ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] | "My heart is only for you." |

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 |..ก่อนวันสอบกับความปรารถนาเพียงสั้นๆ..|

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      109
      31 ส.ค. 64

     

     

    บทที่ 6

    “ก่อนวันสอบกับความปรารถนาเพียงสั้นๆ”

     

     

                    หนึ่งปีต่อมา.. โฮโนฮะงาคุเระยังคงสงบสุขดั่งปกติ ชาวเมืองทุกคนเองก็ดำเนินชีวิตตามกิจวัตรประจำของตนเองไปเรื่อยๆ หมู่บ้านที่ไร้ซึ่งภัยพิบัติและสงครามใครๆต่างก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่างเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ยิ่งนัก

                    ฟีนิกซ์ยกแขนเหยียดขึ้นฟ้าบิดลำตัวไปมาเบาๆพอไล่ความขี้เกียจหลังตื่นนอนไปได้เปราะหนึ่ง ร่างที่สูงขึ้นจากหนึ่งปีก่อนเดินออกจากห้องพักของตนเองด้วยความไม่รีบร้อนเช่นเดิม

                    เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นพันธุกรรมหรือยังไง ในการที่เขานั้นมีส่วนสูงที่ดูเหมือนจะมากกว่าเด็กวัยเดียวกันนิดหน่อย แต่ความสูงที่มากกว่าก็มีทั้งจุดดีและจุดเสียในการต่อสู้เหมือนกันถึงแบบนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะใส่ใจนัก

                    เมื่อมาถึงห้องเรียนทุกอย่างก็ยังคงปกติเช่นเดิม คำกล่าวทักทายเดิมๆ เด็กสาวที่วิ่งมารายล้อมดังเดิม เสียงโวยวายของคนอื่นๆแบบเดิม แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกกับบรรยากาศโดยรอบมากนัก

                    ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดสายตามองไปยังพื้นที่ว่างข้างๆซึ่งเป็นที่นั่งประจำของใครคนหนึ่งที่ยังคงมาไม่ถึงห้องเรียนในเวลานี้ แต่เมื่อหันมองนาฬิกาบนผนังก็พบว่ามันเริ่มจะสายมากเสียแล้ว

     

                    ..คงไม่ได้ไปก่อเรื่องหรอกนะ..

     

                    ปึก!

                    ตุบ!!

                    นึกถึงไม่เท่าไหร่ตัวปัญหาของห้องก็มาถึง หากแต่ร่างทั้งร่างของเด็กหนุ่มกับถูกมัดด้วยเชือกจนขยับตัวไม่ได้ อิรุกะผู้เป็นครูทำหน้าเหี้ยมใส่คนบนพื้นเมื่อโยนตัวปัญหาลงจากบ่า

                    “ฟังให้ดีนะ นารูโตะ! พรุ่งนี้จะถึงวันสอบจบการศึกษาของโรงเรียนนินจาล่ะนะ แต่นายเองก็ยังสอบตกแล้วตกอีก มันไม่ใช่เวลาไปเล่นเพี้ยนๆนะ เจ้าเด็กบ๊อง!!” เสียงดุๆของอิรุกะทำให้นารูโตะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

    ฟีนิกซ์เท้าคางมองภาพด้านล่างราวกับมันเป็นเรื่องที่ชินตาอยู่ทุกวัน หากให้เขาเดาแล้วล่ะก็เด็กหนุ่มผมทองคงไปแต่งแต้มสีสันให้กับใบหน้าของโฮคาเงะบนหน้าผาแกะสลักอย่างแน่นอน

    แต่ดูเหมือนว่าการสะบัดหน้าหนีและทำเมินของนารูโตะจะทำให้อิรุกะปริ๊ดแตก จูนินหนุ่มหันหน้ามาทางนักเรียนคนอื่นๆในห้องเรียนก่อนจะชี้นิ้วออกคำสั่งทันที

    “ชั่วโมงเรียนในวันนี้จะทดสอบคาถาแปลงร่าง! ทุกคนเข้าแถว! ต้องแปลงร่างให้เหมือนครูนะ!

    สิ้นประโยคของครูหนุ่มเด็กๆในห้องต่างก็ส่งเสียงร้องออดโอยออกมาทันที

     

     

    ...........................................................................................................

     

     

    เวลาผ่านไปราวๆเกือบครึ่งชั่วโมงนักเรียนในห้องหลายๆคนต่างต่อแถวเดินไปทดสอบคาถาแปลงร่างในวันนี้ ฟีนิกซ์ยืนพิงโต๊ะเรียนเล็กน้อย เขารู้สึกหิวขึ้นมาแปลกๆทั้งๆที่เมื่อเช้าก็กินข้าวมาแล้วแท้ๆ ดูเหมือนว่ายิ่งโตจะยิ่งกินเยอะขึ้นซะจริงๆ พอคิดแบบนั้นก็แอบถอนหายใจออกมาเบาๆ

    “ต่อไปคาซุกิ ฟีนิกซ์”

    เสียงของอิรุกะเรียกชื่อเขาดังขึ้นทำให้เด็กสาวส่งเสียงกริ๊ดกร๊าดกันออกมาจนเขาเริ่มจะรู้สึกรำคาญขึ้นมาตะหงิดๆ

    “ครับ” เขาขานรับเบาๆก่อนจะเริ่มผสานอินทันที

    ปุง!

    เมื่อคาถาทำงานก็เกิดควันสีขาวๆขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นร่างที่เหมือนกับผู้เป็นครูของห้องนี้ได้อย่างเป๊ะทุกระเบียบนิ้ว เมื่อเห็นดังนั้นอิรุกะจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

    “เก่งมากฟีนิกซ์”

    หลังจากนั้นเขาจึงคลายคาถาและเดินไปหลบที่มุมห้องเงียบๆท่ามกลางเสียงหวีดร้องแสดงความยินดีของเด็กสาวคนอื่นๆ

    นัยน์ตาสีเข้มหันไปมองอีกหลายๆคนที่กำลังทดสอบคาถานี้อยู่ เด็กสาวผมสีชมพูหวานเมื่อสามารถทำได้ดีก็คลายคาถาก่อนจะหันไปถามเด็กหนุ่มตระกูลอุจิฮะยกใหญ่ว่าเห็นสิ่งที่เธอทำหรือไม่ มองดูยังไงซะซากุระก็คงชอบเด็กอุจิฮะนั่นอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

    และนั่นทำให้เขายกมือขึ้นกอดอก

    ไม่ใช่ว่าเขาชอบเด็กสาวที่มีชื่อเป็นดอกไม้นั่น แต่เพราะเพื่อนเขาตะหากที่ชอบเด็กสาว.. ดวงตาสีน้ำเงินหันไปมองเด็กหนุ่มผมทองที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อถึงตาของตนเอง

    แต่ถึงแบบนั้นก็ดูเหมือนจะมีใครบางคนคอยให้กำลังใจนารูโตะอยู่ห่างๆ

    ฟีนิกซ์ละสายตาหันไปมองเด็กสาวอีกคนทันที ถ้าเขาจำไม่ผิดเด็กสาวคนนั้นคือ ฮิวงะ  ฮินาตะ เป็นคนที่เกิดมาในตระกูลขีดจำกัดทางสายเลือดคล้ายๆกับเขา แต่พลังของอีกฝ่ายคือเนตรสีขาวซึ่งสามารถมองได้ทะลุทุกสิ่ง.. ดูท่าว่าเด็กสาวตระกูลฮิวงะจะแอบชอบเพื่อนเขาซะด้วย..

    ถ้าจะว่าไปเขาเองก็สนใจอีกฝ่ายเมื่อกัน.. ไม่.. เขาไม่ได้สนใจในตัวเธอ แต่เขาสนใจกระบวนท่ามวยอ่อนที่สืบทอดกันเฉพาะคนในตระกูลฮิวงะตะหากล่ะ

    “เฮะ.. อ๊าก–––––!

    อยู่ๆเสียงอิรุกะก็ดังขึ้นทำให้เขาละสายตาออกจากเด็กสาวขี้อาย นารูโตะที่ควรจะใช้คาถาแปลงร่างเป็นจูนินหนุ่มนั้นกลับกลายเป็นว่ากลายเป็นหญิงสาวที่ไม่ใส่เสื้อผ้าแทน และดูเหมือนว่านั่นจะทำให้ครูของพวกเขาเลือดกำเดาไหลเป็นสายไม่น้อย

    แต่สำหรับเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรยามเห็นเรือนร่างนั้น.. ถึงอีกฝ่ายจะทำออกมาได้ดีทั้งสัดส่วนและช่วงอกที่ใหญ่บึ้มนั่นก็เถอะ..

    “ฮ่าๆ ๆ! เป็นไงๆ ขอตั้งชื่อคาถานี้ว่าคาถามหารัญจวน!

    “เจ้าเด็กบ๊องเอ๊ย! อย่าสร้างคาถาเองตามใจชอบเซ่!!

     

    ฟีนิกซ์ได้แต่ส่ายหน้าให้กับภาพตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจหน่อยๆ ...นั่นแหละนะนารูโตะ

     

     

    ...........................................................................................................

     

     

    หลังจากหมดชั่วโมงเรียนในวันนี้ดูเหมือนว่านารูโตะจะโดนลากตัวไปรับบทลงโทษที่ไหนสักแห่ง จึงทำให้เขาต้องเดินทอดน่องออกมาจากโรงเรียนอย่างเชื่องช้าเพราะไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรต่อ หากเป็นปกติก็คงจะไปกินราเมนที่ร้านอิจิคุกับนารูโตะ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่ด้วยแบบนี้ก็คงต้องเดินเล่นไปเรื่อยๆจนกว่าจะเย็นล่ะนะ

    “อ้าว ไงฟีนิกซ์”

    น้ำเสียงหนืดๆเหมือนคนง่วงนอนดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มต้องหันไปมอง

    ชิกามารุยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองเขาด้วยสายตาเบื่อหน่ายตามปกติของเจ้าตัว แต่การที่อีกฝ่ายทักเขาแบบนี้ก็ทำให้เขางุนงงเหมือนกัน

    “มีอะไรงั้นเหรอ?”

    “ก็ดูนายว่างๆอ่ะ ว่าจะชวนไปเล่นเกมหน่อย ไปป่าว” เด็กหนุ่มตระกูลนารากวักมือเรียกเขาเบาๆ

    ยังไงซะเขาเองก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อจึงเดินตามคำชวนอีกฝ่ายไป อย่างน้อยๆก็คงมีอะไรให้เขาทำมากกว่าเดินเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมายแบบนี้

    “อยู่ๆมาชวนแบบนี้ดูแปลกๆนะ” เขาพูดขึ้นพลางหันไปมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย แต่ชิกามารุกลับหาวออกมาวอดหนึ่ง

    “ก็นะ แค่อยากชวนไปเล่นหมากรุกน่ะ”

    “หมากรุกเหรอ?”

    “ช่าย อย่างนายน่าจะเล่นเป็นนี่”

    “ความจริงก็พอเล่นได้อยู่..” ฟีนิกซ์ตอบกลับพลางนึกถึงตอนล่าสุดที่เคยเล่นซึ่งมันก็นานมากแล้วจนจำแทบไม่ได้ว่าในตอนนั้นเขาแพ้หรือชนะคนที่เล่นด้วย

    “ดีเลย จะได้ไม่เสียเวลาอธิบายมันน่ารำคาญน่ะ”

    เด็กหนุ่มผมดำมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเชิงจะบอกว่า ถ้ารำคาญจะชวนมาทำไมเป็นกลายๆ แต่เขาก็เลือกที่จะหันหน้ามองไปตรงถนนด้านหน้าแทนที่จะพูดออกไป

    เดินมาได้ประมาณห้านาทีกว่าก็มาถึงบ้านตระกูลนารา ชิกามารุเดินนำเข้ามาในตัวบ้านซึ่งเป็นสไตล์เรือนญี่ปุ่นดั้งเดิม เด็กหนุ่มขี้เบื่อเล่าว่าตระกูลตนนั้นมีงานอดิเรกคือการเลี้ยงดูกวางและสามารถนำกวางมาทำเป็นยารักษาได้ ซี่งก็ทำให้ฟีนิกซ์เองรู้สึกสนใจไม่น้อย

    “อ้าว ชิกามารุ วันนี้พาเพื่อนมาด้วยเหรอ”

    เมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขก หญิงสาวที่กำลังหอบผ้าพะรุงพะรังก็หันมาเห็นเขาทั้งสองพอดีจึงเอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสกว่าปกติ

    “อ่อ..เอ่อ.. ใช่ครับแม่ นี่ฟีนิกซ์เพื่อนผมเอง” ชิกามารุเอ่ยแนะนำตัวแทนเขา เด็กหนุ่มผมดำจึงทำเพียงโค้งตัวให้คนอายุมากกว่าตรงหน้าเล็กน้อย หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงอมยิ้ม

    “จ้า งั้นเดี๋ยวแม่ไปเตรียมขนมให้ล่ะกันนะ” ว่าจบหญิงสาวก็เดินฮัมเพลงหายเข้าไปอีกด้านหนึ่งของบ้าน

    “เฮ้อ ..สงสัยวันนี้มีเรื่องดีๆมั้ง” ชิกามารุพึมพำออกมาพลางยกมือเกาหัวแกร็กๆ

    “หือ?”

    “ก็นะ..ปกติแม่ฉันดุจะตาย แต่ถ้าวันนี้ยิ้มขนาดนี้คงมีแต่เรื่องดีๆนั่นแหละนะ” เด็กหนุ่มตระกูลนาราไหวไหล่เล็กน้อยก่อนกวักมือเรียกให้เขาเดินตามไปอีกทาง

    เมื่อเดินพ้นออกมาจากห้องโถง ทางด้านหน้าก็คือริมระเบียงนอกบ้านแบบญี่ปุ่น ฟีนิกซ์หันมองไปรอบๆซึ่งมีต้นไม้และพืชต่างๆถูกปลูกไว้ทั่วบ้านอย่างเป็นระเบียบ ยามสูดอากาศเข้าปอดก็ทำให้ได้กลิ่นจางๆของสมุนไพรลอยมาแตะจมูก

    “ว่าไงชิกามารุ” เสียงทุ้มๆที่ฟังเหมือนเสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มคาซุกิละสายตาจากต้นไม้ใบหญ้าหันไปมองยังต้นเสียง

    “ครับ นี่เพื่อนผม ชื่อฟีนิกซ์ที่เคยเล่าให้ฟัง ฮ้าว..” ชิกามารุพูดขึ้นก่อนจะนั่งลงบนเบาะรองนั่งตรงข้ามพ่อของตนแล้วหาวออกมาอีกหนึ่งที

    “สวัสดีครับ” ฟีนิกซ์โค้งตัวลงเล็กน้อย

    นารา  ชิคาคุ  ยิ้มให้เด็กหนุ่มบางๆก่อนจะเอ่ยเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเบาะรองนั่งซึ่งถูกเตรียมไว้อยู่แล้ว สายตาคมไล่มองเด็กหนุ่มตระกูลคาซุกิอย่างพิจารณา มือหนายกขึ้นมาแตะปลายคางอย่างครุ่นคิดบางอย่างเล็กน้อย

    “มาเล่นเกมกันดีกว่า”

    จู่ๆชิกามารุก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับจัดเรียงกระดานหมากใหม่ให้อยู่ในตอนเริ่มต้น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มก้มลงมองแผ่นไม้สีเหลี่ยมบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าด้วยความสนอกสนใจ

    “ฮ่าๆ งั้นพ่อก็ขอเป็นคนนั่งดูล่ะกันนะ” ชิคาคุเอ่ยออกมาพร้อมเสียงหัวเราะก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกมองเด็กทั้งสองตรงหน้า

    “งั้นฉันจะเริ่มก่อนล่ะกัน” ชิกามารุพูดขึ้นก่อนจะเริ่มใช้ตัวหมากเดิน

    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนชำเลืองมองสีหน้าอีกฝ่ายเป็นระยะๆ และดูเหมือนว่าการชวนอีกฝ่ายมาเล่นเกมนี้จะทำให้เขาได้เห็นมุมมองและแววตาที่แปลกใหม่ของอีกคนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทีเดียว

     

     

    ...........................................................................................................

     

     

                    ภายในห้องทำงานของโฮคาเงะ ชายชราผู้ครอบครองตำแหน่งอันใหญ่ที่สุดของแคว้นกำลังนั่งพิจารณาเอกสารปึกหนึ่งในมือ ดวงตาที่มีรอยเหี่ยวย่นประดับรอบๆกวาดสายตาไล่อ่านตัวอักษรในหน้ากระดาษทุกตัวอักษรก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย

                    ก๊อก..ก๊อก..

                    “ฮาตาเกะ คาคาชิครับ”

                    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกให้โฮคาเงะรุ่นสามละสายตาจากเอกสารในมือ สิ้นเสียงเคาะเพียงไม่ถึงวินาทีผู้ที่ทำให้เกิดเสียงเมื่อครู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยที่เสียงดังพอจะให้มันเล็ดลอดเข้ามาในห้องเพื่อให้อีกคนรับรู้

                    “เข้ามา”

                    ชายหนุ่มผมเงินปรากฏตัวขึ้นหลังจากประตูทุกปิดลง โจนินหนุ่มเดินมายืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของผู้เป็นโฮคาเงะเตรียมรับคำสั่งจากอีกฝ่าย

                    “ก็.. ที่เรียกเธอมาก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ” ซารุโทบิเอ่ยขึ้นพลางวางเอกสารลงบนโต๊ะ ศอกแขนทั้งสองข้างถูกยกมาเท้ากับโต๊ะก่อนจะผสานมือเข้าด้วยกัน

                    “พรุ่งนี้จะเป็นวันสอบจบการศึกษาของเด็กๆในโรงเรียนนินจา ฉันมั่นใจว่ายังไงซะฟีนิกซ์คุงก็คงจะสอบผ่านอยู่แล้ว และนั่นคือปัญหา”

                    “ปัญหา?.. ยังไงงั้นเหรอครับ?”

                    “ฮึ่ม.. จะว่ายังไงดีล่ะ” ซารุโทบิขมวดคิ้วเป็นปมเล็กน้อย นัยน์ตาที่ผ่านโลกมามากถูกปิดซ่อนไว้ใต้เปลือกตาอันเหี่ยวย่นอย่างชั่งใจ

                    “ฟีนิกซ์คุงน่ะสูญเสียครอบครัวไปเพราะถูกฆาตกรรมยกตระกูล ถึงบุคลิกและนิสัยเขาที่เราเห็นกันจะดูเหมือนคนไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นแต่พอเอาจริงๆแล้วเราเองก็ไม่ได้รู้ถึงความนึกคิดของเด็กคนนั้นเลย” คาคาชิเงียบฟังอีกฝ่ายอย่างไม่พูดอะไร หากแต่ภายในสมองก็กำลังขบคิดไปกับประโยคที่ซารุโทบิเอ่ยออกมา

                    “หากจะพูดถึงการสูญเสียก็มีอีกคนหนึ่งที่คลับคล้ายของเขา ซึ่งก็คือ..”

                    “อุจิฮะ.. ซาสึเกะ สินะครับ” คาคาชิเอ่ยแทรก โฮคาเงะรุ่นสามจึงพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ

                    “เด็กคนนั้นยังไงซะก็คงมีความแค้นที่คิดจะตามฆ่าพี่ชายตนเองซึ่งเป็นผู้สังการทุกคนในตระกูลอุจิฮะอย่างแน่นอน ..กลับกัน ตัวของฟีนิกซ์คุงนั้นดูเหมือนจะไม่ยินดียินร้ายหรือมีความรู้สึกด้านลบแบบนั้นในตัวตนของเขาเลยสักนิดเดียว” ซารุโทบิเงยหน้ามาสบเข้ากับดวงตาสีเถ้าถ่านของโจนินหนุ่มตรงหน้า

                    “ฉันน่ะนะ.. ก็แก่มากขนาดนี้แล้ว... ถึงจะไม่รู้ชัดถึงนิสัยหรือความคิดของเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ฉันมั่นใจแน่ว่าฟีนิกซ์คุงน่ะปราศจากซึ่งความแค้นชิงชังในอดีตของตนเอง ในแววตาของเขานั้นไม่เหมือนกับเด็กอุจิฮะ กลับกันเลย.. แววตานั่นดูเหมือนจะกำลังแบกรับบางสิ่งอยู่ซะมากกว่า...” ในประโยคหลังดวงตาของชายชราอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด การเปรียบเทียบใบหน้าของเด็กหนุ่มสองคนในหัวทำให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะนึกถึงลูกศิษย์ของตนเองคนหนึ่งขึ้นมา

                    “เพราะงั้นนะ คาคาชิ..”

                    “ครับ?”

                    “ยังไงซาสึเกะเองก็คงจะสอบผ่านอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหน้าที่การดูแลฟีนิกซ์คุงและซาสึเกะฉันจะให้เธอเป็นคนดูแล”

                    “ผมเหรอครับ?”

                    “ใช่.. ฉันรู้ว่าเธอน่าจะเข้าใจถึงความรู้สึกของการสูญเสียมากที่สุด เพราะงั้นก็อยากจะให้ช่วยดึงเอาไว้หากคนใดคนหนึ่งเผลอหลุดออกจากเส้นทางที่มีแสงสว่างเช่นนี้”

                    “เข้าใจแล้วครับ” คาคาชิรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และยามนึกถึงใบหน้าของบุคคลสองคนในบทสนทนานี้ก็อดไม่ได้ที่ความทรงจำในอดีตจะไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว ..ความทรงจำที่เขานั้นต้องสูญเสียคนที่รักจนหมดสิ้น

                    “ฉันขอฝากเธออีกครั้งด้วยนะ คาคาชิ”

     

     

    ...........................................................................................................

     

     

                    “โห นายเองก็เก่งใช่เล่นนะเนี่ย แน่ใจเหรอว่าไม่ได้เล่นนานน่ะ?”

                    ชิกามารุผิวปากออกมาเบาๆก่อนเอ่ยออกมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเงยสบกับอีกฝ่ายด้วยความทึ่ง

                    “ก็..ไม่ได้เล่นนานจริงๆล่ะนะ” ฟีนิกซ์ว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

                    ชิคาคุกอดอกมองหน้าเด็กสองคนด้วยความรู้สึกบางอย่าง ถึงเด็กหนุ่มคาซุกิจะแพ้ให้กับลูกชายตนแต่ทว่าการวางเกม การมองเล่มต่างๆของอีกฝ่ายเองก็น่ากลัวใช่เล่น ชายวัยกลางคนหันมามองหน้าลูกชายตนช้าๆ และดูเหมือนว่าชิกามารุดูจะสนใจอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นสำหรับคนขี้เบื่ออย่างเด็กหนุ่ม และนั่นทำให้เขายิ้มออกมาน้อยๆ

                    “อะแฮ่ม เอาล่ะ เกมจบแล้วเธอสนใจจะดูการเลี้ยงกวางของตระกูลฉันรึเปล่า?” ชิคาคุกระแอมออกมาเบาๆก่อนหันไปมองเด็กหนุ่มผมดำสนิท

                    ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกระพริบตามองเขาปริบๆก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมๆกับแววตาที่ฉายชัดถึงความสนอกสนใจ

                    “สนใจครับ”

                    “หา มันน่าเบื่อนา” ชิกามารุที่ได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นพลางยกมือขึ้นผสานที่ท้ายทอยตนเอง

                    “ฉันว่าดูน่าสนุกมากกว่านะ”

                    “นายนี่พิลึกคนชะมัด”

                    “ฮ่าๆ ถ้าสนใจก็ตามฉันมาล่ะกัน” ผู้นำตระกูลนาราหัวเราะออกมาเบาๆก่อนลุกขึ้นและเดินไปนอกเรือน ไม่ต้องให้สาวความมากกว่านี้เด็กหนุ่มคาซุกิก็รีบลุกเดินตามไปทันที และเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ชิกามารุจะต้องลุกตามไปอีกคน

     

                    ..เฮอะ มีแต่เรื่องน่ารำคาญแฮะ..

     

                    ถึงจะบ่นในใจเงียบๆแต่ยังไงซะชิกามารุก็ยังคงเดินตามหลังสองคนตรงหน้าอยู่ดี

                    “พื้นที่ตรงนี้ทั้งหมดคือพื้นที่ของตระกูลฉันที่ได้รับมาและได้เอามาเลี้ยงดูพวกกวางเหล่านี้” ชิคาคุเอ่ยขึ้นพลางลูบหัวกวางตัวใหญ่ ขนสีน้ำตาลเข้มสวยที่ดูเหมือนได้รับการดูแลเอาใจใส่มาอย่างดีของกวางตรงหน้าทำให้ฟีนิกซ์มีแววตาเปล่งประกายเล็กน้อย

                    “ตัวนี้เป็นจ่าฝูงเหรอครับ?” ฟีนิกซ์ถามพลางจ้องตากับกวางใหญ่

                    “ฮ่าๆ ๆ ใช่ ดูออกด้วยงั้นเหรอ”

                    “ก็ตัวนี้ดูเด่นกว่าตัวอื่นๆนี่ครับ” คำตอบของฟีนิกซ์ทำให้ชิคาคุยิ้มออกมาบางๆอย่างช่วยไม่ได้

     

                    เมื่อดวงตะวันเริ่มส่องแสงสีส้มอ่อนพร้อมกับคล้อยๆเคลื่อนตัวต่ำลง ทำให้ฟีนิกซ์ต้องขอตัวกลับไปออกมาจากตระกูลนารา ชิกามารุเองก็เดินมาส่งเขาที่หน้าบ้านของตน แววตาของเด็กหนุ่มฉายแววสงสัยบางอย่างก่อนจะเอ่ยเรียกฟีนิกซ์ที่กำลังจะเดินห่างออกไปจากเขตตระกูลเขาไว้

                    “เฮ้ ฟีนิกซ์”

                    “หือ?”

                    “ฉัน..ถามอะไรได้รึเปล่า”

                    “ได้สิ” เด็กหนุ่มคาซุกิหันกลับมามองหน้าตรงๆกับชิกามารุ เด็กหนุ่มไอคิว 200 กว่าทำหน้าแปลกๆอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเขาออกมา

                    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ แต่สงสัยว่าทำไมนายถึงได้เป็นห่วงเจ้านารูโตะนักน่ะ?”

                    “เพราะเป็นเพื่อนกันนี่” คำตอบตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่มถึงกับทำให้ชิกามารุถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

     

                    ..กะแล้วว่าต้องพูดแบบนี้..

     

                    “เฮ้อ.. มันก็ใช่แหละนะ แต่ที่ฉันสงสัยคือทำไมนายถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ นายเองก็น่าจะพอรู้นี่ว่าเจ้านารูโตะเป็นคนที่ไม่มีใครอยากจะเป็นเพื่อนด้วยน่ะ” ชิกามารุเอ่ยออกมา

    ไม่ใช่ว่าเขากำลังดูถูกนารูโตะ แต่ว่าเขากำลังสงสัยในความนึกคิดของคนตรงหน้าตะหาก เด็กที่เพียบพร้อมทั้งด้านสมองและกำลัง รวมถึงเป็นที่สนใจของใครหลายๆคนทำไมถึงได้เลือกที่จะคบกับเด็กหนุ่มจอมโวยวายและเป็นที่รังเกียจเดฉันท์ของหมู่บ้านอย่างนารูโตะเป็นเพื่อน   

                    ฟีนิกซ์เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ถ้าหากฟังดูจะรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่แฝงมากลับน้ำเสียงนั่น

                    “..นายเข้าใจคำว่าโดดเดี่ยวรึเปล่าชิกามารุ..”

                    “โดดเดี่ยว?” เขาทวนคำเบาๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดต่อ

                    “เขาไม่เข้าใจและรู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองต้องโดดเดี่ยวและโดนรังเกียจจากคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน” ฟีนิกซ์เอ่ยออกมาพลางหันไปมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงของมันส่งผลให้ทั่วทุกทิศแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้ม

                    “นายรู้รึเปล่า ว่าถึงจะเป็นแบบนั้นแต่นารูโตะก็ยังไม่มีความรู้สึกอคติกับหมู่บ้านนี้หรือผู้คนที่นี่เลย ในทางกลับกันหมอนั่นกลับอยากที่จะกลายเป็นที่ยอมรับจากทุกๆคน”

                    “...” ชิกามารุหลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อยพลางนึกถึงตลอดเวลาที่เขารู้จักกับนารูโตะมา

                    “หมอนั่นเคยเล่าให้ฉันฟังว่า ฉันจะต้องเป็นที่ยอมรับจากทุกคนในหมู่บ้าน แล้วฉันจะขึ้นเป็นโฮคาเงะและปกป้องหมู่บ้านนี้ไว้ ตอนนั้นที่ได้ยินมันทำให้ฉันคิดว่า..”

                    “หมอนั่นน่ะดูใสซื่อและบริสุทธิ์เกิน..”

                    ชิกามารุเงยหน้ากลับมาสบตากับนัยน์เนตรสีเข้มอีกครั้ง

                    “ฮะๆ.. ร้อยในล้านคนเลยนะที่จะคิดแบบนั้นทั้งๆที่ตัวเองกลายเป็นที่รังเกียจแบบนั้นน่ะ” ฟีนิกซ์หัวเราะออกมาเบาๆ มันไม่ใช่เสียงหัวเราะเย้ยหยันหากแต่เป็นการหัวเราะอย่างชื่นชม

                    “ฉันน่ะ.. ประทับใจมากเลยนะ เกิดมาไม่เคยพบเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย.. แต่ว่าคนแบบนี้กลับไม่มีใครคบ ไร้ซึ่งเพื่อน ไร้ซึ่งครอบครัว ฉันไม่อยากให้หมอนั่นโดดเดี่ยว”

                    “เพราะงั้น..นายเลยเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับหมอนั่นสินะ” ชิกามารุพูดขึ้น แต่ฟีนิกซ์กลับไม่ตอบ อีกฝ่ายทำเพียงส่งยิ้มบางๆมาให้เท่านั้น  

                    “แล้วก็..”

                    “อะไรงั้นเหรอ?”

                    “ฉันอยากเอาใจช่วยเรื่องความใฝ่ฝันของนารูโตะน่ะ” ฟีนิกซ์พูดพลางยกมือเกาแก้มตัวเองเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

                    “หา?”

                    “ฮะๆ ก็นะ ฉันน่ะก็เป็นแค่คนไม่มีความฝันน่ะนะ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองอยากจะทำอะไรในอนาคต พอได้เห็นหมอนั่นพยายามแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยน่ะ”

                    คำพูดของฟีนิกซ์ทำให้ชิกามารุลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย

                    “นายไม่มีความฝันเลยงั้นเหรอ?”

                    ฟีนิกซ์ยิ้มออกมาบางๆอีกครั้ง พลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีส้มที่มีหมู่เมฆบางๆแต่งแต้มประปรายเต็มฟากฟ้า นกสีขาวตัวหนึ่งกำลังกางปีกสยายบินอยู่ภายใต้ท้องนภาอย่างสุขอุรา

                    “..ฉันแค่..อยากจะมีชีวิต.. ที่เป็นอิสระเช่นเดียวกับนกตัวนั้น... ฉันก็ไม่หวังอะไรอีกแล้วล่ะ..”

                    ชิกามารุนิ่งงันกับประโยคของอีกฝ่าย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนยังคงมองคนตรงหน้าอยู่แบบนั้นจนเด็กหนุ่มผมดำยกมือโบกลาเขาและเดินลับสายตาไป เขาจึงได้สติกลับมา

                    “ชีวิต..ที่เป็นอิสระงั้นเหรอ...”

                    ถึงเขาจะรู้สึกรำคาญที่เริ่มมีเรื่องยุ่งยากเข้ามาให้ชีวิตมากขึ้น แต่มันก็ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า.. สรุปอีกฝ่ายนั้นมีชีวิตยังไงกันแน่?...



     

     

                    สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ

                    รู้สึกว่าช่วงนี้เราจะอัพนิยายเรื่องนี้บ่อยกว่าเรื่องไหนที่เคยเป็นมา ฮ่าๆ *หลบสายตา

                    แต่วันนี้เรามาพูดถึงเด็กหนุ่มที่เริ่มจะมีบทบาทมากขึ้นอย่าง นารา ชิกามารุ กันดีกว่าค่ะ!

                    หลังจากย้อนไปดูนารูโตะใหม่ตั้งแต่ตอนแรกๆ นอกจากตัวหลักอย่างนารูโตะที่มีการพัฒนาแล้วเราก็จะได้เห็นเด็กหนุ่มขี้เบื่อหน่ายอย่างชิกามารุด้วยเช่นกัน เขาเป็นอีกคนที่มาใกล้มากๆเลยค่ะ ตอนแรกๆดูเป็นที่เหมือนกับขี้ขลาดและดูเหมือนจะรำคาญซะทุกอย่างจนเกินไป แต่หลังจากสอบจูนินและเริ่มได้รับภารกิจแรกของการเลื่อนขั้นจากเกะนินแล้ว เขาก็ดูเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ!

                    เหตุนี้เลยเริ่มจะทำให้เรารู้สึกปลื้มและชื่นชมเขามากๆ จึงๆแล้วถ้าไม่นับคาคาชิ ชิกามารุก็คงเป็นชายคนหนึ่งที่เราอยากแต่งงานด้วยเลย–––– *พัดตบหัว

                    เอาจริงๆเขาเป็นผู้ชายที่ดีนะคะ พ่อบ้านใจกล้าด้วย ฮ่าๆ ๆ

                   

                    วันนี้พอแค่นี้ดีกว่าค่ะ ตอนหน้าจะเริ่มเข้าสู่โหมดเนื้อหลักกันแล้ว ฝากติดตามและเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ <3

                    สามารถแสดงความเห็นแสดงอรรถรสหลังอ่านเสร็จก็ได้นะคะ ชอบอ่านคอมเม้นค่ะ *หัวเราะ

                    

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×