ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Promise พรายนครา

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 301
      0
      23 พ.ค. 59


     


     

    เสียงพิณน้ำเต้า(1) ดีดกังวานก้องสะท้อนลำน้ำโขงอันสงบเงียบเชียบในคืนค่ำอนธการนี้

    นก แสก(2) สีดำกรีดร้องขานตอบ ดวงตาของมันเป็นประกายวับวาวในความมืด ก่อนจะโผบินลับหายไปอย่างเงียบกริบเมื่อเรือหาปลาลำเล็กลอยโคลงเคลงมากับ กระแสน้ำ เสียงหัวเราะขับเพลงดังครื้นเครง กลิ่นเหล้าต้มคละคลุ้ง ชายเฒ่าร่างผอมแห้งคล้ำแดดผู้มีใบหน้าแดงจัดเพราะฤทธิ์เมรัยตบกราบเรือ(3) ร้องเพลงอย่างไร้สติ เจ้าหนุ่มรุ่นลูกในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มเป็นคนแจวเรือหัวเราะร่า กรอกเหล้าในไหเข้าปาก รดอาบใบหน้าและร่างจนเปียกปอน

    “เมื่อ เย็นนี้ข้าขายของเก่าได้ราคาดีนักเชียว เอ็งอย่าเอ็ดไป ของนั่นข้าได้มาเปล่าๆ จากที่นี่ ไม่ต้องลงแรงลงทุนอะไร นอกจากความกล้าเท่านั้น ฮะฮ่า!

    เรือ น้อยลอยเลียบมาจอดริมฝั่งหาดทรายขาวโพลนในยามดึก ผืนป่ามืดครึ้มรายรอบ สายตาของชายทั้งสองมิอาจมองเห็นอันใดได้นอกเสียจากสีดำของราตรี

    “ไปขโมยเขามาหรือตา ? ระวังเจ้าของเขาจะมาทวงคืนเอาล่ะ” เจ้าหนุ่มคนแจวเรือแหกปากถามดังลั่น

    “ไอ้นี่! สงสัยน้ำเหล้ามันจะปลุกหมาในปากเอ็ง ข้าไม่ได้ขโมย ของมันไม่มีเจ้าของแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ประเดี๋ยวสึกกร่อน น่าเสียดาย...เอ้า รีบเร็วเข้า! ที่นี่ยังมีให้ขุดค้นอีกเพียบ” ชายเฒ่าหนังเหี่ยวย่นตะเบ็งเสียงก้องลำน้ำโขง แกผูกเรือกับเสาไม้ที่ปักริมหาดขาว แล้วลากเพื่อนต่างวัยลงเรือไปด้วยกัน

    เมฆ ลอยเลื่อนดับดารา ไม่มีใครได้ยินเสียงดีดพิณน้ำเต้าที่แว่ววังเวงในดื่นดึกคืนนี้ ยามเส้นสายเอ็นสะท้านเพราะแรงดีด จะส่งเสียงสั่นครวญชวนหวานเศร้าปานกระซิบตัดพ้อต่อแรงลมหนาวเฉียบ

    ท่วงทำนองปริศนาของพิณน้ำเต้ากังวานล่องมาจากอารามไม้รกร้าง ที่ตั้งอิงแอบใต้ร่มจำปีเก่าแก่

    ๐แว่วเสียงคล้าย นางพรายโหง พร่ำสะอื้น

    นางคงขื่น ขมฤทัย ในคืนหมอง

    แม้นดารา ยังดาดับ ลับครรลอง

    นางกรีดร้อง ร่ำไห้ ไร้คนยิน

    ใต้ ร่มจำปีเก่าแก่ สิม(4) ไม้รูปแบบพื้นบ้านซอมซ่อตั้งโดดเดี่ยว มุขบันไดเป็นปูนโค้งรูปสองนาคเลื้อยเลาะลงมาเคียงคู่กันอย่างเงียบเชียบเฝ้า มองความรกร้างของพงไพรอย่างอ้างว้าง เหนือบันไดปูนสีขาวคร่ำคร่าขึ้นไปคือ ประตูบานฉลุลวดลายเถาไม้ที่เปิดทิ้งไว้คลับคล้ายเฝ้ารอใครสักคน เหนือขึ้นไปคือหน้าบัน(5) งามตระหง่านที่จำหลักลายไม้เป็นลวดลายเรียบง่ายคล้ายใบโพธิ์ ไม้สลักประดับเสาแลดูเก่าคร่ำคร่าจวนผุพัง กระทั่งช่อฟ้าหงอนพญานาค(6) ที่ประดับบนสุดของปลายจั่วยังแลดูเดียวดายในราตรีหมอง

    สาย ลมแผ่วเบาทำให้บานประตูฉลุลายไม้เปิดเข้าไป ส่งเสียงเสียดสีกรีดร้องในคืนค่ำอันเงียบงัน แสงสลัวมัวหม่นสาดให้เห็นลวดลายรูปแต้มสีฝุ่นบนผนังขาว และพื้นไม้กระดานที่หนาเขรอะด้วยฝุ่นผง

    ๐เมฆมืดมิด หม่นฟ้า พาหมองเศร้า

    ในม่านเหงา เงียบงัน อันโอบสิ้น

    เห็นเงาพราย เพ้อพร่ำ น้ำตาริน

    นางถวิล หวังตัดพ้อ รอผู้ใด

    กลิ่น จำปีหอมอวล เสียงพิณน้ำเต้าดีดกังวานทีละเส้นสายอย่างเชื่องช้า สองเท้าของชายต่างวัยพากันลัดเลาะฝ่าดงไม้หนาทึบเข้าไปยังอารามร้างใต้ร่ม จำปี สายลมกรูพัด ยอดไม้เสียดสีราวเสียงข่มขู่ แต่ชายสองคนนั้นหามีความกลัวไม่

    ความโลภเป็นดั่งเส้นผมสีดำอันบดบังดวงตาของพวกเขา

    เสียง เสียดสีของชายซิ่นไหมมัดหมี่(7) ลายปูม(8) สีแดงเลือดนกดังขึ้น ลวดลายบนผืนผ้าสลับซับซ้อนและประณีตบรรจงอย่างยากจะหาฝีมือมนุษย์ผู้ใดมาทอ ถักได้ ด้วยเป็นงานโบราณสูงค่าซึ่งถูกส่งต่อกันมาแต่บรรพกาล

    เท้าเปลือยเปล่าขาวซีดย่ำพงหนามและพื้นกรวดเย็นเฉียบมายืนหลบเร้นใต้ร่มจำปี

    เมฆ ทะมึนพลันแผ่ปกคลุมผืนฟ้า ตวัดม่านสีดำครึ้มบดบังทุกสิ่งสรรพ สายลมพลันพัดกระหน่ำรุนแรง กลีบเรียวเล็กของจำปีฟุ้งกระจายราวกับวิหคโบยบิน...

    บานประตูฉลุลายเรียบง่ายปิดดังปังปานเสียงผนึกโลงไม้ กลิ่นคาวเลือดและความตายเหม็นคลุ้งออกมา

    เจ้านกแสกกรีดร้องเสียงแหลมโผบินมาเกาะบนยอดช่อฟ้าหงอนพญานาค ดวงตาของมันวับวาวในราตรี

    เสียงกรีด ร้องขอความเมตตาดังกึกก้องแล้วจางหาย คลับคล้ายได้ยินเสียงสตรีนางหนึ่งหัวเราะแผ่วเบา...ครั้นแล้วเสียงนั้นกลับ แปรเป็นสะอื้นไห้ และเลือนลับหายไปกับสายลม

     

    1 พิณน้ำเต้า เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด ในอดีตเป็นเครื่องดนตรีของพวกพราหมณ์ในศาสนาฮินดู  ทำจากลูกน้ำเต้า มีทั้งแบบสายเดียวและหลายสาย เวลาเล่นจะใช้ส่วนที่ทำจากน้ำเต้า กดทับลงที่หน้าอกแล้วใช้นิ้วดีดสายให้เกิดเสียง

    2 นกแสก คือ นกหากินกลางคืนชนิดหนึ่ง อยู่ในจำพวกเดียวกับนกเค้าและนกฮูก คนโบราณเชื่อว่าเป็นนกผี

    3 กราบเรือ คือ ขอบเรือด้านข้าง ทำจากแผ่นไม้กระดานซึ่งทำหน้าที่เสริมขอบข้างเรือให้สูงขึ้น

    4 สิม หรือ สิมอีสาน เป็นสถาปัตยกรรมพื้นบ้านอีสาน มีความหมายเช่นเดียวกับ โบสถ์หรือพระอุโบสถของภาคกลาง อันเป็นอารามเพื่อใช้ในกิจกรรมของพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรูปเสียงที่กร่อนมาจากคำว่า สีมา ซึ่งหมายถึงขอบเขตที่กำหนดขึ้น

    5 หน้าบัน คือ ส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อปิดทับบริเวณโพรงจั่วหลังคา เพื่อป้องกันไม่ให้แดดหรือฝนสาดเข้าไปภายในอาคาร

    6 ช่อฟ้า คือส่วนที่ประดับอยู่ตรงยอดบนสุดของปลายจั่วหลังคา มีรูปเหมือนหัวนาคชูขึ้นเบื้องบน

    7 ผ้าไหมมัดหมี่ คือ ผ้าที่ทอจากเส้นไหมซึ่งถูกผูกมัดแล้วย้อมสีให้เป็นลวดลายละเอียดลออก่อนนำไปทอ

    8 ลายปูม หรือ ผ้าปูม เป็นลายผ้าชั้นสูงที่มีวิธีการทอและย้อมเส้นไหมอันสลับซับซ้อนเกิดเป็นลวดลายประณีต ได้รับวัฒนธรรมมาจากขอมโบราณ

















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×