คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #250 : [AllFuri] Change
Title : Change
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Kiseki x Furihata
Notes : มาตามที่ใครสักคนเคยขอไว้เนี่ยแหละ ลืม WWW
.....................................................................................
Change
“เอิ่ม...ถึงเคยคิดว่าอาหารของโมโมอิกับไอดะซังไม่ปกติ แต่ไม่เคยคิดว่าจะอัพเลเวลขึ้นมาแบบนี้แฮะ” เสียงบ่นพึมพำเบาๆ ดังออกมาจากปากของเด็กหนุ่มผมแดง ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมเหลือบมองยังชายผมสีน้ำตาลหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งซึ่งกำลังโปรยเสน่ห์ (?) อยู่ไม่ห่างจากพวกตนมากนัก...ซึ่งความจริงต่อให้หล่อขนาดไหนโดยปกติแล้วคงไม่สามารถดึงสายตาของคนอย่าง ‘อาคาชิ เซย์จูโร่’ ให้มองได้ง่ายๆ ถ้าไม่ติดว่าคนคนนี้...
...ดันคือฟุริฮาตะ โคกิตัวสำรองของชมรมบาสโรงเรียนมัธยมปลายเซรินที่เจ้าตัวรู้จักดี...ที่ตอนนี้กลายร่างจากชิวาว่า (?) กลายเป็นหนุ่มสุดฮ็อกไปเสียแล้วแถมยังไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปของตัวเองราวกับว่าเจ้าตัวเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วอีก ส่วนสาเหตุที่กลายเป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกเสียจากอาหารของเด็กสาวผมน้ำตาลผู้เป็นโค้ชของทีมบาสเซรินกับเพื่อนสาวผมชมพูของพวกตนที่นับวันการทำอาหารของรายนั้นเริ่มพิสดารขึ้นทุกขณะ...จนสร้างความปวดหัวเวียนเกล้าจนต้องรวมตัวอดีตรุ่นปฎิหาริย์ทุกคนที่วันนี้ไม่รู้บังเอิญหรืออะไรมาอยู่ด้วยกันในวันนี้พอดีเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างในยามนี้นี่แล
...ทั้งที่คราวนี้เห็นทำออกมารูปร่างหน้าตาปกติดีแท้ๆ แต่ใครจะคิดว่ากินเข้าไปแล้วจะได้ผลออกมาแบบนี้ล่ะ? ตัวต้นเหตุสองคนนั้นดันกลับกันไปก่อนที่ผลมันจะออกฤทธิ์จนคนแก้ปัญหาต้นเป็นพวกเขาแทนเนี่ย...
“ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันครับ...” เสียงแผ่วๆ อย่างคนจิตหลุดดังเสริมมาจากเด็กหนุ่มผมฟ้าผู้แสนจะจืดจาง
“ทั้งที่ไอ้ที่เอามาคราวนี้หน้าตาก็ปกติดีแท้ๆ ทำไมสุดท้ายกลายเป็นงี้ได้ฟะ!?” เด็กหนุ่มผิวเข้มผมสีน้ำเงินสบถขึ้นมาเบาๆ
“นี่มันเกินสามัญสำนึกปกติไปแล้วน้าาาาา” เด็กโข่งสีม่วงทำหน้างอกับการที่คนสุดใจดีที่ให้ขนมตนประจำ (?) ตอนนี้กลายเป็นพ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์ไปแล้ว
“เกินไปไกลแล้วด้วย” เด็กหนุ่มเขียวคุมขมับ
“ตอนนี้ฟุริฮาตัจจิเด่นกว่าผมแล้วนะ!” เด็กหนุ่มผมเหลืองเริ่มงอแงเมื่อโดนแย่งซึน (?)
“นั้นใช่เรื่องควรสนใจที่ไหนล่ะไอ้บ้า!!!” คนผมน้ำเงินหรืออาโอมิเนะ ไดกิจากทีมบาสโทโอวเขกหัวเหลืองๆ ของเอสทีมบาสไคโจวไปหนึ่งที...ไอ้เรื่องนั้นมันใช่เรื่องที่ควรสนใจตอนนี้ที่ไหนฟะ!?
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ?” ต้นเหตุของเรื่องเดินมาหาเมื่อเห็นว่าพวกรุ่นปฏิหาริย์ทำท่าเหมือนจะสติแตกอยู่ร่อมร่อ
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” แก๊งหัวหลากสี (?) ตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียง
“แล้วทางฟุริฮาตะคุงไม่รู้สึกผิดปกติอะไรใช่ไหมครับ?” คุโรโกะซึ่งอยู่โรงเรียนเดียวกันและสนิทกับฝ่ายที่สุดในหมู่ถามขึ้นเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่หรอก ปกติดี” ฟุริฮาตะยิ้มรับอย่างเจ้าเล่ห์สุดแสนพลางยกมือลูบเรือนผมสีฟ้าใสของอีกฝ่าย “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ น่ารักจริงเลยนายเนี่ย”
“!?” คุโรโกะตัวแข็งทื่อกับการกระทำและคำพูดของฟุริฮาตะ ส่วนตัวต้นเหตุหลังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แล้วก็เดินแยกไปหว่านเสน่ห์ใส่ชาวบ้านต่อ (?)
“เท็ตสึ...ปกติฟุริมันไม่หว่านเสน่ห์แบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ?” อาโอมิเนะเอ่ยขึ้นอย่างเหม่อลอยราววิญญาณใกล้หลุดออกจากร่างหลังจากที่คนผมน้ำตาลเดินห่างออกไปพอสมควรแล้ว
“ค...ครับ...” คุโรโกะขานรับเสียงแผ่ว...ตามปกตินั้นฟุริฮาตะไม่มีทางกล้าทำอะไรแบบนี้แน่ และถ้าทำต้องยิ้มแบบอ่อนโยนไม่ใช่เจ้าเล่ห์เหมือนเพลย์บอยแบบนี้!!!
“หรือว่าอาการเพิ่มเติมของไอ้นั่นน่ะ?” คิเสะลองคาดเดาตามความน่าจะเป็นของเรื่องนี้
“คงงั้นแหละ” อาคาชิที่จนปัญญากับเรื่องนี้เหมือนกันเอ่ย...ก็หากสาเหตุมันมาจากอาหารพิสดารนั้นทีไร มันใช้สามัญสำนึกหรือการคาดการณ์แบบคนปกติมาใช้ไม่ได้เลยนี่นา
“อาหารโมโมจินน่ากลัว” มุราซากิบาระทำหน้าผวาอย่างไม่มีการปกปิดแม้แต่น้อย
“ฉันสาบานเลยว่าต่อจากนี้ต่อให้หน้าตาอาหารที่โมโมอิหรือไอดะซังทำหน้าตามันจะปกติขนาดไหน ฉันก็จะไม่กินเด็ดขาด” มิโดริมะเอ่ย...ถ้าผลนับวันยิ่งน่ากลัวแบบนี้เขาจะไม่มีวันกินมันเข้าไปเด็ดขาด!!!
“แล้วเอาไงกันต่อดีทีงี้?” คิเสะถาม...ฟุริฮาตะกลายเป็นงี้เขาหลอนนะเฮ้ย!!!
“ไม่รู้ รู้แค่ถ้าเคียวซังมารู้เข้าคงเกิดเรื่องแน่” อาโอมิเนะส่ายหน้าวืด...ไอ้ทางแก้เขาไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือหากพี่ของรายนี่รู้เข้าว่าน้องตัวเองเปลี่ยนร่างกลายเป็นเพลย์บอยหรือไม่ก็คาลสโนวาแบบนี้มีหวังหายนะบังเกิดแน่
“เห็นด้วยวะ” แต่ละคนที่รู้จักพี่ชายของฟุริฮาตะ โคกิต่างพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“กระซิบอะไรกันเหรอ?” ฟุริฮาตะที่กลับมารวมกลุ่มอีกระรอบถามขึ้นมาหลังเห็นพวกหัวหลากสีกำลังซุบซิบราวแม่บ้านนินทาลูก
“เปล่า!!!” เหล่าอดีตรุ่นปฏิหาริย์ต่างปฏิเสธอย่างพร้อมเพรียง
“แหม พร้อมเพรียงกันเชียวนะ” ฟุริฮาตะหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“ก็นะ” อาคาชิเอ่ย “แล้วโคกิ...นายแน่ใจนะว่าโอเคน่ะ?”
“แน่สิ” ฟุริฮาตะเอ่ยพลางเอานิ้วเชยคางอีกฝ่ายขึ้นเพื่อให้สบตากับตนและส่งยิ้มให้
“...” ทางอาคาชิที่โดยทำเช่นนี้ใส่ถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความช็อก เนื่องจากไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำเช่นนี้ใส่ตน...
...อาการท่าจะหนัก...
“งั้นไปนะ...” ฟุริฮาตะปล่อยมือจนเด็กหนุ่มผมแดงพลางมองนาฬิกาเล็กน้อยแล้วเอ่ยขอตัวเพื่อกลับบ้านเพราะเริ่มทีจะเย็นมากแล้ว แต่...
“เดี๋ยว!!!” ...กลับถูกเหล่ารุ่นปฏิหารย์รั้งไว้เสียก่อน
...ถ้าไปเจอเคียวซังในสภาพนี้ก็เกิดเรื่องน่ะสิ!!!...
“มีอะไเหรอ?” ฟุริฮาตะที่ดูจะไม่รู้ตัวเลยว่าตนเปลี่ยนจากเดิมไปขนาดไหนถามกลับ
“วันนี้...เออ...” คิเสะอ้ำอึ้งเล็กน้อยพลางคิดหาข้ออ้างที่เรียกรั้งอีกฝ่ายไว้อย่างด่วนจี๋ “...บ้านอาคาชิจจิ...ไปค้างบ้านอาคาชิจจิกันเถอะ!!!”
“ทำไมต้องบ้านฉันเล่า?” อาคาชิบ่นอุบอิบเล็กน้อย...หากเป็นยามปกติ ฟุริฮาตะไปค้างบ้านเขาคงไม่คิดอะไรเท่าไหร่ แต่นี่เล่นนิสัยเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยนี่สิ
“เพราะมันกว้างสุดไงฮะ” คิเสะแอบกระซิบตอบคนผมแดงไป
“และรับรองได้ว่าคงไม่เกิดเรื่องอะไรตามมาไง” อาโอมิเนะเอ่ยเสริม...เพราะบ้านอาคาชินั้นไม่ค่อยจะมีคน ดังนั้นจึงเหมาะจะเก็บตัวปัญหา (?) เอาไว้ที่สุดแล้วในตอนนี้
“ไม่แน่นะเฮ้ย” อาคาชิแยกเขี้ยวใส่สองคนที่กะโยนระเบิดมาที่บ้านตน
“ก็ได้หรอกนะ แต่ขอไปบอก...” ทางฟุริฮาตะที่ไม่สนใจการกระซิบกระซาบของชาวบ้านเท่าไหร่นักเอ่ย แต่ไม่ทันที่จะพูดจบประโยค...
“เดี๋ยวผมบอกให้ครับ!” ...นายจืดจางนายคุโรโกะ เท็ตสึยะก็อาสาขึ้นมาก่อน...ก็แหงล่ะ จะให้อีกฝ่ายคุยกับพี่ตัวเองในสภาพนี้ได้ไง พวกเขายังไม่อยากถูกพี่ชายรายนี้เชือดนะ
“งั้นตกลง” ฟุริฮาตะสุดท้ายก็พยักหน้ารับคำเชิญชวนของเหล่าคนหัวหลากสี
“โอเค งั้นไปกัน” ว่าแล้วคิเสะกับอาโอมิเนะก็จัดการลากฟุริฮาตะไปบ้านอาคาชิทันทีเพื่อกันไม่ให้หว่านเสน่ห์ใส่ใครต่อ โดยทางเจ้าของบ้านนั้นได้แต่สวดภาวนในใจว่าอย่าให้มีใครทำบ้านตนพัง มุราซากิบาระกับมิโดริมะก็ตบบ่าปลอบใจอาคาชิไป ส่วนคุโรโกะก็โทรไปเคลียร์กับพี่ชายฟุริฮาตะก่อนที่จะพากันไปที่บ้านอาคาชิเพื่อจัดการปัญหานี่ต่อไป
...เอิ่ม ไม่คิดเลยแฮะ...
...ไม่คิดเลยว่าตอนนี้...
...จะหน้าด้านขึ้นขนาดนี้!...
เหล่าคนหัวหลากสีแทบอยากจะร้องไห้หลังจากที่พาคนที่เปลี่ยนไปเพราะฤทธิ์จากของสุดพิสดารมาที่บ้านของคนหัวแดงแล้วพวกตนเล่นโดนขายขนมจีบใส่เป็นว่าเล่น...แถมยังมีเล่นหูเล่นตาอีก เล่นซะแต่ละคนอดขนลุกเสียไม่ได้กับการกระทำเหล่านั้นและอดหวั่นๆ ไม่ได้ว่า...
...นี่พวกกูจะโดนกดไหมเนี่ย? ออร่าเมะออกซะ...หรือรีบกดก่อนโดนกดดีเนี่ย?...
“เอาไงต่อดีงานนี้?” เสียงบ่นดังออกมาจากเด็กหนุ่มผมเหลืองผู้เป็นโกลเด้นประจำกลุ่ม (?) ซึ่งดูจะได้รับผลกระทบจากนิสัยที่เปลี่ยนไปของฟุริฮาตะากที่สุดเนื่องจากเจ้าตัวเป็นคนที่แหย่ง่ายและกลายเป็นคนที่โดนแกล้งจากฟุริฮาตะมากที่สุดในขณะนี้
“ขอบอกว่าจนปัญญาเหมือนกันได้ไหม?” แม้แต่อาคาชิงานนี้ก็ได้เพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆ ...สำหรับงานนี้เขาไม่รู้จะทำไงจริงๆ แต่ที่แน่ๆ คือหลังจากนี้หากอีกฝ่ายกลับเป็นเหมือนเดิมได้เขาจะกันไม่ให้ฟุริฮาตะ โคกิกินอาหารของโมโมอิกับไอดะเด็ดขาด!!!
“ต้องรีบหาทางแก้โดยเร็วเลย แบบนี้น่ะ” มิโดริมะถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ ...ดีนะที่เขาพอตีหน้าตายไว้ได้ ไม่งั้นโดนแกล้งบวกโดนแจกขนมจีบหลายลูกแบบคิเสะเป็นแน่
“แล้วจะแก้ไงเล่า? ของแต่ละอย่างไม่เคยแก้เหมือนกันสักครั้ง” อาโอมินะที่รู้ฤทธิ์ของแต่ละอย่างที่เพื่อนสาวตนทำดีนั้นกล้าพูดเลยว่าแต่ละอย่างที่ทำให้เกิดผลสุดพิสดารนี่วิธีแกมันไม่เคยเหมือนกันสักครั้ง บางทีวิธีแก้ก็ชวนปวดจิตปวดใจมากบางทีอยู่ๆ ก็หายเองเสียดื้อๆ ก็มี จนคาดเดาไม่ได้ รู้แค่ว่าหากรอให้หายเองอย่างมากก็ไม่เกินเจ็ดวัน...แต่ตอนนี้เขาอยากให้พวกเขาดวงเฮง อาการของฟุริฮาตะกลับมาเป็นปกติได้เองเร็วๆ สุดๆ ไปเลยเพราะหากฟุริฮาตะเป็นแบบนี้ไปเจ็ดวันจริงๆ พวกเขารับมือไม่ไหวแน่
“สุ่มดวงมั้ง” มุราซากิบาะเอ่ย
“ไม่น่าไหวนะ” คิเสะส่ายหน้าไปมา...ให้ลองทำอะไรแบนั้นกับอีกฝ่ายตอนนี้มีแววโดนเย้าหยอดแบบชวนเสียความบริสุทธิ์ (?) น่ะสิ!!!
“ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะ...ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะทำไงต่อแล้ว” อาคาชิที่ถึงแม้เดาได้ว่าคนผมเหลืองคิดอะไรแต่ก็ไม่สามารถค้านได้ว่าตอนนี้พวกตนได้แต่หาวิธีแก้ด้วยวิธีสุ่มดวงกันไป
“ฟุริฮาตะคุงกลายแบบนี้หลอนมากเลยครับขอบอก” คุโรโกะที่เป็นเพื่อนร่วมทีมของฟุริฮาตะบ่นอุบอิบกับความหลอนที่ได้รับจากพื่อนหัวน้ำตาล...ไม่คิดเลยว่าจากชิวาว่าอัพเกรดเป็นหมาป่าจะทำให้เขาจิตตกได้ขนาดนี้
“หลอนเหมือนกันแหละวะ” อาโอมิเนะพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“เอาไงต่อ?” มิโดริมะถามขึ้นมา
“ไม่...” ...รู้สิ
นี่คือสิ่งที่อาคาชิกำลังจะอ้าปากตอบกลับไป ทว่าไม่ทันที่จะเอ่ยได้จบประโยค...
“คุยอะไรกันเหรอ?” ...คนที่พวกตนกำลังพูดถึงซึ่งก่อนหน้านี้ขอตัวไปเดินเล่นก็โผล่กลับมาพอดิบพอดี
“ชะแว๊กกกกก!!!” เหล่ารุ่นปฎิหาริย์ต่างหลุดร้องออกมากันอย่างพร้อมเพรียงแล้วหันไปยังต้นเสียงหรือคนผมน้ำตาลที่ยืดกอดอกด้วยมาดที่ดูเท่สุดแสนนั้นเอง
“เป็นอะไรกันไปเหรอ?” ฟุริฮาตะถามกลับพร้อมส่งรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจมาให้
“ป...เปล่าๆ ไม่มีอะไร” อาโอมิเนะที่รอบนี้โดนส่งเป็นหน่วยกล้าตาย (?) ไปตอบคำของฟุริฮาตะ...ที่นับรอบนั้นแต่ละคนรู้สึกเหมือนโดนลวมลามขึ้นทุกที (?)
“แน่ใจเหรอ?” ฟุริฮาตะคาดคั้นเล็กน้อย
“อ...อื้ม” อาโอมิเนะพยายามส่งเสียงขานรับไปอย่างยากลำบาก
“แน่ใจนะ...” ฟุริฮาตะถามย้ำอีกครั้งพร้อมเอานิ้วเชยคางคนผมน้ำเงินขึ้น “...ว่าไม่ได้โกหก?”
“เออ...” พอเจอแบบนี้สมองของเอสแห่งโทโอวก็แทบที่จะหยุดทำงานไปร้อยเปอร์เซ็น ตัวก็แข็งทื่ออย่างคนที่กำลังช็อกสุดแสน
“ฟุริจินอย่ากดดันมิเนะจินสิ!!!” มุราซากิบาระที่เห็นท่าว่าอาโอมิเนะจะไม่ไหวแล้วรีบไปขวางระหว่างอาโอมิเนะกับฟุริฮาตะ
“หว่าๆ อย่าทำเป็นเด็กหวงของเล่นสิมุราซากิบาระ” ฟุริฮาตะที่ยอมผละออกห่างจากอาโอมิเนะแต่โดยดีส่งยิ้มหวาน...หวานเสียจนน่ากลัวให้เด็กหนุ่มผมม่วง “เดี๋ยวลงโทษเด็กดื้อเสียหรอก”
“ไม่เอานะ! อาคาจินช่วยด้วย!” มุราซากิบาระสะดุ้งโหยงพร้อมหันไปขอความช่วยเหลือจากจอมมารกรรไกรแดง (?)
“เออ...จะให้ช่วยยังไงล่ะ?” อาคาชิที่หมดปัญญากับการห้ามปรามฟุริฮาตะในสภาพนี้เอ่ยพร้อมถอยห่างเล็กน้อย...ฟุริฮาตะในตอนนี้ต่อกรด้วยยากจะตาย แถมเป็นการต่อกรที่จะไม่คุ้มเสียเลยเพราะหากเข้าไปห้าม เขานี่แหละอาจเป็นฝ่ายโดยลวมลามด้วยสายตาและคำพูดแทนเนี่ย
“ฟุริฮาตะคุง ผมว่าเรา...เออ...” คุโรโกะที่มีสกิลหนีตายได้ดีที่สุดในหนุ่มเพราะสามารถแว่บหนีคนผมน้ำตาลได้ตลอดเวลาพยายามหาทางรอดให้เพื่อนผมม่วงและน้ำเงินของตน “...เราไปเล่นไพ่กันเถอะครับ”
“ก็ได้นะ” ฟุริฮาตะมองมุราซากิบาระสลับกับคุโรโกะสักพักก่อนที่จะตอบรับไป “แต่เล่นเฉยๆ มันไม่สนุก มีบทลงโทษด้วยดีกว่า”
“เอางั้นก็ได้ครับ” คุโรโกะเออออตามไปด้วยความคิดว่าแค่เล่นไพ่บทลงโทษคงไม่มีอะไรมาก
“งั้นใครได้คะแนนต่ำสุดในแต่ละรอบต้องถอดเสื้อผ้าหนึ่งชิ้นนะ” ฟุริฮาตะยิ้มแพรวพราวและพูดบทลงโทษของเกมออกมาหน้าตาเฉย
“...” คำพูดนี้ทำเอารุ่นปฏิหาริย์แต่ละคนถึงกับใบ้กิน โดยเฉพาะคุโรโกะที่เป็นคนตอบรับไปแทบอยากเอาหัวโขกผนัง...เขาลืมไปได้ไงว่าตอนนี้อีกฝ่ายมีความคิดที่หื่น (?) ยิ่งกว่าอาโอมิเนะเนี่ย!?
“ไม่มีใครค้าน งั้นตกลงตามนี้นะ” ฟุริฮาตะเอ่ยก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปยังห้องรับแขกเพื่อเตรียมที่จะเล่นเกมไพ่กัน
“แพ้ไม่ได้งานนี้...” หลังคนผมน้ำตาลไปแล้ว อาคาชิที่ได้สติคนแรกก็พึมพำขึ้นมาเบาๆ ...ถึงปกติเขาจะไม่แพ้เกมใดๆ ก็เถอะ แต่ในคราวรู้สึกว่าแต่ละอย่างมันเหนือการคาดเดาของเขาทั้งสิ้นเพราะงั้นกันไว้ดีกว่าแก้ เขาต้องพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อจะไม่แพ้ในเกมคราวนี้เด็ดขาดถึงแม้จะเป็นแค่การเล่นไพ่ก็ตาม
“และถึงแพ้ ต้องไม่แพ้จนถอดหมดตัว...” คิเสะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่...งานงอกกันอีกแล้วไง ปกติเขาเป็นพวกดวงซวยอยู่แล้วยังต้องมาเล่นอะไรแบบนี้อีก
“อาคาชิ...ฉันขอยกตู้เย็นบ้านนายไปวางข้างๆ ตอนเล่นได้ไหม?” มิโดริมะถามคนผมแดงซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน
“ลักกี้ไอเทมวันนี้คือตู้เย็นเหรอ?” อาคาชิที่พอเดาได้ว่าการถามแบบนี้หมายความว่าไงเอ่ยขึ้น...นี่กะเอาลักกี้ไอเทมไว้ข้างๆ กันความซวยพุ่งชนแบบเต็มเหนี่ยวเลยสินะ?
“อื้ม” มิโดริมะพยักหน้ารับ
“จะเอาอะไรก็เอา...เผื่อฉันด้วย” อาโอมิเนะที่ยังขนลุกขนชันกับการกระทำของฟุริฮาตะก่อนหน้านี้อยู่เอ่ย...ถึงปกติเขาไม่เชื่อเรื่องดวง แต่คราวนี้ขอลองหน่อยแล้วกัน
“ขอด้วย” คิเสะที่ดวงซวยตลอดขดเอ่ยต่อ
“เอาด้วยคนสิ” มุราซากิบาระลากเสียงยาวแบบว่า...งานนี้ขอกันเหนี่ยวไว้ก่อนไปให้พ่อหมอผมเขียว (?)
“ผมด้วย” คุโรโกะถึงแม้จะหนีได้ทุกเมื่อแต่ก็คิดว่าควรหาทางเสริมด้านโชคของตัวเองบ้างเอ่ยขออีกคน
“เอาเหมือนกัน” คราวนี้แม้แต่อาคาชิที่ไม่เคยพึงดวงยังขอกับเขาด้วย
“ของคนอื่นน่ะได้ แต่ของอาโอมิเนะนี่...” มิโดริมะมองที่คนผมน้ำเงินด้วยอาการเหงื่อตกนิดๆ
“ฉันทำไมเหรอ?” อาโอมิเนะถาม
“ลักกี้ไอเทมนายคือกระบองเพชร และฉันไม่คิดว่าบ้านอาคาชิจะมีด้วย” มิโดริมะที่มักเข้าออกบ้านอาคาชิบ่อยๆ และรู้ว่าไม่มีของอย่างที่ว่าในบ้านคนผมแดงด้วยได้แต่ยิ้มปลอบอีกฝ่ายไป...ของคนอื่นๆ น่ะ ลักกี้ไอเทมเป็นแค่ข้าวของในครัว แต่ราศีของอาโอมิเนะดันเป็นต้นไม้ แถมยังเป็นต้นที่ไม่สามรถหามาได้ในตอนนี้อีก
“...ไม่มีจริงๆ นั้นแหละ” อาคาชิส่งสายตาประมาณว่า ‘เดี๋ยวสวดส่งให้นะ’ ไปให้คนผมน้ำเงิน
“ซวยดิฉัน” อาโอมิเนะบ่นขึ้นมาเบาๆ
“คิดแง่ดี นายอาจไม่ซวยที่สุดก็ได้” คิเสะพยายามปลอบ
“...โทษทีทีต้องทำลายความหวังนะ แต่ดวงอาโอมิเนะวันนี้อยู่ลำดับสุดท้าย” มิโดริมะเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ชิบหาย” อาโอมิเนะไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำนี้จริงๆ ...ไม่มีของเสริมดวงซวยๆ ของเขาไม่พอ ยังบังเอิญไม่มีดวงในวันนี้อีก!
“มัวทำอะไรอยู่น่ะ? รีบมาเร็วสิ” เสียงตะโกนของฟุริฮาตะที่รอนานเกินไปหรืออย่างไรก็ไม่ทราบดังขึ้นมาจากอีกห้องทำให้แต่ละหน่อพากันสะดุ้งโหยง
“อ...อา...” เหล่ารุ่นปฏิหารย์ทั้งหกขานรับก่อนที่จะเดินไปหาฟุริฮาตะก่อนที่จะเป็นฝ่ายโดนลากคอไปแทน ทางมิโดริมะก่อนที่จะไปก็ไม่ลืมที่จะรีบเอาลักกี้ไอเทมของแต่ละคนมาแจกด้วย
“โชคดีนะอาโอมิเนะ” อาคาชิได้แต่ตบบ่าปลอบคนดวงซวยไปหนึ่งทีก่อนที่จะเดินไปรวมตัว
“อย่างแกไม่ต้องมาปลอบเลยเว้ย!!!” อาโอมิเนะแยกเขี้ยวใส่คนผมแดงเล็กน้อยแล้วก้มหน้ารับกรรมเตรียมยอมรับความซวยที่อาจเกิดกับตนภายในไม่ช้านี้ไป
...เอิ่ม...วันซวยของเขาจริงๆ สินะ?...
อาโอมิเนะคิดอย่างน้ำตาตกในนิดๆ หลังจากที่โดนจับเล่นไพ่มาได้พักใหญ่ๆ แล้วพบว่าตนนั้นแพ้ติดกันรัวๆ จนต้องถอดเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นบทลงโทษในขณะที่คนอื่นๆ ยังไม่โดนเลยสักนิด...สรุปเขาดวงซวยหรือพวกนี่เล่นไพ่เก่งเกินไปล่ะเนี่ย!?
“ฉันชนะ” ฟุริฮาตะวางไพ่ในมือลงเป็นการบ่งบอกว่าในเกมนี้ตนได้แต้มสูงสุด
“นายดวงดีไปแล้วนะ” อาคาชิโอดครวญเล็กน้อยกับผลที่ได้ซึ่งน้อยกว่าฟุริฮาตะเล็กน้อย...ปกติเขาต้องเป็นฝ่ายชนะสิ ไหงคราวนี้ฟุริฮาตะชนะรัวๆ เลยล่ะ!?
“ขนาดอาคาชิจจิยังแพ้...” คิเสะเอ่ยเสียงแผ่วอย่างคนกำลังจิตตกพลาดมองไพ่ตนที่เอาวางบนโต๊ะ...ซึ่งได้คะแนนเกือบน้อยที่สุด
“แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้แพ้รวดอย่างอาโอมิเนะล่ะ” มิโดริมะที่ได้แต้มรองจากอาคาชิลงมาอีกทีเหล่มองคนที่บัดนี้สวมใส่เพียงเสื้อผ้าน้อยชิ้น
“ไม่ต้องมาพูดเลยเฟ้ย!!!” อาโอมิเนะที่จะร้องไห้อยู่ร่อมร่อแว๊ดไปหนึ่งทีก่อนที่จะถอดเสื้อกล้ามออกตามบทลงโทษของผู้ได้แต้มน้อยที่สุด...นี่อุตสาห์แอบขี้ตั้วถอดถุงเท้าทีละข้างด้วยซ้ำยังเหลือผ้าบนตัวแค่นี้เอง ใจอยากเลิกเล่นใจจะขาดแต่คนเริ่มเกมกลับไม่ยอมให้เขาเลิกเสียนิ
“เหลือแค่กางเกงแล้วนะอาโอมิเนะ” ฟุริฮาตะที่่เป็นต้นเหตุของบทลงโทษทั้งหมดทั้งมวลยิ้มร่า ดวงตาพรายระยับมองยังคนผมน้ำเงินอย่างไม่วางตา “กล้ามนายนี่สวยดีเนอะ”
“...” คำพูดนี้ทำให้เหล่าเด็กหนุ่มหัวหลากสีต่างนิ่งเงียบกันไป ส่วนอาโอมิเนะนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย...เพราะแข็งค้างไปแล้วด้วยความหวั่นใจไปทางผวากับท่าทางของคนผมน้ำตาล
...อื้ม...แกล้งแพ้ให้อาโอมิเนะดีไหมเนี่ย?...
เหล่าคนที่รอดมาได้แอบคิดในใจอย่างสงสารคนผมน้ำเงิน...นี่ถ้าแพ้อีกสองสามตานี่คงไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้วแหง
“มาเล่นกันต่อเถอะ” ทางฟุริฮาตะเมินสายตาเห็นใจอาโอมิเนะไปพร้อมเริ่มเล่นไพ่ตาต่อไปหน้าตาเฉย
“รอบนี่ขอให้กูชนะทีเถอะ” อาโอมิเนะโอดครวญเบาๆ ...นี่เขาจะไม่เหลือเสื้อผ้าให้ใส่แล้วนะ! ให้เขาชนะบางเถอะ!
“อาโอมิเนะ...” มิโดริมะสะกิดคนผมน้ำเงินเบาๆ “...เมื่อกี้แอบไปยืมคอมอาคาชิปริ้นมาให้ หวังว่าจะช่วยได้นะ”
“สักนิดก็เอา...” อาโอมิเนะที่ตอนนี้หากมีอะไรมาเสริมดวงน้อยๆ ของตนได้ก็เอาหมดรับกระดาษที่มีรูปดงกระบอกเพชรมาพร้อมเริ่มเล่นไพ่กันต่อ และผลที่ได้... “เย้! รอดเว้ย!”
...คือคราวนี้ลำดับสุดท้ายไม่ใช่อาโอมิเนะนั้นเอง
“แต่ความชิบหายมาตกที่ฉันแทนนะอาโอมิเนจจิ!!!” คิเสะที่กลายเป็นลำดับสุดท้ายแทนโวยขึ้นมา
“อย่างน้อยนายก็เพิ่งถอดชิ้นแรกล่ะวะ!” อาโอมิเนะเถียงกลับ
“เอ้าๆ อย่าทะเลาะกันสิ...เดี๋ยวจัดเสียหรอก” ฟุริฮาตะมองเด็กหนุ่มทั้งสองที่เริ่มเถียงกันสลับไปมาเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมา
“...” ด้วยคำพูดเพียงเท่านี้ก็ทำให้สองหนุ่มฟ้าเหลือง (?) หยุดทะเลาะกันในบัดดลแล้วเล่นไพ่กันอย่างสงบเสงี่ยบเจี๋ยมตัวกันไป
เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ หลังจากเล่นไพ่กันมาได้มาได้หลายต่อหลายตา...โดยที่นายฟุริฮาตะ โคกิผู้โดนของพิศวงตกใส่จนกลายเป็นหนุ่มเพลย์บอยสุดแสนแสบนั้นชนะติดกันทุกรอบเสียจนน่าสงสัยและแต่ละคนในรุ่นปฏิหาริย์ต่างต้องสละเสื้อผ้า (?) กันอย่างน้อยสุดสองชิ้นนั้นต่างภาวนาให้ฟุริฮาตะเบื่อเกมนี้เสียที เพราะพวกตนนั้นมีแต่เสียเปรียบอีกฝ่ายเต็มประตูแถมพยายามกล่อมให้คนผมน้ำตาลเลิกเล่นก็ไม่สำเร็จกันเลยอีกด้วย
“ผมว่าเราเลิกเล่นเถอะครับ...” คุโรโกะที่พยายามบ่นกรอกหูคนผมน้ำตาลมาตลอดเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกเล่นเกมนี่เสียที...ถึงตอนแรกตนจะเป็นคนเสนอ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะบานปลายมาถึงตอนนี้นะ!
“ทำไมล่ะ? กำลังสนุกเลย” ฟุริฮตะที่เริ่มรำคาญที่โดนพูดกรอกหูหรือเปล่าก็ไม่ทราบถามกลับ
“เพราะว่า...” คุโรโกะทำหน้าครุ่นคิดเพื่อหาเหตุผลดีๆ ในการขอให้อีกฝ่ายเลิกเล่นเกมนี้และนึกได้แค่อย่างเดียวในหัวคือ... “...คุณเล่นชนะคนเดียวเหมือนโกงเลยนี่แลหะครับ!”
...การที่อีกฝ่ายดวงดีแบบแปลกๆ จนชนะติดต่อรัวๆ แบบนี้นั้นเอง
...ให้ตายเถอะ! อาหารนั้้นทำให้จากดวงติดลบมาเป็นเพิ่มขึ้นชนิดทะลุเพดานหรือไง!?...
“แหม อย่าใส่ร้ายกันสิคุโรโกะ ฉันไม่ได้โกงสักหน่อย” ฟุริฮาตะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจมากนัก หากแต่ดวงตากลับวาบวับแบบแปลกๆ
“ผมแค่เปรียบเทียบครับ” คุโรโกะเอ่ยพลางทำท่าปางห้ามญาติเนื่องจากเริ่มสังหรณ์ไม่ค่อยดี
“เลิกเล่นและไปอาบน้ำนอนเถอะ...ง่วง...” มุราซากิบาระที่เห็นคนผมฟ้าเริ่มตกที่นั่งลำบาก ใช้ความเป็นเด็กโข่ง (?) ของตนเองในการเบี่ยงประเด็นและให้ฟุริฮาตะยอมเลิกเล่นเกมนี้เสียที
“ฉันก็ว่างั้น” อาโอมิเนะเอ่ยสนับสนุน...ถึงเขาไม่ใช่คนที่จะเข้านอนหัวค่ำอะไรพวกนี้ แต่หากเพื่อให้รอดจากเกมบ้าๆ นี่เขายอมเป็นลูกคู่เด็กโข่งม่วงนี่ก็ได้วะ
“โอเคๆ ก็ได้ๆ” ฟุริฮาตะที่เห็นแก่นิสัยเด็กๆ ของคนผมม่วงที่อาจชอบนอนเร็วแบบเด็กเหมือนกันเอ่ย...และแค่ประโยชน์เดียวที่ก็ทำให้ทุกคนวางไพ่แล้วคว้าเสื้อผ้าตัวเองมาใส่อย่างรวดเร็วเพราะจบเกมแล้วพวกตนไม่จำเป็นต้องทนแก้ผ้าอีกต่อไป ทางฟุริฮาตะที่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถอดเสื้อสักชิ้นหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะออกจากห้องไปโดยทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้ให้เหล่ารุ่นปฏิหาริย์ผวากันเล่นๆ “เดี๋ยวคืนนี้ไปหาถึงห้องนะ”
...อย่ามาเลยเถอะ!!!...
แต่ละคนแทบอยากตะโกนออกไปแบบนี้เลยทีเดียวเมื่อได้ยินคำพูดที่ทำเอาให้พวกตนอาจไม่สามารถข่มตาหลับได้ในคืนนี้
“...คืนนี้ใครจะโชคร้ายโดนบุกปล้นเวอร์จิ้น (?) ถึงห้องหว่า” หลังจากพยายามสงบสติได้ครู่หนึ่ง คิเสะก็เริ่มบ่นขึ้นมาเป็นคนแรก
“ทำไมมีแววว่าจะเป็นกูวะ” อาโอมิเนะบ่นอุบอิบ...ก็แหงล่ะ! ฟุริมันเล่นมองเขาตาเป็นมันตั้งแต่เริ่มเกมเลยนี่หว่า! จะไม่ให้เสียวได้ไงล่ะ!?
“โชคดีนะอาโอมิเนะ ขอให้เสียสละเพื่อส่วนรวม” มิโดริมะเริ่มทำการสวดส่ง (?) ให้คนผมน้ำเงิน
“ไม่เอาเฟ้ย!!!” อาโอมิเนะแยกเขี้ยวใส่คนผมเขียว
“แต่ถ้าคนโชคร้ายไม่ใช่อาโอมิเนะคุงก็แย่น่ะสิครับ” คุโรโกะเอ่ยแย้งขึ้นมา
“เออแฮะ” แต่ละคนพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของคุโรโกะ
“เดี๋ยวๆ! ไหงพากันอยากให้ฉันโดนวะ!?” อาโอมิเนะที่กลายเป็นดังเครื่องบูชายันเสียแล้วโวยวายใส่เพื่อนแตละคนที่อยากให้ตนเป็นผู้โชคร้ายเหลือหลาย
“ก็นายอึด ถึก แถมหากกำลังจะโดนจับกดก็อาจพลิกเป็นฝ่ายกดแทนได้ไง” คิเสะอธิบายง่ายๆ สั้นๆ แบบไม่มีงอแงอย่างปกติเนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ทำให้ไม่มีอารมณ์เล่น
“โอเค มีเหคุผล...” อาโอมิเนะถึงไม่อยากยอมรับ แต่หากคนโดนเป็นตนจริงๆ มีโอกาสรอดมากกว่าคนอื่นเห็นๆ เลย
“แต่ถ้าคนโดนเป็นคุโรโกะหรือมิโดริมะได้เสียเวอร์จิ้นแหงๆ ไม่ต้องสงสัยเลย” อาคาชิเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆ
“ไม่คิดว่าจะรอดบ้างหรือไง!?” มิโดริมะค้อนใส่คนผมแดง
“ก็นายหลับลึกนี่นา” อาคาชิตอบกลับหน้าตาเฉย
“ส่วนผมแรงน้อยอยู่แล้ว เพราะงั้นขอไม่เถียงครับ” ทางคุโรโกะที่โดนพาดพิงไม่คิดจะเถียงอะไร เพราะตนนั้นแรงน้อยจนหากถูกบุกกลางดึกคงหาทางรอดยากจริงๆ
“งั้นเอาไงดี?” มุราซากิบาระเอ่ยเสียงแผ่ว...ไอ้คำพูดก่อนไปของชิวาว่าเวอร์ชั่นกลายร่างเป็นหมาป่า (?) มันทำเอาเขาไม่กล้านอนแล้วอ่ะ!!!
“ไม่เอาไงล่ะ...” อาคาชิไล่สายตามองทุกคนภายในกลุ่มตนที่ดูลำบากใจกับเรื่องการนอนในคืนนี่เหมือนกันหมด เลยตัดสินใจว่าจะ... “...นอนรวมกันหมดนี่แหละ!!!”
...แม่งนอนรวมกันหมดนี่เนี่ยแหละ
“อ้าว? แล้วที่จะพอเหรอ?” อาโอมิเนะถาม
“พยายามอัดๆ ไปแล้วกัน” อาคาชิรู้ดีว่าขนาดห้องกับขนาดตัวของแต่ละคนหากนอนด้วยกันคงอัดกันน่าดู แต่ในตอนนี้ตนก็ไม่มีทางเลือกอื่นมากนักเช่นกัน “หรืออยากเสียเวอร์จิ้นกันล่ะ?”
“โอเค! ตกลง!!!” พอเจอคำขู่หน่อยทุกคนก็ขานรับกันอย่างพร้อมเพรียง พอได้คำตอบแบนี้อาคาชิก็จัดการลากทั้งหมู่ไปยังห้องพักที่กว้างที่สุดอย่างรีบเร่งเพื่อไม่ให้ฟุริฮาตะมาเห็นเข้า
“หวังว่าฟุริฮาตะคุงจะไม่มางัดห้องงัดฝ้าแบบที่เคียวซังชอบทำนะ” ระหว่างไปเดินไปกันนั้นคุโรโกะเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆ
“ก็ได้แต่หวังว่าฟุริมันจะไม่ติดนิสัยนั้นมาด้วยล่ะนะ” อาโอมิเนะส่ายหน้าไปมา...ถ้าเกิดติดนิสัยขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ยุ่งตายเลย
“ผมก็หวังว่างั้น” คุโรโกะพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“รีบๆ ไปกันก่อนฟุริฮาตัจจิจะกลับมาเถอะ” คิเสะที่เห็นว่าอดีตคู่แสงเงาเดินกันมาช้าเกินเอ่ยเร่ง และนั้นทั้งให้คนผมฟ้าและน้ำเงินหยุดบทสนทนาลงและรีบเร่งเดินเข้าห้องที่อาคาชิเลือกไว้อย่างรวดเร็ว
ภายในห้องนอนที่คนผมแดงเลือกเอามาใช้เป็นที่หลบภัย (?) ในยามนี้นั้นอาคาชิได้ทำการย้ายเหล่าพวกหัวหลากสีทั้งหลายเข้ามาอยู่ด้วยกันจนครบ ตรวจดูท่าเข้าออกทั้งหมดและตรวจดูว่ามีใครแอบซ่อนภายในห้องหรือเปล่าก่อนที่จะ...เอาข้าวของใหญ่ๆ มาดันขวางประตูหน้าต่างให้หมดเพื่อกันไม่ให้มีคนจากภายนอกบุกเข้ามาได้ง่ายๆ
“เออ...อาคาชิจจิ...” นายแบบผมเหลืองมองภาพอดีตกัปตันทีมสมัยม.ต้นของตนด้วยอาการเหงื่อตกนิดๆ “...จำต้องทำเหมือนกันซอมบี้ขนาดนี้ด้วยเหรอ?”
“เพื่อความปลอดภัยน่ะ” อาคาชิตอบง่ายๆ สั้นๆ
“ให้มีเฝ้ายามเลยไหม?” มิโดริมะกรอกตาไปมาพลางเอ่ยประชด ทว่า...
“มีก็ดี” ...อาคาชิดันจะเอาจริงซะงั้น
“เฮ้ย! ฉันล้อเล่น!” มิโดริมะสะดุ้งโหยงด้วยความที่ไม่คิดว่าคนผมแดงจะเอาจริงตามที่ตนพูดขึ้นมาลอยๆ
“แต่เอาจริงๆ ...มีก็ดีนะ” อาโอมิเนะเอ่ย...เพราะคิดๆ ดูแล้วก็กลัวมีคนปีนเข้าห้องเหมือนกันแฮะ
“โดนฟุริฮาตะคุงลวมลามทางสายตาจนผวาเหรอครับ?” คุโรโกะถาม
“แหงสิฟะ!” อาโอมิเนะเบ้หน้านิดๆ ...ตอนเล่นไพ่น่ะ เล่นส่งสายตาปานจะกลืนกินขนาดนั้น เป็นใครก็กลัวล่ะวะ!
“ไม่แปลกใจที่ผวาเท่าไหร่แฮะ” คิเสะส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ “ใครกะแรก?”
“ไม่รู้ จับฉลากเอาแล้วกัน” อาคาชิเอ่ย
“โอเค” แต่ละคนที่ไม่มีใครคิดค้านกับวิธีการนี้พยักหน้ารับ ทำให้กัปตันแห่งราคุซันไปหยิบกระดาษมาฉีกทำฉลากก่อนที่จะโดยนใส่กระปุกภายในห้อง เขย่าๆ และเริ่มจับขึ้นมาคนละใบ...ซึ่งผลที่ออกมานั้น...
“...ผมคนแรกเลย” ...นายคุโรโกะ เท็ตสึยะโดนเป็นคนแรกเลย
“ฉันต่อจากคุโรโกจจิอ่ะ” คิเสะเอ่ยต่อ
“ฉันได้ลำดับสาม” อาโอมิเนะชูฉลากที่เป็นเลขสามให้แต่ละคนดู
“สี่อ่ะ” มุราซากิบาระทำหน้างอนิดๆ ...ทำไมไม่กะแรกที่สุดท้ายไปเลยล่ะเนี่ย!?
“ฉันห้า” มิโดริมะมองฉลากในมือตัวเองก่อนเหล่มองยังคนผมแดง “งั้นคนได้กะสุดท้ายคือนายสินะอาคาชิ?”
“อื้ม” อาคาชิพยักหน้ารับ “เข้ากะคนละหนึ่งชั่วโมงครึ่งกันนะ ตกลงไหม?”
“เมื่อได้ข้อสรุปแล้วเชิญนอนกันเลยครับ” คุโรโกะมองทั้งห้องสักพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครค้านหรืออะไรจึงเอ่ยเช่นนี้ขึ้น
“อา” แต่ละครับพอได้ยินดังนี้ก็แยกย้ายกันไปนอนในทันที โดยก่อนไปนอนคนผมน้ำเงินก็ไม่ลืมหันไปพูดกับเพื่อนตัวเอง “เกิดเรื่องอะไรก็ร้องดังๆ หรือถีบฉันให้ตื่นก็ได้นะเท็ตสึ”
“ครับ” คุโรโกะพยักหน้ารับ และพอได้คำตอบแล้วอาโอมิเนะก็เริ่มเข้านอนอย่างเร็วกว่าปกติทันที...ซึ่งความจริงถึงเข้านอน แต่ก็นอนไม่หลับกันหรอกเนื่องจากหลังจากคุโรโกะเริ่มเฝ้าได้เพียงสิบนาทีก็เริ่มมีเสียงกึกๆ ดังขึ้นมาจากฝ้าเพดานห้องเหมือนมีบางอย่างพยายามพังฝ้าเพดานเพื่อเข้ามาในห้อง...
...เสียงนั้นดังขึ้นเป็นระยะๆ ติดต่อกันเวลานานจนเมื่อถึงเที่ยงคืนเสียงนั้นถึงจะหายไป...แต่มันก็ทำเอาคนที่ได้ยินพากันนอนไม่หลับกันเป็นแถว เว้นแต่สองคนที่หลับไปก่อนที่เสียงมันจะเริ่มดังนั้นแหละที่ได้หลับสนิทไปเกือบทั้งคืน
เช้าวันต่อมาที่แสนจะสดใสต่างจากเหล่ารุ่นปฏิหาริย์ที่ยามนี้ราวกับกลายร่างเป็นซอมบี้ (?) กันบางส่วนที่เดิน...แบบคล้ายลอยเสียมากกว่าออกมาจากห้อง (ที่อาคาชิลากของที่ขวางประตูออกให้แล้ว) ด้วยอาการนอนไม่พอกันทั่วหน้า
“ให้ตายสิ...แทบไม่ได้นอนเลย...” เสียงบ่นปนหาวดังออกมาจากปากของมุราซากิบาระที่ขอบตาคล้ำ หน้างอราวกับเด็กๆ อย่างหงุดหงิดกับการที่นอนไม่พอเช่นนี้
“ก็นะ...ดันหลอนเสียงกุกกักๆ นั้นนินะ” เสียงบ่นเบาๆ ดังออกจากปากอาโอมิเนะเป็นรายต่อไป
“ยังดีที่เสียงนั้นพอเที่ยงคืนก็หายไปนะครับ” คุโรโกะเอ่ยแบบพยายามคิดในแง่ดี
“แต่อิจฉามิโดริมัจจิกับอาคาชิจจิอ่ะ นอนได้อย่างสบายใจ” คิเสะที่เป็นอีกหนึ่งที่กลายเป็นซอมบี้เหล่มองคนผมเขียวกับคนผมแดงที่หน้าตาไม่มีอาการของคนอดนอนแม้แต่น้อย
“อาจเพราะหลับไปก่อนและกว่าถึงกะก็ใกล้เช้ามั้งครับ เลยไม่รู้ว่ามีเสียงกุกกักดังให้หลอนเล่นแบบพวกเรา” คุโรโกะเอ่ย...ก็มิโดริมะดันหัวถึงหมอนก็หลับเลย ด้วยอาคาชิก็สามารถหลับได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กันเลยไม่ได้ตื่นถึงช่วงที่เสียงมันดังขึ้น
“ก็นะ” อาคาชิยักไหล่น้อยๆ
“อื้ม ก็ไม่รู้ตัวจริงๆ” มิโดริมะเกาหัวตัวเองนิดๆ ...งานนี้เขาไม่รู้ตัวจริงๆ นั้นแหละว่ามีเสียงหลอนๆ อะไรขึ้นเมื่อคืน
“เรื่องเมื่อคืนจะยังไงก็ช่างมันเถอะ เรามาคิดเรื่องวันนี้ดีกว่ามั่ง” มุราซากิบาระเอ่ยอย่างหดหู่...ไอ้เรื่องที่ผ่านไปแล้วเขาไม่ค่อยคิดหรอก แต่เรื่องที่กำลังจะเกิดนี่สิ
“นั้นสินะ” แต่ละคนพอพูดถึงเรื่องนี้ก็เกิดอาการหดหู่กันอย่างพร้อมเพรียง
“อรุณสวัสดิ์...” ระหว่างที่หลายๆ คนกำลังหดหู่ปานญาติเสีย (?) นั้นเอง เสียงทักของใครก็ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าของคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหากลุ่มคนหัวหลากสี
“!?” เหล่ารุ่นปฏิหาริย์ต่างสะดุ้งโหยงกับเสียงทักทายก่อนที่จะหันขวับไปทางต้นเสียงและพบกับคนที่ทำให้พวกตนหลอนจนไม่เป็นอันทำอะไรเมื่อวานนี้...ที่กลับสู่สภาพลูกหมาน้อย (?) เช่นเดิมแล้ว “ฟุริฮาตะ! / ฟุริฮาตะคุง! / ฟุริฮาตัจจิ! / ฟุริจิน!”
“เอ๊ะ? มีอะไรกันเหรอ?” ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ ด้วยความสงสัย ดวงตาสีน้ำตาลใสแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างชัดเจนเป็นตัวบ่งบอกว่าเจ้าตัวได้กลับมาเป็นฟุริฮาตะ โคกิคนเดิมทั้งภายนภายนอกเรียบร้อยแล้ว
“เย้!!! ฟุริจินกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว!!!” มุราซากิบาระซึ่งเดิมทีนิสัยเด็กอยู่แล้วร้องโห่ออกมาเป็นคนแรกแล้วพุ่งเข้าไปกอดอีกฝ่ายเต็มรัก
“หว่า! มันหนักนะมุราซากิบาระ! อย่าโถมเข้ามาสิ!” ฟุริฮาตะเอ่ยเชิงดุเด็กโข่งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผลักไสหรืออะไรใส่อีกฝ่าย
“ม่ายสนนนนน” มุราซากิบาระลากเสียงยาว...ก็เขาดีใจที่ได้ชิวาว่าน้อยคนเดิมกลับมานิ!
“ขอจุดพลุฉลองได้ไหม?” คิเสะที่มองภาพตรงหน้าด้วยความโล่งอดสุดแสนเริ่มอยากจุดพลุฉลองขึ้นมานิดๆ แล้วสิ
“ได้” มิโดริมะที่มีอาการไม่ต่างกันนักเอ่ยรับมุขหน้าตาเฉย
“ในที่สุดกูก็รอด” อาโอมิเนะแทบจะร้องโฮ่อย่างไม่อายใครเมื่อตนรอดจากการโดนเปิดซิง (?) มาได้
“ดีใจด้วยครับอาโอมิเนะคุง” คุโรโกะเอ่ย
“...ฟุริฮาตะ” อาคาชิเดินเข้าไปหาฟุริฮาตะ
“ว่า?” ฟุริฮาตะเอ่ยเป็นเชิงภาม
“นายห้ามเมะอีกเด็ดขาดเลยนะ” อาคาชิเอ่ยหน้าตาย...เขาหลอนกับไอ้การกระทำของอีกฝ่ายเมื่อวานมาก เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้อย่ามีอีกเลยเถอะ
“ห๊า?” ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมา ดวงหน้าแสดงความงุนงงอย่างชัดเจน “หมายความว่าไง?”
“ก็ตามที่ว่า” อาคาชิยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น
“ใช่ๆ ห้ามนะฟุริจิน!” มุราซากิบาระเอ่ยสนับสนุนคำพูดของอาคาชิ...ไอ้อย่างเมื่อวานน่ะอย่ามีอีกเลยเถอะ!!!
“ห้ามอย่างเด็ดขาด” อาโอมิเนะเอ่ยอย่างเน้นๆ
“คุณเป็นแบบนี้ดีอยู่แล้ว เพราะงั้นห้ามเปลี่ยนแปลงตัวเองนะครับ”
คุโรโกะเอ่ยเสริม
“ใช่ๆ แบบนี้น่ารักแล้ว” คิเสะสนับสนุนอีกคน
“แบบนี้แหละดีแล้ว” มิโดริมะเองก็เอากับเขาด้วยเช่นกัน
“ตกลงพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย!?” ฟุริฮาตะผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นโวยลั่น...ใจคอจะไม่มีใครอธิบายให้เขาหน่อยเหรอว่าที่พูดกันเนี่ยมันเรื่องอะไรกัน!?
“ขอไม่บอก” อาคาชิส่ายหน้าวืด
“อย่ารู้เลย” มิโดริมะเอ่ยเป็นลูกคู่กับคนผมแดง
“ไม่อยากหลอน อย่าให้พูดถึงเลยนะ” อาโอมิเนะที่เรียกได้ว่าโดนหนักกว่าคนอื่นๆ เยอะเอ่ย
“ถ้าพูดถึงมันฉันนอนไม่หลับอีกคืนแน่” มุราซากิบาระทำหน้ายุ่ง
“สงสารผมเถอะ!!!” คิเสะทำหน้าราวจะร้องไห้เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน
“อย่าให้เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีกเลยเถอะครับ” คุโรโกะที่ไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องนี้เช่นกันเอ่ย
“อะไรกันเนี่ย?” ฟุริฮาตะเกาหัวแกรกๆ กับท่าทางราวกับสยองสุดแสนของแต่ละคน “เอ้าๆ ก็ได้ๆ ไม่อยากรู้ก็ได้...อย่าทำหน้าเหมือนผวาแบบนั้นสิ”
“ฟุริจินใจดี” มุราซากิบาระถูไถ่คนผมน้ำตาลราวหมาตัวโต
...จากนี้ไปขอสาบานเลยว่าพวกเขาจะทำให้ชิวาว่าน้อยคนนี้มีความคิดอยากเป็นเมะเด็ดขาด!!! ถึงมีก็จะไม่ให้เป็นอย่างหลอนแบบเมื่อวานแน่!!!...
รุ่นปฏิหาริย์ทั้งหกเอ่ยสาบานกับตัวเองในใจ...สำหรับพวกเขาแล้วฟุริฮาตะ โคกิที่เป็นอยู่อย่างในตอนนี้แหละดีที่สุดแสน ถึงซื้อบื้อไปบ้างแต่ก็ดีกว่าทำตัวหลอนแบบเมื่อวานหลายขุมล่ะ!!!
“ฉันว่าพวกเราไปกินข้าวเช้ากันเถอะเนอะ” อาคาชิเมื่อเห็นว่าหมดปัญหาแล้วเอ่ยขึ้น
“ก็ดี...แต่พวกคุโรโกะไหวไหมเนี่ย?” ฟุริฮาตะมองแต่ละคนที่ขอบตาดำราวแพนด้าอย่างห่วงๆ
“ไหว” คิเสะที่เป็นแพนด้าเบอร์หนึ่ง (?) เอ่ยตอบกลับไปง่ายๆ สั้นๆ
“กินเสร็จเดี๋ยวค่อยนอน” อาโอมิเนะเอ่ยต่อ...งานนี้กินเสร็จเขาจะหลับต่อยาวๆ เลย
“ยังไหวครับ” คุโรโกะตอบกลับเสียงแผ่ว
“ยังไหวววววว” มุราซากิบาระลากเสียงยาว
“โอเค งั้นรีบๆ กินข้าวเช้าแล้วไปนอนกันเลยนะ...คุโรโกะก็อย่าเผลอหลับในจนหน้าทิ่มจานข้าวล่ะ” ฟุริฮาตะเอ่ยพลางมุดออกจากอ้อมแขนของมุราซากิบาระเพื่อไปทำมื้อเขา...เขาเดาได้เลยว่าการที่พวกตนยืนจ้อกันได้โดยไม่มีใครกวนเนี่ยเนื่องจากอาคาชิให้พวกแม่บ้านพักหมดเพื่อให้แต่ละคนก่อเรื่อง (?) ได้สะดวกๆ แน่
“ครับ” คุโรโกะขานรับพลางมองคนผมน้ำตาลเดินหายไปในห้องหนึ่ง...และค่อยๆ เบนสายตาไปยังอีกสองคนที่ยืนอยู่กับตน “อาคาชิคุง...อาโอมิเนะคุง...”
“ว่าไง?” เจ้าของชื่อทั้งสองที่โดนเรื่องขานรับ
“ต่อจากนี้ช่วยกันห้ามโมโมอิซังเอาอาหารอะไรก็ตามแต่มาให้ฟุริฮาตะคุงนะครับ” คุโรโกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายก็พยายามห้ามไอดะซังด้วยล่ะ” อาคาชิกับอาโอมิเนะที่กะห้ามโมโมอิเข้าครัวตลอดชีพอยู่แล้วเอ่ย
“รับทราบครับ” คุโรโกะขานรับอย่างทันทวนที
“ถ้าคราวหน้ามีแบบนี้อีกฉันจะไปแอบบ้านมิยาจิซังเลยคอยดู” มิโดริมะที่เข็ดขยาดกับเรื่องนี้คิดหาทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้า
“ช่วยไหมนั้น?” อาโอมิเนะไม่คิดว่าแค่ไปแอบบ้านของสุดโหดอย่างมิยาจิ คิโยชิจะกันฟุริฮาตะเวอร์ชั่นหื่นแถมหลอนแบบนั้นได้นะ
“อย่างน้อยก็ช่วยได้ระดับหนึ่งล่ะ...แม่ของมิยาจิซังบังเอิญเป็นอาจารย์สอนต่อสู้ของเคียวซังน่ะ คงมีความสามารถรับความบ้าได้อยู่มั้ง” มิโดริมะเอ่ย...ความจริงถ้าเขาไปค้างบ้านรายนั้นมีแววอาจโดนข้าวของบินสอยร่วง (?) กับอาจโดนป่วนแหงๆ แต่ก็ดีกว่าเสี่ยงเสียเวอร์จิ้นล่ะ
“โอเค เข้าใจเลย” อาโอมิเนะพยักหน้ารับเชิงเข้าใจ
“ส่วนผมหากเกิดเรื่องแบบเมื่อวานอีกคงไปแอบบ้านรุ่นพี่โมริยามะล่ะนะ พี่รายนั้นไม่ปกติเหมือนเคียวซังนั้นแหละ” คิเสะที่มีแผนหาที่ซ่อนเหมือนกันเอ่ย
“ส่วนผมคงแอบเนียนขอเคียวซังช่วยนั้นแหละครับ...ถึงอาจวุ่นวายจนชวนปวดหัวตายก็เถอะ” คุโรโกะเองก็มีที่หลบภัยเช่นกัน...ถึงแม้ว่าหากไปขอความช่วยรายนี้จริงคงวุ่นวายจนชวนเอาหัวโขกผนังตายก็เถอะ แต่เขายอมโดนป่วนยังดีกว่าโดนเช่นเมื่อวานนี่ล่ะ! ไอ้เมื่อวานน่ะบางทีก็อดนึกไม่ได้ว่าความจริงยอมโดนเคียวป่วนสักหน่อยยังดีกว่ารับมือเพื่อนตัวเองในสภาพนั้นเลย!!!
“แล้วฉันจะหนีไปไหนอ่ะ?” มุราซากิบาระทำหน้ามุ่ยอย่างอิจฉาพวกที่มีที่หลบภัยยามหากเกิดเรื่องแบบเมื่อวานขึ้นอีก
“ไม่มีที่หนีเป็นเพื่อนฉันแล้วกัน” อาโอมิเนะที่ไม่รู้ว่าหากเกิดเรื่องคล้ายๆ กันแบบนี้ขึ้นอีกจะไปหลบที่ไหนเหมือนเอ่ย
“ฉันด้วย” อาคาชิที่นึกที่หนีที่ฟุริฮาตะเวอร์ชั่นหื่น (?) จะตามไปไม่ได้เหมือนกันเอ่ยเป็นผู้ร่วมชะตากรรมคนที่สาม
“คิดแง่ดี...ถ้ากันไม่ให้ฟุริฮาตะเจออาหารพิศวงได้อีกก็ไม่ต้องหนี” มิโดริมะพยายามปลอบ
“แต่ถ้ากันไม่ได้ฉันจะบินไปต่างประเทศเลย...” มุราซากิบาระเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆ ...อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าอย่างฟุริฮาตะที่เป็นคนธรรมดาคงไม่ทางหาค่าเครื่องบินไปต่างประเทศได้อย่างทันทวนทีหรอก
“ความคิดดี” อาคาชิเอ่ยอย่างเห็นด้วยกับความคิดของคนผมม่วง
“เดี๋ยวๆ แต่แบบนั้นฉันทำไม่ได้เฟ้ย!!!” อาโอมิเนะที่กลายเป็นคนเดียวที่ไม่มีที่หนีไปไหนได้โวยขึ้นมาเบาๆ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวออกเงินให้” อาคาชิตบบ่าปลอบคนผมน้ำเงิน
“วางแผนกันพร้อมดีนะครับ” คุโรโกะส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจดับแต่ละคน...มีคนเปิดประเด็นแค่คนเดียวเล่นพากันนึกหาทางหนีทีไล่กันหมดเลยเนี่ย
“พูดยังกับนายไม่คิดแผนหนี?” อาโอมิเนะแซวอดีตคู่หูตนเองเล็กน้อย
“ก็นะครับ” คุโรโกะยักไหล่น้อยๆ
อย่างไม่คิดที่จะโต้เถียงอะไรมากนัก
“เล่นเจอแบบนี้หลอนกันไปอีกนานล่ะนะ” คิเสะส่งยิ้มแห้งๆ ออกมาให้
“ก็จริงล่ะนะครับ” คุโรโกะพยักหน้ารับ
“ว่าแต่เท็ตสึ...” อาโอมิเนะเหล่มองคนผมฟ้าเมื่อสมองอยู่ๆ นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “...คิดว่าไอ้เมื่อคืนน่ะ...ฝีมือฟุริจริงๆ ใช่ไหม?”
“เอาตามจริง...ไม่ครับ ฝ้าบ้านอาคาชิคุงหนาจะตาย คนปกติที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรจะมุดเข้าไปได้ไงครับ” คุโรโกะเอ่ย...ว่าตามจริงบ้านของอาคาชินั้นทำขึ้นมาแบบพิเศษกันคนงัดแงะจากทั้งภายในและภายนอกโดยเฉพาะ เพราะงั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ฟุริฮาตะที่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ และไม่ได้เกินคนอย่างนายฟุริฮาตะ เคียวจะสามารถปีนขึ้นไปบฝ้าแล้วทำให้เกิดเสียงเช่นเมื่อคืนได้
“แล้วเสียงเมื่อคืน...มาจากอะไรล่ะ?” อาโอมิเนะหน้าซีดลงเล็กน้อย...เมื่อวานแต่ฟุริคนเดียวก็หลอนจะแย่แล้ว! อย่ามีไอ้นั้นเพิ่มมาเลยเถอะ!!!
“...” ทุกคนเงียบแบบไม่รู้จะตอบคำถามของอาโอมิเนะยังไงพลางมองหน้ากันเอง
“อาจเป็นหนูก็ได้ล่ะมั้ง” ท้ายที่สุดหลังเงียบมาได้สักพักอาคาชิก็เอ่ยความน่าจะเป็นที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดออกมา
“แต่หยุดตอนเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ?” อาโอมิเนะถึงแม้ไม่อยากนึกให้เป็นแนวผีๆ สางๆ นัก แต่มันก็อดคิดไปในทางนั้นเสียมิได้
“มันคงหาทางออกจากฝ้าตอนนั้นได้พอดีเฉยๆ น่า” อาคาชิพยายามเอ่ยในแง่ดี
“...ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ดีสิ” อาโอมิเนะบ่นอุบอิบ
“เอาเถอะครับ...ถ้าสรุปง่ายๆ ก็หนูนั้นแหละครับ อย่าใส่ใจเลย” คุโรโกะที่นับวันน่ากลัวกว่าผี (?) เอ่ยขึ้นมา
“อา” แต่ละคนซึ่งไม่อยากได้เรื่องสยองขวัญเพิ่ม (?) พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“พวกนายทำอะไรกันอยู่น่ะ? มากันเร็วสิ!” ระหว่างที่กำลังคุยๆ อยู่นั้นเอง ด้วยความที่ปล่อยให้คนที่เดินแยกตัวไปก่อนหน้านี้รอนานเกินไปหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ฟุริฮาตะจึงตะโนเรียกเหล่าเด็กหนุ่มหัวหลากสีออกมาจากอีกห้องหนึ่ง
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!!!” เหล่ารุ่นปฏิหาริย์ต่างขานรับเสียงเรียกนั้นก่อนที่จะรีบพากันไปหาชิวาว่าน้อยสีน้ำตาลโดยปัดเรื่องที่พวกตนคุยกันก่อนหน้านี้ทิ้งไปจนสิ้นทันที...และแน่นอนว่าไม่มีใครคิดรื้อฟื้นเรื่องพวกนี้ขึ้นมาพูดอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียงปริศนาหรือเรื่องฤทธิ์ของสิ่งพิศวง (?) เมื่อวานก็ตาม
END
ความคิดเห็น