คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 |..ก่อนวันสอบกับความปรารถนาเพียงสั้นๆ..|
บทที่ 6
“ก่อนวันสอบกับความปรารถนาเพียงสั้นๆ”
หนึ่งปีต่อมา..
โฮโนฮะงาคุเระยังคงสงบสุขดั่งปกติ
ชาวเมืองทุกคนเองก็ดำเนินชีวิตตามกิจวัตรประจำของตนเองไปเรื่อยๆ
หมู่บ้านที่ไร้ซึ่งภัยพิบัติและสงครามใครๆต่างก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่างเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ยิ่งนัก
ฟีนิกซ์ยกแขนเหยียดขึ้นฟ้าบิดลำตัวไปมาเบาๆพอไล่ความขี้เกียจหลังตื่นนอนไปได้เปราะหนึ่ง
ร่างที่สูงขึ้นจากหนึ่งปีก่อนเดินออกจากห้องพักของตนเองด้วยความไม่รีบร้อนเช่นเดิม
เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นพันธุกรรมหรือยังไง
ในการที่เขานั้นมีส่วนสูงที่ดูเหมือนจะมากกว่าเด็กวัยเดียวกันนิดหน่อย
แต่ความสูงที่มากกว่าก็มีทั้งจุดดีและจุดเสียในการต่อสู้เหมือนกันถึงแบบนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะใส่ใจนัก
เมื่อมาถึงห้องเรียนทุกอย่างก็ยังคงปกติเช่นเดิม
คำกล่าวทักทายเดิมๆ เด็กสาวที่วิ่งมารายล้อมดังเดิม เสียงโวยวายของคนอื่นๆแบบเดิม
แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกกับบรรยากาศโดยรอบมากนัก
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดสายตามองไปยังพื้นที่ว่างข้างๆซึ่งเป็นที่นั่งประจำของใครคนหนึ่งที่ยังคงมาไม่ถึงห้องเรียนในเวลานี้
แต่เมื่อหันมองนาฬิกาบนผนังก็พบว่ามันเริ่มจะสายมากเสียแล้ว
..คงไม่ได้ไปก่อเรื่องหรอกนะ..
ปึก!
ตุบ!!
นึกถึงไม่เท่าไหร่ตัวปัญหาของห้องก็มาถึง
หากแต่ร่างทั้งร่างของเด็กหนุ่มกับถูกมัดด้วยเชือกจนขยับตัวไม่ได้
อิรุกะผู้เป็นครูทำหน้าเหี้ยมใส่คนบนพื้นเมื่อโยนตัวปัญหาลงจากบ่า
“ฟังให้ดีนะ
นารูโตะ! พรุ่งนี้จะถึงวันสอบจบการศึกษาของโรงเรียนนินจาล่ะนะ
แต่นายเองก็ยังสอบตกแล้วตกอีก มันไม่ใช่เวลาไปเล่นเพี้ยนๆนะ เจ้าเด็กบ๊อง!!” เสียงดุๆของอิรุกะทำให้นารูโตะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
ฟีนิกซ์เท้าคางมองภาพด้านล่างราวกับมันเป็นเรื่องที่ชินตาอยู่ทุกวัน
หากให้เขาเดาแล้วล่ะก็เด็กหนุ่มผมทองคงไปแต่งแต้มสีสันให้กับใบหน้าของโฮคาเงะบนหน้าผาแกะสลักอย่างแน่นอน
แต่ดูเหมือนว่าการสะบัดหน้าหนีและทำเมินของนารูโตะจะทำให้อิรุกะปริ๊ดแตก
จูนินหนุ่มหันหน้ามาทางนักเรียนคนอื่นๆในห้องเรียนก่อนจะชี้นิ้วออกคำสั่งทันที
“ชั่วโมงเรียนในวันนี้จะทดสอบคาถาแปลงร่าง! ทุกคนเข้าแถว!
ต้องแปลงร่างให้เหมือนครูนะ!”
สิ้นประโยคของครูหนุ่มเด็กๆในห้องต่างก็ส่งเสียงร้องออดโอยออกมาทันที
...........................................................................................................
เวลาผ่านไปราวๆเกือบครึ่งชั่วโมงนักเรียนในห้องหลายๆคนต่างต่อแถวเดินไปทดสอบคาถาแปลงร่างในวันนี้
ฟีนิกซ์ยืนพิงโต๊ะเรียนเล็กน้อย
เขารู้สึกหิวขึ้นมาแปลกๆทั้งๆที่เมื่อเช้าก็กินข้าวมาแล้วแท้ๆ ดูเหมือนว่ายิ่งโตจะยิ่งกินเยอะขึ้นซะจริงๆ
พอคิดแบบนั้นก็แอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ต่อไปคาซุกิ
ฟีนิกซ์”
เสียงของอิรุกะเรียกชื่อเขาดังขึ้นทำให้เด็กสาวส่งเสียงกริ๊ดกร๊าดกันออกมาจนเขาเริ่มจะรู้สึกรำคาญขึ้นมาตะหงิดๆ
“ครับ”
เขาขานรับเบาๆก่อนจะเริ่มผสานอินทันที
ปุง!
เมื่อคาถาทำงานก็เกิดควันสีขาวๆขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นร่างที่เหมือนกับผู้เป็นครูของห้องนี้ได้อย่างเป๊ะทุกระเบียบนิ้ว
เมื่อเห็นดังนั้นอิรุกะจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“เก่งมากฟีนิกซ์”
หลังจากนั้นเขาจึงคลายคาถาและเดินไปหลบที่มุมห้องเงียบๆท่ามกลางเสียงหวีดร้องแสดงความยินดีของเด็กสาวคนอื่นๆ
นัยน์ตาสีเข้มหันไปมองอีกหลายๆคนที่กำลังทดสอบคาถานี้อยู่
เด็กสาวผมสีชมพูหวานเมื่อสามารถทำได้ดีก็คลายคาถาก่อนจะหันไปถามเด็กหนุ่มตระกูลอุจิฮะยกใหญ่ว่าเห็นสิ่งที่เธอทำหรือไม่
มองดูยังไงซะซากุระก็คงชอบเด็กอุจิฮะนั่นอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
และนั่นทำให้เขายกมือขึ้นกอดอก
ไม่ใช่ว่าเขาชอบเด็กสาวที่มีชื่อเป็นดอกไม้นั่น
แต่เพราะเพื่อนเขาตะหากที่ชอบเด็กสาว..
ดวงตาสีน้ำเงินหันไปมองเด็กหนุ่มผมทองที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อถึงตาของตนเอง
แต่ถึงแบบนั้นก็ดูเหมือนจะมีใครบางคนคอยให้กำลังใจนารูโตะอยู่ห่างๆ
ฟีนิกซ์ละสายตาหันไปมองเด็กสาวอีกคนทันที
ถ้าเขาจำไม่ผิดเด็กสาวคนนั้นคือ ฮิวงะ ฮินาตะ
เป็นคนที่เกิดมาในตระกูลขีดจำกัดทางสายเลือดคล้ายๆกับเขา
แต่พลังของอีกฝ่ายคือเนตรสีขาวซึ่งสามารถมองได้ทะลุทุกสิ่ง..
ดูท่าว่าเด็กสาวตระกูลฮิวงะจะแอบชอบเพื่อนเขาซะด้วย..
ถ้าจะว่าไปเขาเองก็สนใจอีกฝ่ายเมื่อกัน..
ไม่.. เขาไม่ได้สนใจในตัวเธอ
แต่เขาสนใจกระบวนท่ามวยอ่อนที่สืบทอดกันเฉพาะคนในตระกูลฮิวงะตะหากล่ะ
“เฮะ..
อ๊าก–––––!”
อยู่ๆเสียงอิรุกะก็ดังขึ้นทำให้เขาละสายตาออกจากเด็กสาวขี้อาย
นารูโตะที่ควรจะใช้คาถาแปลงร่างเป็นจูนินหนุ่มนั้นกลับกลายเป็นว่ากลายเป็นหญิงสาวที่ไม่ใส่เสื้อผ้าแทน
และดูเหมือนว่านั่นจะทำให้ครูของพวกเขาเลือดกำเดาไหลเป็นสายไม่น้อย
แต่สำหรับเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรยามเห็นเรือนร่างนั้น..
ถึงอีกฝ่ายจะทำออกมาได้ดีทั้งสัดส่วนและช่วงอกที่ใหญ่บึ้มนั่นก็เถอะ..
“ฮ่าๆ
ๆ! เป็นไงๆ ขอตั้งชื่อคาถานี้ว่าคาถามหารัญจวน!”
“เจ้าเด็กบ๊องเอ๊ย! อย่าสร้างคาถาเองตามใจชอบเซ่!!”
ฟีนิกซ์ได้แต่ส่ายหน้าให้กับภาพตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจหน่อยๆ
...นั่นแหละนะนารูโตะ
...........................................................................................................
หลังจากหมดชั่วโมงเรียนในวันนี้ดูเหมือนว่านารูโตะจะโดนลากตัวไปรับบทลงโทษที่ไหนสักแห่ง
จึงทำให้เขาต้องเดินทอดน่องออกมาจากโรงเรียนอย่างเชื่องช้าเพราะไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรต่อ
หากเป็นปกติก็คงจะไปกินราเมนที่ร้านอิจิคุกับนารูโตะ
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่ด้วยแบบนี้ก็คงต้องเดินเล่นไปเรื่อยๆจนกว่าจะเย็นล่ะนะ
“อ้าว
ไงฟีนิกซ์”
น้ำเสียงหนืดๆเหมือนคนง่วงนอนดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มต้องหันไปมอง
ชิกามารุยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองเขาด้วยสายตาเบื่อหน่ายตามปกติของเจ้าตัว
แต่การที่อีกฝ่ายทักเขาแบบนี้ก็ทำให้เขางุนงงเหมือนกัน
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ก็ดูนายว่างๆอ่ะ
ว่าจะชวนไปเล่นเกมหน่อย ไปป่าว” เด็กหนุ่มตระกูลนารากวักมือเรียกเขาเบาๆ
ยังไงซะเขาเองก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อจึงเดินตามคำชวนอีกฝ่ายไป
อย่างน้อยๆก็คงมีอะไรให้เขาทำมากกว่าเดินเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมายแบบนี้
“อยู่ๆมาชวนแบบนี้ดูแปลกๆนะ”
เขาพูดขึ้นพลางหันไปมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย แต่ชิกามารุกลับหาวออกมาวอดหนึ่ง
“ก็นะ
แค่อยากชวนไปเล่นหมากรุกน่ะ”
“หมากรุกเหรอ?”
“ช่าย
อย่างนายน่าจะเล่นเป็นนี่”
“ความจริงก็พอเล่นได้อยู่..”
ฟีนิกซ์ตอบกลับพลางนึกถึงตอนล่าสุดที่เคยเล่นซึ่งมันก็นานมากแล้วจนจำแทบไม่ได้ว่าในตอนนั้นเขาแพ้หรือชนะคนที่เล่นด้วย
“ดีเลย
จะได้ไม่เสียเวลาอธิบายมันน่ารำคาญน่ะ”
เด็กหนุ่มผมดำมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเชิงจะบอกว่า
‘ถ้ารำคาญจะชวนมาทำไม’ เป็นกลายๆ
แต่เขาก็เลือกที่จะหันหน้ามองไปตรงถนนด้านหน้าแทนที่จะพูดออกไป
เดินมาได้ประมาณห้านาทีกว่าก็มาถึงบ้านตระกูลนารา
ชิกามารุเดินนำเข้ามาในตัวบ้านซึ่งเป็นสไตล์เรือนญี่ปุ่นดั้งเดิม
เด็กหนุ่มขี้เบื่อเล่าว่าตระกูลตนนั้นมีงานอดิเรกคือการเลี้ยงดูกวางและสามารถนำกวางมาทำเป็นยารักษาได้
ซี่งก็ทำให้ฟีนิกซ์เองรู้สึกสนใจไม่น้อย
“อ้าว
ชิกามารุ วันนี้พาเพื่อนมาด้วยเหรอ”
เมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขก
หญิงสาวที่กำลังหอบผ้าพะรุงพะรังก็หันมาเห็นเขาทั้งสองพอดีจึงเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสกว่าปกติ
“อ่อ..เอ่อ..
ใช่ครับแม่ นี่ฟีนิกซ์เพื่อนผมเอง” ชิกามารุเอ่ยแนะนำตัวแทนเขา
เด็กหนุ่มผมดำจึงทำเพียงโค้งตัวให้คนอายุมากกว่าตรงหน้าเล็กน้อย
หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงอมยิ้ม
“จ้า
งั้นเดี๋ยวแม่ไปเตรียมขนมให้ล่ะกันนะ”
ว่าจบหญิงสาวก็เดินฮัมเพลงหายเข้าไปอีกด้านหนึ่งของบ้าน
“เฮ้อ
..สงสัยวันนี้มีเรื่องดีๆมั้ง” ชิกามารุพึมพำออกมาพลางยกมือเกาหัวแกร็กๆ
“หือ?”
“ก็นะ..ปกติแม่ฉันดุจะตาย
แต่ถ้าวันนี้ยิ้มขนาดนี้คงมีแต่เรื่องดีๆนั่นแหละนะ”
เด็กหนุ่มตระกูลนาราไหวไหล่เล็กน้อยก่อนกวักมือเรียกให้เขาเดินตามไปอีกทาง
เมื่อเดินพ้นออกมาจากห้องโถง
ทางด้านหน้าก็คือริมระเบียงนอกบ้านแบบญี่ปุ่น ฟีนิกซ์หันมองไปรอบๆซึ่งมีต้นไม้และพืชต่างๆถูกปลูกไว้ทั่วบ้านอย่างเป็นระเบียบ
ยามสูดอากาศเข้าปอดก็ทำให้ได้กลิ่นจางๆของสมุนไพรลอยมาแตะจมูก
“ว่าไงชิกามารุ”
เสียงทุ้มๆที่ฟังเหมือนเสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มคาซุกิละสายตาจากต้นไม้ใบหญ้าหันไปมองยังต้นเสียง
“ครับ
นี่เพื่อนผม ชื่อฟีนิกซ์ที่เคยเล่าให้ฟัง ฮ้าว..” ชิกามารุพูดขึ้นก่อนจะนั่งลงบนเบาะรองนั่งตรงข้ามพ่อของตนแล้วหาวออกมาอีกหนึ่งที
“สวัสดีครับ”
ฟีนิกซ์โค้งตัวลงเล็กน้อย
นารา ชิคาคุ ยิ้มให้เด็กหนุ่มบางๆก่อนจะเอ่ยเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเบาะรองนั่งซึ่งถูกเตรียมไว้อยู่แล้ว
สายตาคมไล่มองเด็กหนุ่มตระกูลคาซุกิอย่างพิจารณา
มือหนายกขึ้นมาแตะปลายคางอย่างครุ่นคิดบางอย่างเล็กน้อย
“มาเล่นเกมกันดีกว่า”
จู่ๆชิกามารุก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับจัดเรียงกระดานหมากใหม่ให้อยู่ในตอนเริ่มต้น
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มก้มลงมองแผ่นไม้สีเหลี่ยมบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าด้วยความสนอกสนใจ
“ฮ่าๆ
งั้นพ่อก็ขอเป็นคนนั่งดูล่ะกันนะ”
ชิคาคุเอ่ยออกมาพร้อมเสียงหัวเราะก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกมองเด็กทั้งสองตรงหน้า
“งั้นฉันจะเริ่มก่อนล่ะกัน”
ชิกามารุพูดขึ้นก่อนจะเริ่มใช้ตัวหมากเดิน
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนชำเลืองมองสีหน้าอีกฝ่ายเป็นระยะๆ
และดูเหมือนว่าการชวนอีกฝ่ายมาเล่นเกมนี้จะทำให้เขาได้เห็นมุมมองและแววตาที่แปลกใหม่ของอีกคนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทีเดียว
...........................................................................................................
ภายในห้องทำงานของโฮคาเงะ
ชายชราผู้ครอบครองตำแหน่งอันใหญ่ที่สุดของแคว้นกำลังนั่งพิจารณาเอกสารปึกหนึ่งในมือ
ดวงตาที่มีรอยเหี่ยวย่นประดับรอบๆกวาดสายตาไล่อ่านตัวอักษรในหน้ากระดาษทุกตัวอักษรก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย
ก๊อก..ก๊อก..
“ฮาตาเกะ
คาคาชิครับ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกให้โฮคาเงะรุ่นสามละสายตาจากเอกสารในมือ
สิ้นเสียงเคาะเพียงไม่ถึงวินาทีผู้ที่ทำให้เกิดเสียงเมื่อครู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยที่เสียงดังพอจะให้มันเล็ดลอดเข้ามาในห้องเพื่อให้อีกคนรับรู้
“เข้ามา”
ชายหนุ่มผมเงินปรากฏตัวขึ้นหลังจากประตูทุกปิดลง
โจนินหนุ่มเดินมายืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของผู้เป็นโฮคาเงะเตรียมรับคำสั่งจากอีกฝ่าย
“ก็..
ที่เรียกเธอมาก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ” ซารุโทบิเอ่ยขึ้นพลางวางเอกสารลงบนโต๊ะ ศอกแขนทั้งสองข้างถูกยกมาเท้ากับโต๊ะก่อนจะผสานมือเข้าด้วยกัน
“พรุ่งนี้จะเป็นวันสอบจบการศึกษาของเด็กๆในโรงเรียนนินจา
ฉันมั่นใจว่ายังไงซะฟีนิกซ์คุงก็คงจะสอบผ่านอยู่แล้ว และนั่นคือปัญหา”
“ปัญหา?..
ยังไงงั้นเหรอครับ?”
“ฮึ่ม..
จะว่ายังไงดีล่ะ” ซารุโทบิขมวดคิ้วเป็นปมเล็กน้อย
นัยน์ตาที่ผ่านโลกมามากถูกปิดซ่อนไว้ใต้เปลือกตาอันเหี่ยวย่นอย่างชั่งใจ
“ฟีนิกซ์คุงน่ะสูญเสียครอบครัวไปเพราะถูกฆาตกรรมยกตระกูล
ถึงบุคลิกและนิสัยเขาที่เราเห็นกันจะดูเหมือนคนไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นแต่พอเอาจริงๆแล้วเราเองก็ไม่ได้รู้ถึงความนึกคิดของเด็กคนนั้นเลย”
คาคาชิเงียบฟังอีกฝ่ายอย่างไม่พูดอะไร
หากแต่ภายในสมองก็กำลังขบคิดไปกับประโยคที่ซารุโทบิเอ่ยออกมา
“หากจะพูดถึงการสูญเสียก็มีอีกคนหนึ่งที่คลับคล้ายของเขา
ซึ่งก็คือ..”
“อุจิฮะ..
ซาสึเกะ สินะครับ” คาคาชิเอ่ยแทรก โฮคาเงะรุ่นสามจึงพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ
“เด็กคนนั้นยังไงซะก็คงมีความแค้นที่คิดจะตามฆ่าพี่ชายตนเองซึ่งเป็นผู้สังการทุกคนในตระกูลอุจิฮะอย่างแน่นอน
..กลับกัน
ตัวของฟีนิกซ์คุงนั้นดูเหมือนจะไม่ยินดียินร้ายหรือมีความรู้สึกด้านลบแบบนั้นในตัวตนของเขาเลยสักนิดเดียว”
ซารุโทบิเงยหน้ามาสบเข้ากับดวงตาสีเถ้าถ่านของโจนินหนุ่มตรงหน้า
“ฉันน่ะนะ..
ก็แก่มากขนาดนี้แล้ว... ถึงจะไม่รู้ชัดถึงนิสัยหรือความคิดของเด็กหนุ่มคนนั้น
แต่ฉันมั่นใจแน่ว่าฟีนิกซ์คุงน่ะปราศจากซึ่งความแค้นชิงชังในอดีตของตนเอง
ในแววตาของเขานั้นไม่เหมือนกับเด็กอุจิฮะ กลับกันเลย..
แววตานั่นดูเหมือนจะกำลังแบกรับบางสิ่งอยู่ซะมากกว่า...”
ในประโยคหลังดวงตาของชายชราอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
การเปรียบเทียบใบหน้าของเด็กหนุ่มสองคนในหัวทำให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะนึกถึงลูกศิษย์ของตนเองคนหนึ่งขึ้นมา
“เพราะงั้นนะ
คาคาชิ..”
“ครับ?”
“ยังไงซาสึเกะเองก็คงจะสอบผ่านอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นหน้าที่การดูแลฟีนิกซ์คุงและซาสึเกะฉันจะให้เธอเป็นคนดูแล”
“ผมเหรอครับ?”
“ใช่..
ฉันรู้ว่าเธอน่าจะเข้าใจถึงความรู้สึกของการสูญเสียมากที่สุด
เพราะงั้นก็อยากจะให้ช่วยดึงเอาไว้หากคนใดคนหนึ่งเผลอหลุดออกจากเส้นทางที่มีแสงสว่างเช่นนี้”
“เข้าใจแล้วครับ”
คาคาชิรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และยามนึกถึงใบหน้าของบุคคลสองคนในบทสนทนานี้ก็อดไม่ได้ที่ความทรงจำในอดีตจะไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว
..ความทรงจำที่เขานั้นต้องสูญเสียคนที่รักจนหมดสิ้น
“ฉันขอฝากเธออีกครั้งด้วยนะ
คาคาชิ”
...........................................................................................................
“โห
นายเองก็เก่งใช่เล่นนะเนี่ย แน่ใจเหรอว่าไม่ได้เล่นนานน่ะ?”
ชิกามารุผิวปากออกมาเบาๆก่อนเอ่ยออกมา
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเงยสบกับอีกฝ่ายด้วยความทึ่ง
“ก็..ไม่ได้เล่นนานจริงๆล่ะนะ”
ฟีนิกซ์ว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
ชิคาคุกอดอกมองหน้าเด็กสองคนด้วยความรู้สึกบางอย่าง
ถึงเด็กหนุ่มคาซุกิจะแพ้ให้กับลูกชายตนแต่ทว่าการวางเกม การมองเล่มต่างๆของอีกฝ่ายเองก็น่ากลัวใช่เล่น
ชายวัยกลางคนหันมามองหน้าลูกชายตนช้าๆ
และดูเหมือนว่าชิกามารุดูจะสนใจอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นสำหรับคนขี้เบื่ออย่างเด็กหนุ่ม
และนั่นทำให้เขายิ้มออกมาน้อยๆ
“อะแฮ่ม
เอาล่ะ เกมจบแล้วเธอสนใจจะดูการเลี้ยงกวางของตระกูลฉันรึเปล่า?”
ชิคาคุกระแอมออกมาเบาๆก่อนหันไปมองเด็กหนุ่มผมดำสนิท
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกระพริบตามองเขาปริบๆก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมๆกับแววตาที่ฉายชัดถึงความสนอกสนใจ
“สนใจครับ”
“หา
มันน่าเบื่อนา”
ชิกามารุที่ได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นพลางยกมือขึ้นผสานที่ท้ายทอยตนเอง
“ฉันว่าดูน่าสนุกมากกว่านะ”
“นายนี่พิลึกคนชะมัด”
“ฮ่าๆ
ถ้าสนใจก็ตามฉันมาล่ะกัน” ผู้นำตระกูลนาราหัวเราะออกมาเบาๆก่อนลุกขึ้นและเดินไปนอกเรือน
ไม่ต้องให้สาวความมากกว่านี้เด็กหนุ่มคาซุกิก็รีบลุกเดินตามไปทันที
และเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ชิกามารุจะต้องลุกตามไปอีกคน
..เฮอะ
มีแต่เรื่องน่ารำคาญแฮะ..
ถึงจะบ่นในใจเงียบๆแต่ยังไงซะชิกามารุก็ยังคงเดินตามหลังสองคนตรงหน้าอยู่ดี
“พื้นที่ตรงนี้ทั้งหมดคือพื้นที่ของตระกูลฉันที่ได้รับมาและได้เอามาเลี้ยงดูพวกกวางเหล่านี้”
ชิคาคุเอ่ยขึ้นพลางลูบหัวกวางตัวใหญ่ ขนสีน้ำตาลเข้มสวยที่ดูเหมือนได้รับการดูแลเอาใจใส่มาอย่างดีของกวางตรงหน้าทำให้ฟีนิกซ์มีแววตาเปล่งประกายเล็กน้อย
“ตัวนี้เป็นจ่าฝูงเหรอครับ?”
ฟีนิกซ์ถามพลางจ้องตากับกวางใหญ่
“ฮ่าๆ
ๆ ใช่ ดูออกด้วยงั้นเหรอ”
“ก็ตัวนี้ดูเด่นกว่าตัวอื่นๆนี่ครับ”
คำตอบของฟีนิกซ์ทำให้ชิคาคุยิ้มออกมาบางๆอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อดวงตะวันเริ่มส่องแสงสีส้มอ่อนพร้อมกับคล้อยๆเคลื่อนตัวต่ำลง
ทำให้ฟีนิกซ์ต้องขอตัวกลับไปออกมาจากตระกูลนารา ชิกามารุเองก็เดินมาส่งเขาที่หน้าบ้านของตน
แววตาของเด็กหนุ่มฉายแววสงสัยบางอย่างก่อนจะเอ่ยเรียกฟีนิกซ์ที่กำลังจะเดินห่างออกไปจากเขตตระกูลเขาไว้
“เฮ้
ฟีนิกซ์”
“หือ?”
“ฉัน..ถามอะไรได้รึเปล่า”
“ได้สิ”
เด็กหนุ่มคาซุกิหันกลับมามองหน้าตรงๆกับชิกามารุ เด็กหนุ่มไอคิว 200
กว่าทำหน้าแปลกๆอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเขาออกมา
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ
แต่สงสัยว่าทำไมนายถึงได้เป็นห่วงเจ้านารูโตะนักน่ะ?”
“เพราะเป็นเพื่อนกันนี่”
คำตอบตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่มถึงกับทำให้ชิกามารุถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
..กะแล้วว่าต้องพูดแบบนี้..
“เฮ้อ..
มันก็ใช่แหละนะ แต่ที่ฉันสงสัยคือทำไมนายถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ
นายเองก็น่าจะพอรู้นี่ว่าเจ้านารูโตะเป็นคนที่ไม่มีใครอยากจะเป็นเพื่อนด้วยน่ะ”
ชิกามารุเอ่ยออกมา
ไม่ใช่ว่าเขากำลังดูถูกนารูโตะ
แต่ว่าเขากำลังสงสัยในความนึกคิดของคนตรงหน้าตะหาก เด็กที่เพียบพร้อมทั้งด้านสมองและกำลัง
รวมถึงเป็นที่สนใจของใครหลายๆคนทำไมถึงได้เลือกที่จะคบกับเด็กหนุ่มจอมโวยวายและเป็นที่รังเกียจเดฉันท์ของหมู่บ้านอย่างนารูโตะเป็นเพื่อน
ฟีนิกซ์เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
แต่ถ้าหากฟังดูจะรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่แฝงมากลับน้ำเสียงนั่น
“..นายเข้าใจคำว่าโดดเดี่ยวรึเปล่าชิกามารุ..”
“โดดเดี่ยว?”
เขาทวนคำเบาๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดต่อ
“เขาไม่เข้าใจและรู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองต้องโดดเดี่ยวและโดนรังเกียจจากคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน”
ฟีนิกซ์เอ่ยออกมาพลางหันไปมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า
แสงของมันส่งผลให้ทั่วทุกทิศแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้ม
“นายรู้รึเปล่า
ว่าถึงจะเป็นแบบนั้นแต่นารูโตะก็ยังไม่มีความรู้สึกอคติกับหมู่บ้านนี้หรือผู้คนที่นี่เลย
ในทางกลับกันหมอนั่นกลับอยากที่จะกลายเป็นที่ยอมรับจากทุกๆคน”
“...”
ชิกามารุหลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อยพลางนึกถึงตลอดเวลาที่เขารู้จักกับนารูโตะมา
“หมอนั่นเคยเล่าให้ฉันฟังว่า
‘ฉันจะต้องเป็นที่ยอมรับจากทุกคนในหมู่บ้าน แล้วฉันจะขึ้นเป็นโฮคาเงะและปกป้องหมู่บ้านนี้ไว้’ ตอนนั้นที่ได้ยินมันทำให้ฉันคิดว่า..”
“หมอนั่นน่ะดูใสซื่อและบริสุทธิ์เกิน..”
ชิกามารุเงยหน้ากลับมาสบตากับนัยน์เนตรสีเข้มอีกครั้ง
“ฮะๆ..
ร้อยในล้านคนเลยนะที่จะคิดแบบนั้นทั้งๆที่ตัวเองกลายเป็นที่รังเกียจแบบนั้นน่ะ”
ฟีนิกซ์หัวเราะออกมาเบาๆ
มันไม่ใช่เสียงหัวเราะเย้ยหยันหากแต่เป็นการหัวเราะอย่างชื่นชม
“ฉันน่ะ..
ประทับใจมากเลยนะ เกิดมาไม่เคยพบเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย..
แต่ว่าคนแบบนี้กลับไม่มีใครคบ ไร้ซึ่งเพื่อน ไร้ซึ่งครอบครัว
ฉันไม่อยากให้หมอนั่นโดดเดี่ยว”
“เพราะงั้น..นายเลยเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับหมอนั่นสินะ”
ชิกามารุพูดขึ้น แต่ฟีนิกซ์กลับไม่ตอบ อีกฝ่ายทำเพียงส่งยิ้มบางๆมาให้เท่านั้น
“แล้วก็..”
“อะไรงั้นเหรอ?”
“ฉันอยากเอาใจช่วยเรื่องความใฝ่ฝันของนารูโตะน่ะ”
ฟีนิกซ์พูดพลางยกมือเกาแก้มตัวเองเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“หา?”
“ฮะๆ
ก็นะ ฉันน่ะก็เป็นแค่คนไม่มีความฝันน่ะนะ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองอยากจะทำอะไรในอนาคต
พอได้เห็นหมอนั่นพยายามแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยน่ะ”
คำพูดของฟีนิกซ์ทำให้ชิกามารุลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย
“นายไม่มีความฝันเลยงั้นเหรอ?”
ฟีนิกซ์ยิ้มออกมาบางๆอีกครั้ง
พลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีส้มที่มีหมู่เมฆบางๆแต่งแต้มประปรายเต็มฟากฟ้า
นกสีขาวตัวหนึ่งกำลังกางปีกสยายบินอยู่ภายใต้ท้องนภาอย่างสุขอุรา
“..ฉันแค่..อยากจะมีชีวิต..
ที่เป็นอิสระเช่นเดียวกับนกตัวนั้น... ฉันก็ไม่หวังอะไรอีกแล้วล่ะ..”
ชิกามารุนิ่งงันกับประโยคของอีกฝ่าย
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนยังคงมองคนตรงหน้าอยู่แบบนั้นจนเด็กหนุ่มผมดำยกมือโบกลาเขาและเดินลับสายตาไป
เขาจึงได้สติกลับมา
“ชีวิต..ที่เป็นอิสระงั้นเหรอ...”
ถึงเขาจะรู้สึกรำคาญที่เริ่มมีเรื่องยุ่งยากเข้ามาให้ชีวิตมากขึ้น
แต่มันก็ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า.. สรุปอีกฝ่ายนั้นมีชีวิตยังไงกันแน่?...
สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ
รู้สึกว่าช่วงนี้เราจะอัพนิยายเรื่องนี้บ่อยกว่าเรื่องไหนที่เคยเป็นมา
ฮ่าๆ *หลบสายตา
แต่วันนี้เรามาพูดถึงเด็กหนุ่มที่เริ่มจะมีบทบาทมากขึ้นอย่าง
นารา ชิกามารุ กันดีกว่าค่ะ!
หลังจากย้อนไปดูนารูโตะใหม่ตั้งแต่ตอนแรกๆ
นอกจากตัวหลักอย่างนารูโตะที่มีการพัฒนาแล้วเราก็จะได้เห็นเด็กหนุ่มขี้เบื่อหน่ายอย่างชิกามารุด้วยเช่นกัน
เขาเป็นอีกคนที่มาใกล้มากๆเลยค่ะ ตอนแรกๆดูเป็นที่เหมือนกับขี้ขลาดและดูเหมือนจะรำคาญซะทุกอย่างจนเกินไป
แต่หลังจากสอบจูนินและเริ่มได้รับภารกิจแรกของการเลื่อนขั้นจากเกะนินแล้ว
เขาก็ดูเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ!
เหตุนี้เลยเริ่มจะทำให้เรารู้สึกปลื้มและชื่นชมเขามากๆ จึงๆแล้วถ้าไม่นับคาคาชิ
ชิกามารุก็คงเป็นชายคนหนึ่งที่เราอยากแต่งงานด้วยเลย–––– *พัดตบหัว
เอาจริงๆเขาเป็นผู้ชายที่ดีนะคะ
พ่อบ้านใจกล้าด้วย ฮ่าๆ ๆ
วันนี้พอแค่นี้ดีกว่าค่ะ
ตอนหน้าจะเริ่มเข้าสู่โหมดเนื้อหลักกันแล้ว ฝากติดตามและเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ <3
สามารถแสดงความเห็นแสดงอรรถรสหลังอ่านเสร็จก็ได้นะคะ
ชอบอ่านคอมเม้นค่ะ *หัวเราะ
ความคิดเห็น