ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #30 : หัวไม้ : 25 {100%}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.44K
      7
      10 ต.ค. 58

         

     

     

     

     

    [ชานยอล ป๊าบอกให้พี่ย้ายไปเรียนเนเธอร์แลนด์หรอ] วันนี้วันเสาร์ และแบคฮยอนก็โทรมาปลุกพี่ชายตั้งแต่เช้าเหมือนทุกครั้งที่ยังอยู่ด้วยกัน

     

    "อือ"

     

    [ทำไมพี่ไม่บอกกันบ้างล่ะ]

     

    "ก็พี่ยังไม่ให้คำตอบป๊าว่าจะไปหรือไม่ไป" คนตัวสูงหายใจเข้าออกลึก เขาเพิ่งได้นอนไปไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่แทนที่เขาจะหงุดหงิดริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างบางเบา

     

    [ผมไม่ให้พี่ไปหรอก ได้ยินไหมว่าผมไม่ให้พี่ไป!]

     

    แล้วไอ้เด็กแสบก็ตัดสายไปเสียดื้อๆ ดื้อสมกับเป็นมันจริงๆ

     

    ส่วนคนที่หมดเรี่ยวหมดแรงไปกับการทำงานก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราต่อจนถึงช่วงบ่าย ชานยอลตื่นขึ้นมาด้วยความสับสนว่าแบคฮยอนโทรมาจริงๆหรือเขาฝันกันแน่ แต่บันทึกสายโทรเข้าก็ชัดเจนว่าไอ้เด็กน้อยมันรู้แล้วว่าป๊าจะให้ไปเรียนต่างประเทศ

     

    ชานยอลไม่ค่อยสบาย ปวดเนื้อปวดตัวทำให้วันนั้นทั้งวันเขาเอาแต่นอนซมอยู่ในห้อง เสียงเปิดประตูรั้วดังเข้าโสตประสาท แบคฮยอนผลุนผลันเข้ามานั่งบนเตียง

     

    "ทำไมไม่เล่าให้ผมฟัง"

     

    "มายังไงเนี่ย"

     

    "ผมจะร้องไห้แล้วนะ"

     

    "ร้องทำไม ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่ให้คำตอบป๊า"

     

    "แต่ถ้าพี่ไป..." ร่างเล็กหลั่งน้ำตา "แล้วผมล่ะ"

     

    ทำไมไม่รู้เขาถึงคิดว่าเหตุการณ์นี้มันดีกับหัวใจเหลือเกิน

     

    "..." เหมือนแบคฮยอนรั้งเขาอยู่ยังไงยังงั้น

     

    "แล้วแบคฮยอนล่ะชานยอล" ร่างเล็กทำหน้างอแงเขย่าพี่ชายเพื่อคั้นคำตอบ ถ้าม๊าไม่เล่าให้ฟังชานยอลจะบอกเขาไหม ทำแบบนี้อีกแล้วนะ ปล่อยให้เขารู้ทุกอย่างเป็นคนสุดท้ายอีกแล้ว

     

    "ทำไงดีล่ะ"

     

    "ไม่เล่นแล้วนะชานยอล ป๊าอยากให้พี่ไปมากๆ"

     

    "ไม่อยากให้พี่ไปหรอ"

     

    "ก็ใช่น่ะสิ..." แบคฮยอนซุกหน้าเข้ากับอกแกร่ง "ผมไม่อยากห่างจากพี่ไปมากกว่านี้แล้ว"

     

    ดีเหลือเกิน... ทุกอย่างมันดีเหลือเกิน แถมการใช้ร่างกายเป็นตัวสื่อความรู้สึกมันเหมือนทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นด้วย ชานยอลชัดเจนมากขึ้นและแบคฮยอนเองก็ชัดเจนเหมือนกัน

     

    ชัดเจนในที่นี้หมายถึงชัดเจนในความรู้สึก เรารักกันโดยเปิดเผยซึ่งกันและกัน แม้จะไม่พูดแต่แค่มองตาก็เข้าใจ

     

    เกือบเดือนแล้วที่ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี คืนที่ถูกร่างเล็กจู่โจมเขาแทบควบคุมสติไว้ไม่อยู่เกือบจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำไปแล้ว แต่แบคฮยอนยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่รู้สิ...ถึงแบคฮยอนจะอายุมากกว่าเขาหนึ่งปีแต่แบคฮยอนก็ยังเด็กในสายตาอยู่ดี

     

    'ผมไม่ได้ตั้งใจนะ มันไปเองอ่ะ'

     

    และนั่นคือคำพูดแรกที่ไอ้ตัวน้อยผละริมฝีปากออกมา แก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อ หน่วยตาคลอไปด้วยน้ำใส

     

    เสียงทุ้มหลุดหัวเราะ เขานาบฝ่ามือไว้กับใบหน้าเล็กเพื่อให้แบคฮยอนตั้งสติ ชานยอลชอบการกระทำที่หลุดออกมาจากจิตใต้สำนึก แบคฮยอนจะอยากจูบเขามานานแค่ไหนแล้วเนี่ยถึงพุ่งมาได้ขนาดนี้

     

    ชานยอลลงโทษเรื่องที่แบคฮยอนเอาแหวนของ 'เราไปให้คนอื่นใส่โดยไม่ได้รับอนุญาต ลิ้นเล็กหยอกล้อกลับเป็นบางจังหวะ กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วปากตอนที่ความแข็งของฟันบดเบียดเนื้อนุ่มหยุ่นจนเลือดซิบเพราะความหมั่นเขี้ยว อ่า...ชานยอลจูบแบคฮยอนจนปากแตกเลยแหละ

     

    "..."

     

    "อย่าไปไหนเลยนะชานยอล"

     

    ...เด็กคนนี้ทำดีที่สุดคือเรื่องออดอ้อนสินะ ทุกครั้งที่ได้สัมผัสอารมณ์แบบนี้เขาจะคิดเสมอว่าน่ารักไม่ได้แปลว่าน่ารักน่าเอ็นดูหรือน่าชื่นชอบ แต่น่ารักในพจนานุกรมของชานยอลคือ 'บยอนแบคฮยอน' ต่างหาก

     

    แบคฮยอนต่างหากที่น่ารักสำหรับชานยอล

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ชานยอลจ๋า แบคฮยอนมาแล้ว" เสียงใสแจ๋วดังตั้งแต่รั้วประตูถึงห้องครัว

     

    ช่วงนี้แบคฮยอนทำตัวแปลกๆ ใกล้สอบไฟนอลด้วยแล้วชานยอลยิ่งไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับมานอนที่บ้านเข้าไปใหญ่ แต่แบคฮยอนก็ยังคะยั้นคะยอขอกลับบ้านบ่อยๆจนเขาเองต้องหอบข้าวหอบของเอางานกลับมาทำที่บ้านบ่อยๆเช่นกัน

     

    และแม้ว่าระยะทางจากหอพักแบคฮยอนมาถึงบ้านจะไม่เป็นใจก็ตาม แต่เด็กน้อยของเขาก็ยอมเหนื่อยขึ้นมาซะงั้น เหมือนแบคฮยอนกำลังทำอะไรสักอย่าง...อะไรสักอย่างที่ชานยอลไม่มีทางรู้ได้จนกว่าแบคฮยอนจะบอกให้รู้

     

    "แบคฮยอน ไม่เหนื่อยหรอ"

     

    "ไม่เห็นจะเหนื่อยเลย" เจ้าเด็กเล็กก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ปริปากตอบกลับคำถามจากคนเป็นพี่ แบคฮยอนเพิ่งถึงบ้านเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี่เองหลังจากรีบกระโดดขี้นรถทันทีตอนเลิกเรียน

     

    เขาไม่อยากให้แบคฮยอนเดินทางคนเดียวเพราะกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยกับคราวก่อน แต่แบคฮยอนเป็นแบคฮยอนนี่นะ เขาจะไปห้ามอะไรได้ล่ะ นอกจากห้ามตัวเองไม่ให้เผลอดุออกไปน่ะ

     

    "บอกพี่ได้ไหมว่าเป็นอะไร"

     

    "ผมไม่ได้เป็นอะไร" เสียงตอบกลับทันควันเหมือนเครื่องตอบรับอัตโนมัติที่เซ็ทโปรแกรมมาอย่างดี

     

    "แล้วทำไมกลับมาบ้านบ่อยอย่างนี้ ช่วงนี้จะสอบแล้วนะ"

     

    "ก็..." เจ้าตัววางสมาร์ทโฟนคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะ "คิดถึง"

     

    ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักคนขายาว เปิดปากหาวหวอดจนน้ำหูน้ำตาไหล จริงๆแล้วแบคฮยอนเหนื่อย เหนื่อยมากเลยด้วย การนั่งรถจากมหา'ลัยกลับบ้านเกือบทุกวันหลังเลิกเรียนแล้วนั่งกลับไปตอนเช้าก่อนมีเรียนมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย

     

    แต่เพราะแบคฮยอนไม่อยากปล่อยให้ชานยอลอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมาอีก เอาเถอะ...ในเมื่อตอนนี้เขาก็อยู่ตรงนี้กับชานยอลแล้ว เขาจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปแบบเปล่าประโยชน์ในตอนนั้นให้มากที่สุดก็แล้วกัน

     

    "..."

     

    "ไม่ได้หรือไง"

     

    "..." ชานยอลดีดหน้าผากน้องชายจนเกิดเสียงป๊อก "ไอ้ได้น่ะมันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องนั่งไปนั่งกลับบ่อยแบบนี้หรอก"

     

    "ไม่เอาอ่ะ ผมอยากให้พี่เปลี่ยนใจ"

     

    "เปลี่ยนใจเรื่องอะไร"

     

    เด็กน้อยเด้งตัวขึ้นนั่งมองตาแป๋ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่แบคฮยอนน่ารักได้ขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า หรือตั้งแต่ที่เขาจดจำใบหน้าแบคฮยอนได้ ตั้งแต่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วจนกลายเป็นเสียงโปรด กลิ่นหอมกลิ่นโปรด ระดับความสูงระดับโปรด สีผิวโปรด

     

    หรือเพราะแบคฮยอนเป็น...คนโปรด

     

    "ผมอยากให้พี่ปฏิเสธป๊า"

     

    "..."

     

    แบคฮยอนเป็นคนโปรดของชานยอล

     

     

     

    สิ่งเหล่านั้นหลอมละลายความรักให้ติดแน่น เขายอมให้มันพอกพูนขึ้นทุกวันเหมือนเทียนที่มอดไหม้ตัวเองแล้วผลิตน้ำตาจนความเป็นเทียนหายไป พยายามแกะแคะน้ำตาเทียนเท่าไหร่ก็ไม่หลุดออกจากหัวใจสักที สิ่งเหล่านั้นที่ติดอยู่กับเขา

     

    "ผมไม่อยากให้พี่ไป"

     

    "..."

     

    ...สิ่งเหล่านั้นที่เป็นตัวตนของแบคฮยอน

     

    "..."

     

    "ถ้าพี่ไปมันจะแย่ขนาดนั้นเลยหรอ"

     

    แบคฮยอนที่ติดอยู่กับหัวใจชานยอลตลอดเวลา

     

    "แย่สิ ผมต้องแย่แน่ๆ"

     

    บทเรียนที่ผ่านมาได้สอนให้รู้ว่า ยิ่งพยายามแกะแบคฮยอนออกเท่าไหร่ ของเหลวสีแดงก็ตามมาหลังจากเกิดความเจ็บปวดเท่านั้น

     

    "อายุเท่าไหร่แล้วแบคฮยอน"

     

    "สิบแปด"

     

    "สิบแปดนั่นมันอายุของเรา แต่อายุจริงยี่สิบแล้วนะ"

     

    "อ่า..." แบคฮยอนเกาแก้มจนนึกว่าเป็นขี้กลาก เพราะกำลังสงสัยว่าทำไมชานยอลต้องพูดว่าอายุของเราด้วย แง

     

    "ยี่สิบแล้ว"

     

    จริงๆที่ชานยอลต้องมาสวมบทเป็นพี่ชายเพราะอะไรหรอ

     

    "อย่าย้ำน่า"

     

    เพราะความจำเป็น เพราะความเหมาะสม

     

    "โตได้แล้วนะครับ พี่แบคฮยอน"

     

    หรือเพราะชานยอลเป็นพี่ชายเพื่อให้แบคฮยอนอ้อนกันนะ

     

    ไม่แน่นะ...วันไหนชานยอลหันมาอ้อนแบคฮยอนในฐานะพี่ชายบ้างขึ้นมา ถึงเวลานั้นแบคฮยอนอาจจะเสพติดการถูกอ้อนไปเลยก็ได้

     

    "ก็พี่แบคฮยอน..." ร่างเล็กสวมกอดเอวอีกคนไว้หลวมๆ "รักน้องชานยอลนี่นา"

     

    "..." เหมือนเข็มนาฬิกาถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวไว้ไม่ให้เดินต่อ เมื่อเข็มวินาทีไม่ทำงาน เข็มนาทีรวมถึงเข็มชั่วโมงก็พลอยหยุดไปด้วย ...เช่นเดียวกับระบบภายในของปาร์คชานยอล


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงสะอื้นฮักดังมาจากโทรศัพท์ ชานยอลนั่งฟังน้องชายเล่านิทานมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ซึ่งสิ่งที่แบคฮยอนกำลังทำอยู่คือซ้อมบทละครของวิชาเรียนที่ต้องสอบปฏิบัติในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

     

    ให้เดาว่าตอนนี้ไอ้เด็กแสบของเขาต้องเปลี่ยนตาขีดๆตามแบบฉบับเป็นลูกมะนาวไปแล้วแน่นอน เล่นร้องไห้ติดต่อกันนานขนาดนี้มีหวังขอบตาช้ำแหงๆ

     

    "ชานยอล ฮึก ไม่ไหวแล้วอ่ะ น้ำตาไม่หยุดไหลเลย ฮึก"

     

    "ก็ดีแล้วนี่ จะสอบแล้วไม่ใช่หรือไง" เด็กหนุ่มตอบกลับขณะนั่งสเก็ตรูปแจกันอยู่ในตึกเรียน

     

    "แต่มันอีกตั้งสองชั่วโมง ฮึก นะ"

     

    "แล้วให้ทำไงอ่ะ ให้ไปหาไหม?"

     

    "พี่มาไม่ทันหรอก ฮึก"

     

    "เทอมหน้าไม่ต้องลงเรียนวิชาการแสดงแล้วนะ วิชาบ้าอะไรทำน้องชายคนอื่นเขาร้องไห้ขนาดนี้"

     

    "ก็มันเป็นวิชา ฮึก บังคับนี่นา"

     

    "หยุดร้องได้แล้ว"

     

    ชานยอลกำดินสอจนมือสั่น น้ำเสียงกับอารมณ์กำลังแสดงออกอย่างตรงข้ามกันที่สุด เขาเป็นห่วงแบคฮยอนจนอยากจะหายตัวจากตรงนี้ไปยืนปลอบคนตัวเล็กดั่งใจ

     

    มันกลายเป็นความโมโหที่น่าจะทำอะไรสักอย่างแต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ...เพราะระยะทาง

     

    "พี่ ฮึก น้ำมูกผมไหลด้วย"

     

    "พี่เช็ดให้นะ..." ชานยอลลูบปลายนิ้วโป้งไปกับหัวเข่าทำเหมือนว่ามันเป็นจมูกแบคฮยอน "เสร็จแล้วครับ"

     

    "ฮึก คิดถึงพี่จัง"

     

    "อาทิตย์หน้าสอบเสร็จพี่ไปหานะ"

     

    "อื้อ"

     

    "ตอนนี้หยุดร้องก่อน ไม่อายคนหรอ"

     

    "ไม่ ฮึก คนอื่นก็ร้อง"

     

    "พี่ไม่อยากให้เราร้องแล้ว พอเถอะนะแบคฮยอน"

     

    "พยายาม ฮึก อยู่"

     

    เด็กน้อยขยี้ตาหวังให้น้ำตาหยุดไหล บริเวณที่เขายืนมีเพื่อนรุ่นเดียวกันยืนร้องไห้เต็มไปหมด ตอนแรกก็ร้องไม่ออกหรอก แต่พออาจารย์บอกว่าให้คิดถึงเรื่องที่เศร้าที่สุด เหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด หรือคนที่คิดถึงที่สุด อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาราวกับสั่งได้ แถมยังไม่ยอมหยุดอีกด้วย

     

    "พี่เสียใจนะแบคฮยอน"

     

    "..." เพราะเรื่องที่เศร้าที่สุด

     

    "หยุดร้องเถอะ"

     

    "..." เหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด

     

    "อย่าร้องไห้เลย"

     

    "..." และคนที่คิดถึงที่สุด

     

    "พี่ปลอบเราไม่ได้"

     

    ...ต่างเชื่อมโยงไปที่คนเดียวกันทั้งหมด

     

     

    เหตุผลที่น้ำตาเอาแต่ไหลอย่างนี้เพราะความรู้สึกมันยังถูกขังอยู่ ทุกอย่างยังคงปริ่มขอบแก้วพร้อมจะล้นตลอดเวลา

     

    ยิ่งคิดย้อนกลับไปว่าชานยอลจะเสียใจแค่ไหนแบคฮยอนก็ยิ่งสะอื้นหนักขึ้นเท่านั้น ดวงหน้าน่ารักกลายเป็นสีแดงก่ำก่อนใครสักคนจะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้

     

    "..."

     

    "เก็บแรงไว้ร้องอีกสองชั่วโมงข้างหน้าดีกว่า"

     

    "พี่จองชิน ฮึก"

     

    "ไหล่หน่อยไหม?"

     

    "..." คนตัวเล็กพยักหน้ารัว เก็บมือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วฝังใบหน้าเข้ากับไหล่กว้างของพี่รหัส ถึงจะรู้ว่าพี่จองชินยังคงหลงเหลือความรู้สึกนั้นอยู่ แต่ไม่มีใครอยากให้ความสัมพันธ์ที่ดีต้องจบลงเพราะเรื่องแบบนี้หรอกใช่ไหม

     

    "เรื่องมันเศร้ามากเลยหรอ"

     

    "..." แบคฮยอนรู้ลิมิตว่าต้องทำอะไรแค่ไหน จองชินเองก็เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งคู่ยังคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ ยิ่งสถานการณ์แบบนี้... แบบที่แบคฮยอนต้องการใครสักคน แล้วคนๆนั้นไม่สามารถทำได้

     

    "เพราะรักเขามากสินะ เลยเสียใจขนาดนี้"

     

    "..." จองชินก็ยินดีจะทำหน้าที่นั้นแทนให้

     

    "หยุดร้องไห้เมื่อไหร่พี่จะพาไปเลี้ยงของหวาน"

     

    "..." ไม่ใช่ในฐานะตัวแทนของใครเพราะรู้ดีว่าไม่มีใครแทนที่คนในความรู้สึกแบคฮยอนได้

     

    "..."

     

    "พี่ต้องรออีกสอง ฮึก ชั่วโมงนะ" แต่เขายินดีจะทำหน้าที่นี้ในฐานะของจองชิน

     

    "กี่ชั่วโมงก็ได้เลย"

     

    ...จองชินที่เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ คอยให้ร่มเงาแก่แบคฮยอนในวันที่แสงอาทิตย์แผดเผาโลกจนทนไม่ไหว

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนอ่านหนังสือลากยาวตั้งแต่เมื่อวานจนเช้าเพื่อไปสอบวิชาสุดท้ายของเทอมนี้ และเหมือนเขาจะมีไข้ด้วยนิดหน่อยเพราะช่วงนี้อากาศแปรปรวนแถมยังนอนน้อยอีกต่างหาก หลังจากหมดชั่วโมงสอบร่างเล็กซื้อข้าวกลับมากินที่หอแล้วสลบไสลไปในทันทีที่หัวถึงหมอน

     

    กลิ่นไอฝนลอดเข้ามาในห้องหลังจากบานประตูถูกแง้มออกแล้วดันปิดกลับไปเหมือนเดิม แต่คนที่ท่องความฝันคงจะเหนื่อยเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมา

     

    นับตั้งแต่วันนี้เขามีเวลาเหลืออีกไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ ใช่แล้ว ชานยอลจะไปเรียนเนเธอร์แลนด์ตามข้อเสนอของบยอนแบคโฮ

     

    มันไม่ใช่การตัดสินใจโดยง่ายเพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากไปซะทีเดียว แต่โอกาสในชีวิตของคนเราจะมีสักกี่ครั้ง ถ้าไม่คว้าไว้ตอนนี้อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

     

    "แบคฮยอน..."

     

    "..." แต่ถ้าถามว่าตอนนี้เสียใจไหม

     

    "ตื่นมาเล่นกันเร็ว"

     

    "..." ตอบเลยว่ามาก...

     

     

    การใช้เวลาอยู่กับตัวเองทุกวันทำให้เขารู้สึกเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว มันหนักเกินไปที่จะยอมปล่อยให้ทุกอย่างทับถมอยู่บนบ่า เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องเลือกปล่อยบางสิ่งบางอย่างไป

     

    ซึ่งสิ่งนั้นไม่ใช่แบคฮยอน ...แต่เป็นการยอมปล่อยโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันไปต่างหาก

     

     

    "แบคฮยอนครับ..."

     

    "..." ปล่อยให้ความคิดถึงเข้ามาทำงานมากขึ้น

     

    "พี่มาหาแล้วนะ"

     

    "..." แบคฮยอนเลื้อยเข้ามาดึงให้ร่างสูงขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกัน "ขอสิบนาที"

     

    "อยากเล่นฝนไหม?"

     

    "ไม่เอา ไม่ชอบ"

     

    "ลองดู เผื่อจะชอบ"

     

    "ไม่เอา เหมือนจะไม่สบาย"

     

    "งั้น...เอาไว้วันไหนสบายดีแล้วลองเล่นดูนะ" ชานยอลรู้สึกชื้นตรงหน้าอกที่แบคฮยอนนอนซุกอยู่ เขาเตรียมรอยยิ้มมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ เตรียมมาเพราะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น

     

    "ไม่ไปได้ไหม?"

     

    "..." และชานยอลก็ยังยิ้มแม้ว่าแบคฮยอนจะมองไม่เห็น

     

    "ผมขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมา"

     

    "ไม่เอาหน่า"

     

    "ผมจะเป็นเด็กดีนะชานยอล ผมจะเป็นเด็กดี"

     

    "อย่าร้องไห้" เด็กหนุ่มกลืนก้อนสะอื้นอย่างยากลำบาก เขาไม่เคยทนให้ตัวเองเฉยชาเวลาเห็นแบคฮยอนร้องไห้ได้เลย

     

    "บอกผม..." แขนเล็กเกี่ยวกระหวัดแน่นขึ้น "บอกผมว่าพี่จะไม่ไป"

     

    "..."

     

    "พูดสิ"

     

    "..."

     

    "ว่าพี่จะไม่ไปไหน"

     

    "..."

     

    "พูดสิชานยอล"

     

    "..." เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหัวใจจะยังเหมือนเดิมไหมในวันที่ร่างกายได้เจอะเจอกับอะไรที่แตกต่าง

     

    "..."

     

    "ขอโทษ"

     

    "..."

     

    "ขอโทษนะแบคฮยอน" และสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว ปล่อยให้น้ำใสกลิ้งออกจากดวงตาเป็นสาย ทั้งห้องก้องไปด้วยเสียงสะอื้นของสองพี่น้อง

     

    แบคฮยอนรู้ว่ายังไงก็คงรั้งไว้ไม่ได้ สิ่งที่เขาต้องทำหลังจากนี้คือยอมรับและอดทนกับความเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้ตลอดไป ยกเว้นสิ่งเดียว...

     

    "ผมรักพี่"

     

    ความรู้สึกรัก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    โชคดีที่วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แบคฮยอนกระชับหมวกใบใหม่ที่ใช้เงินเก็บตัวเองสอยมาสองใบ ใบหนึ่งอยู่บนหัวเขาส่วนอีกใบหนึ่งอยู่บนหัวชานยอล

     

    คนตัวโตยื้อยุดอยู่กับที่ในขณะโดนอีกคนออกแรงลากให้ไปขึ้นเรือไวกิ้ง เขาเคยชอบเล่นเมื่อตอนเด็กๆแต่นี่โตแล้วแถมยังไม่ได้เล่นมานานแล้วด้วย แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลไม่ชอบความท้าทายของเครื่องเล่นพวกนี้

     

    แต่สุดท้ายชานยอลก็ไม่สามารถท้าทายอำนาจมืดของแบคฮยอนไหว

     

    "เกาะแน่นๆนะ" เด็กน้อยดูตื่นตาตื่นใจ

     

    "บอกตัวเองเถอะ" จริงๆชานยอลไม่อยากให้แบคฮยอนเล่นต่างหาก หวาดเสียวขนาดนี้น้องชายเขาจะทนไหวได้ไง แบคฮยอนเป็นคนจิตใจอ่อนไหวมากแค่ไหนรู้ไหมเจ้าไวกิ้ง

     

    "วู้ว~"

     

    แต่ครั้งนี้ชานยอลคงคิดผิด

     

    เสียงแหกปากกระตู้วู้ดังมาจากคนข้างๆเขานี่แหละ ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กแสบจะอารมณ์ดีเมื่อได้ตะโกนดังๆ

     

    "เป็นเด็กเก็บกดหรือไง"

     

    "พี่นั่นแหละเก็บกดหรือไง มาสวนสนุกก็ต้องสนุกสิ นั่งปั้นหน้าเป็นลุงขายหมูอยู่ได้"

     

    พูดจบขาสั้นก็วิ่งไปต่อแถวเครื่องเล่นใหม่ที่เขียนชื่อไว้ว่า'ซูเปอร์สแปลซ' รับเสื้อกันฝนมาจากเจ้าหน้าที่ก่อนจะยื่นให้คนด้านหลังแล้วใส่ให้ตัวเองจนเสร็จสรรพจึงหันมาสะกิดชานยอลที่มัวแต่วุ่นวายกับการจัดทรงผมให้ถ่ายรูปด้วยกัน

     

    ชานยอลคิดว่าตาฝาดไปซะอีกที่เห็นตัวเองในกล้องพร้อมกับแบคฮยอนที่ชูสองนิ้วแล้วยิ้มยิงฟันจนตาหยี

     

    ทำไมมันน่ารักอย่างนี้ล่ะวะเจ้าเตี้ย!

     

     

     

    ผ่านไปครึ่งวันพลังงานก็เริ่มหมดลง เขาลากคนตัวเล็กไปหาอะไรกินก่อนโรคกระเพาะจะถามหา แบคฮยอนเป็นเด็กแปลก ถ้าอยู่กับเขาจะกินข้าวตรงเวลาทุกมื้อ แต่เมื่อใดที่ขาดเขาไปกลายเป็นว่าหิวเมื่อไหร่ก็กินเมื่อนั้น ไม่รู้ว่าเห็นเขาเป็นนาฬิกาหรือเปล่า

     

    "หัดดูแลตัวเองบ้างนะแบคฮยอน"

     

    "อื้อ"

     

    "อย่าเอาแต่พยักหน้าแล้วไม่ยอมทำตามล่ะ"

     

    "ผมดูแลตัวเองแน่..." แขนสั้นเอื้อมหยิบน้ำอัดลมจากมือหนาไปดูด "ก็พี่ไม่อยู่ดูแลผมแล้วนี่"

     

    "อย่าพูดอย่างนั้นสิ"

     

    "ก็พูดความจริงอ่ะ"

     

    "แบคฮยอน..."

     

    "ผมอยากเล่นทอร์นาร์โด" เด็กน้อยพูดตัดบท

     

    ชานยอลได้แต่ก้มหน้ามองพื้นแล้วเดินตามแบคฮยอนไปต่อคิว ใจหนึ่งก็อยากดึงให้มาเคลียร์กันให้รู้เรื่องแต่ก็รู้ว่าคงไม่มีทางพูดดีๆกันได้

     

    เขาผิดเองแหละที่ดีกับแบคฮยอนเกินไปจนเคยตัว เขาก็แค่อยากให้แบคฮยอนได้รับแต่สิ่งดีๆเท่านั้นเอง

     

    มือหนากุมมืออีกคนไว้แน่นหลังจากเล่นเครื่องเล่นจนครบ พวกเขาถือไอติมคนละแท่งแล้วเดินมานั่งตรงสวนสาธารณะเกือบถึงประตูทางออก

     

    "อยากให้พี่ร้องเพลงให้ฟังไหม?" ชานยอลพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ

     

    จริงๆมันก็ไม่เงียบหรอกเพราะบริเวณนี้มีผู้คนเต็มไปหมด แต่ที่มันเงียบคือเพราะแบคฮยอนเงียบต่างหาก

     

    "ไม่เอาอ่ะ ฟังเสียงพี่แล้วอึดอัด มวนๆท้อง"

     

    เด็กหนุ่มยักไหล่ เขารู้แต่ไหนแต่ไรแล้วว่าสิ่งที่แบคฮยอนไม่ชอบที่สุดคือเสียงร้องเพลงของเขา ไม่รู้มันทุเรศเหมือนที่เจ้าตัวบอกจริงหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่เริ่มร้องเพลงไอ้ตัวเล็กจะเดินหนีไปในทันที

     

    "อยากไปไหนอีกไหม?"

     

    "อยากกลับบ้าน"

     

    "ตอนนี้เนี่ยนะ"

     

    "อื้อ แต่กลับไปเอาของที่หอก่อนนะ"

     

    เด็กหนุ่มโปรยยิ้มหลังจากโดนฉุดมือให้ลุกขึ้น แบคฮยอนเดินนำหน้าเขาอยู่หนึ่งก้าว นั่นคือสิ่งที่ชานยอลอยากให้เป็นอยู่เสมอ เขายอมเดินตามหลังแบคฮยอนตลอดเวลา เพราะถ้าเผลอเดินนำหน้าไป อาจจะทำให้มองไม่เห็นแบคฮยอนก็ได้

     

    มือเล็กกระชับแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนด้านหลังเดินช้าจนมือจะหลุดออกจากกัน เมฆก้อนหนาบดบังแสงจากดวงอาทิตย์พอดิบพอดี

     

    หัวใจดวงน้อยเต้นหวิวโหวงเมื่อสัมผัสสุดท้ายเหลือแค่ปลายนิ้วก่อนที่เขาจะหยุดเดิน ชานยอลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอยู่เนิ่นนานจนแบคฮยอนเริ่มขมวดคิ้ว

     

    "สักวัน..."

     

    "...?..."

     

    "ถ้าทุกอย่างมันถึงเวลา"

     

    "..."

     

    "พี่จะหาอะไรที่ดีกว่านี้มาให้นะ" แบคฮยอนมองมือใหญ่ที่ค่อยๆเลื้อยออกมาจากกางเกง "เอาให้ดีกว่าหัวใจบ้าๆนี่เลย"

     

    แบคฮยอนยิ้มกว้างแล้วหยิบมือที่ทำสัญลักษณ์หัวใจของปาร์คชานยอลมาวางไว้ตรงหน้าอกด้านซ้าย แค่นิ้วชี้กับนิ้วโป้งพาดตัดกันก็มีความหมายมากมายแล้ว

     

    "ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วชานยอล"

     

    "..."

     

    "ไม่มีอะไรดีไปกว่าพี่อีกแล้ว"

     

    ทุกอย่างกำลังไปได้สวย...แต่นาฬิกากำลังนับถอยหลัง

     

     

     

     

     

     

     

    และวันนี้คืออีกวันสำคัญที่สุดที่แบคฮยอนจะจดจำไปตลอดชีวิต เขาเตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพื่อวันนี้วันเดียว

     

    ...วันเกิดครั้งแรกของชานยอล

     

    ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะชานยอลเอาแต่เตรียมเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ ...วันมะรืนเขาจะบินแล้ว

     

    ใจดวงน้อยห่อเหี่ยวกว่าลูกโป่งถูกทิ้งร้างแต่ก็ยังพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หลายวันที่ผ่านมาเขากอบโกยความสุขได้มากมาย และถือโอกาสเที่ยวเล่นระหว่างปิดเทอมไปด้วย

     

    มันเป็นปิดเทอมสั้นๆไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่แบคฮยอนจะต้องอยู่กับปิดเทอมที่เหลืออีกประมาณสองอาทิตย์คนเดียว

     

    "น่าเศร้าเนอะ"

     

    "หืม?"

     

    "ผมแค่คิดว่าพี่จะอยากอยู่กับผมซะอีก"

     

    "อยากอยู่สิ"

     

    "ไม่จริงอ่ะ"

     

    "...แบคฮยอน" ชานยอลละความสนใจจากแผ่นกระดาษสีขาวจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาล "ตอนนี้พี่ไม่มีอะไรสักอย่างเลย พี่ไม่ยอมให้ใครต้องมาลำบากเพราะพี่หรอก...โดยเฉพาะเรา"

     

    "ตอนนี้ผมลำบากตรงไหนหรอ"

     

    "ตอนนี้อาจจะไม่ แต่อนาคต...ถ้าตอนนั้นเรายังเลือกพี่น่ะนะ"

     

    "ทำไมไม่ให้ผมดูแลพี่บ้างล่ะ"

     

    "พี่ก็อยากทำอย่างนั้น..." ปากหยักยกยิ้ม "แล้วครอบครัวเราล่ะ ป๊ากับม๊าล่ะ แบคฮยอนเลี้ยงเราสามคนไม่ไหวหรอก"

     

    "ทำไมป๊าทำกับผมอย่างนี้อ่ะ" เจ้าตัวเล็กเริ่มก้มหน้าลง เป็นสัญญาณเตือนให้คนพี่เขยิบเข้าไปใกล้แล้วแบ่งไหล่ข้างหนึ่งให้ซบ "ผมยอมไม่เรียนที่เดียวกับพี่เพราะป๊าแล้ว ทำไมยังให้พี่ไปเรียนที่อื่นอีก"

     

    "ป๊ามีเหตุผลหน่า เชื่อพี่เหอะ"

     

    "แต่ผมไม่ชอบเหตุผลป๊าเลย"

     

    "พี่ก็ไม่ชอบ แต่ป๊าคือป๊า พี่ต้องทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนป๊ากับม๊า"

     

    "พี่ชานยอล..."

     

    "เข้าใจพี่หน่อยนะแบคฮยอน"

     

     

    เก๊ง~ เก๊ง~ เก๊ง~

     

     

    เสียงนาฬิกาดังเตือนเวลาเที่ยงคืนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ยิน ไฟในบ้านดับพรึ่บพร้อมกันหมดทุกดวง ร่างสูงหันมองทางหน้าต่างเมื่อเห็นแสงไฟสะท้อนจากด้านนอก เสียงปลดล็อคประตูดังแกร๊กทำให้เขายันตัวขึ้นบังร่างเล็กไว้

     

    สัญชาติญาณมันบอกว่าอาจจะมีเหตุการณ์อันตรายบางอย่างและเขาจะต้องปกป้องแบคฮยอนก่อน

     

    ปัง!

     

    "แซงอิลชุกคาฮัมนีดา~ แซงอิลชุกคาฮัมนีดา~"

     

    เศษกระดาษจากพลุเล็กๆในมือดงอุนกระจายไปทั่วก่อนแสงไฟที่ว่าจะเคลื่อนเข้ามาใกล้

     

    "ซารังฮานึนชานยอลอี~ แซงอิลชุกคาฮัมนีดา~"

     

    หัวใจเขาเต้นรัวกว่าทุกครั้งที่รู้ว่าเป็นวันเกิด เพราะครั้งนี้มันต่างออกไป มันไม่ใช่วันเกิดที่เขาเป็นพี่แบคฮยอน แต่มันคือวันเกิดที่เขาเป็นน้อง และชานยอลก็อายุสิบเก้าจริงๆเสียที

     

    หลังจากอธิษฐานและเป่าเทียนดับไฟก็สว่างขึ้น เพราะมัวแต่สนใจเค้กทำให้หันมาอีกทีด้านหลังก็เต็มไปด้วยรูปภาพที่ถูกห้อยติดกับลูกโป่งอัดแก๊ส

     

    'Chanyeol's Day'

     

    ชานยอลในอริยาบทต่างๆที่พอจำได้ว่าช่วงนั้นคือตอนแบคฮยอนกลับมาบ้านบ่อยๆก่อนสอบ และอะไรสักอย่างที่แบคฮยอนทำคือการเตรียมเซอร์ไพรส์วันเกิดเขานั่นเองหรอ น่ารักจัง

     

    "ขอบคุณนะ"

     

    แบคฮยอนประสานงานกับทุกฝ่ายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เขาย้ำเซฮุนกับคยองซู ทีมพลอยทั้งเจ็ดคนรวมถึงฮเยจองที่เป็นน้องสนิทของทีมด้วยว่าต้องทำอะไรบ้าง จะเว้นก็แต่เบนดิกกับมาร์ตินที่อยู่ไกลไปหน่อย เพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงไม่มีอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อย

     

    ป๊ากับม๊าเองเตรียมอาหารทุกอย่างไว้สำหรับวันสำคัญของลูกชายคนโตที่อายุน้อยกว่าคนเล็กหนึ่งปี บ้านทั้งหลังวุ่นวายไปหมดเพราะในนี้มีแต่เด็กซน

     

    หลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะพูดคุยและปาร์ตี้กันเสร็จ แบคฮยอนลองนับกล่องของขวัญที่กองรวมกันจนล้นโต๊ะเหมือนเด็กเห่อของเล่น

     

    เขาตื่นเต้นไปซะหมดแค่คิดว่ามันเป็นวันเกิดชานยอล ...และเพราะมันเป็นวันเกิดชานยอลนั่นแหละมันถึงสำคัญต่อหัวใจมากๆ

     

    "ทำไมมีสิบห้ากล่อง" ทั้งที่มันควรจะมีแค่สิบสี่กล่องเท่ากับจำนวนคนที่ตระเตรียมไว้

     

    "ผีหลอกชัวร์" ฝาแฝดสุดแสบของงานพูดออกมาพร้อมกัน

     

    "มึงก็ชอบพูดถึงแต่เรื่องผี"

     

    "กลัวก็บอกไอ้ฮยอนซึง" แฝดพี่ถีบขาเก้าอี้เพื่อนจนหัวสั่นหัวคลอน

     

    "กูไม่ใช่ไอ้ฝรั่งนะ ที่จะให้มึงมาหลอกผีบ้าบออะไรนั่นน่ะ"

     

    "งั้นก็หาสิว่าของใคร"

     

    "ไม่ต้องหรอก..." มินซอกโพล่งออกมาจากด้านหลังก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมคนตัวสูงคุ้นตา ถ้าในงานมีคนเยอะกว่านี้รับรองว่าเสียงซุบซิบจะต้องกระหึ่มกว่าเสียงเพลงจากลำโพง "กูเป็นคนบอกมันเองว่าวันนี้วันเกิดมึง"

     

    "..." ชานยอลชักสีหน้าทันทีที่เห็นว่าคนนั้นคือคริส ทำไมเขาจึงตัดมันออกจากวงจรชีวิตอย่างถาวรไม่ได้สักที

     

    "แฮปปี้เบิร์ดเดย์"

     

    "มาทำไม"

     

    "มีความสุขมากๆนะ"

     

    "กูมีแน่..."

     

    แบคฮยอนบีบต้นแขนแกร่งเรียกความสนใจในขณะที่ขายาวก้าวไปข้างหน้าพร้อมหมัดจากมือด้านซ้าย เมื่อชานยอลหันมาจ้องตาเขาจึงส่ายหัวให้หยุดพูดประโยคต่อไปที่น่าจะทำร้ายจิตใจคริสอย่างที่เดาทางไว้ "วันนี้วันดีนะ"

     

    ชานยอลถอนหายใจรุนแรง จ้องเขม็งไปที่เด็กหนุ่มชาวต่างชาติตัวสูง "...ขอบใจ"

     

    กัดฟันพูดแล้วเดินออกจากที่ตรงนั้นไปนั่งสงบสติอารมณ์ ทำไมทุกคนต้องเชียร์ให้เขาคืนดีกับมันด้วย ทำไมต้องเอามันมาในงานวันเกิดแรกของเขาด้วย ทั้งๆที่วันนี้มันควรจะเป็นวันดี แต่สุดท้ายแล้ววันนี้มันก็เป็นวันที่ 'เกือบดี' ต่างหาก!!

     

    "ทานอะไรมาหรือยังลูก" ป๊ากับม๊าดีใจที่ได้เจอคริสอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี ท่านรู้ว่าตอนเด็กทั้งสองคนสนิทกันแค่ไหนและรู้ว่าตอนโตเกลียดกันแค่ไหน ก็ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งชานยอลจะยอมใจอ่อนให้คริสบ้างนะ

     

     

     

    ทุกคนทยอยกลับหลังจากช่วยกันเก็บกวาดข้าวของ ทิ้งไว้แต่เศษซากอารยธรรมไว้ให้เจ้าของวันเกิดจัดการ ชานยอลยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องนอนตัวเองมองคนตัวเล็กที่ง่วนอยู่กับการแกะห่อของขวัญ

     

    เขาไม่หวงหรอกถ้าแบคฮยอนเป็นคนแกะของพวกนั้น ต่อให้มันเป็นของสำคัญมากแค่ไหนก็เถอะ เพราะชานยอลถือว่าของของเขาก็เหมือนของของเรา

     

    'เรา' ในที่นี้ที่หมายถึงแบคฮยอนกับชานยอลเท่านั้นไง

     

    "กล่องไหนของขวัญเรา?" ขายาวก้าวเข้าไปในห้อง นั่งยองลงด้านหน้าไอ้เด็กแสบ กลิ่นครีมอาบน้ำที่โชยมาจากต้นขาแบคฮยอนทำเอาลมแทบจับ

     

    "ให้ทาย"

     

    "อืม..." เด็กหนุ่มทำท่าครุ่นคิด จ้องมองไปยังกล่องขนาดพอๆกันบนเตียง "อันนั้น"

     

    ชี้ไปที่กล่องเล็กสุดสีเหลืองอย่างไม่ลังเล แค่รู้ว่าคนอื่นไม่น่าจะเอากระดาษสีเหลืองมาห่อเป็นของขวัญให้ตนยกเว้นแบคฮยอนก็เท่านั้น

     

    "ถูก!" ร่างเล็กหยิบขึ้นมาแนบอก "จะเปิดเองหรือจะให้ผมเปิด"

     

    "เลือกสิ ยังไงปลายทางก็เหมือนกันอยู่แล้ว"

     

    มือเล็กค่อยๆดึงฝาครอบออกทีละนิด ชานยอลย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งบนเตียง ชะโงกหน้าเข้าไปมองแต่น้องชายตัวเล็กดันขยับหนี ยิ่งทำให้เขาลุ้นมากขึ้นไปอีกว่าแบคฮยอนจะให้อะไรสำหรับงานวันเกิดครั้งแรกของเขา

     

    "..."

     

    "อย่าช้าสิ" เด็กหนุ่มลุ้นจนตัวโก่งแทนขา

     

    "จะรีบไปไหนเล่า ผมตื่นเต้นนะ"

     

    "แล้วคิดว่าพี่ไม่ตื่นเต้นหรือไง"

     

    "หลับตา" ...นั่น! มีสั่งด้วย

     

    "..." ชานยอลปิดเปลือกตาลงช้าๆ กำหนดลมหายใจตัวเองอยู่พักใหญ่จนแบคฮยอนคว้ามือเขาไปจับแล้วแนบลงกับแก้มนิ่มทั้งสองข้าง เสียงหัวใจเขาเต้นชัดมาก ชัดเกินไป

     

    "ลืมได้" โบว์สีแดงบนคอระหงส์ทำใบหน้าคนมองร้อนผ่าว "เป็นไง ของขวัญผม ชอบไหม"

     

    "ให้หูกระต่ายพี่หรอ"

     

    "อย่าทำเป็นแกล้งโง่ปาร์คชานยอล"

     

    "..." ไอ้เด็กคนนี้กำลังจะทำอะไร ชานยอลจ้องดวงหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อแล้วได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นเลื่อนลงตามแนว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าการที่แบคฮยอนเข้าใกล้มากขึ้นทุกที

     

    "ให้ผมเป็นของขวัญพี่นะ"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.
    #หัวไม้ชานแบค

    เราเปิดโอนเงินแล้วนะทุกคลลลลลลล
    ของแถมได้เหมือนกันหมดนะ
    มี2อย่าง

    https://docs.google.com/forms/d/1NU2kbz9Wli2dN80ooTxWW2G-tgP-ufxBtdsDmmH2ScE/viewform

    /แต่ตอนนี้เรางงมากว่าเด็กดีเป็นอะไร เหมือนมันรวนๆ แง/
    รอฉากคัทกันหรอ คริ


    น้องแบ้กนางแรดอ่ะ

     

    ไปละ

     

     

    ช่วงนี้จะสอบมิดเทอม

    มาช้าหน่อยโปรดให้อภัยด้วย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×