนบุยะที่เห็นท่าไม่ดีเอาตัวบังยูยะไว้

    ไม่มีเฟ้ย! ไอ้เคียวมันทำของฉันพังไปแล้ว!เซย์ตอบกลับไปห้วนๆ

    พวกแก...ส่งของมีค่ามาให้หมดซะ!ทางคนร้ายเหมือนเห็นว่าในบริเวณนี้นอกจากหญิงที่ตนกระชากกระเป๋ามากับสามหนุ่มนี้ก็ไม่มีใครอื่นจึงทำการปล้นต่อเลย เนบุยะกันตัวยูยะออกห่างจากคนร้าย เซย์เองก็ทำท่าเหมือนจะทำอะไรบางอย่าง เสียแต่ว่า...

    นี่ๆ ใจคอกะปล้นมันตรงนี้จริงดิ?” ...ไม่ทันที่ใครจะได้ทำอะไรก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจาก...ด้านหลังคุณโจรนั้นแหละ

    ใช่...เฮ้ย!โจรหนุ่มที่ดันบ้าจี้ตอบกลับไปสะดุ้งโหยงพร้อมถอยห่างจากต้นเสียงตามสัญชาตญาณ ทำให้ทุกคนได้เห็นตัวต้นเสียงเมื่อครู่ชัดๆ ...และบุคคลที่ว่านั้นทำให้ใครบางคนเริ่มอยากเป็นลมขึ้นมาตงิกๆ แกมาจากไหนวะ!?”

    ไม่รู้สิน้าาาาชายหนุ่มผมดำผู้มาใหม่ลากเสียงยาว

    อย่ามากวนส้นนะเว้ย!!!โจรหนุ่มหันปืนเข้าหาผู้มาใหม่

    โอ๊ะโอ๋ อันตรายน้าาาาคนผมดำยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรและ...ชิงปืนในมืออีกฝ่ายมาแบบชิวล์ๆ ขอแล้วกันนะ ของแบบนี้น่ะ

    เฮ้ย!!?” โจรหนุ่มหลุดร้องออกมากับการชิงอาวุธหน้าด้านๆ ของอีกฝ่ายโดยไม่ทันได้ทำอะไรต่อชายหนุ่มผมดำก็โดดเตะก้างคอจนสติบินไปแล้ว

    อ่อนจังแฮะ...มาเป็นโจรได้ไงหว่า?” ชายหนุ่มมองผลงานของตนเองอย่างเช็งนิดๆ

    ใครมันจะเป็นก็เป็นได้ครับ...แล้วนี้มาได้ไงครับเนี่ย!?” ยูยะยื่นหน้าออกมาจากด้านหลังเนบุยะ

    เดินมาจ้า!ชายหนุ่มหรือนายมิยาจิ ยูโตะตอบอย่างร่าเริงพร้อมพุ่งเข้าไปหมายจะกอด ทว่าคนผมสีน้ำผึ้งกลับหลบอย่างรู้ทัน ง่ะ! หลบไหมอ่ะ!?”

    ผมขี้เกียจแงะพ่อออกจาผมไง!ยูยะกรอกตาไปมา

    เออ...ยูยะ...เนบุยะที่เออกินกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเร็วเกินปรับอารมณ์ทันนวดขมับตนเองเบาๆ “...นี่พ่อนาย?”

    ...ไหงดูกวนเหมือนโคทาโร่มันเลยฟะ!?...

    ใช่จ้า!ยูโตะยิ้มร่า ยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อว่าที่ลูกเขย

    อา ครับ...เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ!?” เนบุยะที่สะกิดใจกับคำพูดแปลกๆ จากปากอีกฝ่ายถามย้ำ

    ว่าที่ลูกเขยไง...ก็เป็นแฟนยูจังไม่ใช่เหรอ? งั้นในอนาคตก็มีแววเป็นลูกเขยฉันดิ!ยูโตะตอบอย่างซื่อๆ และนั้นทำให้...

    พ่อรู้ได้งายยยย!?” ...ยูยะถึงกับแว๊ดลั่น

    ...เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครนอกจากพี่นะ! แล้วนี้รู้ได้ไง!?...

    สืบเอายูโตะเอ่ย

    ยูโตะซัง...อย่าแกล้งลูกคุณมากนักเลยครับ เดี๋ยวไมเกรนขึ้นตายเอาเซย์รีบขัดขึ้นมาทันทีที่เห็นว่ายูยะทำสีหน้าปลงสุดแสนกับคำตอบที่ได้รับ

    บู้! เซย์คุงขี้บ่น!ยูโตะทำปากจู๋ แล้วนี่จะเอาไงกับไอ้นั้นต่อล่ะ?”

    เอากลับโรงพักไงครับ จะให้มัดไว้กับเสาแบบเดียวกับที่คิโยมิซังทำกับคุณหรือไงครับ?” เซย์สวนกลับอย่างกวนนิดๆ

    ก็น่าลองน้าาาายูโตะลากเสียงยาว แล้วนี่เซย์คุงเลิกเวรยังอ่ะ?”

    เขาเรียกว่าออกเวรครับ และผมจะออกเวรในอีกครึ่งชั่วโมงครับเซย์ตอบ

    งั้นเลิกแล้วไปกินข้าวบ้านฉันด้วยกันไหม?” ยูโตะยิ้มร่า

    เอ๊ะ?” เซย์ถึงกับเลิกคิ้ขึ้นเล็กน้อย ทำไมชวนผมล่ะครับ?”

    จะลากน้องเซย์คุงไปแนะนำกับคิโยมิอ่ะ!ยูโตะเอ่ย

    “...” เซย์นิ่งเงียบไป สมองเริ่มนึกภาพว่าอาจารย์สาวของตนรับไม่ได้ที่น้องตนไปคบกับลูกคุณเธอขึ้นมา...โคตรสยอง แต่ยังไงถ้าให้เลือกระหว่างปล่อยน้องตัวเองเข้าโรงเชือด (?) คนเดียวกับไปด้วยก็ต้อง... “...โอเคครับ ไปด้วยก็ได้ครับ...ว่าแต่ไหงรู้ว่าเอย์เป็นน้องผมล่ะครับ?”

    ...ไปด้วยอยู่แล้ว อย่างน้อยถ้าเห็นท่าไม่ดีก็เรียกรถพยาบาลทันล่ะ

    ได้ยินมาน่ะ...” ...แต่ได้ยินตอนไหนไม่ขอบอกนะ

    อ๋อ~~” เซย์ขานรับอย่างไม่คิดจะถามอะไรต่อพลางทำหน้าที่ของตนต่อ โดยปล่อยให้นายยูโตะไปป่วนลูกชายรายนั้นและน้องชายตนไป

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ทั้งสี่เอาคนร้ายวิ่งราวบวกปล้นชาวบ้านหน้าด้านๆ ไปส่งโรงพักและนายอันเซย์ได้ออกเวรแล้ว มิยาจิ ยูโตะก็จัดการลากแต่ล่ะหน่อกลับมายังบ้านตนและสิ่งแรกที่ยูโตะทำเมื่อกลับมาถึงบ้านคือ...

    คิโยมิจ้า! กลับมาแล้วจ้า!!!” ...วิ่งร่าไปที่ห้องครัวราวกับรู้ว่าคนที่ตนเรียกนั้นอยู่ในนั้น

    รู้แล้วย่ะ! เงียบๆ ไปเลย! ไม่งั้นแม่เอามีดเฉาะหัวแน่!และไม่ถึงสามวิต่อมาเสียงแว๊ดหวานๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างนายยูโตะกลิ้งออกมาจากห้องครัว

    คิโยมิใจร้ายยยยยูโตะร้องโหยหวน (?) แล้วพุ่งเข้าครัวอีกรอบ

    “...” ชายหนุ่มหนึ่งเด็กหนุ่มสองมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาจุด จุด จุด ก่อนที่ยูยะจะตัดสินใจเมินเสียงทะเลาะกันของพ่อแม่ตนไปแล้วพาแขกทั้งสองไปที่ห้องรับแขกและเจอกับ...

    ไง กลับมาแล้วเหรอ...เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งหรือมิยาจิ คิโยชิลูกชายคนโตของบ้านนี้กำลังนั่งดูทีวีกับเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลคนหนึ่งที่ไม่น่าจะมาอยู่ในที่นี่ในเวลานี้ได้

    ไงยูจัง...อ่ะ! เอย์จัง! เซย์ซัง! สวัสดี!คนผมสีคาราเมลเอ่ยทักอย่างร่าเริง

    ไง...เนบุยะทักคนผมสีคาราเมลสั้นๆ

    โย่ ไม่เจอกันนานนะ...ดูป่วนเหมือนเดิมนิเซย์ยิ้มร่าให้กับคนที่ดูร่าเริงราวเด็กๆ

    อาจจะฮ้าฟ!คนผมสีคาราเมลหรือก็คือฮายามะ โคทาโร่หัวเราะร่า

    ยูยะ...ไหงเอาเนบุยะกลับมาด้วยล่ะเนี่ย? แล้วข้างๆ นั้น...มิยาจิเหล่มองชายหนุ่มที่ตนไม่รู้จักเล็กน้อย

    โดนพ่อลากกลับมา ส่วนคนนี้พี่คนโตของเนบุยะมันน่ะยูยะตอบ แล้วทางพี่ล่ะ? ไหงเอาฮายามะมาด้วยล่ะ?”

    โดนแม่พากลับมามิยาจิยิ้มแห้งๆ

    สรุป...โดนจับได้ทั้งคู่?” ยูยะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ตามนั้นเลยมิยาจิถอนหายใจออกมาอีกคน

    อย่าทำหน้าปลง...พวกลูกก็ผิดเองนะที่คิดจะปิดเรื่องนี้ไว้เนี่ย

    ชะแว๊กกกกก!!!หนุ่มๆ ทั้งห้องถึงกับร้องลั่นเมื่ออยู่ๆ ดันมีเสียงหวานๆ ของผู้หญิงขึ้นมาก่อนที่จะพากันหันขวับไปยังต้นเสียงและพบกับชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่...ที่ด้านหลังเนบุยะเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ

    ว้าว เสียงเจ๋งกันจังนะยูโตะเอ่ยอย่างร่าเริง

    ไม่ต้องมาพูดเลยครับ! มากันเมื่อไหร่เนี่ย!?” มิยาจิมั่นใจว่าก่อนหน้านี้นอกจากยูยะ เนบุยะและพี่ของเนบุยะแล้วไม่เห็นพ่อแม่ตนเดินตามมาด้วยนะ!

    เมื่อกี้...แล้ว...คิโยมิตอบสั้นๆ พลางเหล่มองชายหนุ่มที่คุ้นตาตนสุดแสน “...ไหงไอ้เซย์มันมาด้วยเนี่ย?”

    โดนชวนมาครับ และมาเผื่อคิโยมิซังตื้บน้องผมจะได้เรียกรถพยาบาลทันด้วยครับเซย์ตอบไปแบบตรงๆ ไม่คิดจะปิดบังหรืออะไรทั้งสิ้น

    น้อง? ไอ้นี่อ่ะนะ?” คิโยมิชี้ที่เด็กหนุ่มร่างโตอย่างเจาะจง

    ครับเซย์พยักหน้ารับ

    ไม่ยักเหมือน น้องนายยังมีแววเรียนต่อสู้ได้ดีกว่านายอีกสาวเจ้าผมน้ำผึ้งกล้าพูดเลยว่า...ไม่ให้ความรู้สึกว่าจะเป็นพี่น้องกันเลยสักนิด!

    หลายๆ คนก็ว่างั้นครับ...เซย์ที่เคยชินกับคำถามและคำพูดเช่นนี้พอสมควรยักไหล่น้อยๆ และ...

    เออ! จริงสิ!” ...ในเวลานั้นเองอยู่ๆ ยูโตะก็ตะโกนขึ้นมาเสียดื้อๆ ราวโดนผีเข้า

    อะไรเล่า! อยู่ดีๆ ก็โพร่งขึ้นมาเนี่ย!?” คิโยมิแว๊ดพร้อมส่งบาทาไปให้สามีตน

    อูย~~ เจ็บนะตัวเธอ~~~” ยูโตะที่โดนถีบร้องโอดครวญแบบน่าถีบอีกรอบยิ่งนัก คือว่า...วันนี้ไปเห็นเรโอะคุงด้วยแหละ~~ วันหลังชวนเรโอะคุงมาเล่นที่นี้กันเถอะเนอะ~~~”

    เรโอะ? อ๋อ หมายถึงมิบุจิสินะคิโยมิเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ด้วยความสงสัยเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้

    เดี๋ยว! แม่! นี่ที่พูดถึงนี่...หมายถึงมิบุจิ เรโอะที่อยู่ราคุซัน?” มิยาจิคิ้วกระตุกนิดๆ

    ใช่ดิคิโยมิตอบ

    คุณรู้จักพี่เรโอะเหรอฮ้าฟ!?” ฮายามถามต่อด้วยความอยากรู้

    เออคิโยมิพยักหน้ารับ

    ไปรู้จักกันไงล่ะนั้น?” ยูยะคุมขมับด้วยอาการปวดหัวสุดแสน เนื่องจากไม่คิดว่าคนอย่างมิบุจิ เรโอะจะมารู้จักพ่อแม่ตนได้

    เรโอะคุงเคยเรียนคลาสระดับพื้นฐานกับแม่เขาไงยูจัง แถมได้เป็นท๊อปในรุ่นนั้นด้วยนะยูโตะเอ่ยขึ้นมาไขข้อสงสัยให้เหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลาย

    “...” ยูยะเมื่อได้ยินดังนี้ก็ถึงกับนิ่งเงียบไป “...เนบุยะ...มิบุจิมันต่อสู้เก่งดิ?”

    จะว่าไงล่ะ...ถ้ามันฟิวส์ขาดนี่...เนบุยะยิ้มแห้งๆ เหมือนกำลังนึกถึงเรื่องสยองขึ้นมา

    “...นรกแตกชัดๆ เลยล่ะ!ฮายามะเอ่ยต่อจากคำพูดของเนบุยะด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างกัน

    “...ให้ตายเถอะยูยะได้แต่คุมขมับตัวเองกับคำยืนยันของคนสองคนที่บ่งบอกว่า...มิบุจิ เรโอะนั้นโหดจริงและคนที่ทำให้รายนั้นโหดขึ้นมาคงเป็นแม่เขาไม่ผิดแน่

    ปลงเสียเถอะ...เนบุยะที่พอเข้าใจอาการของยูยะตบบ่าปลอบ พลางนึกในใจว่า...ถ้านอกจากเรื่องของยูยะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาคงไม่กล้ามามีเรื่องกับบ้านนี้แน่ ทั้งอาจารย์ที่สอนให้เพื่อนสาวแตก (?) ของเขาโคตรโหดได้ ทั้งคนที่สู้กับคนมีอาวุธได้ด้วยมือเปล่าแบบนี้ถ้าคิดจะมีเรื่องด้วยจริงๆ ต่อให้มีกี่ชีวิตก็คงจะไม่พอแหงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End & TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×