ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #23 : หัวไม้ : 19 {100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      3
      5 ส.ค. 58






              "พี่ชานยอล หิวน้ำไหม เดี๋ยวผมไปเอาให้"


     

              "เออดีๆ ขอแบบเย็นเจี๊ยบชื่นใจนะ"


     

              "ได้เบยยยยย" ร่างท้วมเดินเตาะแตะเข้าไปในครัว หยิบขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วแล้วประคองมาวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา



     

              หน้าตายิ้มแย้มของแบคฮยอนสื่อให้เห็นเลยว่าน้องชายเขากำลังเต็มใจที่จะคอยบริการและคอยเอาใจ เพราะฉะนั้นชานยอลก็จะกอบโกยเวลาอันมีค่าจนกว่าจะผ่านพ้นคืนนี้ไปก็แล้วกัน


     

              โต๊ะด้านหน้าเต็มไปด้วยซองขนมที่แบคฮยอนขนออกมาจากตู้เพื่อแบ่งให้เขากิน โดยบอกว่า 'ยังไงผมก็ใช้เงินพี่ซื้ออยู่แล้ว แบ่งให้พี่กินสักนิดจะเป็นไรไป เดี๋ยวพี่ก็ต้องซื้อมาตุนอีกอยู่ดี'


     

              โอเค...ชานยอลก็จะยอมทำตามความประสงค์ของแบคฮยอนเช่นเดียวกัน



     

              "ไปหยิบสมุดวาดรูปกับดินสอให้หน่อยดิ"


     

              "อยู่ไหนอ่ะ?"


     

              "ในห้อง บนโต๊ะ"


     

              แบคฮยอนเปิดไฟสีส้มก่อนจะหันซ้ายหันขวาเดินไปที่โต๊ะไว้ทำการบ้าน กรอบรูปสีน้ำตาลเข้มขนาดเท่าฝ่ามือวางประดับอยู่ตรงมุมซ้าย



     

              เด็กผู้ชายตุ้ยนุ้ยกับเด็กผู้ชายผอมก้างนอนร้องไห้จ้าอยู่บนที่นอนเล็กๆข้างกัน เด็กอ้วนนั่นคือชานยอลที่โตมาผอมเพรียว ส่วนเด็กผอมนั่นก็คือแบคฮยอนที่โตมาเนื้อแน่นเปรี๊ยะ


     

              ตอนเด็กๆความสูงก็เท่ากันอยู่หรอก ทำไมโตขึ้นแล้วมันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างนี้ ฟ้าดินช่างโหดร้ายเหลือเกิน


     

              "ให้ผมเป็นแบบให้นะ"


     

              เสียงหวานดังอยู่ข้างหูเมื่อร่างเล็กโน้มตัวมาจากด้านหลัง วางสมุดไว้บนตักแล้วกระโดดตัวลอยข้ามมานั่งบนโซฟา


     

              "ไม่เอา พี่วาดรูปเราเยอะแล้ว"


     

              "ฮื่อ ได้ไงอ่ะ วาดอีกซี่ วาดอีก"


     

              "ไม่อยากวาดแล้ว"


     

              แบคฮยอนนิ่งไปเสี้ยววินาที ยกแขนขึ้นมากอดอก "ก็ได้ ไม่อยากวาดก็ได้"


     

              ชานยอลไม่ได้ต่อบทสนทนาอะไรเพียงแต่รับรู้ว่าคงจะโดนไอ้เด็กแสบงอนเข้าให้แล้ว เสียงหายใจฟึดฟัดกับริมฝีปากบางที่ยื่นออกมาอย่างนั้นมันดูน่ารักน้อยซะที่ไหนกันล่ะ



     

              พูดถึงริมฝีปากจู่ๆก็นึกถึงจูบในโรงพยาบาลขึ้นมาได้ การที่แบคฮยอนเงียบไปและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกนั้นมันก็เหมือนจะเป็นสัญญาณที่ดี เพราะถ้าแบคฮยอนปฏิเสธออกมาตรงๆชานยอลเองคงจะรับไม่ได้


     

              แต่การเงียบแบบนี้ก็ทำให้ทุกอย่างคลุมเครือเข้าไปใหญ่ เพราะปาร์คชานยอลก็ไม่กล้าที่จะเดินไปข้างหน้าและไม่กล้าแม้แต่จะเดินถอยหลัง


     

              กลัวจริงๆนั่นแหละ กลัวว่าจะเสียแบคฮยอนไปจริงๆ





     

              "เมื่อยขาจัง"


     

              "ผมนวดให้" ร่างเล็กไถลลงไปนั่งบนพื้น บีบนวดขายาวพลางดูซีรี่ย์ในจอแก้วไปด้วย


     

              พระเอกร่างสันทัดกำลังใช้มือข้างขวาไล้ตามแนวสันกรามของนางเอกหน้าสวย เหงื่อที่ผุดตามไรผมและขมับของหญิงสาวไหลจ๊อกเหมือนกับแบคฮยอนในตอนนี้


     

              เด็กเจ้าเนื้อกระแอมไอด้วยความประหม่าเล็กน้อย พยายามไม่หันไปหาคนที่ตั้งใจวาดรูปอยู่บนโซฟา รายนั้นไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเพราะกำลังตั้งใจวาดอะไรบางอย่างอยู่



     

              แบคฮยอนเผลอจ้องเสี้ยวหน้าที่มองมาตลอดชีวิตแล้วก็รู้สึกใจหาย เขารู้อยู่แล้วว่าอีกไม่ถึงเดือนก็ต้องย้ายตัวเองไปอยู่ในอีกที่หนึ่ง


     

              แต่ที่ไม่รู้เลยก็คือ...ทั้งๆที่ชานยอลบอกว่าอยากเรียนวิศวะฯมากกว่าแต่ทำไมพอถึงวันสอบกลับเลือกสอบเข้าสถาปัตย์ฯซะงั้น


     

              "ขึ้นมาอีกนิดๆ"


     

              ดวงตาเรียวเบิกขึ้นอย่างตกใจ เลื่อนมือจากหน้าแข้งขึ้นไปยังต้นขา พี่ชายของเขาก็ยังคงไม่ได้หันมามองอยู่ดีแม้กระทั่งตอนที่พูดสายตาก็ยังไม่ละออกจากหน้ากระดาษ


     

              "เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง อยากใช้อะไรรีบใช้นะ"


     

              "อืม"


     

              "วาดไรอ่ะ ขอดูหน่อยดิ"


     

              "ให้เสร็จก่อนนะ"


     

              เสียงหัวเราะจากลำโพงดึงให้แบคฮยอนกลับไปสนใจทีวีต่อ เข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆจนเข็มยาวใกล้จะทาบทับเข็มสั้นตรงเลขสิบสองอยู่รอมร่อ



     

              "ถามไรหน่อยได้ไหม?"


     

              "ว่ามาสิ" แต่ปาร์คชานยอลก็ยังคงไม่หันความสนใจมาหาน้องชายอยู่ดี


     

              ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องดีของแบคฮยอน เพราะไม่งั้นเขาคงรู้สึกอึดอัดมากกว่านี้


     

              "อยู่บ้านนี้โดยไม่มีผมได้หรอ?" เสียงไส้ดินสอที่ขีดอยู่บนกระดาษชะงักลง "ผมรู้ว่าบ้านหลังนี้มันเล็กนิดเดียว แต่อยู่คนเดียวมันก็น่าจะเหงานิดหน่อยไหม?"


     

              แบคฮยอนยังคงปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุด ร่างสูงลดมือวางอุปกรณ์ไว้บนโต๊ะ พักฝ่ามือไว้บนกลุ่มผมนุ่มของคนด้านล่าง

     
     

              "เหงาหรอ? ... มันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะ"


     

              "หรือพี่จะออกไปอยู่หอแล้วหาเพื่อนแชร์ค่าหอ จะได้ไม่เหงาไง ดีไหม?"


     

              "ตอนแรกพี่ก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่มันเปลืองเงินเปล่าๆ มหาลัยมันก็ไม่ได้ไกลมาก อีกอย่าง...อยู่ที่เดิมนี่แหละ พี่ชอบความรู้สึกเดิมๆมากกว่า"


     

              เด็กน้อยเงยขึ้นมองพี่ชายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าแย้มยิ้มแต่สายตากลับเศร้าหมอง



     

              ถ้าชานยอลเรียนวิศวะฯเขาจะต้องเรียนอีกมหาลัยหนึ่งซึ่งอยู่ไกลกว่ามหาลัยที่เขาเลือกสอบสถาปัตย์ฯอยู่หลายสิบกิโล และนั่นอาจจะต้องทำให้เขาต้องออกไปเช่าหอพักเพื่อให้อยู่ใกล้ขึ้น


     

              นอกจากจะเปลืองเงินโดยใช่เหตุแล้ว ชานยอลยังคิดว่า...การที่เขายังอยู่ที่เดิมทำให้ความรู้สึกเขายังเป็นเหมือนเดิม



     

              ที่นี่อบอุ่นและมีเรื่องราวมากมาย เขาไม่อยากย้ายไปอยู่ที่ไหนที่ไกลความทรงจำของตัวเอง มันอาจจะลำบากสักหน่อยเวลาหันไปมองทางไหนแล้วทำให้คิดถึงแบคฮยอนไปทุกที่


     

              แต่มันก็ดีกว่าหันไปทางไหนแล้วไม่มีแบคฮยอนเลย



     

              "พี่จะคิดถึงผมหรือเปล่า"


     

              "ถามอะไรปัญญาอ่อน ทำไมจะไม่คิดถึงล่ะ"


     

              "พี่อย่ามาว่าผมนะ!" เสียงแหวแหวกเข้าแก้วหูจนปวดขมับ


     

              "พี่ต้องคิดถึงเราแย่แน่เลย แย่แน่ๆเลยแบคฮยอน"


     

              "ไปหาผมบ่อยๆด้วย"


     

              "แน่นอนอยู่แล้ว"


     

              'ใครจะปล่อยให้คนน่ารักแบบเราอยู่คนเดียวกันล่ะ' ปาร์คชานยอลเพียงแค่คิดในใจ


     

              อะไรที่มันดูมากไปเขาจำเป็นต้องลดลง อย่างการที่แบคฮยอนชอบทำให้เขาติดนิสัยการอยากอยู่ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็จำเป็นต้องลดลง


     

              ไม่อยากให้เวลาที่มันเข้าใกล้มากขึ้นนี้ทำร้ายตัวเองขึ้นกว่าเก่า เพราะมันเยอะเกินไปแล้วสำหรับความรู้สึกที่เขามีให้แบคฮยอน


     

              ยิ่งพอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่สายเลือดเดียวกันความเป็นไปได้ที่เขาจะรักแบคฮยอนก็มีมากขึ้น


     

              ชานยอลไม่เคยคิดว่าตัวเองชอบใครเลย...ยกเว้นแบคฮยอน



     

         ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก !



     

              "หมดเวลาแล้ว"


     

              ค่ำคืนของวันนี้ผ่านพ้นไปแล้ว หมดไปอีกหนึ่งวันกับการนับถอยหลังที่จะเริ่มต้นใหม่


     

              ร่างบางรับสมุดวาดรูปมาเพ่งมองอย่างตั้งอกตั้งใจ รอยสีดำจากแท่งดินสอขีดๆเขียนๆจนกลายเป็นบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง รั้วสีไม้ขนาดเตี้ยกว่าแบคฮยอนไม่กี่นิ้วที่เจ้าตัวเล็กชอบเอาคางไปเกยเวลาลืมกุญแจบ้านแล้วเข้าไม่ได้


     

              บ้านที่เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำ


     

              "เก็บไว้ดูกันคิดถึงนะแบคฮยอน"


     

              "งั้น...วาดรูปพี่ให้ผมหน่อยได้หรือเปล่า?"

     

     

     






     

              แบคฮยอนตื่นเต้นตอนก้าวเข้ามาเหยียบบริเวณหอพักนอกมหาลัยจนเก็บอาการไม่อยู่ เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกว่าสิบชีวิตทยอยขนสัมภาระขึ้นลิฟต์ทั้งสองตัวขึ้นห้องตัวเอง


     

              ชานยอลเลือกห้องริมสุดให้ตั้งแต่ตอนมาจองกันครั้งแรก ขนาดห้องจะใหญ่กว่าห้องปกติสักนิดหน่อย ของแบคฮยอนไม่ได้เยอะหรอกแต่เพื่อความสะดวกสบายซะมากกว่า


     

              ป๊ากับม๊าขับรถไปรับตั้งแต่เช้าตรู่และช่วยลูกชายคนเล็กขนของเพิ่งกลับไปเมื่อตอนบ่ายเพราะมีงานต่อ



     

              บยอนแบคโฮเป็นโปรดิวเซอร์เพลงให้กับค่ายเล็กๆแถวชานเมือง ส่วนปาร์คยูราเป็นนักการตลาดให้กับบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์เจ้าเล็กๆเช่นกัน


     

              งานแบบนี้แน่นอนว่าไม่มีเวลาที่ตายตัว จะหาวันว่างแต่ละทีนี่ลำบากแทบขาดใจ และเหตุผลที่ทั้งสองว่างสำหรับลูกชายทั้งคู่เสมอคงเป็นเพราะความเอาใจใส่ด้วยล่ะมั้ง


     

              ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเป็นยี่สิบปีแบคโฮจะหาเวลาว่างมาอยู่กับภรรยาเสมอ ยูราเองก็เจียดเวลาแสนน้อยมาดูแลสามีเช่นเดียวกัน


     

              ทั้งคู่มักขอวันหยุดในวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่ก็ต้องเคลียร์งานให้หมดจึงจะขับรถมาเยี่ยมลูกๆให้หายคิดถึงได้


     

              "ฮัดชิ่ว~"


     

              กลิ่นฝนลอยเข้ามาทางหน้าต่าง ปาร์คชานยอลเป็นมนุษย์หูไว จมูกไว ตาไว การรับรู้ต่อสิ่งเร้าของเขาดีเลิศ


     

              "ยาอยู่ในกล่องครับแบคฮยอน" ร่างสูงกอดอกอยู่มุมห้อง ยืนมองน้องชายนั่งถูจมูกเงียบๆมาหลายนาทีแล้ว เด็กดื้อมัวแต่เห่อโน้ตบุ๊คเครื่องใหม่จนไม่ยอมลุกไปไหน


     

              ตอนนี้ชานยอลจะมีก็แต่ความหนักใจที่น้องชายไม่ยอมโตสักที ขนาดตัวเองน้ำมูกไหลขนาดนี้แล้วยังต้องคอยให้บอกให้เตือนอยู่เรื่อย


     

              "กล่องไหน?"


     

              "บนชั้นวางนั่นไง"


     

              "เอาไปวางไว้บนนั้นทำไมอ่ะ ผมขี้เกียจเขย่ง"


     

              "เอื้อมนิดเดียวเอง"


     

              "มันนิดเดียวสำหรับพี่แต่สำหรับผมตะคริวแทบขึ้นนะ"


     

              "งั้นก็หาที่วางใหม่เองไหม?"


     

              "นี่ประชดหรอ!" ...เออ เอาเข้าไป


     

              ชานยอลไม่ได้โมโหแต่หงุดหงิดนิดหน่อย ถ้าแบคฮยอนจะยอมเชื่อฟังเขาสักนิด ...สักนิดที่หมายความว่ามากกว่านี้น่ะ มันจะดีมากเลยนะ


     

              อย่างน้อยเขาจะได้คลายความกังวลไปได้เปราะเล็กๆ แต่นี่อย่าเรียกว่าเชื่อฟังเลย ขนาดจะเสียเวลาฟังมันยังไม่ทำ ._.


     

              "เปล่า ก็เอาไว้ในที่ที่หยิบง่ายๆ เวลาป่วยจะได้ไม่ต้องลำบาก"


     

              "ไว้อย่างนั้นก็ได้ ผมไม่ป่วยบ่อยหรอก" ...หรอ


     

              "งั้นก็กินยาซะ ตอนนี้"


     

              แบคฮยอนทำมือเป็นรูปโอเคก่อนจะเดินไปหยิบกล่องยาเสียงดัง 'ฮึบ' น่าเอ็นดู


     

              ชั้นวางมันสูงแค่1เมตร80เซนฯเองนะแบคฮยอน


    .


    .


              เนื่องด้วยยาลดน้ำมูกมันมีฤทธิ์พิเศษทำให้คนป่วยที่เพิ่งซัดยาเข้าไปเมื่อตอนค่ำหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง


     

              ลมหายใจแบคฮยอนร้อนผ่าว มุดตัวอยู่ในผ้านวมผืนใหญ่ ของที่ยังระเกะระกะถูกจัดให้เข้าที่เข้าทางโดยคนร่างสูงที่ไม่ใช่เจ้าของห้อง


     

              ชานยอลรู้ดีว่าจะต้องเอาอะไรไว้ตรงไหนเพื่อให้แบคฮยอนหาเจอและใช้งานได้สะดวกที่สุด น้องชายเขาเป็นคนขี้เกียจเพราะฉะนั้นถ้าจะขยับโต๊ะเล็กๆมาติดเตียงเพื่อวางโน้ตบุ๊คก็คงจะง่ายต่อชีวิตมากขึ้น


     

              แบคฮยอนไม่ชอบรักษาความสะอาด ดังนั้นถังขยะจะต้องวางไว้หลายจุด ข้างประตูก็มี ข้างเตียงก็มี ข้างโต๊ะก็มี ในห้องน้ำก็มี ตรงระเบียงก็มี เอาเป็นว่าชานยอลอยากให้มีถังขยะทุกที่เลย


     

              "งือออ~"


     

              และสิ่งสุดท้ายที่ตั้งใจนำเสนอคือกรอบรูปสีเหลืองอ๋อยใส่ภาพวาดที่ชานยอลค่อนข้างมั่นใจว่าคนตัวเล็กจะชอบมาก นั่นก็คือ...ภาพใบหน้าเขาเอง



     

         23:48 น.


     

              "ชานยอล หิวจัง" เสียงงือสั้นๆตามมาด้วยเสียงงอแง


     

              "ตัวร้อนอีกไหมเนี่ย?"


     

              "นิโหน่ย" แบคฮยอนตวัดผ้าห่มออก ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าตังค์ยื่นให้พี่ชายหน้านิ่งๆ "หิว ลงไปซื้อของกินให้หน่อย"


     

              "อะไรวะ ตื่นมาก็ใช้เลย"


     

              "ก็เดินไม่ไหว ป่วยอยู่"


     

              "เอาอะไร?"


     

              "ได้หมด"


     

              "เมนู 'ได้หมด' บนโลกนี้ต้องอร่อยมากแน่เลย"


     

              "อย่ากวนตีน โมโหหิวแล้วจะหาว่าไม่เตือน"


     

              "ครับผม"


     

              ปาร์คชานยอลรีบสวมรองเท้าใส่เกียร์หมาลงไปชั้นล่างเหมือนตูดติดจรวด เพราะถ้าปล่อยให้แบคฮยอนหิวไปมากกว่านี้เกรงว่าขี้หูที่นอนสงบอยู่อาจจะออกมาดิ้นบนพื้นได้



     

              ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตที่เหลืออยู่ในห้องก็รื้อกล่องหยิบของสำคัญออกมาจัดการ มือเล็กสั่นด้วยความตื่นเต้นตรวจเช็คความเรียบร้อยหายใจเข้าออกยาวๆอยู่หลายที จนได้ยินเสียงเดินลากเท้าออกมาจากลิฟต์



     

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก



     

              แสงไฟในห้องมีเพียงเปลวเทียนพริ้วไสวเล่นแสงเงา และเมื่อบานประตูแง้มออก ด้านหน้าของแบคฮยอนก็คือร่างสูงที่ในมือมีก้อนเค้กขนาดเล็กเพียงฝ่ามือปักเทียนเล่มสั้นตรงกลาง


     
     

              "แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~"


     

              "แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~"



     

              เสียงร้องประสานของเส้นเสียงต่างโทนจากคนสองคนเคล้ากันไปเรื่อยๆจนถึงท่อนจบ แบคฮยอนยิ้มจนตาหยีไม่ต่างไปจากชานยอลเลย



     

              วันเกิดครบสิบแปดและสิบเก้าปีของพวกเขาทั้งคู่เกิดขึ้นพร้อมกันโดยมีความแตกต่างอยู่ตรงที่ว่า แบคฮยอนยืนอยู่ในความมืดแต่ชานยอลยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง


     

              "แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะชานยอลอา"


     

              "เหมือนกันนั่นแหละ"


     

              "อธิษฐานก่อนสิ"


     

              "เราก็ต้องอธิษฐานด้วยนะ"


     

              แบคฮยอนหลับตาลงช้าๆ นึกในใจเหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมา เขาขอให้คนที่เขารักและคนที่รักเขามีความสุข ให้ป๊ากับม๊า คุณยาย ชานยอล รวมไปถึงเพื่อนๆเจอะเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต


     

              เพราะทุกคนที่กล่าวถึงนั้น...คือความสุขของแบคฮยอน


     
     

              "เราฉลองวันเกิดพร้อมกันมา18ปีแล้วนะชานยอล"


     

              "..."


     

              "ผมโคตรโชคดีเลยที่มีพี่"



     

              คนตัวเล็กโผกอดร่างสูงแน่น ฝังใบหน้าเข้ากับอกแกร่งก่อนจะปล่อยโฮเหมือนปกติ

     
     

              เจ้าเด็กน้อยไม่รู้หรอกว่าความสุขที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิตของชานยอลนั้น...ไม่เคยไม่มีชื่อของเขาเลย



     

              ชานยอลคิดว่าการที่ได้มาอยู่กับครอบครัวนี้คือโชคดีทั้งหมดในชีวิตแล้ว ไม่มีอะไรโชคดีไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะเขาได้ใช้ความโชคดีเหล่านั้นไปตั้งแต่ป๊ากับม๊ายอมให้เข้ามาดูแลแบคฮยอนตั้งแต่อ้อนแต่ออด


     

              ขอบคุณมากจริงๆ


     

              "อย่าเปลี่ยนไปนะแบคฮยอน"


     

              ...และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ทุกอย่างมันดีอย่างนี้เหมือนเดิมนะ










     

     

              ราวกับฟ้ากำลังพิโรธหนัก แสงสีขาวส่องทะลุผ้าม่านเป็นระยะจนแบคฮยอนสะดุ้งขึ้นมาในตอนเช้ามืด เจอทั้งอากาศหนาวเย็นและความหวาดกลัวเด็กแสบเผลอรวบหมอนข้างมาไว้ในผ้านวมแล้วกอดแน่นๆ

     
     

              "ชานยอล" เสียงหวานลอดออกมาเพียงแผ่วเบา


     

              "หืม?"


     

              "ตื่นแล้วหรอ"


     

              "ได้ยินเสียงฟ้าเลยตื่น กลัวหรือเปล่า?"


     

              "เปล่า แค่ตกใจ"


     

              "อือ" คนพี่หลับตาต่อหวังจะนอนสบายแต่เสียงขยับตัวถี่ๆของแบคฮยอนก็เล่นเอาเป็นกังวล "นอนไม่หลับหรอ"


     

              "ขอนอนข้างๆได้ไหม?"


     

              สายฟ้าฟาดเปรี้ยงจนรู้สึกสะเทือนไปทั้งตึก ไม่ทันได้ตอบรับอะไรเสียง 'ตุบ' ก็ดังขึ้นข้างกาย


     

              ร่างกลมกลิ้งลงมาจากบนเตียงเพื่อนอนด้านข้างชานยอลบนพื้น โชคดีที่ผ้านวมที่ปูหนาพอรองรับไม่ให้ศอกแตก ก็แบคฮยอนเล่นทะเล่อทะล่าลงมาแบบนี้


     

              ลงมาถึงก็มุดตัวเข้าผ้าห่มทันที อีกไม่ถึงสองชั่วโมงท้องฟ้าก็จะสว่างอยู่แล้วเชียวไม่รู้กลัวอะไรนักหนา


     

              "เบียดไปป่ะวะ"

     
     

              "ไม่หรอก ผมตัวเล็ก"


     

              "ช่วยแยกคำว่าตัวเตี้ยกับตัวเล็กออกจากกันด้วย"


     

              "บ่นมากหมัดกระแทกปากไม่รู้นะ"


     

              "แหม๊~ ทำดุ"


     

              ชานยอลหัวเราะในความน่าเอ็นดูของน้องชาย มองไปยังเส้นผมที่แผ่อยู่เต็มหมอนชวนสัมผัสแล้วไล่ลงมายังหน้าผากเนียน คิ้วบาง เปลือกตา สิ้นสุดที่จมูกรั้น


     

              แบคฮยอนโผล่ออกมาแค่นี้ ขดตัวเป็นก้อนภายใต้ผ้าผืนเดียวกัน แต่มันแปลกตรงที่ชานยอลกลับไม่รู้สึกว่าเราได้อยู่ใกล้กัน



     

              ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่เขากลับรู้สึกห่างแบคฮยอนออกไปเรื่อยๆ เหมือนดาวเนปจูนที่โคจรอยู่นอกกลุ่มดาวดวงอื่น ซึ่งอีกไม่นานอาจจะถูกหลงลืมไป


     

              น้องชายตัวแสบนิ่งไปแล้วเหมือนกับกดปิดสวิตช์ สิ่งที่คนอย่างเขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือจ้องมอง . . . มองสิ่งมีชีวิตที่สักวันหนึ่งจะต้องรับรู้ว่าตัวเองเป็นลูกคนเดียว


     

              ไม่มีพี่ชายที่ชื่อว่าปาร์คชานยอล





     

              ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแค่เขาคนเดียวก็ได้ที่เสียใจและช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่แน่แบคฮยอนอาจจะเฉยๆก็ได้เมื่อได้ยินคำบอกเล่าพวกนั้น

     
     

              ชานยอลตาสว่างเมื่อไม่อาจละสายตาออกมาจากใบหน้าน่ารักได้ ฝนด้านนอกยังคงตกหนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับฝนในหัวใจเขาที่ยังโปรยปรายลงมา


     

              มันดูเหงา โดดเดี่ยวและเศร้ามากกว่าอะไรทั้งปวง



     

              พื้นหัวใจชื้นแฉะไปด้วยหยาดน้ำที่ไม่แน่เหมือนกันว่าเป็นน้ำตาหรือเปล่า



     

              แบคฮยอนให้ของขวัญวันเกิดเขาเป็นสมุดวาดรูปกับดินสอหนึ่งแท่ง ส่วนเขาก็เอาเงินเก็บที่เหลืออยู่ทั้งหมดซื้อกล้องDSLRให้ เพราะวันข้างหน้าต้องได้ใช้แน่นอน


     

              เด็กหนุ่มไม่คิดเสียดายเงินเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกบาททุกสตางค์นั้นก็ล้วนมาจากป๊ากับม๊าที่มักจะส่งมาให้ซื้อของใช้ทุกอาทิตย์


     

              คนไม่ค่อยใช้ตังค์แบบชานยอลก็มักจะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ซึ่งส่วนมากก็หมดไปกับการประกันตัวแบคฮยอนเนี่ยแหละ







     

              พระอาทิตย์ขึ้นปริ่มขอบฟ้าเร็วกว่าเมื่อวานไม่กี่นาที ทำไมชานยอลรู้?


     

              . . . เพราะนี่คือวันที่สองแล้วในการเฝ้ามองแสงสว่างของมัน วันเวลาที่หมุนเวียนไปพรากอะไรมากมายเกินกว่าจะนึกถึง และให้อะไรมามากมายเกินกว่าจะคำนวณนับอีกเช่นกัน


     

              "อือ" แบคฮยอนพลิกตัวตะแคงไปอีกข้างจนหัวโขกเข้ากับเตียง ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่ตื่น


     

              เพราะเงียบมากจึงทำให้ได้ยินสิ่งรอบข้างมากยิ่งขึ้น ชานยอลได้ยินเสียงลมหายใจ ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ได้ยินเสียงเดินของคนในชั้น


     

              น่าเสียดายเหมือนกันที่เขาไม่ได้ยินเสียงความคิดใครแล้วโดยเฉพาะแบคฮยอน คนที่เขาอยากรับรู้เรื่องราวภายในใจมากที่สุด



     

              ผ้าห่มบนตัวร่นออกไปเรื่อยๆจนตอนนี้เด็กหนุ่มไม่มีปัจจัยให้ความอบอุ่นอีกแล้ว ร่างดักแด้ข้างๆยังคงหลับปุ๋ยลอยละล่องอยู่ในความฝัน


     

              แบคฮยอนขยับยุกยิกจนฝ่ามือวางทาบอยู่บนต้นแขนชานยอล ราวกับโดนแช่แข็งร่างทั้งร่างจนชาวูบ เด็กหนุ่มเสยผมหน้าม้าคนตัวเล็กแรงไปหน่อยจนเปลือกตาบางขยับเปิด

     


              แก้วตาสีน้ำตาลอ่อนยิ้มทักทายพร้อมกับมุมปากบางที่คลี่ออกช้าๆ


     

              "อรุณสวัสดิ์" แบคฮยอนยิ้มกว้างจนปากเป็นรูปสี่เหลี่ยม


     

              "อื้อหือ~ ไปแปรงฟันเลย"


     

              "โหยไรอ่ะ พี่เองก็ปากเหม็นเหมือนกันนั่นแหละ"


     

              ชานยอลดันหน้าผากคนตัวเล็กก่อนจะหยัดตัวขึ้นเพื่อหยิบกล้องถ่ายรูปในกล่องมาใส่เลนส์


     

              "ไปล้างหน้าแปรงฟันเดี๋ยวถ่ายรูปให้"


     

              "ไม่อยากถ่าย"


     

              "เร็วดิ"


     

              "ถ่ายทำไม"


     

              "ลองกล้องไง"


     

              "กูต้องเป็นคนลองดิ มึงจะมาลองอะไรกล้องกูเล่า"


     

              "ก็อยากลองถ่ายดู ขอเล่นหน่อยไม่ได้หรอ เงินกูนะเว้ย!"


     

              "นี่เห็นว่าเป็นมึงหรอกนะชานยอล ถ้าเป็นคนอื่นกูต่อยปากแตกไปละ"


     

              เด็กแสบชี้หน้าแต่ก็ยอมลุกไปโดยดี ระหว่างนั้นชานยอลก็เก็บที่นอนของตัวเองไปกองบนเตียง





     

              เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งเผยให้เห็นไหปลาร้าหมิ่นเหม่ กางเกงสามส่วนขาบานเบอะสามารถส่องลึกเข้าไปถึงกางเกงชั้นในเมื่อขาเรียวยกชันขึ้น


     

              แบคฮยอนปล่อยให้เส้นผมกระเซอะกระเซิงเป็นยายเพิ้งหาหวีเพราะพี่ชายบอกว่าอยากได้ทรงนี้ หนังหน้าไร้สิ่งใดปรุงแต่งใดๆแม้แต่แป้งฝุ่นสักไมครอน


     

              เพราะทันที่ก้าวขาออกมาจากธรณีห้องน้ำก็โดนลากขึ้นเตียงเลย


     

              "เย็นนี้ป๊ากับม๊าจะพาไปกินอาหารญี่ปุ่น"


     

              "โอ้ว~ อาหารญี่ปุ่น~"


     

         แชะ!


     

              ชานยอลไม่รู้หรอกว่าช่างกล้องมืออาชีพเขาต้องจัดท่ายังไงหรือหาแสงหามุมยังไง แต่เขาทำมันไปตามสัญชาติญาณและไร้คอนเสปต์ใดๆทั้งสิ้น


     

              แค่อยากเห็นแบคฮยอนในมุมนี้ก็เล็งกล้องไปตรงมุมนี้เท่านั้นเอง



     

              ขาสั้นๆของแบคฮยอนพาดไปกับหมอนข้าง พิงหลังกับกำแพงแล้วชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจ ปากบางอ้าออกจากกันจนกว้างเพื่อรับออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง


     

              "ฮ้าววววว~"


     

              แล้วรูปแบคฮยอนหาวก็เข้าไปอยู่ในกล้องเรียบร้อย





     

              เด็กน้อยเพลิดเพลินไปกับการแอคท่าจนลืมงอแงหามื้อเช้าเหมือนทุกครั้ง ปรี่เข้าไปนอนเท้าคางข้างๆชานยอลเพื่อเลื่อนดูรูปตัวเอง


     

              "น่าเกลียดจัง" แบคฮยอนกดลบแต่ชานยอลกดปฏิเสธ "ลบซี่"


     

              "น่ารักดีออก ดูสิ นึกว่าหูหมา"


     

              "หูหมาอะไรล่ะ นั่นมันผม"


     

              "ก็เหมือนอ่ะ"


     

              คนถูกกล่าวหาจับเส้นผมตัวเองที่โดนบอกว่าเหมือนหูหมาแล้วหน้าตึง เออ มันพองเหมือนหูหมาจริงๆไม่เถียงละ


     

              ร่างเล็กกลิ้งตัวไปนอนหงายปล่อยให้พี่ชายเลื่อนดูรูปไปคนเดียวจนเคลิ้มหลับอีกรอบ



     

              แจ้งเตือนไลน์ดังถี่ยิบจนต้องเอื้อมไปกดปิดเสียงแต่ถึงอย่างนั้นแรงสั่นก็ทำให้รำคาญอีกอยู่ดี



     

    D.O.
    12:13 P.M.   สุขสันต์วันเกิด ขอให้มีความสุขสมหวังทุกเรื่อง
    12:14 P.M.   ตั้งใจเรียนด้วย
    12:14 P.M.   จะไปหาบ่อยๆ
    12:15 P.M.   คิดถึง


     

    SEOH
    12:17 P.M.   กูอยู่กับคยองซู
    12:18 P.M.   พอไม่มีมึงนี่เหงามาก
    12:18 P.M.   แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะเว้ยเพื่อน
    12:19 P.M.   ไม่อวยพรละ อวยทุกปีแม่งน่าเบื่อ
    12:20 P.M.   อายุเพิ่มขึ้นแล้วก็โตได้แล้ว
    12:20 P.M.   อยู่ไกลๆดูแลตัวเองด้วย
    12:21 P.M.   ตอบกูบ้างสิวะ!



     

              แบคฮยอนหลุดหัวเราะพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อเปิดอ่านไลน์กลุ่ม เพื่อนเขาทั้งสองสอบติดคณะเดียวกันมหาวิทยาลัยเดียวกันแถมยังย้ายไปอยู่หอด้วยกันอีกต่างหาก


     

              ลึกๆแล้วก็แอบอิจฉาที่ได้อยู่กับเพื่อนสนิทแต่แบคฮยอนเลือกแล้ว ถึงแม้จะเสียใจนิดหน่อยแต่ก็คงอีกไม่นาน


     

              "จะอาบน้ำก่อนหรือให้พี่อาบก่อน?"


     

              "อืม..." แบคฮยอนทำท่าครุ่นคิดราวกับเป็นเรื่องน่าหนักใจมาก "อาบพร้อมกันไหม จะได้รำลึกความหลังกันด้วย"


     

              "หลายอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วแบคฮยอน" นั่นแน่ ชานยอลรู้ทันเด็กขี้แกล้งเข้าจนได้ ประโยคนั้นเลยทำเอาเด็กแสบหน้าขึ้นสี


     

              ชานยอลยีผมน้องชายด้วยความรัก ถึงแม้น้ำเสียงจะสื่อออกไปทางกวนประสาทแต่สายตาอันอบอุ่นที่ปกปิดไม่มิดนั้นก็บอกอะไรได้หลายอย่าง ...หลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปมากกว่าร่างกาย


     

              "งั้นพี่ไปอาบก่อนเลย ผมขอคุยกับเพื่อนแปป"


     

              แบคฮยอนไม่ได้ตั้งใจจะหลบตา เพียงแค่ต้องการหาจุดโฟกัสใหม่ เขาย้ำกับตัวเองเสมอว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในมันจะต้องหายไปในวันหนึ่ง


     

              ...สักวันหนึ่งที่แบคฮยอนจะมองหน้าชานยอลอย่างสนิทใจ

     

     


















     

              ร่างสูงเดินมาสะกิดไหล่คนตัวเล็กที่มัวแต่ยืนเหม่อ หันมองไปยังลานน้ำพุด้านล่างระหว่างรอป๊ากับม๊าเดินเลือกของขวัญให้อยู่อีกชั้นในห้างสรรพสินค้า


     

              "คิดถึงบ้านแล้วหรือยัง?"

     
     

              "ผมเพิ่งมาอยู่คืนเดียวเองนะ คิดถงคิดถึงอะไร"


     

              "เดี๋ยวรู้เลย"


     

              แบคฮยอนทำหน้างอเท้าคางลงกับราวกั้น เขายืนมองผู้คนกับความวุ่นวายมาได้สักพักแล้วถามตัวเองว่านี่ใช่สังคมที่ต้องการแน่หรอ ต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ราวกับเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อน


     

              คนเป็นร้อยเป็นพันอยู่ด้วยกันแต่กลับไม่มีใครรู้จักกันสักคน ผู้คนเหล่านั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไถสมาร์ทโฟน ครอบหูฟังปิดกั้นเสียงภายนอก


     

              "เห้อ~"


     

              แต่นี่แค่วันแรกเอง ต่อไปมันจะต้องดีขึ้นกว่านี้อยู่แล้ว มีอะไรบ้างที่แบคฮยอนทำไม่ได้น่ะหา


     

              "พี่เป็นห่วงเราจัง"


     

              "ผมก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกัน"


     

              "กลับบ้านไหม?"


     

              "ผมมาเรียนนะเว้ย จะชวนกลับบ้านอย่างเดียวเลย จิตใจทำด้วยอะไร"


     

              "แล้วถ้าพี่คิดถึงเราขึ้นมาทำไงอ่ะ"


     

              คำถามง่ายๆที่คิดคำตอบยากเหลือเกิน แบคฮยอนสบตาสู้กับดวงตาโตอย่างไม่ลดละเพราะร่างสูงเองก็จ้องมาเหมือนกัน


     

              "ก็มาหาผมสิ" และเป็นแบคฮยอนที่ยอมหันไปทางอื่นก่อน


     

              "แค่แวะมาหามันไม่หายคิดถึงหรอกรู้ไหม"


     

              "..." ไอ้เด็กแสบโดนใบ้แดกไปแล้ว ขนอ่อนบนร่างกายลุกชันแถมใบหน้ายังร้อนวูบวาบเหมือนคนกำลังจะเป็นลม คอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายหลายอึก


     

              "พี่จะทำยังไงกับตัวเองดีเนี่ยแบคฮยอน"


     

              "พี่จะทำอะไรล่ะ"


     

              "พี่ว่าพี่พูดไปแล้วนะ" ชานยอลเหมือนโดนผีเข้า พูดอะไรออกมาไม่รู้ตัวแถมยังห้ามตัวเองไม่ได้อีก


     

              ""


     

              "...ว่าพี่รักเราน่ะไอ้เด็กดื้อ" เสียงวิ๊งดังขึ้นอีกครั้งในหูแบคฮยอน


     

              "ไม่...มันเป็นไปไม่ได้ พี่ก็รู้" เด็กน้อยก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว


     

              "งั้นเมื่อไหร่ล่ะแบคฮยอน เมื่อไหร่ที่มันจะเป็นไปได้"


     

              "เราเป็นพี่น้องกันนะ ร เรา...เรา..." แบคฮยอนยังคงก้าวถอยหลังไม่หยุด


     

              "งั้นแปลว่าถ้าเราไม่ใช่พี่น้องกัน แบคฮยอนจะรักพี่งั้นหรอ"


     

              "ไม่ ผมไม่ได้รักพี่"


     

              "สักนิด...ก็ไม่เลยงั้นหรอ?"


     

              "ไม่ เลย ไม่เลย"


     

              "โอเคครับ"


     

              ชานยอลหยุดเดินตอนที่ขาแบคฮยอนชนเข้ากับกระถางต้นไม้อันใหญ่จนเกือบหงายหลัง ระยะห่างทั้งคู่ยังคงเท่าเดิมมาตลอดตั้งแต่ตอนแรก เพราะไม่ว่าชานยอลจะเดินเข้าไปกี่ก้าวแบคฮยอนก็จะเดินถอยหลังไปเท่านั้นก้าวเช่นกัน





     

              แบคโฮกับยูราเดินกลับมาหาลูกๆพร้อมกล่องของขวัญคนละสองกล่องในมือ แบคฮยอนยิ้มกว้างกอดของขวัญไว้แนบอกต่างจากอีกคนที่ทำได้แค่ฝืนยิ้ม


     

              ก็วันนี้มันไม่ใช่วันเกิดเขาจริงๆนี่นา



     

              "ชานยอลจะกลับวันนี้เลยไหมลูก?"

     
     

              "ครับม๊า พรุ่งนี้ผมต้องไปรายงานตัวที่มหาลัย"


     

              "งั้นเดี๋ยวม๊าไปส่ง คืนนี้ต้องไปทำธุระแถวนั้นพอดี" หญิงสาวคนสวยคีบเนื้อปลาดิบเข้าปาก "ป๊ากลับเองแล้วกันนะ"


     

              "อ้าว ไหงงั้นอ่ะ"


     

              "เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือไง"


     

              "นั่นม๊าเออออห่อหมกเองคนเดียว ป๊าไม่ได้ตกลงด้วยเลยนะ"


     

              "ไม่รู้แหละ เป็นไปตามนี้"


     

              ผู้หญิงคนเดียวของบ้านออกคำสั่งเองเรียบร้อยโดยไม่สนใจว่าจะทำใครเดือดร้อน โดยเฉพาะสามีตัวเองที่ต้องโบกรถเมล์และต่อด้วยแท็กซี่กลับบ้าน


     

              ชานยอลเงียบกว่าปกติ เขาเลือกที่จะนั่งมองสามคนพ่อแม่ลูกหัวเราะให้กันด้วยสายตาคนนอก รู้สึกโชคดีแทนแบคฮยอนเหลือเกินที่มีครอบครัวอบอุ่นขนาดนี้


     

              "กลับกันเถอะชานยอล เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน"


     

              เด็กหนุ่มปลีกตัวไปหาน้องชายที่ออกไปเข้าห้องน้ำ ลากข้อมือมาตรงมุมของบันไดหนีไฟ แบคฮยอนตกอกตกใจใหญ่นึกว่าจะโดนอุ้มฆ่า


     

              "พี่จะกลับแล้วนะ"


     

              "รู้แล้ว ผมก็จะกลับแล้วเหมือนกัน"


     

              "อยู่ได้ใช่ไหม?"


     

              "อืม"


     

              "พี่จะไปแล้วนะ"


     

              "อืม" แบคฮยอนยังเอาแต่หลบตา


     

              "พี่จะไม่ใส่ใจเราแล้วนะ"


     

              แบคฮยอนจิกเล็บเข้ากับเนื้อจนเจ็บไปหมด เขาต่อต้านความรู้สึกและกดเก็บบางสิ่งบางอย่างไว้ข้างใน


     

              "อ อืม"


     

              "อยู่คนเดียวดีๆนะ"


     

              "อืม"


     

              "พี่ก็จะอยู่คนเดียวดีๆเหมือนกัน"


     

              "อืม" หน่วยตาใสคลอไปด้วยน้ำแวววับ แค่คิดว่าจะต้องอยู่คนเดียวมันก็เหงาขึ้นมาซะอย่างนั้น ราวกับจะโดนปล่อยทิ้งไว้กลางทะเลทรายงั้นแหละ


     

              "พี่เป็นห่วงเรานะแบคฮยอน"


     

              "อ อืม"


     

              "ดูแลตัวเองด้วย"


     

              "อืม"


     

              "ไปก่อนนะ"


     

              "บาย"


     

              น้ำใสกลิ้งม้วนลงตามกรอบหน้า แบคฮยอนยืนมองแผ่นหลังกว้างห่างไกลออกไปเรื่อยๆจนเลี้ยวหายไปตามทาง



     

              เขารู้มาตลอดว่าชานยอลดีกับตนมากแค่ไหน แต่จะให้บอกความจริงไปว่าเขาเองก็รักชานยอลเหมือนกันมันจะดูผิดศีลธรรมมากเกินไป


     

              ที่เขาไม่พูดถึงเรื่องจูบของวันนั้นก็เพราะไม่รู้จะพูดยังไง แบคฮยอนไม่ใช่คนเก่งพอที่จะเลือกสรรคำบางคำให้มันปกติที่สุด


     

              แบคฮยอนไม่รู้ว่าจะปฏิเสธหัวใจตัวเองอย่างไรเช่นกัน เพราะชานยอลก็เป็นพี่ชายที่เขารักรวมถึงเป็นคนที่เขารักด้วย



     

              แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก...


     

























    TBC.
    #หัวไม้ชานแบค

    ถ้าวกวนวนเวียน อ่านแล้วขัดใจกับภาษาหรือรำคาญบรรทัดไหนบอกได้นะ
    คือช่วงนี้เสพติดการนอนมาก
    ฮืออออออออออออออออออ

    มารอให้ป๊ากับม๊าบอกความจริงน้องแบคกันเถอะ
    จะได้รักกันสักที
    เห้อม~

    แล้วดูพี่ชานดิ สารภาพไปอีกแล้วอ่ะ
    แถมแยกกันอยู่จริงๆแล้วด้วยนะ

    หวายยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     



    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×