คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : OS : GoodBye Forever 🔞 {100%}
{สารภาพก่อนว่าใส่เพลงในบทความไม่เป็น *กดเล่นเอาเองนะ* ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยย}
ผมคิดว่าวันที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตก็คงจะหนีไม่พ้นวันนั้น...
ร่างอาบเลือดของชายหนุ่มตัวเล็กนอนหายใจรวยรินอยู่ขอบถนนบนทางลาดชัน ถัดไปเป็นเหวลึกที่นำไปสู่มหาสมุทรแสนกว้างใหญ่
ถ้าตกลงไปก็ไม่รู้เลยว่าจะงมเจอหรือไม่
แบคฮยอนปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง เขารู้สึกขอบคุณพระเจ้าเหลือเกินที่ไม่ใจร้ายผลักเขาลงไป
แต่ความจริงแล้วต้องขอบคุณลูกน้องคุณคริสมากกว่าที่ตัดสินใจไม่ฆ่าคนทรยศเจ้านายตัวเองแบบเขา
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแต่แบคฮยอนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาขยับตัวไม่ได้เพราะบาดเจ็บไปหมดทั้งร่าง เหมือนกระดูกแตกละเอียดไปหมดแล้ว แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน
แสงไฟหน้ารถสาดใส่หน้าจนต้องเบือนหนี หายใจเข้าลึกสุดปอดและพยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ถ้าเขาลุกได้ตอนนี้เขาก็จะรอด
...แต่แบคฮยอนไม่มีแรงมากพอจะทำอย่างนั้น
ได้แต่ภาวนาว่าจะมีคนมองเห็นและช่วยชีวิตไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะตรอมใจตายไปซะก่อน
พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาทั้งดวง
เสียงหายใจหอบและฝีเท้าหนักแน่นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจากถนนด้านบน แบคฮยอนได้ยินทุกอย่างชัดเจนและเขาก็แน่ใจว่าคนๆนั้นจะไม่วิ่งผ่านเขาไป
"ช่วยด้วย"
เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากเพื่อขอความช่วยเหลือ ร่างสูงในชุดวอร์มชะลอความเร็วลงและเปลี่ยนเส้นทางมาตรงที่คนบาดเจ็บนอนอยู่
ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันเนิ่นนานก่อนที่หยดน้ำใสจะกลิ้งออกจากดวงตาเรียว
แบคฮยอนถูกช้อนตัวขึ้นอย่างระมัดระวังจากเจ้าหน้าที่ เขาถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินและรักษาอย่างเร่งด่วน
สีหน้าที่เป็นกังวลตั้งแต่ได้เห็นกันครั้งแรกยังคงฉายชัดอยู่ในตอนนี้ แบคฮยอนพันผ้าสีขาวเกือบทั้งตัวและนอนพักในห้องพิเศษโดยมีคนที่พบเจอเขาอยู่ในห้องด้วยกัน
"คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"
คนป่วยพยักหน้าหงึกหงัก
"ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่"
"ขอบคุณ...ขอบคุณนะครับ"
"คุณต้องรีบติดต่อญาตินะครับ เขาจะได้มารับตัวคุณไปรักษาที่อื่น โรงพยาบาลที่นี่ไม่ค่อยได้มาตรฐานเท่าไหร่หรอก" ถึงจะพูดติดตลกแต่เขาก็พูดความจริง
แบคฮยอนทำเพียงแค่ส่งยิ้มกลับไปให้เท่านั้น เขาติดต่อใครไม่ได้เพราะไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว จะมีก็แต่คริสที่อุปถัมภ์ตนจากบ้านเด็กกำพร้าไปเลี้ยงเมื่อห้าปีก่อน
...แต่คริสเพิ่งสั่งฆ่าเขาไปเมื่อวานนี้เอง
"หรือผมควรอยู่กับคุณจนกว่าญาติจะมาดี" เจ้าของความสูงเกิดความลังเล เขาเดินถอยกลับมาที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณช่วยเขียนเบอร์ติดต่อให้ผมหน่อยได้ไหม เผื่อผมหายดีแล้วจะได้เลี้ยงขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้"
"ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก แค่คุณปลอดภัยก็เท่ากับเป็นการตอบแทนผมแล้วล่ะ"
"ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณแล้วจริงๆนะเนี่ย"
"เอาเป็นว่าผมตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนคุณจนกว่าญาติจะมาดีกว่า" แล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง
"ไม่มีใครมาหรอกครับ" ทั้งห้องเงียบสงัด แบคฮยอนส่งยิ้มกลับไปอีกครั้ง รอยฟกช้ำบนใบหน้ามีมากเกินกว่าจะสังเกตเห็นไฝเม็ดเล็กน่ารักบนมุมปากได้ "ผมไม่มีญาติที่ไหน"
"อ่า ผมขอโทษ"
"มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ" คนตัวเล็กหลุดขำพร้อมโบกมือไม่ให้คนข้างๆคิดมาก
"แล้วคุณจะรักษาตัวที่นี่ต่อไปหรอ"
"ก็...ผมว่ามันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง"
"งั้นผมจะลงชื่อเป็นญาติคุณก็แล้วกัน"
"ไม่ต้องหรอกครับ ลำบากคุณเปล่าๆ"
"เอาน่า ยังไงผมก็ยื่นมือมาช่วยคุณแล้ว ผมไม่ใช่นักต้มตุ๋นหรอกนะ"
"ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะ" ดวงตาเรียวหยีจนแทบปิด เขารู้สึกมีความสุขครั้งแรกในรอบหลายเดือน "ผมแบคฮยอนครับ บยอนแบคฮยอน"
"ผมปาร์คชานยอล ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
เมื่อจับมือทักทายกันอย่างเป็นทางการเจ้าของขาเรียวยาวก็ขออนุญาตกลับไปทำธุระส่วนตัว
แบคฮยอนเหม่อมองท้องฟ้าผ่านประตูกระจก ที่นี่คงจะไกลพอที่คุณคริสจะไม่สั่งให้ลูกน้องหวนกลับมาตามหาศพเขาอีก
มือเล็กตรงหน้าตักสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกย้อนถึงความบ้าบิ่นของตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว เขาถอนหายใจและปลอบตัวเองว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร มันจะผ่านไปด้วยดี
ถ้าหลุดพ้นจากวงจรนั้นมาได้ ชีวิตเขาคงจะมีความสุขมากขึ้น
ไม่ถึงสองชั่วโมงชานยอลก็กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเป้สีดำ เขาอยู่ในชุดลำลองขาสั้นและเสื้อยืดลายสดใส
"ผมไม่รู้ว่ามานอนโรงพยาบาลต้องเอาอะไรมาบ้างน่ะ เลยขนมาซะเยอะเลย"
"อย่าบอกนะว่าคุณจะมานอนเฝ้าผมที่นี่?"
"ครับ" ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างใสซื่อ
"ผมขอบคุณน้ำใจคุณมากนะ แต่คุณกลับไปนอนที่บ้านเถอะครับ"
"ผมบอกแล้วไงว่าจะไปลงชื่อเป็นญาติคุณ" ชานยอลขยิบตาให้หนึ่งทีก่อนจะรื้อเสื้อผ้าออกมาแขวนในตู้
สาบานเลยว่าถ้าข้อเท้าไม่เจ็บอยู่แบคฮยอนจะลงจากเตียงไปผลักเขาออกจากห้องด้วยตัวเอง
มันไม่จำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องมาอยู่เป็นเพื่อนเขา แถมยังไม่มีเหตุผลอะไรให้คนตัวสูงต้องมาดูแลเขาแบบนี้ด้วย
"เอาล่ะ ผมจะบอกความจริงกับคุณก็ได้" ชานยอลเลื่อนปิดตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง "ผมแค่เบื่อที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวน่ะ เปลี่ยนบรรยากาศซะบ้างมันคงจะดี"
คิ้วเรียวถึงกับกระตุกเข้าหากัน "คุณไปเที่ยวก็ได้นะ ไม่เห็นต้องมาลำบากนอนโซฟาที่โรงพยาบาลเลย"
"ไปคนเดียวมันก็ไม่สนุกอยู่ดีอ่ะคุณ... นี่!"
"หืม?" แบคฮยอนหันไปตามแรงสะกิดจากต้นแขน
"ไหนๆคุณก็ไม่มีใครแล้ว เรามาเป็นเพื่อนกันดีไหม?"
"ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจคุณหรอกนะ แต่คนอย่างผมไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเพื่อนกับใครได้หรอก"
"แปลกแฮะ" ชานยอลยกมือเกาศีรษะ เพ่งมองใบหน้าคนที่เพิ่งปฏิเสธมิตรภาพจากตนแล้วกอดอก
แบคฮยอนหดคอหลบเล็กน้อย เอาจริงก็สงสัยว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน มันจะมีสักกี่คนบนโลกที่จะอยากเป็นเพื่อนกับคนที่เจอกันครั้งแรกด้วยสภาพไม่สู้ดีแบบนี้
"หน้าตาคุณเหมือนเพื่อนสมัยมอปลายผมมาก แต่เธอเป็นผู้หญิงน่ะ นี่คุณไม่ได้ปลอมตัวมาใช่ไหม?"
"ดูหนังมากไปแล้วนะครับ"
"นั่นสิ เพื่อนผมผิวดีกว่านี้ ตัวก็บางกว่านี้ด้วย"
"ก็เธอเป็นผู้หญิงนี่ครับ ผมเป็นผู้ชาย"
ชานยอลยักไหล่แล้วลุกไปหยิบนมจากตู้เย็นออกมาสองขวดก่อนจะเปิดฝายื่นให้
ทั้งสองไม่ได้ต่อบทสนทนาอะไรกันมากเพราะยังไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่
เป็นแค่คนแปลกหน้า
ปกติแบคฮยอนก็ไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว น้อยคนนักที่จะได้พูดคุยและทำความรู้จักกับเขา
ในเมื่อตัวเขาเองไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาใคร การสร้างเครือข่ายก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นกัน แค่ต้องรู้จักชื่อคนที่เป็นคู่ค้าของคริสเท่านั้น คนอื่นก็ไม่จำเป็น
แม้แต่คนที่อยู่ในองค์กรเดียวกับเขาเองก็คุยได้แค่ไม่กี่คน
แบคฮยอนไม่ใช่คนหยิ่ง แต่แค่เป็นคนปิดกั้นสังคม เพราะเขาเห็นว่ามันไม่จำเป็น
คนเราเกิดมาคนเดียว ตายคนเดียว ทำไมจะอยู่คนเดียวไม่ได้... นั่นคือสิ่งที่เขาคิดมาตลอดยี่สิบปี
"เที่ยงแล้วนี่"
ร่างเพรียวที่นอนเหยียดอยู่บนโซฟาดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแบคฮยอนตกใจ ไม่ถึงสิบวินาทีนางพยาบาลก็ยกถาดอาหารเข้ามา
ชานยอลปรี่เข้าไปช่วยเธอถือไว้เพื่อนำมาวางบนโต๊ะคนป่วย เขาดูกระตือรือร้นตลอดเวลาจนแบคฮยอนสงสัยว่าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
อาหารรสชาติจืดมาตรฐานของโรงพยาบาลผ่านลำคอไปอย่างง่ายดาย ร่างเล็กไม่ใช่คนเรื่องมาก กินอะไรก็ได้ ถึงแม้ไม่ได้กินเขาก็ไม่โวยวายอะไร
"แล้วคุณไม่ทานข้าวหรอครับ?"
"อ้อ" ชานยอลเปิดตู้เย็นหยิบอาหารแช่แข็งไปเวฟแล้วมานั่งกินพร้อมกัน
เขาจัดการยกถาดอาหารและเลื่อนโต๊ะทานข้าวไปวางที่เดิมให้เรียบร้อยจนแบคฮยอนต้องห้ามปราม
มีแต่คำถามผุดขึ้นในสมองมากมายว่าผู้ชายคนนี้เอานิสัยมาจากใครกันนะ ถูกครอบครัวเลี้ยงดูมายังไง โตมาในสังคมแบบไหน
"ถ้าอยากเข้าห้องน้ำเรียกผมได้ตลอดเลยนะ"
"คุณชานยอล"
"จะเข้าห้องน้ำหรอ?"
แบคฮยอนหัวเราะอีกแล้ว
สีหน้าตกใจปนกังวลของชานยอลทำให้เขาดูดีขึ้นจริงๆ แปลกดีที่แค่การขมวดคิ้วคนตรงหน้าก็ดูหล่อขึ้นได้ "ผมว่าคุณทำตัวตามสบายเถอะครับ คิดซะว่ามาพักผ่อนแล้วกัน ไม่ต้องดูแลผมหรอก"
"คุณอึดอัดหรอ?"
"ก็นิดหน่อย"
"ผมขอโทษ ผมแค่กลัวว่าคุณจะลุกไปเข้าห้องน้ำไม่ไหวน่ะ"
"ขอบคุณนะครับ ไว้ให้ผมเดือดร้อนจริงๆแล้วผมจะขอช่วยคุณนะ"
อาการแบคฮยอนดีขึ้นตามลำดับ คืนแรกก็มีบ้างที่ต้องกลั้นใจเรียกชานยอลให้ช่วยพยุงเขาเดินไปห้องน้ำ ตอนแรกเขาคิดว่าปวดแค่ข้อเท้า แต่ที่ไหนได้...มันร้าวขึ้นมาถึงสะโพก
ร่างเล็กไม่ค่อยเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อนสักเท่าไหร่ แต่หลังจากได้หนังสือที่ชานยอลแนะนำให้อ่านเขาก็เริ่มเป็นคนตั้งคำถามก่อนบ้าง
"ผมจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย คุณจะไปด้วยกันไหม?"
"ไปสิ ว่าแต่คุณเถอะ เดินไหวแน่หรอ"
"ผมมีไม้ค้ำ"
ทั้งสองร่างเดินคู่กันไปตามทางเดินของโรงพยาบาลช้าๆ แบคฮยอนเดินช้ากว่าเดิมเป็นเท่าตัว ร่างเล็กหยุดยืนอยู่หน้ากระจกใสติดผนัง
ใบหน้าบวมเฉ่งแถมยังมีรอยเลือดกรังอยู่หลายจุด สภาพดูไม่ได้ยิ่งกว่าตอนไปคุ้ยกองขยะเพื่อหาเศษเหล็กชั่งขายตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าซะอีก
"ไหวไหมคุณ?" มือหนาบีบลงบนลาดไหล่เบาๆ
"ไหวครับ"
แบคฮยอนเดินหน้าต่อ ใช่...เขาต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดี ต้องเดินต่อไปด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้
คุณคริสคือผู้มีบุญคุณเหลือล้น ชุบชีวิตจากเด็กต่ำเตี้ยเรี่ยดินให้พอมีการศึกษาและรู้จักสังคมที่สูงขึ้น
เขามีที่ซุกหัวนอน มีอาหารให้กินทุกมื้อ มีเงินใช้ ก็เพราะความเมตตาจากคริส แต่สิ่งเหล่านั้นก็ต้องแลกมาด้วยความแข็งแกร่งของจิตใจที่มากพอ
เพราะคริสไม่ใช่คนดี...
"พรุ่งนี้คุณก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ดีใจด้วยนะ" ชานยอลไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยสักเท่าไหร่ เขาพูดคุยแบบสบายๆและใช้คำพูดที่ไม่ค่อยเป็นทางการมากเท่าไหร่นัก
ต่างจากแบคฮยอน...
"ครับ"
"ว่าแต่...คุณจะไปอยู่ไหนหรอ?"
ดวงตาเรียวหลุบมองข้อเท้าตัวเองอยู่พักใหญ่ "ไม่รู้สิครับ ผมอาจจะกลับไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าก็ได้"
"แล้วคนที่ทำร้ายคุณเขาจะไม่ตามไปหรอ"
นั่นสิ...แบคฮยอนเองก็แอบหวั่นว่าคริสจะรู้หรือเปล่าว่าเขายังไม่ตาย ถ้าตราบใดที่ไม่เจอศพ คนฉลาดแบบนั้นก็คงจะรู้
"เอางี้..."
"..." แบคฮยอนหันไปจ้องดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีประกายสวยของน้ำหล่อเลี้ยง
"ไปอยู่กับผมก่อนสักพัก ผมให้คุณอยู่ฟรีเลยแต่ต้องมีข้อแม้นะ"
"ข้อแม้?"
"คุณต้องยอมให้ผมเป็นเพื่อนคุณก่อน"
คนฟังอมยิ้ม นี่คือสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการเป็นค่าตอบแทนที่ยอมให้ไปอยู่ที่บ้านฟรีๆหรอ
"ผมกับคุณอยู่ด้วยกันมาเกือบอาทิตย์แล้วนะครับ"
ร่างสูงพยักหน้าขึ้นลง ตั้งใจฟังสิ่งที่แบคฮยอนกำลังจะพูด
"ผมว่าแค่นี้ก็ชัดเจนพอแล้วหรือเปล่า"
"ไม่เข้าใจอ่ะ" แบคฮยอนยืนขึ้นอีกครั้ง หยิบไม้ค้ำเตรียมจะเดินออกไป "ผมไม่เข้าใจอ่ะแบคฮยอน"
เจ้าของชื่อเผลอใจเต้นรัวกับเสียงเรียก ชานยอลเรียกชื่อแบคฮยอนเป็นครั้งแรกพร้อมกับสีหน้างงงวยเหมือนเด็กๆ ...แต่แบคฮยอนไม่ชอบเด็ก
"ผมไม่คุยกับใครเกินหนึ่งอาทิตย์หรอกนะ"
ชานยอลก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี...
"ถ้าไม่ใช่เพื่อนน่ะ"
หลังจากประมวลผลอยู่นานปากหยักก็ยกยิ้มกว้างจนอวัยวะบนใบหน้ายิ้มตาม "จริงนะ"
"ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ"
"ว้าว ดีจัง~"
แบคฮยอนยืนรอเจ้าของบ้านไขกุญแจอยู่หน้าประตู ปลายนิ้วเรียวข้างหนึ่งขึ้นสีเข้มเพราะเกี่ยวกระเป๋าไว้อยู่ ไม่นานนักประตูก็เปิดออก
"นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ผมจะไปจัดห้อง"
"ไม่ต้องหรอกครับ"
"ไม่ได้หรอก ผมอายน่ะ" ชานยอลถือกระเป๋าเป้หายเข้าไปในห้องนอนประมาณสิบนาที
ร่างเล็กนั่งมองสำรวจบ้านไปรอบๆ มีกีต้าร์วางพิงอยู่ตรงมุมห้อง มีตู้ปลาเล็กๆ มีจักรยานหนึ่งคัน ของใช้ไม่มากนักแต่ก็ไม่น้อยเลยสำหรับชายหนุ่มที่อยู่ตัวคนเดียว
แบคฮยอนกระเผลกขาไปยังตู้ไม้ บนนั้นมีกรอบรูปวางเรียงปนกับหนังสือไม่กี่เล่ม
รูปครอบครัว รูปเดี่ยว รูปเพื่อนฝูง ... ความทรงจำทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในกรอบไม้สี่เหลี่ยม ทุกอย่างสวยงาม
"แบคฮยอน คุณไม่คิดมากใช่ไหมถ้าเรานอนเตียงเดียวกัน"
"ผมยังไงก็ได้อยู่แล้วครับ"
"งั้นเดี๋ยวผมหาชุดนอนให้ ถึงเวลาที่คุณต้องทานยาแก้ปวดแล้วล่ะ" ร่างสูงชี้ลงไปบนเท้าที่เข้าเฝือกแล้วหยิบยาออกมาวางบนมือเล็ก
แบคฮยอนตาปรือลงจนเกือบจะปิดในขณะนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ไม่นานนักก็ย้ายตัวเองเข้าห้องนอน
เตียงชานยอลไม่ใหญ่มาก ลำพังเขานอนคนเดียวก็เกือบเต็มแล้ว แต่คืนนี้กลับมีแขกรับเชิญมานอนด้วยอีกคนมันเลยดูจะอึดอัดไปสักหน่อย
...แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนเจ็บ เพราะเขาเป็นคนไม่เรื่องมาก ยังไงก็ได้
และอีกอย่าง ที่นี่ไม่ใช่บ้านเขา แบคฮยอนเป็นแค่ผู้อาศัย
เช้าตรู่ในหลายวันถัดมา ทั้งคู่เดินทางไปยังโรงพยาบาลเพื่อถอดเฝือก แบคฮยอนเดินปร๋อหลังจากกลับมาอยู่ที่บ้าน
คอยทำงานบ้านงานเรือนทุกอย่างแถมยังขออนุญาตซื้อสุนัขตัวเล็กเข้ามาเลี้ยงอีกด้วย
"คุณคุยกับมันมากกว่าผมอีกนะ" ชานยอลนั่งยองลงข้างๆบนสนามหญ้าในสวนเล็กๆ
"ผมไม่ค่อยชอบคุยกับมนุษย์เท่าไหร่น่ะ"
...แบคฮยอนก็เป็นซะแบบนี้
"ผมต้องเป็นหมาหรอคุณถึงจะคุยด้วย หืม?"
ร่างเล็กเพียงแค่หันมาสบตาแล้วส่งยิ้มให้เบาๆ แย่งกระดูกปลอมออกจากปากสัตว์เลี้ยงก่อนจะโยนไปอีกฟากฝั่ง
พยักเพยิดชี้ให้คนข้างๆไปเอามันกลับคืนมา ซึ่งชานยอลก็คลานสี่ขาทำตามใจจนใบหน้าหวานยกยิ้ม
"เก่งมาก"
"ผมเป็นหมาให้คุณแล้ว คราวนี้คุณก็ต้องยอมคุยกับผมแล้วนะ"
"ได้เสมอ" แบคฮยอนยักไหล่ เขาผ่อนคลายมากขึ้นตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
ชานยอลเป็นผู้ชายหลายบุคลิก มีความสามารถหลายด้าน เป็นผู้ชายในฝันของใครหลายคน แต่แปลกที่เขามักจะไม่เริ่มความสัมพันธ์กับใคร ทำให้ต้องอยู่คนเดียวมาหลายปี
ชานยอลเป็นคนอ่านง่าย เพียงแค่มองตาก็รู้แล้วว่าต้องการอะไร อย่างเช่นตอนนี้ที่แบคฮยอนกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเปลผูกใต้ต้นไม้
เขาก็เดินลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างๆแล้วออกแรงแกว่งจนตาลาย
"คุณอ่านหนังสือมาสองชั่วโมงแล้วนะ"
"ผมชอบอ่านหนังสือน่ะ" แบคฮยอนเลื่อนสายตาไปมองรูปหน้าที่กำลังงองุ้ม
"ผม..."
"ผมจะเข้าไปร้องเพลงเป็นเพื่อนคุณในบ้าน โอเคนะ"
"เย่!"
บอกแล้วว่าปาร์คชานยอลน่ะ...อ่านง่าย
แผ่นกระดาษที่วางเรี่ยราดเกลื่อนโต๊ะบ่งบอกได้ว่าเจ้าของบ้านกำลังมีอารมณ์สุนทรีย์ในการประพันธ์เพลง
แบคฮยอนเท้าศอกลงบนโต๊ะประสานมือไว้ใต้คาง มองคนตรงข้ามที่กำลังอุ้มกีต้าร์ไว้ในอ้อมกอด
เขาดูมีสเน่ห์ ซึ่งจริงๆแล้วสเน่ห์ชานยอลมีหลากหลาย ...หลากหลายจนไม่สามารถพูดได้จนครบ เพราะแม้แต่ตอนนั่งดูทีวีเฉยๆแบคฮยอนก็มองเห็นสเน่ห์ที่อยู่ในตาคู่นั้น
หรือแม้แต่ตอนนอนข้างกันสเน่ห์ของชานยอลก็ยังคงตรึงสายตาไม่ให้หลับใหล
ชานยอลพอใจที่ได้ยินเสียงหวานเคล้าไปกับเสียงคอร์ดที่ตัวเองเป็นคนคิดมันขึ้นมา เมื่อหลายปีก่อนเขาเคยมีนักร้องส่วนตัวเช่นกัน...แต่นั่นก็แค่อดีต
ทุกๆวันเริ่มต้นเหมือนเดิมและจบลงเหมือนเดิม จะมีผิดเพี้ยนไปบ้างเมื่อเจ้าของร่างสูงนึกอะไรสนุกๆออก เขาอยากรู้จักแบคฮยอนให้มากกว่านี้
และแบคฮยอนเองก็อยากรู้จักชานยอลให้มากขึ้นเช่นกัน
ร่างเล็กเริ่มเปลี่ยนบุคลิก เหมือนนิสัยจะถ่ายโอนกันได้เพียงแค่ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
เขาไม่รังเกียจสัมผัสจากชานยอล ไม่รังเกียจที่จะเข้าหาก่อน และไม่รังเกียจที่จะยอมเปิดใจให้คนที่เคยเป็นแค่คนแปลกหน้า
"ชานยอล ผมจะปิดไฟแล้วนะ" แบคฮยอนอ่อนโยนขึ้น ไม่กระด้างเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก
"รอผมด้วยสิครับ" ชานยอลวิ่งเข้ามาในห้องหลังจากหากระดาษเนื้อเพลงโปรดที่วางอยู่บนโต๊ะไม่เจอเนื่องจากมันรกมากเกินไป "คุณอ่ะ"
น้ำเสียงคล้ายแง่งอนทำให้แบคฮยอนหัวเราะเสียงเบา เขาชอบเหลือเกินที่ชานยอลเป็นแบบนี้
ไม่รู้เหมือนกันว่าเผลอมีใจให้ตอนไหน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าถ้าทุกวันก่อนนอนได้เจอหน้าเขาและตื่นมาในตอนเช้าก็ยังคงนอนข้างเขาแบบนี้เรื่อยๆก็คงจะดี
...แบคฮยอนตกหลุมรักชานยอลซะแล้ว
"กลัวความมืดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
"ก็ตั้งแต่คุณมาอยู่กับผมนั่นแหละ..." ชานยอลเท้าศีรษะไว้กับมือจ้องเสี้ยวหน้าที่โดนผ้าห่มปิดไปเกือบมิด "คุณชอบแกล้ง"
"ก็คุณชอบแกล้งผมก่อน"
"ก็คุณมันน่าแกล้งนี่นา"
"นอนเถอะ"
ชานยอลไม่รู้หรอกว่าแบคฮยอนกำลังหน้าแดง...
แบคฮยอนตะแคงหนีเจ้าของรอยยิ้มที่คว้าใจเขาไปได้ ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะ
แขนแกร่งดึงคนตัวเล็กเข้าอ้อมกอดจากด้านหลัง แล้วทุกอย่างก็เงียบไปแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
"คุณ..."
"ตัวคุณนิ่มจัง" ...หัวใจทำงานหนักเหลือเกิน
ลมหายใจร้อนรินรดพวงแก้มใสที่ร้อนฉ่า ชานยอลดอมดมกลิ่นหอมจากร่างเล็กช้าๆ มันเย้ายวนจนเขาไม่สามารถหยุดได้
"ชานยอล"
"ครับ"
เสียงใสท้วงห้ามเป็นนัยแต่ก็ไม่ชัดเจนพอที่จะหยุดการกระทำนั้น ชานยอลเลื่อนมือมาจับมือเล็กที่กำหากันแน่นก่อนจะสอดประสานเอาไว้หลวมๆ
แบคฮยอนตัวสั่นเป็นลูกนก...
"เรียกผมแล้วเงียบหรอ หืม?" เสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูจนแบคฮยอนขนลุกซู่
ทำได้แค่เพียงหดคอหนีแล้วหลับตาแน่น เผลอบีบมือชานยอลแรงเกินไปด้วย
"แบคฮยอน"
"ห หืม?"
"เราอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว"
"ป ประมาณสี่เดือนแล้ว มั้ง"
"ผมว่า..."
แบคฮยอนใจเต้นตึกตักเมื่อถูกอีกคนเกลี่ยเส้นผมเล่น
ชานยอลขยับให้เขานอนหงายก่อนจะสัมผัสแก้มใสด้วยปลายจมูกเบาๆ กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายแข็งเกร็งและรู้สึกได้ว่าสายตาคู่นั้นกำลังจ้องลึกลงมาเหมือนกัน
"ผมรักคุณเข้าแล้วล่ะแบคฮยอน"
"คุณไม่คิดมากเรื่องเพศหรอ? " เสียงหวานเต็มไปด้วยความสั่นไหว
"เพศไม่ใช่เงื่อนไขของความรักแบคฮยอน…หัวใจต่างหาก"
_ _ _ _ _ _ _
C U T
_ _ _ _ _ _ _
แสงสว่างที่ลอดหน้าต่างเช่นทุกวันยังคงเป็นนาฬิกาปลุกให้แก่เจ้าของร่างบางได้ดี
แบคฮยอนเห็นว่าโต๊ะที่ชานยอลใช้เวลากับมันทั้งวันนั้นรกตาเกินกว่าจะทนได้ไหว เขาจึงตั้งใจลุกมาเก็บกวาด
กระดาษเอสี่ที่ตีบรรทัดห้าเส้นกองพะเนินเป็นภูเขา มีทั้งใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้ ...ชานยอลรักเสียงเพลง และดนตรีก็คือชีวิตของเขา
สิ่งที่แบคฮยอนทำคือแยกประเภทของกระดาษให้ชัดเจนเพราะเห็นว่าหลายครั้งที่เจ้าของโต๊ะมักจะหาอะไรไม่เจอจนหงุดหงิด
เขาเผลอปัดกระบอกใส่ดินสอไม้จนหล่นกระจายเต็มพื้น ไส้ดินสอหักเกือบหมด ตอนนั้นเองที่แบคฮยอนคิดว่าเขาควรจะตื่นขึ้นมาเพื่อดูทีวีเหมือนเช่นทุกวันซะมากกว่า
ต้องเสียเวลาไปกับการเหลาดินสออีกเกือบห้านาที ก่อนจะเก็บกระดาษที่ยังไม่ใช้เข้าลิ้นชัก
เมื่อบนโต๊ะไร้สิ่งกีดขวางทำให้บางอย่างที่ฝังอยู่มานานเด่นชัดขึ้น
แบคฮยอนเอียงคอมองรูปภาพอย่างสงสัย มันถูกติดกับกาวตรงมุมโต๊ะ อารมณ์ในรูปให้บรรยากาศเหมือน...คนรัก
เขารู้สึกคุ้นหน้าเธอเหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน และพอมองไปยังชั้นไม้ก็ไขข้อสงสัย ผู้หญิงคนนั้นมีรูปคู่กับปาร์คชานยอลใส่กรอบ
แบคฮยอนไม่ใช่คนขี้หึง...
อาการนั้นมันแสดงออกยากเกินไปสำหรับคนอย่างเขา
"ทำอะไรอยู่ครับ" เสียงทุ้มลอยมาพร้อมกับวงแขนแกร่งโอบรอบเอว
"ผมจัดโต๊ะให้คุณน่ะ มันรกเกินไป"
"โห ใจดีจัง" แบคฮยอนหันไปตามแรงหมุนของคนด้านหลัง
กลิ่นชานยอลช่างมอมเมาเหลือเกิน มันทำให้เขาเปลี่ยนตัวเองจนเกือบจะกลายเป็นคนละคน
แบคฮยอนไม่เคยยอมให้ใครกอดขนาดนี้ ไม่เคยยอมให้ใครรุกล้ำได้ขนาดนี้ ถึงแม้ร่างกายอาจจะโดนกระทำบ่อย แต่เรื่องของหัวใจ...ชานยอลคือครั้งแรก
"เช้านี้กินอะไรดีครับ"
"อืม..." ร่างสูงทำท่าครุ่นคิด "กินคุณได้ไหม?"
ชานยอลเจ้าเล่ห์
แต่แบคฮยอนก็มอบจูบรสหวานให้อย่างเต็มใจ เช้าของทุกวันมันเป็นวันที่ดีเสมอ เมื่อเขาตื่นมาแล้วพบว่า...บนโลกใบนี้ยังมีคนยินดีที่เขาเกิดมา
คืนนี้ชานยอลไม่กลับบ้าน เป็นครั้งแรกที่เขาไปนอนค้างที่อื่นตั้งแต่แบคฮยอนย้ายเข้ามา
ร่างเล็กจัดตู้เสื้อผ้าใหม่เพราะเสื้อผ้าของเขาที่เพิ่งซื้อมากำลังแย่งพื้นที่เสื้อผ้าของปาร์คชานยอล
เขาไม่ยอมให้แบคฮยอนซื้อเสื้อสีทึบโดยให้เหตุผลว่า 'แบคฮยอนคือความสดใส' และไม่ยอมให้ซื้อเสื้อแขนสั้นทั้งๆที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ออกไปนอกบ้าน แถมเสื้อแขนยาวพวกนั้นก็มักจะยาวจนเลยปลายนิ้วเรียวแทบทุกตัว
แบคฮยอนหยิบกรอบรูปที่ถูกวางอยู่ด้านในของตู้ออกมาดู ...เป็นเธออีกแล้ว
แน่นอนว่าคนตัวเล็กไม่เคยถามถึงเรื่องราวในอดีต เขาไม่รู้ว่าชานยอลเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน พ่อแม่เป็นคนยังไงหรือถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน
เขารู้แค่ว่าพ่อแม่ของชานยอลทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศ และพี่สาวคนเดียวก็อยู่กับสามีและลูกชายในโซล เป็นครอบครัวที่อบอุ่น
มือซนของแบคฮยอนสัมผัสแผ่นกระดาษด้านหลังกรอบรูป จริงๆแล้วนิสัยส่วนตัวของเขาไม่ใช่แบบนี้ ไม่เคยอยากรู้เรื่องราวของคนอื่นแบบนี้
'ผมขอโทษ รีบกลับมานะ ผมยังรอคุณอยู่เสมอ'
...แต่ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไป
อยู่ๆความรู้สึกมันก็รื้นขึ้นเต็มขอบตา แบคฮยอนกำลังร้องไห้...ร้องไห้ให้กับความรักที่ชานยอลมีให้ผู้หญิงคนนี้ มันมากมายเหลือเกิน
เขาแน่ใจว่าชานยอลจะต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง จึงลากเก้าอี้เพื่อปีนขึ้นไปหยิบกล่องบนหลังตู้
'หลายวันแล้วนะที่คุณหายไป ไม่คิดถึงผมหรอ'
'คุณครับ วันนี้วันครบรอบห้าปีของเรา จำได้ไหม?'
'ถ้าคุณไม่รีบกลับมาตอนนี้ผมจะหาแฟนใหม่แล้วนะ . . . ผมล้อเล่น'
'คุณหายไปไหนกันแน่ ผมทนไม่ไหวแล้วนะ'
แบคฮยอนหยุดอ่านข้อความพวกนั้นไม่ได้ กระดาษทุกแผ่นเต็มไปด้วยลายมือของชานยอลที่เขาจำได้ดี และทุกครั้งมันก็ถูกลงวันที่ไว้
'ผมรู้ว่าคุณยังไม่ตาย'
และแผ่นล่าสุดที่เพิ่งถูกเขียน...
'ขอโทษนะ'
...คือเมื่อวาน
.
"วันนี้ผมจะพาคุณไปดูทุ่งทานตะวันตรงเนินเขาด้วยแหละ ตื่นเต้นไหม?"
แบคฮยอนหัวเราะเบาๆ เพราะสิ่งที่ชานยอลกำลังพูดอยู่มันไม่ได้ทำให้เขาตื่นเต้นเลย ชานยอลบอกล่วงหน้าไว้แล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ เขาย้ำมันทุกวัน
"ผมหรือคุณกันแน่ที่ตื่นเต้น"
"อ่า ผมตื่นเต้นจริงๆด้วย" พูดจบก็คล้องกล้องตัวเล็กไว้กับคอ
ชานยอลน่ารัก... เขาใส่เสื้อลายทางสีเหลืองสดใส กางเกงสามส่วนสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว และแบคฮยอนเองก็ใส่เหมือนกัน
ชานยอลบอกว่ามันคือไอเท็มคู่ ...คือสิ่งที่คนรักกันแต่งตัวเหมือนกันทุกอย่าง
ไม่แปลกใจว่าทำไมร่างสูงถึงดูตื่นเต้นขนาดนี้ ทั่วทั้งบริเวณถูกระบายไปด้วยสีเหลืองของทานตะวัน เมื่อกระทบกับแสงแดดก็ยิ่งทำให้มันสว่างขึ้นไปอีก
แบคฮยอนหายเข้าไปในสีพวกนั้นพร้อมกับกระโดดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ดูยังไงก็สดใสกว่าดอกไม้
ทั้งสองวิ่งเล่นราวกับเด็ก ลืมตัวตนที่เคยสร้างมา...
"โอ๊ะ!"
"แบคฮยอน!" หัวเข่าข้างซ้ายถลอกจนเลือดซึม แบคฮยอนนั่งชันเข่าขึ้นมาเล็กน้อย "ไม่เจ็บนะ"
"อื้ม" มันไม่เจ็บหรอก แผลแค่นี้เอง
"เดินไหวไหม?"
"ผมไม่เป็นไร ยังวิ่งได้อีกนะ แข่งกันเปล่า"
ชานยอลเป่าเพี้ยงเบาๆแล้วพยุงคนตัวเล็กขึ้นมา เขาดึงแบคฮยอนเข้าอ้อมกอด
"คุณมีความสุขไหม?"
"อื้ม ผมมีความสุขมาก"
"ผมดีใจนะที่เห็นคุณยิ้มได้แบบนี้..." เขาคลายอ้อมกอด บีบหัวไหล่มนเบาๆ "ยิ้มให้มากกว่านี้อีกนะ ยิ้มให้ผมมากกว่านี้อีก"
"ผมก็ไม่เคยยิ้มให้ใครขนาดนี้เลยนะ"
"ขอบคุณที่ทำให้ผมเห็นมุมนี้ของคุณคนเดียวนะแบคฮยอน"
ชานยอลได้ทุกอย่างไปจากแบคฮยอนคนเดียว...เขาคือครั้งแรกของแบคฮยอนคนเดียว
"ผมรักคุณ"
"เช่นกัน"
แม้แต่คำว่ารักที่ออกจากปาก นั่นก็คือครั้งแรก
.
เป็นเช้าที่ชานยอลตื่นขึ้นมาทำอาหารเพราะแบคฮยอนไม่สบาย เขามีพรสวรรค์ด้านนี้นิดหน่อยเพราะทำกินเองมาตั้งแต่เด็ก
กลิ่นหอมของข้าวต้มหมูสาหร่ายก็เป็นเครื่องการันตีได้แล้วว่ารสชาติมันจะออกมาสุดยอดขนาดไหน
แบคฮยอนดื้อเกินกว่าจะยอมให้พาไปโรงพยาบาล เพิ่งรู้วันนี้ว่าคนที่แข็งแกร่งอย่างเขาจริงๆแล้วกลัวเข็มเหมือนกัน
ชานยอลตั้งนาฬิกาปลุกทุกๆชั่วโมงเพื่อที่จะเดินเข้าไปดูอาการคนป่วยในห้องนอน เขาอยากให้แบคฮยอนได้พักผ่อนเต็มที่
"เช้าวันนี้เรามาดูความคืบหน้าข่าวคนหายกันนะคะ...นางสาวเอนามสมมติที่หายตัวไปหลังจากที่เธอออกจากที่ทำงานเพื่อขับรถไปหาแฟนหนุ่ม วันนี้ครบรอบปีที่สองแล้วที่เธอหายตัวไป ทางครอบครัวเข้าแจ้งเรื่องอีกครั้งเพื่อให้ตำรวจเร่งค้นหา..."
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ชานยอลละสายตาจากทีวีเพื่อปิดนาฬิกาปลุก อาการแบคฮยอนดีขึ้นมากแล้ว คนตัวเล็กพาร่างตัวเองมานอนอยู่บนโซฟาเป็นเพื่อน
"เล่นกีต้าร์ให้ผมฟังหน่อย"
ปากหยักยกยิ้มให้กับคำออดอ้อนก่อนจะลุกไปหยิบกีต้าร์มาเกาเล่น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอเล่นเพลงที่มันเศร้าจนจับคลื่นความเสียใจได้
แบคฮยอนเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง ส่วนชานยอลก็กลับไปคิดเรื่องราวของตัวเองใหม่
มันไม่ผิดที่ใครทั้งนั้น ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเขาเอง
ครืด~ ครืด~
เสียงโทรศัพท์ที่ไม่ได้มาจากการตั้งปลุกดังขึ้น...
"สวัสดีครับ"
เรื่องราวของเขายังคงยืดยาวมาจนถึงวันนี้
"คุณคือใคร?"
วันที่ชานยอลไม่กลับบ้าน นั่นคือวันที่เขาเข้าไปยื่นเรื่องให้กับตำรวจอีกครั้ง
"ต้องการอะไร?"
คนรักของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยถึงสองปีเต็ม...
"..."
และวันพรุ่งนี้...
"...โอเค"
เขาจะได้เจอกับเธออีกครั้ง
.
แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมชานยอลถึงชวนเขาออกมาข้างนอกในตอนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ทั้งที่ตัวเขายังไม่หายไข้ดีนัก
จะชวนมาดูดาวหรอ?
"ชานยอล คุณจะเดินไปไหนอ่ะ ผมเหนื่อยแล้วนะ"
"..." ร่างสูงไม่ตอบ เพียงแค่เดินให้ช้าลงแล้วกุมมือเล็กขึ้นแนบอก "รู้สึกไหม?"
"อ อืม" แบคฮยอนรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงก่ำ
"มันเต้นแรงทุกครั้งเวลาอยู่กับคุณ..."
"อ่า"
"จริงๆนะ"
"..." ร่างเล็กเกาแก้มแก้เขิน
ชานยอลเดินหน้าต่อไปในขณะที่มือยังกุมกันแน่น แบคฮยอนก้มหน้างุดมองรอยรองเท้าที่ใหญ่กว่าเท้าของเขาหลายไซส์ เผื่อโอกาสสำคัญเขาจะได้ซื้อรองเท้าคู่กับชานยอลอีก
เสียงปิดประตูรถดังแว่วมาทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมองรองข้าง แบคฮยอนเห็นเงาสีดำอยู่ไกลๆแต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก
"อ่า ชานยอล ผมว่าท่อนสุดท้ายของเพลงมันควรจะเป็น 'ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ตลอดไป' ดีไหม?"
เจ้าของชื่อหันมายิ้ม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แบคฮยอนกลายเป็นคนอ่อนโยนเก็บเรื่องคนอื่นมาคิดแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แบคฮยอนกลายเป็นคนร่าเริงแบบนี้
...ตั้งแต่ที่เปิดใจให้กับชานยอลหรือเปล่า?
"ผมว่า...มันควรจะเป็น 'กลับมาหาผมเถอะ ผมยังรอคุณอยู่ที่เดิม' มากกว่า"
"มันเพราะกว่าหรอ?"
"มันสมควรจะเป็นอย่างนั้นน่ะ"
แบคฮยอนหันไปมองเงาตะคุ่มข้างรถที่เดิม หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในกรอบตาพร้อมกับชายหนุ่มชุดดำ
คนตัวเล็กก้มมองมือที่ถูกคลายออกช้าๆ ชานยอลยืนหันหลังให้เขาเนิ่นนานก่อนจะเดินเข้าไปหา...เธอคนนั้น
"ช ชานยอล"
"..." ไร้เสียงตอบรับ
ปาร์คชานยอลรับเธอต่อมาจากชายชุดดำและดึงเข้าสู่อ้อมกอด เสียงสะอื้นร่ำราวกับได้ของรักของหวงกลับคืนมาของเขาบาดลึกหัวใจคนตัวเล็กจนเหวอะหวะ
"ชานยอล"
"..." และไม่ว่าจะตะโกนเรียกอีกกี่ครั้ง
"ชานยอล!"
ปาร์คชานยอลก็ไม่หันกลับมา
ข้อมือเล็กถูกลากถูลู่ถูกังไปยังรถยนต์ในขณะที่สายตาพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำใส แบคฮยอนยังคงกู่ก้องชื่อร่างสูงเต็มแรง
แต่ปาร์คชานยอลก็ยังเดินต่อไปพร้อมกับเธอคนนั้น... เธอคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขามากกว่าแบคฮยอน
...เธอที่ปาร์คชานยอลยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตอันไร้ค่าของแบคฮยอน
...เธอที่ชนะและเอาปาร์คชานยอลไปจากชีวิตของแบคฮยอน
...เธอที่อยู่ในรูปถ่ายบนโต๊ะ บนชั้นไม้ ในกล่องหลังตู้ ในเนื้อเพลงที่เพิ่มคำร้องไปเมื่อสักครู่ อยู่ในที่ๆเคยเก็บไว้มิดชิดตั้งแต่วันแรกที่แบคฮยอนย้ายเข้ามาอยู่
...เธอที่ใบหน้าช่างคล้ายคลึงกับแบคฮยอนนัก
...แต่เธอไม่ใช่แบคฮยอน
ร่างเล็กยังคงต่อสู้กับแรงที่พยายามยัดเขาเข้ารถ คนของคุณคริสตรึงร่างเขาไว้กับเบาะหลังรถแน่น
ปาร์คชานยอลลับสายตาไปแล้ว เขาออกไปไกลเกินกว่าแบคฮยอนจะมองเห็นแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนกลับมาอยู่ที่เดิม... ที่ๆมีแค่แบคฮยอน
ที่ๆไม่มี ' เ ร า ' อีกแล้ว
และวันที่เจ็บปวดหัวใจมากที่สุด...ก็คงจะไม่พ้นวันนี้
ลาก่อน ... ตลอดไป ... ปาร์คชานยอล
เ จ อ กั น ใ น แ ท็ ก .
#หัวไม้ชานแบค
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เราอยากแต่งแนวนี้มานานแล้วอ่ะ
อิอิ
นี่เป็นเนื้อเรื่องพิเศษไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักค่ะ
มีคนอยากให้แต่งต่อด้วยค่ะ...คนขี้เกียจแบบเราหนักใจเลย
แต่มีลิ้งค์ละค่ะ555555555555555555555555555555555555
( http://writer.dek-d.com/dekdee/writer/viewlongc.php?id=1368086&chapter=1 )
ความคิดเห็น