ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #55 : [KagaKuro] Hitotsu no Kuni no Rira Ver.kagakuro

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      29
      24 ต.ค. 57

    Title : Hitotsu no Kuni no Rira Ver.kagakuro

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Kagami x Kuroko

    Notes : โทษที สัปดาหร์นี้พิมพ์ไม่ทันจริงๆ เราเลยเอาอันที่ค้างๆ ในเครื่อง (เขียนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้) มาลงนะ...ฟิคนี้มาจากเพลงนี้นะจ๊ะ http://www.youtube.com/watch?v=aEv50O08RkE

    ................................................................

    Hitotsu no Kuni no Rira Ver.kagakuro

     

    ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างจะสงบสุข ในอาณาจักรนี้มีพระราชาปกครองอาณาจักนี้นามจิฮิโระ ซึ่งพระองค์เป็นคนที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันสังเกตเห็นเท่าไหร่นัก หรือเรียกง่ายๆ ว่าจืดจางนั้นแหละ พระองค์มีโอรสหนึ่งองค์...

    องค์ชายของอาณาจักรนี้เป็นคนที่เรียกได้ว่าแทบไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนเลยก็ว่าได้...จืดจางยิ่งกว่าบิดาของตนเสียอีก จนประชาชนแทบไม่มีใครรู้จักองค์ชายอาณาจักรตนเองแล้ว องค์ชายมีพระนามว่าเท็ตสึยะ

    แต่ดูเหมือนองค์ชายจะไม่ชอบยศของตนเท่าไหร่จึงมักใช้ความจืดจางของตนแอบไปหามุมสงบที่ป่านอกปราสาทและนั่งอ่านหนังสือคนเดียวประจำ

    จนมาวันหนึ่งทุกอย่างก็เริ่มจะเปลี่ยนไปจนไม่อาจกลับมาเป็เหมือนเดิมได้อีก...

     

     

     

     

     

    เด็กหนุ่มผมสีฟ้านั่งอ่านหนังสือของตนเงียบๆ อย่างสงบในป่าที่แสนสงบ...ที่จริงถ้าเป็นคนอื่นอย่างน้อยที่สุดอาจมีเจอหมาป่าวิ่งไล่บาง แต่ด้วยความจืดจางเฉพาะตัวทำให้เหล่าสัตว์ป่าไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเด็กหนุ่มคนนี้เลย

    องค์ชายเท็ตสึยะมักจะมานั่งแบบนี้เป็นประจำทุกวันโดยไม่มีใครรบกวนแต่วันนี้มีสิ่งที่ต่างออกไป...

    "แว๊ก!!! ช่วยด้วย!!!" เสียงร้องตะโกนดังลั่นป่าทำให้คุโรโกะถึงกับสะดุ้ง เจ้าตัวลองลุกไปดูทางต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น? ปกติแม้มีคนโดนเสือไล่ยังไม่ดังขนาดนี้เลย...

    แต่เมื่อเดินไปถึงภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเหวอเหมือนกัน...

    ร่างของเด็กหนุ่มผมสีเพลิง สูงราวๆ 190 ซม. กำลังเกาะต้นไม้ราวกับตัวเองเป็นด้วง ดวงตาสีเดียวกับผมมองอย่างหวั่นๆ กับสิ่งที่ตนหนีและกำลังตะกายต้นไม้ที่เกาะอยู่...

    ...ลูกหมา...

    สิ่งที่ตะกายอยู่ที่ต้นไม้ที่เด็กหนุ่มผมสีเพลิงกำลังเกาะอยู่ มีลูกหมาตัวน้อยที่อย่าว่าแต่กัดคนเลย จะขึ้นบันไดตามบ้านได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

    แล้วเท็ตสึยะเดินไปอุ้มลูกหมาขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นว่าลูกหมาถูกอุ้มแล้วคงไม่มีางไล่เขาได้แล้ว เด็กหนุ่มผมสีเพลิงก็ไต่ลงจากต้นไม้

    "ฟู่ เกือบไปแล้ว" เด็กหนุ่มผมสีเพลิงถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่จะหันมายิ้มแฉ่งให้เท็ตสึยะ "ขอบคุณที่ช่วยนะ แล้วอย่าปล่อยเจ้านี้ออกมาไล่ฉันเชียวนะ"

    "แล้วคุณหนีลูกหมาทำไมล่ะครับ?" เท็ตสึยะถามในสิ่งที่เขาคาใจกับภาพที่เห็น

    "เอ่อ คือ...ถึงจะน่าอายก็เถอะแต่ฉันเป็นโรคกลัวหมาน่ะ พอเจ้านี้เดินมาปุ๊บก็ฉันก็หนีทันที แต่มันยังไล่ตามฉันมาจนต้องเกาะต้นไม้จนนายมาช่วยนี้แหละ..."

    "..." ถึงกับพูดไม่ออกเลยครับงานนี้

    "ไม่ต้องมาอึ้งเลยนะ! ฉันไม่ได้อยากเป็นโรคกลัวหมาซักหน่อย!" เด็กหนุ่มพูดออกมาด้วยใบหน้าแดงแจ๋แข่งกับสีผม คาดว่าคงอายมากๆ เลย

    "ครับ..." เท็ตสึยะตอบด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยทั้งในใจรู้สึกอดขำไม่ได้อยู่

    "จริงสิ! ฉันชื่อไทกะแล้วนายล่ะ"

    เท็ตสึยะมองคนที่ถามชื่อตน ดูท่าคนตรงหน้าน่าจะเป็นพวกไม่ค่อยสนใจอะไรมากออกไปทางซื่อและชอบทำความรู้จักเขาไปทั่วสินะ "ผมเท็ตสึยะครับ"

    "ยินดีที่ได้รู้จักนะ! เท็ตสึยะ!" ไทกะยื่นมือมาที่เท็ตสึยะที่กำลังอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายช่างเป็นคนตรงไปตรงมาเสียเหลือเกิน

    "ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ไทกะคุง" เท็ตสึยะยื่นมือไปจับมือของอีกฝ่าย และนี้คือการพบกันครั้งแรกของทั้งสอง

     

     

     

     

     

    หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเป็นเวลาเกือบปี ทั้งไทกะทั้งเท็ตสึยะต่างสนิกกันมากขึ้นจนมากเกินกว่าเพื่อนจะมีให้กัน ช่วงแรกที่รู้จักกันเท็ตสึยะก็ทำตัวตามปกติอ่านหนังสือไปเงียบๆ ก่อนที่ไทกะจะมาลากเขาไปเที่ยวเล่นในป่าแทบทุกวันจนไปๆ มาๆ อีท่าไหนไม่รู้ พวกเขาก็รักกันแบบคนรักซะแล้ว...

           ตอนนี้ทั้งสองคบกันอยู่โดยไม่มีใครอยู่เนื่องจากกฏที่ห้ามเชื้อราชวงศ์รักชอบกับประชาชนแม้แต่เป็นเพื่อนยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าใครผิดกฏจะถูกลงโทษสถานหนักทั้งคู่ ทำให้ทั้งสองต้องแอบมาเจอกันทุกวันซึ่งแบบนี้สำหรับพวกเขาถือว่ามีความสุขดีแล้ว...

    แต่ความสุขนั้นก็ไม่ยั่งยืนเมื่อในที่สุดพวกเขาก็ถูกจับ ตอนที่กำลังจะตัดสินโทษพวกเขานั้นไทกะกลับ...

    "เอาโทษทุกอย่างมาลงที่ฉันคนเดียวเถอะ!" นั้นคือสิ่งที่ไทกะพูดออกมา ซึ่งไม่มีใครคั่นค้านคำขอของเจ้าตัว ยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้น

    "ไม่ได้นะ! ไทกะคุง!" เท็ตสึยะกุมมือไทกะไว้ ส่วนไทกะก็ยัดบ้างอย่างใส่มือเท็ตสึยะโดยไม่ให้ใครเห็นขณะที่ตัวเท็ตสึยะถูกบิดาของตนกระชากออกมา

    "ทหาร! นำไปประหาร!" จิฮิโระสั่งทหาร บทลงโทษถ้ารับโทษปกติจะถูกทรมาณจนบาดเจ็บสาหัสส่วนจะตายหรือรอดนั้นอีกเรื่อง แต่ในคราวนี้หมอนี้กลับยอมรับบทลงโทษนี้เพียงผู้เดียวซึ่งนั้นเท่ากับการประหารชีวิตตนเอง ในข้อนี้เขาซึ่งเป็นราชาอดนับถือไม่ได้กับความรักของทั้งสอง

    จิฮิโระมองลูกชายของตนที่กำลังร่ำไห้...ทั้งที่ตลอดมาไม่เคยที่จะหลั่นน้ำตาเลยสักครั้ง ถึงเขาอยากจะช่วยทั้งสองแต่กฏข้อนี้เขาเปลี่ยนไม่ได้ จึงได้แต่ทำตามกฏไปเท่านั้น

    เท็ตสึยะมองไทกะที่ถูกพาออกไปอย่างไม่อาจช่วยอะไรได้ แถมจิฮิโระ...บิดาของเขายังจับเขายัดกลับเข้าห้องตัวเองโดยมีทหารยามเฝ้ากันเขาหนี

    ห้องของเขาอยู่ที่ชั้นบนสุดทำให้เห็นทุกอย่างในปราสาทได้รวมทั้งลาดประหารด้วย...

    เขามองลงไปยังเบื้องล่างที่ลาดประหารเด็กหนุ่มผมแดงที่เขาคุ้นเคยยืนอยู่ไม่แสดงความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ไทกะถูกจับยืนอยู่บนฐานยกสูงและถูกนำบ่วงมาคร้อดคอรอเวลาแห่งความตายของตน...

    ที่อาณาจักรนี้โทษประหารคือการแขวนคอ...

    เท็ตสึยะทำได้เพียงมองลงไปเบื้องล่างในมือกำแหวนวงหนึ่งที่อีกฝ่ายให้เขาอยู่ในมือแน่น ก่อนที่จะชะงักเมื่อชายหนุ่มผมสีเพลิงเงยหน้าขึ้นมามองเขาและ...ส่งยิ้มให้เขา

    "ไทกะคุง!!!"

    ตึง!!!

    เด็กหนุ่มผมสีอ่อนมองร่างที่ถูกพลักลงมาจากฐานที่ยืนอยู่ ร่างไร้ชีวิตที่ห้อยต่องแต่งอยู่เบื้องล่างทำให้เขาใจสลายในทันใด...เขาไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด! จะไม่ให้อภัยใครทั้งนั้น!!! ไม่เว้นแม้แต่บิดาตนเองก็ตาม!!!

     

     

     

     

     

    ในคืนนั้นเท็ตสึยะแอบออกนอกห้องของตนเองได้สำเร็จ และเดินไปที่ห้องเก็บศพนักโทษ ซึ่งที่นั้นศพทั้งหลายจะถูกปล่อยไว้ไม่ต่างจากขยะที่ไร้ค่า

    เท็ตสึยะนำร่างของคนรักไปยังที่ป่าที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกอย่างยากลำบาก...แต่ความยากลำบากนั้นไม่ได้ถึงหนึ่งในสิบของความแค้นที่เขามีเลยด้วยซ้ำ!

    มือทั้งสองพยายามตะกุดดินขึ้นมา เด็กหนุ่มพยายามขุดหลุมศพให้แก่คนที่ตนรักแม้มือจะเจ็บแค่ไหนก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนเลย

    "ทำอะไรอยู่หรือ? พ่อหนุ่ม" เสียงอันแหบแห้งดึงความสนใจจากการขุดหลุมของเท๊ตสึยะ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดมือเลยแม้แต่น้อย

    "ขุดหลุมศพครับ" เท๊ตสึยะตอบอย่างไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร

    "ให้ใครเหรอจ๊ะ?" น่าแปลกทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นน่าจะเดินหนีไปแล้ว แต่เท๊ตสึยะก็ยังไม่สนใจ

    "คนที่ผมรักที่สุดครับ..."

    "งั้นเหรอ? แต่ยายว่าเขาคงไม่ดีใจหรอกนะ ถ้าพ่อหนุ่มต้องมาเจ็บตัวเพราะเขาเนี่ย..." คำพูดที่เป็นดั่งเข็มแทงใจ เท็ตสึยะหันกลับไปมองคนที่คุยกับตนได้อยู่นานสองนาน

    คนที่มาคุยกับเท็ตสึยะเป็นหญิงชราผู้สวมชุดสีดำทั้งชุด ในมือถือกล่องใส่ยาไว้ราวกับว่ารู้ว่าตนจะมาเจอใครอย่างไงอย่างนั้น

    "ยายว่ามาทำแผลก่อนดีกว่านะ"

    "ขอบคุณที่เป็นห่วง...แต่คงไม่ล่ะครับ ผมอยากขุดให้เสร็จก่อน" เท็ตสึยะตอบ ก่อนจะลงมือขุดต่อ แต่หญิงชรากลับดึงมือของเขาไว้เสียก่อน

    "งั้นยายช่วยด้วยแล้วกันจ๊ะ" แถมยังมีเสียมโผล่มาอยู่ในมือเมื่อไหร่ไม่รู้

    "เอ่อ ไม่ล่ะครับ ผมอยากจะขุดเอง..." เท็ตสึยะเริ่มที่จะคิดว่าหญิงชราคนนี้มีอะไรแปลกๆ

    "งั้นหรือจ๊ะ? แต่อย่างน้อยใช้ไอ้นี่ขุดดีกว่านะ" หญิงชรายื่นเสียบให้เด็กหนุ่ม

    "...ครับ" เท็ตสึยะยอมรับของมาใช้อย่างว่าง่าย

    หลังจากนั้นสักพักใหญ่ๆ เด็กหนุ่มผมสีฟ้าอ่อนก็ได้นำผู้เป็นที่รักกลับคืนสู่ผืนดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    "พ่อหนุ่มจะเอาป้ายหลุมศพด้วยไหมจ๊ะ?" หญิงชราถ้าพร้อมในมือถือ...ป้ายหลุมศพ?! ถึงจะเป็นแบบที่ยังไม่สลัดก็เถอะแต่เอามาจากไหนเนี่ย? หรือยายท่านจะเป็นสัปเหร่อ?

    "คุณยาย...เอาของพวกนี้มาจากไหนกันครับ?" เท็ตสึยะอดถามไม่ได้ ตั้งแต่คราวแรกแล้วทั้งกล่องยาทั้งเสียมและยังป้ายหลุมศพอีก

    "ไม่รู้สินะ" หญิงชราแย้มยิ้มออกมาเหมือนกำลังสนุกที่ได้แกล้งคน "แต่ยายรู้ว่ายังไงก็แล้วกัน..."

    "เอ๋?" เท็ตสึยะร้องออกมาอย่างงงๆ ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ของในมือหญิงชราก็หายไปราวกับไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว! แถมต่อหน้าต่อตาเขาอีก! "คุณยาย...เป็นใครกันแน่?"

    หญิงชราหัวเราออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเด็กหนุ่ม "ยายเป็นแม่มดจ๊า"

    "แม่มด...เหรอครับ?" เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็มีบ้างอย่างปรากฏขึ้นในสมองเขา

    "ใช่จ๊ะ"

    "งั้น...ผมขอร้องอะไรหน่อยได้ไหมครับ?"

    "แหม ได้สิจ๊ะ ยังไงพ่อหนุ่มก็เป็นคนแรกที่รู้ว่ายายเป็นแม่มดแล้วไม่หนีล่ะ"

    "งั้นช่วย...สอนเวทมนต์ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?"

    "เอ๋?" คราวนึ้ถึงตาหญิงชรางงบ้าง กับคำขอของเด็กหนุ่ม "ทำไมล่ะจ๊ะ?..."

    "ไม่มีอะไรมากหรอกครับ...ก็แค่จะแก้แค้นให้ใครบ้างคนเท่านั้นแหละครับ" เท็ตสึยะตอบอย่างเยือกเย็นและไม่มีความลังเลใจเลย

    "งั้นเหรอจ๊ะ" หญิงชราที่เห็นความแน๊วแน่ในสายตาของอีกฝ่ายก็ไม่กล้าปฏิเสธ "เอางั้นก็ได้จ๊ะ แต่ยายบอกก่อนนะว่ามันฝึกยากมาก และถ้าใช้เกินกำลังตนเองอาจตายได้นะ แน่ใจนะพ่อหนุ่ม?"

    "ครับ!" เท็ตสึยะตอบอย่างไม่ลังเล ยังไงซะเขาก็ไม่กลัวอยู่แล้วกับความตาย ความรู้สึกทั้งหมดของเขาไม่มีเหลือแล้ว ตั้งแต่ไออุ่นของคนคนนั้นได้หายไป...

     

     

     

     

     

    หลังจากวันนั้นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว เท็ตสึยะจะอยู่เงียบในห้องตัวเองเวลากลางวันและแอบหนีไปฝึกเวลากลางคืน จนบัดนี้เขาพร้อมแล้วที่จะลงมือแก้แค้น...

    "พ่อหนุ่ม เปลี่ยนใจตอนนี้ยังไม่สายนะ..." หญิงชราพยายามเกลียกล่อมให้เด็กหนุ่มล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้น

    "ผมคงไม่เปลี่นใจหรอกครับ คุณยาย" เท็ตสึยะที่มาเพื่อบอกลาหญิงชราซึ่งเป็นอาจาย์สอนเขามาตลอดหนึ่งสัปดาห์ตอบ พร้อมถือดาบที่เขาแอบจิ๊กจากในปราสาทมาลองเสียก่อนที่จะลงมือจริง

    "แต่สิ่งที่เธอจะทำด้วยกำลังของเธออาจตายได้เลยนะ"

    "ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ ขอบคุณที่สอนผมนะครับ" แล้วเท็ตสึยะก็เดินจากไป ไปยังปราสาทซึ่งเขาจะทำลายมันในวันนี้...

    ...อย่างไรซะ ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะให้เสียแล้วนี้...

    เท็ตสึยะมองดูปราสาทที่เขาอยู่มาตลอดทั้งชีวิตก่อนที่จะ...

    ตู้ม!!!

    เด็กหนุ่มปล่อยลูกไฟใส่ทันทีพร้อมกับกวัดแกว่งดาบในมือเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า เปลวเพลิงสีฟ้าลุกลามไปทั่วปราสาทในเวลาอันสั้น ทุกสิ่งอย่างพังทลายลงมา ผู้คนที่เกี่ยวค้องกับการประหารเด็กหนุ่มผมสีเพลิงต่างถูกสังหารไปเสียจนหมด พลังก็ใกล้ที่จะเกินกำลังเขาแล้ว แต่ยังเหลือเพียงอีกคนเดียวเท่านั้น...

    ...นั้นคือบิดาของเขาเอง

    เท็ตสึยะเดินไปยังห้องโถงกลาง ซึ่งเป็นที่เขาเดาว่าบิดาตนน่าจะอยู่...และก็เป็นอย่างที่คิด จิฮิโระยืนอยู่อย่างไม่คิดที่จะหนีไปไหน

    "ไง เท็ตสึยะ" จิฮิโระยืนนึ่ง...ยังคงอยู่เฉยๆ ไม่มีทั้งอาวุธหรือท่าทางจะหนีเลย

    "ผมคิดว่าคุณจะหนีเสียอีก" เท็ตสึยะมองบิดาตน ยกดาบชี้ไปยังคนตรงหน้า

    "แล้วทำไมฉันต้องหนีด้วยล่ะ?" จิฮิโระถามกลับ

    "ผมกำลังจะฆ่าคุณนะ คงไม่คิดว่าผมจะใจอ่อนปล่อยคุณไปหรอกนะ?"

    "แน่นอนว่าไม่"

    "แล้วทำไม..."

    "คงเพราะ...ฉันรอเวลานี้มานานแล้วมั้ง"

    คำตอบของจิฮิโระทำให้เท็ตสึยะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ "หมายความว่าไงกันครับ?"

    "จะเอาคำตอบจริงเหรอ?"

    "ครับ"

    ถึงแม้พวกเขาอาจจะตายก่อนที่จะคุยกันเสร็จ เพราะปราสาทถล่มก่อน แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าทำไม...ทำไมแววตาของบิดาเขามันเหมือนกับเขา ที่อยากไปอยู่กับคนคนนั้นเลยล่ะ?

    "เฮ้อ..." จิฮิโระถอนหายใจก่อนที่จะเล่าเรื่องที่เป็นความลับมาตลอดให้บุตรชายฟัง แม้จะเป็นการพูดครั้งสุดท้ายก็เถอะ "...เมื่อก่อนพ่อก็เหมือนกับลูกนั้นแหละ"

    "เอ๋?" เท็ตสึยะมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเคยเป็นเหมือนเขาแล้วทำไม... "ถ้างั้นทำไมไม่เปลี่ยนกฏข้อนั้นล่ะครับ!"

    "เพราะมันเปลี่ยนไม่ได้ไง กฏข้อนั้นถ้าไม่ล่มทั้งราชวงศ์ก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้หรอก..." ...ใช่ว่าเขาไม่อยากเปลี่ยนไอ้กฏบ้านี่ซักหน่อย!

    "..."

    "ให้เล่าต่อไหม?..."

    "ครับ..."

    "ตอนนั้นพ่อก็ถูกจับได้แบบลูกนั้นแหละ...เหมือนกันทุกอย่างแม้กระทั่งที่หมอนั้นยอมรับบทลงโทษนั้นเพียงผู้เดียว..."

    "!!!" เท็ตสึยะไม่เคยคิดเลยว่า...เหตุการณ์มันจะซ้ำรอยกับของบิดาเขา อย่างกับเป็นบทละครที่ใครสักคนเขียนอย่างนั้น (ก็ใช่น่ะสิ เพราะเราเขียนเอง // s)

    "ตอนนั้นพ่อกลับไม่กล้าพอที่จะแก้แค้น จึงพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ก็โดนช่วยไว้ทันทุกครั้งอีก จนสุดท้ายก็โดนจับแต่งกับแม่ลูกนั้นแหละ..." จิฮิโระเว้นเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ "...เท่านี้ลูกคงรู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้วสินะ"

    "ครับ"

    "งั้นก็...รีบทำให้มันจบลงเถอะ"

    "ได้ตามคำขอครับ"

    ฉับ!

    เท็ตสึยะลงดาบปลิดชีพบิดาของตนตามคำที่อีกฝ่ายขอและมองร่างที่ล้มลงกับพื้นด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย

    เพราะเขาเข้าใจดีว่าการมีชีวิตอยู่เพียงผู้เดียวนั้นมันเจ็บแค่ไหน...

           และบัดนี้ดวงตาของเขาเริ่มมืดลงเรื่อยๆ คาดว่าพลังของเขาคงจะเกินขีดจำกัดไปแล้ว...

           ...ไทกะคุง ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้ล่ะครับ

           แล้วร่างของเท็ตสึยะก็ล้มลงพร้อมกับเปลวไฟแห่งชีวิตได้ดับมอดลง...

     

     

     

     

     

    ที่นี่ที่ไหนกัน!?!

    เด็กหนุ่มผมสีฟ้ามองไปรอบๆ อย่างงุนงง ข้างๆ ตัวเขามีชายหนุ่มผมสีเงินซึ่งเขารู้จักดีนั่งอยู่ ดูท่าทางจะมึนงงไม่ต่างจากเขานัก...

    ...ที่ที่เขาอยู่ตอนนี้เป็นทุ่งดอกไม้กว้างไกลไปสุดลูกหูลูกตา มีดอกไม้นานาพันธ์เบ่งบานไปทั่ว แต่นอกจากพวกเขากลับไม่มีใครอยู่เลย

    "เอ่อ...ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย" ชายหนุ่มผมสีเงินถามออกมาอย่างงงๆ ก่อนที่จะนึกบางอย่างออก "เดี๋ยวสิ! ฉันตายแล้วนี่หว่า!"

    "งั้นนี่คงเป็นโลกหลังความตายมั่งครับ" เด็กหนุ่มผมฟ้าตอบแม้เขาจะงงเหมือนกันก็เถอะ แต่ที่แน่ๆ คือทั้งเขาทั้งคนข้างๆ ตายแล้ว...คงมีไม่มากหรอกที่คนตายต้องไป

    "ถูกต้องจ้า!" เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้ทั้งสองสะดุ้งเฮือก โชคดีที่ทั้งสองตายแล้ว ไม่งั้นคงมีตายเพราะหัวใจวายแน่!

    "ใครน่ะ!?!" จิฮิโระถามขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่า

    "พระเจ้าไง" เสียงนั้นตอบกลับมา ซึ่งเสียงนี้คุ้นๆ หูพวกเขาแฮะ หรือว่า...

    "ชิโกะซังเล่นบทเป็นพระเจ้าเหรอครับ?" รู้สึกชอบบทจำพวกนี่เหลือเกินนะครับ! ชิโกะซัง!

    "จ้า" เสียงที่ตอบมาร่าเริงจนน่ามั่นไส้

    "คงขี้เกียจหาคนแสดงอีกแล้วสินะ" จิฮิโระบ่นเหมือนกับว่าเริ่มปลง

    "เอาน่าอย่างบ่นหน่อยเลย...และกลับเข้าเรื่องได้แล้ว คราวก่อนก็มุราซากิบาระพาออกนอกเรื่องไปทีแล้ว คราวนี้พวกนายอีก เอ่อ" บ่นยาวเลยนะครับ

    "ช่างเราเถอะน่า คุโรโกะ เฮ้ย! ไม่ใช่สิในบทต้องเรียกเท็ตสึยะนี่หว่า แต่ช่างเถอะ...เอ้า! กลับเข้าเรื่องได้แล้ว!"

    "คร้าบบบ" ทั้งสองขานรับ

    "..." จากนั้นไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย จนผ่านไปพักใหญ่ๆ จิฮิโระเลยถามขึ้นมาว่า "ทำไมไม่พูดล่ะ?"

    "นี้บทพวกนายนะ!" อ้าว? เหรอ? โทษทีๆ กลับเข้าบทเลยแล้วกัน...

    "พระเจ้างั้นเหรอ?" จิฮิโระพูดขึ้นมาอย่างงงๆ

    "ก็ใช่น่ะสิ" เสียงนั่นตอบกลับมา

    "แล้วคุณมีอะไรกับพวกผมเหรอครับ?" เท็ตสึยะถาม เขาไม่คิดหรอกว่าพระเจ้าจะมาหาวิญญาณทุกด้วย หรือว่าจะมาลงโทษ? ก็ไม่น่าใช่เพราะน่าจะพาลงนรกเลยมากกว่ามานั่งจับเข่าคุยแบบนี้

    "ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ประทับใจในความรักของพวกนายก็เลยจะให้รางวัลสักหน่อย..."

    "รางวัล?" ทั้งสองทวนอย่างไม่เข้าใน โดยเฉพาะจิฮิโระที่คิดว่าตนเองไม่น่าจะมีเอี่ยวด้วย

    "นายไม่ต้องสงสัยเลยจิฮิโระ นายก็ไม่ต่างกับลูกของนายมากเท่าไหร่หรอกน่า" เสียงนั้นตอบกลับมาอย่างรู้ทัน เล่นทำเอาจิฮิโระสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว

    "และรางวัลของพวกนายก็จะเดินมาถึงแล้ว"

    "เอ๋?" รางวัลอะไรฟะ?! ไม่เห็นเข้าใจเลย!

    "เดี๋ยวก็เข้าใจน่า นู่นไง! เดินมาแล้ว! ด้านหลังพวกนายน่ะ!"

    ทั้งสองหันไปตามที่บอก และก็ถึงกับชะงัน...

    บุคคลสองคนเดินมาทางทั้งสอง คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มมีผมสีเพลิง ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มที่ดูมีอายุมากกว่าคนแรกมีผมสีดำสนิกราวกับอีกา

    "เท็ตสึยะ!" เด็กหนุ่มผมสีเพลิงฉีกยิ้มและโบกมือให้

    "ไทกะคุง!" เจ้าของชื่อที่เด็กหนุ่มผมสีเพลิงเรียก โผลเข้ากอดอีกฝ่ายแน่ น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ "ฮือ ไทกะคุง..."

    "คร้าบๆ อย่าร้องสิ ฉันอยู่ตรงนี้แล้วไง" ไทกะปลอบอีกฝ่าย

    "...ครับ" เท็ตสึยะเช็ดน้ำตาอย่างว่าง่ายและส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนที่จะหันไปมองยังบิดาของตน ซึ่งตอนนี้เหมือนกำลังซ็อกชอบกล

    "จิฮิโระซัง" เด็กหนุ่มผมดำเรียกชายหนุ่มผมสีเงิน แต่อีกฝ่ายไม่ขยับ คนผมดำเลยเดินเข้าไปแตะไหล่อีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจว่าถูกคนหรือเปล่า "จิฮิโระซัง?"

    ตึ๋งๆ

    หยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินออกมาจากดวงตาสีเงินอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลได้เลย

    "จ...จิฮิโระซางงงงง!!! เป็นอะไรปายยย!?!" เด็กหนุ่มผมดำถึงกับสะดุ้งโหยงที่จู่ๆ อีกฝ่ายร้องไห้ออกมา และพยายามปลอบจ้าละหวั่นแต่ดูเหมือนไม่เป็นผลเลยแถมดูท่าจะได้ผลตรงกันข้ามอีก เพราะอีกฝ่ายเริ่มร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมอีก

    "...เรโอะ" จิฮิโระเรียกเด็กหนุ่มผมดำซึ่งตอนนี้เริ่มทำอะไรไม่ถูก

    "มีอะไรเหรอ? จิฮิโระซัง?" เด็กหนุ่มผมดำถามอีกฝ่ายเมื่อถูกเรียก

    "เรโอะ..." จิฮิโระเรียกอีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมาราวกับกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน โดยลืมไปว่าตอนนี้ตนเองตายไปแล้ว ไม่มีทางที่นี่จะเป็นความฝันไปได้

    เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว เรโอะจึงคว้าตัวอีกฝ่ายมากอดและลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ราวกับปลอบขวัญของคนอายุมากกว่า

    "ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไน ฉันอยู่นี้แล้วไง..." ยิ่งได้ฟังคำนี้ และได้ได้รับความอบอุ่นที่เคยหายไปจากอีกฝ่าย อารมณ์ความรู้สึกที่ได้ถูกปิดตายมานานก็ระเบิดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

    "ขอโทษนะ ขอโทษ...ที่ช่วยอะไรนายไม่ได้เลย..." มือของจิฮิโระเกาะหลังเรโอะแน่น ใบหน้าซุดอยู่ที่ไหล่ของอีกฝ่าย ทำให้เรโอะกลายเป็นผ้าเช็ดหน้าจำเป็นเสียแล้ว

    "ขอโทษทำไมล่ะ? จิฮิโระซังไม่ได้ผิดเสียหน่อย..." เรโอะปลอบอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

    เด็กหนุ่มผมสีเพลิงที่มองคนที่เป็นพ่อของคนรักด้วยแววตาที่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบ้างอย่างขึ้นมา...

    ...ว่าคนคนนี้ไม่ได้อยากให้เขาตายจริงๆ หรอก

    พวกเขาต่างเหมือนกัน...ต่างถูกขัดขวางและถูกพรากคนรักไป เรื่องนี้ต่างไม่มีใครผิด ถ้ามีก็คงเป็นคนที่กำหนดกฏบ้าบอนั้นขึ้นมาล่ะนะ

    "ในเมื่อเข้าใจกันแล้ว เราขอบอกข่าวดีให้พวกนายฟังเลยแล้วกันนะ!" เสียงอันร่าเริงของผู้ที่บอกว่าตนเป็นพระเจ้าดังขึ้นมา ทำเอาทุกคนต่างสะดุ้งโหยงรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้ว

    ...ให้ตายเถอะ! ช่วยอย่าทำให้ตกใจทุกครั้งได้ไหมเนี่ย!?...

    ทุกคนอดบ่นในใจไม่ได้กับพระเจ้าองค์นี้จริงๆ!

    "เอ้าๆ อย่าบ่นน่า เรามีข่าวมาบอก"

    "ข่าวอะไรเหรอครับ?"

    "เดี๋ยวพวกนายจะถูกส่งไปเกิดแล้ว" เมื่อได้ยินคำดังกล่าวทุกคนก็ถึงกับเหวอทีเดียว โดยเฉพาะไทกะ "ไม่ต้องห่วงนะเป็นมนุษย์และอายุห่างกันไม่เกินสามปีแน่นอน..."

    ...ไอ้อย่างนั้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไหงได้เกิดเร็วจังฟะ!

    "ไม่เร็วนะ ถึงที่นี่จะผ่านไปไม่เท่าไหร่ แต่โลกมนุษย์ผ่านไปเกือบร้อยปีแล้วนะ..."

    "ผ่านไปนานขนาดนั้นแล้วเหรอ..." เรโอะอดที่จะถามไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าคนเป็นพระเจ้าจะตอบกลับมา

    "ก็ใช่น่ะสิ!" และแสงพลันสว่างขึ้นรอบตัวของทั้งสี่ ซึ่งตอนนี้เริ่มตื่นตนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น "ถึงไปเกิดแล้ว แต่ก็ขอให้โชคดีนะ!"

    ...งั้นขอให้คุณ/เธอ/เจ๊อย่ามาเป็นพระเจ้าอีกเลยเถอะ!...

    นี่คือสิ่งที่ทั้งสี่คิดก่อนที่จะถูกแสงสว่างกลืนหายไป...

     

     

     

     

     

    "รู้สึกว่าตัวละครในนิทานของยายคุ้นๆ นะ..." เด็กหนุ่มผมสีเพลิงแห่งเซริน 'คางามิ ไทกะ' พูดขึ้นเมื่อฟังนิทานที่หญิงชราคนหนึ่งเล่าให้ฟัง และเด็กหนุ่มอีกสามคนที่อยู่ด้วยกันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

    วันนี้เด็กหนุ่มผมเพลิงออกมาเล่นบาสที่สตรีทบาสตามปกติและระหว่างเขาไปเจอ 'คุโรโกะ เท็ตสึยะ' เงาของเขาเลยพาไปเล่นบาสด้วยกัน

    พอพวกเขาเดินไปใกล้ถึงสตรีทบาสก็เจอ 'มิบุจิ เรโอะ' กับ 'มายุสุมิ จิฮิโระ' แห่งทีมบาสราคุซันเข้า สุดท้ายเลยไปเล่นบาสด้วยกันทั้งหมดเนี่ยแหละ

    แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มีอุปสัทในการไปเล่นบาสเหลือเกินเพราะเมื่อพวกเขาไปถึงที่สตรีทบาสกลับพบหญิงชราคนหนึ่งถูกกระชากกระเป๋าพวกเขาเลยช่วยจับคนร้ายส่งตำรวจ หญิงชราก็อยากจะตอบแทน

    ตอนแรกจะให้เงินในกระเป๋าครึ่งหนึ่งแต่ด้วยความเกรงใจจึงไม่ได้รับไว้ หญิงชราเลยเปลี่ยนมาเล่านิทานเป็นการตอบแทนแทน...

    พวกเขาเห็นว่าแค่ฟังนิทานคงไม่มีอะไรมากจึงฟังๆ ไป แต่เมื่อฟังจบก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวละครแต่ละตัวถึงลักษณะเหมือนพวกเขานัก แถมชื่อยังเหมือนพวกเขาอีก

    "แหม คงบัญเอิญมั้งจ๊ะ" หญิงชราตอบ "งั้นยายไปก่อนนะจ๊ะ ขอบคุณที่ช่วยยายไว้นะ"

    "ครับ ไม่เป็นไรครับ" คุโรโกะบอกหญิงชราพร้อมโบกมือหญิงชราที่เดินจากไป

    "เป็นนิทานที่แนวแปลกๆ ดีเนอะ~" มิบุจิพูดพลางกอดคอมายุสุมิ

    "อือ" มายุสุมิตอบสั้นๆ แต่ทำไมตาขวาเขากระตุกแปลกแฮะ?

    "นี่ พวกฉันคงอยู่เล่นด้วยไม่ได้แล้วล่ะ..." มิบุจิหันไปบอกคางามิ ก่อนที่จะจับข้อมือของมายุสุมิไว้

    "อ้าว? ทำไมล่ะ" ก็ก่อนหน้านี้บอกว่างนี้หว่า?

    "เพราะว่า..." มิบุจิเริ่มที่จะฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ จนมายุสุมิเริ่มที่จะสังหรค์ว่าลางร้ายจะมาเยือนเขาชอบกล "ฟังนิทานเมื่อกี้แล้วไม่รู้ทำไมฉันอยากxxxxมายุซังน่ะ"

    ...นั้นไง! ว่าแล้ว! พรุ่งนี้เขาลุกไม่ขึ้นแน่!...

    มายุสุมิเอามือข้างที่วางปิดหน้าไว้อย่างอายๆ พูดออกมาได้หน้าตาเฉยเลยนะ!

    "ขอให้โชคดีนะครับ มายุสุมิซัง" คุโรโกะโบกมือลามายุสุมิที่ถูกมิบุจิลากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    "แล้วเอาไงต่อดีครับ? คางามิคุง?" ถ้าให้เขาแข่งกับคางามิคงไม่ไหว แถมดูท่าวันนี้ถ้าให้คางามิเล่นคนเดียวก็คงน่าเบื่อ

    "...ฉันว่า" คางามิเหล่มองอีกฝ่ายแล้วหน้าขึ้นสีเล็กน้อย เขาเริ่มที่จะเปลี่ยนวัตถุประสงค์จากตอนแรกแล้วสิ... "เราเอาตามสองคนนั้นดีไหม?..."

    "ตามแต่คางามิคุงเลยครับ" แล้วทั้งสองก็พากันเดินกลับหอของคางามิ เป็นยังหลังจากนี้ขอให้สาววายทั้งหลายจิ้นฉากของทั้งสองคู่เอาเองแล้วกันนะ

     

     

     

     

     

    End

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×