คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : หัวไม้ : 04 {100%}
วันนี้แบคฮยอนขอตามพี่ชายออกมาซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของเข้าบ้านด้วยกัน แถมยังอาสาเป็นคนเข็นตะกร้าให้อีก มันไม่ดูแปลกไปหน่อยหรอ?
"สอนทำเค้กหน่อยดิ"
"ทำไปให้ใคร?" ชานยอลชะงักฝีเท้าก่อนจะหันหน้ามาถามคนข้างหลัง
"จะวันเกิดคยองซูแล้วอ่ะ นะนะ"
"ซื้อเอาไม่ง่ายกว่าหรอ"
"อยากลองทำไง สอนหน่อยนะ"
"ไม่เอาอ่ะ"
"พี่ช้อน สอนน้องแป๊กทำเค้กหน่อยนะ" แบคฮยอนเริ่มงัดลูกไม้เดิมมาใช้
"มึงทำไม่ได้หรอก"
"ไม่ลองไม่รู้นี่นา สอนหน่อยนะ นะค้าบบบบบ"
"อ่ะ ก็ได้ๆ นี่เห็นแก่ความตั้งใจหรอกนะ ไม่ได้แพ้ลูกอ้อนปัญญาควายนี่เลย" ชานยอลใช้นิ้วดันหน้าผากคนตัวเล็กด้วยความหมั่นไส้
แบคฮยอนฟังวิธีการคร่าวๆแบบหูซ้ายทะลุหูขวาเมื่อยืนอยู่หน้าชั้นเยลลี่หลากสีที่จะเอาไปตกแต่งหน้าเค้ก
'น่ากิน น่ากินไปหมดเลย'
"ต้องร่อนแป้งให้ละเอียดก่อน" ชานยอลอธิบายไปพร้อมกับเลือกส่วนผสม
'สีแดงนี่ต้องอร่อยมากแน่ ไม่สิๆ'
"ต้องแยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกันด้วย"
'คยองซูชอบกินช็อคโกแลต'
"งั้นก็เอาช็อคโกแลต จบนะ..."
"หา? อะไรง่ะ?" ถุงช็อคโกแลตอัดหน้าอกร่างเล็กเต็มๆจนถอยหลัง
"ก็คยองซูชอบช็อคโกแลตไง"
"อ๋อ เออใช่ งั้นเอาช็อคโกแลต" แบคฮยอนโยนวัตถุดิบลงรถเข็นก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ตู้แช่ "แต่เอาเยลลี่ด้วยนะ สีสวยดี"
"สีสวยแน่หรอ?"
"ใช่ไง เอาไปแต่งหน้าเค้กไง ให้มีหลายๆสีไง จะได้ดูน่ากิน" เลือกถุงเยลลี่ที่มีสีสันมากที่สุดลงตะกร้า
ชานยอลส่ายหน้าหน่ายๆใส่ประธานช่างไฟฟ้าโรงเรียนช่างกลที่มีนิสัยเด็กอย่างแปลกประหลาด บางทีเขาเองยังแอบสงสัยว่าต่อหน้าคนหมู่มากน้องชายเขาวางตัวยังไง คงจะอึดอัดน่าดู
พี่ชายหิ้วของทุกอย่างเต็มสองมือก่อนจะใช้ศีรษะโบกแท็กซี่จนดูคล้ายชาวร็อคเพื่อกลับบ้าน ส่วนผู้ติดตามก็ถือไอศครีมสองโคนตามเข้ามาติดๆ
"ถึงบ้านกรุณาช่วยจัดของด้วยนะครับน้องชาย"
"โหยยยยย"
"นี่ของมึงทั้งนั้นเลยนะครับ ไม่ต้องมาหงมาโหย เดี๋ยวโดนเตะ" มือหนาดึงไอศครีมกลับคืนมาหนึ่งโคนหลังจากขอให้น้องชายช่วยถือเพราะมือไม่ว่าง
"ก็ได้"
ชานยอลทำท่าจะต่อยเบ้าหน้าแบคฮยอนเมื่อเห็นท่าทางมู่ทู่ของน้องชาย แต่ก่อนที่จะเกิดสงครามโปะไอติมกันบนรถแท็กซี่ เสียงโทรศัพท์ก็ช่วยชีวิตทั้งคู่ไว้ได้ก่อน
"ไง"
[คยองซูอยู่กับมึงป่ะ?]
"ไม่ ทำไม"
[กูติดต่อมันไม่ได้ จะขอลอกการบ้านสักหน่อย เออ ไม่เป็นไร แค่นี้แหละ] แล้วเซฮุนคนติสก็ตัดสายไปอย่างไร้เยื่อไย ราวกับว่าไม่เคยมีใจให้กันมาก่อน
จะว่าชินก็คงจะชินที่เซฮุนเป็นคนอย่างนี้ เพราะนอกจากหน้าตาแล้วชีวิตมันก็ไม่มีอะไรดีเลย
แบคฮยอนชิงเปิดประตูวิ่งลงจากรถทันทีเมื่อมาถึงหน้าบ้าน รีบข้ามเข้าเขตรั้วให้เร็วที่สุด เหตุผลคือไม่อยากออกค่าโดยสารนั่นเองง่ายๆ
ร่างสูงไม่ติดใจอะไรเพราะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าน้องชายตัวเองเป็นคนแบบไหน "ออกมาจากห้องเดี๋ยวนี้เลย"
"ขอนอนก่อนงีบนึงดิ ตื่นเช้าอ่ะ"
ชานยอลปล่อยให้คนขี้เกียจได้พักผ่อนตามอัธยาศัยโดยที่ตัวเองทำงานบ้านไปเรื่อยเปื่อย ถึงเวลาเที่ยงวันปุ๊บเสียงประตูห้องนอนแบคฮยอนก็ดังปั๊บ
"หิวแล้ว" ตามมาด้วยเสียงงัวเงียปนออดอ้อนของเด็กชายร่างเล็ก
"กับข้าวอยู่ในตู้เย็น"
"ทำไรอ่ะ?" แบคฮยอนเปลี่ยนทิศทางจากห้องครัวมาเป็นโซฟาหน้าทีวีที่พี่ชายนั่งอยู่
"เตรียมเอกสาร"
"กินข้าวแล้วหรอ"
"อืม"
"กินไม่รอ" แล้วคนน้องก็เดินบิดตูดกลับไปยังจุดมุ่งหมายเดิม
ร่างเล็กนั่งกินมื้อเที่ยงคนเดียวอย่างน้อยอกน้อยใจ เขาอุตส่าห์ตั้งนาฬิกาปลุกห่างกันห้านาทีเป็นจำนวนสิบๆครั้งเพื่อให้ตื่นมาตอนเที่ยงตรงพอดีเป๊ะ
"ว่าแล้วเชียว"
"อะไร" เสียงค้อนตอกหน้าพี่ชายจนเกือบหงายหลัง "มาทำไม"
"กินข้าวกับน้อง"
"ไหนบอกกินแล้ว"
"กินอีก ชอบฝีมือตัวเอง" ร่างสูงตักข้าวมานั่งตรงข้ามแบคฮยอนที่กำลังส่งยิ้มแป้น "อะไร ไม่ได้มานั่งกินเป็นเพื่อน แต่อยากกินจานที่สอง"
"ขอบคุณนะ" แขนสั้นเอื้อมตักกับข้าวใส่จานให้พี่ชายเพื่อเป็นการตอบแทน
แบคฮยอนขอบคุณชานยอลมาแล้วทั้งชีวิต และยังคงต้องขอบคุณพี่ชายที่แสนดีคนนี้ไปอีกเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด
และทั้งชีวิตชานยอลเองก็มอบให้แบคฮยอนตลอดมา และยังคงมอบให้น้องชายคนนี้คนเดียวของเขาตลอดไป
"ขอบคุณจริงๆ"
หากวันใดที่ต้องแยกจากกันหรือมีคนที่ดูแลกันได้ดีกว่า ทั้งคู่ก็ยังจะมอบคำๆนี้ให้แก่กัน
'รักนะ'
แม้จะพูดได้เพียงในใจก็ตาม...
ชานยอลส่งร่างเล็กหน้าโรงเรียนที่ประจำก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบกับสมาชิกทีมพลอยคนอื่นๆในร้านกาแฟระแวกนั้น
ทุกคนมาก่อนเวลาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทแต่ถึงอย่างนั้นจุดประสงค์ของการตื่นเช้าก็ไม่ใช่เพื่อการคุยภารกิจตามที่ตกลงไว้
แต่เป็นการหลีสาวโรงเรียนช่างกลชอที่กำลังทยอยเข้าโรงเรียนต่างหาก
"เด็ดครับ บอกเลยงานนี้เด็ด"
"เด็ดเดิดอะไรล่ะ วันนี้มึงต้องไปช่างกลฮอ ดูตารางด้วย ไอ้ควาย" หนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวที่สามารถใช้ประโยชน์ของความสูงแทนไม้สอยมะม่วงได้สบาย ตวัดมือตบศีรษะเพื่อนร่วมทีมที่มาจากประเทศเดียวกันจนหน้าแทบกระแทกขอบโต๊ะ
"หักคะแนนเบนดิกข้อหาทำร้ายร่างกายสิบคะแนน" กรรมการทีมนามว่าฮยอนซึงหยิบปากกาขึ้นจดหักคะแนนความประพฤติของสมาชิกอย่างไม่ปราณี
"หักไอ้มาร์ตินด้วยเด้"
"มาร์ตินคือผู้เสียหาย"
"ไรวะ วันแรกก็โดนเลยหรอ" ผู้กระทำผิดออกแรงพิงพนักโซฟาตัวยาวจนขยับเคลื่อนก่อนจะชี้หน้าคาดโทษคู่กรณี
"หยุดเวิ่นเว้อแล้วรับเอกสารไปคนละชุดนะครับ" หัวหน้าทีมยุติการประลองความแกร่งทั้งด้านสายตาและท่าทางระหว่างเบนดิกกับมาร์ตินลง
เมื่ออ่านทำความเข้าใจกฏและกติกาที่สถาบันของตนเองกำหนดมาให้เรียบร้อย ก็แยกย้ายกันไปโรงเรียนที่ได้รับมอบหมายตามตารางให้ทันก่อนเลิกแถวตอนเช้า
ชานยอลรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะไม่ได้บอกคนตัวเล็กไว้ล่วงหน้าว่าเขามีโครงการปกป้องพิทักษ์ปกปักรักษาเด็กนักเรียนทั้งสองสถาบันไว้
แต่ถึงอย่างนั้นขายาวก็ก้าวเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดเพื่อกล่าวทักทายและแนะนำตัวบนศาลา
"ปาร์คชานยอล!" เมื่อเห็นหนังหน้าพี่ชายตัวเองชัดๆแบคฮยอนถึงกับอุทานออกมาอย่างลืมตัว
มีเสียงดังเซ็งแซ่จากรอบทิศทางเมื่อผู้แปลกหน้าบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของโครงการนี้ นักเรียนบางส่วนเกิดความพอใจ แต่บางส่วนก็ไม่พอใจ
"อะไรวะ นี่มึงไม่รู้เรื่องนี้หรอ"
"ไม่ มันไม่ได้บอกกู"
"แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกนี้จะมาคุมโรงเรียนเรางั้นดิ" และเซฮุนเองก็ดูเหมือนจะอยู่ฝั่งที่ไม่พอใจ
"ไม่ใช่หรอกมั้ง"
"จะไม่ใช่ได้ไง พวกมันกำลังอวดอำนาจของสถาบันชัดๆ กูไม่ยอมหรอก"
"ใจเย็นก่อนดิวะ" แบคฮยอนปรามเพื่อนอย่างใจเย็น
ไม่ใช่ว่าเขาจะพอใจ แต่ร่างเล็กแค่อยากฟังเหตุผลให้แน่ชัดก่อน และแบคฮยอนเองก็แน่ใจว่าชานยอลจะให้เหตุผลที่ดีแก่เขาได้
คนตัวเล็กยืนรออยู่หน้าห้องผู้อำนวยการหลังจากเลิกแถว เขาไม่ได้มาพบผู้อาวุโสแต่กำลังรอหัวหน้าทีมพลอยอย่างใจจดใจจ่อ
"ขอคุยด้วยหน่อย" และทันทีที่พี่ชายออกมา ร่างเล็กก็คว้าแขนและออกแรงดึงไปตามทางเดิน
เท้าที่ก้าวอย่างรวดเร็วหยุดลงตรงกลางสะพานของทางเชื่อมตึก แบคฮยอนพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่านไปมากกว่านี้ "ทำไมไม่บอก"
"ขอโทษ"
"ทำไมไม่บอก?!" เสียงเล็กปรับดังขึ้นเมื่อไม่ได้คำตอบที่น่าพึงพอใจ
"กูอยากให้มึงทำเหมือนเราไม่สนิทกัน"
"ว่าไงนะ?"
"กูกลัวมึงจะลำบาก"
"ให้เคลียร์ดิ้ชานยอล" คนตัวเล็กกว่าเริ่มหน้าแดงเพราะความโกรธ เขาอุตส่าห์คิดว่าชานยอลจะทำให้ความสงสัยนี้หายไปได้ แต่ไม่เลย...
"กูอยากให้มึงกับกูแกล้งทำเป็นไม่สนิทกันตอนอยู่ในโรงเรียน"
"แต่ทุกคนก็รู้ว่ากูกับมึงเป็นพี่น้องกัน"
"แต่ถ้าเราสนิทกัน ทุกคนก็จะยิ่งตั้งคำถาม กูมาเพื่อดูแลมึงนะ ไม่ได้มาเพื่อทำให้มึงลำบาก"
"กูดูแลตัวเองได้"
"ไม่ได้หรอก..." ได้ยินอย่างนั้นคิ้วเรียวถึงกับกระตุกเข้าหากันอัตโนมัติ "กูละสายตาจากมึงไม่ได้หรอก"
คำตอบที่ชานยอลเอ่ยมานั้นสามารถดับไฟสุมทรวงของแบคฮยอนให้มอดลง ถึงจะยังคงความไม่พอใจในเรื่องที่ปกปิดกัน แต่เหตุและผลของมันเป็นปัจจัยที่ทำให้ลบล้างกันได้
"ล แล้วไม่ต้องไปเรียนหรอ?"
"ไม่ต้องห่วงหรอก กูไม่ได้มาทุกวัน"
ดงอุนเดินเข้ามาในวงสนทนาพร้อมกับเบนดิกหลังจากส่งผู้อำนวยการเข้าลิฟต์ไปแล้ว ร่างสูงของทั้งสามคนสาปให้แบคฮยอนกลายเป็นคนแคระแห่งภูเขาโลนลี่ภายในพริบตาเดียว
"นี่น้องชายกูเอง ชื่อแบคฮยอน"
เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่แบคฮยอนทำความรู้จักกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆของชานยอลนอกจากมินซอก
ทั้งสองคนฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าถิ่นและไหว้วานให้คนตัวเล็กเป็นมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์ พาเดินชมรอบโรงเรียนให้ทั่วภายในช่วงเช้าของวัน
"กะทัดรัดดีเนอะ"
"แหงล่ะ ก็ใช้พื้นที่หลวงนี่"
"ป่าว กูหมายถึงน้องชายไอ้ชานยอลอ่ะ ตัวเล็กกะทัดรัดดี" เบนดิกถึงกับถลึงตากว้างใส่เพื่อนข้างๆที่คิดจะทำการใหญ่
"ชอบ?"
"เขาเรียกถูกชะตา"
"ก็แล้วไป เพราะไม่อย่างนั้นกูจะฟ้องชานยอล"
แบคฮยอนขอตัวไปเรียนวิชาต่อไปในช่วงบ่าย หลังจากร่วมโต๊ะทานมื้อกลางวันที่โรงอาหาร
"แน่ใจนะว่าไม่ให้ไปส่ง"
"มึงเพิ่งบอกให้เราไม่สนิทกันไม่ใช่รึไง?" ชานยอลกัดปากล่างอย่างชั่งใจเพราะเขากลัวแบคฮยอนลำบากถ้าเราทำตัวติดกันเกินไปจริงๆนั่นแหละ และอีกอย่าง...มันต้องมีคนไม่ชอบพวกเขาเยอะอยู่พอสมควร "แล้วนี่ก็โรงเรียนกู"
ชานยอลไม่อยากทำให้แบคฮยอนเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กขี้ปะติ๋วแค่ไหนก็ตาม เขาไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับแบคฮยอนทั้งนั้น
เจ้าถิ่นเดินกลับห้องเรียนก่อนจะแปลกใจว่าโต๊ะเรียนข้างๆไม่มีเพื่อนที่ต้องนั่งฟุบหลับเป็นประจำสถิตย์อยู่
แต่แล้วอาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามา ทำให้เขายอมนั่งลงและได้แค่ส่งข้อความไปถามคยองซูเท่านั้น มันยิ่งน่ากังวลเข้าไปใหญ่เมื่อไม่ได้รับข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย
ร่างเล็กนึกไปต่างๆนานากลัวว่าเพื่อนจะตกอยู่ในอันตราย เพราะเมื่อวานเซฮุนก็ติดต่อคยองซูไม่ได้เช่นกัน
BaekYeol
P.M. 15:00 ทำไร
ChanHyun
P.M. 15:01 เดินเล่น
BaekYeol
P.M. 15:01 เย็นนี้กลับกับเซฮุนนะ
ChanHyun
P.M. 15:02 ไม่ได้
BaekYeol
P.M. 15:02 กลับไม่ดึก สัญญา
ChanHyun
P.M. 15:03 ไม่ได้
BaekYeol
P.M. 15:03 จะไปหาคยองซู
P.M. 15:04 มันไม่มาโรงเรียน
P.M. 15:04 โทรไปก็ปิดเครื่อง
ChanHyun
P.M. 15:05 ไปกับกูไม่ได้หรอ
แบคฮยอนมองเห็นถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านตัวอักษรได้อย่างชัดเจน และแน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง
คนพี่แค่กลัวว่าเหตุการณ์มันจะซ้ำรอยเก่า ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกไอ้เจ๊กมันไม่ใช้แผนเดิมเพื่อมาปั่นสมองเขาอีกแน่นอน
ChanHyun
P.M. 15:06 ไปกับกูนั่นแหละ
P.M. 15:06 กูจะได้เป็นห่วงน้อยลง
P.M. 15:06 นะ
BaekYeol
P.M. 15:07 เออๆ
ถึงเวลาเลิกเรียนทั้งสามคนจากต่างสถาบันยืนออกันอยู่หน้าโรงรถเพื่อรอเวลาให้ประธานช่างเดินทางมาถึง
แบคฮยอนโดนเรียกประชุมด่วนเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ทำให้หลายคนเกิดความไม่พอใจ
"คุณรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่าแบคฮยอน?"
"ไม่รู้"
"คุณไม่สนิทกับพี่ชายคุณแน่เลย" ประธานโรงเรียนพูดเองเออเองก่อนจะหันไปทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าเขา "ใครยินดีและยินยอมให้โรงเรียนกอใช้อำนาจมาคุมโรงเรียนเรายกมือขึ้น"
แน่นอนว่าไม่มีใครยกมือเพราะทุกคนต่างก็ไม่พอใจที่จะต้องมีใครมาปกครองหรืออยู่ภายใต้การดูแลของใคร
เพราะที่นี่...ศักดิ์ศรีมีค่ายิ่งกว่าเงินตรา
"งั้นผมจะยื่นเรื่องถึงผู้อำนวยการภายในวันพรุ่งนี้"
"เดี๋ยวนะ ฉันขอพูดอะไรหน่อย" แบคฮยอนยกมือขึ้นขัดในขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันออกไป "ฉันก็ไม่พอใจที่จู่ๆจะมีคนมาวางอำนาจใส่พวกเรา แต่พวกนายลองคิดสิ ว่าพวกเราแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้หรือเปล่า"
"นายกำลังปกป้องพี่ชายนายอยู่ใช่ไหม?"
"ฉันให้พวกนายคิดถึงความเป็นจริง ไม่ใช่แค่โรงเรียนเรา แต่โรงเรียนฮอก็โดนทีมพลอยแทรกตัวเข้าไปเหมือนกัน"
"เพื่อจะวางอำนาจให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองใหญ่ไง"
"มันไม่ใช่การวางอำนาจ แต่มันเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแล พวกนายก็รู้ว่าโรงเรียนกอกับพวกไอ้เจ๊กเป็นคู่อริกัน แล้วสามปีที่ผ่านมาเด็กโรงเรียนกอไม่เคยบาดเจ็บ มีแต่โรงเรียนเราและโรงเรียนฮอเท่านั้นที่ต้องรับชะตากรรม"
แบคฮยอนพ่นคำพูดจนแทบจะหายใจทางผิวหนัง
"ลองคิดดูว่าอยากให้เกิดเรื่องแบบสองปีที่ผ่านมาหรือเปล่า ฉันไม่รับประกันว่าการทำแบบนี้มันจะช่วยพวกเรายังไง แต่อยากให้พวกนายลองคิดดูให้ดีว่ามันมีอะไรที่แย่ เพราะถ้าไม่มีก็แสดงว่าพวกเราควรให้ทีมพลอยดูแลต่อไป เพราะมันคือหน้าที่พวกเขา ที่ต้องรับผิดชอบ"
ประธานช่างไฟฟ้าเดินออกจากห้องประชุมเป็นคนแรกในขณะที่ทุกคนยังตั้งใจฟังเขา
"เอาล่ะ...ฉันคิดว่าที่แบคฮยอนพูดมันก็มีเหตุผล โรงเรียนกอต้องรับผิดชอบที่ทำให้เราเดือดร้อน งั้นให้ทีมพลอยอยู่ที่นี่ไปละกัน แต่พวกเราเองก็ต้องปกป้องพวกเราเองให้ดีที่สุด เข้าใจไหม?"
ดูเหมือนทุกคนจะเริ่มมีทัศนคติที่ดีขึ้นแต่กระนั้นก็ยังคงวางมาดซึ่งศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอยู่เช่นเคย
"นาน"
"โทษทีๆ ตึกมันอยู่ไกล" ชานยอลนั่งกอดอกอยู่ที่เดิมในขณะที่เพื่อนอีกสองคนขอตัวไปขับรถเล่น
"ขึ้นรถสิ"
"รถใครอ่ะ แล้วรถมึงไปไหน"
"เบนดิกมันขอแลกรถไปหลีสาวหน้าโรงเรียน ขึ้นมาๆ" แบคฮยอนวาดขาขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซด์ขนาดปกติ มันดูปลอดภัยกว่าคันใหญ่หลายเท่าในความรู้สึกคนตัวเล็ก
ชานยอลขับไปตามทางเอื่อยๆเพราะไม่ค่อยสันทัดกับรถขนาดเล็กสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจที่น้องชายไม่แข็งเกร็งเหมือนตอนซ้อนท้ายรถตัวเอง
บ้านคยองซูอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก แต่ที่ลำบากก็คือความเข้มงวดของการเข้าออกหมู่บ้านเพราะเป็นย่านคนมีตังค์อย่างแท้จริง
"คยองซู คยองซู" ร่างเล็กกระโดดลงจากรถก่อนที่ชานยอลจะทันดับเครื่องเพื่อไปตะโกนเรียกเพื่อนบริเวณหน้าบ้าน
"ดังขนาดนี้เดี๋ยวตำรวจก็มาลากไปหรอก"
"มันมีออดป่ะวะ?"
"จะทิ่มตามึงอยู่ละนั่น" ร่างสูงวางขาตั้งลงก่อนจะเดินอ้อมรถมายืนข้างๆแล้วเป็นคนกดออด
แบคฮยอนยืนสั่นเป็นเจ้าเข้าภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้เพื่อนตัวเล็กของเขาออกมาเปิดประตูบ้านไวๆ เขาจะได้หายกังวลสักที
"กดอีกๆ"
"มึงไม่มีเบอร์แม่เพื่อนหรอ"
"เออ ลืมไปเลย" ร่างเล็กล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงเพื่อต่อสายหาคุณแม่คยองซู
[สวัสดีค่ะ]
"สวัสดีครับคุณน้า นี่ผมแบคฮยอนเพื่อนคยองซูนะครับ"
[จ้า ว่าไงลูก?]
"คยองซูอยู่บ้านไหมครับ"
[เขาไปค้างบ้านเพื่อนสองวันแล้วนะลูก บอกว่าทำรายงาน มีอะไรด่วนหรือเปล่าจ๊ะ]
"ค้างบ้านเพื่อนหรอครับ คุณน้าพอจะรู้ไหมว่าเพื่อนคนไหน?"
[น้าก็จำชื่อไม่ได้หรอก แต่จำได้ว่าบ้านอยู่ซอยสุดท้าย หลังสุดท้ายขวามือเลย ลองไปดูนะแบคฮยอน]
"ได้ครับ ขอบคุณมากครับคุณน้าซง"
แบคฮยอนยังคงขมวดคิ้วมุ่นอยู่เหมือนเดิมตั้งแต่ตอนมาถึง คนร่างสูงกว่าเห็นอย่างนั้นเลยใช้นิ้วชี้แตะลงหว่างคิ้วแล้วนวดเบาๆให้ปมคลาย
"ไปดูกันไหม?"
"อื้ม"
บ้านหลังสุดท้ายขวามือในซอยสุดท้ายมีรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่คล้ายของปาร์คชานยอลจอดอยู่ แบคฮยอนไม่ได้ตะโกนเรียกหรือกดออดอย่างที่ควรจะทำ
แต่เขากลับชะโงกมองเข้าไปในบ้านเพื่อหาว่า'เพื่อน'ที่คุณน้าซงหมายถึงนั้นคือใคร
"ทำตัวเหมือนโจรอีกแล้วนะ"
"ชู่ววววว~ อย่าดังสิ แล้วก็ก้มลงด้วย เดี๋ยวโดนจับได้กันพอดี" แบคฮยอนพูดเสียงกระซิบก่อนจะดึงชานยอลให้ย่อตัวลง
"ทำไมต้องทำตัวลับๆล่อๆด้วยอ่ะ"
"มึงคิดว่าบ้านหลังนี้คือบ้านใคร?"
"เพื่อนคยองซูไง" ร่างสูงตอบแบบซื่อๆ
"นี่ไม่ใช่บ้านกู แล้วก็ไม่ใช่บ้านเซฮุนด้วย จะเป็นเพื่อนมันได้ยังไง"
"แล้วมึงไม่คิดบ้างหรอว่าเพื่อนมึงจะมีเพื่อนคนอื่นอ่ะ?"
"ไม่คิด มันไม่สมเหตุสมผลที่คยองซูจะมีเพื่อนเรียนอยู่โรงเรียนฮอ" มือเรียวเล็กชี้ไปยังกระเป๋าถือที่วางอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน บนนั้นมีตราของสถาบันคู่อริเขาแปะหราอยู่เต็มใบ
"อาจจะเป็นของน้องชายเพื่อนของเพื่อนมึงก็ได้"
"มึงนี่มองโลกในแง่ดีเกินไปไหม?" แบคฮยอนอารมณ์ฉุนเฉียวเหมือนหญิงสาวเป็นประจำเดือน
"แล้วมึงหงุดหงิดใส่กูทำไมอ่ะ กูทำไรผิดอ่ะ กูแค่ไม่อยากให้มึงคิดมากเท่านั้นเอง"
"จิ๊ กูขอโทษ พอใจยัง?" ร่างเล็กหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปมอเตอร์ไซด์ไว้เป็นหลักฐานเผื่อจะช่วยทำให้คิดออกว่าเจ้าของรถคันนี้คือใคร
"ไม่พอใจหรอก มึงไม่ได้จริงใจเลย" ชานยอลพึมพำกับตัวเองตอนที่กลับมานั่งบนรถแล้ว
แบคฮยอนก็เป็นเอาซะแบบนี้ ไม่เคยคิดถึงจิตใจของคนที่เป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย ชอบทำร้ายกันด้วยคำพูดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงมันจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆในสายตาแบคฮยอนก็เถอะ
...แต่มันมีผลมากมายเลยสำหรับปาร์คชานยอล
"กูทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า?" ร่างสูงเงียบขรึมมาตั้งแต่ออกจากบ้านต้องสงสัยจนถึงระหว่างมื้อค่ำของวัน
"เปล่า"
"แล้วทำไมทำหน้าบูดงั้นอ่ะ"
"ไม่มีอะไร"
"ชานยอลไม่พอใจอะไรแบคฮยอนก็บอกดิ"
"ทำไมต้องไม่พอใจมึงด้วยล่ะ" แบคฮยอนทำตาปริบหวังให้พี่ชายยอมยกโทษให้ถ้าตัวเองทำอะไรผิดพลาด "ทำไมมึงต้องมีอิทธิพลทำให้กูร้อนใจด้วยล่ะ ทำไมมึงต้องเป็นตัวแปรที่ทำให้กูคิดมากด้วยล่ะ"
"ชานยอล"
"อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลยแบคฮยอน กูไม่สำคัญกับมึงยังไง มึงก็ไม่สำคัญกับกูอย่างนั้นแหละ"
"ช ชานยอล"
คนพี่ลุกเดินออกจากห้องครัวไป ปล่อยให้ร่างเล็กนั่งจมอยู่กับความสงสัย การที่ชานยอลโมโหขนาดนี้ต้องเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
แบคฮยอนนึกทบทวนว่าวันนี้เขาทำตัวไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า แต่เป็นเพราะตอนนั้นอารมณ์มันพาไปเลยทำให้เขามองข้ามสิ่งที่ทำให้ชานยอลนึกน้อยใจจนไม่รู้ว่าตัวเองทำสิ่งไหนผิด
"ชานยอล โกรธอะไรหรอ?"
ร่างเล็กยืนเคาะประตูเรียกพี่ชายเสียงอ่อย
"ขอโทษ หายโกรธได้ไหม?"
แต่พี่ชายคนนั้นกำลังทำใจแข็งอยู่บนที่นอน
"บอกนะ จะได้ปรับปรุง"
เขาอยากเปิดประตูให้ตั้งแต่ได้ยินเสียงความคิดของน้องชายตอนเดินวนอยู่หน้าห้องเป็นนานสองนานแล้ว
"แบคฮยอนไม่ดีตรงไหนชานยอล ออกมาบอกแบคฮยอนหน่อย"
เสียงเล็กกำลังขึ้นจมูกช้าๆ
"อย่าโกรธแบคฮยอนนานเลยนะ แบคฮยอนขอโทษ"
มือหนาจับลูกบิดประตูแน่นราวกับกำลังบีบหัวใจตัวเองที่เริ่มรู้สึกปวดร้าว
"ออกมาดีกันเร็วๆนะชานยอล"
สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทำให้แบคฮยอนต้องร้องไห้
ไม่ใช่คนไหนไกล...แต่เป็นปาร์คชานยอลคนที่บอกว่าจะปกป้องแบคฮยอนคนนี้นี่เอง
"ขอโทษ หายโกรธแล้ว หยุดร้องไห้นะ" ได้ไม่นานหรอกที่พี่ชายจะใจแข็งได้ยินเสียงน้องตัวเองร้องไห้ "หยุดร้องนะครับ"
"น้องแบคขอโทษ"
น้องชายร้องไห้จนตัวโยน ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นเด็กน้อยตัวกระจ้อยร่อยได้ถึงขนาดนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะอ้อมกอดพี่ชายแข็งแรงและอบอุ่น มันใหญ่จนทำให้รู้สึกเหมือนกลายเป็นน้องแบคของพี่ชานเมื่อสมัยยังเด็กอีกครั้ง
แต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือปาร์คชานยอลหายโกรธ บยอนแบคฮยอนคนนี้เป็นปลิดทิ้ง
"พี่ไม่โกรธเราแล้วนะ พี่ขอโทษ"
เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วคนที่ต้องเอ่ยคำขอโทษคือแบคฮยอน แต่วินาทีนี้กลับกลายเป็นปาร์คชานยอลซะเองที่คอยพร่ำคำนี้ออกไป
ร่างสูงจูงน้องชายเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำหลังจากกระหน่ำพายุน้ำตาจนเละเทะดูไม่ได้
ดวงตาเรียวเล็กบวมเป่งแทบจะเปิดไม่ขึ้น คนตัวสูงกว่าจัดแจงเทน้ำแข็งใส่แก้วแล้วเอาช้อนแช่เอาไว้
"ตกลงโกรธอะไร บอกได้ยัง"
"บอกแล้วจะปรับปรุงแน่นะ"
"อื้อ" หัวกลมผงกขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
"อย่าใช้คำพูดทำลายน้ำใจกันบ่อยๆได้ไหม"
"ได้" เสียงจ้อยตอบรับแทบจะทันที
"รู้หรอว่าคำพูดทำลายน้ำใจคืออะไร"
"ไม่รู้"
"แล้วจะปรับปรุงได้ไง"
"บอกมาสิ จะทำให้"
"หลับตา" มือหนาหยิบช้อนแช่เย็นขึ้นโปะดวงตาเด็กดื้อที่นอนหนุนตัก "ก็ง่ายๆ จะพูดอะไรก็คิดถึงจิตใจกันหน่อย คิดก่อนพูดน่ะ"
"ได้" มือเล็กคลึงชายเสื้อตัวเองเหมือนคนกำลังใช้ความคิดแล้วก็หยุดลง ก่อนจะเคลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับปลายช้อนแทรกมือหนาที่จับอยู่ก่อนให้ปล่อยออกไป
"อะไร?"
"มือ" แล้วใช้มือที่ว่างอีกข้างหนึ่งควานหามืออบอุ่นแล้วสอดประสานกันไว้ "ขอบคุณนะที่ไม่โกรธนาน"
ปากหยักยกยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงสวย ถ้าไม่ติดว่ามีช้อนปิดเปลือกตาไว้ชานยอลคงได้เห็นแววความสุขอันยิ่งใหญ่ของน้องชายผ่านนัยตาเรียวหยีคู่นี้ได้อย่างชัดเจน
คนตัวเล็กของเขาน่ารักอย่างนี้เสมอ จะว่าไป...การที่ได้ยินเสียงความคิดของแบคฮยอนโดยไม่ต้องสบตาก็ถือว่าเป็นเรื่องดีอันดับต้นเรื่องหนึ่งในชีวิตเหมือนกันนะ
"เซฮุนๆๆๆ หยุดก่อนๆๆๆ" เท้าเล็กออกแรงซอยถี่ก่อนจะกระชากคอเสื้อเพื่อนชายตัวสูงกว่าให้หยุดเคลื่อนไหว
"เหวยยยยย~ ไอ้แบคฮยอน กูล้มขึ้นมาทำไง" เซฮุนร้องเสียงหลงเมื่อร่างกายต้านทานความแข็งแรงของเพื่อนตัวจ้อยไม่ไหว
"มึงต้องช่วยกูก่อน"
"ช่วยตัวเองดิสัส มาให้กูช่วยได้ไง"
"จะให้กูช่วยกลับป่ะล่ะ ไม่โกงนะ" คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้แบคฮยอนเอียงศีรษะใส่อย่างกวนเบื้องล่างจนเซฮุนต้องยอมแพ้
"ไอ้คนลามก" นิ้วเรียวดันหน้าผากมนจนหงายเงิบไปหนึ่งที "ไหน? จะให้ช่วยอะไร?"
"มึงคุ้นรถคันนี้ป่ะ กูนี่คุ๊นนนนนคุ้นจนหงุดหงิดทั้งคืนละ"
"หืม" ดวงตาเซฮุนเบิกกว้างขึ้นพร้อมขยับใบหน้าเข้าใกล้หน้าจอโทรศัพท์เพื่อเพื่อเพิ่มวิศัยทัศน์ในการมองเห็นให้ชัดเจน "นี่มัน..."
"ใช่ไหมๆ มึงก็คุ้นเหมือนกันใช่ไหม"
"นี่มันดูคาติมอนสเตอร์เลยนี่หว่า ไหนมึงบอกไม่ชอบรถคันใหญ่ไง แล้วไปแอบถ่ายมาทำไม"
"ไม่ใช่อย่างนั้นสิวะ" คนตัวเล็กตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่กับความเข้าใจผิดของเพื่อนรัก "กูให้ดูว่ามึงคุ้นรถคันนี้หรือเปล่า"
"คุ้นดิ ดูคาติมอนสเตอร์ไง"
"เซฮุน มันเกี่ยวกับคยองซูนะ"
"ทำไม ไอ้คยองซูจะซื้อรถคันนี้หรอ ไปบอกให้มันค้ำจักรยานแม่บ้านให้ถึงก่อนเถอะ โอ๊ย! ตบหัวกูทำไมง่ะ"
"นี่มึงโง่หรือเปล่า ลืมสมองไว้ในท้องแม่หรือไง หรือตอนคลอดหมอดึงหัวแรงเกินไปจนสมองหลุดติดมือ"
"คงงั้นมั้ง" เซฮุนลูบหัวตัวเองป้อยก่อนจะตอบเสียงอ่อย แต่เป็นเพราะเขาแค่ต้องการจะแกล้งกวนประสาทเพื่อนเล่นเท่านั้น ไม่ได้โง่จริงแต่อย่างใด "รถรุ่นนี้ใช้อยู่ไม่กี่คนหรอก คนแรกก็พี่ชายมึง คนที่สองก็นักเรียนหัวโปกแผนกช่างออกแบบ คนที่สามก็ลุงข้างบ้านกู คนที่สี่ก็ไอ้จงอินโรงเรียนฮอ ส่วนคนที่ห้าน่าจะเป็นพี่แจจินมหา'ลัยเสือ"
"ไอ้จงอินหรอ..."
"บอกชื่อมาตั้งห้าคนมึงจำได้แค่ไอ้จงอินงั้นหรอ"
"แล้วมันควรจะเป็นพี่ชายกูหรือลุงข้างบ้านมึงดีล่ะ ที่เอาตัวเพื่อนพวกเราไป"
"แล้วมึงมีหลักฐานอะไรที่ทำให้คิดว่าไม่ใช่พี่ชายมึงกับลุงข้างบ้านกูล่ะ?" ได้ยินอย่างนั้นแบคฮยอนถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่มันรู้จักความน่าจะเป็นบ้างไหมเนี่ย
"กูเห็นกระเป๋าตราโรงเรียนฮอวางอยู่บนโต๊ะหน้าบ้าน"
เซฮุนขยับมุมปากเบ้ลงเล็กน้อยอย่างหมั่นไส้ "เป็นนักเลงหรือเป็นนักสืบครับเนี่ย"
"กูจะไลน์ไปถามชานยอลว่าเห็นไอ้จงอินที่โรงเรียนหรือเปล่า"
"ช่วงนี้ติดไลน์จังน้า"
"หรือจะให้กูส่งรหัสมอส โง่จริง"
แบคฮยอนถามพี่ชายที่วันนี้เปลี่ยนสถาบันไปอีกที่หนึ่งตรงข้ามกัน แล้วชานยอลก็ตอบกลับมาว่าคิมจงอินไม่ได้มาโรงเรียนสองวันแล้วตั้งแต่วันจันทร์ ส่วนคยองซูเองก็หายไปสองวันแล้วเช่นกัน
"น่าสงสัยชิบหาย"
"ไปหาแม่งเลยไหม" เลือดร้อนสมกับเป็นเลือดนักสู้สูบฉีดให้เซฮุนก้าวเท้ากลับไปยังโรงรถ เส้นเอ็นทุกส่วนในร่างกายกระตุก "คิดจะจับเพื่อนกูไปเป็นตัวประกันงั้นหรอ ไอ้สวะ ไอ้มารสังคม ไอ้กากเดน ขอให้เจ็บฟันคุด ขอให้ปวดไส้ติ่ง"
"เดี๋ยวๆ มึงใจเย็นไหมยังไง?"
"เย็นได้ไง มันจับตัวเพื่อนเราไปนะเว้ย!"
"กูเล่าข้ามเรื่องที่คุณน้าซงบอกว่านั่นคือบ้านเพื่อนมันที่ไปนอนค้างคืนทำรายงาน"
"ทำรายงาน วิชาไรอ่ะ?"
"ก็เพราะมันไม่มีรายงานไง กูถึงได้ตงิดอ่ะ"
"งั้นก็แปลว่าไอ้คยองซูถูกบังคับขืนใจอ่ะดิ"
ร่างเล็กถอนหายใจยาวอีกครั้งให้กับความซื่อบื้อของเพื่อนตัวสูง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากเสียเพื่อนไป "เอาเป็นว่าเย็นนี้เราค่อยไปด้วยกัน ตอนนี้ก็ไปตั้งใจเรียนเถอะ สงสารพ่อแม่"
แบคฮยอนตบไหล่กว้างไม่กี่ทีก็ออกเดินไปยังตึกเรียน ทักทายรุ่นน้องและเพื่อนรุ่นเดียวกันไปตลอดทางจนเจอเข้ากับเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่ใส่ชุดต่างสถาบัน
วันนี้เป็นเวรมินซอกที่ต้องมาประจำโรงเรียนชอ และเป็นเพราะพวกเขามาสายเลยไม่ได้ขึ้นไปพูดหน้าเสาธงอย่างที่ควรจะทำ
"เฮ้แบคฮยอน ช่วยพาพวกเราไปห้องผู้อำนวยการหน่อยสิ"
"อะไรเนี่ย ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้"
"ก็ไอ้จุนฮยองไง ดันตื่นสาย" คนถูกพาดพิงหันหน้าไปอีกฝั่งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะผิวปากเป็นเพลงฮิปฮอปที่เจ้าตัวชอบ
แบคฮยอนรู้สึกดีกว่าเมื่อวานหลายเท่าที่ไม่ต้องกลายเป็นคนแคระแห่งภูเขาโลนลี่ เพราะทีมพลอยเซ็ตนี้ขนาดตัวไล่เลี่ยกับเขาแบบไม่ต้องเงยหน้าพูด
"ฉันชื่อมาร์ติน ยินดีที่ได้รู้จักนะ นาย เอ่อ..."
"แบคฮยอน บยอนแบคฮยอน" ร่างเล็กยื่นมือทักทายกลับอย่างเงอะๆงะๆ
"ไนซ์ทูมีทยูนะแบคฮยอน"
"นายไม่ใช่คนเกาหลีหรอ?"
"ไม่ใช่ ฉันเป็นคนอังกฤษ นายสปี้กอิงลิชได้หรอ"
"โนโนโน" แบคฮยอนโบกมือเป็นพัลวันแถมส่งยิ้มแหยกลับไป ทักษะทางภาษาเขาไม่ได้แย่ค่อนไปทางสูงอีกต่างหาก แต่เพราะไม่เคยได้ใช้เลยกังวลว่าจะพูดผิดๆถูกๆ
"จ้า โนจ้า" มาร์ตินยิ้มอย่างเป็นมิตรตามแบบฉบับนิสัยส่วนตัว "ไปหัดมานะ จะได้มาคุยกัน"
"โอเค ฉันจะพยายามนะ"
จริงๆโรงเรียนนี้ไม่ได้กว้างขวางอย่างที่คิดเอาไว้ แต่ตึกเรียนดันซ้อนกันเป็นเขาวงกต ส่วนเด็กนักเรียนเองก็ไม่ได้เกเรตามคำร่ำลือ
และก่อนที่จะใช้เวลามากไปกว่านี้มินซอกก็เร่งให้แบคฮยอนเดินนำไปหาอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน และแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเองไปทั้งวัน
TBC.
#หัวไม้ชานแบค
จนได้อ่ะ
ขอให้คนโสดมีความสุข
ความคิดเห็น