ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #19 : OS : GoodBye Forever 🔞 {100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.93K
      2
      8 ก.ค. 58

    {สารภาพก่อนว่าใส่เพลงในบทความไม่เป็น *กดเล่นเอาเองนะ* ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยย}



















     

    ผมคิดว่าวันที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตก็คงจะหนีไม่พ้นวันนั้น...





     

    ร่างอาบเลือดของชายหนุ่มตัวเล็กนอนหายใจรวยรินอยู่ขอบถนนบนทางลาดชัน ถัดไปเป็นเหวลึกที่นำไปสู่มหาสมุทรแสนกว้างใหญ่

     

    ถ้าตกลงไปก็ไม่รู้เลยว่าจะงมเจอหรือไม่

     




     

    แบคฮยอนปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง เขารู้สึกขอบคุณพระเจ้าเหลือเกินที่ไม่ใจร้ายผลักเขาลงไป

     

    แต่ความจริงแล้วต้องขอบคุณลูกน้องคุณคริสมากกว่าที่ตัดสินใจไม่ฆ่าคนทรยศเจ้านายตัวเองแบบเขา






     

     

    ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแต่แบคฮยอนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาขยับตัวไม่ได้เพราะบาดเจ็บไปหมดทั้งร่าง เหมือนกระดูกแตกละเอียดไปหมดแล้ว แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน

     

    แสงไฟหน้ารถสาดใส่หน้าจนต้องเบือนหนี หายใจเข้าลึกสุดปอดและพยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ถ้าเขาลุกได้ตอนนี้เขาก็จะรอด

     

    ...แต่แบคฮยอนไม่มีแรงมากพอจะทำอย่างนั้น

     
     

     

    ได้แต่ภาวนาว่าจะมีคนมองเห็นและช่วยชีวิตไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะตรอมใจตายไปซะก่อน

     

     

     

     

     

    พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาทั้งดวง

     

    เสียงหายใจหอบและฝีเท้าหนักแน่นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจากถนนด้านบน แบคฮยอนได้ยินทุกอย่างชัดเจนและเขาก็แน่ใจว่าคนๆนั้นจะไม่วิ่งผ่านเขาไป


     

    "ช่วยด้วย"


     

    เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากเพื่อขอความช่วยเหลือ ร่างสูงในชุดวอร์มชะลอความเร็วลงและเปลี่ยนเส้นทางมาตรงที่คนบาดเจ็บนอนอยู่

     

    ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันเนิ่นนานก่อนที่หยดน้ำใสจะกลิ้งออกจากดวงตาเรียว

     

     

     

     

    แบคฮยอนถูกช้อนตัวขึ้นอย่างระมัดระวังจากเจ้าหน้าที่ เขาถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินและรักษาอย่างเร่งด่วน

     

    สีหน้าที่เป็นกังวลตั้งแต่ได้เห็นกันครั้งแรกยังคงฉายชัดอยู่ในตอนนี้ แบคฮยอนพันผ้าสีขาวเกือบทั้งตัวและนอนพักในห้องพิเศษโดยมีคนที่พบเจอเขาอยู่ในห้องด้วยกัน


     

    "คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"

     

    คนป่วยพยักหน้าหงึกหงัก

     

    "ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่"

     

    "ขอบคุณ...ขอบคุณนะครับ"

     

    "คุณต้องรีบติดต่อญาตินะครับ เขาจะได้มารับตัวคุณไปรักษาที่อื่น โรงพยาบาลที่นี่ไม่ค่อยได้มาตรฐานเท่าไหร่หรอก" ถึงจะพูดติดตลกแต่เขาก็พูดความจริง

     

    แบคฮยอนทำเพียงแค่ส่งยิ้มกลับไปให้เท่านั้น เขาติดต่อใครไม่ได้เพราะไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว จะมีก็แต่คริสที่อุปถัมภ์ตนจากบ้านเด็กกำพร้าไปเลี้ยงเมื่อห้าปีก่อน

     

    ...แต่คริสเพิ่งสั่งฆ่าเขาไปเมื่อวานนี้เอง

     

     

    "หรือผมควรอยู่กับคุณจนกว่าญาติจะมาดี" เจ้าของความสูงเกิดความลังเล เขาเดินถอยกลับมาที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง

     

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณช่วยเขียนเบอร์ติดต่อให้ผมหน่อยได้ไหม เผื่อผมหายดีแล้วจะได้เลี้ยงขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้"

     

    "ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก แค่คุณปลอดภัยก็เท่ากับเป็นการตอบแทนผมแล้วล่ะ"

     

    "ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณแล้วจริงๆนะเนี่ย"

     

    "เอาเป็นว่าผมตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนคุณจนกว่าญาติจะมาดีกว่า" แล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง

     

    "ไม่มีใครมาหรอกครับ" ทั้งห้องเงียบสงัด แบคฮยอนส่งยิ้มกลับไปอีกครั้ง รอยฟกช้ำบนใบหน้ามีมากเกินกว่าจะสังเกตเห็นไฝเม็ดเล็กน่ารักบนมุมปากได้ "ผมไม่มีญาติที่ไหน"

     

    "อ่า ผมขอโทษ"

     

    "มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ" คนตัวเล็กหลุดขำพร้อมโบกมือไม่ให้คนข้างๆคิดมาก

     

    "แล้วคุณจะรักษาตัวที่นี่ต่อไปหรอ"

     

    "ก็...ผมว่ามันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง"

     

    "งั้นผมจะลงชื่อเป็นญาติคุณก็แล้วกัน"

     

    "ไม่ต้องหรอกครับ ลำบากคุณเปล่าๆ"

     

    "เอาน่า ยังไงผมก็ยื่นมือมาช่วยคุณแล้ว ผมไม่ใช่นักต้มตุ๋นหรอกนะ"

     

    "ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะ" ดวงตาเรียวหยีจนแทบปิด เขารู้สึกมีความสุขครั้งแรกในรอบหลายเดือน "ผมแบคฮยอนครับ บยอนแบคฮยอน"

     
     

    "ผมปาร์คชานยอล ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"

     

    เมื่อจับมือทักทายกันอย่างเป็นทางการเจ้าของขาเรียวยาวก็ขออนุญาตกลับไปทำธุระส่วนตัว

     

     

     

     



     

    แบคฮยอนเหม่อมองท้องฟ้าผ่านประตูกระจก ที่นี่คงจะไกลพอที่คุณคริสจะไม่สั่งให้ลูกน้องหวนกลับมาตามหาศพเขาอีก

     

    มือเล็กตรงหน้าตักสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกย้อนถึงความบ้าบิ่นของตัวเองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว เขาถอนหายใจและปลอบตัวเองว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร มันจะผ่านไปด้วยดี

     

    ถ้าหลุดพ้นจากวงจรนั้นมาได้ ชีวิตเขาคงจะมีความสุขมากขึ้น

     

     

     

    ไม่ถึงสองชั่วโมงชานยอลก็กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเป้สีดำ เขาอยู่ในชุดลำลองขาสั้นและเสื้อยืดลายสดใส

     

    "ผมไม่รู้ว่ามานอนโรงพยาบาลต้องเอาอะไรมาบ้างน่ะ เลยขนมาซะเยอะเลย"

     

    "อย่าบอกนะว่าคุณจะมานอนเฝ้าผมที่นี่?"

     

    "ครับ" ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างใสซื่อ

     

    "ผมขอบคุณน้ำใจคุณมากนะ แต่คุณกลับไปนอนที่บ้านเถอะครับ"

     

    "ผมบอกแล้วไงว่าจะไปลงชื่อเป็นญาติคุณ" ชานยอลขยิบตาให้หนึ่งทีก่อนจะรื้อเสื้อผ้าออกมาแขวนในตู้

     

    สาบานเลยว่าถ้าข้อเท้าไม่เจ็บอยู่แบคฮยอนจะลงจากเตียงไปผลักเขาออกจากห้องด้วยตัวเอง



     

    มันไม่จำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องมาอยู่เป็นเพื่อนเขา แถมยังไม่มีเหตุผลอะไรให้คนตัวสูงต้องมาดูแลเขาแบบนี้ด้วย

     

    "เอาล่ะ ผมจะบอกความจริงกับคุณก็ได้" ชานยอลเลื่อนปิดตู้เสื้อผ้าแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง "ผมแค่เบื่อที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวน่ะ เปลี่ยนบรรยากาศซะบ้างมันคงจะดี"

     

    คิ้วเรียวถึงกับกระตุกเข้าหากัน "คุณไปเที่ยวก็ได้นะ ไม่เห็นต้องมาลำบากนอนโซฟาที่โรงพยาบาลเลย"

     

    "ไปคนเดียวมันก็ไม่สนุกอยู่ดีอ่ะคุณ... นี่!"

     

    "หืม?" แบคฮยอนหันไปตามแรงสะกิดจากต้นแขน

     

    "ไหนๆคุณก็ไม่มีใครแล้ว เรามาเป็นเพื่อนกันดีไหม?"

     

    "ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจคุณหรอกนะ แต่คนอย่างผมไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเพื่อนกับใครได้หรอก"

     

    "แปลกแฮะ" ชานยอลยกมือเกาศีรษะ เพ่งมองใบหน้าคนที่เพิ่งปฏิเสธมิตรภาพจากตนแล้วกอดอก

     

    แบคฮยอนหดคอหลบเล็กน้อย เอาจริงก็สงสัยว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน มันจะมีสักกี่คนบนโลกที่จะอยากเป็นเพื่อนกับคนที่เจอกันครั้งแรกด้วยสภาพไม่สู้ดีแบบนี้

     

    "หน้าตาคุณเหมือนเพื่อนสมัยมอปลายผมมาก แต่เธอเป็นผู้หญิงน่ะ นี่คุณไม่ได้ปลอมตัวมาใช่ไหม?"

     

    "ดูหนังมากไปแล้วนะครับ"

     

    "นั่นสิ เพื่อนผมผิวดีกว่านี้ ตัวก็บางกว่านี้ด้วย"

     

    "ก็เธอเป็นผู้หญิงนี่ครับ ผมเป็นผู้ชาย"

     

    ชานยอลยักไหล่แล้วลุกไปหยิบนมจากตู้เย็นออกมาสองขวดก่อนจะเปิดฝายื่นให้

     

    ทั้งสองไม่ได้ต่อบทสนทนาอะไรกันมากเพราะยังไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่

     

    เป็นแค่คนแปลกหน้า

     

     

     

     

    ปกติแบคฮยอนก็ไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว น้อยคนนักที่จะได้พูดคุยและทำความรู้จักกับเขา

     

    ในเมื่อตัวเขาเองไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาใคร การสร้างเครือข่ายก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นกัน แค่ต้องรู้จักชื่อคนที่เป็นคู่ค้าของคริสเท่านั้น คนอื่นก็ไม่จำเป็น

     

    แม้แต่คนที่อยู่ในองค์กรเดียวกับเขาเองก็คุยได้แค่ไม่กี่คน

     

    แบคฮยอนไม่ใช่คนหยิ่ง แต่แค่เป็นคนปิดกั้นสังคม เพราะเขาเห็นว่ามันไม่จำเป็น

     

    คนเราเกิดมาคนเดียว ตายคนเดียว ทำไมจะอยู่คนเดียวไม่ได้... นั่นคือสิ่งที่เขาคิดมาตลอดยี่สิบปี



     

    "เที่ยงแล้วนี่"

     

    ร่างเพรียวที่นอนเหยียดอยู่บนโซฟาดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแบคฮยอนตกใจ ไม่ถึงสิบวินาทีนางพยาบาลก็ยกถาดอาหารเข้ามา

     

    ชานยอลปรี่เข้าไปช่วยเธอถือไว้เพื่อนำมาวางบนโต๊ะคนป่วย เขาดูกระตือรือร้นตลอดเวลาจนแบคฮยอนสงสัยว่าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร


     

    อาหารรสชาติจืดมาตรฐานของโรงพยาบาลผ่านลำคอไปอย่างง่ายดาย ร่างเล็กไม่ใช่คนเรื่องมาก กินอะไรก็ได้ ถึงแม้ไม่ได้กินเขาก็ไม่โวยวายอะไร

     

    "แล้วคุณไม่ทานข้าวหรอครับ?"

     

    "อ้อ" ชานยอลเปิดตู้เย็นหยิบอาหารแช่แข็งไปเวฟแล้วมานั่งกินพร้อมกัน

     

    เขาจัดการยกถาดอาหารและเลื่อนโต๊ะทานข้าวไปวางที่เดิมให้เรียบร้อยจนแบคฮยอนต้องห้ามปราม

     

    มีแต่คำถามผุดขึ้นในสมองมากมายว่าผู้ชายคนนี้เอานิสัยมาจากใครกันนะ ถูกครอบครัวเลี้ยงดูมายังไง โตมาในสังคมแบบไหน

     

    "ถ้าอยากเข้าห้องน้ำเรียกผมได้ตลอดเลยนะ"

     

    "คุณชานยอล"

     

    "จะเข้าห้องน้ำหรอ?"





     

    แบคฮยอนหัวเราะอีกแล้ว





     

    สีหน้าตกใจปนกังวลของชานยอลทำให้เขาดูดีขึ้นจริงๆ แปลกดีที่แค่การขมวดคิ้วคนตรงหน้าก็ดูหล่อขึ้นได้ "ผมว่าคุณทำตัวตามสบายเถอะครับ คิดซะว่ามาพักผ่อนแล้วกัน ไม่ต้องดูแลผมหรอก"

     

    "คุณอึดอัดหรอ?"

     

    "ก็นิดหน่อย"

     

    "ผมขอโทษ ผมแค่กลัวว่าคุณจะลุกไปเข้าห้องน้ำไม่ไหวน่ะ"

     

    "ขอบคุณนะครับ ไว้ให้ผมเดือดร้อนจริงๆแล้วผมจะขอช่วยคุณนะ"

     

    อาการแบคฮยอนดีขึ้นตามลำดับ คืนแรกก็มีบ้างที่ต้องกลั้นใจเรียกชานยอลให้ช่วยพยุงเขาเดินไปห้องน้ำ ตอนแรกเขาคิดว่าปวดแค่ข้อเท้า แต่ที่ไหนได้...มันร้าวขึ้นมาถึงสะโพก

     

     

     

     
















     

    ร่างเล็กไม่ค่อยเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อนสักเท่าไหร่ แต่หลังจากได้หนังสือที่ชานยอลแนะนำให้อ่านเขาก็เริ่มเป็นคนตั้งคำถามก่อนบ้าง

     

    "ผมจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย คุณจะไปด้วยกันไหม?"

     

    "ไปสิ ว่าแต่คุณเถอะ เดินไหวแน่หรอ"

     

    "ผมมีไม้ค้ำ"

     

    ทั้งสองร่างเดินคู่กันไปตามทางเดินของโรงพยาบาลช้าๆ แบคฮยอนเดินช้ากว่าเดิมเป็นเท่าตัว ร่างเล็กหยุดยืนอยู่หน้ากระจกใสติดผนัง


     

    ใบหน้าบวมเฉ่งแถมยังมีรอยเลือดกรังอยู่หลายจุด สภาพดูไม่ได้ยิ่งกว่าตอนไปคุ้ยกองขยะเพื่อหาเศษเหล็กชั่งขายตอนอยู่บ้านเด็กกำพร้าซะอีก

     

    "ไหวไหมคุณ?" มือหนาบีบลงบนลาดไหล่เบาๆ

     

    "ไหวครับ"

     

    แบคฮยอนเดินหน้าต่อ ใช่...เขาต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดี ต้องเดินต่อไปด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

     

    คุณคริสคือผู้มีบุญคุณเหลือล้น ชุบชีวิตจากเด็กต่ำเตี้ยเรี่ยดินให้พอมีการศึกษาและรู้จักสังคมที่สูงขึ้น

     

    เขามีที่ซุกหัวนอน มีอาหารให้กินทุกมื้อ มีเงินใช้ ก็เพราะความเมตตาจากคริส แต่สิ่งเหล่านั้นก็ต้องแลกมาด้วยความแข็งแกร่งของจิตใจที่มากพอ

     

    เพราะคริสไม่ใช่คนดี...


     

     

    "พรุ่งนี้คุณก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ดีใจด้วยนะ" ชานยอลไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยสักเท่าไหร่ เขาพูดคุยแบบสบายๆและใช้คำพูดที่ไม่ค่อยเป็นทางการมากเท่าไหร่นัก

     

    ต่างจากแบคฮยอน...

     
     

    "ครับ"

     

    "ว่าแต่...คุณจะไปอยู่ไหนหรอ?"

     

    ดวงตาเรียวหลุบมองข้อเท้าตัวเองอยู่พักใหญ่ "ไม่รู้สิครับ ผมอาจจะกลับไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าก็ได้"

     

    "แล้วคนที่ทำร้ายคุณเขาจะไม่ตามไปหรอ"

     

    นั่นสิ...แบคฮยอนเองก็แอบหวั่นว่าคริสจะรู้หรือเปล่าว่าเขายังไม่ตาย ถ้าตราบใดที่ไม่เจอศพ คนฉลาดแบบนั้นก็คงจะรู้


     

    "เอางี้..."

     

    "..." แบคฮยอนหันไปจ้องดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีประกายสวยของน้ำหล่อเลี้ยง

     

    "ไปอยู่กับผมก่อนสักพัก ผมให้คุณอยู่ฟรีเลยแต่ต้องมีข้อแม้นะ"

     

    "ข้อแม้?"

     

    "คุณต้องยอมให้ผมเป็นเพื่อนคุณก่อน"

     

    คนฟังอมยิ้ม นี่คือสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการเป็นค่าตอบแทนที่ยอมให้ไปอยู่ที่บ้านฟรีๆหรอ

     

    "ผมกับคุณอยู่ด้วยกันมาเกือบอาทิตย์แล้วนะครับ"

     

    ร่างสูงพยักหน้าขึ้นลง ตั้งใจฟังสิ่งที่แบคฮยอนกำลังจะพูด

     

    "ผมว่าแค่นี้ก็ชัดเจนพอแล้วหรือเปล่า"

     

    "ไม่เข้าใจอ่ะ" แบคฮยอนยืนขึ้นอีกครั้ง หยิบไม้ค้ำเตรียมจะเดินออกไป "ผมไม่เข้าใจอ่ะแบคฮยอน"


     

    เจ้าของชื่อเผลอใจเต้นรัวกับเสียงเรียก ชานยอลเรียกชื่อแบคฮยอนเป็นครั้งแรกพร้อมกับสีหน้างงงวยเหมือนเด็กๆ ...แต่แบคฮยอนไม่ชอบเด็ก

     

    "ผมไม่คุยกับใครเกินหนึ่งอาทิตย์หรอกนะ"





     

    ชานยอลก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี...





     

    "ถ้าไม่ใช่เพื่อนน่ะ"

     

    หลังจากประมวลผลอยู่นานปากหยักก็ยกยิ้มกว้างจนอวัยวะบนใบหน้ายิ้มตาม "จริงนะ"

     

    "ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ"

     

    "ว้าว ดีจัง~"

     

     

     

     

     














     

    แบคฮยอนยืนรอเจ้าของบ้านไขกุญแจอยู่หน้าประตู ปลายนิ้วเรียวข้างหนึ่งขึ้นสีเข้มเพราะเกี่ยวกระเป๋าไว้อยู่ ไม่นานนักประตูก็เปิดออก

     

    "นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ผมจะไปจัดห้อง"

     

    "ไม่ต้องหรอกครับ"

     

    "ไม่ได้หรอก ผมอายน่ะ" ชานยอลถือกระเป๋าเป้หายเข้าไปในห้องนอนประมาณสิบนาที


     

    ร่างเล็กนั่งมองสำรวจบ้านไปรอบๆ มีกีต้าร์วางพิงอยู่ตรงมุมห้อง มีตู้ปลาเล็กๆ มีจักรยานหนึ่งคัน ของใช้ไม่มากนักแต่ก็ไม่น้อยเลยสำหรับชายหนุ่มที่อยู่ตัวคนเดียว

     

    แบคฮยอนกระเผลกขาไปยังตู้ไม้ บนนั้นมีกรอบรูปวางเรียงปนกับหนังสือไม่กี่เล่ม


     

    รูปครอบครัว รูปเดี่ยว รูปเพื่อนฝูง ... ความทรงจำทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในกรอบไม้สี่เหลี่ยม ทุกอย่างสวยงาม


     

    "แบคฮยอน คุณไม่คิดมากใช่ไหมถ้าเรานอนเตียงเดียวกัน"

     

    "ผมยังไงก็ได้อยู่แล้วครับ"

     

    "งั้นเดี๋ยวผมหาชุดนอนให้ ถึงเวลาที่คุณต้องทานยาแก้ปวดแล้วล่ะ" ร่างสูงชี้ลงไปบนเท้าที่เข้าเฝือกแล้วหยิบยาออกมาวางบนมือเล็ก





     

    แบคฮยอนตาปรือลงจนเกือบจะปิดในขณะนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ไม่นานนักก็ย้ายตัวเองเข้าห้องนอน

     

    เตียงชานยอลไม่ใหญ่มาก ลำพังเขานอนคนเดียวก็เกือบเต็มแล้ว แต่คืนนี้กลับมีแขกรับเชิญมานอนด้วยอีกคนมันเลยดูจะอึดอัดไปสักหน่อย

     

    ...แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนเจ็บ เพราะเขาเป็นคนไม่เรื่องมาก ยังไงก็ได้



     

    และอีกอย่าง ที่นี่ไม่ใช่บ้านเขา แบคฮยอนเป็นแค่ผู้อาศัย

     

     

     

     
















     

    เช้าตรู่ในหลายวันถัดมา ทั้งคู่เดินทางไปยังโรงพยาบาลเพื่อถอดเฝือก แบคฮยอนเดินปร๋อหลังจากกลับมาอยู่ที่บ้าน

     

    คอยทำงานบ้านงานเรือนทุกอย่างแถมยังขออนุญาตซื้อสุนัขตัวเล็กเข้ามาเลี้ยงอีกด้วย

     

    "คุณคุยกับมันมากกว่าผมอีกนะ" ชานยอลนั่งยองลงข้างๆบนสนามหญ้าในสวนเล็กๆ

     

    "ผมไม่ค่อยชอบคุยกับมนุษย์เท่าไหร่น่ะ"



     

    ...แบคฮยอนก็เป็นซะแบบนี้



     

    "ผมต้องเป็นหมาหรอคุณถึงจะคุยด้วย หืม?"

     

    ร่างเล็กเพียงแค่หันมาสบตาแล้วส่งยิ้มให้เบาๆ แย่งกระดูกปลอมออกจากปากสัตว์เลี้ยงก่อนจะโยนไปอีกฟากฝั่ง

     

    พยักเพยิดชี้ให้คนข้างๆไปเอามันกลับคืนมา ซึ่งชานยอลก็คลานสี่ขาทำตามใจจนใบหน้าหวานยกยิ้ม

     
     

    "เก่งมาก"

     

    "ผมเป็นหมาให้คุณแล้ว คราวนี้คุณก็ต้องยอมคุยกับผมแล้วนะ"

     

    "ได้เสมอ" แบคฮยอนยักไหล่ เขาผ่อนคลายมากขึ้นตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่







     

    ชานยอลเป็นผู้ชายหลายบุคลิก มีความสามารถหลายด้าน เป็นผู้ชายในฝันของใครหลายคน แต่แปลกที่เขามักจะไม่เริ่มความสัมพันธ์กับใคร ทำให้ต้องอยู่คนเดียวมาหลายปี

     

    ชานยอลเป็นคนอ่านง่าย เพียงแค่มองตาก็รู้แล้วว่าต้องการอะไร อย่างเช่นตอนนี้ที่แบคฮยอนกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเปลผูกใต้ต้นไม้


     

    เขาก็เดินลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างๆแล้วออกแรงแกว่งจนตาลาย


     

    "คุณอ่านหนังสือมาสองชั่วโมงแล้วนะ"

     

    "ผมชอบอ่านหนังสือน่ะ" แบคฮยอนเลื่อนสายตาไปมองรูปหน้าที่กำลังงองุ้ม

     

    "ผม..."

     

    "ผมจะเข้าไปร้องเพลงเป็นเพื่อนคุณในบ้าน โอเคนะ"

     

    "เย่!"

     

    บอกแล้วว่าปาร์คชานยอลน่ะ...อ่านง่าย

     

     

     



     

    แผ่นกระดาษที่วางเรี่ยราดเกลื่อนโต๊ะบ่งบอกได้ว่าเจ้าของบ้านกำลังมีอารมณ์สุนทรีย์ในการประพันธ์เพลง

     

    แบคฮยอนเท้าศอกลงบนโต๊ะประสานมือไว้ใต้คาง มองคนตรงข้ามที่กำลังอุ้มกีต้าร์ไว้ในอ้อมกอด


     

    เขาดูมีสเน่ห์ ซึ่งจริงๆแล้วสเน่ห์ชานยอลมีหลากหลาย ...หลากหลายจนไม่สามารถพูดได้จนครบ เพราะแม้แต่ตอนนั่งดูทีวีเฉยๆแบคฮยอนก็มองเห็นสเน่ห์ที่อยู่ในตาคู่นั้น

     

    หรือแม้แต่ตอนนอนข้างกันสเน่ห์ของชานยอลก็ยังคงตรึงสายตาไม่ให้หลับใหล


     

    ชานยอลพอใจที่ได้ยินเสียงหวานเคล้าไปกับเสียงคอร์ดที่ตัวเองเป็นคนคิดมันขึ้นมา เมื่อหลายปีก่อนเขาเคยมีนักร้องส่วนตัวเช่นกัน...แต่นั่นก็แค่อดีต


     

    ทุกๆวันเริ่มต้นเหมือนเดิมและจบลงเหมือนเดิม จะมีผิดเพี้ยนไปบ้างเมื่อเจ้าของร่างสูงนึกอะไรสนุกๆออก เขาอยากรู้จักแบคฮยอนให้มากกว่านี้

     

    และแบคฮยอนเองก็อยากรู้จักชานยอลให้มากขึ้นเช่นกัน



     

    ร่างเล็กเริ่มเปลี่ยนบุคลิก เหมือนนิสัยจะถ่ายโอนกันได้เพียงแค่ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน

     

    เขาไม่รังเกียจสัมผัสจากชานยอล ไม่รังเกียจที่จะเข้าหาก่อน และไม่รังเกียจที่จะยอมเปิดใจให้คนที่เคยเป็นแค่คนแปลกหน้า





     

    "ชานยอล ผมจะปิดไฟแล้วนะ" แบคฮยอนอ่อนโยนขึ้น ไม่กระด้างเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก

     

    "รอผมด้วยสิครับ" ชานยอลวิ่งเข้ามาในห้องหลังจากหากระดาษเนื้อเพลงโปรดที่วางอยู่บนโต๊ะไม่เจอเนื่องจากมันรกมากเกินไป "คุณอ่ะ"

     

    น้ำเสียงคล้ายแง่งอนทำให้แบคฮยอนหัวเราะเสียงเบา เขาชอบเหลือเกินที่ชานยอลเป็นแบบนี้

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าเผลอมีใจให้ตอนไหน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าถ้าทุกวันก่อนนอนได้เจอหน้าเขาและตื่นมาในตอนเช้าก็ยังคงนอนข้างเขาแบบนี้เรื่อยๆก็คงจะดี

     

    ...แบคฮยอนตกหลุมรักชานยอลซะแล้ว





     

    "กลัวความมืดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"

     

    "ก็ตั้งแต่คุณมาอยู่กับผมนั่นแหละ..." ชานยอลเท้าศีรษะไว้กับมือจ้องเสี้ยวหน้าที่โดนผ้าห่มปิดไปเกือบมิด "คุณชอบแกล้ง"

     

    "ก็คุณชอบแกล้งผมก่อน"

     

    "ก็คุณมันน่าแกล้งนี่นา"

     

    "นอนเถอะ"

     

    ชานยอลไม่รู้หรอกว่าแบคฮยอนกำลังหน้าแดง...

     

     

    แบคฮยอนตะแคงหนีเจ้าของรอยยิ้มที่คว้าใจเขาไปได้ ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะ

     

    แขนแกร่งดึงคนตัวเล็กเข้าอ้อมกอดจากด้านหลัง แล้วทุกอย่างก็เงียบไปแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ

     

    "คุณ..."

     

    "ตัวคุณนิ่มจัง" ...หัวใจทำงานหนักเหลือเกิน

     

    ลมหายใจร้อนรินรดพวงแก้มใสที่ร้อนฉ่า ชานยอลดอมดมกลิ่นหอมจากร่างเล็กช้าๆ มันเย้ายวนจนเขาไม่สามารถหยุดได้

     

    "ชานยอล"

     

    "ครับ"

     

    เสียงใสท้วงห้ามเป็นนัยแต่ก็ไม่ชัดเจนพอที่จะหยุดการกระทำนั้น ชานยอลเลื่อนมือมาจับมือเล็กที่กำหากันแน่นก่อนจะสอดประสานเอาไว้หลวมๆ

     

    แบคฮยอนตัวสั่นเป็นลูกนก...


     

    "เรียกผมแล้วเงียบหรอ หืม?" เสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูจนแบคฮยอนขนลุกซู่

     

    ทำได้แค่เพียงหดคอหนีแล้วหลับตาแน่น เผลอบีบมือชานยอลแรงเกินไปด้วย


     

    "แบคฮยอน"

     

    "ห หืม?"

     

    "เราอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว"

     

    "ป ประมาณสี่เดือนแล้ว มั้ง"

     

    "ผมว่า..."

     

    แบคฮยอนใจเต้นตึกตักเมื่อถูกอีกคนเกลี่ยเส้นผมเล่น



     

    ชานยอลขยับให้เขานอนหงายก่อนจะสัมผัสแก้มใสด้วยปลายจมูกเบาๆ กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายแข็งเกร็งและรู้สึกได้ว่าสายตาคู่นั้นกำลังจ้องลึกลงมาเหมือนกัน





     

    "ผมรักคุณเข้าแล้วล่ะแบคฮยอน"

     

    "คุณไม่คิดมากเรื่องเพศหรอ? " เสียงหวานเต็มไปด้วยความสั่นไหว

     

    "เพศไม่ใช่เงื่อนไขของความรักแบคฮยอนหัวใจต่างหาก"



     

    _ _ _ _ _ _ _

    C U T

    _ _ _ _ _ _ _



     

     
     

    แสงสว่างที่ลอดหน้าต่างเช่นทุกวันยังคงเป็นนาฬิกาปลุกให้แก่เจ้าของร่างบางได้ดี

     

    แบคฮยอนเห็นว่าโต๊ะที่ชานยอลใช้เวลากับมันทั้งวันนั้นรกตาเกินกว่าจะทนได้ไหว เขาจึงตั้งใจลุกมาเก็บกวาด



     

    กระดาษเอสี่ที่ตีบรรทัดห้าเส้นกองพะเนินเป็นภูเขา มีทั้งใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้ ...ชานยอลรักเสียงเพลง และดนตรีก็คือชีวิตของเขา


     

    สิ่งที่แบคฮยอนทำคือแยกประเภทของกระดาษให้ชัดเจนเพราะเห็นว่าหลายครั้งที่เจ้าของโต๊ะมักจะหาอะไรไม่เจอจนหงุดหงิด

     

    เขาเผลอปัดกระบอกใส่ดินสอไม้จนหล่นกระจายเต็มพื้น ไส้ดินสอหักเกือบหมด ตอนนั้นเองที่แบคฮยอนคิดว่าเขาควรจะตื่นขึ้นมาเพื่อดูทีวีเหมือนเช่นทุกวันซะมากกว่า

     

    ต้องเสียเวลาไปกับการเหลาดินสออีกเกือบห้านาที ก่อนจะเก็บกระดาษที่ยังไม่ใช้เข้าลิ้นชัก



     

    เมื่อบนโต๊ะไร้สิ่งกีดขวางทำให้บางอย่างที่ฝังอยู่มานานเด่นชัดขึ้น

     

    แบคฮยอนเอียงคอมองรูปภาพอย่างสงสัย มันถูกติดกับกาวตรงมุมโต๊ะ อารมณ์ในรูปให้บรรยากาศเหมือน...คนรัก



     

    เขารู้สึกคุ้นหน้าเธอเหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน และพอมองไปยังชั้นไม้ก็ไขข้อสงสัย ผู้หญิงคนนั้นมีรูปคู่กับปาร์คชานยอลใส่กรอบ

     



     

    แบคฮยอนไม่ใช่คนขี้หึง...





     

    อาการนั้นมันแสดงออกยากเกินไปสำหรับคนอย่างเขา


     

    "ทำอะไรอยู่ครับ" เสียงทุ้มลอยมาพร้อมกับวงแขนแกร่งโอบรอบเอว

     

    "ผมจัดโต๊ะให้คุณน่ะ มันรกเกินไป"

     

    "โห ใจดีจัง" แบคฮยอนหันไปตามแรงหมุนของคนด้านหลัง

     

    กลิ่นชานยอลช่างมอมเมาเหลือเกิน มันทำให้เขาเปลี่ยนตัวเองจนเกือบจะกลายเป็นคนละคน



     

    แบคฮยอนไม่เคยยอมให้ใครกอดขนาดนี้ ไม่เคยยอมให้ใครรุกล้ำได้ขนาดนี้ ถึงแม้ร่างกายอาจจะโดนกระทำบ่อย แต่เรื่องของหัวใจ...ชานยอลคือครั้งแรก

     
     

    "เช้านี้กินอะไรดีครับ"

     

    "อืม..." ร่างสูงทำท่าครุ่นคิด "กินคุณได้ไหม?"


     

    ชานยอลเจ้าเล่ห์


     

    แต่แบคฮยอนก็มอบจูบรสหวานให้อย่างเต็มใจ เช้าของทุกวันมันเป็นวันที่ดีเสมอ เมื่อเขาตื่นมาแล้วพบว่า...บนโลกใบนี้ยังมีคนยินดีที่เขาเกิดมา

     

     

     

     







     

    คืนนี้ชานยอลไม่กลับบ้าน เป็นครั้งแรกที่เขาไปนอนค้างที่อื่นตั้งแต่แบคฮยอนย้ายเข้ามา

     

    ร่างเล็กจัดตู้เสื้อผ้าใหม่เพราะเสื้อผ้าของเขาที่เพิ่งซื้อมากำลังแย่งพื้นที่เสื้อผ้าของปาร์คชานยอล


     

    เขาไม่ยอมให้แบคฮยอนซื้อเสื้อสีทึบโดยให้เหตุผลว่า 'แบคฮยอนคือความสดใส' และไม่ยอมให้ซื้อเสื้อแขนสั้นทั้งๆที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ออกไปนอกบ้าน แถมเสื้อแขนยาวพวกนั้นก็มักจะยาวจนเลยปลายนิ้วเรียวแทบทุกตัว

     

    แบคฮยอนหยิบกรอบรูปที่ถูกวางอยู่ด้านในของตู้ออกมาดู ...เป็นเธออีกแล้ว



     

    แน่นอนว่าคนตัวเล็กไม่เคยถามถึงเรื่องราวในอดีต เขาไม่รู้ว่าชานยอลเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน พ่อแม่เป็นคนยังไงหรือถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน

     

    เขารู้แค่ว่าพ่อแม่ของชานยอลทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศ และพี่สาวคนเดียวก็อยู่กับสามีและลูกชายในโซล เป็นครอบครัวที่อบอุ่น

     
     

    มือซนของแบคฮยอนสัมผัสแผ่นกระดาษด้านหลังกรอบรูป จริงๆแล้วนิสัยส่วนตัวของเขาไม่ใช่แบบนี้ ไม่เคยอยากรู้เรื่องราวของคนอื่นแบบนี้



     

    'ผมขอโทษ รีบกลับมานะ ผมยังรอคุณอยู่เสมอ'


     

    ...แต่ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไป

     
     

    อยู่ๆความรู้สึกมันก็รื้นขึ้นเต็มขอบตา แบคฮยอนกำลังร้องไห้...ร้องไห้ให้กับความรักที่ชานยอลมีให้ผู้หญิงคนนี้ มันมากมายเหลือเกิน

     

    เขาแน่ใจว่าชานยอลจะต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง จึงลากเก้าอี้เพื่อปีนขึ้นไปหยิบกล่องบนหลังตู้



     

    'หลายวันแล้วนะที่คุณหายไป ไม่คิดถึงผมหรอ'



     

    'คุณครับ วันนี้วันครบรอบห้าปีของเรา จำได้ไหม?'



     

    'ถ้าคุณไม่รีบกลับมาตอนนี้ผมจะหาแฟนใหม่แล้วนะ . . . ผมล้อเล่น'

     

     

    'คุณหายไปไหนกันแน่ ผมทนไม่ไหวแล้วนะ'

     

     

    แบคฮยอนหยุดอ่านข้อความพวกนั้นไม่ได้ กระดาษทุกแผ่นเต็มไปด้วยลายมือของชานยอลที่เขาจำได้ดี และทุกครั้งมันก็ถูกลงวันที่ไว้



     

    'ผมรู้ว่าคุณยังไม่ตาย'

     

    และแผ่นล่าสุดที่เพิ่งถูกเขียน...



     

    'ขอโทษนะ'

     

    ...คือเมื่อวาน

    .

     

     

     

     














     

    "วันนี้ผมจะพาคุณไปดูทุ่งทานตะวันตรงเนินเขาด้วยแหละ ตื่นเต้นไหม?"

     

    แบคฮยอนหัวเราะเบาๆ เพราะสิ่งที่ชานยอลกำลังพูดอยู่มันไม่ได้ทำให้เขาตื่นเต้นเลย ชานยอลบอกล่วงหน้าไว้แล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ เขาย้ำมันทุกวัน

     

    "ผมหรือคุณกันแน่ที่ตื่นเต้น"

     

    "อ่า ผมตื่นเต้นจริงๆด้วย" พูดจบก็คล้องกล้องตัวเล็กไว้กับคอ


     

    ชานยอลน่ารัก... เขาใส่เสื้อลายทางสีเหลืองสดใส กางเกงสามส่วนสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว และแบคฮยอนเองก็ใส่เหมือนกัน

     

    ชานยอลบอกว่ามันคือไอเท็มคู่ ...คือสิ่งที่คนรักกันแต่งตัวเหมือนกันทุกอย่าง



     

    ไม่แปลกใจว่าทำไมร่างสูงถึงดูตื่นเต้นขนาดนี้ ทั่วทั้งบริเวณถูกระบายไปด้วยสีเหลืองของทานตะวัน เมื่อกระทบกับแสงแดดก็ยิ่งทำให้มันสว่างขึ้นไปอีก

     

    แบคฮยอนหายเข้าไปในสีพวกนั้นพร้อมกับกระโดดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่ดูยังไงก็สดใสกว่าดอกไม้

     

    ทั้งสองวิ่งเล่นราวกับเด็ก ลืมตัวตนที่เคยสร้างมา...


     

    "โอ๊ะ!"

     

    "แบคฮยอน!" หัวเข่าข้างซ้ายถลอกจนเลือดซึม แบคฮยอนนั่งชันเข่าขึ้นมาเล็กน้อย "ไม่เจ็บนะ"

     

    "อื้ม" มันไม่เจ็บหรอก แผลแค่นี้เอง

     

    "เดินไหวไหม?"

     

    "ผมไม่เป็นไร ยังวิ่งได้อีกนะ แข่งกันเปล่า"

     

    ชานยอลเป่าเพี้ยงเบาๆแล้วพยุงคนตัวเล็กขึ้นมา เขาดึงแบคฮยอนเข้าอ้อมกอด

     

    "คุณมีความสุขไหม?"

     

    "อื้ม ผมมีความสุขมาก"

     

    "ผมดีใจนะที่เห็นคุณยิ้มได้แบบนี้..." เขาคลายอ้อมกอด บีบหัวไหล่มนเบาๆ "ยิ้มให้มากกว่านี้อีกนะ ยิ้มให้ผมมากกว่านี้อีก"

     

    "ผมก็ไม่เคยยิ้มให้ใครขนาดนี้เลยนะ"

     

    "ขอบคุณที่ทำให้ผมเห็นมุมนี้ของคุณคนเดียวนะแบคฮยอน"


     

    ชานยอลได้ทุกอย่างไปจากแบคฮยอนคนเดียว...เขาคือครั้งแรกของแบคฮยอนคนเดียว





     

    "ผมรักคุณ"

     

    "เช่นกัน"

     

    แม้แต่คำว่ารักที่ออกจากปาก นั่นก็คือครั้งแรก

    .

     

     

     
















     

    เป็นเช้าที่ชานยอลตื่นขึ้นมาทำอาหารเพราะแบคฮยอนไม่สบาย เขามีพรสวรรค์ด้านนี้นิดหน่อยเพราะทำกินเองมาตั้งแต่เด็ก

     

    กลิ่นหอมของข้าวต้มหมูสาหร่ายก็เป็นเครื่องการันตีได้แล้วว่ารสชาติมันจะออกมาสุดยอดขนาดไหน

     

    แบคฮยอนดื้อเกินกว่าจะยอมให้พาไปโรงพยาบาล เพิ่งรู้วันนี้ว่าคนที่แข็งแกร่งอย่างเขาจริงๆแล้วกลัวเข็มเหมือนกัน



     

    ชานยอลตั้งนาฬิกาปลุกทุกๆชั่วโมงเพื่อที่จะเดินเข้าไปดูอาการคนป่วยในห้องนอน เขาอยากให้แบคฮยอนได้พักผ่อนเต็มที่



     

    "เช้าวันนี้เรามาดูความคืบหน้าข่าวคนหายกันนะคะ...นางสาวเอนามสมมติที่หายตัวไปหลังจากที่เธอออกจากที่ทำงานเพื่อขับรถไปหาแฟนหนุ่ม วันนี้ครบรอบปีที่สองแล้วที่เธอหายตัวไป ทางครอบครัวเข้าแจ้งเรื่องอีกครั้งเพื่อให้ตำรวจเร่งค้นหา..."

     

     
     

    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด


     

     

    ชานยอลละสายตาจากทีวีเพื่อปิดนาฬิกาปลุก อาการแบคฮยอนดีขึ้นมากแล้ว คนตัวเล็กพาร่างตัวเองมานอนอยู่บนโซฟาเป็นเพื่อน

     
     

    "เล่นกีต้าร์ให้ผมฟังหน่อย"

     

    ปากหยักยกยิ้มให้กับคำออดอ้อนก่อนจะลุกไปหยิบกีต้าร์มาเกาเล่น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอเล่นเพลงที่มันเศร้าจนจับคลื่นความเสียใจได้

     

    แบคฮยอนเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง ส่วนชานยอลก็กลับไปคิดเรื่องราวของตัวเองใหม่



     

    มันไม่ผิดที่ใครทั้งนั้น ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเขาเอง


     

     

    ครืด~ ครืด~

     


     

    เสียงโทรศัพท์ที่ไม่ได้มาจากการตั้งปลุกดังขึ้น...

     

     

    "สวัสดีครับ"

     

    เรื่องราวของเขายังคงยืดยาวมาจนถึงวันนี้


     

    "คุณคือใคร?"

     

    วันที่ชานยอลไม่กลับบ้าน นั่นคือวันที่เขาเข้าไปยื่นเรื่องให้กับตำรวจอีกครั้ง


     

    "ต้องการอะไร?"

     

    คนรักของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยถึงสองปีเต็ม...


     

    "..."

     

    และวันพรุ่งนี้...


     

    "...โอเค"

     



     

    เขาจะได้เจอกับเธออีกครั้ง

    .

     

     

     
















     

    แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมชานยอลถึงชวนเขาออกมาข้างนอกในตอนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ทั้งที่ตัวเขายังไม่หายไข้ดีนัก

     

    จะชวนมาดูดาวหรอ?



     

    "ชานยอล คุณจะเดินไปไหนอ่ะ ผมเหนื่อยแล้วนะ"

     

    "..." ร่างสูงไม่ตอบ เพียงแค่เดินให้ช้าลงแล้วกุมมือเล็กขึ้นแนบอก "รู้สึกไหม?"

     

    "อ อืม" แบคฮยอนรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงก่ำ

     

    "มันเต้นแรงทุกครั้งเวลาอยู่กับคุณ..."

     

    "อ่า"

     

    "จริงๆนะ"

     

    "..." ร่างเล็กเกาแก้มแก้เขิน

     

    ชานยอลเดินหน้าต่อไปในขณะที่มือยังกุมกันแน่น แบคฮยอนก้มหน้างุดมองรอยรองเท้าที่ใหญ่กว่าเท้าของเขาหลายไซส์ เผื่อโอกาสสำคัญเขาจะได้ซื้อรองเท้าคู่กับชานยอลอีก



     

    เสียงปิดประตูรถดังแว่วมาทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมองรองข้าง แบคฮยอนเห็นเงาสีดำอยู่ไกลๆแต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก

     

    "อ่า ชานยอล ผมว่าท่อนสุดท้ายของเพลงมันควรจะเป็น 'ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ตลอดไป' ดีไหม?"

     

    เจ้าของชื่อหันมายิ้ม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แบคฮยอนกลายเป็นคนอ่อนโยนเก็บเรื่องคนอื่นมาคิดแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แบคฮยอนกลายเป็นคนร่าเริงแบบนี้

     

    ...ตั้งแต่ที่เปิดใจให้กับชานยอลหรือเปล่า?

     

     

    "ผมว่า...มันควรจะเป็น 'กลับมาหาผมเถอะ ผมยังรอคุณอยู่ที่เดิม' มากกว่า"

     

    "มันเพราะกว่าหรอ?"

     

    "มันสมควรจะเป็นอย่างนั้นน่ะ"

     
     

    แบคฮยอนหันไปมองเงาตะคุ่มข้างรถที่เดิม หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในกรอบตาพร้อมกับชายหนุ่มชุดดำ



               คนตัวเล็กก้มมองมือที่ถูกคลายออกช้าๆ ชานยอลยืนหันหลังให้เขาเนิ่นนานก่อนจะเดินเข้าไปหา...เธอคนนั้น

     

     

    "ช ชานยอล"

     

    "..." ไร้เสียงตอบรับ

     

     

    ปาร์คชานยอลรับเธอต่อมาจากชายชุดดำและดึงเข้าสู่อ้อมกอด เสียงสะอื้นร่ำราวกับได้ของรักของหวงกลับคืนมาของเขาบาดลึกหัวใจคนตัวเล็กจนเหวอะหวะ

     

     

    "ชานยอล"

     

    "..." และไม่ว่าจะตะโกนเรียกอีกกี่ครั้ง


            "ชานยอล!"


     

     

    ปาร์คชานยอลก็ไม่หันกลับมา



     

    ข้อมือเล็กถูกลากถูลู่ถูกังไปยังรถยนต์ในขณะที่สายตาพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำใส แบคฮยอนยังคงกู่ก้องชื่อร่างสูงเต็มแรง

     

    แต่ปาร์คชานยอลก็ยังเดินต่อไปพร้อมกับเธอคนนั้น... เธอคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขามากกว่าแบคฮยอน




               ...เธอที่ปาร์คชานยอลยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตอันไร้ค่าของแบคฮยอน

     

    ...เธอที่ชนะและเอาปาร์คชานยอลไปจากชีวิตของแบคฮยอน


               ...เธอที่อยู่ในรูปถ่ายบนโต๊ะ บนชั้นไม้ ในกล่องหลังตู้ ในเนื้อเพลงที่เพิ่มคำร้องไปเมื่อสักครู่ อยู่ในที่ๆเคยเก็บไว้มิดชิดตั้งแต่วันแรกที่แบคฮยอนย้ายเข้ามาอยู่


     

    ...เธอที่ใบหน้าช่างคล้ายคลึงกับแบคฮยอนนัก

     

     

    ...แต่เธอไม่ใช่แบคฮยอน





     

    ร่างเล็กยังคงต่อสู้กับแรงที่พยายามยัดเขาเข้ารถ คนของคุณคริสตรึงร่างเขาไว้กับเบาะหลังรถแน่น

     

    ปาร์คชานยอลลับสายตาไปแล้ว เขาออกไปไกลเกินกว่าแบคฮยอนจะมองเห็นแล้ว

     

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนกลับมาอยู่ที่เดิม... ที่ๆมีแค่แบคฮยอน




               ที่ๆไม่มี
    ' เ ร า อีกแล้ว

     








     

    และวันที่เจ็บปวดหัวใจมากที่สุด...ก็คงจะไม่พ้นวันนี้



     

     

    ลาก่อน ... ตลอดไป ... ปาร์คชานยอล

     

     

     






































    เ จ อ กั น ใ น แ ท็ ก .
    #หัวไม้ชานแบค

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
    เราอยากแต่งแนวนี้มานานแล้วอ่ะ

    อิอิ

    นี่เป็นเนื้อเรื่องพิเศษไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักค่ะ



    มีคนอยากให้แต่งต่อด้วยค่ะ...คนขี้เกียจแบบเราหนักใจเลย
    แต่มีลิ้งค์ละค่ะ555555555555555555555555555555555555
    http://writer.dek-d.com/dekdee/writer/viewlongc.php?id=1368086&chapter=1 )


     



    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×