คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : หัวไม้ : 19 {100%}
"พี่ชานยอล หิวน้ำไหม เดี๋ยวผมไปเอาให้"
"เออดีๆ ขอแบบเย็นเจี๊ยบชื่นใจนะ"
"ได้เบยยยยย" ร่างท้วมเดินเตาะแตะเข้าไปในครัว หยิบขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วแล้วประคองมาวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา
หน้าตายิ้มแย้มของแบคฮยอนสื่อให้เห็นเลยว่าน้องชายเขากำลังเต็มใจที่จะคอยบริการและคอยเอาใจ เพราะฉะนั้นชานยอลก็จะกอบโกยเวลาอันมีค่าจนกว่าจะผ่านพ้นคืนนี้ไปก็แล้วกัน
โต๊ะด้านหน้าเต็มไปด้วยซองขนมที่แบคฮยอนขนออกมาจากตู้เพื่อแบ่งให้เขากิน โดยบอกว่า 'ยังไงผมก็ใช้เงินพี่ซื้ออยู่แล้ว แบ่งให้พี่กินสักนิดจะเป็นไรไป เดี๋ยวพี่ก็ต้องซื้อมาตุนอีกอยู่ดี'
โอเค...ชานยอลก็จะยอมทำตามความประสงค์ของแบคฮยอนเช่นเดียวกัน
"ไปหยิบสมุดวาดรูปกับดินสอให้หน่อยดิ"
"อยู่ไหนอ่ะ?"
"ในห้อง บนโต๊ะ"
แบคฮยอนเปิดไฟสีส้มก่อนจะหันซ้ายหันขวาเดินไปที่โต๊ะไว้ทำการบ้าน กรอบรูปสีน้ำตาลเข้มขนาดเท่าฝ่ามือวางประดับอยู่ตรงมุมซ้าย
เด็กผู้ชายตุ้ยนุ้ยกับเด็กผู้ชายผอมก้างนอนร้องไห้จ้าอยู่บนที่นอนเล็กๆข้างกัน เด็กอ้วนนั่นคือชานยอลที่โตมาผอมเพรียว ส่วนเด็กผอมนั่นก็คือแบคฮยอนที่โตมาเนื้อแน่นเปรี๊ยะ
ตอนเด็กๆความสูงก็เท่ากันอยู่หรอก ทำไมโตขึ้นแล้วมันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างนี้ ฟ้าดินช่างโหดร้ายเหลือเกิน
"ให้ผมเป็นแบบให้นะ"
เสียงหวานดังอยู่ข้างหูเมื่อร่างเล็กโน้มตัวมาจากด้านหลัง วางสมุดไว้บนตักแล้วกระโดดตัวลอยข้ามมานั่งบนโซฟา
"ไม่เอา พี่วาดรูปเราเยอะแล้ว"
"ฮื่อ ได้ไงอ่ะ วาดอีกซี่ วาดอีก"
"ไม่อยากวาดแล้ว"
แบคฮยอนนิ่งไปเสี้ยววินาที ยกแขนขึ้นมากอดอก "ก็ได้ ไม่อยากวาดก็ได้"
ชานยอลไม่ได้ต่อบทสนทนาอะไรเพียงแต่รับรู้ว่าคงจะโดนไอ้เด็กแสบงอนเข้าให้แล้ว เสียงหายใจฟึดฟัดกับริมฝีปากบางที่ยื่นออกมาอย่างนั้นมันดูน่ารักน้อยซะที่ไหนกันล่ะ
พูดถึงริมฝีปากจู่ๆก็นึกถึงจูบในโรงพยาบาลขึ้นมาได้ การที่แบคฮยอนเงียบไปและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกนั้นมันก็เหมือนจะเป็นสัญญาณที่ดี เพราะถ้าแบคฮยอนปฏิเสธออกมาตรงๆชานยอลเองคงจะรับไม่ได้
แต่การเงียบแบบนี้ก็ทำให้ทุกอย่างคลุมเครือเข้าไปใหญ่ เพราะปาร์คชานยอลก็ไม่กล้าที่จะเดินไปข้างหน้าและไม่กล้าแม้แต่จะเดินถอยหลัง
กลัวจริงๆนั่นแหละ กลัวว่าจะเสียแบคฮยอนไปจริงๆ
"เมื่อยขาจัง"
"ผมนวดให้" ร่างเล็กไถลลงไปนั่งบนพื้น บีบนวดขายาวพลางดูซีรี่ย์ในจอแก้วไปด้วย
พระเอกร่างสันทัดกำลังใช้มือข้างขวาไล้ตามแนวสันกรามของนางเอกหน้าสวย เหงื่อที่ผุดตามไรผมและขมับของหญิงสาวไหลจ๊อกเหมือนกับแบคฮยอนในตอนนี้
เด็กเจ้าเนื้อกระแอมไอด้วยความประหม่าเล็กน้อย พยายามไม่หันไปหาคนที่ตั้งใจวาดรูปอยู่บนโซฟา รายนั้นไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเพราะกำลังตั้งใจวาดอะไรบางอย่างอยู่
แบคฮยอนเผลอจ้องเสี้ยวหน้าที่มองมาตลอดชีวิตแล้วก็รู้สึกใจหาย เขารู้อยู่แล้วว่าอีกไม่ถึงเดือนก็ต้องย้ายตัวเองไปอยู่ในอีกที่หนึ่ง
แต่ที่ไม่รู้เลยก็คือ...ทั้งๆที่ชานยอลบอกว่าอยากเรียนวิศวะฯมากกว่าแต่ทำไมพอถึงวันสอบกลับเลือกสอบเข้าสถาปัตย์ฯซะงั้น
"ขึ้นมาอีกนิดๆ"
ดวงตาเรียวเบิกขึ้นอย่างตกใจ เลื่อนมือจากหน้าแข้งขึ้นไปยังต้นขา พี่ชายของเขาก็ยังคงไม่ได้หันมามองอยู่ดีแม้กระทั่งตอนที่พูดสายตาก็ยังไม่ละออกจากหน้ากระดาษ
"เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง อยากใช้อะไรรีบใช้นะ"
"อืม"
"วาดไรอ่ะ ขอดูหน่อยดิ"
"ให้เสร็จก่อนนะ"
เสียงหัวเราะจากลำโพงดึงให้แบคฮยอนกลับไปสนใจทีวีต่อ เข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆจนเข็มยาวใกล้จะทาบทับเข็มสั้นตรงเลขสิบสองอยู่รอมร่อ
"ถามไรหน่อยได้ไหม?"
"ว่ามาสิ" แต่ปาร์คชานยอลก็ยังคงไม่หันความสนใจมาหาน้องชายอยู่ดี
ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องดีของแบคฮยอน เพราะไม่งั้นเขาคงรู้สึกอึดอัดมากกว่านี้
"อยู่บ้านนี้โดยไม่มีผมได้หรอ?" เสียงไส้ดินสอที่ขีดอยู่บนกระดาษชะงักลง "ผมรู้ว่าบ้านหลังนี้มันเล็กนิดเดียว แต่อยู่คนเดียวมันก็น่าจะเหงานิดหน่อยไหม?"
แบคฮยอนยังคงปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุด ร่างสูงลดมือวางอุปกรณ์ไว้บนโต๊ะ พักฝ่ามือไว้บนกลุ่มผมนุ่มของคนด้านล่าง
"เหงาหรอ? ... มันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะ"
"หรือพี่จะออกไปอยู่หอแล้วหาเพื่อนแชร์ค่าหอ จะได้ไม่เหงาไง ดีไหม?"
"ตอนแรกพี่ก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่มันเปลืองเงินเปล่าๆ มหาลัยมันก็ไม่ได้ไกลมาก อีกอย่าง...อยู่ที่เดิมนี่แหละ พี่ชอบความรู้สึกเดิมๆมากกว่า"
เด็กน้อยเงยขึ้นมองพี่ชายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าแย้มยิ้มแต่สายตากลับเศร้าหมอง
ถ้าชานยอลเรียนวิศวะฯเขาจะต้องเรียนอีกมหาลัยหนึ่งซึ่งอยู่ไกลกว่ามหาลัยที่เขาเลือกสอบสถาปัตย์ฯอยู่หลายสิบกิโล และนั่นอาจจะต้องทำให้เขาต้องออกไปเช่าหอพักเพื่อให้อยู่ใกล้ขึ้น
นอกจากจะเปลืองเงินโดยใช่เหตุแล้ว ชานยอลยังคิดว่า...การที่เขายังอยู่ที่เดิมทำให้ความรู้สึกเขายังเป็นเหมือนเดิม
ที่นี่อบอุ่นและมีเรื่องราวมากมาย เขาไม่อยากย้ายไปอยู่ที่ไหนที่ไกลความทรงจำของตัวเอง มันอาจจะลำบากสักหน่อยเวลาหันไปมองทางไหนแล้วทำให้คิดถึงแบคฮยอนไปทุกที่
แต่มันก็ดีกว่าหันไปทางไหนแล้วไม่มีแบคฮยอนเลย
"พี่จะคิดถึงผมหรือเปล่า"
"ถามอะไรปัญญาอ่อน ทำไมจะไม่คิดถึงล่ะ"
"พี่อย่ามาว่าผมนะ!" เสียงแหวแหวกเข้าแก้วหูจนปวดขมับ
"พี่ต้องคิดถึงเราแย่แน่เลย แย่แน่ๆเลยแบคฮยอน"
"ไปหาผมบ่อยๆด้วย"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
'ใครจะปล่อยให้คนน่ารักแบบเราอยู่คนเดียวกันล่ะ' ปาร์คชานยอลเพียงแค่คิดในใจ
อะไรที่มันดูมากไปเขาจำเป็นต้องลดลง อย่างการที่แบคฮยอนชอบทำให้เขาติดนิสัยการอยากอยู่ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็จำเป็นต้องลดลง
ไม่อยากให้เวลาที่มันเข้าใกล้มากขึ้นนี้ทำร้ายตัวเองขึ้นกว่าเก่า เพราะมันเยอะเกินไปแล้วสำหรับความรู้สึกที่เขามีให้แบคฮยอน
ยิ่งพอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่สายเลือดเดียวกันความเป็นไปได้ที่เขาจะรักแบคฮยอนก็มีมากขึ้น
ชานยอลไม่เคยคิดว่าตัวเองชอบใครเลย...ยกเว้นแบคฮยอน
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก !
"หมดเวลาแล้ว"
ค่ำคืนของวันนี้ผ่านพ้นไปแล้ว หมดไปอีกหนึ่งวันกับการนับถอยหลังที่จะเริ่มต้นใหม่
ร่างบางรับสมุดวาดรูปมาเพ่งมองอย่างตั้งอกตั้งใจ รอยสีดำจากแท่งดินสอขีดๆเขียนๆจนกลายเป็นบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง รั้วสีไม้ขนาดเตี้ยกว่าแบคฮยอนไม่กี่นิ้วที่เจ้าตัวเล็กชอบเอาคางไปเกยเวลาลืมกุญแจบ้านแล้วเข้าไม่ได้
บ้านที่เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ
"เก็บไว้ดูกันคิดถึงนะแบคฮยอน"
"งั้น...วาดรูปพี่ให้ผมหน่อยได้หรือเปล่า?"
แบคฮยอนตื่นเต้นตอนก้าวเข้ามาเหยียบบริเวณหอพักนอกมหาลัยจนเก็บอาการไม่อยู่ เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกว่าสิบชีวิตทยอยขนสัมภาระขึ้นลิฟต์ทั้งสองตัวขึ้นห้องตัวเอง
ชานยอลเลือกห้องริมสุดให้ตั้งแต่ตอนมาจองกันครั้งแรก ขนาดห้องจะใหญ่กว่าห้องปกติสักนิดหน่อย ของแบคฮยอนไม่ได้เยอะหรอกแต่เพื่อความสะดวกสบายซะมากกว่า
ป๊ากับม๊าขับรถไปรับตั้งแต่เช้าตรู่และช่วยลูกชายคนเล็กขนของเพิ่งกลับไปเมื่อตอนบ่ายเพราะมีงานต่อ
บยอนแบคโฮเป็นโปรดิวเซอร์เพลงให้กับค่ายเล็กๆแถวชานเมือง ส่วนปาร์คยูราเป็นนักการตลาดให้กับบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์เจ้าเล็กๆเช่นกัน
งานแบบนี้แน่นอนว่าไม่มีเวลาที่ตายตัว จะหาวันว่างแต่ละทีนี่ลำบากแทบขาดใจ และเหตุผลที่ทั้งสองว่างสำหรับลูกชายทั้งคู่เสมอคงเป็นเพราะความเอาใจใส่ด้วยล่ะมั้ง
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเป็นยี่สิบปีแบคโฮจะหาเวลาว่างมาอยู่กับภรรยาเสมอ ยูราเองก็เจียดเวลาแสนน้อยมาดูแลสามีเช่นเดียวกัน
ทั้งคู่มักขอวันหยุดในวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่ก็ต้องเคลียร์งานให้หมดจึงจะขับรถมาเยี่ยมลูกๆให้หายคิดถึงได้
"ฮัดชิ่ว~"
กลิ่นฝนลอยเข้ามาทางหน้าต่าง ปาร์คชานยอลเป็นมนุษย์หูไว จมูกไว ตาไว การรับรู้ต่อสิ่งเร้าของเขาดีเลิศ
"ยาอยู่ในกล่องครับแบคฮยอน" ร่างสูงกอดอกอยู่มุมห้อง ยืนมองน้องชายนั่งถูจมูกเงียบๆมาหลายนาทีแล้ว เด็กดื้อมัวแต่เห่อโน้ตบุ๊คเครื่องใหม่จนไม่ยอมลุกไปไหน
ตอนนี้ชานยอลจะมีก็แต่ความหนักใจที่น้องชายไม่ยอมโตสักที ขนาดตัวเองน้ำมูกไหลขนาดนี้แล้วยังต้องคอยให้บอกให้เตือนอยู่เรื่อย
"กล่องไหน?"
"บนชั้นวางนั่นไง"
"เอาไปวางไว้บนนั้นทำไมอ่ะ ผมขี้เกียจเขย่ง"
"เอื้อมนิดเดียวเอง"
"มันนิดเดียวสำหรับพี่แต่สำหรับผมตะคริวแทบขึ้นนะ"
"งั้นก็หาที่วางใหม่เองไหม?"
"นี่ประชดหรอ!" ...เออ เอาเข้าไป
ชานยอลไม่ได้โมโหแต่หงุดหงิดนิดหน่อย ถ้าแบคฮยอนจะยอมเชื่อฟังเขาสักนิด ...สักนิดที่หมายความว่ามากกว่านี้น่ะ มันจะดีมากเลยนะ
อย่างน้อยเขาจะได้คลายความกังวลไปได้เปราะเล็กๆ แต่นี่อย่าเรียกว่าเชื่อฟังเลย ขนาดจะเสียเวลาฟังมันยังไม่ทำ ._.
"เปล่า ก็เอาไว้ในที่ที่หยิบง่ายๆ เวลาป่วยจะได้ไม่ต้องลำบาก"
"ไว้อย่างนั้นก็ได้ ผมไม่ป่วยบ่อยหรอก" ...หรอ
"งั้นก็กินยาซะ ตอนนี้"
แบคฮยอนทำมือเป็นรูปโอเคก่อนจะเดินไปหยิบกล่องยาเสียงดัง 'ฮึบ' น่าเอ็นดู
ชั้นวางมันสูงแค่1เมตร80เซนฯเองนะแบคฮยอน
.
.
เนื่องด้วยยาลดน้ำมูกมันมีฤทธิ์พิเศษทำให้คนป่วยที่เพิ่งซัดยาเข้าไปเมื่อตอนค่ำหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง
ลมหายใจแบคฮยอนร้อนผ่าว มุดตัวอยู่ในผ้านวมผืนใหญ่ ของที่ยังระเกะระกะถูกจัดให้เข้าที่เข้าทางโดยคนร่างสูงที่ไม่ใช่เจ้าของห้อง
ชานยอลรู้ดีว่าจะต้องเอาอะไรไว้ตรงไหนเพื่อให้แบคฮยอนหาเจอและใช้งานได้สะดวกที่สุด น้องชายเขาเป็นคนขี้เกียจเพราะฉะนั้นถ้าจะขยับโต๊ะเล็กๆมาติดเตียงเพื่อวางโน้ตบุ๊คก็คงจะง่ายต่อชีวิตมากขึ้น
แบคฮยอนไม่ชอบรักษาความสะอาด ดังนั้นถังขยะจะต้องวางไว้หลายจุด ข้างประตูก็มี ข้างเตียงก็มี ข้างโต๊ะก็มี ในห้องน้ำก็มี ตรงระเบียงก็มี เอาเป็นว่าชานยอลอยากให้มีถังขยะทุกที่เลย
"งือออ~"
และสิ่งสุดท้ายที่ตั้งใจนำเสนอคือกรอบรูปสีเหลืองอ๋อยใส่ภาพวาดที่ชานยอลค่อนข้างมั่นใจว่าคนตัวเล็กจะชอบมาก นั่นก็คือ...ภาพใบหน้าเขาเอง
23:48 น.
"ชานยอล หิวจัง" เสียงงือสั้นๆตามมาด้วยเสียงงอแง
"ตัวร้อนอีกไหมเนี่ย?"
"นิโหน่ย" แบคฮยอนตวัดผ้าห่มออก ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าตังค์ยื่นให้พี่ชายหน้านิ่งๆ "หิว ลงไปซื้อของกินให้หน่อย"
"อะไรวะ ตื่นมาก็ใช้เลย"
"ก็เดินไม่ไหว ป่วยอยู่"
"เอาอะไร?"
"ได้หมด"
"เมนู 'ได้หมด' บนโลกนี้ต้องอร่อยมากแน่เลย"
"อย่ากวนตีน โมโหหิวแล้วจะหาว่าไม่เตือน"
"ครับผม"
ปาร์คชานยอลรีบสวมรองเท้าใส่เกียร์หมาลงไปชั้นล่างเหมือนตูดติดจรวด เพราะถ้าปล่อยให้แบคฮยอนหิวไปมากกว่านี้เกรงว่าขี้หูที่นอนสงบอยู่อาจจะออกมาดิ้นบนพื้นได้
ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตที่เหลืออยู่ในห้องก็รื้อกล่องหยิบของสำคัญออกมาจัดการ มือเล็กสั่นด้วยความตื่นเต้นตรวจเช็คความเรียบร้อยหายใจเข้าออกยาวๆอยู่หลายที จนได้ยินเสียงเดินลากเท้าออกมาจากลิฟต์
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แสงไฟในห้องมีเพียงเปลวเทียนพริ้วไสวเล่นแสงเงา และเมื่อบานประตูแง้มออก ด้านหน้าของแบคฮยอนก็คือร่างสูงที่ในมือมีก้อนเค้กขนาดเล็กเพียงฝ่ามือปักเทียนเล่มสั้นตรงกลาง
"แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~"
"แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~"
เสียงร้องประสานของเส้นเสียงต่างโทนจากคนสองคนเคล้ากันไปเรื่อยๆจนถึงท่อนจบ แบคฮยอนยิ้มจนตาหยีไม่ต่างไปจากชานยอลเลย
วันเกิดครบสิบแปดและสิบเก้าปีของพวกเขาทั้งคู่เกิดขึ้นพร้อมกันโดยมีความแตกต่างอยู่ตรงที่ว่า แบคฮยอนยืนอยู่ในความมืดแต่ชานยอลยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง
"แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะชานยอลอา"
"เหมือนกันนั่นแหละ"
"อธิษฐานก่อนสิ"
"เราก็ต้องอธิษฐานด้วยนะ"
แบคฮยอนหลับตาลงช้าๆ นึกในใจเหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมา เขาขอให้คนที่เขารักและคนที่รักเขามีความสุข ให้ป๊ากับม๊า คุณยาย ชานยอล รวมไปถึงเพื่อนๆเจอะเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต
เพราะทุกคนที่กล่าวถึงนั้น...คือความสุขของแบคฮยอน
"เราฉลองวันเกิดพร้อมกันมา18ปีแล้วนะชานยอล"
"..."
"ผมโคตรโชคดีเลยที่มีพี่"
คนตัวเล็กโผกอดร่างสูงแน่น ฝังใบหน้าเข้ากับอกแกร่งก่อนจะปล่อยโฮเหมือนปกติ
เจ้าเด็กน้อยไม่รู้หรอกว่าความสุขที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิตของชานยอลนั้น...ไม่เคยไม่มีชื่อของเขาเลย
ชานยอลคิดว่าการที่ได้มาอยู่กับครอบครัวนี้คือโชคดีทั้งหมดในชีวิตแล้ว ไม่มีอะไรโชคดีไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะเขาได้ใช้ความโชคดีเหล่านั้นไปตั้งแต่ป๊ากับม๊ายอมให้เข้ามาดูแลแบคฮยอนตั้งแต่อ้อนแต่ออด
ขอบคุณมากจริงๆ
"อย่าเปลี่ยนไปนะแบคฮยอน"
...และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ทุกอย่างมันดีอย่างนี้เหมือนเดิมนะ
ราวกับฟ้ากำลังพิโรธหนัก แสงสีขาวส่องทะลุผ้าม่านเป็นระยะจนแบคฮยอนสะดุ้งขึ้นมาในตอนเช้ามืด เจอทั้งอากาศหนาวเย็นและความหวาดกลัวเด็กแสบเผลอรวบหมอนข้างมาไว้ในผ้านวมแล้วกอดแน่นๆ
"ชานยอล" เสียงหวานลอดออกมาเพียงแผ่วเบา
"หืม?"
"ตื่นแล้วหรอ"
"ได้ยินเสียงฟ้าเลยตื่น กลัวหรือเปล่า?"
"เปล่า แค่ตกใจ"
"อือ" คนพี่หลับตาต่อหวังจะนอนสบายแต่เสียงขยับตัวถี่ๆของแบคฮยอนก็เล่นเอาเป็นกังวล "นอนไม่หลับหรอ"
"ขอนอนข้างๆได้ไหม?"
สายฟ้าฟาดเปรี้ยงจนรู้สึกสะเทือนไปทั้งตึก ไม่ทันได้ตอบรับอะไรเสียง 'ตุบ' ก็ดังขึ้นข้างกาย
ร่างกลมกลิ้งลงมาจากบนเตียงเพื่อนอนด้านข้างชานยอลบนพื้น โชคดีที่ผ้านวมที่ปูหนาพอรองรับไม่ให้ศอกแตก ก็แบคฮยอนเล่นทะเล่อทะล่าลงมาแบบนี้
ลงมาถึงก็มุดตัวเข้าผ้าห่มทันที อีกไม่ถึงสองชั่วโมงท้องฟ้าก็จะสว่างอยู่แล้วเชียวไม่รู้กลัวอะไรนักหนา
"เบียดไปป่ะวะ"
"ไม่หรอก ผมตัวเล็ก"
"ช่วยแยกคำว่าตัวเตี้ยกับตัวเล็กออกจากกันด้วย"
"บ่นมากหมัดกระแทกปากไม่รู้นะ"
"แหม๊~ ทำดุ"
ชานยอลหัวเราะในความน่าเอ็นดูของน้องชาย มองไปยังเส้นผมที่แผ่อยู่เต็มหมอนชวนสัมผัสแล้วไล่ลงมายังหน้าผากเนียน คิ้วบาง เปลือกตา สิ้นสุดที่จมูกรั้น
แบคฮยอนโผล่ออกมาแค่นี้ ขดตัวเป็นก้อนภายใต้ผ้าผืนเดียวกัน แต่มันแปลกตรงที่ชานยอลกลับไม่รู้สึกว่าเราได้อยู่ใกล้กัน
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่เขากลับรู้สึกห่างแบคฮยอนออกไปเรื่อยๆ เหมือนดาวเนปจูนที่โคจรอยู่นอกกลุ่มดาวดวงอื่น ซึ่งอีกไม่นานอาจจะถูกหลงลืมไป
น้องชายตัวแสบนิ่งไปแล้วเหมือนกับกดปิดสวิตช์ สิ่งที่คนอย่างเขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือจ้องมอง . . . มองสิ่งมีชีวิตที่สักวันหนึ่งจะต้องรับรู้ว่าตัวเองเป็นลูกคนเดียว
ไม่มีพี่ชายที่ชื่อว่าปาร์คชานยอล
ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแค่เขาคนเดียวก็ได้ที่เสียใจและช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่แน่แบคฮยอนอาจจะเฉยๆก็ได้เมื่อได้ยินคำบอกเล่าพวกนั้น
ชานยอลตาสว่างเมื่อไม่อาจละสายตาออกมาจากใบหน้าน่ารักได้ ฝนด้านนอกยังคงตกหนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับฝนในหัวใจเขาที่ยังโปรยปรายลงมา
มันดูเหงา โดดเดี่ยวและเศร้ามากกว่าอะไรทั้งปวง
พื้นหัวใจชื้นแฉะไปด้วยหยาดน้ำที่ไม่แน่เหมือนกันว่าเป็นน้ำตาหรือเปล่า
แบคฮยอนให้ของขวัญวันเกิดเขาเป็นสมุดวาดรูปกับดินสอหนึ่งแท่ง ส่วนเขาก็เอาเงินเก็บที่เหลืออยู่ทั้งหมดซื้อกล้องDSLRให้ เพราะวันข้างหน้าต้องได้ใช้แน่นอน
เด็กหนุ่มไม่คิดเสียดายเงินเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกบาททุกสตางค์นั้นก็ล้วนมาจากป๊ากับม๊าที่มักจะส่งมาให้ซื้อของใช้ทุกอาทิตย์
คนไม่ค่อยใช้ตังค์แบบชานยอลก็มักจะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ซึ่งส่วนมากก็หมดไปกับการประกันตัวแบคฮยอนเนี่ยแหละ
พระอาทิตย์ขึ้นปริ่มขอบฟ้าเร็วกว่าเมื่อวานไม่กี่นาที ทำไมชานยอลรู้?
. . . เพราะนี่คือวันที่สองแล้วในการเฝ้ามองแสงสว่างของมัน วันเวลาที่หมุนเวียนไปพรากอะไรมากมายเกินกว่าจะนึกถึง และให้อะไรมามากมายเกินกว่าจะคำนวณนับอีกเช่นกัน
"อือ" แบคฮยอนพลิกตัวตะแคงไปอีกข้างจนหัวโขกเข้ากับเตียง ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่ตื่น
เพราะเงียบมากจึงทำให้ได้ยินสิ่งรอบข้างมากยิ่งขึ้น ชานยอลได้ยินเสียงลมหายใจ ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ได้ยินเสียงเดินของคนในชั้น
น่าเสียดายเหมือนกันที่เขาไม่ได้ยินเสียงความคิดใครแล้วโดยเฉพาะแบคฮยอน คนที่เขาอยากรับรู้เรื่องราวภายในใจมากที่สุด
ผ้าห่มบนตัวร่นออกไปเรื่อยๆจนตอนนี้เด็กหนุ่มไม่มีปัจจัยให้ความอบอุ่นอีกแล้ว ร่างดักแด้ข้างๆยังคงหลับปุ๋ยลอยละล่องอยู่ในความฝัน
แบคฮยอนขยับยุกยิกจนฝ่ามือวางทาบอยู่บนต้นแขนชานยอล ราวกับโดนแช่แข็งร่างทั้งร่างจนชาวูบ เด็กหนุ่มเสยผมหน้าม้าคนตัวเล็กแรงไปหน่อยจนเปลือกตาบางขยับเปิด
แก้วตาสีน้ำตาลอ่อนยิ้มทักทายพร้อมกับมุมปากบางที่คลี่ออกช้าๆ
"อรุณสวัสดิ์" แบคฮยอนยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปสี่เหลี่ยม
"อื้อหือ~ ไปแปรงฟันเลย"
"โหยไรอ่ะ พี่เองก็ปากเหม็นเหมือนกันนั่นแหละ"
ชานยอลดันหน้าผากคนตัวเล็กก่อนจะหยัดตัวขึ้นเพื่อหยิบกล้องถ่ายรูปในกล่องมาใส่เลนส์
"ไปล้างหน้าแปรงฟันเดี๋ยวถ่ายรูปให้"
"ไม่อยากถ่าย"
"เร็วดิ"
"ถ่ายทำไม"
"ลองกล้องไง"
"กูต้องเป็นคนลองดิ มึงจะมาลองอะไรกล้องกูเล่า"
"ก็อยากลองถ่ายดู ขอเล่นหน่อยไม่ได้หรอ เงินกูนะเว้ย!"
"นี่เห็นว่าเป็นมึงหรอกนะชานยอล ถ้าเป็นคนอื่นกูต่อยปากแตกไปละ"
เด็กแสบชี้หน้าแต่ก็ยอมลุกไปโดยดี ระหว่างนั้นชานยอลก็เก็บที่นอนของตัวเองไปกองบนเตียง
เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งเผยให้เห็นไหปลาร้าหมิ่นเหม่ กางเกงสามส่วนขาบานเบอะสามารถส่องลึกเข้าไปถึงกางเกงชั้นในเมื่อขาเรียวยกชันขึ้น
แบคฮยอนปล่อยให้เส้นผมกระเซอะกระเซิงเป็นยายเพิ้งหาหวีเพราะพี่ชายบอกว่าอยากได้ทรงนี้ หนังหน้าไร้สิ่งใดปรุงแต่งใดๆแม้แต่แป้งฝุ่นสักไมครอน
เพราะทันที่ก้าวขาออกมาจากธรณีห้องน้ำก็โดนลากขึ้นเตียงเลย
"เย็นนี้ป๊ากับม๊าจะพาไปกินอาหารญี่ปุ่น"
"โอ้ว~ อาหารญี่ปุ่น~"
แชะ!
ชานยอลไม่รู้หรอกว่าช่างกล้องมืออาชีพเขาต้องจัดท่ายังไงหรือหาแสงหามุมยังไง แต่เขาทำมันไปตามสัญชาติญาณและไร้คอนเสปต์ใดๆทั้งสิ้น
แค่อยากเห็นแบคฮยอนในมุมนี้ก็เล็งกล้องไปตรงมุมนี้เท่านั้นเอง
ขาสั้นๆของแบคฮยอนพาดไปกับหมอนข้าง พิงหลังกับกำแพงแล้วชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจ ปากบางอ้าออกจากกันจนกว้างเพื่อรับออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
"ฮ้าววววว~"
แล้วรูปแบคฮยอนหาวก็เข้าไปอยู่ในกล้องเรียบร้อย
เด็กน้อยเพลิดเพลินไปกับการแอคท่าจนลืมงอแงหามื้อเช้าเหมือนทุกครั้ง ปรี่เข้าไปนอนเท้าคางข้างๆชานยอลเพื่อเลื่อนดูรูปตัวเอง
"น่าเกลียดจัง" แบคฮยอนกดลบแต่ชานยอลกดปฏิเสธ "ลบซี่"
"น่ารักดีออก ดูสิ นึกว่าหูหมา"
"หูหมาอะไรล่ะ นั่นมันผม"
"ก็เหมือนอ่ะ"
คนถูกกล่าวหาจับเส้นผมตัวเองที่โดนบอกว่าเหมือนหูหมาแล้วหน้าตึง เออ มันพองเหมือนหูหมาจริงๆไม่เถียงละ
ร่างเล็กกลิ้งตัวไปนอนหงายปล่อยให้พี่ชายเลื่อนดูรูปไปคนเดียวจนเคลิ้มหลับอีกรอบ
แจ้งเตือนไลน์ดังถี่ยิบจนต้องเอื้อมไปกดปิดเสียงแต่ถึงอย่างนั้นแรงสั่นก็ทำให้รำคาญอีกอยู่ดี
D.O.
12:13 P.M. สุขสันต์วันเกิด ขอให้มีความสุขสมหวังทุกเรื่อง
12:14 P.M. ตั้งใจเรียนด้วย
12:14 P.M. จะไปหาบ่อยๆ
12:15 P.M. คิดถึง
SEOH
12:17 P.M. กูอยู่กับคยองซู
12:18 P.M. พอไม่มีมึงนี่เหงามาก
12:18 P.M. แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะเว้ยเพื่อน
12:19 P.M. ไม่อวยพรละ อวยทุกปีแม่งน่าเบื่อ
12:20 P.M. อายุเพิ่มขึ้นแล้วก็โตได้แล้ว
12:20 P.M. อยู่ไกลๆดูแลตัวเองด้วย
12:21 P.M. ตอบกูบ้างสิวะ!
แบคฮยอนหลุดหัวเราะพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อเปิดอ่านไลน์กลุ่ม เพื่อนเขาทั้งสองสอบติดคณะเดียวกันมหาวิทยาลัยเดียวกันแถมยังย้ายไปอยู่หอด้วยกันอีกต่างหาก
ลึกๆแล้วก็แอบอิจฉาที่ได้อยู่กับเพื่อนสนิทแต่แบคฮยอนเลือกแล้ว ถึงแม้จะเสียใจนิดหน่อยแต่ก็คงอีกไม่นาน
"จะอาบน้ำก่อนหรือให้พี่อาบก่อน?"
"อืม..." แบคฮยอนทำท่าครุ่นคิดราวกับเป็นเรื่องน่าหนักใจมาก "อาบพร้อมกันไหม จะได้รำลึกความหลังกันด้วย"
"หลายอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วแบคฮยอน" นั่นแน่ ชานยอลรู้ทันเด็กขี้แกล้งเข้าจนได้ ประโยคนั้นเลยทำเอาเด็กแสบหน้าขึ้นสี
ชานยอลยีผมน้องชายด้วยความรัก ถึงแม้น้ำเสียงจะสื่อออกไปทางกวนประสาทแต่สายตาอันอบอุ่นที่ปกปิดไม่มิดนั้นก็บอกอะไรได้หลายอย่าง ...หลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปมากกว่าร่างกาย
"งั้นพี่ไปอาบก่อนเลย ผมขอคุยกับเพื่อนแปป"
แบคฮยอนไม่ได้ตั้งใจจะหลบตา เพียงแค่ต้องการหาจุดโฟกัสใหม่ เขาย้ำกับตัวเองเสมอว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในมันจะต้องหายไปในวันหนึ่ง
...สักวันหนึ่งที่แบคฮยอนจะมองหน้าชานยอลอย่างสนิทใจ
ร่างสูงเดินมาสะกิดไหล่คนตัวเล็กที่มัวแต่ยืนเหม่อ หันมองไปยังลานน้ำพุด้านล่างระหว่างรอป๊ากับม๊าเดินเลือกของขวัญให้อยู่อีกชั้นในห้างสรรพสินค้า
"คิดถึงบ้านแล้วหรือยัง?"
"ผมเพิ่งมาอยู่คืนเดียวเองนะ คิดถงคิดถึงอะไร"
"เดี๋ยวรู้เลย"
แบคฮยอนทำหน้างอเท้าคางลงกับราวกั้น เขายืนมองผู้คนกับความวุ่นวายมาได้สักพักแล้วถามตัวเองว่านี่ใช่สังคมที่ต้องการแน่หรอ ต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ราวกับเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อน
คนเป็นร้อยเป็นพันอยู่ด้วยกันแต่กลับไม่มีใครรู้จักกันสักคน ผู้คนเหล่านั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไถสมาร์ทโฟน ครอบหูฟังปิดกั้นเสียงภายนอก
"เห้อ~"
แต่นี่แค่วันแรกเอง ต่อไปมันจะต้องดีขึ้นกว่านี้อยู่แล้ว มีอะไรบ้างที่แบคฮยอนทำไม่ได้น่ะหา
"พี่เป็นห่วงเราจัง"
"ผมก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกัน"
"กลับบ้านไหม?"
"ผมมาเรียนนะเว้ย จะชวนกลับบ้านอย่างเดียวเลย จิตใจทำด้วยอะไร"
"แล้วถ้าพี่คิดถึงเราขึ้นมาทำไงอ่ะ"
คำถามง่ายๆที่คิดคำตอบยากเหลือเกิน แบคฮยอนสบตาสู้กับดวงตาโตอย่างไม่ลดละเพราะร่างสูงเองก็จ้องมาเหมือนกัน
"ก็มาหาผมสิ" และเป็นแบคฮยอนที่ยอมหันไปทางอื่นก่อน
"แค่แวะมาหามันไม่หายคิดถึงหรอกรู้ไหม"
"..." ไอ้เด็กแสบโดนใบ้แดกไปแล้ว ขนอ่อนบนร่างกายลุกชันแถมใบหน้ายังร้อนวูบวาบเหมือนคนกำลังจะเป็นลม คอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายหลายอึก
"พี่จะทำยังไงกับตัวเองดีเนี่ยแบคฮยอน"
"พี่จะทำอะไรล่ะ"
"พี่ว่าพี่พูดไปแล้วนะ" ชานยอลเหมือนโดนผีเข้า พูดอะไรออกมาไม่รู้ตัวแถมยังห้ามตัวเองไม่ได้อีก
"…"
"...ว่าพี่รักเราน่ะไอ้เด็กดื้อ" เสียงวิ๊งดังขึ้นอีกครั้งในหูแบคฮยอน
"ไม่...มันเป็นไปไม่ได้ พี่ก็รู้" เด็กน้อยก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
"งั้นเมื่อไหร่ล่ะแบคฮยอน เมื่อไหร่ที่มันจะเป็นไปได้"
"เราเป็นพี่น้องกันนะ ร เรา...เรา..." แบคฮยอนยังคงก้าวถอยหลังไม่หยุด
"งั้นแปลว่าถ้าเราไม่ใช่พี่น้องกัน แบคฮยอนจะรักพี่งั้นหรอ"
"ไม่ ผมไม่ได้รักพี่"
"สักนิด...ก็ไม่เลยงั้นหรอ?"
"ไม่ เลย ไม่เลย"
"โอเคครับ"
ชานยอลหยุดเดินตอนที่ขาแบคฮยอนชนเข้ากับกระถางต้นไม้อันใหญ่จนเกือบหงายหลัง ระยะห่างทั้งคู่ยังคงเท่าเดิมมาตลอดตั้งแต่ตอนแรก เพราะไม่ว่าชานยอลจะเดินเข้าไปกี่ก้าวแบคฮยอนก็จะเดินถอยหลังไปเท่านั้นก้าวเช่นกัน
แบคโฮกับยูราเดินกลับมาหาลูกๆพร้อมกล่องของขวัญคนละสองกล่องในมือ แบคฮยอนยิ้มกว้างกอดของขวัญไว้แนบอกต่างจากอีกคนที่ทำได้แค่ฝืนยิ้ม
ก็วันนี้มันไม่ใช่วันเกิดเขาจริงๆนี่นา
"ชานยอลจะกลับวันนี้เลยไหมลูก?"
"ครับม๊า พรุ่งนี้ผมต้องไปรายงานตัวที่มหาลัย"
"งั้นเดี๋ยวม๊าไปส่ง คืนนี้ต้องไปทำธุระแถวนั้นพอดี" หญิงสาวคนสวยคีบเนื้อปลาดิบเข้าปาก "ป๊ากลับเองแล้วกันนะ"
"อ้าว ไหงงั้นอ่ะ"
"เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือไง"
"นั่นม๊าเออออห่อหมกเองคนเดียว ป๊าไม่ได้ตกลงด้วยเลยนะ"
"ไม่รู้แหละ เป็นไปตามนี้"
ผู้หญิงคนเดียวของบ้านออกคำสั่งเองเรียบร้อยโดยไม่สนใจว่าจะทำใครเดือดร้อน โดยเฉพาะสามีตัวเองที่ต้องโบกรถเมล์และต่อด้วยแท็กซี่กลับบ้าน
ชานยอลเงียบกว่าปกติ เขาเลือกที่จะนั่งมองสามคนพ่อแม่ลูกหัวเราะให้กันด้วยสายตาคนนอก รู้สึกโชคดีแทนแบคฮยอนเหลือเกินที่มีครอบครัวอบอุ่นขนาดนี้
"กลับกันเถอะชานยอล เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน"
เด็กหนุ่มปลีกตัวไปหาน้องชายที่ออกไปเข้าห้องน้ำ ลากข้อมือมาตรงมุมของบันไดหนีไฟ แบคฮยอนตกอกตกใจใหญ่นึกว่าจะโดนอุ้มฆ่า
"พี่จะกลับแล้วนะ"
"รู้แล้ว ผมก็จะกลับแล้วเหมือนกัน"
"อยู่ได้ใช่ไหม?"
"อืม"
"พี่จะไปแล้วนะ"
"อืม" แบคฮยอนยังเอาแต่หลบตา
"พี่จะไม่ใส่ใจเราแล้วนะ"
แบคฮยอนจิกเล็บเข้ากับเนื้อจนเจ็บไปหมด เขาต่อต้านความรู้สึกและกดเก็บบางสิ่งบางอย่างไว้ข้างใน
"อ อืม"
"อยู่คนเดียวดีๆนะ"
"อืม"
"พี่ก็จะอยู่คนเดียวดีๆเหมือนกัน"
"อืม" หน่วยตาใสคลอไปด้วยน้ำแวววับ แค่คิดว่าจะต้องอยู่คนเดียวมันก็เหงาขึ้นมาซะอย่างนั้น ราวกับจะโดนปล่อยทิ้งไว้กลางทะเลทรายงั้นแหละ
"พี่เป็นห่วงเรานะแบคฮยอน"
"อ อืม"
"ดูแลตัวเองด้วย"
"อืม"
"ไปก่อนนะ"
"บาย"
น้ำใสกลิ้งม้วนลงตามกรอบหน้า แบคฮยอนยืนมองแผ่นหลังกว้างห่างไกลออกไปเรื่อยๆจนเลี้ยวหายไปตามทาง
เขารู้มาตลอดว่าชานยอลดีกับตนมากแค่ไหน แต่จะให้บอกความจริงไปว่าเขาเองก็รักชานยอลเหมือนกันมันจะดูผิดศีลธรรมมากเกินไป
ที่เขาไม่พูดถึงเรื่องจูบของวันนั้นก็เพราะไม่รู้จะพูดยังไง แบคฮยอนไม่ใช่คนเก่งพอที่จะเลือกสรรคำบางคำให้มันปกติที่สุด
แบคฮยอนไม่รู้ว่าจะปฏิเสธหัวใจตัวเองอย่างไรเช่นกัน เพราะชานยอลก็เป็นพี่ชายที่เขารักรวมถึงเป็นคนที่เขารักด้วย
แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก...
TBC.
#หัวไม้ชานแบค
ถ้าวกวนวนเวียน อ่านแล้วขัดใจกับภาษาหรือรำคาญบรรทัดไหนบอกได้นะ
คือช่วงนี้เสพติดการนอนมาก
ฮืออออออออออออออออออ
มารอให้ป๊ากับม๊าบอกความจริงน้องแบคกันเถอะ
จะได้รักกันสักที
เห้อม~
แล้วดูพี่ชานดิ สารภาพไปอีกแล้วอ่ะ
แถมแยกกันอยู่จริงๆแล้วด้วยนะ
หวายยยยยยยยยยยยยยยยยย
ความคิดเห็น