คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ท้องนภาในวันนี้ถูกฉาบด้วยสีมืดดำสนิท ดวงจันทรากลมโตส่องแสงเรืองนวลให้ความสว่างไสวส่องทอลงมา
ดวงดารากำลังส่องประกายระยิบระยับแข่งกันส่องแสงอยู่บนฟากฟ้า
ทำให้ท้องฟ้าในวันนี้ดูสวยงามกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา
โคโนฮะงาคุเระ
ในค่ำคืนนี้ถูกเสียงหัวเราะและความรื่นเริงจากความสุขของทุกๆคนในหมู่บ้านอาบไล้ไปทั่วทั้งแคว้น
แสงไฟสวยงามถูกประดับประดาไปตามสถานที่ต่างๆจนทั่ว งานเลี้ยงเฉลิมฉลองนี้ถูกจัดขึ้นเนื่องจากเป็นวันงานเทศกาลที่มักจะมีในหมู่บ้านเป็นประจำทุกๆปี
ทั้งร้านค้าและผู้คนต่างก็แสดงถึงความคึกคัก
และสนุกสนานกันถ้วนหน้า
แม้สายลมที่หนาวเย็นจะเริ่มโชยพัดบ่งบอกสัญญาณถึงฤดูหนาวที่กำลังจะมาเยือน
หากแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับความสุขของชาวโคโนฮะแม้แต่น้อย
แต่ทว่า.. ความสุขนั้นก็ไม่ได้ปกคลุมไปซะทุกที่ในทีเดียว
“คาถาเปลวเพลิงมรณะ!!!”
สิ้นคำพูดเปลวเพลิงสีแดงส้มก็ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากได้รูป
อนุภาพของมันส่งผลให้บริเวณด้านหน้าของผู้ใช้คาถากลายเป็นเถ้าถ่านสีเทาหม่นจนเกือบหมด
ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลก็ติดไฟจนมันเริ่มลามและลุกท่วมไปยังส่วนอื่นๆเช่นกัน
“ชิ!”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มสถบออกมาเบาๆเมื่อพลาดเป้าในการจัดการอีกฝ่าย
ดวงตาสีดำดั่งรัตติกาลในค่ำคืนนี้ตวัดสายตามองรอบๆกาย
สองหูเงี่ยฟังเสียงของศัตรูที่ซุ่มอยู่ ก่อนที่บางอย่างจะเกิดขึ้น
เคร้ง!
“ยอมแพ้ซะ! เพราะค่ำคืนนี้ตระกูลของแกต้องพังพินาศ!!!” น้ำเสียงที่แสดงถึงความเย้ยหยันดังขึ้นพร้อมๆกับคุไนที่ปะทะกันระหว่างสองนินจา
“นั่นคือสิ่งที่นายต้องการจริงๆรึไง!?” เสียงทุ้มถามอีกฝ่ายกลับ
ขณะเดียวกันคุไนที่อยู่ภายในมือทั้งสองข้างทก็กำลังกวัดไกวไปมาปัดคุไนของอีกฝ่ายไปพร้อมๆกัน
“หึ..หึ
คนฉลาดแบบแกน่าจะรู้เหตุผลที่แท้จริงไม่ใช่รึไง?”
ทั้งสองฝ่ายต่างผละออกมาจากกัน
สายตาคมดุกร้าวมองศัตรูอย่างระมัดระวัง
ดวงตาทั้งสองคู่สบประสานกันราวกับจะลองเชิงอีกฝ่ายไปในตัว
เมื่อคำพูดของศัตรูตรงหน้าจบลงไม่นานนัก ดวงตาคู่คมสีดำสนิทก็เบิกกว้างขึ้น
และนั่นทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆ
ๆ ๆ!!! ใช่..ใช่.. แบบนั้นแหละ แบบที่แกคิดนั่นแหละ!
คราวนี้ถ้าไม่อยากให้หมู่บ้านนี้จบลงท่ามกลางกองเพลิงเหมือนกับตระกูลแกตอนนี้ละก็...
ก็จงยอมจำนนต่อโชคชะตาตอนนี้ซะ!!!”
เสียงหัวเราะอันน่าเกลียดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณท่ามกลางซากต้นไม้และบ้านเรือนของตระกูลที่พังทลายลงไป
เพลิงสีแดงเริ่มลุกโหมกระหน่ำมากขึ้นเมื่อสายลมหนาวเย็นพัดพามาราวกับจะช่วยเป็นเชื้อเพลิงให้กับศัตรู
นัยน์ตารัตติกาลนิ่งค้างไปหลายวินาที
แขนที่เคยยกขึ้นตั้งการ์ดลู่ตกลงข้างลำตัว ใบหน้าคมเงยขึ้นเหม่อมองท้องฟ้าที่ยังคงฉายแววสีดำสนิท
ควันไฟที่ไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาลอยคละคลุ้งบนฟากฟ้าบดบังทัศนวิสัยต่างๆให้ด้อยลง
“เอาน่า..
ไม่ต้องทำท่าทางหมดอาลัยตายยากขนาดนั้นก็ได้...
ยังไงซะตอนนี้ก็เหลือแค่แกคนเดียวแล้วนะ
มาให้ฉันช่วยส่งแกไปหาคนอื่นๆในตระกูลของแกเองดีกว่า”
รอยยิ้มชั่วร้ายถูกวาดขึ้นที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
ดวงตาสีดำสนิทหันมาสบกับคนตรงหน้าอีกครั้ง
การที่เขาได้รู้เรื่องเมื่อครู่ก็ทำให้เดาได้ไม่ยาก..
ว่าทำไมคนตระกูลของเขาถึงตายลงไปจนหมดทั้งๆที่พวกเขานั้นขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลสุดแกร่งของโคโนฮะ
..ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นลงแล้ว...
หากตระกูลของเขาพังพินาศไปจริงๆก็จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อโคโนฮะ
งาคุเระอย่างร้ายแรง แต่ทว่า..
หากไม่ยอมแพ้ตอนนี้แคว้นนี้ทั้งหมดก็อาจเป็นไปดั่งที่อีกฝ่ายพูดอยู่ดี...
มีทางเลือกอะไรเหลือให้เขาบ้างงั้นเหรอ?..
ไม่..
มันยังเหลืออีกทางเลือกหนึ่ง หากแต่ต้องแลกมาซึ่งความเจ็บปวดของเขาและอีกคนหนึ่ง..
แต่เพื่อหมู่บ้านแล้วล่ะก็..
“ซากุระเริงระบำ!!”
เสียงหวานที่เคยนุ่มนวลและแสนคุ้นหูสำหรับชายหนุ่มนั้นดังขึ้นด้วยความเกรี้ยวโกรธอย่างสัมผัสได้ทางน้ำเสียงเมื่อครู่
เมื่อสิ้นประโยคนั้น
รอบกายของศัตรูตรงหน้าก็เกิดเกลียวลมวายุพัดหมุนขึ้นรอบๆตัวอีกฝ่าย
กลีบซากุระที่ควรเป็นสีชมพูอ่อนหวานกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับหยาดโลหิต
กลีบดอกไม้นั่นพัดหมุนวนไปมารอบกายของเหยื่อคาถานี้เพื่อสร้างรอยบาดแผลที่บาดลึกเข้าไปเกือบถึงกระดูก
ตุบ!
“หนีไปซะพี่!”
เจ้าของคาถากระโดดลงมายืนขวางหน้าชายหนุ่มและศัตรูเอาไว้
ใบหน้านวลของหญิงสาวปรากฏรอยแผลตามตัวและรอยเลือดต่างๆเต็มตัวของเธอ
ในมือเรียวงามถือพัดสีดำแดงเอาไว้ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของหญิงสาวเอง
“มิซากิ”
ชายหนุ่มเอ่ยชื่อของคนตรงหน้าออกมาเบาๆ
คนตรงหน้าที่เป็นถึงน้องสาวในสายเลือดแท้ๆของเขาเอง
“ตอนนี้ทุกคนในตระกูลไม่เหลือรอดสักคนแล้ว
ฉันรู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นรีบไปทำมันซะ! ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปจริงๆ”
เธอพูดออกมาพลางเหลียวกลับมามองยังพี่ชายของตัวเองด้านหลัง
นัยน์ตาสีดำสนิทเช่นเดียวกับพี่ของตนฉายแววแน่วแน่กว่าทุกครั้ง
“...”
“นี่..”
เมื่อเห็นว่าพี่ชายตนเองไม่ตอบอะไรแต่กลับฉายแววเศร้าสร้อยในดวงตาแทนมานั้นทำให้เธออดที่จะถอนหายใจแล้วเอ่ยพูดบางสิ่งกลับพี่ชายตนเองต่อไม่ได้
“พี่เคยพูดใช่มั้ยว่าเราทุกคนต่างมีเจตจำนงแห่งไฟที่แตกต่างกัน
และพี่ก็ถามฉันว่าเจตจำนงแห่งไฟของฉันคืออะไร
” หญิงสาวพูดพลางก้าวเดินไปข้างหน้า และเมื่อเห็นว่าคาถาที่ใช้กับอีกฝ่ายอ่อนลงเพียงนิดเดียวเธอก็สะบัดพัดในมืออีกครั้ง
ในคราวนี้กลีบดอกซากุระเพิ่มจะจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม
ก่อนที่เธอจะใช้มือขวาที่ถือพัดนั้นไว้กางแขนออกมาด้านข้าง
นัยน์ตาคู่งามฉายแววเด็ดเดี่ยวและมั่นใจพร้อมกับรอยยิ้มที่วาดขึ้นใบหน้า
“เจตจำนงแห่งไฟของฉันก็คือ..
จะปกป้องสิ่งที่รักจนกว่าชีวิตของฉันจะสูญสิ้น!”
...........................................................................................................
ก๊อก
ก๊อก
ชายหนุ่มเรือนผมสีเงินยืนนิ่งอยู่หน้าห้องของโฮคาเงะเพียงชั่วครู่หลังจากเคาะประตูไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านั้น
เสียงแก่ๆของชายชราก็ดังออกมาเป็นการอนุญาตให้เปิดประตูเข้าไป
“เรียกผมมามีอะไรงั้นหรือครับ”
ฮาตาเกะ
คาคาชิ เอ่ยขึ้นเมื่อมาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะตัวใหญ่ของโฮคาเงะรุ่นที่สามแห่งโคโนฮะ
ใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวชราของคนตรงหน้าฉายแววเคร่งเครียดออกมาอย่างปิดไม่มิด
มือทั้งสองข้างของผู้เป็นรุ่นที่สามยกขึ้นมาผสานมือเท้าไว้กับโต๊ะ
“ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอหน่อย
คาคาชิ” น้ำเสียงที่ฟังดูกังวลถูกเอ่ยออกมา
นัยน์ตาสีเถ้าถ่านของคาคาชิฉายแววสงสัยออกมา
เหตุใดที่โฮคาเงะถึงต้องถึงกับเอ่ยขอร้องเขาที่เป็นเพียงแค่คนในหน่วยอันบุ หากจะสั่งการสิ่งใดก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องร้องขอความสมัครใจใดๆก็ได้
“เรื่องอะไรงั้นเหรอครับ?”
ซารุโทบิ
ฮิรุเซ็น นิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา
“เมื่อคืนนี้ตระกูลคาซุกิถูกโจมตีเข้ากลางดึก”
คาคาชิเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
ความแปลกใจเข้าถาโถมทันที ใครๆต่างก็รู้กันดีว่าตระกูลคาซุกิคือตระกูลที่มีขีดจำกัดทางสายเลือดและขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลสุดแกร่งของแคว้นโคโนฮะ
ทำให้ความสงสัยเริ่มก่อตัวมากขึ้น
หากเป็นแค่การโจมตีธรรมดามีหรือว่าคนของคาซุกิจะรับมือไม่ได้
แต่ทว่าซารุโทบิผู้เป็นถึงโฮคาเงะรุ่นที่สามเอ่ยปากพูดออกมาแบบนี้เขาเดาได้ลางๆเลยว่าอาจเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอย่างแน่นอน
“ตระกูลคาซุกิน่ะเหรอครับ?”
“ใช่
คาซุกิถูกนินจากลุ่มหนึ่งเข้าโจมตีโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
แม้แต่ตอนที่ตระกูลคาซุกิต่อสู้กับศัตรูทั้งๆที่มีไฟลุกทั่วบริเวณนั้นแต่ไม่มีใครคนอื่นรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่ตัวฉันเอง”
“แล้ว..ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้วครับ?”
คาคาชิถามขึ้น เพราะตัวเขาที่พึ่งกลับจากการปฏิบัติภารกิจของหน่วยลับเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนหน้านี้ทำให้ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านเลยแม้แต่น้อย
“..ทุกคนของตระกูลคาซุกิเสียชีวิตจนหมด..”
ใบหน้าของซารุโทบิฉายแววเศร้าสร้อยออกมาชัดเจน
ไม่ใช่เพียงแค่ว่าเสียใจที่ตระกูลอันเป็นกองกำลังหลักของหมู่บ้านล่มสลายไปแต่เพราะว่าหนึ่งในผู้ที่เสียชีวิตของตระกูลนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทของเขาเองเช่นกัน
ภายในห้องของโฮคาเงะตกอยู่ในความเงียบ
ดวงตาสีเถ้าถ่านนิ่งค้างไปหลายนาที คำที่สื่อตรงๆตัวว่าตระกูลคาซุกิตายกันหมดทุกคนยิ่งตอกย้ำว่าเขาเองได้สูญเสียสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งไป
คาซุกิ
อาคิระ ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันเองก็คงเสียชีวิตตามคำบอกเล่าของรุ่นที่สาม
หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียใจนั้นเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีพระคุณต่อเขาอย่างมากคนหนึ่ง
และเป็นชายหนุ่มที่เขาสนิทด้วย
เมื่อนึกถึงอาคิระขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่ภาพของอีกคนหนึ่งจะฉายเข้ามาในหัว
“ลูกชาย..ของคุณอาคิระด้วยงั้นเหรอครับ..” คาคาชิเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
ดวงตาที่มีรอยเหี่ยวย่นประดับรอบๆของผู้เป็นโฮคาเงะเงยมาสบตากับเขา
“เด็กคนนั้นคือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของคาซุกิ
และนั่นคือเหตุผลที่ฉันจะขอร้องเธอ”
เมื่อได้ยินว่าคนที่นึกถึงยังรอดชีวิตก็ทำให้เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเล็กน้อย
แต่ประโยคหลังของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาเองหยุดชะงักเช่นกัน
“อย่างที่ฉันบอกไป..
ตอนนี้ไม่เหลือใครในตระกูลคาซุกิแล้วสักคนนอกจากเด็กคนนั้น
คาซุกิเองก็เป็นตระกูลหนึ่งที่มีขีดจำกัดทางสายเลือดและเป็นพลังสำคัญของพวกเขาด้วย
ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะให้เด็กคนนั้นเติบโตมาในอนาคตที่ดีได้โดยไม่ยึดติดกับอดีต”
โฮคาเงะรุ่นที่สามเอ่ยขึ้นพลางลุกจากเก้าอี้ ชายชราเดินเอามือไขว่หลังแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่
“เธอเองก็เป็นคนเดียวในตอนนี้ที่สนิทกับอาคิระผู้เป็นคนนำตระกูลที่สุดด้วย
ฉันจึงอยากจะไหว้วานให้เธอช่วยดูแลเด็กคนนั้น”
ในประโยคหลังซารุโทบิหันมาสบตากับอันบุหนุ่ม
“ผม..น่ะเหรอครับ”
“อา..แต่ฉันก็ไม่บังคับเธอหรอกนะถ้าเธอไม่อยากจะทำมัน”
นัยน์ตาสีเถ้าถ่านหรี่ลงเล็กน้อย
อาคิระเป็นผู้ที่มีพระคุณกับเขาในหลายๆอย่างและช่วยเหลือเขาไว้ในหลายๆเรื่อง
ตัวเขาเองก็ยังคงไม่ได้ตอบแทนอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยแล้วมีหรือที่เขาจะปฏิเสธการที่จะมีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณอีกฝ่ายในครั้งนี้
“ครับ
ผมจะทำ”
เมื่อได้ยินคำตอบของฮาตาเกะ
คาคาชิ ผู้เป็นโฮคาเงะก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้
“ถ้างั้น..
ฉันขอฝากด้วยนะ คาคาชิ”
ความคิดเห็น