คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 |..หนังสือเล่มนั้น..|
บทที่ 3
“หนังสือเล่มนั้น”
“วันนี้เราจะเรียนนอกห้องเรียนกัน
เพราะครูจะสอนการเล็งเป้าและการขว้างดาวกระจายรวมถึงคุไนให้แม่นยำขึ้น”
อิรุกะเอ่ยบอกนักเรียนเสียงดังฟังชัดหลังจากที่พาเด็กๆออกมายังสถานที่ฝึกสอนแล้ว
แสงแดดที่มาจากดวงอาทิตย์กลมโตดวงใหญ่ด้านบนฟ้ากำลังแผ่ความร้อนอบอ้าวได้ที่
บริเวณด้านหน้าของนักเรียนฝึกหัดนินจาทุกคนคือท่อนไม้อันใหญ่ที่ตั้งเรียงกันหลายอันและจุดปาเป้าวงกลมอันใหญ่ที่ทำจากไม้
ตรงกลางมีจุดแดงๆอยู่หนึ่งจุด
“เอาล่ะ
ฟังให้ดีนะ จากนี้ครูจะอธิบายให้ฟัง”
เวลาล่วงเลยไปสิบห้านาทีกว่าๆที่อิรุกะอธิบายข้อมูลเบื้องต้นให้นักเรียนของตนเองฟัง
โดยส่วนมากนั้นก็เข้าใจกันเป็นอย่างดี
บางคนเข้าใจได้อย่างชัดเจนแต่บางคนก็พอจะเข้าใจคร่าวๆ
เว้นเสียจะมีแต่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง.. ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
“อืม....”
ดวงตาสีฟ้าสว่างหรี่ลงจนเกือบจะถูกปิด
ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงมองสิ่งของด้านหน้าสลับกับมองไปยังคุณครูของตน
..ไม่เข้าใจอะไรเลยแฮะ แล้วฉันจะทำได้มั้ยเนี่ย!..
มือสีน้ำผึ้งถูกยกขยี้ผมตัวเองแรงๆอย่างเคร่งเครียด
ก่อนที่เสียงของจูนินหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“งั้นครูจะลองให้ทุกคนได้ฝึกกันดูนะ
ให้เวลาสิบห้านาที” เมื่อสิ้นคำประกาศเด็กๆก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปจับจองจุดที่ตนเองจะฝึกกันด้วยความกระตือรือร้น
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มหันมองคนอื่นๆอย่างเงียบๆ
เขาไม่เข้าใจนักว่าทำไมเด็กคนอื่นๆถึงดูสนุกสนานกันมากขนาดนั้น ในเมื่อสิ่งที่ครูให้ทำก็แค่การปาดาวกระจายและคุไนให้ตรงเป้าเท่านั้นเอง
“ฮึ่ม
เอาเถอะ ไปลองมั่งดีกว่า”
เสียงพึมพำเบาๆดังมาจากเด็กหนุ่มผมทองที่อยู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นทั้งๆที่เมื่อครู่ยังนั่งทำท่าทางเคร่งเครียดอยู่แท้ๆ
ฟีนิกซ์มองตามนารูโตะที่เดินไปยังหลักท่อนไม้ในจุดไกลกว่าเพื่อนด้วยความสงสัย
จากการที่เขาสังเกตมาในวันนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายนั้นไม่มีเพื่อนสักคนเดียว
แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ยังไงซะมันก็เพียงแค่ความสงสัยเล็กๆเขาจึงเลือกที่จะเบือนหน้าหนีแล้วเดินไปหาจุดของตัวเองมั่ง
ถึงจะดูน่าเบื่อ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยชีวิตในโรงเรียนอาจน่าเบื่อกว่าเดิมก็ได้
ฟิ้ว..
ฟิ้ว!
“แฮ่ก..แฮ่ก.. ทำไมไม่โดนสักทีเนี่ย”
นารูโตะปาดเหงื่อที่ไหลซึมตามใบหน้าออกอย่างลวดๆ
ดวงตาสีฟ้าสว่างหันมองคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่นัก
ปั่ก! ปั่ก!
ดาวกระจายสี่อันในมือถูกคลี่ออกจากกันราวกับมันเป็นเพียงไพ่ธรรมดาๆก่อนที่มือแกร่งจะเขวี้ยงมันออกไปยังท่อนไม้ใหญ่ด้านหน้า
ส่งผลให้สิ่งที่ถูกเขวี้ยงออกเมื่อครู่ปักเรียงกันเป็นแถวตรงอย่างน่าทึ่ง
เสียงกรีดร้องอย่างชื่นชมและหลงใหลดังมาจากเด็กสาวคนอื่นๆที่ยืนดูเหตุการณ์เช่นเดียวกับเขา
“ฟีนิกซ์คุง
เท่มากเลย กริ๊ด–––––!”
คนถูกเอ่ยชื่อยกมือขึ้นเกาหัวเบาๆอย่างลืมตัวด้วยความสงสัย
ยังไงซะเขาก็ยังคงไม่ชินกับการที่อยู่ๆก็มีคนมากริ๊ดกร๊าดใส่เขาแบบนี้
เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเดินเบี่ยงตัวไปที่อื่นเพื่อหวังว่าเสียงของเพื่อนสาวในห้องจะหยุดลง
“ถ้าแบบนี้ซาสึเกะคุงก็จะมีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อแล้วน่ะสิ!” เสียงเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นจนคนอื่นๆหันไปมอง
“นั่นสินะ
แบบนี้ต้องตัดสินใจแล้วล่ะว่าจะเชียร์ใครดี!”
ราวกับเป็นหัวข้อสนทนาใหม่ในห้องนักเรียนนินจาปีนี้ จากเดิมที่ว่าเสียงดังอยู่แล้วระดับเสียงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาอีก
จนนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มได้แต่กระพริบตาปริบๆอย่างสงสัยอีกครั้งในรอบที่ร้อยของวัน
ชีวิตในโรงเรียนคงเป็นเรื่องที่เขาต้องเรียนรู้อีกเยอะ
..ตอนเย็นลองกลับไปถามคุณคาคาชิดูดีมั้ยนะ..
“เฮ้อ..
น่ารำคาญจริงๆพวกผู้หญิงเนี่ย”
น้ำเสียงแหบพร่าคล้ายกับคนพึ่งตื่นนอนดังมาจากด้านข้าง ฟีนิกซ์จึงต้องหันไปมอง
เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำที่อ่อนกว่าเขานั่งทำหน้าซังกะตายอยู่บนพื้น
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเงยมองท้องฟ้าด้วยความเบื่อหน่าย ถ้าเขาจำไม่ผิดอีกฝ่ายชื่อ นารา
ชิกามารุ เด็กหนุ่มที่มักจะทำหน้าตาเบื่อหน่ายโลกตลอดเวลา
แถมบางทีก็หลับในห้องเรื่องอีกตะหาก
“ถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
ฟีนิกซ์เอ่ยขึ้นทำให้ดวงตาที่แสดงถึงความเบื่อหน่ายอย่างที่สุดตวัดมามองเขา
“อะไรล่ะ?”
“ทำไมพวกผู้หญิงต้องกริ๊ดแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ”
“หา?! นี่นายไม่รู้จริงๆน่ะเหร๊อ”
“ฉันก็ไม่เห็นว่ามีอะไรให้น่าส่งเสียงดังแบบนั้นนี่”
คำตอบของฟีนิกซ์ทำให้เด็กหนุ่มที่ฟังอยู่ถึงกับเอามือตบหน้าผากตัวเอง
..เฮ้อ! นี่เด็กตระกูลคาซุกิเป็นแบบนี้ทุกคนรึไงเนี่ย!..
“นี่
ฟังนะ.. ที่พวกผู้หญิงนั่นกริ๊ดๆกันอ่ะ ก็เพราะว่านายหล่อไง
แน่นอนเจ้าซาสึเกะนั่นก็ด้วย ผู้หญิงก็งี้แหละ เจอคนหล่อๆก็กริ๊ดๆกัน
ยิ่งคนหล่อทำอะไรเท่ๆเก่งๆก็ยิ่งกริ๊ดแตกใหญ่”
ชิกามารุว่าพลางหันไปมองภาพตรงหน้าที่มีเด็กสาวยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานก่อนเบือนสายตาไปยังบุคคลที่ถูกลืมคนหนึ่งด้านข้างสุดสถานที่ฝึก
..ส่วนเจ้านารูโตะก็ยังไม่เอาอ่าวเหมือนเดิม..
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองตามไปยังที่สายตาชิกามารุกำลังจับจ้องอยู่ ดาวกระจายตกอยู่เต็มพื้นโดยที่มีเพียงไม่กี่อันเท่านั้นถูกปักบนท่อนไม้ด้านหน้า
เด็กหนุ่มผมทองได้แต่ยืนหอบหายใจ มือทั้งสองข้างถูกกำหมัดแน่น
ยามที่ได้ยินเสียงเด็กสาวคนอื่นๆต่างชื่นชมเด็กหนุ่มอีกสองคนในห้อง
“ฮึ่ม! ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอก เพราะฉันจะเป็นโฮคาเงะ!”
นารูโตะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะหยิบดาวกระจายขึ้นมาและเขวี้ยงมันไปอีกครั้ง
ฟีนิกซ์ได้แต่มองภาพตรงหน้าเงียบๆ
ถึงจะดูเป็นคนไม่มีพรสวรรค์และความสามารถเลยสักนิดแต่อีกฝ่ายก็ดูจะเป็นคนที่มีความพยายามไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอ้า
เด็กๆ หมดเวลาแล้วมารวมกันได้”
เสียงของจูนินหนุ่มดังขึ้นเรียกความสนใจของทุกๆคนให้หันไปมองและรีบเดินกลับไปยังที่เดิมอย่างเมื่อสิบห้านาทีก่อนหน้านี้
อิรุกะอธิบายอะไรบางอย่างนิดหน่อยต่อพร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะมีการทดสอบการปาคุไนและดาวกระจายส่งผลให้มีเด็กบางส่วนที่ยังไม่แม่นในเรื่องนี้ส่งเสียงร้องออดโอยออกมาทันที
“ยังไงวันนี้ก็พอแค่นี้ล่ะกัน
เจอกันพรุ่งนี้แล้วอย่าลืมไปฝึกการปาให้ตรงเป้ามาด้วยล่ะ”
สิ้นเสียงทุกๆคนต่างก็ลุกขึ้นกันอย่างรวดเร็วเพื่อหวังที่จะกลับบ้านกัน
“เฮ้ๆ
วันนี้เราไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านกันมั้ย”
“เอาดิๆ
ฉันก็รู้สึกหิวๆนะเนี่ย”
หลายๆคนเริ่มที่จะเดินออกไปจากโรงเรียน
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองตามคนอื่นๆที่ค่อยๆทยอยออกไปจากสถานที่ฝึก
แต่ไม่ทันไรก็มีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งเดินมาหาเขาพร้อมกับเอ่ยประโยคชักชวนออกมา
“ฟีนิกซ์คุง
วันนี้เดินกลับบ้านด้วยกันมั้ย?”
“หือ..
ไม่ล่ะ” คำตอบสั้นๆทำเอาเด็กสาวรู้สึกห่อเหี่ยวทันที
ไม่นานนักพวกเธอก็เดินจากไปด้วยอาการคอตก
..แวะร้านหนังสือก่อนกลับบ้านดีมั้ยนะ..
เมื่อนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มละสายตาจากกลุ่มเด็กสาวเมื่อครู่เขาก็ยืนนิ่งครุ่นคิดกับตนเองพักหนึ่ง
และเมื่อตกลงกับตัวเองได้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้จึงหมุนตัวเดินไปยังประตูทางออกของโรงเรียนทันที
ดวงตะวันยังคงส่องแสงแดดแก่ๆและดูท่าว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงดวงอาทิตย์ก็คงจะแปรเปลี่ยนเป็นสีส้ม
ฟีนิกซ์เดินเลี้ยวเข้าไปในร้านหนังสือร้านหนึ่ง
สายตาเรียบนิ่งไล่มองหน้าปกและสันปกหนังสือที่วางเรียงกันอัดแน่นในตู้ชั้นวาง
ภายในร้านมีลูกค้าคนอื่นๆอยู่เพียงไม่กี่คนจึงทำให้ร้านนี้เงียบสนิทเพราะต่างคนต่างก็สนใจแค่สิ่งที่ตัวเองกำลังมองอยู่เท่านั้น
[ชีวิตมันเป็นยังไง]
ประโยคใจความสั้นๆกับหน้าปกที่เป็นภาพวาดเสมือนจริงของวิวทิวทัศน์ในมุมมองจากหน้าผาซึ่งด้านล่างเป็นผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์หากแต่เป็นช่วงเวลากลางคืน
ท้องฟ้าในภาพนั้นจึงเป็นสีดำสนิทและถูกประดับประดาด้วยดวงดาวนับร้อยดวง
เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาก่อนพลิกดูด้านหน้าและหลัง
เมื่อไล่มองรายละเอียดภายนอกครบถี่ถ้วนเขาจึงเริ่มเปิดหน้าแรกออกเพื่ออ่านเนื้อหาด้านใน
[.. ว่ากันว่าคนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้ ..]
[
บางคนมีชีวิตที่ดีแต่เกิดมาบนผืนโลกนี้ บางคนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิตถึงจะมีชีวิตที่ดี
แต่ทว่า.. บางคนไม่ว่าจะทำอย่างไรชีวิตก็ไม่มีทางพบเจอสิ่งดีๆอย่างคนอื่นๆ]
ฟีนิกซ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่ออ่านหน้าแรกของหนังสือได้เพียงไม่กี่ประโยค
แต่เขาก็ปัดความคิดหนึ่งในหัวทิ้งไปก่อนจะไล่สายตาลงมาที่บรรทัดต่อไป
[ แต่รู้รึเปล่าว่า..การที่พยายามดิ้นรนอย่างไร
ก็ยังไม่พบเจอสิ่งดีๆและได้รับชีวิตที่ดีอย่างคนอื่นมันเป็นเพราะอะไร ]
[.. มันไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะตัวเราเองมากกว่า ..]
“อ้าว
ฟีนิกซ์ หวัดดีจ้ะ บังเอิญจังที่เจอที่ร้านหนังสือแบบนี้”
เขาอ่านไปได้เกือบจะจบหน้าเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นทำให้เขาต้องละสายตาออกจากหน้ากระดาษหันไปมอง
เรือนผมสีชมพูที่ยาวถึงกลางโดยมีโบว์สีแดงสดผูกอยู่ที่หัวเป็นจุดเด่นไม่ยากที่จะทำให้เขาจดจำได้
“อือ
สวัสดีซากุระ”
“ฟีนิกซ์ชอบมาร้านหนังสืองั้นเหรอ”
เด็กสาวเอ่ยถามราวกับชวนคุยตามประสาเพื่อนร่วมห้องธรรมดาๆ
“อือ
ปกติก็มาบ่อยๆ”
“เหรอจ้ะ
ว่าแต่อ่านอะไรอยู่เหรอ?”
ในประโยคหลังซากุระชะโงกหน้ามามองหน้าปกหนังสือในมือของเด็กหนุ่ม
ดวงตาสีมรกตฉายแววสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อเรื่องหนังสือของอีกฝ่าย
“ก็นะ”
ฟีนิกซ์ยักไหล่เล็กน้อยก่อนหันมาถามเด็กสาวบ้าง
“แล้วเธอล่ะ?”
“หืม?
อ๋อ พอดีมาซื้อของกับแม่น่ะ แล้วเห็นเธออยู่ในร้านนี้เลยเดินมาทักน่ะจ้ะ”
ฟีนิกซ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้เล็กน้อย
ไม่นานนักเด็กสาวก็โบกมือลาแล้วเดินออกไปจากร้าน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเบือนมามองที่หนังสือในมืออีกครั้ง
..ซื้อไปอ่านหน่อยก็ดี..
...........................................................................................................
| หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้
|
“ให้ตายเถอะ คาคาชิมาช้าอีกแล้วเหรอเนี่ย!”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น
เธอยืนกอดอกด้วยใบหน้าบูดบึ้งเมื่อต้องทนยืนรอใครบางคนมาเกือบชั่วโมงเศษๆได้
มือเรียวข้างขวายกขึ้นขยี้หัวตัวเองเบาๆด้วยความหงุดหงิด
ส่งผลให้เรือนผมสีน้ำตาลประกายแดงฟูขึ้นจากเดิมเล็กน้อย
“ฮ่าๆ
เจ้าคาคาชิก็งี้แหละนะ”
ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน
ริมฝีปากคล้ำพ่นควันสีเทาหม่นออกมา
ก่อนจะคีบม้วนบูหรี่ในปากออกแล้วหันไปมองเพื่อนร่วมทีมภารกิจในครั้งนี้อีกคน
“ว่าแต่ไอดะ
นายได้ซื้อบุหรี่มาเพิ่มมั้ย?”
“อ๋อ เอามาสิ” ทาเคโนริ
ไอดะ
พยักหน้าหงึกหงักก่อนล้วงมือเอาไปที่กระเป๋ากางเกงควักเอากล่องม้วนบุหรี่ที่อีกคนถามหาออกมา
“นายเองก็เพลาๆเรื่องสูบบุหรี่มั่งซิ๊
ฉันว่านายอาจไม่ได้ตายเพราะทำหน้าที่นินจาแต่อาจจะตายเพราะสูบบุหรี่มากเนี่ยแหละ”
ไอดะบ่นเบาๆก่อนโยนบุหรี่กล่องเล็กส่งให้อีกฝ่าย
“น่าๆ
อย่าบ่นเป็นคนแก่ไปหน่อยเลย” ซารุโทบิ อาสึมะ
โบกมือปัดๆพร้อมกับหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเก็บกล่องบุหรี่เข้ากระเป๋ากางเกงไป
สุกิยามะ
อายาเมะ ยืนมองชายหนุ่มสองคนที่เริ่มพูดหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มหันมองไปยังเส้นทางที่บุคคลอีกคนหนึ่งควรจะมาได้แล้วในเวลานี้ด้วยความหงุดหงิดมากกว่าเก่า
แดดร้อนไม่พอยังต้องเสียเวลามายืนรอคนคนเดียวอีกตะหาก
..มาเมื่อไหร่จะซัดให้น่วมเลย..
“มาแล้วจ้า โทษทีๆ
พอดีเมื่อกี้เจอแมวนอนขวางทางน่ะ” พอนึกถึงไม่ทันไรตัวปัญหาที่ทำให้เสียเวลาก็มาแถมยังไม่มีความเร่งรีบอีกตะหาก
คาคาชิโบกไม้โบกมือปัดไปมาเชิงขอโทษพร้อมคำแก้ตัวที่กี่คนที่ได้ฟังก็ถึงกับต้องทำหน้าเอือมระอาเป็นแถวๆ
หญิงสาวเพื่อนร่วมทีมในภารกิจครั้งนี้ถึงกับคิ้วกระตุกทันที
“แมวนอนขวางทางแล้วเกี่ยวอะไรกัน
ห๊ะ! เจ้าบ้าคาคาชิ!!!” ไม่ว่าเปล่ามือเรียวข้างขวาถึงกับยกขึ้นมาทำท่าทางจะชกเขาทันที
“น่าๆ
ใจเย็นๆเถอะ ไหนๆคาคาชิก็มาแล้วรีบไปกันดีกว่า”
ไอดะชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีตลอดเดินมาอยู่ระหว่างกลางของทั้งคู่พร้อมหันไปห้ามทัพฝั่งเพื่อนสาวตน
เมื่อความคิดของไอดะดูจะเข้าท่าที่สุดทุกคนจึงพยักหน้าตกลงก่อนจะเริ่มเดินทางกันไปยังสถานที่ปฏิบัติภารกิจทันที
ตึก! ฟิ้ว–––
เสียงของปลายเท้าที่แตะลงบนกิ่งไม้ใหญ่ดังขึ้นเป็นช่วงๆ
โจนินทั้งสี่คนเริ่มที่จะเร่งฝีเท้ามากขึ้นเมื่อพระอาทิตย์เริ่มที่จะคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ
“นี่ คาคาชิ
ฉันถามอะไรหน่อยสิ” อายาเมะหันไปมองหน้าอดีตเพื่อนร่วมทีมสมัยเกะนินที่อยู่ข้างๆ
นัยน์ตาสีแดงโกเมนสบเข้ากับดวงตาสีเถ้าถ่านเพียงข้างเดียว
“อะไรงั้นเหรอ?”
“เรื่องของเด็กที่อยู่ในความดูแลของนายน่ะ”
“หืม.. ฟีนิกซ์น่ะเหรอ?
ทำไมล่ะ”
“ก็นะ..
แค่อยากรู้ว่าตอนนี้เป็นไงมั่งแล้วน่ะ”
เมื่อได้ยินคำถาม
คาคาชิจึงเบนสายตากลับมามองด้านหน้าอีกครั้งหนึ่ง
เขานิ่งเงียบไปไม่กี่วินาทีก่อนจะตอบหญิงสาวออกไป
“วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนนินจาล่ะนะ
ตอนนี้เขาก็ปกติดีเหมือนเด็กทั่วๆไป แต่ดูเหมือนจะแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆนิดหน่อย”
“แตกต่างนิดหน่อยเหรอ?
เรื่องอะไรล่ะ?”
“..ไม่รู้สิ
มันเป็นแค่ความรู้สึกน่ะ อ่อ แล้วก็รู้สึกจะเป็นเด็กที่ชอบอ่านหนังสือมากๆด้วย
ปกติถ้าไม่เห็นกำลังฝึกก็จะอ่านหนังสือหรือไม่ก็ฟังเพลงล่ะนะ”
“เฮ้ๆ
หวังว่านายคงไม่ได้เอาหนังสือสวรรค์รำไรอะไรนั่นให้เด็กนั่นอ่านหรอกนะ”
อาสึมะหันกลับมามองเพื่อนของตนที่อยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าขำขัน
“จะบ้ารึไง..”
“ฮ่าๆ
ว่าแต่เด็กคนนั้นฝีมือระดับไหนเหรอ เห็นว่าเป็นเด็กตระกูลคาซุกินี่”
ไอดะเอ่ยขึ้นเมื่อฟังเพื่อนทั้งสามคนกำลังพูดถึงเด็กหนุ่มผมสีดำอยู่
“ก็นะ..
เก่งใช้ได้เลย
แต่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ฝีมือพัฒนาไปขั้นไหนแล้วเพราะไม่ค่อยมีเวลาไปฝึกให้น่ะ”
“ถ้านายพูดขนาดนี้คงไม่มีอะไรน่าห่วงในเรื่องโรงเรียนนินจาหรอกมั้ง”
อาสึมะพูดขึ้นพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านบน
กลุ่มเมฆกำลังเคลื่อนตัวออกจากดวงอาทิตย์ส่งผลให้ความร้อนเริ่มกลับมาอีกครั้ง
“แต่ไอ้เรื่องเป็นห่วงน่ะมันก็มีอยู่”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้อายาเมะหันมามองหน้าเขาด้วยความสงสัย
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“ก็..
เรื่องเพื่อนไง เด็กคาซุกิน่ะตั้งแต่เกิดมาก็จะถูกฝึกและถูกเลี้ยงดูแต่ในตระกูล
การไปโรงเรียนก็ทำให้พบเจอคนหลายๆแบบรวมถึงเพื่อนร่วมห้อง
ฉันก็เป็นห่วงไอ้ตรงนี้แหละนะ”
“เจ้าหนูฟีนิกซ์ไม่เหมือนนายตอนเด็กหรอกน่า
ห่วงทำไม”
“ฮ่าๆ ๆ”
คำพูดกัดแซะของอาสึมะทำให้ทั้งไอดะและอายาเมะถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
ชายหนุ่มผมเงินจึงได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับทำหน้าเบื่อหน่าย
แต่ว่ามันก็จริงแบบที่อีกฝ่ายพูด
ฟีนิกซ์ถึงจะเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาเท่าไหร่แต่เด็กคนนั้นก็ไม่ได้หยิ่งทะนงตนเองเหมือนกับเขาในวัยเด็ก..
และนั่นทำให้เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถใช้ชีวิตแบบเด็กคนอื่นๆได้ภายในรั้วโรงเรียนนินจาจนกว่าจะเรียนจบและสามารถเป็นเกะนินได้อย่างเต็มภาคภูมิ..
ความคิดเห็น