ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #9 : widower :: chapter nine

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.26K
      144
      23 ก.พ. 59

    ? themy butter
    +


    WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER NINE

     
     

                    ผ่านมาสองวันหลังจากเช้าวันนั้นที่แบมแบมตื่นขึ้นมาอย่างงุนงงภายในห้องของมาร์ค ตอนที่รู้ว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในห้องของมาร์คน่ะแบมแบมตกใจเสียจนแทบช็อค นั่งนึกย้อนกลับไปจนปวดหัวก็นึกไม่ออกว่าทำไมจู่ๆเขาถึงได้มาโผล่อยู่บนเตียงของมาร์คได้ แถมเสื้อที่ใส่ตอนนั้นก็เป็นของมาร์คอีกต่างหาก ซึ่งคนตัวโตให้เหตุผลว่าเสื้อที่แบมแบมใส่มานั้นมันคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าจนฉุนไปหมดเลยเปลี่ยนให้

     
     

    “เพื่อนคุณบอกว่าคุณทำคีย์การ์ดหายแถมยังเมาไม่ได้สติ ไม่รู้จะทำยังไง”


     

    และทันทีที่มาร์คพูดประโยคนั้นออกมาตอนที่เขากำลังยกกาแฟดำแก้วใหญ่ขึ้นซดก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าจนแล้วจนรอดยังไงก็ต้องเป็นแผนแกล้งเขาของไอ้ยองแจกับยัยแชรินตัวแสบนั่นแน่ๆ ถึงจะเมามากแต่เขาก็ไม่เคยทำคีย์การ์ดหรือทรัพย์สินหายหรอก เพราะพอรู้ตัวว่ากรึ่มๆแบมแบมจะทำการฝากของทั้งหมดเอาไว้กับเพื่อนที่คอแข็งอย่างแชรินนั่นเอง


     

    พอหลังจากสร่างเมาและไปขอคีย์การ์ดใหม่เสร็จเขาก็ไม่รอช้า รีบกลับห้องมาโทรไปเฉ่งเพื่อนตัวดีทีละคนแบบหมดแม็กซ์ ทว่าสองคนนั้นกลับไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิดให้แบมแบมรู้สึกภูมิใจที่ได้โทรไปด่าขึ้นมาแม้แต่น้อย แถมยังล้อเขาอีกว่าได้เสียกับมาร์คไปแล้วแน่ๆ


     

    ประสาทชะมัดไอ้พวกนี้


     

    “ฮัลโหลครับ” แบมแบมมีอันต้องหยุดความคิดวกวนพร้อมกับละปลายนิ้วออกจากแป้นพิมพ์เมื่อโทรศัพท์มือถือแผดเสียงดังลั่นอยู่บนโต๊ะคอม ฝ่ามือเล็กขยับแว่นกรอบหนาให้เข้าที่ก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดรับแนบหู

     
     

    “อ้าว! อยู่ครับ...โอเคครับ” ตากลมเบิกกว้างหลังจากได้ฟังอีกฝ่ายพูดก่อนที่ปลายสายจะถูกตัดทิ้งไปทันทีหลังจากคนตัวเล็กตกปากรับคำอะไรบางอย่าง แบมแบมถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปวักน้ำลูบหน้าลูบตาตัวเองแล้วหาผ้ามาซับให้แห้งในเวลาไม่ถึงนาที


     

    ติ๊ง...


     

    “...” ก่อนที่เสียงกริ่งจากด้านหน้าประตูจะดังขึ้นต่อจากนั้นทำให้แบมแบมต้องเดินลากสลิปเปอร์สีชมพูอ่อนไปเปิดประตูรับคนที่เพิ่งโทรมาหาเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าด้วยใบหน้าที่เจือยิ้มบางๆ

     


    “สวัสดีครับพี่โฮมิน จะมาทำไมไม่โทรบอกผมล่วงหน้าก่อนล่ะ” รุ่นพี่ที่ทำงานในชุดสูทดูดีเป็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า กลิ่นน้ำหอมของพี่โฮมินทำให้แบมแบมในสภาพเสื้อยืดกางเกงผ้าลื่นนั้นกลายเป็นเด็กกะโปโลไปในบัดดล

     


    “ฮ่าๆ พี่ผ่านมาพอดีน่ะก็เลยซื้อขนมมาฝาก อันที่จริงอยากมาดูด้วยว่าคุณนักเขียนของพี่ยังสบายดีอยู่หรือเปล่า” ชายหนุ่มร่างสูงยื่นถุงขนมยี่ห้อขึ้นชื่อให้กับเจ้าของห้องที่ยืนขวางหน้าประตูไม่ยอมเชิญให้รุ่นพี่เข้ามาในห้องตัวเองเสียที ความจริงนั้นถึงแม้ว่าพี่โฮมินจะรู้ว่าแบมแบมพักอยู่ห้องไหนทว่าเขาก็ไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในนี้เลยสักครั้ง

     


    “ขอบคุณมากครับ ผมยังสบายดีหายห่วงได้เลย” แบมแบมส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายก่อนที่บทสนทนาจะเงียบลงไป มีเพียงสายตาที่อ่านยากของรุ่นพี่โฮมินเท่านั้นที่จ้องมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เล่นเอาคนตัวเล็กเผลอเม้มปากแน่น

     


    “...”

     


    “พี่...ขอเข้าไปได้ไหม” ก่อนจะเป็นโฮมินที่เอ่ยปากขอ แบมแบมนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้ารับแกนๆ คนตัวเล็กเบี่ยงกายให้อีกฝ่ายเข้ามาด้านในอย่างที่ต้องการในที่สุด

     


    “นั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้” แบมแบมไม่ค่อยพาใครเข้าห้องนักหรอกนอกจากพวกเพื่อนๆที่ไว้ใจ ถึงแม้จะเป็นพี่โฮมินก็ตามแต่เขาก็พูดได้ไม่เต็มปากนักว่าสนิทใจ...

     


    “ห้องแบมสะอาดดีจัง ไม่สกปรกเหมือนนักเขียนคนอื่นเลย”

     


    “ฮ่าๆ ผมแพ้ฝุ่นน่ะครับเลยต้องคอยทำความสะอาด” คนตัวเล็กตอบก่อนจะทำท่าเดินเข้าไปในโซนครัวเพื่อเตรียมน้ำให้แขกที่จู่ๆก็โผล่มาโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า รวมถึงไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของพี่โฮมินคืออะไรอีกต่างหาก

     


    อยากจะบอกว่ามันเสียเวลาทำงานของผมนะครับคุณบก.


     

    จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมง พี่โฮมินชวนแบมแบมคุยนั่นคุยนี่อย่างไม่มีเบื่อ พอถามว่าวันนี้ไม่มีงานเหรอเขาก็ตอบมาว่ามีนัดคุยกับนักเขียนอีกคนตอนเย็น แต่ออกมาก่อนเพราะว่างานที่บริษัทพี่โฮมินสั่งให้ลูกน้องช่วยเคลียร์หมดแล้ว

     
     

    “ฮ่ะๆ คุณมินซูเขาก็แบบนี้แหละครับ ผมเจอประจำ...”


     

    “โอ๊ะ! แป๊บนะครับ” แบมแบมเองที่ดูเหมือนว่าจะเพลินเผลอคุยโต้ตอบไปด้วยสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงกริ่งจากหน้าห้องดังขึ้น คนตัวเล็กทำท่าจะลุกไปเปิดประตูแต่ทว่าต้องหยุดการกระทำเมื่อชายหนุ่มรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ดันตัวลุกขึ้นเช่นเดียวกัน


     

    “เดี๋ยวพี่กลับเลยแล้วกัน ไปนั่งรอที่ร้านก็ได้เผื่อว่าคุณมินซูเขาจะมาก่อนเวลา” เมื่อเข้าใจจุดประสงค์แบมแบมก็พยักหน้าให้ พาอีกฝ่ายเดินไปยังประตูหน้าห้องพร้อมๆกัน

     


    “ขับรถระวังด้วยนะครับพี่โฮมิน ขอให้โชคดีกับคุณมินซูนะ”

     


    “ฮ่าๆ โอเคเลย” แบมแบมอวยพรให้รุ่นพี่ที่เพิ่งสวมรองเท้าเสร็จด้วยรอยยิ้มก่อนที่ฝ่ามือเล็กจะเอื้อมไปดึงประตูให้เปิดออกเพื่อส่งรุ่นพี่ด้านในพร้อมกับต้อนรับคนที่มารออยู่ด้านนอก

     


    แกร๊ก...

     


    “อ...อ้าว มาร์ค” แบมแบมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่หน้าห้อง คุณพ่อลูกอ่อนกับยัยหนูตัวเล็กในอ้อมแขนจากห้องข้างๆนั่นเอง..ซึ่งอันที่จริงแบมแบมก็ไม่ควรจะตกใจขนาดนี้หรอก แต่มันเป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

     


    “นี่เหรอคุณมาร์คพ่อลูกอ่อนที่แบมแบมเล่าให้พี่ฟังบ่อยๆน่ะ” พี่โฮมินหันมาถามแบมแบมด้วยสีหน้ายิ้มๆ แบมแบมเองก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับ ในใจเริ่มเกิดอาการแปลกๆขึ้นมาเมื่อสังเกตได้ว่าสีหน้าของมาร์คนั้นมันเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่เปิดประตูมานิดหน่อย


     

    “ผมมาร์คครับ นี่ลูกสาวผม...ลิลลี่” มาร์คแนะนำตัวเองด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเอาเสียมากๆ ส่วนยัยหนูลิลลี่ก็จ้องหน้าพี่โฮมินเขม็ง...พ่อลูกคู่นี้นี่แอบสื่อสารอะไรกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย

     


    “ฮ่าๆ น่ารักจังสาวน้อย...ถ้ายังไงก็ขอตัวก่อนแล้วกันครับ แล้วไว้ว่างๆพี่จะมาหาใหม่นะแบม” ประโยคหลังหันมาพูดกับเจ้าของห้องที่ยืนยิ้มเจื่อนอยู่ด้านข้าง ฝ่ามือใหญ่ของโฮมินตบลงบนบ่าเล็กเบาๆสองสามทีก่อนที่จะเบี่ยงตัวเดินออกไปจนลับสายตา...


     

    “...”


     

    จะบ้าตาย! ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าแบมแบมเพิ่งทำให้รถไฟชนกันอะไรทำนองนั้นเลยอะ




     

     

     

     

                    เช้าวันใหม่ที่ถึงแม้ว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานมานิดหน่อยแต่ว่ามันก็ไม่ได้ร้อนเกินไปสำหรับการออกเที่ยวแบบเอาท์ดอร์ อย่างตอนนี้ที่มาร์คต้วนในชุดเสื้อเชิ้ตลายตารางแขนยาวปล่อยชายกับกางเกงยีนส์สามส่วนสีซีดแบบเซอร์ๆกำลังฮึมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะจับเอาของใช้ส่วนตัวของเด็กทารกยัดใส่กระเป๋าเป้สีชมพูหวานแหวว ลืมเรื่องน่าหงุดหงิดของเมื่อวานที่รบกวนจิตใจไปได้ทั้งหมด


     

    ก็เพราะว่าวันนี้มาร์คมีทริปเที่ยวเล็กๆกับคุณพ่อทูนหัวข้างห้องน่ะสิ...


     

    “พร้อมหรือยังคะลิลลี่”

     
     


    ไม่นานนักหลังจากนั้นทั้งสามชีวิตก็พร้อมหน้ากันอยู่บนรถยนต์คันใหญ่ของมาร์คเป็นที่เรียบร้อย เป้าหมายของทั้งสามคนก็คือฟาร์มขนาดใหญ่ที่อยู่แถบๆชานเมือง แน่นอนว่าแบมแบมผู้นั่งเบาะข้างคนขับก็รับหน้าที่พ่วงเป็นการดูแลเด็กน้อยที่วันนี้ดูร่าเริงเป็นพิเศษอย่างลิลลี่นั่นเอง


     

    “จะถึงแล้วนะ ลิลลี่ตื่นเต้นไหมบอกน้าแบมหน่อยเร็ว” แบมแบมอุ้มร่างเล็กๆของเด็กหญิงให้หันหน้าเข้าหาตัวเองชวนพูดคุยเพื่อไม่ให้แกเบื่อ ฟันซี่เล็กๆที่ปรากฏเวลายิ้มทำให้แบมแบมต้องยกยิ้มตามด้วยความเอ็นดูเสียจนตาหยีไปหมด

     


    จะว่าไปแบมแบมเองก็ไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้นานมากๆแล้วเหมือนกันนะเนี่ย


     

    “แล้วคุณพ่อทูนหัวตื่นเต้นไหมครับ บอกป๊าหน่อยสิ” นั่นแน่ะ...

     
     

    “ตลกเหรอมาร์ค!”  


     


                    หลังจากหาที่จอดรถได้แล้วรวมทั้งซื้อบัตรผ่านเข้าฟาร์มจำนวนสองใบสำหรับผู้ใหญ่ส่วนบัตรฟรีตกเป็นของลิลลี่ในอ้อมอกของมาร์คสำเร็จแล้วต่อจากนั้นก็เป็นการเดินกินลมชมวิวท่ามกลางแสงแดดและสายลมอ่อนๆชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย สองเท้าของแบมแบมเยียบไปตามหญ้าสีเขียวชอุ่ม มองรั้วคอกยาวที่ล้อมเอาไว้เป็นส่วนของโคนมฝูงใหญ่ที่ใช้ชีวิตกันอยู่ในนั้น


     

    “คุณมาเที่ยวแบบนี้บ่อยเหรอ” แบมแบมหันไปถามคนตัวสูงข้างๆที่กำลังชี้มือชี้ไม้ให้ลูกสาวตัวน้อยของตัวเองมองสัตว์ปีกบางตัวที่ถูกปล่อยให้ออกมาเดินนอกรั้วได้


     

    “ไม่บ่อยหรอก ผมอ่านเจอในเน็ตน่ะ...เห็นเขาบอกว่าที่นี่เป็ดย่างอร่อยมาก”


     

    “กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเป็ดได้ยังไงเนี่ยมาร์ค ใจร้ายมาก” แบมแบมแกล้งว่า เรียกเสียงหัวเราะจากมาร์คได้เป็นอย่างดี


     

    “ฮ่าๆ แล้วแบมล่ะได้มาเที่ยวแบบนี้บ่อยไหม” เป็นมาร์คบ้างที่ยิงคำถามใส่ขณะย่อตัวลงให้ลิลลี่ได้มองเจ้าเป็ดปากยื่นตัวสีน้ำตาลตรงหน้า ซึ่งก็ดูเหมือนว่ายัยหนูจะชอบใจเสียงร้องแหบๆของมันเป็นพิเศษ เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังขึ้นให้คนฟังยิ้มตาม


     

    “ไม่ใช่ไม่บ่อย แต่ไม่เคยเลยต่างหาก”

     


    แชะ!

     


    แบมแบมตอบพร้อมกับเสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้น มาร์คเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงนั้นก่อนจะเห็นว่าเป็นแบมแบมที่กำลังลดกล้องโปรสีดำในมือลงพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักของคนถ่าย ชวนให้มาร์คยิ้มตามอย่างไม่มีสาเหตุ แบมแบมก้มลงเช็ครูปภาพในกล้องโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นจุดโฟกัสสายตาของมาร์คไปเสียแล้ว


     

    “กล้องถ่ายออกมาแล้วภาพสวยจัง ยัยหนูน่ารัก” แบมแบมเอ่ยปากชมกล้องกับนางแบบตัวน้อยเพราะรู้ดีว่าตัวเองไร้ฝีมือทางด้านการถ่ายภาพมากแค่ไหน กล้องตัวนี้เป็นของมาร์คซึ่งราคาของมันถ้าให้เดาก็น่าจะเหยียบหลักหมื่นหรือมากกว่านั้น


     

    “แล้วป๊ายัยหนูล่ะ” อ่า...โนคอมเมนท์แฮะ


     

    “ฮ่ะๆ แบมมาอุ้มลิลลี่สิเดี๋ยวผมถ่ายให้” มาร์คขำที่เห็นแบมแบมยืนนิ่งไปจึงยื่นข้อเสนอให้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียบรรยากาศ จึงทำให้ตอนนี้ทั้งคู่สลับตำแหน่งกันโดยมีแบมแบมยืนอุ้มลิลลี่อยู่หน้าคอกไม้ที่ด้านในเป็นโคนมตัวใหญ่กำลังเดินแทะเล็มหญ้า บางตัวที่รู้มากก็มายืนดักรออาหารจากผู้เยี่ยมชมอยู่ติดคอกเลยทีเดียว


     

    แชะ!

     


    “...น่ารัก” มาร์คพึมพำเสียงเบาอยู่หลังกล้อง ตอนนี้ภาพผ่านเลนส์ของเขาก็คือแบมแบมและลิลลี่ที่ดูเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศอบอุ่นของฟาร์ม มาร์คไม่รอช้ารีบกดถ่ายรัวๆทุกอิริยาบถของแบมแบมและลิลลี่ ไม่สนว่าภาพจะหลุดโฟกัสหรือเบลอแค่ไหน เอาไว้ไปเลือกทีหลังก็ไม่เสียหายอะไรนี่


     

    “เก็บไว้ถ่ายตรงอื่นบ้างก็ได้นะมาร์ค”


     

    “...” มาสะดุดเอาก็ตอนที่แบมแบมแกล้งพูดเย้าออกมานั่นล่ะคนตัวโตถึงยอมละใบหน้าออกจากกล้องถ่ายรูปได้ รู้สึกเขินแปลกๆจนต้องยกมือขึ้นเสยผมตัวเองตอนที่ลดกล้องลงแล้วเห็นใบหน้าล้อเลียนของแบมแบมที่มันขึ้นสีแดงระเรื่อ อาจจะเพราะความร้อนจากอาอากาศหรือปัจจัยอื่นๆก็เถอะ


     

    เราเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงโซนร้านค้าและร้านอาหารสไตล์คาวบอยสำหรับให้นักท่องเที่ยวแวะพักผ่อน มีทั้งจุดถ่ายรูปและจุดชมวิวมากมายในเวิ้งนี้ และแบมแบมซึ่งตอนนี้ได้ครอบครองกล้องถ่ายรูปของมาร์คก็ละทิ้งซึ่งความเกรงใจยกกล้องถ่ายไปยังจุดที่คิดว่าสวยและน่าจดจำโดยไม่ต้องรอให้มาร์คอนุญาต นับว่าโชคดีที่วันนี้ลิลลี่ไม่งอแงแบมแบมกับมาร์คเลยไม่ต้องรับบทหนักมากนัก


     

    “...”


     

    “มาร์ค...เราพักก่อนไหม ลิลลี่น่าจะหิวนมแล้วล่ะ” มาร์คหยุดเดินพลางเลิกคิ้ว อดคิดไม่ได้ว่าคำพูดแบบนั้นกับท่าทางของแบมแบมในตอนนี้นั้นมันเหมือนกับพวกคุณแม่ลูกอ่อนที่คอยห่วงลูกเล็กของตัวเองอยู่ตลอดอย่างไงอย่างงั้น

     


    “เอาสิ แบมอยากแวะร้านไหนเลือกเลย”

     


    และตอนนี้ทั้งสามชีวิตก็เข้ามาอยู่ในร้านเป็ดย่างตามที่มาร์คได้แนะนำไว้ตั้งแต่หน้าฟาร์ม รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกันนะที่พวกเขาเพิ่งจะเดินชมความน่ารักของพวกมันไปเมื่อกี้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขากำลังมานั่งกินมันอย่างมีความสุขอยู่เสียอย่างนั้น...

     


    “แบมอ้าปาก...” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้ว เห็นว่ามาร์คเอาส้อมจิ้มเนื้อเป็ดมาจ่อไว้ตรงหน้าเขาพร้อมคำสั่งให้อ้าปาก

     


    “ก็คุณเอาแต่ป้อนนมลิลลี่ เดี๋ยวเป็ดมันเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ” แบมแบมเหลือบตามองเด็กน้อยที่นอนตะแคงข้างเข้าหาหน้าท้องแบนเรียบของเขาเป็นการชั่งใจ ทั้งสองมือของเขาไม่ว่างจริงๆเพราะว่าป้อนนมให้ลิลลี่ที่จู่ๆก็เกิดดื้อแพ่งขึ้นมาด้วยการร้องไห้จ้าไม่เอาปะป๊าตัวเองจนแบมแบมต้องอุ้มพาดบ่าอยู่เกือบนาที

     


    เอาก็เอาวะ...

     
     

    “...” แบมแบมยอมขยับหน้าเข้าไปใกล้กับมืออีกฝ่าย ก่อนที่สุดท้ายริมฝีปากอิ่มๆนั้นจะเผยอออกจากกันแล้วงับเอาชิ้นเนื้อเข้าไปเคี้ยวหงุบหงับอย่างพิจารณา


     

    “เป็นไง”

     
     

    “อื้อ...อร่อย” แถมยัง...เขินโคตรๆด้วย


     




     

     
     

                    บรรยากาศช่วงเย็นของฟาร์มนั้นดูคึกครื้นมากกว่าช่วงกลางวันอยู่มาก อาจจะเป็นเพราะว่าแสงไฟที่ประดับประดาตามทางเดินและต้นไม้ต่างๆที่ส่องสว่างรับกันกับแสงอ่อนๆจากดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน วันนี้ถือว่าเป็นทริปท่องเที่ยวเล็กๆที่แบมแบมมีความสุขมาก อาจจะเป็นเพราะว่านานๆทีเขาจะมีโอกาสมาเที่ยวแบบที่ไม่ใช่การดื่มสังสรรค์


     

    “เฮ้ยมาร์ค ต้นไม้ต้นนี้ไฟสวยมาก...ไปถ่ายรูปๆ” ต้นไม้ใหญ่ใกล้จุดชมวิวที่มีคอกลูกแกะตัวน้อยอยู่ข้างใต้ถูกจัดเอาไว้ให้ถ่ายรูป โชคดีที่ตอนนี้มันว่างไม่มีใครมาถ่ายแบมแบมจึงไม่รอช้าที่จะดันหลังให้คุณพ่อลูกอ่อนรีบเดินเข้าไปใต้ต้นไม้นั่นเพื่อเก็บภาพ


     

    “ยิ้มหน่อยลิลลี่” แบมแบมแอบขำผ่านเลนส์เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยหน้าบูดแล้วเพราะว่าเริ่มเพลียจากการเดินเที่ยวเกือบทั้งวัน มือเล็กยกขึ้นมาขยี้หูขยี้ตาตัวเองอย่างน่าเอ็นดู


     

    แชะ!


     

    “สวยจริงๆด้วย...”


     

    “คุณครับ” แต่ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไปหามาร์คเสียงของชายในชุดคาวบอยเต็มยศก็ดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้แบมแบมหันไปมองด้วยความสงสัย...จะมาขายอาหารแกะให้เขาล่ะสิท่า

     


    “ผมเป็นสต๊าฟตรงโซนนี้ เห็นว่ามากันสามคน...อยากถ่ายรูปด้วยกันไหมครับเดี๋ยวผมจะช่วยถ่ายให้” ชายวัยกลางคนท่าทางใจดียื่นข้อเสนอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แบมแบมชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองหน้ามาร์คเพื่อขอการตัดสินใจ จนกระทั่งมาร์คพยักหน้าให้นั่นแหละแบมแบมถึงได้ยอมส่งกล้องให้ชายผู้นั้นรับไป

     


    “แสงกำลังดีเลยครับ ชิดๆกันหน่อยนะจะได้ดูอบอุ่น” แบมแบมยอมทำตามอย่างว่าง่าย ขยับตัวเข้าไปชิดกับมาร์คพลางชูสองนิ้วทำปากจู๋แบบทะเล้นๆใส่กล้อง เขาเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆจนกระทั่งชายวัยกลางคนลดกล้องลงเล็กน้อย

     


    “ครับ?”

     


    “เอ่อ...ผมว่าบรรยากาศแบบนี้ถ้าได้ภาพโรแมนติกสักภาพจะต้องดีมากแน่ๆ คุณคนตัวสูงช่วยทำท่าเหมือนกำลังหอมแก้มแฟนหน่อยได้ไหมล่ะครับ ฮ่าๆ” พูดจบก็ไม่สนใจคำตอบและสีหน้าเหวอๆของแบมแบมแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยกกล้องขึ้นในระยะสายตาอีกครั้งก่อนจะส่งสัญญาณเป็นเสียงนับเลขโดยมีร่างของแบมแบมยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น


     

    แชะ!

     


    “...”

     


    “อา เรียบร้อยครับ...ภาพหอมแก้มเมื่อกี้สวยมากเลย ขอให้สนุกกับการเที่ยวฟาร์มของเรานะครับ”

     
     

     

    .


    .


    .

     

     

     

                    มาร์คทำเขาสติหลุดตั้งแต่ที่ฟาร์มเมื่อวาน...จนกระทั่งตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าสติของแบมแบมจะยังกลับมาไม่ครบเท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้แทนที่เขาจะนั่งพิมพ์งานอย่างที่ควรเป็นแบมแบมกลับเอาแต่ทิ้งตัวนั่งเหม่อมองกำแพงห้องสีขาวที่มีรูปภาพแขวนเรียงรายอยู่อย่างนั้น

     


    มาร์คน่ะกำลังทำให้แบมแบมเป็นบ้า...


     

    “...” โชคดีเหลือเกินที่วันนี้มาร์คพาลิลลี่เข้าไปบ้านแม่เพราะเหตุผลอะไรบางอย่างซึ่งแบมแบมเองก็ไม่ได้ถาม ที่รู้เรื่องก็เพราะว่าเมื่อเช้านี้มาร์คส่งไลน์มาบอก แล้วที่บอกว่าโชคดีนั่นก็เป็นเพราะว่าถ้าหากวันนี้เขาต้องเจอหน้ามาร์คแน่นอนว่าคนตัวเล็กคงเลือกสีหน้าที่จะแสดงออกไม่ถูก

     
     

    “แบมแบม...นาย บ้า แล้ว แน่ๆ”


     

    หมอนอิงใบใหญ่ถูกดึงมาจากด้านหลังเพื่อที่คนตัวเล็กจะกดหน้าตัวเองลงไปบนนั้น สัมผัสบางอย่างยังคงตรึงอยู่ในความรู้สึกแม้ว่ามันจะผ่านไปนานเป็นสิบชั่วโมงแล้วก็ตาม และแน่นอนว่าเรื่องนี้แบมแบมยังไม่ได้ปริปากเล่าให้เพื่อนสนิทอย่างยองแจฟัง ถ้าหากเป็นไปได้แบมแบมก็จะไม่เล่าให้ใครฟังทั้งนั้นแหละ


     

    จะไม่บอกใครจริงๆว่าหลังจากที่คุณพ่อลูกอ่อนฉวยโอกาสหอมแก้มเขาที่ฟาร์มนั้น...แบมแบมก็มาโดนมาร์คขโมยจูบอีกทีที่หน้าประตูห้องของตัวเอง


     

    “...” และที่สำคัญไปกว่านั้น แบมแบมก็จะไม่บอกใครอย่างหัวเด็ดตีนขาดด้วยว่า...

     
     

    เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจ หรือแม้กระทั่งปฏิเสธสัมผัสนั้นจากมาร์คอย่างที่ควรจะทำสักนิดด้วยซ้ำไป


     

    “บ้าชิบหายเลยโว้ย!






     



    TALK!

    หนูไม่ได้บ้าหรอกจ่ะหนูแบม หนูแค่สมยอมเขาน่ะ (กระซิบ)

    หวานฉ่ำ ผลิบาน เปล่งปลั่ง 555555555555
    รู้สึกทำนองนี้กันหรือเปล่าคะ? คุณพ่อข้างห้องเขาร้ายนะ ร้ายมาตั้งแต่แรกๆแล้วด้วย
    มีหลายคนสัมผัสได้ ซึ่งแปลว่าคุณมาถูกทางแล้ว ไม่หลงกลคุณพ่อลูกอ่อนค่ะ ฮ่า

    ขอแจงอีกเรื่อง คือเราเห็นคอมเมนต์ของรีดเดอร์ที่แนะนำมาเรื่องควรให้เด็กนั่งคาร์ซีทเพื่อความปลอดภัย
    เราต้องขอโทษจริงๆค่ะที่มองข้ามเรื่องนี้ไปเพราะอยากจะเน้นความใกล้ชิดของตัวละคร
    และมันก็ปรับแทรกเข้าไปไม่ได้แล้วเพราะจะทำให้หลายฉากที่วางไว้ต้องเปลี่ยนหรือลบไปจนเกรงว่าจะเสียอรรถรส
    จึงต้องขออภัยผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แต่สำหรับคนที่ไม่ซีเรียสก็อ่านเอาเพลินๆกันไปเนอะ
    รับรองว่าคุณพ่อลูกอ่อนจะขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่ต้องห่วงว่าลิลลี่จะเจ็บตัวเลยค่ะ

    แล้วก็ขอแง้มหน่อยว่าฟิค widower จะเปิดจองต้นเดือนมีนาคมนะคะ
    ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของคนที่สนใจอยากเก็บไว้ด้วย ♥

    สุดท้ายตรงนี้ก็ขอบคุณหลายๆคนที่คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้เรา
    ทั้งจากคอมเมนต์ โหวต แท็ก หรือที่เมนชั่นมาหากันตรงๆในทวิตก็ตาม เราดีใจมากๆเลยยย
    เจอกันตอนหน้าค่ะ



    #ficwdwmb

    twitter : @since9397


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×