ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #16 : widower :: chapter fifteen (end)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.21K
      139
      14 มิ.ย. 59

    ? themy butter
    +


       WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER FIFTEEN

     
     

    “ระวังล้มนะ! โอ๊ะ นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำเลย” เสียงตะโกนของแบมแบมดังขึ้นรับช่วงเช้าของวัน ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าในห้องโทนสีเทา ม่านสีทึบถูกเปิดไว้บางส่วนให้แสงสามารถลอดเข้ามาได้...แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของแบมแบมหรอก

     

    “...”

     
     

    แบมแบมสาวเท้าออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าร่างของหนูน้อยล้มแหมะลงไปกองกับพื้น โชคดีที่พื้นห้องถูกปูไปด้วยพรมเนื้อหนาดังนั้นแบมแบมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าที่ยัยหนูกำลังเบะอยู่นั่นน่ะไม่ใช่เพราะว่าเจ็บหรอก แต่น่าจะมาจากอาการตกใจเสียงของแบมแบมที่พูดโผล่งออกมาจากห้องน้ำเสียมากกว่า

     
     

    “ชู่ว...ไม่ร้องนะเดี๋ยวปะป๊าตื่น ไปเล่นห้องอาแบมกันไหม” คนตัวเล็กในชุดนอนแขนยาวรีบถลาเข้าไปอุ้มเอาเด็กน้อยวัยขวบสิบเดือนขึ้นแนบอก ลิลลี่โตขึ้นเยอะมากจริงๆ ใบหน้าเล็กๆนั่นเริ่มออกโครงให้เห็นชัดเจนกว่าเดิม แถมยังเดินเตาะแตะได้แล้วอีกต่างหาก...

     
     

    เมื่อคืนนี้แบมแบมมานอนค้างที่ห้องมาร์คตามสัญญาที่ตกลงกันเอาเมื่อตอนคบกันได้ครึ่งปีว่าเขาจะต้องมานอนห้องมาร์คในทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนมาร์คน่ะเหรอ...มาร์คสามารถมานอนห้องของแบมแบมในวันปกติได้ทุกวันเพราะว่าลิลลี่ต้องอยู่ห้องเขาจนกว่าชายหนุ่มจะกลับจากบริษัทซึ่งบางทีมันก็ค่อนข้างดึก...รู้แหละว่าตัวเองเสียเปรียบ แต่ก็นะ...หยวนๆให้ไปแล้วกัน

     
     

    และที่บอกว่าลิลลี่มาอยู่ห้องเขาในวันธรรมดาที่มาร์คไปทำงานนั่นก็เป็นเพราะว่าเขากับมาร์คได้ช่วยกันตัดสินใจว่าจะไม่ส่งลิลลี่กลับไปให้ที่บ้านของมาร์คเลี้ยงอย่างที่มาร์คได้วางแผนเอาไว้ตอนแรก แต่จะเป็นแบมแบมที่คอยดูแลแกให้ ถ้าวันไหนเกิดติดธุระด่วนขึ้นมาทั้งคู่จริงๆถึงจะเอาลิลลี่ไปฝากไว้ที่บ้านใหญ่หรอพวกเพื่อนๆเขาอย่างยองแจ แชริน ส่วนมิลาตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ...เธอยังไม่บอกใครเรื่องที่มีลูก ซึ่งแบมแบมก็เคารพในการตัดสินใจของเธอและไม่เคยก้าวก่ายอะไร

     
     

    ทุกอย่างมันก็ค่อยๆทยอยลงล็อคไปทีละนิดทีละหน่อย...

     
     

    “แบม...” แต่ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะอุ้มลิลลี่ออกไปจากห้องนอนเสียงแหบยานคางน่าขนลุกก็ดังมาจากด้านหลัง แบมแบมหันไปมองก้อนผ้าห่มหนาแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้ สงสัยกำลังหาทางมุดออกมาจากผ้าห่มอยู่ล่ะมั้ง...

     
     

    “นอนต่อเถอะมาร์ค เดี๋ยวผมเอาลิลลี่ไปเลี้ยงที่ห้องให้” ที่บอกอย่างนั้นก็เพราะรู้ดีว่ามาร์คทำงานหนักแค่ไหน วันๆหนึ่งมาร์คแทบไม่ได้หยุดพักถึงจะบอกว่าอยู่ในตำแหน่งรองประธานบริษัทก็เถอะ ทั้งงานในบริษัทงานนอกบริษัท ล่วงเวลาเลยเวลาอะไรมาร์คก็ต้องทำเองแทบทุกอย่าง ตอนแรกแบมแบมก็คิดแหละว่าเป็นถึงรองประธานหากอู้งานบ้างก็คงไม่มีใครว่า...ซึ่งมันไม่จริงเลย มาร์คบอกเขาว่าตำแหน่งนี้ต้องทำตัวดีเป็นตัวอย่างให้ลูกน้องได้

     
     

    ใจหล่อมากใช่ไหมล่ะ...นี่แหละแฟนแบมแบมเอง


     

    “ไม่เอา มานอนด้วยกันสิ” ตลอดระยะเวลาที่ตกลงปลงใจคบกับมาร์คมาทุกอย่างก็ยังคงไปได้สวย แบมแบมเข้ากับมาร์คได้ดีกว่าเดิม ต่างคนต่างเผยด้านที่เป็นตัวเองและค่อยๆปรับมันเข้าหากันอย่างไม่รีบร้อน เพราะว่าทั้งเขาและมาร์คเราคิดเหมือนกันว่าอะไรที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปมักจะดีกว่าอะไรที่ทำอย่างรีบเร่งเสมอ

     
     

    “ลิลลี่แกล้งจนนอนไม่ได้ไม่รู้ด้วยนะ” แบมแบมพูดขู่ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปยังเตียงใหญ่สีเทาแทนที่จะเป็นบานประตูสีขาวอย่างที่คิดไว้ตอนแรก แขนเล็กวางเด็กน้อยลงบนเตียงปล่อยให้ยัยหนูลิลลี่ล้มลุกคลุกคลานไล่ตะปบหน้าปะป๊าตัวเองไปตามประสา

     
     

    “โอ้ย...เจ็บนะตัวแสบ” แบมแบมขำเมื่อเห็นว่ามาร์คพยายามจะฟัดลิลลี่แต่ยัยหนูหลบหนีเป็นพัลวันเพราะรำคาญไรหนวดของคุณพ่อที่ทิ่มแก้มของตัวเอง แสดงออกชัดเจนว่ารำคาญเลยล่ะ

     
     

    “โกนหนวดซะนะวันนี้ ลิลลี่แกคงรำคาญ” แบมแบมว่าแค่นั้นก่อนจะทอดกายนอนเหยียดยาวอย่างสบายอารมณ์ วันนี้เป็นวันอาทิตย์...เป็นวันหยุดของมาร์คทุกอย่างจึงไม่ต้องเร่งรีบอย่างที่ผ่านมา

     
     

    “โกนให้หน่อย”

     
     

    “แล้วใครจะดูลิลลี่” นับวันมาร์คก็ยิ่งขี้อ้อน อ้อนมันทั้งหน้านิ่งๆอย่างนี้นี่แหละ...รู้ไงว่าแบมแบมแกล้งตีหน้าโหดไปอย่างนั้น เอาเข้าจริงก็ยอมทำให้ตามที่ขอเกือบทุกอย่าง

     
     

    “ก็เอาเข้าไปด้วยไง...ลิลลี่ยังไม่ทันดื้อแบมก็โกนเสร็จแล้วน่า” น้ำเสียงอ้อนตามสไตล์คุณพ่อลูกอ่อนมาพร้อมกับท่อนแขนหนาที่ขยับมากอด...อ่า อย่าเรียกว่ากอดเลย ให้เรียกว่าพาดทับตัวเขาแบบหลวมๆโดยมีลิลลี่ตกอยู่ใต้อ้อมแขนนั้นด้วยอีกคนจะดีกว่า มาร์คน่ะแขนยาวจะตาย กอดทีนึงได้ทั้งลิลลี่ทั้งแบมแบม...

     
     

    น่าหมั่นไส้ชะมัด !

     




     

     

                    วันอาทิตย์มักจะผ่านไปไวเสมอ...เช้าวันจันทร์หมุนมาให้ปวดหัวกับความยุ่งเหยิงอีกครา แบมแบมรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กตามเดิม มาร์คเอาลิลลี่มาฝากไว้ตอนเก้าโมงเช้าก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นหน้ามากดจูบเข้าข้างแก้มของเขา แบมแบมเผลอไม่ค่อยได้หรอกเดี๋ยวนี้...เพราะมาร์คน่ะขยันแทะเล็มเขาทุกครั้งที่มีโอกาส

     
     

    “...”



    แบมแบมนั่งเอนหลังพิงโซฟา ดวงตากลมจ้องไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งจดจ่ออยู่กับกองของเล่นนิ่มๆสีสันสดใสอย่างพินิจ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่ามันจะมาลงเอยแบบนี้ แบมแบมไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องมาเลี้ยงเด็กทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองแบบเอาจริงเอาจัง...รู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้คำว่าพ่อไปอีกหนึ่งระดับ

     
     

    “ไม่เอาเข้าปากนะ มันสกปรก” แขนขาวนวลยื่นไปดึงเอาจิ๊กซอว์โฟมสีแดงที่ชุ่มน้ำลายไปส่วนหนึ่งออกจากปากเล็กๆนั่นอย่างระมัดระวัง ลิลลี่อยู่ในช่วงกำลังโต...อยากรู้อยากลองไปหมดนั่นแหละ แต่ก็ยังน่ารักเลี้ยงง่ายไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก

     
     

    “ลิลลี่!” แบมแบมแกล้งเรียกชื่อเมื่อเด็กน้อยจ้องเขาตาเขม็ง ลิลลี่รู้จักชื่อตัวเองแล้ว เวลาเรียกแกก็จะหันหรือเดินเตาะแตะเข้ามาหา...พูดได้แล้วด้วย แม้ว่าจะยังอ้อแอ้อยู่แต่มันก็สนุกดีเวลาที่ได้ยินแกเรียกอะไรบางอย่างด้วยคำที่แปลกประหลาด

     
     

    “เรียกแบมก่อน...แ บ ม” คนตัวเล็กพยายามสื่อสารกับเด็กตรงหน้าที่ยิ้มแก้มยุ้ยให้เขา ลิลลี่เรียกชื่อเขากับมาร์คได้แล้วแต่ยังไม่ชัดมาก เวลาแกต้องการอะไรก็จะเรียกชื่อใครสักคนขึ้นมา ต้องคอยเงี่ยหูฟังให้ดี...ตอนที่ได้ยินลิลลี่เรียกชื่อเขาครั้งแรกน่ะแบมแบมลุ้นแทบตาย มันทั้งขำแล้วก็ตื่นเต้น

     
     

    “แบ!” แล้วนี่ก็คือชื่อของเขาตามภาษาของลิลลี่ แบมแบมยิ้มขำชอบใจก่อนจะก้มลงไปให้รางวัลคนเก่งด้วยการจุ๊บเบาๆที่หน้าผากเล็ก และอีกอย่าง...ตอนนี้แบมแบมก็ได้แลปท็อปตัวใหม่มาใช้เพื่อให้สะดวกกับการพกพา เพราะช่วงหลังนี้เขาต้องเข้าบริษัทอยู่เรื่อยๆเนื่องจากโปรเจ็คงาน อีกอย่างเวลาดูแลลิลลี่ก็จะได้ยกมานั่งพิมพ์งานใกล้ๆแกได้สะดวก

     
     

    แอบกระซิบให้ฟังก็แล้วกันว่าคนข้างห้องเขาซื้อมาให้แหละ...กลัวจะเสียน้ำใจก็เลยรับไว้


     

    “...” ยังไม่ทันที่โปรแกรมจะรันเข้าสู่หน้าจอเดสก์ท็อปเสียงกริ่งจากหน้าประตูห้องก็ดังขึ้นมาให้คนตัวเล็กต้องขมวดคิ้ว วันนี้เขาไม่ได้นัดใครนี่...หรือว่าจะเป็นมาร์คลืมของเอาไว้ในห้องเขา

     
     

    “มาแล้วครับ” สองขาเล็กยันตัวเองลุกขึ้นกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ปากก็ตะโกนให้อีกฝ่ายรอก่อนเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นอีกหน กระทั่งฝ่ามือเล็กเอื้อมไปปลดล็อคแล้วดึงบานประตูเข้ามานั่นแหละถึงได้เห็นเต็มตาว่าแขกที่มาเยือนห้องเขาในวันนี้นั้นไม่ได้มาแค่คนเดียว...หากแต่มากันถึงสามคน!

     
     

    “ม...ม๊า! ไอ้ยู...ผิงผิง”

     
     

    มีเซ็ตครอบครัวมาเสิร์ฟถึงห้องแบบนี้แบมแบมต้องดีใจใช่ไหมเนี่ย...ให้ตายเถอะ!

     





     

    “โอ๊ย...เคยเห็นแต่ในมือถือม๊า ตัวจริงน่ารักมากเลย...โตเยอะแล้วด้วยอะ”

     
     

    “เบามือหน่อยผิง...” แบมแบมตวัดหางตามองน้องสาวคนเล็กวัยยี่สิบเอ็ดของบ้านที่ตั้งแต่มาก็ตั้งหลักปักฐานคอยกวนใจลิลลี่จนยัยหนูตวาดแว๊ดใส่หลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งแกล้งให้ลิลลี่หงุดหงิดได้เท่าไหร่น้องสาวตัวดีของแบมแบมก็จะยิ่งชอบ โรคจิตไหมล่ะ...นี่แหละน้องสาวเขาเอง

     
     

    “แหม...ผิง เล่นลูกเขาค่อยๆดิเดี๋ยวแม่เขาดุเอา” ส่วนไอ้ยูยูตัวดีที่เอาเรื่องของเขากับมาร์คไปบอกให้ม๊ารู้ก็นั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้หนัง เล่นคอมตัวเก่าของเขาสบายใจเฉิบ ทิ้งให้แบมแบมนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กกลางห้องอย่างน่าสงสาร

     
     

    “อาเว้ยอา!” คนตัวเล็กเองก็ไม่ยอมแพ้แม้ตาจะไม่มองหากแต่ว่าหูยังฟัง แบมแบมเถียงกลับแทบทุกประโยคจนโดนม๊าที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่คอยเอ็ดด้วยความรำคาญ พวกเขาสามคนทะเลาะกันตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโต ไม่รู้มันเป็นเพราะอะไรแต่แบมแบมมีความรู้สึกว่าน้องทั้งสองคนของเขาน่ะชอบทำตัวน่าเตะอยู่เสมอ

     
     

    “แล้ววันนี้มาร์คไปทำงานเหรอแบม...ม๊าเอาโสมทำเองมาฝากมาร์คด้วย”

     
     

    “ครับม๊า วันนี้น่าจะกลับเร็วนะ ม๊ารออยู่เอาให้เขาเองสิครับ” แบมแบมตอบอย่างนั้นเพราะรู้ดีว่าม๊าของเขาน่ะถูกใจมาร์คมากแค่ไหน ตอนแรกที่รู้เรื่องก็โทรมาโวยวายว่าเขาคบกับใครรู้จักหัวนอนปลายเท้าเขาดีแล้วหรือไง บลาๆ แบมแบมหูชาไปค่อนคืนแถมม๊ายังทำท่าจะบ่นไม่เลิก...สุดท้ายแบมแบมก็เลยต้องพาตัวเองเดินไปห้องข้างๆให้มาร์คแนะนำตัวกับแม่เขาเองเสียเลย

     

    “ไม่ได้น่ะสิ เดี๋ยวม๊าต้องพาไอ้สองแสบนี่ไปเที่ยว...อ้อนจะเอาอะไรกันก็ไม่รู้เนี่ย ดีนะที่มาแค่สามวัน ถ้ามานานหมดตัวแน่ๆเลยฉัน”

     

    แม่พูดจบก็ได้ยินเสียงโห่จากยูยูและผิงผิงในประโยคสุดท้าย ม๊าของเขาเช่าโรงแรมอยู่ไม่ห่างจากคอนโดนี้เท่าไหร่...แบมแบมชวนให้มานอนด้วยกันแล้วนะแต่ก็ถูกปฏิเสธ แม่บอกว่าเขามีแฟนแล้วจะให้แม่มานอนด้วยเป็นเด็กๆได้ยังไง

     
     

    เขาแค่มีแฟนนะ ไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวของตัวเองเสียหน่อย...ม๊านี่ก็เกินไปจริงๆ




     

     

                    ห้องพักของแบมแบมกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งเมื่อแม่กับบรรดาน้องๆของเขาพากันกลับไปแล้ว อันที่จริงแบมแบมก็ตกใจนะที่แม่มาเซอร์ไพร์สหน้าห้อง แต่กับน้องสาวอีกสองคนน่ะแบมแบมขอเจอห่างๆก็พอแล้ว เพราะอยู่ด้วยกันทีไรมีอันต้องฟาดฟันเป็นเด็กๆทุกที...เหนื่อย คนแก่อย่างเขาจะหมดพลังเอา

     
     

    ส่วนยัยหนูลิลลี่ที่วันนี้ผันตัวเองมาเป็นของเล่นให้น้องๆเขาจับพลิกไปพลิกมากันอย่างสนุกมือก็เหนื่อยอ่อนจนหลับปุ๋ยอยู่บนเบาะกระทั่งมาร์คมารับกลับไป พอทั้งห้องไม่มีใครแล้วก็เป็นหน้าที่ของแบมแบมที่ต้องเก็บกวาดห้องให้กลับมาอยู่สภาพเดิม

     
     

    “...”

     
     

    มันเหนื่อยนะ...แต่มันก็มีความสุข ดีกว่าตอนที่อยู่คนเดียวไม่สนใจใครเยอะเลย


     

    ติ๊ง ~

     
     

    ปุ่มกดสีเงินถูกปลายนิ้วเรียวจิ้มลงไป วันนี้แบมแบมมีนัดกับคุณพ่อลูกอ่อนข้างห้องตอนสองทุ่มตรง...เห็นบอกว่าอยากจะเลี้ยงไวน์แบมแบมเพราะเห็นว่าช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้ออกไปสังสรรค์ที่ไหน ก็แหงล่ะ...ทั้งทำงานไปด้วยทั้งเลี้ยงลิลลี่ มีแรงออกไปไหนต่อได้ก็ถือว่าเก่งจริงๆ

     
     

    “เชิญครับ”

     
     

    ใบหน้าหล่อคมยกยิ้มกรุ้มกริ่มให้อย่างน่าหมั่นไส้ แบมแบมเบะปากใส่อีกคนก่อนจะพาตัวเองเดินเข้าไปด้านใน ลิลลี่ไม่อยู่เพราะมาร์คบอกเขาว่าคุณแม่ของมาร์คพาไปค้างที่บ้าน เห็นว่าตรงมุมรับประทานอาหารของมาร์คที่มีเพียงโต๊ะไม้กลมกับเก้าอี้ไม้สองตัวมีผ้าคลุมสีขาวสะอาดกับแจกันดอกไม้วางอยู่ด้วย...อย่างกับร้านอาหารแน่ะ

     
     

    “ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอมาร์ค” แบมแบมขำนิดหน่อยเมื่อเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ฝั่งที่หันหน้าเข้าหาตู้เย็น มาร์คไม่ตอบอะไรทำเพียงแค่เลิกคิ้ว เดินเข้าไปเปิดตู้เก็บของเหนืออ่างล้างจานแล้วหยิบเอาขวดไวน์รูปลักษณ์ดูดีออกมาพร้อมกับแก้วไวน์สองใบ

     
     

    “ห้ามเมานะ” ฝ่ามือใหญ่ชะงักแก้วไว้แล้วพูดเย้าออกมาให้แบมแบมได้ยิ้มเขิน ไวน์แค่นี้แบมแบมไม่เมาหรอกน่า

     
     

    “ขออนุญาตรินไวน์นะครับคุณผู้ชาย” แบมแบมกลั้นยิ้มเมื่อเห็นมาร์คแสร้งทำท่าทางทะเล้นใส่ ชายหนุ่มร่างกายกำยำภายใต้เสื้อเชิ้ตสีเรียบบรรจงวางแก้วไวน์ให้เขาตรงหน้าก่อนจะรินน้ำสีแดงอมม่วงใส่ให้เขาค่อนแก้ว ก่อนจะสลับไปเทใส่อีกแก้วที่เป็นของตัวเอง

     
     

    “เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ” แบมแบมถามยิ้มๆในจังหวะที่มาร์คเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตัวเองเพื่อหย่อนกายนั่งลง มือเล็กจับก้านแก้วขึ้นมาขยับเป็นวงกลมจนเห็นน้ำตาไวน์ที่วิ่งเป็นสายเล็กๆอยู่ในแก้ว มาร์คเองก็เลิกคิ้วให้อย่างไร้คำตอบ

     
     

    “ก็...เนื่องในโอกาสที่ได้รักกัน”

     
     

    “แค่ก! มาร์ค...มุขเสี่ยวไปนะ” แบมแบมแทบพ่นไวน์ในปากออกมาใส่คนที่หยอดคำหวานใส่แบบไม่นัดหมายล่วงหน้า ก่อนที่ใบหน้าหวานเกินชายของแบมแบมจะเบนออกไปยังฝั่งที่เป็นหน้าต่าง มองบรรยากาศยามค่ำคืนที่เงียบสงบด้วยอารมณ์สุนทรี

     
     

    “...”

     

    “มีความสุขใช่ไหมแบม ที่เราเป็นแบบนี้” มาร์ควางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ กอดอกตัวเองหลวมๆมองภาพสวยงามของเด็กหนุ่มข้างห้องที่กำลังทอดสายตาผ่านกระจกใสบานใหญ่ออกไปด้วยรอยยิ้มบางๆ

     
     

    “อืม...มากด้วย” คนตัวเล็กครางรับคำแรกว่าเสียงเบาแล้ว หากแต่ประโยคถัดมานั้นเบายิ่งกว่ากระซิบเสียอีก

     
     

    “ฮ่ะๆ...”

     
     

    “เออมาร์ค...ม๊าเอาโสมมาฝาก แต่อยู่ที่ห้องอะไว้ดื่มเสร็จเราค่อยไปเอากัน” แบมแบมหันกลับมา นึกขึ้นได้พอดีว่าแม่ของเขาฝากของไว้ให้มาร์คด้วย งี้แหละ...คนเขาชอบพอกันน่ะนะ

     
     

    “งั้นเลิกดื่มกันเถอะ...อยากไปเอากับแบมแล้ว”

     
     

    “มาร์ค!” เสียงหัวเราะดังลั่นหลังจากที่แบมแบมตวาดแหว เขาเองก็ลืมไปเสียสนิทว่าเดี๋ยวนี้น่ะมาร์คเจ้าเล่ห์แถมยังชอบทำอะไรให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเองอยู่บ่อยๆ เปิดช่องให้นิดให้หน่อยไม่ได้หรอกเขาน่ะ...

     
     

    “อะไรล่ะ หมายถึงไปเอาไวน์ที่ห้องกับแบมไง” มาร์คกอดอกหัวเราะท่าทางตระหนกของเขาด้วยแววตาที่สะท้อนประกายแห่งความอิ่มเอม สายตาของมาร์คที่ใช้มองเขาน่ะ...แบมแบมไม่อยากจะบอกเลยว่ามันดูอบอุ่น และพิเศษแบบสุดๆ ทั้งชีวิตของแบมแบมนอกจากครอบครัวกับเพื่อนสนิทแล้วเขาก็ไม่เคยไว้ใจใคร หากแต่กับเจ้าของแววตาลึกซึ้งคู่นี้ทำให้เขายอมเปิดรับให้มาร์คเข้ามาเป็นอีกคนที่พิเศษได้

     
     

    ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ ว่าไหม?


     

    เวลาผ่านไปช้าๆเหมือนกับคนทั้งสองที่ละเลียดดื่มไวน์พร้อมกับบทสนทนาเรื่องต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับตัวเองหรือไม่เกี่ยว เรื่องเจ้านายของแบมแบมหรือแม้กระทั่งเรื่องลูกน้องในบริษัทของมาร์ค เรื่องเครียดต่างๆที่ต่างคนต่างเคยเผชิญมาได้กลายเป็นเรื่องตลกที่ทำให้ผลัดกันขำเสียจนน้ำตาเล็ด

     
     

    “เบาหน่อยสิมาร์ค ถ้าผมเมาต้องโทษคุณแล้วนะ” แบมแบมดันฝ่ามือที่กำลังรินไวน์ใส่แก้วให้เขาเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน ยอมรับว่าตอนนี้เขาเองก็เริ่มกรึ่มๆแล้วล่ะ ทั้งที่คิดว่าไวน์ไม่น่าจะทำให้เขาน็อคได้เหมือนอย่างพวกเหล้าอะไรอย่างนั้น...ตอนนี้แบมแบมเลยรู้สึกว่าตัวเองจะประมาทฤทธิ์แอลกอฮอล์มากไปหน่อย

     
     

    “ไม่เป็นไร เมาก็นอนนี่”

     
     

    “ยังไม่วันเสาร์เลย...” แบมแบมเถียงข้างๆคูๆ อันที่จริงมาร์คก็อยากให้เขามานอนที่นี่ตลอดนั่นแหละ เป็นแบมแบมเองที่คิดว่ามันดูแปลกๆแล้วก็ค่อนข้างเขินจึงปฏิเสธไปเสียทุกครั้ง

     
     

    “นอนได้ทุกวันนั่นแหละ แบมเอามือมานี่สิ” แบมแบมเลิกคิ้วแต่ก็ยอมยื่นมือตัวเองไปประสานเข้ากับฝ่ามือใหญ่ของอีกคนอย่างว่าง่าย เห็นว่ามือของมาร์คข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองคล้ายกับว่ากำลังจะหยิบอะไรออกมา มันเริ่มที่จะทำให้เขาตื่นเต้นหน่อยๆ...

     
     

    “...”

     
     

    “อันนี้เล็งมานานแล้ว มันเหมาะกับแบมนะ...ยังไงก็รับไว้เถอะ” กล่องกำมะหยี่สีขาวถูกยัดใส่มือแบมแบมพร้อมกับคำพูดดักคอ คนตัวเล็กอย่างแบมแบมเองก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเอาเสียดื้อๆที่จู่ๆมาร์คก็มีของขวัญโผล่มาให้กันทั้งที่ไม่ใช่โอกาสพิเศษอะไรเลยแบบนี้

     
     

    “งั้นขอเปิดเลยนะ” แบมแบมไม่ปฏิเสธ คนตัวเล็กเอ่ยปากขออนุญาตและเมื่อมาร์คพยักหน้าเจ้าตัวก็ค่อยๆดันฝากล่องให้เปิดขึ้นกระทั่งได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในแบบเต็มตา

     


    มันเป็นเหมือนสร้อยที่มีจี้เล็กๆห้อยอยู่...สวยใช่เล่นเสียด้วยสิ


     

    “มาร์ค...ให้ผมจริงเหรอ คุณแน่ใจนะ” แบมแบมขมวดคิ้วจนมาร์คต้องขมวดคิ้วตามอย่างขำๆ ทำไมถึงถามอะไรแปลกๆอย่างนั้นออกมา เขาลอบมองเสี้ยวหน้าหวานที่ก้มงุดจดจ้องอยู่กับเครื่องประดับตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะลองยื่นมือไปสัมผัสกลีบปากสีอ่อนนั้นจนทำให้แบมแบมสะดุ้งขึ้นมอง

     
     

    “อืม ให้แบมนั่นแหละ”

     
     

    “ขอบคุณนะมาร์ค จะเก็บไว้อย่างดีเลย”

     

     

     

     

                       ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราทั้งสองคนพากันย้ายตำแหน่งจากโต๊ะในโซนครัวเข้ามายังเตียงกว้างภายในห้องนอนของมาร์คได้ยังไงและตั้งแต่เมื่อไหร่ แบมแบมรู้แค่ว่าตอนนี้เขากำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนัวเนียจากมาร์คซึ่งถ้าหากเป็นยามปกติเขาคงไม่ยินยอมพร้อมใจไปง่ายๆแบบนี้โดยแน่

     
     

    “อือ...” แต่ตอนนี้แบมแบมกำลังมึนได้ที่ ไม่ถึงกับเมามันแค่เบลอๆ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรแต่ดูเหมือนว่าการทำงานของสมองส่วนที่เป็นเหตุผลจะใช้งานได้ไม่ดีนัก แบมแบมปล่อยตัวไปตามอารมณ์ไม่ต่างกันกับคนตัวโตที่เข้าทาบทับเขาจากด้านบน

     
     

    เสียงหอบหายใจที่ปะปนกันมั่วยิ่งทำให้ร่างกายร้อนผ่าว มาร์คไล่เค้นส่วนต่างๆของเขาผ่านเนื้อผ้าอย่างสนุกมือ เสื้อผ้าของมาร์คยังอยู่ครับหากแต่เสื้อของแบมแบมกำลังถูกเลิกขึ้นจนชิดคอ จูบแล้วจูบเล่าที่มาร์คกดลงมาบนริมฝีปากนั้นไม่เคยทำให้เขารู้สึกพอ กลับกันแบมแบมยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่หิวโหยมาแรมปี

     
     

    “...” ริมฝีปากประกบริมฝีปาก ปลายลิ้นแตะเข้าหากันซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้เบื่อ แบมแบมหลับตาพริ้ม มาร์คอยากให้ครั้งแรกของเขากับคนตัวเล็กใต้ร่างเป็นไปอย่างราบรื่นเพื่อที่มันจะไม่กลายเป็นความทรงจำที่เลวร้าย หากแต่พอจะถึงเวลามันก็มักจะมีอะไรบางอย่างทำให้เราต้องหยุดกลางคันเสมอ

     
     

    “แบม ยกสะโพกหน่อย” แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้แบมแบมจะยอมให้เขาถลำลึกมากกว่าเดิม เสียงทุ้มก้มลงกระซิบข้างใบหูและที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือการที่แบมแบมยอมยกสะโพกมนเล็กๆของตัวเองขึ้นอย่างว่าง่าย ทว่ากลับกลายเป็นมาร์คเสียเองที่ชะงัก...ฝ่ามือหนาวางทิ้งไว้ตรงบั้นท้ายแบมแบมไม่ยอมสานต่อ

     
     

    “นี่เมาใช่ไหม” มาร์คกระซิบถามยิ้มๆข้างใบหู ได้ยินเสียงครางอืออาในลำคอก็ยิ่งแน่ใจ ฝ่ามือหนาตบเข้าไปที่ก้นงอนๆของคนรักสองสามทีคล้ายกับหมั่นเขี้ยวก่อนจะกดจมูกลงไปสูดเอาความหอมฟอดใหญ่จากแก้มนิ่ม...

     
     

    “ฮ่ะๆ...” ให้มันได้อย่างนี้สิ แบมแบมลืมตาไม่ขึ้นแล้วด้วยซ้ำในตอนนี้...ถ้าทำต่อนี่เท่ากับว่าเขาข่มขืนคนเมาเลยนะเนี่ย

     
     

    “...” มาร์คเป็นฝ่ายยอมแพ้ เขาดันตัวเองออกก่อนจะช่วยดึงให้เสื้อผ้าของคนตัวเล็กที่ถูกเลิกขึ้นเลิกลงให้เข้าที่ ยกผ้าห่มจากปลายเตียงขึ้นมาคลุมให้แบมแบมจนมิดคอ ไอ้ปากอิ่มๆฉ่ำวาวแบบนั้นน่ะมันเป็นเหมือนเหยื่อล่อชั้นดีที่ทำให้มาร์คหลวมตัวเข้าไปติดกับก่อนจะโดนสลัดทิ้งอย่างนี้แทบทุกครั้งไป

     
     

    “ให้ตายเถอะ แกล้งกันอีกแล้วนะแบม...”

     
     

    ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าแบมแบมน่ะไม่ได้จะรอดแบบนี้ทุกครั้งไปหรอกนะ


     

    ถ้าวันไหนที่มาร์คห้ามใจตัวเองไม่อยู่ล่ะก็...เสร็จแน่ คุณพ่อทูนหัว


     

    END







    TALK!

    โอเค ก็จบแล้วเนอะสำหรับคุณพ่อลูกอ่อนและคุณนักเขียนของเรา
    ตอนจบก็ไม่ได้หวือหวาอะไรนะ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นโทนเรียบๆสบายๆก็เลยไม่อยากเล่นใหญ่
    หวังว่าจะชอบกันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ

    แล้วก็ใครที่ไม่เคยแสดงความคิดเห็นอะไรแต่ตามอ่านทุกครั้งทุกตอนที่ลงก็แสดงความรู้สึกส่งท้ายกันได้นะจ๊ะ
    เรารู้สึกดีใจทุกครั้งนะที่มีคนบอกว่าอินกับเรื่องที่เราแต่ง ชอบตัวละครที่เราสร้าง มันแบบ...เออ เราทำได้แล้ว คนอ่านชอบว่ะ55555555555
    ยังไงก็ขอบคุณทุกคอมเมนท์ติชมแนะนำนะคะ เราพยายามปรับปรุงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
    แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกโหวต ทุกแท็กในทวิตเตอร์
    ไว้เจอกันใหม่งานหน้านะ! 
    (ใครอยากอ่านแบบไหนลองรีเควสมาได้น้า)


    ปล. ใครอยากได้ฟิคอีกเราสั่งเผื่อไว้ประมาณ 3-4 เล่มนะคะ เมนชั่นมาถามได้ ♥


    #ficwdwmb


    twitter : @since9397


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×