คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : หัวไม้ : 25 {100%}
[ชานยอล ป๊าบอกให้พี่ย้ายไปเรียนเนเธอร์แลนด์หรอ] วันนี้วันเสาร์ และแบคฮยอนก็โทรมาปลุกพี่ชายตั้งแต่เช้าเหมือนทุกครั้งที่ยังอยู่ด้วยกัน
"อือ"
[ทำไมพี่ไม่บอกกันบ้างล่ะ]
"ก็พี่ยังไม่ให้คำตอบป๊าว่าจะไปหรือไม่ไป" คนตัวสูงหายใจเข้าออกลึก เขาเพิ่งได้นอนไปไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่แทนที่เขาจะหงุดหงิดริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างบางเบา
[ผมไม่ให้พี่ไปหรอก ได้ยินไหมว่าผมไม่ให้พี่ไป!]
แล้วไอ้เด็กแสบก็ตัดสายไปเสียดื้อๆ ดื้อสมกับเป็นมันจริงๆ
ส่วนคนที่หมดเรี่ยวหมดแรงไปกับการทำงานก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราต่อจนถึงช่วงบ่าย ชานยอลตื่นขึ้นมาด้วยความสับสนว่าแบคฮยอนโทรมาจริงๆหรือเขาฝันกันแน่ แต่บันทึกสายโทรเข้าก็ชัดเจนว่าไอ้เด็กน้อยมันรู้แล้วว่าป๊าจะให้ไปเรียนต่างประเทศ
ชานยอลไม่ค่อยสบาย ปวดเนื้อปวดตัวทำให้วันนั้นทั้งวันเขาเอาแต่นอนซมอยู่ในห้อง เสียงเปิดประตูรั้วดังเข้าโสตประสาท แบคฮยอนผลุนผลันเข้ามานั่งบนเตียง
"ทำไมไม่เล่าให้ผมฟัง"
"มายังไงเนี่ย"
"ผมจะร้องไห้แล้วนะ"
"ร้องทำไม ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่ให้คำตอบป๊า"
"แต่ถ้าพี่ไป..." ร่างเล็กหลั่งน้ำตา "แล้วผมล่ะ"
ทำไมไม่รู้เขาถึงคิดว่าเหตุการณ์นี้มันดีกับหัวใจเหลือเกิน
"..." เหมือนแบคฮยอนรั้งเขาอยู่ยังไงยังงั้น
"แล้วแบคฮยอนล่ะชานยอล" ร่างเล็กทำหน้างอแงเขย่าพี่ชายเพื่อคั้นคำตอบ ถ้าม๊าไม่เล่าให้ฟังชานยอลจะบอกเขาไหม ทำแบบนี้อีกแล้วนะ ปล่อยให้เขารู้ทุกอย่างเป็นคนสุดท้ายอีกแล้ว
"ทำไงดีล่ะ"
"ไม่เล่นแล้วนะชานยอล ป๊าอยากให้พี่ไปมากๆ"
"ไม่อยากให้พี่ไปหรอ"
"ก็ใช่น่ะสิ..." แบคฮยอนซุกหน้าเข้ากับอกแกร่ง "ผมไม่อยากห่างจากพี่ไปมากกว่านี้แล้ว"
ดีเหลือเกิน... ทุกอย่างมันดีเหลือเกิน แถมการใช้ร่างกายเป็นตัวสื่อความรู้สึกมันเหมือนทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นด้วย ชานยอลชัดเจนมากขึ้นและแบคฮยอนเองก็ชัดเจนเหมือนกัน
ชัดเจนในที่นี้หมายถึงชัดเจนในความรู้สึก เรารักกันโดยเปิดเผยซึ่งกันและกัน แม้จะไม่พูดแต่แค่มองตาก็เข้าใจ
เกือบเดือนแล้วที่ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี คืนที่ถูกร่างเล็กจู่โจมเขาแทบควบคุมสติไว้ไม่อยู่เกือบจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำไปแล้ว แต่แบคฮยอนยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่รู้สิ...ถึงแบคฮยอนจะอายุมากกว่าเขาหนึ่งปีแต่แบคฮยอนก็ยังเด็กในสายตาอยู่ดี
'ผมไม่ได้ตั้งใจนะ มันไปเองอ่ะ'
และนั่นคือคำพูดแรกที่ไอ้ตัวน้อยผละริมฝีปากออกมา แก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อ หน่วยตาคลอไปด้วยน้ำใส
เสียงทุ้มหลุดหัวเราะ เขานาบฝ่ามือไว้กับใบหน้าเล็กเพื่อให้แบคฮยอนตั้งสติ ชานยอลชอบการกระทำที่หลุดออกมาจากจิตใต้สำนึก แบคฮยอนจะอยากจูบเขามานานแค่ไหนแล้วเนี่ยถึงพุ่งมาได้ขนาดนี้
ชานยอลลงโทษเรื่องที่แบคฮยอนเอาแหวนของ 'เรา' ไปให้คนอื่นใส่โดยไม่ได้รับอนุญาต ลิ้นเล็กหยอกล้อกลับเป็นบางจังหวะ กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วปากตอนที่ความแข็งของฟันบดเบียดเนื้อนุ่มหยุ่นจนเลือดซิบเพราะความหมั่นเขี้ยว อ่า...ชานยอลจูบแบคฮยอนจนปากแตกเลยแหละ
"..."
"อย่าไปไหนเลยนะชานยอล"
...เด็กคนนี้ทำดีที่สุดคือเรื่องออดอ้อนสินะ ทุกครั้งที่ได้สัมผัสอารมณ์แบบนี้เขาจะคิดเสมอว่าน่ารักไม่ได้แปลว่าน่ารักน่าเอ็นดูหรือน่าชื่นชอบ แต่น่ารักในพจนานุกรมของชานยอลคือ 'บยอนแบคฮยอน' ต่างหาก
แบคฮยอนต่างหากที่น่ารักสำหรับชานยอล
"ชานยอลจ๋า แบคฮยอนมาแล้ว" เสียงใสแจ๋วดังตั้งแต่รั้วประตูถึงห้องครัว
ช่วงนี้แบคฮยอนทำตัวแปลกๆ ใกล้สอบไฟนอลด้วยแล้วชานยอลยิ่งไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับมานอนที่บ้านเข้าไปใหญ่ แต่แบคฮยอนก็ยังคะยั้นคะยอขอกลับบ้านบ่อยๆจนเขาเองต้องหอบข้าวหอบของเอางานกลับมาทำที่บ้านบ่อยๆเช่นกัน
และแม้ว่าระยะทางจากหอพักแบคฮยอนมาถึงบ้านจะไม่เป็นใจก็ตาม แต่เด็กน้อยของเขาก็ยอมเหนื่อยขึ้นมาซะงั้น เหมือนแบคฮยอนกำลังทำอะไรสักอย่าง...อะไรสักอย่างที่ชานยอลไม่มีทางรู้ได้จนกว่าแบคฮยอนจะบอกให้รู้
"แบคฮยอน ไม่เหนื่อยหรอ"
"ไม่เห็นจะเหนื่อยเลย" เจ้าเด็กเล็กก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ปริปากตอบกลับคำถามจากคนเป็นพี่ แบคฮยอนเพิ่งถึงบ้านเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี่เองหลังจากรีบกระโดดขี้นรถทันทีตอนเลิกเรียน
เขาไม่อยากให้แบคฮยอนเดินทางคนเดียวเพราะกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยกับคราวก่อน แต่แบคฮยอนเป็นแบคฮยอนนี่นะ เขาจะไปห้ามอะไรได้ล่ะ นอกจากห้ามตัวเองไม่ให้เผลอดุออกไปน่ะ
"บอกพี่ได้ไหมว่าเป็นอะไร"
"ผมไม่ได้เป็นอะไร" เสียงตอบกลับทันควันเหมือนเครื่องตอบรับอัตโนมัติที่เซ็ทโปรแกรมมาอย่างดี
"แล้วทำไมกลับมาบ้านบ่อยอย่างนี้ ช่วงนี้จะสอบแล้วนะ"
"ก็..." เจ้าตัววางสมาร์ทโฟนคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะ "คิดถึง"
ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักคนขายาว เปิดปากหาวหวอดจนน้ำหูน้ำตาไหล จริงๆแล้วแบคฮยอนเหนื่อย เหนื่อยมากเลยด้วย การนั่งรถจากมหา'ลัยกลับบ้านเกือบทุกวันหลังเลิกเรียนแล้วนั่งกลับไปตอนเช้าก่อนมีเรียนมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
แต่เพราะแบคฮยอนไม่อยากปล่อยให้ชานยอลอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมาอีก เอาเถอะ...ในเมื่อตอนนี้เขาก็อยู่ตรงนี้กับชานยอลแล้ว เขาจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปแบบเปล่าประโยชน์ในตอนนั้นให้มากที่สุดก็แล้วกัน
"..."
"ไม่ได้หรือไง"
"..." ชานยอลดีดหน้าผากน้องชายจนเกิดเสียงป๊อก "ไอ้ได้น่ะมันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องนั่งไปนั่งกลับบ่อยแบบนี้หรอก"
"ไม่เอาอ่ะ ผมอยากให้พี่เปลี่ยนใจ"
"เปลี่ยนใจเรื่องอะไร"
เด็กน้อยเด้งตัวขึ้นนั่งมองตาแป๋ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่แบคฮยอนน่ารักได้ขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า หรือตั้งแต่ที่เขาจดจำใบหน้าแบคฮยอนได้ ตั้งแต่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วจนกลายเป็นเสียงโปรด กลิ่นหอมกลิ่นโปรด ระดับความสูงระดับโปรด สีผิวโปรด
หรือเพราะแบคฮยอนเป็น...คนโปรด
"ผมอยากให้พี่ปฏิเสธป๊า"
"..."
แบคฮยอนเป็นคนโปรดของชานยอล
สิ่งเหล่านั้นหลอมละลายความรักให้ติดแน่น เขายอมให้มันพอกพูนขึ้นทุกวันเหมือนเทียนที่มอดไหม้ตัวเองแล้วผลิตน้ำตาจนความเป็นเทียนหายไป พยายามแกะแคะน้ำตาเทียนเท่าไหร่ก็ไม่หลุดออกจากหัวใจสักที สิ่งเหล่านั้นที่ติดอยู่กับเขา
"ผมไม่อยากให้พี่ไป"
"..."
...สิ่งเหล่านั้นที่เป็นตัวตนของแบคฮยอน
"..."
"ถ้าพี่ไปมันจะแย่ขนาดนั้นเลยหรอ"
แบคฮยอนที่ติดอยู่กับหัวใจชานยอลตลอดเวลา
"แย่สิ ผมต้องแย่แน่ๆ"
บทเรียนที่ผ่านมาได้สอนให้รู้ว่า ยิ่งพยายามแกะแบคฮยอนออกเท่าไหร่ ของเหลวสีแดงก็ตามมาหลังจากเกิดความเจ็บปวดเท่านั้น
"อายุเท่าไหร่แล้วแบคฮยอน"
"สิบแปด"
"สิบแปดนั่นมันอายุของเรา แต่อายุจริงยี่สิบแล้วนะ"
"อ่า..." แบคฮยอนเกาแก้มจนนึกว่าเป็นขี้กลาก เพราะกำลังสงสัยว่าทำไมชานยอลต้องพูดว่าอายุของเราด้วย แง
"ยี่สิบแล้ว"
จริงๆที่ชานยอลต้องมาสวมบทเป็นพี่ชายเพราะอะไรหรอ
"อย่าย้ำน่า"
เพราะความจำเป็น เพราะความเหมาะสม
"โตได้แล้วนะครับ พี่แบคฮยอน"
หรือเพราะชานยอลเป็นพี่ชายเพื่อให้แบคฮยอนอ้อนกันนะ
ไม่แน่นะ...วันไหนชานยอลหันมาอ้อนแบคฮยอนในฐานะพี่ชายบ้างขึ้นมา ถึงเวลานั้นแบคฮยอนอาจจะเสพติดการถูกอ้อนไปเลยก็ได้
"ก็พี่แบคฮยอน..." ร่างเล็กสวมกอดเอวอีกคนไว้หลวมๆ "รักน้องชานยอลนี่นา"
"..." เหมือนเข็มนาฬิกาถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวไว้ไม่ให้เดินต่อ เมื่อเข็มวินาทีไม่ทำงาน เข็มนาทีรวมถึงเข็มชั่วโมงก็พลอยหยุดไปด้วย ...เช่นเดียวกับระบบภายในของปาร์คชานยอล
เสียงสะอื้นฮักดังมาจากโทรศัพท์ ชานยอลนั่งฟังน้องชายเล่านิทานมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ซึ่งสิ่งที่แบคฮยอนกำลังทำอยู่คือซ้อมบทละครของวิชาเรียนที่ต้องสอบปฏิบัติในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ให้เดาว่าตอนนี้ไอ้เด็กแสบของเขาต้องเปลี่ยนตาขีดๆตามแบบฉบับเป็นลูกมะนาวไปแล้วแน่นอน เล่นร้องไห้ติดต่อกันนานขนาดนี้มีหวังขอบตาช้ำแหงๆ
"ชานยอล ฮึก ไม่ไหวแล้วอ่ะ น้ำตาไม่หยุดไหลเลย ฮึก"
"ก็ดีแล้วนี่ จะสอบแล้วไม่ใช่หรือไง" เด็กหนุ่มตอบกลับขณะนั่งสเก็ตรูปแจกันอยู่ในตึกเรียน
"แต่มันอีกตั้งสองชั่วโมง ฮึก นะ"
"แล้วให้ทำไงอ่ะ ให้ไปหาไหม?"
"พี่มาไม่ทันหรอก ฮึก"
"เทอมหน้าไม่ต้องลงเรียนวิชาการแสดงแล้วนะ วิชาบ้าอะไรทำน้องชายคนอื่นเขาร้องไห้ขนาดนี้"
"ก็มันเป็นวิชา ฮึก บังคับนี่นา"
"หยุดร้องได้แล้ว"
ชานยอลกำดินสอจนมือสั่น น้ำเสียงกับอารมณ์กำลังแสดงออกอย่างตรงข้ามกันที่สุด เขาเป็นห่วงแบคฮยอนจนอยากจะหายตัวจากตรงนี้ไปยืนปลอบคนตัวเล็กดั่งใจ
มันกลายเป็นความโมโหที่น่าจะทำอะไรสักอย่างแต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ...เพราะระยะทาง
"พี่ ฮึก น้ำมูกผมไหลด้วย"
"พี่เช็ดให้นะ..." ชานยอลลูบปลายนิ้วโป้งไปกับหัวเข่าทำเหมือนว่ามันเป็นจมูกแบคฮยอน "เสร็จแล้วครับ"
"ฮึก คิดถึงพี่จัง"
"อาทิตย์หน้าสอบเสร็จพี่ไปหานะ"
"อื้อ"
"ตอนนี้หยุดร้องก่อน ไม่อายคนหรอ"
"ไม่ ฮึก คนอื่นก็ร้อง"
"พี่ไม่อยากให้เราร้องแล้ว พอเถอะนะแบคฮยอน"
"พยายาม ฮึก อยู่"
เด็กน้อยขยี้ตาหวังให้น้ำตาหยุดไหล บริเวณที่เขายืนมีเพื่อนรุ่นเดียวกันยืนร้องไห้เต็มไปหมด ตอนแรกก็ร้องไม่ออกหรอก แต่พออาจารย์บอกว่าให้คิดถึงเรื่องที่เศร้าที่สุด เหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด หรือคนที่คิดถึงที่สุด อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาราวกับสั่งได้ แถมยังไม่ยอมหยุดอีกด้วย
"พี่เสียใจนะแบคฮยอน"
"..." เพราะเรื่องที่เศร้าที่สุด
"หยุดร้องเถอะ"
"..." เหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด
"อย่าร้องไห้เลย"
"..." และคนที่คิดถึงที่สุด
"พี่ปลอบเราไม่ได้"
...ต่างเชื่อมโยงไปที่คนเดียวกันทั้งหมด
เหตุผลที่น้ำตาเอาแต่ไหลอย่างนี้เพราะความรู้สึกมันยังถูกขังอยู่ ทุกอย่างยังคงปริ่มขอบแก้วพร้อมจะล้นตลอดเวลา
ยิ่งคิดย้อนกลับไปว่าชานยอลจะเสียใจแค่ไหนแบคฮยอนก็ยิ่งสะอื้นหนักขึ้นเท่านั้น ดวงหน้าน่ารักกลายเป็นสีแดงก่ำก่อนใครสักคนจะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้
"..."
"เก็บแรงไว้ร้องอีกสองชั่วโมงข้างหน้าดีกว่า"
"พี่จองชิน ฮึก"
"ไหล่หน่อยไหม?"
"..." คนตัวเล็กพยักหน้ารัว เก็บมือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วฝังใบหน้าเข้ากับไหล่กว้างของพี่รหัส ถึงจะรู้ว่าพี่จองชินยังคงหลงเหลือความรู้สึกนั้นอยู่ แต่ไม่มีใครอยากให้ความสัมพันธ์ที่ดีต้องจบลงเพราะเรื่องแบบนี้หรอกใช่ไหม
"เรื่องมันเศร้ามากเลยหรอ"
"..." แบคฮยอนรู้ลิมิตว่าต้องทำอะไรแค่ไหน จองชินเองก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งคู่ยังคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ ยิ่งสถานการณ์แบบนี้... แบบที่แบคฮยอนต้องการใครสักคน แล้วคนๆนั้นไม่สามารถทำได้
"เพราะรักเขามากสินะ เลยเสียใจขนาดนี้"
"..." จองชินก็ยินดีจะทำหน้าที่นั้นแทนให้
"หยุดร้องไห้เมื่อไหร่พี่จะพาไปเลี้ยงของหวาน"
"..." ไม่ใช่ในฐานะตัวแทนของใครเพราะรู้ดีว่าไม่มีใครแทนที่คนในความรู้สึกแบคฮยอนได้
"..."
"พี่ต้องรออีกสอง ฮึก ชั่วโมงนะ" แต่เขายินดีจะทำหน้าที่นี้ในฐานะของจองชิน
"กี่ชั่วโมงก็ได้เลย"
...จองชินที่เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ คอยให้ร่มเงาแก่แบคฮยอนในวันที่แสงอาทิตย์แผดเผาโลกจนทนไม่ไหว
แบคฮยอนอ่านหนังสือลากยาวตั้งแต่เมื่อวานจนเช้าเพื่อไปสอบวิชาสุดท้ายของเทอมนี้ และเหมือนเขาจะมีไข้ด้วยนิดหน่อยเพราะช่วงนี้อากาศแปรปรวนแถมยังนอนน้อยอีกต่างหาก หลังจากหมดชั่วโมงสอบร่างเล็กซื้อข้าวกลับมากินที่หอแล้วสลบไสลไปในทันทีที่หัวถึงหมอน
กลิ่นไอฝนลอดเข้ามาในห้องหลังจากบานประตูถูกแง้มออกแล้วดันปิดกลับไปเหมือนเดิม แต่คนที่ท่องความฝันคงจะเหนื่อยเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมา
นับตั้งแต่วันนี้เขามีเวลาเหลืออีกไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ ใช่แล้ว ชานยอลจะไปเรียนเนเธอร์แลนด์ตามข้อเสนอของบยอนแบคโฮ
มันไม่ใช่การตัดสินใจโดยง่ายเพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากไปซะทีเดียว แต่โอกาสในชีวิตของคนเราจะมีสักกี่ครั้ง ถ้าไม่คว้าไว้ตอนนี้อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
"แบคฮยอน..."
"..." แต่ถ้าถามว่าตอนนี้เสียใจไหม
"ตื่นมาเล่นกันเร็ว"
"..." ตอบเลยว่ามาก...
การใช้เวลาอยู่กับตัวเองทุกวันทำให้เขารู้สึกเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว มันหนักเกินไปที่จะยอมปล่อยให้ทุกอย่างทับถมอยู่บนบ่า เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องเลือกปล่อยบางสิ่งบางอย่างไป
ซึ่งสิ่งนั้นไม่ใช่แบคฮยอน ...แต่เป็นการยอมปล่อยโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันไปต่างหาก
"แบคฮยอนครับ..."
"..." ปล่อยให้ความคิดถึงเข้ามาทำงานมากขึ้น
"พี่มาหาแล้วนะ"
"..." แบคฮยอนเลื้อยเข้ามาดึงให้ร่างสูงขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกัน "ขอสิบนาที"
"อยากเล่นฝนไหม?"
"ไม่เอา ไม่ชอบ"
"ลองดู เผื่อจะชอบ"
"ไม่เอา เหมือนจะไม่สบาย"
"งั้น...เอาไว้วันไหนสบายดีแล้วลองเล่นดูนะ" ชานยอลรู้สึกชื้นตรงหน้าอกที่แบคฮยอนนอนซุกอยู่ เขาเตรียมรอยยิ้มมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ เตรียมมาเพราะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
"ไม่ไปได้ไหม?"
"..." และชานยอลก็ยังยิ้มแม้ว่าแบคฮยอนจะมองไม่เห็น
"ผมขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมา"
"ไม่เอาหน่า"
"ผมจะเป็นเด็กดีนะชานยอล ผมจะเป็นเด็กดี"
"อย่าร้องไห้" เด็กหนุ่มกลืนก้อนสะอื้นอย่างยากลำบาก เขาไม่เคยทนให้ตัวเองเฉยชาเวลาเห็นแบคฮยอนร้องไห้ได้เลย
"บอกผม..." แขนเล็กเกี่ยวกระหวัดแน่นขึ้น "บอกผมว่าพี่จะไม่ไป"
"..."
"พูดสิ"
"..."
"ว่าพี่จะไม่ไปไหน"
"..."
"พูดสิชานยอล"
"..." เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหัวใจจะยังเหมือนเดิมไหมในวันที่ร่างกายได้เจอะเจอกับอะไรที่แตกต่าง
"..."
"ขอโทษ"
"..."
"ขอโทษนะแบคฮยอน" และสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว ปล่อยให้น้ำใสกลิ้งออกจากดวงตาเป็นสาย ทั้งห้องก้องไปด้วยเสียงสะอื้นของสองพี่น้อง
แบคฮยอนรู้ว่ายังไงก็คงรั้งไว้ไม่ได้ สิ่งที่เขาต้องทำหลังจากนี้คือยอมรับและอดทนกับความเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้ตลอดไป ยกเว้นสิ่งเดียว...
"ผมรักพี่"
ความรู้สึกรัก
โชคดีที่วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แบคฮยอนกระชับหมวกใบใหม่ที่ใช้เงินเก็บตัวเองสอยมาสองใบ ใบหนึ่งอยู่บนหัวเขาส่วนอีกใบหนึ่งอยู่บนหัวชานยอล
คนตัวโตยื้อยุดอยู่กับที่ในขณะโดนอีกคนออกแรงลากให้ไปขึ้นเรือไวกิ้ง เขาเคยชอบเล่นเมื่อตอนเด็กๆแต่นี่โตแล้วแถมยังไม่ได้เล่นมานานแล้วด้วย แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลไม่ชอบความท้าทายของเครื่องเล่นพวกนี้
แต่สุดท้ายชานยอลก็ไม่สามารถท้าทายอำนาจมืดของแบคฮยอนไหว
"เกาะแน่นๆนะ" เด็กน้อยดูตื่นตาตื่นใจ
"บอกตัวเองเถอะ" จริงๆชานยอลไม่อยากให้แบคฮยอนเล่นต่างหาก หวาดเสียวขนาดนี้น้องชายเขาจะทนไหวได้ไง แบคฮยอนเป็นคนจิตใจอ่อนไหวมากแค่ไหนรู้ไหมเจ้าไวกิ้ง
"วู้ว~"
แต่ครั้งนี้ชานยอลคงคิดผิด
เสียงแหกปากกระตู้วู้ดังมาจากคนข้างๆเขานี่แหละ ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กแสบจะอารมณ์ดีเมื่อได้ตะโกนดังๆ
"เป็นเด็กเก็บกดหรือไง"
"พี่นั่นแหละเก็บกดหรือไง มาสวนสนุกก็ต้องสนุกสิ นั่งปั้นหน้าเป็นลุงขายหมูอยู่ได้"
พูดจบขาสั้นก็วิ่งไปต่อแถวเครื่องเล่นใหม่ที่เขียนชื่อไว้ว่า'ซูเปอร์สแปลซ' รับเสื้อกันฝนมาจากเจ้าหน้าที่ก่อนจะยื่นให้คนด้านหลังแล้วใส่ให้ตัวเองจนเสร็จสรรพจึงหันมาสะกิดชานยอลที่มัวแต่วุ่นวายกับการจัดทรงผมให้ถ่ายรูปด้วยกัน
ชานยอลคิดว่าตาฝาดไปซะอีกที่เห็นตัวเองในกล้องพร้อมกับแบคฮยอนที่ชูสองนิ้วแล้วยิ้มยิงฟันจนตาหยี
ทำไมมันน่ารักอย่างนี้ล่ะวะเจ้าเตี้ย!
ผ่านไปครึ่งวันพลังงานก็เริ่มหมดลง เขาลากคนตัวเล็กไปหาอะไรกินก่อนโรคกระเพาะจะถามหา แบคฮยอนเป็นเด็กแปลก ถ้าอยู่กับเขาจะกินข้าวตรงเวลาทุกมื้อ แต่เมื่อใดที่ขาดเขาไปกลายเป็นว่าหิวเมื่อไหร่ก็กินเมื่อนั้น ไม่รู้ว่าเห็นเขาเป็นนาฬิกาหรือเปล่า
"หัดดูแลตัวเองบ้างนะแบคฮยอน"
"อื้อ"
"อย่าเอาแต่พยักหน้าแล้วไม่ยอมทำตามล่ะ"
"ผมดูแลตัวเองแน่..." แขนสั้นเอื้อมหยิบน้ำอัดลมจากมือหนาไปดูด "ก็พี่ไม่อยู่ดูแลผมแล้วนี่"
"อย่าพูดอย่างนั้นสิ"
"ก็พูดความจริงอ่ะ"
"แบคฮยอน..."
"ผมอยากเล่นทอร์นาร์โด" เด็กน้อยพูดตัดบท
ชานยอลได้แต่ก้มหน้ามองพื้นแล้วเดินตามแบคฮยอนไปต่อคิว ใจหนึ่งก็อยากดึงให้มาเคลียร์กันให้รู้เรื่องแต่ก็รู้ว่าคงไม่มีทางพูดดีๆกันได้
เขาผิดเองแหละที่ดีกับแบคฮยอนเกินไปจนเคยตัว เขาก็แค่อยากให้แบคฮยอนได้รับแต่สิ่งดีๆเท่านั้นเอง
มือหนากุมมืออีกคนไว้แน่นหลังจากเล่นเครื่องเล่นจนครบ พวกเขาถือไอติมคนละแท่งแล้วเดินมานั่งตรงสวนสาธารณะเกือบถึงประตูทางออก
"อยากให้พี่ร้องเพลงให้ฟังไหม?" ชานยอลพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
จริงๆมันก็ไม่เงียบหรอกเพราะบริเวณนี้มีผู้คนเต็มไปหมด แต่ที่มันเงียบคือเพราะแบคฮยอนเงียบต่างหาก
"ไม่เอาอ่ะ ฟังเสียงพี่แล้วอึดอัด มวนๆท้อง"
เด็กหนุ่มยักไหล่ เขารู้แต่ไหนแต่ไรแล้วว่าสิ่งที่แบคฮยอนไม่ชอบที่สุดคือเสียงร้องเพลงของเขา ไม่รู้มันทุเรศเหมือนที่เจ้าตัวบอกจริงหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่เริ่มร้องเพลงไอ้ตัวเล็กจะเดินหนีไปในทันที
"อยากไปไหนอีกไหม?"
"อยากกลับบ้าน"
"ตอนนี้เนี่ยนะ"
"อื้อ แต่กลับไปเอาของที่หอก่อนนะ"
เด็กหนุ่มโปรยยิ้มหลังจากโดนฉุดมือให้ลุกขึ้น แบคฮยอนเดินนำหน้าเขาอยู่หนึ่งก้าว นั่นคือสิ่งที่ชานยอลอยากให้เป็นอยู่เสมอ เขายอมเดินตามหลังแบคฮยอนตลอดเวลา เพราะถ้าเผลอเดินนำหน้าไป อาจจะทำให้มองไม่เห็นแบคฮยอนก็ได้
มือเล็กกระชับแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนด้านหลังเดินช้าจนมือจะหลุดออกจากกัน เมฆก้อนหนาบดบังแสงจากดวงอาทิตย์พอดิบพอดี
หัวใจดวงน้อยเต้นหวิวโหวงเมื่อสัมผัสสุดท้ายเหลือแค่ปลายนิ้วก่อนที่เขาจะหยุดเดิน ชานยอลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอยู่เนิ่นนานจนแบคฮยอนเริ่มขมวดคิ้ว
"สักวัน..."
"...?..."
"ถ้าทุกอย่างมันถึงเวลา"
"..."
"พี่จะหาอะไรที่ดีกว่านี้มาให้นะ" แบคฮยอนมองมือใหญ่ที่ค่อยๆเลื้อยออกมาจากกางเกง "เอาให้ดีกว่าหัวใจบ้าๆนี่เลย"
แบคฮยอนยิ้มกว้างแล้วหยิบมือที่ทำสัญลักษณ์หัวใจของปาร์คชานยอลมาวางไว้ตรงหน้าอกด้านซ้าย แค่นิ้วชี้กับนิ้วโป้งพาดตัดกันก็มีความหมายมากมายแล้ว
"ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วชานยอล"
"..."
"ไม่มีอะไรดีไปกว่าพี่อีกแล้ว"
ทุกอย่างกำลังไปได้สวย...แต่นาฬิกากำลังนับถอยหลัง
และวันนี้คืออีกวันสำคัญที่สุดที่แบคฮยอนจะจดจำไปตลอดชีวิต เขาเตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพื่อวันนี้วันเดียว
...วันเกิดครั้งแรกของชานยอล
ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะชานยอลเอาแต่เตรียมเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ ...วันมะรืนเขาจะบินแล้ว
ใจดวงน้อยห่อเหี่ยวกว่าลูกโป่งถูกทิ้งร้างแต่ก็ยังพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หลายวันที่ผ่านมาเขากอบโกยความสุขได้มากมาย และถือโอกาสเที่ยวเล่นระหว่างปิดเทอมไปด้วย
มันเป็นปิดเทอมสั้นๆไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่แบคฮยอนจะต้องอยู่กับปิดเทอมที่เหลืออีกประมาณสองอาทิตย์คนเดียว
"น่าเศร้าเนอะ"
"หืม?"
"ผมแค่คิดว่าพี่จะอยากอยู่กับผมซะอีก"
"อยากอยู่สิ"
"ไม่จริงอ่ะ"
"...แบคฮยอน" ชานยอลละความสนใจจากแผ่นกระดาษสีขาวจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาล "ตอนนี้พี่ไม่มีอะไรสักอย่างเลย พี่ไม่ยอมให้ใครต้องมาลำบากเพราะพี่หรอก...โดยเฉพาะเรา"
"ตอนนี้ผมลำบากตรงไหนหรอ"
"ตอนนี้อาจจะไม่ แต่อนาคต...ถ้าตอนนั้นเรายังเลือกพี่น่ะนะ"
"ทำไมไม่ให้ผมดูแลพี่บ้างล่ะ"
"พี่ก็อยากทำอย่างนั้น..." ปากหยักยกยิ้ม "แล้วครอบครัวเราล่ะ ป๊ากับม๊าล่ะ แบคฮยอนเลี้ยงเราสามคนไม่ไหวหรอก"
"ทำไมป๊าทำกับผมอย่างนี้อ่ะ" เจ้าตัวเล็กเริ่มก้มหน้าลง เป็นสัญญาณเตือนให้คนพี่เขยิบเข้าไปใกล้แล้วแบ่งไหล่ข้างหนึ่งให้ซบ "ผมยอมไม่เรียนที่เดียวกับพี่เพราะป๊าแล้ว ทำไมยังให้พี่ไปเรียนที่อื่นอีก"
"ป๊ามีเหตุผลหน่า เชื่อพี่เหอะ"
"แต่ผมไม่ชอบเหตุผลป๊าเลย"
"พี่ก็ไม่ชอบ แต่ป๊าคือป๊า พี่ต้องทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนป๊ากับม๊า"
"พี่ชานยอล..."
"เข้าใจพี่หน่อยนะแบคฮยอน"
เก๊ง~ เก๊ง~ เก๊ง~
เสียงนาฬิกาดังเตือนเวลาเที่ยงคืนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยิน ไฟในบ้านดับพรึ่บพร้อมกันหมดทุกดวง ร่างสูงหันมองทางหน้าต่างเมื่อเห็นแสงไฟสะท้อนจากด้านนอก เสียงปลดล็อคประตูดังแกร๊กทำให้เขายันตัวขึ้นบังร่างเล็กไว้
สัญชาติญาณมันบอกว่าอาจจะมีเหตุการณ์อันตรายบางอย่างและเขาจะต้องปกป้องแบคฮยอนก่อน
ปัง!
"แซงอิลชุกคาฮัมนีดา~ แซงอิลชุกคาฮัมนีดา~"
เศษกระดาษจากพลุเล็กๆในมือดงอุนกระจายไปทั่วก่อนแสงไฟที่ว่าจะเคลื่อนเข้ามาใกล้
"ซารังฮานึนชานยอลอี~ แซงอิลชุกคาฮัมนีดา~"
หัวใจเขาเต้นรัวกว่าทุกครั้งที่รู้ว่าเป็นวันเกิด เพราะครั้งนี้มันต่างออกไป มันไม่ใช่วันเกิดที่เขาเป็นพี่แบคฮยอน แต่มันคือวันเกิดที่เขาเป็นน้อง และชานยอลก็อายุสิบเก้าจริงๆเสียที
หลังจากอธิษฐานและเป่าเทียนดับไฟก็สว่างขึ้น เพราะมัวแต่สนใจเค้กทำให้หันมาอีกทีด้านหลังก็เต็มไปด้วยรูปภาพที่ถูกห้อยติดกับลูกโป่งอัดแก๊ส
'Chanyeol's Day'
ชานยอลในอริยาบทต่างๆที่พอจำได้ว่าช่วงนั้นคือตอนแบคฮยอนกลับมาบ้านบ่อยๆก่อนสอบ และอะไรสักอย่างที่แบคฮยอนทำคือการเตรียมเซอร์ไพรส์วันเกิดเขานั่นเองหรอ น่ารักจัง
"ขอบคุณนะ"
แบคฮยอนประสานงานกับทุกฝ่ายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เขาย้ำเซฮุนกับคยองซู ทีมพลอยทั้งเจ็ดคนรวมถึงฮเยจองที่เป็นน้องสนิทของทีมด้วยว่าต้องทำอะไรบ้าง จะเว้นก็แต่เบนดิกกับมาร์ตินที่อยู่ไกลไปหน่อย เพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงไม่มีอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อย
ป๊ากับม๊าเองเตรียมอาหารทุกอย่างไว้สำหรับวันสำคัญของลูกชายคนโตที่อายุน้อยกว่าคนเล็กหนึ่งปี บ้านทั้งหลังวุ่นวายไปหมดเพราะในนี้มีแต่เด็กซน
หลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะพูดคุยและปาร์ตี้กันเสร็จ แบคฮยอนลองนับกล่องของขวัญที่กองรวมกันจนล้นโต๊ะเหมือนเด็กเห่อของเล่น
เขาตื่นเต้นไปซะหมดแค่คิดว่ามันเป็นวันเกิดชานยอล ...และเพราะมันเป็นวันเกิดชานยอลนั่นแหละมันถึงสำคัญต่อหัวใจมากๆ
"ทำไมมีสิบห้ากล่อง" ทั้งที่มันควรจะมีแค่สิบสี่กล่องเท่ากับจำนวนคนที่ตระเตรียมไว้
"ผีหลอกชัวร์" ฝาแฝดสุดแสบของงานพูดออกมาพร้อมกัน
"มึงก็ชอบพูดถึงแต่เรื่องผี"
"กลัวก็บอกไอ้ฮยอนซึง" แฝดพี่ถีบขาเก้าอี้เพื่อนจนหัวสั่นหัวคลอน
"กูไม่ใช่ไอ้ฝรั่งนะ ที่จะให้มึงมาหลอกผีบ้าบออะไรนั่นน่ะ"
"งั้นก็หาสิว่าของใคร"
"ไม่ต้องหรอก..." มินซอกโพล่งออกมาจากด้านหลังก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมคนตัวสูงคุ้นตา ถ้าในงานมีคนเยอะกว่านี้รับรองว่าเสียงซุบซิบจะต้องกระหึ่มกว่าเสียงเพลงจากลำโพง "กูเป็นคนบอกมันเองว่าวันนี้วันเกิดมึง"
"..." ชานยอลชักสีหน้าทันทีที่เห็นว่าคนนั้นคือคริส ทำไมเขาจึงตัดมันออกจากวงจรชีวิตอย่างถาวรไม่ได้สักที
"แฮปปี้เบิร์ดเดย์"
"มาทำไม"
"มีความสุขมากๆนะ"
"กูมีแน่..."
แบคฮยอนบีบต้นแขนแกร่งเรียกความสนใจในขณะที่ขายาวก้าวไปข้างหน้าพร้อมหมัดจากมือด้านซ้าย เมื่อชานยอลหันมาจ้องตาเขาจึงส่ายหัวให้หยุดพูดประโยคต่อไปที่น่าจะทำร้ายจิตใจคริสอย่างที่เดาทางไว้ "วันนี้วันดีนะ"
ชานยอลถอนหายใจรุนแรง จ้องเขม็งไปที่เด็กหนุ่มชาวต่างชาติตัวสูง "...ขอบใจ"
กัดฟันพูดแล้วเดินออกจากที่ตรงนั้นไปนั่งสงบสติอารมณ์ ทำไมทุกคนต้องเชียร์ให้เขาคืนดีกับมันด้วย ทำไมต้องเอามันมาในงานวันเกิดแรกของเขาด้วย ทั้งๆที่วันนี้มันควรจะเป็นวันดี แต่สุดท้ายแล้ววันนี้มันก็เป็นวันที่ 'เกือบดี' ต่างหาก!!
"ทานอะไรมาหรือยังลูก" ป๊ากับม๊าดีใจที่ได้เจอคริสอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี ท่านรู้ว่าตอนเด็กทั้งสองคนสนิทกันแค่ไหนและรู้ว่าตอนโตเกลียดกันแค่ไหน ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งชานยอลจะยอมใจอ่อนให้คริสบ้างนะ
ทุกคนทยอยกลับหลังจากช่วยกันเก็บกวาดข้าวของ ทิ้งไว้แต่เศษซากอารยธรรมไว้ให้เจ้าของวันเกิดจัดการ ชานยอลยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องนอนตัวเองมองคนตัวเล็กที่ง่วนอยู่กับการแกะห่อของขวัญ
เขาไม่หวงหรอกถ้าแบคฮยอนเป็นคนแกะของพวกนั้น ต่อให้มันเป็นของสำคัญมากแค่ไหนก็เถอะ เพราะชานยอลถือว่าของของเขาก็เหมือนของของเรา
'เรา' ในที่นี้ที่หมายถึงแบคฮยอนกับชานยอลเท่านั้นไง
"กล่องไหนของขวัญเรา?" ขายาวก้าวเข้าไปในห้อง นั่งยองลงด้านหน้าไอ้เด็กแสบ กลิ่นครีมอาบน้ำที่โชยมาจากต้นขาแบคฮยอนทำเอาลมแทบจับ
"ให้ทาย"
"อืม..." เด็กหนุ่มทำท่าครุ่นคิด จ้องมองไปยังกล่องขนาดพอๆกันบนเตียง "อันนั้น"
ชี้ไปที่กล่องเล็กสุดสีเหลืองอย่างไม่ลังเล แค่รู้ว่าคนอื่นไม่น่าจะเอากระดาษสีเหลืองมาห่อเป็นของขวัญให้ตนยกเว้นแบคฮยอนก็เท่านั้น
"ถูก!" ร่างเล็กหยิบขึ้นมาแนบอก "จะเปิดเองหรือจะให้ผมเปิด"
"เลือกสิ ยังไงปลายทางก็เหมือนกันอยู่แล้ว"
มือเล็กค่อยๆดึงฝาครอบออกทีละนิด ชานยอลย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งบนเตียง ชะโงกหน้าเข้าไปมองแต่น้องชายตัวเล็กดันขยับหนี ยิ่งทำให้เขาลุ้นมากขึ้นไปอีกว่าแบคฮยอนจะให้อะไรสำหรับงานวันเกิดครั้งแรกของเขา
"..."
"อย่าช้าสิ" เด็กหนุ่มลุ้นจนตัวโก่งแทนขา
"จะรีบไปไหนเล่า ผมตื่นเต้นนะ"
"แล้วคิดว่าพี่ไม่ตื่นเต้นหรือไง"
"หลับตา" ...นั่น! มีสั่งด้วย
"..." ชานยอลปิดเปลือกตาลงช้าๆ กำหนดลมหายใจตัวเองอยู่พักใหญ่จนแบคฮยอนคว้ามือเขาไปจับแล้วแนบลงกับแก้มนิ่มทั้งสองข้าง เสียงหัวใจเขาเต้นชัดมาก ชัดเกินไป
"ลืมได้" โบว์สีแดงบนคอระหงส์ทำใบหน้าคนมองร้อนผ่าว "เป็นไง ของขวัญผม ชอบไหม"
"ให้หูกระต่ายพี่หรอ"
"อย่าทำเป็นแกล้งโง่ปาร์คชานยอล"
"..." ไอ้เด็กคนนี้กำลังจะทำอะไร ชานยอลจ้องดวงหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อแล้วได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นเลื่อนลงตามแนว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าการที่แบคฮยอนเข้าใกล้มากขึ้นทุกที
"ให้ผมเป็นของขวัญพี่นะ"
TBC.
#หัวไม้ชานแบค
เราเปิดโอนเงินแล้วนะทุกคลลลลลลล
ของแถมได้เหมือนกันหมดนะ
มี2อย่าง
https://docs.google.com/forms/d/1NU2kbz9Wli2dN80ooTxWW2G-tgP-ufxBtdsDmmH2ScE/viewform
/แต่ตอนนี้เรางงมากว่าเด็กดีเป็นอะไร เหมือนมันรวนๆ แง/
รอฉากคัทกันหรอ คริ
น้องแบ้กนางแรดอ่ะ
ไปละ
ช่วงนี้จะสอบมิดเทอม
มาช้าหน่อยโปรดให้อภัยด้วย
ความคิดเห็น