ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] | "My heart is only for you." |

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 12 |..เด็กแก่แดด!..|

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.33K
      92
      5 พ.ค. 62

    บทที่ 12

    “เด็กแก่แดด!

     

     

     

     

                    เสียงลมที่พัดลู่ใบเขียวขจีของต้นไม้ใหญ่ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงของนกน้อยที่ร้องเพลงขับขานอย่างอารมณ์ดีใต้ผืนฟ้าคราม ฟีนิกซ์เงยหน้ามองท้องนภาด้านบนอย่างสนอกสนใจ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มไล่มองตามกลุ่มนกขาวที่บินผ่านไปด้วยแววตาเปล่งประกาย มันคงจะดีไม่น้อยหากว่าเขาสามารถโบยบินอย่างอิสระอย่างนกเหล่านั้นได้

                    “เอาล่ะ เริ่มแรกก็แนะนำตัวกันก่อนเลย”

                    เสียงของชายหนุ่มที่คุ้นหูดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มละสายตากลับมามองยังสถานการณ์ตรงหน้า ในตอนนี้พวกเขาทั้งห้าคนขึ้นมานั่งรวมตัวกันบนดาดฟ้าของตึกเรียนอคาเดมี่ คาคาชิซึ่งได้รับหน้าที่ให้เป็นครูประจำทีม 7 ไล่สายตามองลูกทีมของตน

                    ดวงตาสีเถ้าถ่านชำเลืองมองเด็กหนุ่มเรือนผมดำสนิทแวบหนึ่งก่อนจะหันมาสนใจอีกสามคนที่เหลือ ซึ่งดูท่าเด็กหนุ่มผมทองจะดูกระตือรือร้นกว่าใครเพื่อน

                    “แนะนำตัวเหรอ.. แล้วจะให้พูดยังไงดีล่ะคะ?” ซากุระเอ่ยถามขึ้น

                    คาคาชิทิ้งตัวนั่งลงบนราวเหล็กก่อนจะเริ่มอธิบาย

                    “ก็..พวกของที่ชอบ ของที่เกลียด ความฝันในอนาคต และงานอดิเรกอะไรเทือกๆนั้นแหละนะ”

                    “เอ.. แบบนี้ครูก็ต้องแนะนำตัวให้พวกเรารู้ก่อนสิครับครู” นารูโตะพูดเตะขึ้นทำให้คาคาชิเอียงคอมองเด็กในทีมตัวเองเล็กน้อย

                    “อา..งั้นก็ได้ ฉันชื่อฮาตาเกะ คาคาชิ ของที่ชอบและเกลียด เอ...ไม่บอกให้รู้หรอก”

                    “หา?”

                    นัยน์ตาคู่สวยมองเด็กหนุ่มผมทองและเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มอย่างขบขันเมื่อเห็นทั้งสองคนมีสีหน้าเหวอหวาออกมาก่อนที่เขาจะแอบเหลือบมองเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังสุด ดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววเอือมระอายิ่งทำให้เขารู้สึกขำขันมากขึ้น

                    “ความฝันในอนาคตบอกไปก็ไม่ช่วยอะไร ส่วนงานอดิเรกก็มีเยอะแยะ”

                    “นี่ๆ ตกลงรู้เรื่องอะไรมั้ยเนี่ย” ซากุระหันไปกระซิบกระซาบกับนารูโตะซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกับซาสึเกะ เด็กหนุ่มหน้าหมวดยกมือโบกไปมาตรงหน้ารัวๆพร้อมทำสีหน้าเซ็งกะตายใส่เด็กสาว

                    “เอาล่ะ! ต่อไปตาพวกเธอบ้างแล้ว” เสียงของครูประจำทีมดังขึ้นทำให้เด็กๆทั้งสี่หันกลับมามองคนอายุมากกว่าเช่นเดิม

                    “ผมๆ! ผมชื่ออุสึมากิ นารูโตะ ของที่ชอบคือบะหมี่ถ้วยสำเร็จรูปแต่ที่ชอบมากที่สุดคือราเม็งร้านอิจิราคุที่ครูอิรุกะเลี้ยงครับ! ของที่เกลียดคือช่วงเวลาสามนาทีที่ต้องรอราเม็ง งานอดิเรกก็คือการกินบะหมี่ถ้วย! ส่วนความฝันในอนาคตก็คือการเหนือกว่าโฮคาเงะและเป็นที่ยอมรับของหมู่บ้าน!” น้ำเสียงดังฟังชัดแน่วแน่ของนารูโตะทำให้คาคาชิหันมองอย่างสนใจเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาสีเถ้าถ่านจะหันไปมองเด็กสาว

                    “งั้นคนต่อไป”

                    “ค่า! ฮารุโนะ ซากุระค่ะ! ของที่ชอบ.. เอ่อ ไม่ใช่สิ คนที่ชอบก็คือ...” ในประโยคหลังเด็กสาวเอ่ยเสียงแผ่วพลางแอบชำเลืองมองเด็กหนุ่มอุจิวะข้างๆตนด้วยใบหน้าเขินอายอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สาวเจ้าจะเอ่ยต่อราวกับพึ่งนึกขึ้นได้

                    “เอ่อ.. ส่วนงานอดิเรกน่ะเหรอคะ...ก็ไม่รู้..สิคะ ///!” เด็กสาวบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย คาคาชิเท้าคางมองอย่างเอือมระอาหากแต่ก็ยังฟังเด็กสาวพูดต่อ

                    “ส่วนความฝันในอนาคตก็คือ!... >////<

                    เมื่อดูท่าทางคงไม่จบการแนะนำตัวของเด็กสาวง่ายๆ คาคาชิจึงพูดตัดบทขึ้น

                    “แล้วของที่เธอไม่ชอบล่ะมีอะไรบ้าง”

                    “นารูโตะค่ะ” ราวกับไม่ต้องคิดอะไรให้มากความเด็กสาวตอบกลับมาแทบจะทันทีจนคนถูกเอ่ยชื่อถึงกับน้ำตาตกเป็นสาย แหงล่ะ! เขาไม่อยากถูกคนที่ชอบเกลียดแบบนี้นะ!

                    ฟีนิกซ์ซึ่งนั่งอยู่หลังเพื่อนหัวเราะออกมาเบาๆอย่างขบขัน สำหรับคนนอกแบบเขาแล้วมองยังไงก็รักสามเศร้าชัดๆ

                   

                    ...เด็กผู้หญิงสมัยนี้สนใจแต่เรื่องความรักสินะ...          

     

                    โจนินหนุ่มนึกในใจก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มบ้านอุจิวะซึ่งนั่งเงียบไม่ปริปากอะไรนานกว่าใครเพื่อน

                    “ต่อไป เธอ”

                    “...ชื่ออุจิวะ ซาสึเกะ ของที่เกลียดก็มีเยอะนะ แต่ของที่ชอบไม่มีสักอย่าง แล้วก็อนาคตไม่อยากจะให้มันจบที่ความฝันแต่เป็นความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูตระกูล และอีกอย่างหนึ่งจะต้องฆ่าผู้ชายคนหนึ่งให้ได้”

                    สิ้นประโยคของเด็กหนุ่มทำให้คาคาชิมองลึกไปในดวงตาของอีกฝ่าย นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองเด็กหนุ่มนิ่งๆก่อนจะเหลือบตามองไปยังอีกคนซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังเพื่อนทำให้เขาเห็นนัยน์ตาคู่คมสีน้ำเงินเข้มที่ตวัดมองยังเด็กหนุ่มอุจิวะด้วยสายตาที่แม้แต่เขาก็เดาไม่ออกว่าอีกคนนั้นคิดอะไรอยู่ ทำให้คาคาชิอดที่จะลอบถอนหายใจออกมาไม่ได้

                   

                    ...หวังว่าคนนั้นไม่ใช่เรานะ...

     

                    ...ซาสึเกะคุงเนี่ยเท่จริงๆ...

     

                    ความคิดในใจของคนสองคนเกิดขึ้นพร้อมๆกัน นารูโตะเหลือบมองคนข้างๆอย่างหวาดระแวง ยิ่งเมื่อเห็นแววตาคู่สีดำขลับนั่นเขายิ่งรู้สึกขนลุกวาบขึ้นมาเสียซะอย่างงั้น

                    “เอาล่ะๆ ต่อไปคนสุดท้าย”

                    คาคาชิพูดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองยังเด็กหนุ่มผู้มาจากบ้านตระกูลคาซุกิ  ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกระพริบปริบๆก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าถึงตาของตนเอง

                    “อา.. ชื่อคาซุกิ ฟีนิกซ์ งานอดิเรกก็มีหลายอย่าง วาดรูป อ่านหนังสือ ฝึกวิชาบ้าง บางทีก็..เดินเล่นทั้งในเมืองแล้วก็นอกเมือง”

     

                    ...เนี่ยแหละวิถีคนหล่อ คนเก่ง! >//<...

                   

                    ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่ใช่คนที่เธอชอบ แต่ซากุระก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่ดีมากๆคนหนึ่งซึ่งไม่แปลกใจอะไรถ้าเขาจะเป็นคนที่เด็กสาวหลายๆคนชอบกันไม่แพ้ซาสึเกะ

                    “ของที่เกลียดก็..บ๊วย ส่วนอนาคต...” ฟีนิกซ์ทิ้งช่วงก่อนที่จะเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามสดใสด้านบนอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ

                    “ก็คง..เป็นเงาของโฮคาเงะ”

                    คาคาชิมองใบหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่มก่อนที่ดวงตาสีเถ้าถ่านจะหลุบลงต่ำ เขาก็พอเข้าใจว่าหน้าที่ของคนตระกูลคาซุกิก็คือการเป็น เงาของโฮคาเงะ แต่ทว่าในตอนนี้ที่ตระกูลได้ล่มสลายไปแล้วเหลือเพียงคนสืบทอดเพียงแค่คนเดียวเรื่องการเป็นเงาก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป หรือพูดง่ายๆก็คือ.. เด็กหนุ่มเป็นอิสระแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตามกฎเกณฑ์ของตระกูลตนเองอีกแล้ว และเมื่อได้ยินที่อีกคนพูดเขายิ่งไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงยังคงยึดมั่นเช่นนั้น...

                    “เงา..โฮคาเงะ” นารูโตะพึมพำเบาๆ

                    แน่นอนว่าเขามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นโฮคาเงะ แต่คำว่าเงาที่ฟีนิกซ์พูดถึงนั้นเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย

                    “แล้ว.. สิ่งที่ชอบล่ะ” คาคาชิตัดบทบรรยากาศที่ชวนอึดอัดเมื่อครู่ทิ้งด้วยคำถามที่ยิ่งฝ่ายยังไม่พูดถึง และเพราะประโยคที่เขาถามเด็กหนุ่มเมื่อครู่ทำให้ดวงตาคู่คมหันมามองสบกับเขาตรงๆ

                    ฟีนิกซ์กระตุกยิ้มบางๆก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำแบบช้าๆจนทำให้เด็กสาวผมชมพูหน้าแดงแปร๊ดกับคำพูดอีกฝ่าย

                “ชอบ-คุณ-คา-คา-ชิ-ไง-ครับ”

                    “อ๊าย–––––––––!!! >////<

                    “หา! O[]O!!!

                    “ให้ตายเถอะ...”

                    เด็กคนอื่นอีกสามคนต่างแสดงอารมณ์แตกต่างกันไปทั้งเสียงหวีดร้องลั่นของเด็กสาวคนเดียวในกลุ่ม ทั้งเสียงร้องเหวอๆของเด็กหนุ่มผมทองและเสียงสถบเบาๆของเด็กหนุ่มผมสีปีกอีกา แต่ทว่า..

                    “เอ่อ..”

                    คาคาชิหลบตาเด็กหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ทันที รู้สึกถึงใบหน้าที่ถูกซ่อนใต้ผ้าปิดปากสีทึบจะร้อนฉ่าขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เคยเป็น ก่อนที่จะได้สติแล้วกระแอมออกมารอบหนึ่งทั้งๆที่ใบหน้ายังคงมีรอยริ้วแดงๆจางๆติดอยู่บนใบหน้า

                    “แนะนำตัวกันเสร็จแล้วนะ! งั้นจบการแนะนำตัวเพียงแค่นี้ พรุ่งนี้ฉันจะมอบหมายงานให้”

                    คำพูดในช่วงท้ายของโจนินหนุ่มเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มผมทองให้หันขวับกลับมาสนใจทันที

                    “อะไรเหรอครับ! งานที่ว่า”

                    “การฝึกเอาชีวิตรอด”

                    “เดี๋ยวก่อนสิคะ ไหนว่าเป็นงานไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องฝึกล่ะคะ?”

                    “หึ..หึ เชื่อสิว่าถ้าครูบอกพวกเธอตอนนี้คงจะต้องอยากถอนตัวแน่ๆ” คำพูดที่กลั้วด้วยเสียงหัวเราะของโจนินหนุ่มทำให้คนฟังรู้สึกไม่เข้าใจเต็มประดา

                    “ผู้ที่ได้รับรองให้เป็นเกะนินจากผู้ที่จบการศึกษาทั้ง 27 คนมีแค่ 9 คนเท่านั้น ที่เหลืออีก 18 คนจะต้องถูกส่งตัวกลับไปที่โรงเรียนฝึกอีกครั้ง การฝึกครั้งนี้ยากถึงขั้นที่เปอร์เซ็นต์สอบตกมี 66% เชียวนะ”

                    สีหน้าของแต่ละคนที่ฟังล้วนไปกันคนละทิศละทาง ฟีนิกซ์ฟังคำอธิบายของผู้ที่ได้รับให้เป็นครูประจำทีมตัวเองอย่างเรียบเฉย

                    “ว่าไง จะถอนตัวกันรึยัง!

                    “จะบ้าเรอะ! ฝึกมาอย่างลำบากลำบนขนาดนั้น แล้วจะไปสอบได้เพื่ออะไรกันเล่า!!” นารูโตะเถียงขึ้นทันควัน

                    “ไอ้นั่นน่ะเหรอ มันก็แค่ขั้นตอนการคัดตัวคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเกะนินได้เท่านั้น”

                    “อะไรนะ!?”

                    “พรุ่งนี้ครูจะทดสอบพวกเธอว่าใครตกใครผ่าน เพราะงั้นเจอกันพรุ่งนี้ตอนตีห้า อย่าลืมเอาอาวุธมาด้วยล่ะ เจอกันตอนตีห้านะ แล้วก็อย่ากินข้าวเช้ามาล่ะ ..ไม่งั้นอ้วกแน่” กล่าวจบผู้เป็นถึงโจนินฝีมือดีก็หายไปจากที่ตรงนั้นในพริบตา ทิ้งให้เด็กในความดูแลของตนเองนั่งอยู่ที่เดิมเช่นนั้น

                    เมื่อไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรเมื่ออยู่ต่อ ฟีนิกซ์จึงลุกขึ้นหันหลังเดินเตรียมลงไปจากตึกแห่งนี้ ยังไงซะเขาก็ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนในเรื่องนี้อยู่แล้ว หากสมมุติว่าทางเบื้องบนไม่ให้เขาผ่านจริงๆก็แค่เด้งกลับไปเรียนใหม่

                    แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องพบใครคนหนึ่งเสียก่อน..

     

     

    ...........................................................................................................

     

     

                    “ให้ตายเถอะ เด็กบ้านั่น..”

                    คาคาชิพึมพำกับตนเองเบาๆขณะเดินผ่านสะพานข้ามแม่น้ำสายกว้างของโคโนฮะ เสียงของน้ำไหลที่แว่วมากระทบกับโสตประสาททำให้รู้สึกผ่อนคลายลงไปบ้างเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยหันมองสายน้ำใสที่มีใบไม้สีเขียวขจีปลิวว่อนลงมาตกกระทบลง

                   

                    “ชอบคุณคาคาชิไงครับ”

     

                    ราวกับภาพเทปฉายซ้ำในหัวสมองทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา นั่นก็แค่คำพูดเด็กน่า คาคาชินึกในใจปลอบตนเองไม่ให้คิดอะไรปวดหัวมากกว่าเดิม

                    “อ้าว ไงคาคาชิ”

                    “หือ ไงไอดะ” เมื่อเหลียวหันไปก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินมาด้วยรอยยิ้ม

                    “น่าแปลกที่เจอนาย ไม่ใช่ว่าต้องไปดูแลเด็กเกะนินจบใหม่เหรอ?”

                    “ก็นะ พึ่งแยกกันเมื่อกี้นั่นแหละ”

                    “เอาเถอะ แต่ฝึกครั้งนี้ออมๆมือให้เด็กบ้างเหอะ กลัวจะไม่มีเกะนินใหม่ๆมารับตำแหน่งต่อแล้วเนี่ย ฉันไม่อยากสู้จนตัวตายกับวันหนึ่ง 5-6 ภารกิจหรอกนะ” ไอดะเอ่ยขึ้นก่อนจะทิ้งน้ำหนักเอาแขนพาดบ่าชายหนุ่มผมเงิน

                    “ไม่รับปากหรอกนะ”

                    “นายนี่นะ”

                    ไอดะเบ้หน้ากับความโหดของเพื่อนตนเองก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

                    “เออ วันนี้ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

                    “เสียใจนะแต่พรุ่งนี้ฉันมีงานต้องทำ” ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงโปร่งของคาคาชิก็เอี้ยวตัวหลบแท่นแขนของอีกฝ่ายออกมาอย่างง่ายดาย

                    “โห่ เสียใจนะเนี่ย” คำพูดที่สวนทางกับน้ำเสียงทำให้คาคาชิเหล่ตามองอีกฝ่ายอย่างเอือมระอาก่อนจะทิ้งให้ไอดะยืนอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม

                   

     

    ...........................................................................................................

     

     

                    เวลาผ่านไปไวราวกับสายน้ำนิ่งที่ไหลไปตามเส้นทางของธารน้ำอย่างไม่มีหยุดพัก ภารกิจวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว และเขาเองก็ต้องกลับบ้านของตนเองเช่นกัน

                    ไฟรามบ้านช่องบางหลังเริ่มที่จะดับลง ฮาตาเกะ คาคาชิ ยังคงเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่บนถนนที่ไร้ซึ่งผู้คนอยู่เช่นเดิม  ในวันพรุ่งนี้เขาจะต้องไปทดสอบเหล่าเด็กๆทั้งสี่ในทีม 7 ของตนเอง การทดสอบที่ไม่เคยมีเด็กกลุ่มไหนผ่านได้แม้แต่คนเดียว

                    มือขาวเนียนเลื่อนลงกำกระดิ่งอันเล็กๆสองอันข้างเอวแน่น ก่อนจะนึกถึงแววตาเรียบนิ่งดุจสายน้ำยามค่ำคืนของใครคนหนึ่ง

                   

                    ...ฉันหวังว่านายจะผ่านบททดสอบของฉันได้นะ ฟีนิกซ์...

                   

                    ถึงในช่วงแรกๆก่อนที่จะมีใบรายชื่อสมาชิกลูกทีมในหน่วยมาถึงเขานั้น เขาจะขอให้อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ทีมที่ตนเองดูแลเพราะกลัวว่าจะทำให้เด็กหนุ่มต้องถูกเด้งกลับไปยังสถานที่ฝึกเช่นเดิม หากแต่เมื่อได้มองแววตาของเด็กคนนั้นในวันนี้เขาก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาต้องเชื่อมั่นในตัวเด็กหนุ่มคนนั้นให้มากๆ..

                    ก็นั่นลูกชายของ คาซุกิ อาคิระ เชียวนะ...

                   

                    “เฮ้อ ช่วงนี้คิดมากแปลกๆแฮะ” คาคาชิขยี้เรือนผมตนเองเล็กน้อยไล่ความคิดแปลกๆของตนเองไป

                    ใบหน้าใต้ผ้าปิดปากสีทึบเงยมองยังห้องเช่าหลังหนึ่ง ไฟที่ดับสนิททำให้เขาพลอยคิดว่าเจ้าของห้องแห่งนี้คงจะเข้านอนเสียแล้ว ดวงตาสีเถ้าถ่านคู่สวยจึงละสายตาออกมามองยังถนนด้านหน้าเช่นเดิม

                    ไฟสีส้มอ่อนสลัวๆที่พอทำให้เห็นถนนสายนี้อย่างเลือนรางประกอบกับสายลมเย็นๆของค่ำคืนนี้ก็ทำให้รู้สึกหว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก นับวันเวลาตั้งแต่ที่ผู้เป็นพ่อจากไปจนถึงวันที่อาจารย์ที่เคารพรักมากที่สุดสละชีวิตตนเองเพื่อหมู่บ้าน เขาก็ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกที่เรียกว่าสบายใจอีกเลย...

                    “กลับดีกว่า..” คาคาชิพึมพำเบาๆก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง

                    “คุณคาคาชิ”

                    เสียงเรียกแผ่วๆดังขึ้นทำให้เขาหันไปมองทันที เด็กหนุ่มผมสีดำสนิทยืนมองหน้าเขาอย่างงุนงงเล็กน้อย จากเส้นทางที่อีกคนเดินมาทำให้รู้ว่าฟีนิกซ์พึ่งจะมาถึงยังบ้านของตนเอง

                    “..วันนี้ กลับช้าจังนะ” คาคาชิเอ่ยขึ้นเบาๆ พลันเหตุการณ์เมื่อตอนเที่ยงวันก็ไหลแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง

     

                    “ชอบคุณคาคาชิไงครับ”

     

                    จู่ๆก็รู้สึกประหม่าซะได้...

                    ..เพราะเธอคนเดียวเลยนะฟีนิกซ์..

                    “มีธุระนิดหน่อยน่ะครับ” แวบหนึ่งที่เห็นอีกฝ่ายกระตุกยิ้มบางๆขึ้นก่อนจะหายเลือนไปจากใบหน้าของเด็กหนุ่ม

                    “คืนนี้ว่างรึเปล่าครับ?”

                    ไม่ทันตั้งตัวฟีนิกซ์ก็มายืนประจันหน้ากับเขาเข้าซะแล้ว ใบหน้าที่ได้ผู้เป็นพ่อมาเต็มประดายื่นเข้ามาใกล้เขา ดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววเรียบนิ่งไม่เหมือนกับบนใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้มจางๆ

                    “อา..ก็... ว่างนะ ทำไมล่ะ”

                    “อยากไปนอนด้วยน่ะครับ ได้รึเปล่า?”

                    “ฮะฮะ นายโตแล้วนะ”

                    คาคาชิหัวเราะเบาๆ ดวงตาคู่สวยที่ถูกซ่อนใต้เปลือกตาบางทำให้ไม่ทันเห็นรอยยิ้มหวานของคนเอ่ยถามตรงหน้า

                    “แล้วได้รึเปล่าครับ?”

                    “อืม.. นั่นสินะ แต่พรุ่งนี้มีภารกิจต้องทำนะ จำได้มั้ย?” คาคาชิพูดขึ้นก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้เรือนผมนุ่มนิ่มสีดำสนิทของคนที่อายุน้อยกว่า

                    “จำได้ครับ เพราะงั้นเลยอยากขอไปนอนกับคุณ”

                    “หือ? เพราะอะไรล่ะ”

                    “คุณคาคาชิชอบไปช้านี่” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง  ส่วนที่ไม่ถูกปิดกั้นด้วยผ้าปิดปากนั้นทำให้เห็นดวงตาที่หยีลงเพราะแรงหัวเราะ ฟีนิกซ์มองภาพตรงหน้าก่อนจะลอบยิ้มออกมาจางๆ

                    “ผมว่า..คนขำน่าจะเป็นผมนะ”

                    “ฮะฮะ โทษทีนะ แต่ฉันไปช้าเพราะติดธุระจริงๆนะ”

                    “โกหกไม่เนียนเลยนะครับ”

                    จนสุดท้ายฝ่ายที่ต้องยอมแพ้ก็คือฮาตาเกะ คาคาชิ เพราะคำพูดลบเล้าอยู่นานของฟีนิกซ์ทำให้ชายหนุ่มต้องยอมจำนนให้อีกคนมาค้างคืนที่บ้านด้วยอย่างเคยเหมือนแต่ก่อน

                    “เธอดูสนใจนะ”

                    คาคาชิถามขึ้นเมื่อกลับมาถึงห้องพัก เด็กหนุ่มกำลังยืนจ้องมองวัตถุสีดำสนิทรูปทรงแปลกตาซึ่งวางทิ้งไว้บนโต๊ะไม้ติดหน้าต่างริมห้องนอน

                    “มันคืออะไรเหรอครับ?”

                    “กล้องถ่ายภาพน่ะ”

                    คาคาชิตอบอีกฝ่ายโดยที่ไม่หันไปมอง มือขาวเนียนค่อยๆถอดผ้าคาดหน้าผากวางลงบนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงนอน ไม่แปลกใจที่เด็กหนุ่มจะดูสนใจของในห้อง เพราะปกติเขาจะพาอีกฝ่ายไปค้างที่บ้านหลังใหญ่แต่ในวันนี้เป็นวันแรกที่เขาพาฟีนิกซ์มาค้างที่ห้องพักที่เช่าแยกไว้ของเขาเอง

                    ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ คาคาชิคิดว่าเด็กหนุ่มคงกำลังสนใจกล้องตัวเก่งสีดำบนโต๊ะไม้อยู่เช่นเดิม มือเรียวค่อยๆถอดเสื้อนอกออกแล้วโยนลงตระกร้าเตรียมซัก ก่อนจะหันมาถอดกระเป๋าเก็บคุไนที่คาดแนบกับขาขวาออกวางลงบนโต๊ะอย่างใจเย็น

                    โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องเขาอยู่อย่างเงียบๆ

                    “กินข้าวก่อนมั้ย หรือจะอาบน้ำก่อน?” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นก่อนที่ดวงตาสีเถ้าถ่านจะหันมามองเด็กหนุ่มซึ่งนั่งนิ่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างริมหน้าต่างโดยที่ในมือถือกล้องไม่ยอมวาง

                    “ยังไงก็ได้ครับ”

                    “งั้นฉันไปทำกับข้าวให้ก่อนละกัน” โจนินหนุ่มสรุปแทนก่อนจะเดินออกนอกห้องนอนไป แต่ก็ยังไม่วายตะโกนกลับเข้ามาในห้อง

                    “เธอไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ”

                    ฟีนิกซ์ไม่ตอบอะไรทำเพียงแค่วางกล้องลงไว้ที่เดิมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่เตรียมมาสำหรับคืนนี้

                    ใช้เวลาไม่นานเด็กหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำที่สวมชุดอย่างเพรียงพร้อม กลิ่นหอมๆของอาหารมื้อเย็นลอยมาแตะจมูกจนชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงานส่งเสียงประท้วงอาหารหนักมากขึ้น เมื่อเดินออกมายังห้องครัวก็พบว่าเจ้าของสถานที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้วเรียบร้อย

                    “กำลังจะไปเรียกพอดีเลย” คาคาชิว่าออกมาก่อนจะวางอาหารจานสุดท้ายที่พึ่งทำเสร็จลงบนโต๊ะ

                    อาหารร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมลอยอบอวลในห้องขนาดกลาง อาหารมากมายทุกวางจัดเรียงบนโต๊ะอย่างน่ากินพาลทำให้รู้สึกอย่างกอบโกยทุกอย่างตรงหน้าลงกระเพาะเสียให้หมด

                    นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองใบหน้าของคนอายุมากกว่าที่ยังคงมีผ้าพรางปกปิดใบหน้าเอาไว้เช่นเดิม ไม่แน่นี่อาจเป็นโอกาสได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายก็ได้!

                    “เอาล่ะ กินข้าวกันเถอะ ถ้ามันเย็นจะไม่อร่อยนะ” คาคาชิพูดดังนั้นทำให้ฟีนิกซ์ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามอีกฝ่าย

                    ก่อนจะลงมือจัดการอาหารที่น่ากินตรงหน้าจนเกลี้ยง

     

     

    ...........................................................................................................

     

     

                    ...จนได้สิน่า...

     

                    ฟีนิกซ์นั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์นิดๆอยู่ตรงปลายเตียงนอนของคาคาชิ ถึงจะคิดว่าจะแอบดูใบหน้าอีกฝ่ายตอนกิน แต่พอเอาเข้าจริงๆเขาดันเผลอมัวแต่สนใจอาหารตรงหน้าจนลืมเรื่องของอีกฝ่ายเสียสนิท..

                    เมื่อไหร่เขาจะเลิกเห็นแก่ของกินสักทีวะ!

                   

                    นึกแล้วอยากจะกระโจนออกไปนอกหน้าต่างเสีย ณ เวลานั้น..

                    ดวงตาคู่กลมไล่มองตามกริยาของเจ้าของห้อง มือขาวเนียนที่ไม่ใต้ถูกซ่อนไว้ใต้ถุงมือนินจากำลังค่อยๆถอดเสื้อสีทึบออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนที่ไร้ซึ่งอาอาภรณ์ใดๆปกปิดร่างอันเปลือยเปล่าท่อนบน

                   

                    ..บ้าจริง..

     

    มือขวาถูกยกขึ้นมาปิดใบหน้าช่วงล่างเอาไว้ขนาดที่ดวงตายังจับจ้องร่างกายของคนอายุมากกว่า ถึงจะเห็นเพียงแค่แผ่นหลังเพราะอีกคนหันหลังให้แต่เขาก็รู้สึกถึงความแปลกๆในตัวที่ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยพันบินเล่นในท้องจนรู้สึกรำคาญใจ

     

    ..แก่แดดใช่เล่นนะเรา..

                   

                    นึกก่นด่าตัวเองในใจก่อนจะตัดสินใจทิ้งตัวลงบนเตียงอ่อนนุ่มทันที นัยน์ตาคู่คมถูกซ่อนไว้ใต้เปลือกตาอย่างไม่ต้องการรับรู้อะไร

                    ถึงเขาจะอายุแค่ 13-14 แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรสักหน่อย...

                    ไอ้ฟีนิกซ์! ไอ้คนแก่แดด!!!

                    ด่าตัวเองในใจไม่พอร่างของเด็กหนุ่มกลับกลิ้งกุกๆไปมาบนที่นอนจนทั่วเรียกความสนใจจากอีกคนในห้องให้หันมามอง

     

                    ..ทำอะไรของเขานะ?..

     

                    คาคาชิไล่สายตามองเด็กหนุ่มอย่างขบขันในใจก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมผ้าขนหนูผืนสีขาวสะอาดตา พอเดินออกมาจากห้องน้ำอีกทีก็เห็นเด็กหนุ่มนอนหลับปุยคาเตียงทั้งๆที่ยังนอนหันหัวให้ปลายเตียงอยู่ซะอย่างนั้น

                    “เด็กหนอเด็ก..”

                    อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองเบาๆ ถ้าเขามีลูกชายคงอารมณ์ประมาณนี้แหละนะ....

     

     

     

     

     

                    ไม่ใช่ลูกชายแต่เป็นผัวค่––––!!!! //อะไรบางอย่างบินผ่านหัวไป

     

                    มีใครอ่านตอนพิเศษที่พึ่งลงไปมั่งคะ! ><  มีเฉลยแล้วนะว่าฟีนิกซ์พูดอะไรกับคาคาชิไว้! และในตอนที่แล้วไรท์ทำสำเร็จ! มีนักอ่านที่น่ารักหลายคนบอกว่าเกือบร้องไห้! ชอบมากค่ะ หุหุ (อย่าตีเค้า ><)

                    จากตอนที่แล้วรู้สึกว่ามีคนตกใจน่าดูกับเหตุการณ์ในตอนนั้น ฮา จริงๆมันเป็นแค่ตอนพิเศษช่วงที่น้องโตและไม่มีอะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักของฟิคนี้นะ! ช่วงที่ว่าจะมีตอนพิเศษต่อมั้ยให้รอลุ้นเอาค่ะ! ><

                     ตอนนี้อาจดูเหมือนน้องแก่แดด แต่จริงๆน้องก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไปนะ ที่จะมีสนใจเรื่องรักๆใคร่ๆบ้างเป็นธรรมดา (แต่ถ้าถามถึงไรท์ตอนช่วงนั้นนี่ยังนั่งดีดลูกแก้ว เป่าไม้ไอติมอยู่เลย ให้ตายสิ ToT)

    เผื่อมีใครสงสัยเรื่องน้องซากุระ จริงๆน้องเป็นตัวละครหญิงที่เราชอบที่สุดในเรื่องนี้เลยนะ ถึงตอนเด็กๆน้องจะดูน่ารำคาญแต่มันคือนิสัยเด็กสาวธรรมดาๆนั่นแหละค่ะ ฮา ในสายตาน้องมองฟีนิกซ์ออกแนวชื่นชมและปลื้มในฐานะเพื่อนร่วมห้องที่เก่งกาจพอๆกับซาสึเกะค่ะ ไม่มีอะไรเกินเลย ฮ่าๆ! ><

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×