ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หอสมุดต้องห้ามแห่งดาร์คแลนด์

    ลำดับตอนที่ #141 : วัฒนธรรมย่อย Gothic

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.32K
      0
      10 ธ.ค. 59

    วัฒนธรรมย่อย Gothic

     


              กอธิค (Gothic) มีความหมายครอบคลุมประวัติศาสตร์ศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม สถาปัตยกรรม การแต่งกาp จนกลาเยป็นวัฒนธรรมย่อยร่วมสมัย

    ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ได้มีการนำศิลปะแบบกรีก-โรมัน ที่มีกฏเกณท์ชัดเจน   รื้อฟื้นกลับมาปรับใช้ในยุคสมัยของตน จนทำให้ยุคนี้น ถูกเรียกขานว่า ยุคเรอเนซองค์ หรือฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ซึ่งหมายถึงย้อนกลับไปรื้อฟื้นศิลปวิทยาการแบบกรีก-โรมันขึ้นมาอีกนั้น


    คำว่า "โกธิค" เริ่มใช้ครั้งแรกโดยนักวิจารณ์ศิลปะสมัยสมัยนั้น เพื่อเรียกรูปแบบของศิลปะ ที่มีลักษณะของซุ้มประตูโค้ง หลังคาโค้งยอดแหลม เป็นเอกลักษณ์เกิดขึ้นในระหว่างคริสต์สตวรรษที่ 12-15 ศูนย์กลางอยู่ที่ฝรั่งเศส เชื่อว่า เป็นผลงานของพวกชนเผ่า Visigoths ได้แก่ พวกกอท (Goths) แฟรงก์  (Franks) ลอมบาร์ค (Lombards) สลาฟ (Slaves) และแซกซัน (Saxsons) ซึ่งต่างเป็นชนเผ่าป่าเถื่อน ไร้ความเจริญทางศิลปวิทยาการ และยัง เป็นชนเผ่าที่ทำลายจักรวรรดิโรมัน ดังนั้นถ้อยสำเนียงหรือนัยยะ ที่ใช้เรียกว่า "ศิลปะโกทิก"  จึงเป็นการเรียกขานที่บ่งบอกไปในทางเย้ยหยันมากกว่าการชื่นชม


    เมื่อเปรียบเทียบกับคุณค่าศิลปะแบบกรีก–โรมัน ที่มีกฏเกณท์ชัดเจน  จึงยิ่งส่งผลให้มองศิลปกรรมอันเกิดจากฝีมือของผู้ทำลายอาณาจักรโรมันยิ่งดู ไร้คุณค่าไร้รสนิยมยิ่งขึ้น จนนักวิจารณ์บางคนในยุคเรอเนซองส์ใช้คำกล่าวหาศิลปะโกธิคค่อนข้างรุนแรงว่า เป็นศิลปะที่ "ไร้รสนิยม"  และ "วิตถาร"



    อย่างไรก็ตาม ชาวยุโรปทั่วไปนอกจากชาวอิตาลี มักจะเรียกศิลปะโกธิคแบบยอมรับมากกว่าดูแคลน โดยพวกเขาจะเรียกศิลปะกลุ่มนี้ว่า Opus Modernum หรือ งานสมัยใหม่



    ต่อมาศิลปะโกธิคได้เป็นที่นิยมมากในประเทศอังกฤษในสมัยศตวรรษที่ 18 ทั้งในยุโรปและอเมริกา จนกลายเป็นยุคที่เรียกว่า Gothic Revival และในยุควิคตอเรียน (Victorian) ของอังกฤษมีการบูรณะโบราณสถานต่างๆ ให้มีรูปแบบศิลปะโกธิคมากยิ่งขึ้น เรียกกันว่า สถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอทิก ( Neo-Gothic architecture หรือ Gothic Revival architecture) หรีอ สถาปัตยกรรมวิกตอเรีย (Victorian architecture) โกธิคจึงถูกนำมาใช้เรียกเป็นรุปแบบของปรัชญา วรรณกรรม  

    สถาปัยกรรม

    มีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบที่ออกมาเป็นลายเส้นอันซับซ้อน ทุกส่วนล้วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นสัญลักษณ์นิยม ทางศาสนา โครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม ลักษณะต่างๆ เหล่านี้จะหาดูได้จากมหาวิหารในฝรั่งเศส, เยอรมนี และ อังกฤษ เช่น มหาวิหารแซ็ง-เดอนี (ฝรั่งเศส) มหาวิหารนัวยง (ฝรั่งเศส) มหาวิหารล็อง (ฝรั่งเศส) มหาวิหารอามีแย็ง (ฝรั่งเศส) มหาวิหารกลอสเตอร์ (อังกฤษ) และ มหาวิหารเอ็กซีเตอร์ (อังกฤษ) เป็นต้น



    ประติมากรรม
    ]
    ชอบทำเป็นรูปคนหรือสัตว์ ตามระเบียง หลังคา แล้วเจาะรูตรงปากเพื่อให้น้ำฝนผ่าน เวลา ฝนตกจะดูเหมือนกำลังพ่นน้ำออกมา เรียกประติมากรรมแบบนี้ว่า “การ์กอย” งานประติมากรรมสมัยนี้ทำขึ้นเพื่อประดับตกแต่งทั้งภายนอกและภายในอาคาร มีทั้งประติมากรรมแบบนูนสูงและแบบลอยตัว มีสัดส่วนสูงชลูดตามโครงสร้างตัวอาคารส่วนมากทำเป็นรูปพระเยซู เน้นรอยย่นบนใบหน้าและไม่คำนึงถึงสัดส่วนจริงของมนุษย์

    เครื่องประดับ


    การออกแบบเครื่องประดับในสมัยโกธิคได้เริ่มต้นการออกแบบที่มีเทคนิคซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการออกแบบเครื่องประดับแบบ Radial Balance หรือการจัดวางให้สมมาตรแบบมีจุดศูนย์กลางและแผ่รัศมีออกเป็นวงกลมเป็นส่วนใหญ่จัดแพทเทิร์นอย่างกลมกลืนกัน มักประดับด้วยไข่มุก นอกจากนี้ยังมีการฝังหินแบบ Crown หรือแบบมงกุฎหุ้มอัญมณีเจียระไนเบี้ยหลังเต่า มีการลงยาแบบ Bass Taille แต่ช่วงปลายของสมัยโกธิค การออกแบบเครื่องประดับนิยมการแกะสลักภาพบุคคลมากขึ้น จึงมีการออกแบบแบบสมมาตรซ้ายและขวาร่วมอยู่ด้วย

    จิตกรรรม


    สมัยกอทิกมีพื้นที่เขียนภาพบนฝาผนังน้อยลง เพราะสถาปัตยกรรมมีช่องเปิดมาก ดังนั้นจึงมักเน้นไปที่การออกแบบกระจกสีบานหน้าต่าง สำหรับการเขียนภาพในหนังสือเขียน มักจะแสดงรูปคนที่สะโอดสะอง ในชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่พลิ้ว และโค้งไหวอย่างอ่อนช้อย

    วรรณกรรม

    โกธิค จะมีฉากเป็นสมัยกลาง กล่าวถึงเรื่องราวของอัศวิน และสถาปัตยกรรมในเรื่องก็จะบรรยายให้เป็นลักษณะของโกธิค เช่น ปราสาหลังใหญ่โตตระหง่านท่ามกลางความมืดทะมึนน่าเกรงขาม มีห้องใต้ดินลึกลับ เรื่องราวมักข้องเกี่ยวกับความลึกลับ ภูตปิศาจ เป็นแนวสยองขวัญ เหนือธรรมชาติ มุ่งสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้ผู้อ่าน

    สำหรับขนบการเล่าเรื่องตามแบบนวนิยายโกธิค มักจะมีโครงเรื่องคล้ายคลึงกัน โดยมีองค์ประกอบคือ หญิงสาวบริสุทธิ์ ปราสาทลึกลับที่มีปริศนาหรือการฆาตกรรม คนชราผู้เป็นกุญเเจของเรื่องราว และ เจ้าของปราสาทผู้ลึกลับ โดยโครงเรื่องมักเป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่เหตุอันจำเป็นต้องเข้าไปอาศัยอยู่ในปราสาทลึกลับหลังใหญ่ และได้พบกับปริศนามากมาย โดยมีตัวละครที่มักเป็นคนชราคอยทำหน้าที่เป็นกุญแจของเรื่องราว ซึ่งเบื้องหลังปริศนาเหล่านั้นมักเป็นชายหนุ่มเจ้าของปราสาทซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง


    ดนตรี

    ในช่วง 1970 ได้เกิดแนวเพลงที่พัฒนามาจากพังก์ร็อคของอังกฤษ โดยมีการนำเพลงร็อคมาเรียบเรียงให้ได้อารมณ์พลิ้วไหวและหดหู่ เรียกกันว่า โกธิค ร็อค จากนั้นก็เริ่มมีการออกแบบการแต่งงานโดยนำลักษณะการแต่งกายแบบวิคตอเรียนมาผสมกับแนวพังก์ ทำให้ความหมายของกอธิค กว้างยิ่งขึ้น

     

    ภารกิจ วัฒนธรรมโกธิคในดาร์คแลนด์

    จงวิเคราะห์ว่าเพราะเหตุใด ศิลปะประจำดาร์คแลนด์จึงต้องเป็นกอธิค
    และ กอธิคส่งผลอย่างไรต่อสภาพสังคมในดาร์ค
    และ หากไม่ใช่กอธิค คุณคิดว่า
    ศิลปะประจำดาร์คแลนด์จะเป็นอะไร
    จงอธิบายมาอย่างละเอียด

    *ข้อควรระวัง ในการทำภารกิจแต่ละครั้ง โปรดแนบบัตรนักศึกษาของท่านทุกครั้ง




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×