ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #70 : [AkaFuriKuro] Fate_Rebirth

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.3K
      58
      5 ธ.ค. 57

    Title : Fate_Rebirth

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Akashi x Furihata x Kuroko

    Notes : แค่ฟังเพลง 【ZINTAY】 「Fate:Rebirth」 『 THAI VERSION 』 オリジナル曲 【PV付】 แล้วจู่ๆ นึกขึ้นมาได้เฉยๆ ...เนื้อหาไม่เกี่ยวกับเพลงนี้นักหรอก  อ่ะ! อันนี้เกี่ยวเนื่องจากฟิค [MidoTaka] Toumei Answer นะจ๊ะ! แถมมีเรื่องอื่นมาแจมอีกเลี้ยวจ้า >O<

    ................................................................

    Fate_Rebirth

     

    ...ใครก็ได้ช่วยบอกผม / ฉันที...ว่านี้ไม่ใช่เรื่องจริง...

    ...ใครก็ได้ช่วยบอกผม / ฉันที...ว่านี้คือความฝันใช่ไหม?...

    ...เรื่องที่คุณ / นายน่ะได้จากผม / ฉันไปแล้วน่ะ...

    ...มันคือเรื่องโกหกใช่ไหม? บอกผม / ฉันที...

    ...ฟุริฮาตะคุง / โคกิ...

     

     

     

     

     

    ซ่า...

    เสียงสายฝนเทกระหน่ำลงมาสู่พื้นดินอย่างไม่ขาดสาย แต่เสียงเหล่านี้ไม่ได้กระทบเข้าไปในโสตประสาทของเด็กหนุ่มสองคนในที่นี่เลยแม้แต่น้อย...

    ...ดวงตาสองสีของคนผมแดง กับดวงตาสีฟ้าของคนผมฟ้าจับจ้องไปที่กล่องไม้ขัดเงาสีดำที่วางอยู่เบื้องหน้าตนด้วยสายตาเศร้าโศก...กล่องไม้ที่บรรจุร่างไร้ชีวิตของคนที่พวกเขารักมากที่สุด

    ดอกไม้ต่างๆ นาๆ ถูกจัดวางอย่างสวยงามประดับประดารอบๆ ที่ด้านหน้าโลงมีรูปเด็กหนุ่มผู้ที่มีรอยยิ้มอันอ่อนโยนวางอยู่พร้อมกับกระถานธูปที่ส่งกลิ่นอ่อนๆ ออกมา

    "ไม่อยากเชื่อเลย...ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้..." เด็กสาวผู้เป็นโค้ชแห่งทีมเซย์รินเองออกมาด้วยน้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่อาจทำใจกับการจากไปของลูกทีมตนคนนี้ อย่างที่ใครหลายๆ คนเขาเป็น

    "นั้นสินะ...ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย..." ฮิวงะปลอบโยนเพื่อนสาวของตน นัยน์ตาหลังกรอบแว่นแสดงถึงความอดกลั้น

    "...คนอย่างนาย...ไม่สมควรตายไปอย่างนี้จริงๆ" คิโยชิกัดฟันหักห้ามไม่ให้น้ำตาแตกออกมาพลอยให้เพื่อนเขาน้ำตาแตกกันทุกคน

    "นั้นสินะครับ..." เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยด้วยเสียงสั่นเทา "...เรื่องบ้าๆ แบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย...มันไม่ควรเกิดกับฟุริฮาตะคุง"

    "ทำไมถึงเป็นนายกัน...โคกิ..." ดวงตาสองสีฉายแววออกมาว่าไม่อยากทำใจยอมรับในเรื่องนี้จริงๆ...ว่าคนที่เขารักได้จากไปแล้ว

    "บ้าจริงๆ ...ไอ้เรื่องแบบนี้..." คางามิกำมือตัวเองแน่น...เขาไม่รู้เลยว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ไง และทำไมเพื่อนเขาต้องตายไปดื้อๆ แบบนี้ด้วย!

    ย้อนไปเมื่อสามวันก่อนทุกอย่างวันนั้นทุกอย่างเป็นไปเหมือนทุกๆ วันที่ต่างออกไปมีเพียงแค่ฟุริฮาตะ โคกิที่ดูเหนื่อยง่ายกว่าปกติเท่านั้น...ตอนนั้นทั้งเหล่าคนในทีมเซย์รินทั้งเจ้าตัวก็แค่คิดว่าคงจะนอนไม่พอเลยเพลียเท่านั้นและไม่คิดอะไรกันมาก...

    ...พอตกเย็น...เหล่านักบาสทีมเซย์รินต่างเกิดความสงสัยขึ้นเมื่อฟุริฮาตะได้หายตัวไป ไม่ได้มาซ้อมตามปกติจึงได้ออกตามหาและก็พบเจ้าตัวอยู่ที่ห้องสมุด...แต่ในสภาพที่ไร้ลมหายใจแล้ว ตอนนั้นทุกคนในบริเวณนั้นต่างสติแตกกันไปเลย และมีใครก็ไม่รู้โทรเรียกตำรวจกับรถพยาบาลมา

    ...พอนำร่างไร้วิญญาณของฟุริฮาตะไปตรวจหาสาเหตุการตายที่โรงพยาบาลก็ไม่พบอะไรเลย ไม่มีบาดแผล ไม่มีร่องรอยการดิ้นรน ตรวจไม่พบโรคใดๆ ไม่มีความผิดปกติภายในร่างกาย ไม่มีสารพิษตกค้างหรืออะไรเลย ราวกับว่าอยู่ๆ ชีวิตของอีกฝ่ายก็หลุดลอยไปเสียเฉยๆ

    ...ทุกคนไม่อยากยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งตอนที่บอกข่าวแก่อาคาชิ เซย์จูโร่เจ้าตัวก็แทบไม่เค้นคอกับทางโรงพยาบาลเลยว่าผลตรวจถูกต้องจริงๆ หรือเปล่า? จนกระทั่วมิโดริมะ มิวาโกะแม่ของมิโดริมะ ชินทาโร่เป็นคนมายืนยันเองนั้นแหละ ถึงได้เริ่มใจเย็นลงมากันบ้าง...แต่ก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้อยู่ดีโดยเฉพาะอาคาชิกับคุโรโกะ

    ...ทุกคนรู้ดีว่าอาคาชิกับคุโรโกะรักฟุริฮาตะมากขนาดไหน การที่ฟุริฮาตะตายไปโดยหาสาเหตุไม่ได้แบบนี้คงไม่ต่างกับการเอามีดกรีดหัวใจทั้งสองเท่าไหร่นัก

    ...อาคาชิที่ปกติก็สร้างความหวาดผวาให้ทุกคนได้อยู่แล้วตอนนี้ยิ่งทำให้ทุกคนไม่อยากเข้าใกล้ยิ่งกว่าเดิม ขนาดคนในทีมราคุซันเองยังไม่กล้าขยับตัวเลย! ส่วนคุโรโกะนั้นเงียบมากจากที่ปกติเงียบอยู่แล้วก็เงียบลงไปอีกจนแทบจะไม่รู้สึกถึงตัวตนของคุโรโกะแล้ว!

    เด็กหนุ่มผมแดงมองเหม่อโลงศพสีดำที่บรรจุร่างคนที่เขารักเอาไว้ เช่นเดียวกับคุโรโกะที่มีสภาพไม่ต่างกัน

    ...เมื่อไม่มีคุณ / นายอยู่อีกแล้ว...

    ...ตัวผม / ฉันจะอยู่ไปเพื่อสิ่งใดล่ะ?...

    น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่นไหลลงมาจากดวงตาราวกับจะให้น้ำตาลบความรู้สึกเจ็บปวดเจียงตายนี้ให้หายไปเสียที...

    ...ในตอนนี้เด็กหนุ่มทั้งสองยังทำใจไม่ได้...ทำใจไม่ได้จริงๆ ในหัวของพวกเขายังได้ยินเสียงของคนที่พวกเขารักดังก้องกังวาลในหูราวกับคนคนนั้นยังอยู่ข้างๆ พวกเขาไม่จางหายไปไหน

    ...ได้โปรด ฟุริฮาตะคุง / โคกิกลับมาเถอะ ช่วยกลับมาอยู่ข้างๆ กายผม / ฉันที...

    ...แต่ถ้า...เรื่องที่ผม / ฉันจะได้พบกับคุณ / นายอีกมันเป็นได้แค่ฝันล่ะก็...

    ...ก็ช่วยให้โลกที่ไม่มีคุณ / นายของผม / ฉันจบไปเสียที...

    อาคาชิกับคุโรโกะยังคงจำได้ดีถึงความอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงบ่นยามที่พวกเขาทะเลาะกันเพื่อแย่งความสนใจและเสียงหัวเราะที่ติดตรึงในใจของพวกเขาไม่จางหาย...

    ...ในตอนนี้ไม่ว่าปีศาจร้ายหรืออะไรก็ตามแต่...แค่สามารถทำให้พวกเขาได้อยู่ข้างกายของคนที่พวกเขารักอีกครั้งก็พอ แม้แลกด้วยอะไรพวกเขาก็ยินดี

    "ไม่ว่าแลกด้วยอะไรก็ตามงั้นเหรอ?"

    "อื้ม... / ครับ..." อาคาชิกับคุโรโกะเผลอตอบไประหว่างที่จมในความคิดของตนเอง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าเสียงที่ถามพวกตนนั้นไม่ใช่เสียงของคนที่พวกเขารู้จัก เด็กหนึ่งทั้งสองจึงหันไปมองคนถามอย่างพร้อมเพรียง...

    ...คนที่เอ่ยคำถามเมื่อครู่กับเด็กหนุ่มทั้งสองเป็นหญิงสาวผมยาวตรงสีดำสนิก ดวงตาสีน้ำตาลแดงพราวระยับอย่างถูกใจ ข้างๆ หญิงสาวมีเด็กหนุ่มที่ดูอายุมากกว่าพวกเขาสักปีสองปีมีผมสีดำสนิก ดวงตาหลังแว่นตานั้นข้างหนึ่งเป็นน้ำเงินส่วนอีกข้างเป็นสีออกน้ำตาลอมเขียว

    "ข...เข้ามาตอนไหนเนี่ย!?" ฮิวงะถอยหลังติดกับคิโยชิ...เมื่อครู่พวกเขาไม่รู้สึกตัวกันเลยว่ามีคนเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ยินเสียงถามจากหญิงสาวก็คงไม่รู้หรอกว่ายืนอยู่ตรงนี้

    "ตอนที่สองคนนี้กำลังเหม่ออยู่จ้า" หญิงสาวชี้ที่อาคาชิกับคุโรโกะอย่างเจาะจง

    "แล้ว...คุณมีธุระอะไรมิทราบครับ?" ดวงตาสองสีของอาคาชิจ้องที่หญิงสาวอย่างไม่ไว้ใจ...คำถามที่ออกมาจากปากหญิงสาวเมื่อครู่นั้นมันตรงกับที่เขากำลังคิดอยู่พอดีจนเกินไป แถมเขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หลุดพูดออกมาแน่ๆ แล้วหญิงสาวคนนี้รู้ได้อย่างไรล่ะว่าเขาคิดอะไรอยู่?

    "มาทำงานน่ะ" หญิงสาวขยับยิ้มออกมา ขณะที่เด็กหนุ่มผมดำข้างกายเริ่มเหงื่อตกกับการถูกจ้องด้วยสายตาจำนวนมาก

    "งานอะไรครับ?..." ดวงตาสีฟ้าใสหรี่มองหญิงสาว "...ถ้าคุณบอกว่างานของคุณคือมาป่วนล่ะก็...ผมไม่เอาคุณไว้แน่"

    "สบายใจได้ ฉันไม่ได้มาป่วนแน่นอน เพราะงานของฉันคือ..." หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนที่จะหยุดพูดไปดื้อๆ

    ระหว่างที่อาคาชิจะเอ่ยถามว่าทำไมไม่พูดต่อ เสียงอันคุ้นเคยพร้อมร่างของคนที่คุ้นตาพวกเขาดีก็เดินเข้ามาพอดี

    "ขอโทษที่มาช้านะ...พอดีติดถ่ายแบบน่ะ..." เด็กหนุ่มผมเหลืองยิ้มแห้งๆ

    "ส่วนฉันติดติวเรียนต่อน่ะ เลยมาช้าไปหน่อย..." เด็กหนุ่มผมดำข้างกายคนผมเหลืองเอ่ยออกมา พร้อมคนในชุดเครื่องแบบเดียวกันอีกสามสี่คน

    "โทษทีเท็ตสึ อาคาชิ...มีเหตุขัดข้องเล็กน้อยน่ะเลยมาช้า..." เด็กหนุ่มผิวเข้ม ผมสีน้ำเงินเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มคนในเครื่องแบบเดียวกันสักสี่ห้าคน

    "ก็ใครใช้ให้นายไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับพวกฉันล่ะ..." เด็กหนุ่มผมดำสวมแว่นที่อยู่ข้างๆ คนผมสีน้ำเงินเอ่ยออกมา

    "อาคาจิน...โทษทีที่มาช้า พอดีหลงนิดหน่อย" ร่างสูงราวสองเมตรเดินเข้ามาเป็นกลุ่มเหมือนกับคนผมสีน้ำเงิน

    "เพราะอัตสึชิเล่นบอกช้าจนตกรถไฟต่างหากล่ะ" เด็กหนุ่มหน้าสวยข้างๆ ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับเด็กโข่งร่างสูง

    "โทษทีที่มาช้า...พอดีทาคาโอะปั่นซาเล๊งช้าน่ะ" เด็กหนุ่มผมเขียวเดินเข้ามาพร้อมเหล่าคนในทีมตน...แต่คุโรโกะแอบเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ พวกเขานั้นยกยิ้มขึ้นมานิดๆ กับเด็กหนุ่มผมดำที่มากับหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นคู่หูของคนผมเขียวเดินตามเข้ามา

    "โทษฉันได้ไงอ่ะ! ก็ชินจังเล่นให้ปั่นซาเล๊งทั้งๆ ที่ฝนตกหนักขนาดนี้!" เด็กหนุ่มตาสีฟ้าอมเทาข้างๆ โวยขึ้นมา

    "รักษามารยาทกันบ้างสิ! เจ้าพวกบ้า!" ชายผมสีน้ำผึ้งเขกหัวเขียวๆ และหัวดำๆ ของรุ่นน้องตน

    "นายเองก็ลดเสียงลงบ้างเถอะ..." เด็กหนุ่มหัวโลนข้างๆ คนผมสีน้ำผึ้งเอ่ย

    "ว่าแต่...เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย?" เด็กหนุ่มผมตั้งมองยังอาคาชิที่มองหญิงสาวอย่างหาเรื่อง

    "ไม่มีอะไรมากหรอกครับ...แค่คนคนนี้อยู่ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ บอกแค่ว่ามาทำงานน่ะครับ..." คุโรโกะตอบกัปตันแห่งทีมชูโตกุ

    "มาทำงาน? ในงานศพเนี่ยนะ?" โอสึโบะเริ่มมองหญิงสาวที่อาคาชิจ้องอยู่อย่างไม่เข้าใจ ทุกสายตาก็เริ่มเบี่ยงไปมองยังหญิงสาว

    หญิงสาวยังส่งยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขณะที่เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เหงื่อแตกพลั่กๆ ด้วยความกดดันที่ได้มาจากทุกสายตา โดยเฉพาะมิโดริมะที่ดูเหมือนจะจ้องเขม็ดที่ทั้งสองเป็นพิเศษ

    "คุณ..." ดวงตาสีเขียวของมิโดริมะเบิกกว้างเหมือนคนที่เพิ่งนึกอะไร "...คุณ...ยูโกะซัง?"

    "อาฮ่า! คิดว่าจะลืมกันแล้วซะอีกนะ! มิโดริมะคุง!" ยูโกะเอ่ยทักอย่างเริงร่า

    "รู้จักกันหรือ? ชินทาโร่..." อาคาชิเอ่ยถามเพื่อนผมเขียวของตน

    "เอ่อ...ประมาณนั้น..." มิโดริมะไม่รู้จะตอบอดีตกัปตันทีมตนยังไงดี...ถ้าเล่าทั้งหมดไปจะโดนหาว่าบ้าไหมเนี่ย? แต่อาจไม่มั้งเพราะในทีมปาติหาริย์นี่ไม่มีใครปกติอยู่แล้วนิ

    "รู้จักกันตอนไหนอ่ะ? ชินจัง ไหงฉันไม่รู้เรื่องเลย?" ทาคาโอะถามโดยไม่รู้เลย...ว่าตนเคยถูกช่วยเหลือจากยูโกะมาครั้งหนึ่งแล้ว

    "ไม่รู้น่ะดีแล้ว และอย่ารู้เลย..." มิโดริมะไม่อยากพูดเรื่องบ้าๆ ในตอนนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง...เพราะถ้าพูดถึงอีกเขาอาจเผลอไปฆ่าหักคอตัวต้นเหตุในตอนนั้นถึงที่เลยก็ได้ แม้จะถูกมิยาจิซังจัดการซะอ่วมไปแล้วก็เถอะ "...ว่าแค่ยูโกะซังมาอยู่ที่นี่ได้ไงครับ? หรือว่าจะเรื่อง...ของฟุริฮาตะครับ?"

    "ฉันมาทำงานจ้า...เกี่ยวข้องกับฟุริฮาตะคุง และสองคนนี้ด้วย..." ยูโกะยิ้มหวานและชี้ที่อาคาชิกับคุโรโกะ "...แต่ขึ้นอยู่กับสองคนนี้ด้วยนะ"

    "ว่าง่ายๆ คือยูโกะซังจะมายัดเยียดขายนั้นแหละ" วาตานุกิบ่นอุบอิบ ผลที่ได้คือมืองามๆ ของหญิงสาวสับเข้ากลางหัว "โอ๊ย!!!"

    "ได้ยินนะยะ!!!" ยูโกะแยกเขี้ยวใส่วาตานุกิ

    "ช่วยกรุณาหยุดทะเลาะกันก่อน...และช่วยบอกผมทีว่าคุณมาทำอะไรกันแน่? และเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับโคกิ ผมและเท็ตสึยะกัน?" อาคาชิเอ่ยออกมา บรรยากาศโดยรอบเริ่มอึดอัดขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก บ้างคนที่มาร่วมงานศพอึดอัดกับความน่ากลัวและทรงอำนาจของอาคาชิถึงขั้นสลบไปเลยก็มี

    "เอาง่ายๆ สั้นๆ คืองานของฉันนั้นคือการทำให้สมปรารถนาไงล่ะ" ยูโกะเอ่ยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวในบรรยากาศที่อาคาชิสร้างขึ้น

    "ทำให้สม...ปรารถนา?" ทุกคนทวนอย่างงงๆ

    "ใช่แล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ถามมิโดริมะคุงก็ได้ เพราะมิโดริมะคุงเคยใช้บริการฉันมาทีหนึ่งแล้ว" หญิงสาวชี้ไปที่เด็กหนุ่มผมเขียว ทำให้มิโดริมะตกเป็นเป้าสายตาทันที

    "จริงเหรอครับ? มิโดริมะคุง..." คุโรโกะกดเสียงต่ำปานผีอาฆาต

    "อ...อื้ม" มิโดริมะชักเริ่มกลัวคุโรโกะขึ้นมาตะหงิดๆ แล้วสิ...ตั้งแต่เจ้าตัวเผลอหลงรักฟุริฮาตะ โคกิเนี่ยรู้สึกโหดขึ้นเยอะแฮะ

    "งั้น...ช่วยเล่ามาอย่างละเอียดสิ ชินทาโร่..." อาคาชิส่งยิ้มสยองให้แก่มิโดริมะ...แบบว่าถ้าไม่ตอบไม่ได้ตายดีแน่

    "เอ่อ...ได้..." มิโดริมะอดแอบน้ำตาตกไม่ได้...ใครมันจะกล้าปฏิเสธนายฟะ!?! "...คือฉันเคยใช้บริการยูโกะซัง...เรื่องของทาคาโอะน่ะ"

    "เอ๊ะ?" ทาคาโอะชี้มาที่ตนเอง "ฉัน?"

    "อื้ม..." มิโดริมะพยักหน้า "...ทาคาโอะ...มิยาจิซัง...จำเรื่องคนร้ายค้ายาเสพติดที่หนีตำรวจเข้ามาในโรงเรียนเราได้ไหม?"

    "ได้สิ...ใครจะลืมล่ะ..." ทาคาโอะเบ้หน้า...ก็เขาเล่นเกือบตายเลยนี่หว่า ใครมันจะลืมลงล่ะ!!!

    "จำได้...แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย?" มิยาจิถาม

    "ตอนแรกเหตุการณ์เดิมไม่ได้เป็นอย่างงั้นครับ..." มิโดริมะไม่รู้จะอธิบายยังไงดีไม่ให้โดนหาว่าบ้า

    "ตอนแรก...หมายความว่าไง?" อาคาชิส่งสายตาคาดคั้นมา

    "ตอนแรก...ไม่มีใครช่วยทาคาโอะ...จากการตกลงตึกครั้งนั้น..." มิโดริมะเอ่ยออกมาช้าๆ

    "ห๊า!?" ทุกสายตาหันขวับไปที่ทาคาโอะ เจ้าตัวก็ชี้ที่ตนเองเหมือนกัน

    "ฉันเนี่ยนะ!?...แสดงว่าฉันเคยตายมาแล้วเหรอ?" ทาคาโอะไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ติดสายตาจากคนรักตนที่ดูจริงจังมาก

    "เล่าต่อสิ มิโดริมะ..." มิยาจิเร่งให้มิโดริมะเล่าต่ออย่างอยากรู้ว่าเป็นไงต่อ

    "...ในตอนแรกไม่มีใครจับคนร้ายสองคนนั้นได้ ทุกคนเลยสรุปว่าทาคาโอะ...ฆ่าตัวตาย" มิโดริมะเล่าต่อตามประสงค์ของรุ่นพี่ตน

    "ฆ่าตัวตาย!? อย่างทาคาโอะเนี่ยนะ!? ไม่มีทางซะล่ะ!!! บอกว่าหมอนี่เดินตกท่อตายยังน่าเชื่อกว่าอีก!!!" มิยาจิเอาหัวเป็นประกันว่าไม่มีทางซะล่ะ!

    "ตอนนั้นผมก็ทำใจเชื่อไม่ลงเหมือนกัน เล่นซะไม่มีอะไรเข้าหัวผมเลยในวันนั้นและผมยิ่งทำใจเชื่อไม่ได้เข้าไปอีกเมื่อไปเจอข้อความที่ทาคาโอะทิ้งไว้..." มิโดริมะเหลือบมองทาคาโอะ

    "ฉันทิ้งอะไรไว้เหรอ?" ทาคาโอะถาม...ถ้าเป็นตามที่คู่หูตนบอกจริง เขาก็ไม่น่าทิ้งอะไรไว้นี่หว่า? ก็เขาโดยผลักตกหน้าต่างแบบไม่ทันตั้งตัวเลยนิ...

    "หูฟังที่นายใช้ประจำไง ตรงแจ๊ทเสียบนายก็น่าจะรู้นะว่าเขียนอะไรไว้..." คำตอบของมิโดริมะทำให้ทาคาโอะเอ๋อนิดๆ ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดง

    "อ...แอบอ่านงั้นเหรอ!?" ทาคาโอะแทบอยากเอาหน้ามุดดินซะเดียวนี้...ให้ตายเถอะ! เขาก็คิดอยู่ว่าตอนนั้นทำไมคนผมเขียวนี้ถึงกล้าสารภาพรักเขาโดยไม่กลัวโดนปฏิเสธเลย! ก็เล่นแอบอ่านที่เขาเขียนไว้นี่หว่า!!!

    "ไม่ได้แอบอ่านสักหน่อย แค่เผลอไปเห็นพอดีน่ะ" มิโดริมะแก้ตัว

    "เอ้า! ชินทาโร่ คาซึนาริ...อย่าเพิ่งเถียงกัน เล่าให้จบก่อนสิ..." อาคาชิเอ่ยขึ้นพร้อมส่งสายตาว่า 'รีบๆ เล่าให้รู้เรื่องกันซะที!'

    "ได้...หลังจากงานศพของทาคาโอะฉันก็เดินไปเรื่อยเปื่อยอย่างคนยังไม่อยากกลับบ้าน...ระหว่างนั้นก็คิดว่าจะให้ทำอะไรก็ยอมถ้าทาคาโอะกลับมาหาฉันน่ะ และก็ไปเจอร้านของยูโกะซังนี่แหละ" มิโดริมะมองปฏิกิริยาของทุกคนที่ดูเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "พูดตามตรง...ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยเชื่อเหมือนพวกนายเนี่ยและ แต่ตอนนั่นคิดว่าไม่มีอะไรจะใหเสียแล้วก็เลยลองดู...ผลสุดท้ายคือของที่ยูโกะซังให้มามันดันทำให้ย้อนไปวันที่ทาคาโอะตายน่ะ และเลยทำให้ฉันหาทางช่วยทาคาโอะให้รอดได้นี่แหละ"

    "สรุปคือ...มันเป็นเรื่องจริงสินะครับ?" คุโรโกะรู้สึกไมเกรนขึ้นนิดๆ แต่ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริงมันก็น่าลองเสี่ยงดู...ถ้ามันทำให้ฟุริฮาตะ โคกิกลับมาหาเขาพอ

    "จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามแต่..." ยูโกะหยักไหล่ "...แต่ที่ฉันมาที่นี่เพื่อจะมาเสนอว่าจะช่วยให้สมปรารถนาโดยมีข้อแลกเปลี่ยนหน่อย...ว่าไงทั้งสองคน?"

    "ตกลง!!!" อาคาชิกับคุโรโกะตอบรับทันทีโดยไม่ต้องผ่านสมอง...ในเมื่อความต้องการของพวกเขาคือนำคนที่รักกลับมา

    "เดี๋ยว!!! มันฟังแปลกๆ นะ!!! อาจเป็นสิบแปดมงกุจก็ได้!!!" ชายคนหนึ่งเอ่ยออกมา

    "เอาๆ มาว่ากันอย่างนี้ได้ไง?" ยูโกะเอ่ยออกมา

    "มันก็สมควรหรอกนะครับ...ที่ใครเขาจะคิดแบบนี้..." วาตานุกิไม่นึกแปลกใจเลยว่าจะมีคนพูดแบบนี้ออกมา

    "แต่...ถ้ามันทำให้ลูกชายฉันกลับมาจริงๆ ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นให้ทำอะไรฉันก็ยอม!!!" ชายหญิงคู่หนึ่ง...ซึ่งก็คือพ่อแม่ของฟุริฮาตะ โคกิเอ่ยออกมา

    "แต่!!!" ชายคนเดิมกำลังจะเถียงกลับ แต่ก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อได้รับสังสีอาฆาตจากเด็กหนุ่มสองคน

    "ช่วยกรุณาอย่าโวยวายด้วยครับ...ถ้าคุณไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ อย่าบังคับคนอื่นให้เชื่อตามคุณไปด้วยสิครับ" น้ำเสียงเย็นราวกับกินไอติมที่ขั่วโลกจากคนผมฟ้า

    "จะว่าใครไม่ว่า...แต่ที่คุณพูดเมื่อกี้เหมือนใส่ร้ายเพื่อนผมด้วยนะ..." เสียงอันทรงอำนาจจากคนผมแดงแทบทำให้ชายคนนั้นแทบสลบ

    "...คุโรโกะตอนโกรธน่ากลัวชิบ" คางามิมองคู่หูตนที่ดูราวกับปีศาจในตอนนี้

    "อาคาชิก็เพิ่มเลเวลความน่ากลัวได้มากขึ้นทุกทีเลย..." ฮิวงะแอบเหงื่อตกเล็กน้อย "...ว่าแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นบอก...ทำไมต้องเจาะจงที่คุโรโกะกับอาคาชิด้วย?"

    "เพราะสองคนนี้มีแรงปรารถนาอันแรงกล้าไง..." ยูโกะที่ดันหูดีได้ยินในสิ่งที่ฮิวงะพูดตอบกลับออกมา

    "ความปรารถนาอันแรงกล้า?" ฮิวงะทวน

    "ใช่ สองคนนั้นมีความปรารถนาแรงมาก...มากจนขนาดพ่อแม่แท้ของเด็กคนนั้นยังเทียบไม่ติดเลย" ยูโกะชี้ไปที่โลงศพ

    "หมายความว่า...ถ้าจะพาฟุริกลับมาต้องให้คุโรโกะกับอาคาชิเป็นคนจัดการสินะ?" คางามิสรุปออกมา

    "ใช่..." ยูโกะตอบ "...แต่คราวนี้ดูยุ่งยากกว่าตอนของมิโดริมะคุงหลายเท่าเลยล่ะ ดังนั้น...วาตานุกิ...เธอกับโดเมกิคุงต้องไปช่วยสองคนนี้ด้วยนะ"

    "ห๊า! ผมเหรอ!?" วาตานุกิเริ่มคิดแล้วว่า...งานนี้ไม่พ้นโดนตัวอะไรไล่อีกแหง

    "ใช่สิ เธอเหมาะกับงานนี้ที่สุด อีกอย่างโดเมกิคุงไปด้วยรับรองไม่โดนตัวอะไรงาบไปกลางทางหรอก...ถ้าไม่มั่นใจอีกแถมนี่ด้วยเอ้า! เอาไปเป็นเพื่อนแล้วกัน..." ยูโกะโยนวัตถุสีดำและน้ำตาลให้วาตานุกิ เจ้าตัวที่ถูกโยนของให้ก็แทบรับไม่ทัน

    "ดีจ้า!!!" วัตถุสีดำยืดตัวออกมาจากตอนแรกที่เห็นเป็นลูกกลมๆ สีดำ กลายเป็นสัตว์รูปร่างเหมือนกระต่ายแถมยัง...พูดได้อีก

    ส่วนอีกตัวพูดไม่ได้แต่ก็แปลกพอกันเพราะมันตัวเป็นเส้น จนดูเหมือนเส้นอะไรสักอย่างที่มีขน...ที่สำคัญมันลอยได้ และไปถูไถ่วาตานุกิทันทีที่ถูกปล่อยออกมา

    "ยูโกะซัง!!! จะให้ผมเอาโมโคน่ากับจิ้งจอกกระบอกไปด้วยเหรอครับ!?" วาตานุกิเริ่มอยากจะบ้าตาย...นี่กะให้เขากลายเป็นตัวประหลาดท่ามกลางสายตาคนอื่นใช่ไหมเนี่ย!? แค่ปกติก็โดนมองแปลกๆ แล้ว!!!

    "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า หลังจบงานนี้ความทรงจำของทุกคนเกี่ยวกับเธอจะถูกลบไปหมด...อ๋อ! ยกเว้นเพียงมิโดริมะคุง กับสองคนนั้นที่เธอต้องไปด้วยนะ แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่จะยังจำเธอได้ด้วยนะ" ยูโกะกระซิบข้างๆ หูวาตานุกิพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?" ทุกคนเริ่มที่จะอยากเป็นลมซะเดี๋ยวนี้...เจ้าตัวแปลกๆ สองตัวนี้มันอะไรกัน!?

    "สองตัวนี้มันคืออะไรก็ช่างเถอะ...แต่ที่คุณบอกว่ายุ่งยากกว่าตอนของชินทาโร่มันหมายความว่าไงกันครับ?" อาคาชิเอ่ยถามยูโกะ

    "ตอนของมิโดริมะคุงน่ะ คนที่อยากช่วยนั้นโดนฆ่าเลยให้ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้...แต่คราวของพวกเธอนั้นคนที่อยากช่วยกลับโดนขโมยวิญญาณไปน่ะสิ" ยูโกะส่งสายตายากจะคาดเดาไปที่โลงศพ

    "โดนขโมยวิญญาณ...งั้นเหรอครับ?" คุโรโกะมองยูโกะเป็นเชิงว่าให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมที

    "ใช่ ในกรณีของเพื่อนเธอคือโดนขโมยวิญญาณออกไปทั้งที่ยังไม่ถึงฆาต และจะไม่มีวันเอาวิญญาณกลับเข้าร่างได้อีกถ้าวิญญาณกับร่างห่างกันเกินเจ็ดวัน...แต่น่าแปลกนะที่เพื่อนโดนขโมยวิญญาณไปแบบนี้" ยูโกะยกมือขึ้นเหมือนแตะบางอย่างทั้งที่ไม่มีอะไร "...ลักษณะแบบนี้มัน...โดนเอาไปทำวิญญาณรับใช้? แปลกปกติเขาเอาแต่วิญญาณคนตายแล้วนิ? จะมาเอาวิญญาณคนเป็นให้ยุ่งยากทำไมเนี่ย?"

    "ช่วยกรุณาอย่าพูดแบบเข้าใจคนเดียวสิครับ...ช่วยอธิบายให้พวกผมด้วย" คุโรโกะอดคิดไม่ได้ช่างเป็นคนที่แปลกจริงๆ หญิงสาวคนนี้

    "อธิบายง่ายๆ นะ...อื้ม ก็คงจะเป็นมีใครนึกพิเรนท์ขโมวิญญาณเพื่อนเธอไปเป็นวิญญาณรับใช้น่ะ" ยูโกะอธิบายแบบสั้นที่สุด

    "หมายความว่า...มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้เอาวิญญาณโคกิไปสินะ?" อาคาชิเริ่มกระตุกยิ้มเหี้ยม

    "ใช่..." ยูโกะเลื่อนสายตาไปที่ประตูบานเลื่อนเหมือนรออะไรสักอย่าง

    "...แล้วพวกผมต้องทำอะไรบ้างให้ฟุริฮาตะคุงกลับมาล่ะครับ?" คุโรโกะเอ่ยถาม...

    "งั้นสินะ...ข้อแรกเลยคือต้องเก็บร่างของเพื่อนเธอเอาไว้ดีๆ อย่าให้ใครมาขโมยไปล่ะ..."

    "แต่...เราจะขอทางวัดเพิ่มวันสวดคงไม่ได้...เราไม่มีเงินมากพอ..." พ่อของฟุริฮาตะเอ่ยออกมา "...หรือเอาร่างโคกิไปเก็บที่บ้านดี?"

    "เรื่องนั่นไม่ต้องห่วง...ฉันเตรียมการมาและโชคดีที่เอามาวัดนี้พอดี" ยูโกะเอ่ย พร้อมกันนั้นเองประตูบานเลื่อนก็ถูกเปิดออก "...โดเมกิคุง~~ ช่วยอะไรหน่อยสิ"

    "ยูโกะซัง!!! นี่มันบ้านเจ้าโดเมกิเหรอครับ!!!" วาตานุกิแว๊ดลั่น

    "ก็ใช่น่ะสิ...ดูก็น่าจะรู้นิ" ยูโกะตอบกลับ

    "ครับ...คงรู้ล่ะครับ ถ้าคุณไม่พามาทางรูหนอนเนี่ย!!!" วาตานุกิยังนึกสยองกับทางที่มาอยู่เลย! ให้ตายเถอะ! ถ้าใกล้แค่นี้ทำไมไม่เดินมาทางปกติเนี่ย!?

    "หนวกหู..." โดเมกิทำหน้าตายเหมือนเดิม "...ยูโกะซัง? ทำไมมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะครับ?"

    "มาทำงานจ้า...โดเมกิคุงช่วยเก็บร่างในโลงนั้นไว้อีกสักสี่ห้าวันได้ไหม?" ยูโกะเอ่ยขอดื้อๆ

    "..." โดเมกิเงียบสักพัก "ได้ครับ"

    "หมดปัญหาไปหนึ่งแล้วนะ..." ยูโกะยักคิ้วให้อาคาชิกับคุโรโกะ "...ข้อสองคือ...พวกเธอต้องเป็นคนไปจัดการกันเอง เพราะฉันไปเองไม่ได้"

    "ทำไมถึงไปเองไม่ได้ล่ะครับ?" คุโรโกะเอ่ยถาม...ที่จริงให้เขาไปเองเขาก็ไม่ขัดหรอก แต่มันรู้สึกสงสัยเฉยๆ

    "เพราะฉันมีลูกค้ารายอื่นไง...แถมไม่ใช่คนจากโลกนี้ด้วย..." ยูโกะยิ้มอย่างมีเล่ห์ใน "...ส่วนที่เหลือเป็นสิ่งที่คนปกติไม่ควรรู้นะ"

    "ครับ..." คุโรโกะคิดว่าบางทีคงไม่ควรรู้จริงๆ นั้นแหละ

    "งั้นข้อสามคือเธอต้องไปกับสองคนนี้..." ยูโกะชี้ที่วาตานุกิกับโดเมกิ "...วาตานุกิสามารถเห็นในสิ่งที่คนปกติมองไม่เห็นได้ จึงจะเป็นคนพาไปยังที่อยู่ของคนที่ขโมยวิญญาณเพื่อนเธอไปตามด้ายวิญญาณที่ยังติดอยู่กับร่างต้น

    ...ข้อเสียคือวาตานุกิดันมักเรียกสิ่งลี้ลับเข้าหาตนเองด้วยเลยให้โดเมกิคุงที่มีพลังในการชำระล้างของพวกนี้แต่ดันมองไม่เห็นถ้าไม่อยู่กับวาตานุกิไปด้วย

    ...ถ้าเจออะไรแปลกๆ เดี๋ยวโมโคน่ากับจิ้งจอกกระบอกจะช่วยจัดการให้ ส่วนทางไปนั้นเดี๋ยวฉันเปิดให้เอง...มีอะไรจะถามอีกไหม?" ยูโกะกวาดตามองเด็กหนุ่มทั้งสี่กับอีกสองตัว

    "งั้นผมขอถามหน่อย..." อาคาชิเอ่ยออกมา "...คุณ...เป็นอะไรกันแน่?"

    "นั้นสินะ...เป็นอะไรกัน..." ยูโกะเอามือสางผมตนเอง "...เอาเป็นว่าฉันถูกเรียกว่าแม่มดแห่งมิติแล้วกัน...และขอให้โชคดีในการทวงเพื่อนเธอคืนนะ"

    ทันใดก็มีสิ่งที่เหมือนหลุมดำอันมืดมิดโผล่ขึ้นมาจากประตูที่โดเมกิเพิ่งจะเดินเข้ามา ทำให้คนในงานทุกคนสะดุ้งโหยงกับหลุมดำที่อยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา

    "นั้นคือทางไปสินะครับ?" คุโรโกะมองหลุมที่ต้องใช้เป็นทางผ่านอย่างไม่มีท่าทางเกรงกลัว

    "ใช่จ้า...อ๋อ! พวกเธอเอานี่ไปด้วยเผื่อฉุกเฉิก" ยูโกะโยนถุงมือสองคู่ให้คุโรโกะกับอาคาชิ

    "...เอามาทำไมครับ?" อาคาชิมองถุงมือสีดำสนิกในมือ...ดูแล้วก็ไม่ต่างกับที่ขายตามห้างร้านทั่วไปเลย

    "ถุงมือนี้เป็นของในร้านฉันน่ะ...มันช่วยให้จับอะไรก็จะโยนใส่สิ่งนั่นใส่พวกสิ่งลี้ลับได้โดยไม่ทะลุผ่านน่ะ" ยูโกะอธิบายก่อนจะ 'ลาก' เด็กหนุ่มสี่คนกับตัวที่ระบุไม่ได้ว่าคืออะไรอีกสองตัวเข้าไปในหลุดดำ "โชคดีล่ะ! กลับมาให้ครบสามสิบสองด้วยล่ะ!!! ถ้าไม่อยากมีหนี้เพิ่ม!"

    "แกล้งกันใช่ไหมครับ!!! ทำไมชอบใช้ทางรูหนอนจริง!!!" วาตานุกิโวยออกมาก่อนที่ทางหลุมดำจะปิดลงเพราะยูโกะรีบปิดทางก่อนที่จะโดนบ่น

    เมื่อส่งพวกอาคาชิไปเรียบร้อยแล้วยูโกะก็ส่งยิ้มให้เหล่าคนในงานศพที่เริ่มหวั่นเกรงกับอำนาจเหนือมนุษย์ของยูโกะ

    "แหมๆ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้..." ยูโกะแย้มยิ้ม

    "เอ่อ...คุณ...แน่ใจนะครับสองคนนั้นจะกลับมาครบสามสิบสอง?" อิสึกิเอ่ยถามออกมา...ก็เมื่อกี้ในหลุมดำนั้นเขาเหมือนเห็นตัวอะไรแปลกๆ แวบไปแวบมาด้วย

    "ถ้าสองคนนั้นล่ะก็อาจกลับมาครบสามสิบสอง แต่วาตานุกิไม่แน่ใจแฮะ เพราะเล่นเป็นตัวดึงดูดพวกนั้นเข้าหาตัวเองอย่างเดียวเลย" ยูโกะตอบด้วยท่าทีเหมือนกลุ้มใจ...แต่น้ำเสียงไปคนละทางเลย "แต่โดเมกิคุงไปด้วยคงไม่เป็นไรมั้ง?"

    "ยูโกะซัง..." มิโดริมะเรียกหญิงสาว "...ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?"

    "มีอะไรเหรอ? จะถามก็ถามเลยถ้าเป็นเรื่องที่ฉันตอบได้นะ..." ยูโกะเอ่ย

    "ร้านของคุณติดกลไลอะไรไว้หรือเปล่าครับ? ตอนนั้นที่ผมเดินผ่านขามันดันก้าวไปในร้านคุณเอง...และเด็กสองคนนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกันใช่ไหมครับ?" มิโดริมะสงสัยตั้งแต่เข้าร้านครั้งแรกแล้วว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ ...ตอนนั้นเขาแค่คิดว่าคงรู้สึกไปเองเท่านั้น

    "เอาอันไหนก่อนดีล่ะ?...เอาเป็นว่าร้านฉันมันจะดึงดูดผู้ที่มีความปรารถนาในเข้ามาในร้าน ส่วนเรื่องมารุกับโมโระนั่นจะบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดามันก็ใช่อ่ะนะเพราะสองคนนั้นไม่มีวิญญาณ" ยูโกะบอกพร้อมเอาเหล้าจากไหนไม่รู้มากระดก

    "ไม่มีวิญญาณ?" มิโดริมะไม่เข้าใจที่ยูโกะพูด...

    "ใช่...สองคนนั้นมีเพียงกายเนื้อกับความรู้สึกนึกคิดเท่านั้น วิญญาณน่ะไม่มีหรอกและก็ไม่อาจขยับได้อีกเมื่อออกมานอกร้าน" ยูโกะกวัดมือเรียกมิโดริมะ "เอ้า! มาดื่มกันหน่อย! ยังไงก็ทำอย่างอื่นนอกจากรอไม่ได้แล้วนิ!"

    "แล้วคุณไม่ต้องไปทำงานแล้วเหรอครับ?" ทาคาโอะถาม

    "ลูกค้าฉันรายนี้ไม่ได้มาแบบคนปกติหรอกนะ...ดังนั้นจะอยู่ที่ไหนก็เหมือนกันแหละ!" ยูโกะบอกดังนั้นทำให้คนในงานศพนี้พร้อมใจกันต่างคนต่างกลับบ้านตนเอง จนเหลือแค่พ่อแม่ของฟุริฮาตะ กับเหล่าตัวจริงทีมบาสที่มีสมาชิกทีมปาติหาริย์อยู่ในทีมเท่านั้น "ชิ! แค่นี้ทำเป็นกลัวไปได้ ที่มาไม่ใช่ผีเสียหน่อยแค่มาจากโลกอื่นเอง...เอ้าๆ มาดื่มเป็นเพื่อนกันเถอะ!"

    สุดท้ายกลายเป็นว่าทุกคนกลายเป็นเพื่อนดื่มเหล้ากับยูโกะแบบงงๆ โดยมีเสียงเอะอะโวยวายจากมิยาจิที่ถูกฮายามะพุ่งกอด (ก่อนหน้านี้พุ่งเข้ากอดไม่ได้ อาคาชิปล่อยสังสีอำมหิตอยู่) เป็นแทนเสียงดนตรีเสนาะหูไป (เหรอ?)

     

     

     

     

     

    ทางด้านผู้ที่ถูกส่งมาทางรูหนอนต่างเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีอะไรมากนัก เว้นเพียงวาตานุกิที่ถูกหนอนวิ่งไล่บ่อยๆ จนโดเมกิเอาตัววาตานุกิแบกขึ้นบ่าเนี่ยแหละถึงไม่มีตัวอะไรมาวิ่งไล่...

    "อีกไกลไหมครับ? วาตานุกิซัง?" คุโรโกะเอ่ยถาม

    "คงใกล้แล้วล่ะ..." วาตานุกิมองเส้นด้ายวิญญาณสีน้ำตาลอ่อนที่ลอยอยู่อากาศ...จากที่สังเกตมาตลอดทาง รู้สึกว่าด้ายนี้จะหนาขึ้นเมื่อยู่ใกล้ตัวปลายด้ายส่วนถ้าเดินไปหาตรงกลางด้ายด้ายจะบางลงเรื่อยๆ จนเลยตรงกลางไปก็จะหนาขึ้นเรื่อยๆ เป็นตัวบ่งบอกว่าพวกเขาใกล้ถึงจุดหมายแล้ว

    "นั่นคงเป็นทางออกสินะ?" อาคาชิชี้ที่แสงสว่างเบื้องหน้า และเมื่อเห็นวาตานุกิพยักหน้าก็ไม่รอช้ารีบเดินออกจากรูหนอนทันที

    ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าเป็นสถานที่คุ้นตา...คุ้นตามาก ก็จะไม่คุ้นตายังไงในเมื่อที่นี่คือโรงเรียนมัธยมปลายราคุซันที่อาคาชิเรียนอยู่นั้นเอง!

    "แสดงว่า...คนที่ขโมยวิญญาณโคกิมาเป็นคนแถวๆ นี้สินะ?" อาคาชิเริ่มยิ้มเหี้ยม...ในที่นี่เขาค่อนข้างมีอำนาจพอตัวเหมือนกัน

    "ด้ายต่อไปทางไหนล่ะ" โดเมกิเอ่ยถามขึ้น...เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายกับคนที่ตนพาดไว้บนบ่านี้อีกหรอกนะ

    "ไปทางนั้นน่ะ...และโดเมกิปล่อยฉันลงได้แล้ว!" วาตานุกิโวยคนหน้านิ่งที่ในปัจจุบันนี้จะว่าเกลียดก็ไม่ใช่ชอบก็ไม่เชิง

    "ทางนั้นมัน...ชมรมบาส?" อาคาชิยิ่งเห็นว่าสิ่งที่เอาของสำคัญของตนไปเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งยิ้มเหี้ยมเท่านั้น

    "เรารีบไปหาฟุริฮาตะคุงเถอะครับ" คุโรโกะพยักหน้าเป็นเชิงให้วาตานุกินำทาง

           เด็กหนุ่มผูสวมแว่นพยักหน้าตอบก่อนที่จะเดินไล่ตามด้ายวิญญาณที่เริ่มจะเส้นหนาขึ้นมา...บ่งบอกว่าใกล้ถึงดวงวิญญาณของคนที่พวกเขามาหาแล้ว

    วาตานุกิหักเลี้ยวไปในห้องเปลี่ยนชุดของชมรมบาสราคุซันก่อนที่จะเบรนเอี๊ยดจนคนที่ตามหลังมาแทบที่จะชนวาตานุกิกันหมด

    "มีอะไร?" อาคาชิขมวดคิ้วมองคนที่อยู่ๆ ก็หยุดเสียดื้อๆ

    "ดูท่างานนี้จะไม่ง่ายอย่างที่ยูโกะซังบอกจริงๆ ด้วย..." วาตานุกิแทบลมจับเมื่อเห็นสิ่งที่เขาต้องเบรดเมื่อครู่

    "มีอะไรกันครับ? มันแย่มากหรือครับ..." คุโรโกะเริ่มสังหรณ์ไม่ดี...คงไม่ใช่ไม่มีทางช่วยฟุริฮาตะคุงแล้วหรอกนะ?

    "จะว่ายังไงดีล่ะ...ตอนนี้คงต้องรอดูก่อนล่ะ..." วาตานุกิยิ้มแห้งๆ ทำให้อีกสามคนเกิดอาการสงสัยจึงแอบดูสิ่งที่อยู่ในห้องเปลี่ยนชุดบ้าง...

    ...ภาพที่เห็นแทบทำให้ทั้งสามอยากคุมขมับ เมื่อสิ่งที่อยู่ในนั้นคือตัวประหลาดต่างๆ นาๆ ที่อยู่ในรูปหมอกสีดำอัดแน่อยู่เต็มห้อง กลางห้องมีเด็กหนุ่มผมสีแดงซีดคนหนึ่งที่อาคาชิจำได้ว่าเป็นคนในทีมสองนั่งอยู่...ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อนาเดะ ชิมากิ

    ในมือของนาเดะถือขวดโหลใบน้อยซึ่งมีสิ่งที่พวกเขาตามหาอยู่ด้านใน...นั่นก็คือร่างอันโปล่งใสของฟุริฮาตะ โคกิที่นั่งตัวสั่นอยู่ในนั้นนั่นเอง...

    "ไม่เห็นต้องสั่นขนาดนี้ก็ได้...ยังไงอีกแค่สี่วันนายก็ต้องเป็นของฉันอยู่แล้วนิ" นาเดะยกขวดโหลขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา

    "ท...ทำไม...ทำแบบนี้ทำไม!?" ฟุริฮาตะตัวสั่นราวลูกนก น้ำตาหลั่นไหลในดวงตาอย่างไม่อาจห้าม...

    เมื่อสามวันก่อนฟุริฮาตะแค่รู้สึกว่าเหนื่อยกว่าปกติมากแต่ก็ไม่คิดอะไรมาก จนตอนเย็นเขาไปที่ห้องสมุดเพราะลืมของไว้แต่อยู่ๆ ก็เขาก็หน้ามืดไป พอรู้สึกตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ในโหลแก้วใบนี้เสียแล้วและด้วยร่างกายที่โปร่งใสแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขานั้นตายแล้วแหง สาเหตุก็คงไม่พ้นชายคนนี้แน่...

    ...และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อชายคนนี้เอ่ยกับเขาว่าได้ทำพิธีกรรมบางอย่างทำให้วิญญาณเขาหลุดออกจากร่างและจะไม่สามารถกลับได้อีกเมื่อครบเจ็ดวัน...ที่จริงเขาเดาว่าวันนี้ดีไม่ดีร่างเขาคงถูกเผาไปแล้วด้วยซ้ำ

    "ถามตั้งหลายครั้งยังไม่เบื่อหรือไง? ฟุริฮาตะคุง..." นาเดะแสยะยิ้มออกมา "...แต่บอกคงไม่เป็นไรมั้ง? ยังไงนายก็จะเป็นของฉันแล้วนี่นา"

    "ฆ่าหักคอมันตอนนี้ได้ไหมเนี่ย?" อาคาชิที่แอบฟังอยู่กัดฟันกร๊อด...กล้าดียังไงมาทำกับโคกิแบบนี้!!!

    "รอสักเดี๋ยวเถอะครับ..." คุโรโกะที่อาการไม่ต่างจากอาคาชิเท่าไหร่นักเอ่ย...ยังไงเขาต้องรู้เหตุผลก่อนจะได้ทบต้นทบดอกถูก (?)

    "ก็เพราะ..." นาเดะเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ "...ฉันอยากได้ตัวนายไงล่ะ ฟุ - ริ - ฮา - ตะ - โค - กิ ฉันอยากเอาตัวนายมาอยู่ข้างๆ ฉัน ทั้งความใจดีทั้งรอยยิ้มของนาย ฉันอยากให้นายมาเป็นหนึ่งในวิญญาณรับใช้ของฉัน!"

    "วิญญาณรับใช้?" ฟุริฮาตะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

    "คือวิญญาณที่ไม่ว่าฉันสั่งอะไรก็ตามก็ต้องทำทุกอย่าง..." นาเดะเริ่มส่งสายตาน่าขนลุกให้ฟุริฮาตะ "...แม้ฉันบอกว่าให้มีอะไรด้วยนายก็ต้องทำ"

    "จะบ้าเหรอ!!! ฉันผู้ชายนะเฟ้ย!!!" ฟุริฮาตะอยากเป็นลมสักสิบตลบ...ให้ตายเถอะ! เขาว่าให้เขาไปลงนรกเลยยังง่ายกว่าอีก!!!

    "ฉันไม่เกี่ยงนิ" นาเดะตอบกลับทันควัน "แค่ฉันต้องการ...ไม่มีใครมาห้ามฉันได้หรอก!!!"

    "ล...แล้วนายบอก 'เป็นหนึ่งในวิญญาณ' แสดงว่ามีคนอื่นด้วย? อย่าบอกว่าทั้งหมดนั้น...นายใช้วิธีนี้ด้วย!?" ฟุริฮาตะพยายามใจดีสู้เสือ...แต่งานนี้เรียกว่าใจดีสู้คน*** (เดาเอง) มากกว่า

    "ถ้าบอกตามตรงคือใช่!" นาเดะหยิบขวดแก้วออกมาอีกนับสิบขวด "ทุกดวงต่างอยู่ใต้คำสั่งของฉัน! และไม่มีวันหลุดพ้นไปได้จนกว่าฉันจะตายฮาๆ!!!"

    "บ...บ้า...นายมันบ้าไปแล้ว!!!" ฟุริฮาตะมองคนที่ดูวิปลาสไปทุกทีอย่างขลาดกลัว...ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยเนี่ย!?!

    "อยากว่าอะไรก็ว่าไป...อีกไม่กี่วันนายก็ไม่มีวันขัดฉันได้แล้ว!" นาเดะเก็บขวดของวิญญาณดวงอื่นๆ ลงกระเป๋าไป "นายไม่มีวันเข้าใจหรอก...ว่าการกลายเป็นเจ้าชีวิตคนอื่นมันสะใจขนาดไหนและฉันคิดว่าคนใจดีอย่างนายไม่มีวันคิดที่จะเข้าใจด้วยใช่ไหมล่ะ?"

    ...ถ้าเข้าใจแล้วบ้าแบบนายล่ะก็...ไม่เอาด้วยหรอก...

    ฟุริฮาตะคิดในใจพร้อมหันซ้ายหันขวาหาทางหนีให้ได้...แต่ขวดโหลนี้เขาทุบแตกไม่ได้ แต่ต่อให้ทำได้เขาไม่แน่ใจว่าจะหนีเจ้าหมอกควันแปลกๆ เหล่านี้ได้ไหม?

    ระหว่างที่คิดอยู่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อหมอกควันที่มีรูปร่างเหมือนแมวนั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้...สายตาที่ดูเหมือนกระหายในการฆ่าฟันแทบทำให้ฟุริฮาตะสติหลุด "ห...หมอกควันนี้มันอะไรกัน?"

    "อะไรกัน? กลัวเจ้าพวกนี้เหรอ? ไม่ต้องกลัวหรอก เจ้าพวกนี้เป็นแค่สิ่งลี้ลับที่ฉันสร้างขึ้นจากไสยเวทย์แค่นั้นเอง...ถ้าไม่คิดหนีมันก็ไม่ทำอะไรหรอก" นาเดะลุกขึ้นยืน "อา...คงได้เวลากลับบ้านแล้วแฮะ...น่าเบื่อชะมัด"

    "ฆ่ามัน..." อาคาชิที่ฟังมาตลอดเอากรรไกรด้ามโปรดออกมาคล้ายจะเจื๋อนใครสักคนในตอนนี้

    "ฆ่าเลยครับ...ไม่ห้าม..." คุโรโกะหยิบปืน BB (ไปแวบขอจากคาเงโทระตอนไหนไม่รู้) ออกมา ดวงตาประกายอาฆาตเต็มที่

    "คงห้ามไม่อยู่แล้วล่ะ" โดเมกิมองคนผมแดงกับคนผมฟ้าที่ดูราวกับหลุดมาจากหนังสยิงขวัญ

    "นั่นสิ...โอ๊ะ!" วาตายุกิตอบกลับก่อนที่จะสะดุ้งขาตนเองจนล้มออกห่างจากโดเมกิ...ซวยแล้วไง!

    เหล่าหมอกควันในห้องเมื่อวาตานุกิออกห่างจากโดเมกิก็พากันพุ่งเข้าหาวาตานุกิราวกับนัดหมายกันมาก่อน ทำให้เจ้าตัวต้องพยายามหลบเต็มที่

    "ทำไมอยู่ๆ พวกนี้พุ่งออกมาเนี่ย!?" อาคาชิเอากรรไกรปักหัวเจ้าหมอกควันรูปงูจนไปชักกระแด๊กๆ กับพื้น

    "เพราะเมื่อกี้วาตานุกิออกห่างจากฉันเลยเผลอเรียกเจ้าพวกนี่มาน่ะ" โดเมกิตอบพร้อมถีบเจ้าหมอกควันทั้งหลายที่จะมากินวาตานุกิของเขา (?)

    "พวกแก! มาได้ไงกัน!?" นาเดะมองตาขวางมาที่อาคาชิ

    "อาคาชิ!" ฟุริฮาตะมองอาคาชิอย่างหวั่นๆ ...ไอ้มีคนมาช่วยเขาดีใจอยู่หรอก แต่ไอ้ต้องสู้กับสิ่งที่ไม่ใช่คนนี่อาคาชิจะกลับไปครบส่วนไหมเนี่ย! "หนีไป! เร็วเข้า!"

    "เรื่องสิ! อุตสาห์หาโคกิเจอแล้วจะปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้หรอก!" อาคาชิใช้กรรไกรฟาดฝันราวกับมีด...ซึ่งได้ผลน่ากลัวกว่ามีดจริงๆ อีก

    "คิดว่าจะตามฉันทันเหรอ? กว่าจะจัดการเจ้าพวกนี้ได้ฉันก็หนีไปไกลแล้ว!!!" นาเดะมองภาพที่อาคาชิฟัดกับเหล่าหมอกควันและหัวเราะ แต่ก็หัวเราะได้ไม่นานเมื่อมีของแข็งมาจ่อหัวศรีษะตนอยู่

    "เอาฟุริฮาตะคุง...คืนมาเดี๋ยวนี้เลยครับ..." คุโรโกะเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก ไกปืนถูกกดไปกว่าครึ่งแล้ว

    "คุโรโกะ..." ฟุริฮาตะมองเพื่อนผมฟ้าของตน...ถ้าให้เดาจากความชุลมุลนี้ทำให้ความจืดจางของคุโรโกะทำงานได้ดียิ่งกว่าเดิม ขนาดที่สิ่งที่ไม่ใช่คนมองไม่เห็นกันเลยทีเดียว

    "แก...รอดจากเจ้าพวกนั่นได้ไง?" นาเดะเอ่ยออกมาอย่างไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไรเลย

    "ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ..." คุโรโกะเอ่ย "เอาฟุริฮาตะคุงคืนมา..."

    "ถ้าทำได้ก็...เฮ้ย!" นาเดะที่กำลังจะเรียกเหล่าหมอกควันมาช่วยถึงกับหลุดร้องเสียงหลง เมื่อมีบางอย่างดำๆ คว้าขวดโหลที่ใส่วิญญาณของฟุริฮาตะไว้

    "วาตานุกิ๊! ได้ขวดแล้ว! หนีกันเถอะ!" ก้อนมันจูสีดำตะโกนลั่น...คุโรโกะเองก็เกือบหลุดร้องออกมาด้วยเพราะลืมว่ายูโกะโยนเจ้านี้มาให้ด้วย

    "โมโคน่า! คุโรโกะคุงทางนี้เร็ว!" วาตานุกิเรียกให้หนึ่งคน หนึ่งตัวและอีกหนึ่งตนวิ่งมารวมตัวกัน โดยที่ตอนนี้ตนกำลังขี่อยู่บนหลังจิ้งจอกกระบอก (ในร่างจิ้งจอกเก้าหาง)

    "ครับ!" คุโรโกะรีบคว้าโมโคน่าวิ่งไปทางวาตานุกิทันที

    "ไม่มีทางให้หนีหรอก!!!" นาเดะคำรามเสียงดังพร้อมกับเรียกหมอกควันทั้งหลายออกมาอีกจำนวนมากปิดทางหนีไว้จนหมด

    "เอาไงดี? จัดการให้หมดเลยดีไหม?" อาคาชิเตรียมตัวที่จะสู้

    "คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะครับ..." คุโรโกะยิงลูกปืนใส่พวกที่พุ่งเข้าหา

    "แต่ถึงอย่างนั้นหมอนั่นก็เรียกออกมาได้เรื่อยๆ อีกนั่นแหละ" วาตานุกิก้มหลบพร้อมกับที่จิ้งจอกกระบอกพ่นไฟใส่เหล่าหมอกควัน

    "งั้นเอาไงดี?" โดเมกิเอาไม้จากไหนไม่รู้ฟาดใส่สิ่งที่จะมาเขมือบวาตานุกิ (หวงจริงๆ นะ นายเนี่ย // s , อื้ม // โดเมกิ , ไม่ปฏิเสธเลยเนอะ // s)

    "ช่วยไม่ได้อ่ะน่ะ" โมโคน่ายื่นขวดโหลให้อาคาชิถือ ซึ่งอาคาชิก็รับมาอย่างงงๆ "มารวมกันข้างหลังเค้านะ!"

    ถึงแม้ไม่เข้าใจว่าโมโคน่าจะทำอะไรแต่ก็ยอมไปกระจุดด้านหลังโมโคน่าที่เป็นกำแพง จนแทบจะกลายเป็นจิ้งจกเกาะผนัง

    "ฮุ้ม!!!" โมโคน่าอ้าปากกว้างสูดลมเข้าปาก...พร้อมกับพวกหมอกควันทั้งหมด "ขอบคุณสำหรับอาหารคร้าบ!!!"

    "...เกือบลืมไปเลยว่าโมโคน่าทำแบบนี้ได้" วาตานุกิจำได้ว่าเคยเห็นคล้ายๆ แบบนี้ครั้งหนึ่งเหมือนกันตอนเล่าร้อยเรื่องผี (ไปหาดูเอาเองจ้า อยู่ในภาค 1 นั้นแหละ)

    "พวกนั้นไปแล้ว...งั้นขออัดเจ้าบ้านั้นทีเถอะ!" อาคาชิยื่นขวดโหลให้วาตานุกิถือพร้อมเดินไปหาเด็กหนุ่มที่ยืนอึ้งอยู่พร้อมกับคุโรโกะ และไม่นานเกินรอก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา วาตานุกิจึงเลือกลากโดเมกิ โมโคน่าและจิ้งจอกกระบอกออกมารอด้านนอกแทน

    ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงอาคาชิกับคุโรโกะก็เดินกลับมา...ด้วยสีหน้าสะใจมากมายจากการได้อัดคนให้หายแค้น

    "วาตานุกิซัง...แล้วเราจะกลับยังไงครับ?" คุโรโกะเอ่ยถามพร้อมรับขวดแก้วที่ฟุริฮาตะอยู่คืนมา

    "อันนี้ถามโมโคน่าเถอะ ฉันก็โดนจับโยนมาเหมือนกัน..." วาตานุกิอุ้มโมโคน่าขึ้นมาในระดับสายตา "...ว่าไงโมโคน่ารู้หรือเปล่า? หรือให้นั่งรถไฟกลับ?"

    "ยูโกะลงคาถาไว้ที่ถุงมือน่ะ แค่โยนลงพื้นก็จะกลับไปที่ที่ยูโกะอยู่แล้วล่ะ" โมโคน่าบอกพร้อมกระดิกหูอย่างน่ารัก

    ไม่รอช้าคุโรโกะกับอาคาชิรีบถอดถุงมือโยนลงพื้นทันที และผลที่ได้คือ...หลุมขนาดใหญปรากฏที่ใต้เท้าพวกเขาทำให้ร่วงลงไปโดยไม่ทันร้องสักแอะ

    "ยูโกะซังแกล้องกันอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย!?" วาตานุกิแว๊ดลั่นขณะที่ร่วงลงไปเรื่อยๆ อย่างดูไม่มีจุดหมาย

    "เอาน่าๆ ยังไงก็ถึงจุดหมายเหมือนกันแหละ!" โมโคน่ายิ้มร่า

    "แล้วเมื่อไหร่จะถึงพื้นล่ะครับเนี่ย?" คุโรโกะเอ่ยถาม โดยไม่ทันที่สมองจะประมวลอะไรได้มากว่านั้น ทุกคนก็เห็นแสงสว่างเบื้องล่างและ...

    โครม!!!

    ร่างร่วงหล่นสู่พื้นอย่างไม่เป็นท่า เว้นเพียงอาคาชิ ฟุริฮาตะในขวดโหลที่อาคาชิฉกจากคุโรโกะก่อนถึงพื้น จิ้งจอกกระบอก และโมโคน่าเท่านั้น นอกนั้นหล่นลงมาไม่เป็นท่ากันหมด

    "อูย~~ เจ็บ..." วาตานุกิค่อยดันตัวขึ้นและก็แทบไมเกรนขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เช่นเดียวกับทั้งคนที่เพิ่งลุกทั้งคนที่ลงดีๆ

    "งาย~~ วาตานุกิ~ ทำกับแกล้มให้หน่อยดิ~~" ยูโกะในสภาพเมาหัวราดน้ำกวัดมือเรียก ข้างๆ มี...คนเมาเพียบ

    "ยูโกะซัง!!! ไหงเมาแบบนี้ล่ะครับ!!! ไหงว่าจะไปทำงานไง!?!" วาตานุกิแว๊ดลั่น...ที่สำคัญไหงเมากันเกลื้อกแบบนี้!!!

    "ทำแล้ว~~ เสร็จแล้วด้วย~~" ยูโกะตอบพร้อมส่งสายตามาว่ารีบทำกับแกล้งมาให้ตนเสียที

    "ใครช่วยบอกทีสิ...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?" อาคาชิดูแล้ว...สภาพแต่ล่ะคนเนี่ยดูไม่จืดกันทั้งนั้น...

    เริ่มแรกเลยคือเหล่าคนในทีมราคุซันโคทาโร่นอนกอดมิยาจิที่สบถออกมาเหยียด มายุสุมิกับมิบุจิกอดกันอย่างออดอ้อน เนบุยะนอนกรนเสียงดัง

    ถัดมาคือทีมเซย์ริน คางามิ คิโยชิ ฮิวงะนอนกอดกันกลม มิโตเบะกับโคงาเนะนอนกอดกัน คาวาฮาระกับฟุคุดะนอนอยู่ข้างกำแพงแบบกลัวคนเดินมาเหยียบ ริโกะนอนพิงอยู่กับโมโมอิ อิสึกินอนบนตักโมริยามะที่นั่งหลับอยู่ สึจิดะนอนกับเบอร์สองที่ดูเหมือนจะเมาเหมือนกัน

    ทางด้านทีมไคโจว คิเสะโวยวายอะไรไม่รู้คนเดียวโดยมีอาโอมิเนะกอดเอวคิเสะร้องไห้อยู่ คาซามัตสึนอนพิงอิมาโยชิที่ยังดูลั้นล้าปกติอยู่ โคโบริกับใครอีกสองคนที่เราจำชื่อไม่ได้กำลังนอนเอาหัวชนกันอยู่ราวกับกำลังเล่นหัวล้านชนกัน

    ทีมโยเซ็น มุราซากิบาระแก้ผ้าเกือบหมดโดยมีฮิมุโระนั่งมองเงียบๆ ต่างจากปกติที่ต้องดุคนผมม่วงแล้ว ฟุคุอิที่ดูจะไม่เมามากพยายามปราบคนที่เหล้าเข้าปากแล้วนิสัยเหมือนเด็กซึ่งก็คือหลิวกับโอคามุระนั่นเอง

    เหล่าทีมโอโทวก็พอกัน วากามัตสึที่ปกติโวยวายเงียบจนน่าขนลุก ซากุไรที่ปกติมักขอโทษตลอดกลับคุยกับวากามัตสึอย่างไม่มีติดขัดอะไร ซูสะเมาแล้วก็ไปเดินจมกลมรอบๆ ห้อง

    สุดท้ายคือทีมซูโตกุ โอสึโบะนอนแผ่แบบไม่กลัวใครเดินมาเหยียบ คิมุระที่เมาน้อยหน่อยเอาผลไม้นานาชนิดจากไหนไม่รู้เอาไปให้มิยาจิจะได้ส่างเมาลงบ้าง ส่วนทาคาโอะอ้อนมิโดริมะที่ดูปกติชนิดไม่มีอาการคนเมาเลย

    ด้านเหล่าโค้ชทั้งหลายก็นั่งกินกันสบายๆ ตามประสาผู้ใหญ่ โดยที่พ่อของฟุริฮาตะน็อกไปแล้ว นอนบนตักภรรยาตนเอง...

    "คือ...พอยูโกะซังส่งพวกนายเสร็จก็มานั่งกินเหล้าโดนลากทุกคนมากินด้วย สักพักหลังจากนั้นลูกค้าของยูโกะก็มา...บอกตามตรงนะฉันไม่ค่อยอยากเชื่อสิ่งที่เห็นเลยและไม่อยากเข้าใกล้ด้วย..." มิโดริมะดันทาคาโอะลงกับตักตนเป็นเชิงบอกว่าให้นอนได้แล้ว

    "ทำไมล่ะ? ลูกค้าเป็นแมวหรือไง?" อาคาชิถามอย่างติดตลกเล็กน้อยแต่...

    "ใช่...แมว...แมวยืนสองขาเหมือนคนแถมยังพูดได้อีก..." มิโดริมะที่ไม่ชอบแมวทำหน้าแหยะๆ

    "ลูกค้าของยูโกะซังมีทุกแบบเลยแฮะ" อาคาชิคิดว่าฟังน่าสนใจดีและ...สงสารเพื่อนผมเขียวของตนเล็กน้อย เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบแมว "แล้วไงต่อล่ะ? เอาเป็นหลังลูกค้าคนที่ว่ากลับไปแล้ว"

    "ก็โดนยูโกะซังลากมาดื่มต่อจนเมาเละนี่แหละ..." มิโดริมิตอบพร้อมดันหัวทาคาโอะที่จะมาจูบตน...เฮอะ! ถ้าเป็นที่บ้านล่ะก็พรุ่งนี้นายลุกไม่ขึ้นแน่!!!

    "แล้วคุณไม่โดนจับดื่มด้วยหรือไงครับ?" คุโรโกะมองเศษซากรอบๆ (?) ก่อนที่จะควัดมือถือออกมาถ่ายเหล่าคนเมาทั้งหลาย

    "โดนสิ...แถมดื่มเยอะพอๆ กับยูโกะซังอีก" มิโดรืมะเป็นรายแรกๆ ที่โดนยูโกะเอาเหล้ากรอดปาก

    "แสดงว่าคุณคอแข็งพอดูเลยนะครับ..." คุโรโกะเมื่อถ่ายเหล่าเหยื่อ (?) เสร็จหมดแล้วก็เก็บมือถือเข้ากระเป๋าดังเดิม "...ยูโกะซัง...จะทำไงให้วิญญาณฟุริฮาตะคุงกลับเข้าร่างครับ?"

    คำถามของคุโรโกะทำให้ทุกชีวิตที่ยังมีสติสตางค์กันอยู่หันไปมองยูโกะอย่างพร้อมเพรียง ยูโกะเองก็กระดกเหล้าอย่างไม่รู้สึกรู้สาก่อนที่จะเอ่ยออกมา "เธอแค่ปล่อยเพื่อนเธอออกมาจากสิ่งที่ขังเพื่อนเธออยู่วิญญาณก็จะเด้งกลับเข้าร่างเองแหละ"

    ...อื้ม...ง่ายดีแฮะ...

    อาคาชิเมื่อได้ยินคำตอบก็เปิดขวดโหลในมือทันที และเมื่อเปิดออกร่างวิญญาณของฟุริฮาตะก็หายไปจากขวดโหลพร้อมกับ...

    ก๊อกๆๆๆ!

    เสียงเคาะดังขึ้นจากในโลงศพ อาคาชิ คุโรโกะและคุณนายฟุริฮาตะที่ผลักสามีตนลงพื้นทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะจากโลงที่ใส่ร่างลูกชายตนไว้ ทั้งสามช่วยกันเปิดฝาโลงออกอย่างรวดเร็ว...และเมื่อฝาโลงเปิดออกร่างที่ภายในก็โดดออกมาจากโลงทันควัน โดยมีอาคาชิกลายเป็นเบาะรองรับให้ตน

    "...ในโลงนี้น่ากลัวชะมัด" ฟุริฮาตะ โคกิบ่นเล็กน้อยก่อนที่จะลุกออกจากอาคาชิเสียแต่...อาคาชิเล่นคว้าหมับเข้าที่เอวของฟุริฮาตะ "อาคาชิ...เล่นอะไรเนี่ย? ปล่อยฉันก่อนเถอะ..."

    "ฉันคิดถึงโคกินิ" อาคาชิดูท่าไม่ยอมปล่อยแน่

    "ขี้โกง..." คุโรโกะมากอดฟุริฮาตะอีกคน "...ให้ผมกอดฟุริฮาตะด้วยคนสิครับ"

    "โคกิ~~!!! แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย~~!!!" คุณนายฟุริฮาตะกอดหมับลูกชายตนพร้อมร้องห่มร้องไห้

    "..." ฟุริฮาตะที่เห็นแบบนี้ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ...ก็เข้าใจนะว่ารู้สึกยังไง ก็เขาเล่นตายไปซะสามวันเลยนิ

    "ฟุริ!!!" เสียงประสานของเหล่าทีมเซย์รินที่ตื่นจากอาการเมาเมื่อไหร่ไม่ท่านวิ่งเข้ามากอดฟุริฮาตะพร้อมกับพ่อของฟุริฮาตะที่หวิดโดนเหยียบ

    สุดท้ายกลายเป็นว่าฟุริฮาตะ โคกิต้องทำหน้าที่ปลอบคนทั้งพ่อแม่ตัวเองทั้งคนในทีมตนจนสำเร็จในที่สุด...

    หลังจบเรื่องยูโกะก็ได้ลากทุกคนมากินเหล้าเป็นเพื่อนต่อโดยที่ฟุริฮาตะอาสาไปทำกับแกล้งกับวาตานุกิและเมื่อกลับมา...ก็ได้เห็นภาพแปลกตาเมื่อเห็นอาคาชินั่งคอพับคออ่อนอยู่ข้างกำแพง ส่วนคุโรโกะก็ขำเป็นบ้าเป็นหลักอยู่คนเดียว

    "ใจคอคุณจะกรอดเหล้าเข้าปากทุกคนเลยหรือไงครับ?" วาตานุกิบ่นขึ้นเมื่อเห็นผลงานของยูโกะ พร้อมวางจานกับแกล้มต่างๆ ลงบนโต๊ะ

    "ใช่...และใกล้สำเร็จแล้วด้วย เหลือพวกนายสองคนเนี่ย..." ยูโกะยิ้มพร้อมกับเอาเหล้ายัดปากวาตานุกิจนเกิดความชุลมุลเล็กๆ ขึ้น

    "เอ่อ...ยูโกะซัง..." ฟุริฮาตะเรียกหญิงสาวที่ดูสนุกกับการแกล้งคนอื่น

    "หือ? มีอะไรเหรอ..." ยูโกะยกยิ้ม

    "...คุณยัดเหล้าเข้าปากอาคาชิอีกท่าไหนครับเนี่ย?" ฟุริฮาตะไม่คิดหรอกนะว่ายูโกะจะใช้วิธีเดียวกับวาตานุกิหรอก

    "ไม่ได้ยัดเสียหน่อย แค่ท้าว่าแน่จริงให้ดื่มดูน่ะ" ยูโกะหยิบทอดมันมากิน

    "..." ฟุริฮาตะยิ้มเจื่อนๆ ...เขารู้ว่าอาคาชินั้นเกลียดความพ่ายแพ้ดังนั้นถูกท้าแบบนี้อาคาชิย่อมรับคำท้าแน่

    "ว่าแต่...เหลือแค่เธอแล้วนะ~~ ฟุริฮาตะคุง~~~" ยูโกะลากเสียงยาว ทำให้ฟุริฮาตะชักเหงื่อตก...คาดว่าความซวยคงเข้ามาหาอีกแน่ "มามะ มาดื่มกัน..."

    ฟิ้ว...หมับ!...

    ก่อนที่ยูโกะจะเข้าใกล้ฟุริฮาตะก็มีมือสองมือคว้าตัวฟุริฮาตะออกห่างทันที "กรุณาอย่าบังคับโคกิ / ฟุริฮาตะคุงสิครับ!!!"

    "พวกเธอนี่สามัคคีกันสร่างเมากันจังเลยนะ...แค่เห็นว่าฟุริฮาตะคุงจะดื่มเหล้าแค่นั้นเองนะ" ยูโกะทำหน้ามุ่ย แต่ดวงตาที่เปล่งประกายออกมาบ่งบอกว่าเจ้าต้วเดาได้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ "ไม่ให้ฟุริฮาตะคุงดื่มแล้วก็ได้ แล้ว...ฟุริฮาตะคุงไหงตั้งแต่กลับเข้าร่างเนี่ยทำหน้าเหมือนกลุ้มใจอย่างนั้นล่ะ?"

    "คือ...ผมเป็นห่วงวิญญาณดวงอื่นที่ถูกจับไปเหมือนผมน่ะครับ...ถูกขังแบบนั้นมัน..." ฟุริฮาตะรู้ดีว่าการถูกขังแบบนั้นมันรู้สึกแย่แค่ไหน

    "ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ฟุริฮาตะคุง..." คุโรโกะเอ่ยขึ้นมาเมื่อรู้สาเหตุที่คนที่ตนรักกลุ้มใจอยู่นั้นคืออะไร

    "...เพราะฉันกับเท็ตสึยะตอนตื้บเจ้าบ้านั้นเผลอปัดขวดที่ใส่วิญญาณพวกนั้นแตกหมดเลย คงจะไปเกิดหมดแล้วล่ะ" อาคาชิเอ่ยต่อจากคนผมฟ้า "และไม่ต้องห่วงว่ามันจะทำแบบนี้กับใครอีก เพราะตอนที่นายไปทำกับแกล้ฉันขอให้ยูโกะซังช่วยทำให้หมอนั่นไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้อีกแล้ว"

    ...โดยใช้นาฬิกาเรือนโปรดของเขา กับหนังสือเล่มโปรดของเท็ตสึยะเป็นข้อแลกเปลี่ยน...

    อาคาชิต่อความจริงในใจตน โดยไม่คิดบอกเรื่องนี้ให้ฟุริฮาตะรู้

    "และเมื่อถึงมือฉันไม่ต้องห่วง...ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นแน่!" ยูโกะยกนิ้วให้อย่างบอกว่ามั่นใจได้เลย

    "งั้นเหรอครับ...ดีจัง..." ฟุริฮาตะแย้มยิ้มออกมา

    "...ฉันเข้าใจล่ะว่าทำไหมสองคนนี้ถึงหวงเธอนัก" ยูโกะมองเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล...ให้ตายเถอะ ไม่ค่อยได้เจอคนที่แสดงทุกอย่างออกทางสีหน้าแบบนี้เลยแฮะ แถมจิตของเด็กนี้ยังบริสุทธิ์อีก เป็นคนในแบบที่หายากจริงๆ

           ยูโกะเบือนสายตาไปที่เด็กหนุ่มอีกสองคน...ท่าทางถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นต่อให้เธอให้ไปทวงถึงนรกสองคนนี้ก็ทำแฮะ

    "เอ้าๆ! มาดื่มกันต่อเถอะ!" ยูโกะยื่นแก้วให้เด็กหนุ่มผมแดงและฟ้าโดยยอมปล่อยฟุริฮาตะไม่ต้องดื่มได้อยู่คนเดียว...

    ...และมิโดริมะก็ไม่รู้วิธีใดทำให้ยูโกะยอมปล่อยให้กลับบ้านไปก่อนได้โดยลากทาคาโอะไปด้วย ก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่ต้องดื่มเหล้าต่างน้ำเป็นเพื่อนยูโกะ

    เวลาผ่านไปจนกระทั่งเมาเละกันไปหมดเหลือเพียงฟุริฮาตะกับโดเมกิค่อยเก็บกวาดอยู่สองคน ทั้งสองค่อยๆ เก็บสถานที่และค่อยๆ ลากเหล่าคนเมาไปนอนในห้องที่โดเมกิซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่จัดไว้จนเหลือเพียงสองคน...อาคาชิกับคุโรโกะนั้นเอง

    ฟุริฮาตะพาทั้งสองไปที่ห้องอย่างไม่ยากเย็นอะไรเพราะเมื่อฟุริฮาตะเอ่ยขอทั้งสองก็ลุกขึ้นมาเดินตามดีๆ จนมาถึงห้อง...เด็กหนุ่มทั้งสองก็พุ่งเข้ากอดฟุริฮาตะจนล้มกลิ้งไปบนฟูก

    "โอ้ย...เล่นอะไรกันนี่?" ฟุริฮาตะมองเพื่อนทั้งสองที่ตอนนี้...กอดเอวเขาอยู่ ดวงตาที่ปิดสนิกบ่งบอกว่าหลับไปแล้ว

    "อย่าไป..." คุโรโกะละเมอออกมา "...อย่าทิ้งผมนะ...ฟุริฮาตะคุง"

    "โคกิ...ถ้าไม่มีนาย...ฉัน..." อาคาชิกำเสื้อฟุริฮาตะแน่น "...ฉัน...ไม่อยากอยู่ต่อ...โดยไม่มีนาย..."

    "โอ๋ๆ ไม่เป็นอะไรนะ..." ฟุริฮาตะลูบหลังทั้งสองเบาๆ "...ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่เป็นไรหรอก"

    ในคืนนั้นฟุริฮาตะตัดสินใจนอนด้วยกันกับอาคาชิและคุโรโกะ...พอตกดึกเด็กหนุ่มทั้งสองที่ควรหลับไปแล้วลุกขึ้นมามองยังร่างผมสีน้ำตาลที่หลับสนิก พวกเขาไม่ได้หลับอย่างที่ฟุริฮาตะเข้าใตอนที่พวกเขาเมานั้นแค่เกือบหลับเท่านั้ สติอันเลือนรางยังจำได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งมาให้ ทั้งสองจุมพิศแก้มขาวเนียนของฟุริฮาตะเบาๆ แทนคำขอบคุณก่อนที่กลับไปนอนดังเดิม...

    สำหรับพวกเขาแล้วฟุริฮาตะ โคกิคือแสงสว่างที่จะเป็นสิ่งที่ชักนำให้พวกเขาเจอกับวันใหม่ที่สดใสได้...และพวกเขาจะไม่มีวันยอมสูญเสียไปอีกเด็ดขาด ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่พวกเขาได้หมดลมหายใจลงไป

     

     

     

     

     

     

     

    End

     

    อ่ะ! แถมให้หน่อยนึ่ง

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ฟุริฮาตะฟื้นคืนจากความตาย มิโดริมะก็ได้จัดการแก้เอกสารและข่าวการตายของฟุริฮาตะแล้ว โดยอ้างว่า 'มีคนปองร้ายฟุริฮาตะทำให้ต้องปล่อยข่าวว่าฟุริฮาตะตายแล้วเพื่อความปลอดภัย จนตอนนี้จับตัวคนให้ได้แล้ว' เลยทำให้ฟุริฮาตะกลับมาเรียนได้ตามปกติ

    เมื่อถึงวันที่ห้าของการกลับมาเรียนของฟุริฮาตะ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ในงานศพวันนั้นต่างได้จดหมายกัน เว้นเพียงฟุริฮาตะคนเดียว...และเมื่อเปิดซองออกมาก็แทบกริ๊ด (?) กันเป็นแถบๆ เมื่อภาพที่ส่งมาคือ...

    ...ภาพตอนที่ทุกคนเมานั้นเอง

     

     

     

     

     

    ทางเซย์ริน

    "นี่มันอารายกานนนน!!!" ฮิวงะกับคางามิร้องประสานเสียงกันเมื่อเห็นภาพตนนอนกอดคิโยชิกันกลม

    "แหมๆ รูปดีด้วยน่าเอาไปขยายนะเนี่ย..." คิโยชิมองรูปในมือยิ้มๆ....เขาไม่รังเกียจที่ถูกรุ่นน้องตนกอด และกับฮิวงะเขาเต็มใจให้กอดเลยล่ะ

    "อย่าขยายเชียวนะ!!!" ฮิวงะกับคางามิแว๊ดพร้อมจะแย่งรูปถ่ายในมือคิโยชิมา แต่คิโยชิชักมือหลบทัน และจากนั้นก็ได้เกิดสงครามแย่งชิงรูปเกิดขึ้น

    "..." มิโตเบะหน้าแดงเมื่อเห็นรูปที่ถูกส่งมา...รูปที่ตนกอดกับโคงาเนะ

    "...นั้นสิ...อายชะมัด..." โคงาเนะพยักหน้าเห็นด้วย...แต่ยังดีที่ตนแค่กอดกับแฟนตัวเอง

    "เฮอะๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย..." อิสึกิดูท่าจะซ็อตเล็กน้อยกับรูปถ่ายที่ตนนอนหนุนตักโมริยามะ "...รู้ถึงไหนอายถึงนั้นแน่"

    "โชคดีอย่างน้อยเราก็แค่หลับท่าแปลกๆ เฉยๆ" คาวาฮาระ ฟุคุดะ และสึจิดะรู้สึกโล่งอกที่ตนไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ตอนเมา

    "ฉันไปนอนกับโมโมอิได้ไงเนี่ย?" ริโกะคุมขมับกับภาพที่เห็นตนนอนพิงโมโมอิอยู่...แต่ก็ดีกว่าทำอะไรประหลาดๆ ล่ะนะ

    "ผมเป็นขนาดนี้เลยเหรอ?..." คุโรโกะมองภาพในมือตน...ของเขาได้มาเป็นเมโมรี่การ์ เมื่อนำมาเปิดดูก็พบกับภาพที่ตนหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลักอยู่คนเดียวและที่อายยิ่งกว่านั้นคือ...ฟุริฮาตะคุงดันเห็นด้วยล่ะสิ!!! "...ชักอยากเอาหน้ามุดดินจัง"

    ...กรรมจากที่เขาเคยถ่ายรูปทุกคนมาให้ดูเล่นใช่ไหมเนี่ย?...

    "เอาน่าๆ" ฟุริฮาตะตบไหล่ปลอบเพื่อนผมฟ้าของตน...

    ...ตอนแรกเขาก็งงอยู่ว่าทำไมทุกคนได้รับจดหมายพร้อมกันยกเว้นเขา ที่แท้เพราะเขาไม่ได้ดื่มด้วยเลยไม่มีรูปตอนเมาส่งมาให้นั้นเองและคนส่งคงไม่ใช่ใครนอกจากยูโกะซังนั้นแหละ ถ้าให้เดา...คงส่งให้ครบทุกคนเลยมั้ง?

     

     

     

    ทางราคุซัน

    "นี่มัน..." อาคาชิมองรูปตนที่นั่งหลับคออ่อนคอพับอยู่ข้างผนังด้วยสายตานิ่งๆ ส่วนในใจนั้น...อายสุดขีด! นี่โคกิเห็นท่าทางแบบนี้ของเขาเหรอ!?!

    "ว้าว! ดูดีนะเนี่ย..." มิบุจิมองรูปที่ตนนอนกอดคนผมเงิน...คงจะไม่ได้เห็นมายุซังทำท่าอ้อนแบบนี้ง่ายๆ อีกแน่!!! จะใส่กรอบรูปนี้ไว้อย่างดีเลย!!!

    "...จะบ้าตาย" มายุสุมิทำท่าหมดอาลัยตายอยากเมื่อเห็นภาพที่ตนนอนกอดมิบุจิอยู่...ใครมันถ่ายมาฟะ!!!

    "อื้ม..." เนบุยะมองรูปตนที่นอนอยู่กับพื้น...นอกจากนอนไม่เป็นที่เป็นทางเขาก็ดูเหมือนตอนนอนปกติ เลยไม่รู้สึกอะไรมาก

    "...งานนี้ได้กำไรแฮะ" ฮายามะมองรูปที่ตนกอดเอวอีกฝ่ายอย่างยิ้มๆ รู้สึกว่าดีจริง...ถึงจำไม่ได้แต่เขาก็ได้กอดมิยาจิซังล่ะ!!!

     

     

     

     

     

    ทางไคโจว

    "น...นี่มัน...อ...อะไรกัน!!!" คาซามัตสึแทบจะสมองหยุดทำงานเมื่อเห็นรูปในจดหมายที่ถูกส่ง...รูปที่เขานอนพิงอิมาโยมาโยชิ

    ...อ๊ากกกก!!! อยากมุดดินหนีเฟ้ย!!! ถ้าเจอกันครั้งหน้าจะตีหน้ายังไงฟะ!!!...

    "..." คิเสะนิ่งเงียบด้วยความซ็อกเมื่อเปิดเมโมรี่การ์ที่ได้รับและเห็นภาพตนเองที่โวยวายอะไรไม่รู้คนเดียว...แต่นั้นไม่น่าซ็อกเท่ารูปอาโอมิเนะที่กอดเอวเขาร้องไห้อยู่!!! พระเจ้า! นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย!? อย่างอาโอมิเนะ ไดกิเนี่ยนะ!?

    "รูปนี้ฉันจะขยาย..." โมริยามะดูดี้ด้าเมื่อเห็นรูปตนนั่งหลับโดยมีอิสึกินอนหนุนตักอยู่! รูปแบบนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว!!! อิสึกิไม่มีทางยอมทำอย่างนี้เป็นครั้งที่สองแน่!!! จะเก็บไว้อย่างดีเลยคอยดู!!!

    "อย่างน้อยของพวกเราก็แค่หลับล่ะนะ..." โคโบริยิ้มบางๆ ให้กับรุ่นน้องสองคนของตนที่ได้รับรูปเดียวกันคือ...นอนเอาหัวชนกันอยู่

     

     

     

     

     

    ทางโอโทว

    "นี่มันอะไรกันฟะ!!!" วากามัตสึกับอาโอมิเนะร้องประสานเสียงกันเมื่อเห็นภาพจองตน

    "ใครมันถ่ายฟะ!!!" อาโอมิเนะหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไง...เขาได้รับเมโมรี่การ์ที่เขากอดเอวคิเสะร้องไห้อยู่ โอ้ย! ถ้าเจ้าบ้านั้นเห็นจะทำไงดีฟะ!!!

    "ไหงฉันทำหน้าบื้อแบบนี้ฟะ!!!" วากามัตสึที่ได้รับเมโมรี่การ์อีกคนมองภาพตนที่นั่งเงียบ...เงียบจนตัวเขาเองยังขนลุกเลย! ไม่เคยคิดเลยว่าแค่เห็นภาพตัวเองเงียบแบบนี้จะเป็นอย่างนี้!!!

    "ขอโทษครับๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!" ซากุไรที่ได้รับเมโมรี่การ์เหมือนกันเมื่อเห็นภาพตนที่พูดมากจนแทบจะตบหัววากามัตสึแล้ว ก็เอาแต่ขอโทษจนเหมือนเทปวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่คำเดียว

    ส่วนซูสะมองภาพตนเดินจมกลมนื่งๆ ...เอาเถอะ!!! อย่างน้อยก็แค่เดินจมกลมล่ะ!!!

    "ว้าว! ฉันได้นอนกับริโกะซังด้วยล่ะ~~" โมโมอิมองภาพที่ตนนอนพิงกับริโกะ...แบบนี้ต้องขยายติดฝาห้องเลย!!!

    "เอ๋~~ รูปนี้...ต้องเก็บใส่กรอบ!!!" อิมาโยชิมองรูปที่ตนนั่งให้คาซามัตสึพิง...น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาจำอะไรไม่ได้ แต่ได้รูปนี้มาถือว่าคุ้ม!!!

     

     

     

     

     

    ทางโยเซ็น

    "..." ทั้งทีมต่างเงียบเมื่อเห็นภาพของตน...หรือพูดอีกอย่างที่อึ้งกึมกี่

    "นี่ฉันเหรอ?" ฟุคุอิเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบคนแรก มองพาพในมือตนที่นอนกอดหลิวอยู่...มันรูปตอนไหนฟะ!? เขาจำได้ถึงทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กเอง!!!

    "...ฉันทำตัวขนาดนี้เลยเหรอ?" โอคามุระที่ได้รับเมโมรี่การ์มองรูปตนที่งอแงใสฟุคุอิอยู่ด้วยความรับตัวเองไม่ได้

    "อั๊วอยากจะบ้า..." หลิวที่ได้รับเมโมรี่การ์เหมือนกันมองภาพที่ตนงอแงพยายามอ้อนฟุคุอิ...ก่อนที่จะเอาตะกร้าจากไหนไม่รู้มาคลุมหัว

    "อื้ม~~ ฉันทำเหรอ?" มุราซากิบาระมองรูปที่ตนแก้ผ้าเกือบหมดอย่างอายนิดๆ ...ไม่ได้อายใครนะ อายฮิมุโระนั้นแหละ

    "..." ฮิมุโระยังพูดไม่ออกเขามองภาพตนเองที่นั่งนิ่งราวคนวิญญาณหลุดอกจากร่างของตนอยู่ ช่างดูอันตรายแก่เขานัก

    เมื่อก่อนขนาดสติเต็มร้อยไปเดินตอนกลางคืนยังเกือบโดนลากเข้ามุมมืด แล้วนี้ถ้าดื่มแล้วเป็นแบบนี้มีหวัง...ไม่อยาจะคิดเลย

    ...เขาจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว!!!...

     

     

     

     

     

    ทางซูโตกุ

    "นี่มันอะไรกัน?..." โอสึโบะมองภาพที่ตนที่นอนไม่เป็นที่เป็นทางในรูปอย่างอึ้งเล็กน้อย...ใครมันถ่ายมาเนี่ย!?

    "...นี่ฉันเผลอเมาไปด้วยสินะ?" คิมุระมองภาพตนที่นอนกอดแตงโมด้วยท่าทางน่าอนาถรใจ เขาจำถึงแค่หลังจากเอาผลไม้ไปให้มิยาจิเท่านั้นเอง

    "...ใครก็ได้เอาปิ๊บมาคลุมหัวฉันที" มิยาจิที่ได้รับเมโมรี่การ์มองภาพตนที่สถบไม่เป็นภาษาโดยมีฮายามะกอดเอวเขาอยู่

    "...ฉ...ฉันทำแบบนี้ต่อหน้าทุกคนเหรอ!?" ทาคาโอะแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นภาพตนจูบปากมิโดริมะแบบไม่แคร์สื่อ!!!

    "..." มิโดริมะนิ่งอึ้งเมื่อเมโมรี่การ์ที่ตนได้รับคือ...ภาพที่เขาทำกับทาคาโอะตอนกลับไปถึงบ้าน...ถ่ายมาได้ไงเนี่ย!? แถมมีข้อความแนบมาด้วยแหนะ

    'ถือเป็นค่าตอบแทนที่ฉันให้เธอกลับไปก่อนแล้วกันนะ~~ มิโดริมะคุง~~'

    ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าใครเป็นคนส่งมา...ช่างเป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ชาตินี้ทั้งชาติเขากล้าบอกเลยว่าจะไม่เป็นศัตรูกับยูโกะเด็ดขาด!!!

     

     

     

     

     

    ทางยูโกะ

    "ยูโกะซัง!!! นี่หมายความว่างายยยย!!!" วาตานุกิโวยขึ้นเมื่อได้รับภาพ...ที่เขากอดกับโดเมกิ...เดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือใคร

    "ก็อย่างที่เห็นแหละ...ถือเป็นค่าตอบแทนจากความเหนื่อยที่ต้องมากแสดงน่ะ" ยูโกะยิ้ม "ฉันเลยให้ชิโกะเอารูปที่ถ่ายตอนเมาทุกคนไปให้เจ้าตัวน่ะ ผลที่ได้น่าพอใจเลยล่ะ...แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายของพวกนั้นไว้ด้วย (โค้ชของทั้งหกทีมกับพ่อแม่ของฟุริฮาตะ) ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้แน่"

    "มันสนุกตรงไหนกันคร้าบบบบบ!!!" วาตานุกิโวยวายเสียงดัง แลเมีคำบ่นอีกยาวเหยียดออกจากปากของวาตานุกิ

    "ทั้งหมดนั้นแหละ..." ยูโกะบอกก่อนที่จะต้องฟังคำบ่นมากกว่านี้ "...อ๋อ! และเลิกบ่นได้แล้ว...ไม่งั้นชิโกะบอกว่าจะให้นายxxxxกับโดเมกิอีก"

    "อ๊าก!!! ยัยคนเผด็จการเอ้ย!!!" วาตานุกิโวยลั่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ปลงไปเท่านั้น

    "จ้า! เผด็จการจ้า!!!"

    "เฮ้ย!!! โผล่มาจากไหน!?!" วาตานุกิสะดุ้งโหยงเมื่อเราโผล่มาดื้อๆ

    "มุดแท็บมาจ้า..." เราจับวาตานุกิลากไปยังที่ที่หนึ่ง "...ขอจบแค่นี้นะ~ ส่วนวาตานุกิของเอาไปให้โดเมกิจัดการก่อน ถ้าให้โวยกว่านี้มีหวังเขียนไม่จบสักทีแน่...ไปล่ะ!!!"

    "ม่ายน้าาาา!!!" วาตานุกิร้องโหนหวนแต่เราไม่สน 555  

     

    อย่างที่บางคนบอก...การแกล้งตัวละครนิดๆ หน่อยๆ คือความสนุก 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×