ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✰ หัวไม้ ' {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #8 : หัวไม้ : 06 {100%}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.15K
      8
      11 มี.ค. 58


     



    CR.SHL





              เช้าวันเสาร์ที่สงบสุขได้กลับคืนมาสู่ชีวิตของปาร์คชานยอลอีกครั้งหลังจากที่มัน หายไปเกือบสามปีเต็ม เพราะวันนี้เขาไม่ต้องตื่นขึ้นจากเสียงโวยวายของแบคฮยอน ร่างสูงลุกขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมพูดกับตัวเองในใจว่า 'เช้าที่สดใสรอเราอยู่'

     

              เปิดประตูออกมาจากห้องนอนเพื่อตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ แต่แล้วหางตาก็เผลอไปเห็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้น ซึ่งถ้าไม่เห็นมันคงจะดีกว่านี้

     

              "ม๊า!!" ร่างสูงผงะไปชั่วครู่ อวัยวะทุกส่วนแข็งไปถึงกระดูกดำ

     

              "อรุณสวัสดิ์ลูกชายสุดที่รัก ทำไมตื่นสายจังเลยล่ะลูก"

     

              "ม๊ามาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่บอกหนูก่อนล่ะ?"

     

              "ม๊าแค่แวะมาเข้าห้องน้ำ พอดีมาหาลูกค้าแถวนี้..." หญิงสาวลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้ามาหาลูกชาย "น้องล่ะ?"

     

              "ม๊ากินแอปเปิ้ลไม่ได้นะ!" ชานยอลดึงแอปเปิ้ลเนื้อแหว่งที่เกิดจากการปอก ก่อนที่จะเข้าปากผู้เป็นแม่ไว้ได้ทัน

     

              "อ้าว ทำไมล่ะ ม๊าหิวนะ"

     

              "ค คือ ...ไอ้แบคฮยอนมันจะเอาไปแก้บนน่ะ ม๊ากินเข้าไปเดี๋ยวก็บาปหรอก"

     

              "งั้นมีอะไรให้ม๊ากินบ้าง" คุณนายปาร์คเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นในครัวโดยมีลูกชายปาร์คเดินตามหลังไปติดๆ "วันเกิดใครเนี่ย?"

     

              "ม๊ากินเค้กไม่ได้นะ!" เป็นอีกครั้งที่ชานยอลแย้งการกระทำของแม่ตัวเอง

     

              "ไม่กินหรอก ช่วงนี้ม๊าลดหุ่นอยู่ แล้วตกลงมีอะไรให้ม๊ากินบ้าง"

     

              ร่างสูงมุดหัวเข้าไปในตู้เย็นหยิบกับข้าวที่ทำเก็บเอาไว้ออกมาอุ่น เมื่อทั้งบ้านส่งกลิ่นหอมเสียงบานประตูห้องนอนอีกห้องก็ดังขึ้น

     

              "หิววววววว" เสียงเล็กแจ้วมาถึงห้องครัวก่อนเจ้าตัวจะโผล่มาซะอีก

     

              "ตายแล้วแบคฮยอน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมนิ้วเป็นแบบนี้ล่ะ?"

     

              "หนูฝึกปอกแอปเปิ้ลครับ ชานยอลเลยแปะพลาสเตอร์ให้"

     

              "โถ่ ม๊าตกใจหมดเลย"

     

              "ว่าแต่... ม๊ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" คนตัวเล็กเกาหัวแกรกๆก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้

     

              "เมื่อเช้า งั้นม๊าไปก่อนนะ"

     

              "อ้าวม๊า ไม่กินข้าวก่อนล่ะ หนูอุตส่าห์อุ่นกับข้าวให้นะ" พ่อครัวจำเป็นตะโกนขึ้นเมื่อมารดากำลังจะเดินออกไป

     

              "ค่อยไปกินพร้อมลูกค้าดีกว่า พวกหนูกินไปเถอะ ม๊าไปละ"

     

              ชานยอลเดินออกไปส่งปาร์คยูราหน้าบ้านก่อนจะกลับเข้ามาอุ่นกับข้าวให้คนกินคนใหม่ แบคฮยอนเท้าคางรอมื้อเที่ยงอย่างละเหี่ยใจ รู้สึกว่าตัวเองง่วงเหงาหาวนอนเหลือเกินในเที่ยงวันหยุดนี้

     

              "ทำไมตื่นสาย เมื่อคืนนอนดึกไง?"

     

              "อืม นอนไม่ค่อยหลับ"

     

              "เครียดหรอ?"

     

              "อืม" หัวกลมขยับขึ้นลงก่อนจะเลื้อยลงไปวางแหมะบนโต๊ะแล้วปิดเปลือกตา แบตเตอร์รี่ร่างกายอ่อนเหลือเกิน

     

              "คิดมากเรื่องอะไร?"

     

              "ไม่รู้ คิดไปหมดทุกอย่าง"

     

              "ทำไมไม่แช่แอปเปิ้ลเข้าตู้เย็น" ร่างสูงเบี่ยงประเด็นเพราะกลัวว่าถ้าลงลึกมากกว่านี้จะกลายเป็นเขาเสียเองที่จิตตก ปรับให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติก่อนจะเรียงมื้อเที่ยงลงบนโต๊ะ "เดี๋ยวก็เน่าหมดหรอก"

     

              "ก็ง่วง ขนมาแช่ได้แค่ครึ่งเดียวตามันก็จะปิดอยู่นั่นแหละ" พูดไปศีรษะกลมก็ขยับไป

     

              การตอบสนองของแบคฮยอนค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็ดับ น้องชายของเขาหลับไปอีกครั้งท่ามกลางกลิ่นหอมของมื้ออาหาร

     

              ชานยอลกวาดเอาแอปเปิ้ลที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาเข้ามาเก็บในตู้เย็น ส่วนร่างน้อยที่พาตัวเองเข้าไปวิ่งเล่นในความฝันก็คงต้องปล่อยเอาไว้แบบนี้ จนกว่าจะตื่นขึ้นมาเองเมื่อถึงเวลา

     

              จริงๆชานยอลอยากอุ้มน้องชายไปนอนเหยียดบนเตียงนุ่มมากกว่าฟุบหน้าลงกับโต๊ะ แต่เพราะอุบัติเหตุครั้งล่าสุดที่ทำให้นิ้วหัวแม่มือได้รับบาดเจ็บก็ทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจ ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้ดูท่าจะปลอดภัยกว่า ปลอดภัยสำหรับตัวกูเองนะ

     

              'นิ้วชานยอลตลก'

     

              "......."

     

              'นิ้วอ้วนเหมือนตัวชานยอลเลย'

     

              "......."

     

              'ยิ้มก่อนสิฮะ'

     

              "......."

     

              'เจ็บจริงๆหรอ'

     

              "......."


              อะไรกัน? นี่เขาได้ยินเสียงความฝันแบคฮยอนด้วยหรอ จะแอดว๊านซ์มากเกินไปแล้วนะ ไม่ได้ต้องการถึงขนาดนี้ซะหน่อย

     

              'แบคฮยอนขอโทษ ถ้าเป่าเพี้ยงต้องหายนะ'

     

              "......."


              ร่างสูงเดินออกมาจากห้องครัวให้ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงออดอ้อนของน้องชาย ในวัยเด็ก เขาไม่อยากก้าวข้ามความเป็นส่วนตัวของแบคฮยอนไปมากกว่านี้

     

              เพราะบางที...ความรู้สึกบางอย่างมันก็ควรที่จะเก็บไว้เป็นความลับ

     

     

     


     

              ทันทีที่ลืมตาตื่นแล้วรู้ว่าตัวเองฟุบหลับอยู่บนโต๊ะกินข้าว แบคฮยอนก็โวยวายใส่ร่างสูงใหญ่ ว่าปล่อยให้เขานอนหลังขดหลังแข็งแบบนั้นได้ยังไง ช่างเป็นพี่ชายไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ถ้าเขาคอหักตายจะตามหลอกหลอนจนคุณริวก็ช่วยอะไรไม่ได้ คอยดู

     

              "พอเถอะแบคฮยอน ปล่อยให้ขี้หูกูพักผ่อนบ้าง"

     

              "ก็มันหิวอ่ะ ดูเวลาสิ" นาฬิกาบนผนังชี้เวลาบ่ายสองคาบไปบ่ายสาม แน่นอนล่ะว่าคนตัวเล็กตื่นขึ้นมาเพราะเสียงประท้วงจากท้อง

     

              "หิวก็กิน ไม่ใช่มาบ่นเป็นผึ้งแตกรังแบบนี้ แก้ไขให้มันถูกจุดสิ ข้าวก็เคี้ยวอยู่ยังจะพูดมากไปถึงไหน"

     

              "โมโหหิวอ่ะ โมโหหิว เข้าใจ๊?" ดูท่าว่าน้องชายเขาจะโมโหจริงๆนั่นแหละ กระแทกช้อนจนเม็ดข้าวกระเด็นออกมานอนแผ่อยู่นอกจานกันเลยทีเดียว

     

              "หิวก็กินไปเงียบๆ ห้ามบ่นในใจด้วย"

     

              แบคฮยอนพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างหมั่นไส้จนเนื้อสัตว์ในจานข้าวกระพือ ถ้าเปรียบเทียบอารมณ์แล้วตอนนี้คนตัวเล็กคงกำลังเป็นหญิงสาวประจำเดือนอยู่แหง

     

              "จะบ่นจนกว่าจะตายกันไปข้างนึงเลย"

     

              "ข้างไหนกับข้างไหน?"

     

              "ข้างกูกับข้างมึงนี่ไง" ร่างเล็กใช้ส้อมชี้แทนนิ้วไปที่หน้าพี่ชาย

     

              "ใครจะไปยอมตายก่อนมึง บ้าป่ะ?"

     

              "ก็ดี"

     

              "ก็ดีอะไร?" ชานยอลกลับคิดว่าศึกครั้งนี้มันยุติลงง่ายนักเขาจึงถามย้ำกลับอย่างแปลกใจ

     

              "ก็...ก็ลองมาคิดๆดูแล้ว ถ้ามึงตายก่อนจริงนี่กูคงแย่อ่ะ"

     

              "แย่ยังไง?"

     

              "ก็แล้วใครจะมาทำของอร่อยๆพวกนี้ให้กูกินล่ะ ไหนจะงานบ้านงานเรือนอีก คงแปลกพิลึกถ้ากูต้องลุกมาปัดกวาดเช็ดถูทำทุกอย่างเอง" แบคฮยอนกลืนข้าวแล้วกระดกน้ำตามอย่างเฝื่อนคอ

     

              "วันนี้พูดดีนะครับ มีอะไรจะสารภาพหรือเปล่า?" คนพี่หลิ่วตาใส่หวังให้คนมีพิรุธยอมเผยไต๋กับคำพูดที่ดูแปลกไป

     

              "เปล๊า แค่พูดความจริง"

     

              "อ้อเหรอออออออ~"

     

              "กวนตีนหรอไอ้ห่า ไปล้างจานเลยมึง" ร่างเล็กสะบัดตูดไปนอนแผ่บนโซฟาหลังจากอิ่มเอมไปกับมื้อแรกของวัน



     

              เขาต้องพยายามอย่างมากในการจ้องหน้าจอโทรทัศน์เพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวสายตา มากกว่าใบหน้าทะเล้นของพี่ชายที่คอยก่อกวนเวลาว่างอันน้อยนิด

     

              แบคฮยอนรู้สึกว่าตัวเองโง่งมเหลือเกินที่พูดอะไรเสี่ยวๆออกไปก่อนหน้านี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาสามารถเอาชนะชานยอลได้ทุกอย่างไม่ว่าทางคำพูดหรือการกระทำ

     

              "โมโหไปก็เท่านั้นแหละ เด็กอ้วน"

     

              "เด็กอ้วนอะไรเล่า!"

     

              "ยอมรับมาเหอะว่าตัวเองอ้วน"

     

              "ชานยอล..." ใบหน้าเล็กงอง้ำกดเสียงต่ำเพื่อบ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก "ถ้าล้ออีกทีจะไม่คุยด้วยแล้วนะ"

     

              "ก็อ้วนจริงๆนี่นา" ร่างสูงกระโดดตะครุบน้องชายบนโซฟาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะหายไปไหน เขาฝังใบหน้าแบคฮยอนไว้กลางอกจนแขนเล็กทุบเข้าให้หลายที

     

              "ทำบ้าอะไรวะ!"

     

              "หมั่นเขี้ยว" แก้มยุ้ยถูกยืดดึงออกจากกันจนใบหน้าน่ารักกลายเป็นแปลกประหลาดผิดรูปผิดทรง "เก็บอะไรไว้ในกระพุ้งแก้มเนี่ย~"

     

              "หยุดเดี๋ยวนี้นะ ชานยอล"

     

              "เด็กกกกกกกอ้วนนนนนนน~" ชานยอลลากเสียงยาวซะจนปากจู๋พร้อมกับโยกคนตัวเล็กไปมาด้วยความเอ็นดู

     

              "หยุดว่ากูได้แล้ว"

     

              "เด็กอ้วนปั้นย๊าคคคคคคค" ยิ่งกว่าถูกสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกกลางหน้า ปาร์คชานยอลลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นด้วยท่าทางแตกต่างจากคนทั่วไปหลังจากโดนคนตัวเล็กเสยหมัดเข้าใต้คาง "ทำไมต้องทำร้ายร่างกายเค้าด้วยง่ะ"

     

              "สมน้ำหน้า ใครเขาใช้ให้มาล้อปมด้อยกันล่ะ"

     

              "ก็มันหมั่นเขี้ยวนี่นา"

     

              "หุบปากไปเลยถ้าไม่อยากเข้าเฝือกนิ้วอีกข้าง"

     

              "คร้าบบบบบบบ" เมื่อคำประกาศิตจบลงชานยอลก็ยอมสงบปากสงบคำแต่โดยดี เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนอ้วนอย่างแบคฮยอนอีก กลัวโดนทับตาย

    ส่วนบนของฟอร์ม

     


     

              เย็นวันนั้นหลังจากเสร็จภารกิจบนโต๊ะอาหาร ชานยอลก็โดนตามตัวให้ไปทำงานในโรงเรียนด่วน โปรเจคงานปีสุดท้ายที่เพิ่งเซ็นอนุมัติราวกับต้องขอความเห็นจากอาจารย์ทุกตำแหน่งก็ผ่านเรียบร้อย

     

              โชคดีที่มื้อเย็นสำเร็จลุล่วงไปแล้วเขาเลยไม่เป็นห่วงการเป็นอยู่ของน้องชายตัวเองสักเท่าไหร่ แต่งตัวพร้อมออกจากบ้านตั้งใจอธิบายเหตุผลให้ร่างเล็กที่เอาแต่สนใจหนังสืบสวนสอบสวนในจอแก้วฟัง ก่อนจะโดนไล่ตะเพิดออกมานั่งงอนอยู่บนมอเตอร์ไซด์คันใหญ่โดยไร้การง้อ

     

              เมื่อขับรถมาถึงโรงเรียนเพื่อนในกลุ่มงานก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่คนอย่างปาร์คชานยอลหรือจะแคร์ที่เป็นตัวถ่วงของเพื่อน บอกเลยว่าไม่ครับ เพราะเพื่อนในกลุ่มเองก็ไม่ได้แคร์เขาสักเท่าไหร่เหมือนกัน

     

              "กูมาแล้ว"

     

              "เออ เห็นแล้ว"

     

              "เอ๊า พวกเหี้ยครับ ทำงานสิ ตามให้กูมาเปลี่ยนที่แคะหนังตีนหรือไง?" คนตัวสูงเดินเข้าไปถีบเก้าอี้ที่เพื่อนนั่งอยู่เพื่อเรียกสติเป็นรายตัว

     

              "แปปดิ ฮเยจองยังไม่มาเลย"

     

              "ใครคือฮเยจองวะ?" ชานยอลหันไปขอคำตอบจากมินซอกที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังไม้กระดาน

     

              "ก็รุ่นน้องปีสองที่น่ารักๆไง" แต่คำตอบก็มาจากอีกทางหนึ่ง

     

              "โรงเรียนนี้มีคนน่ารักด้วยหรอ?"

     

              "ไอ้นี่ มึงเคยมองไปรอบตัวบ้างป่าว?" เมื่อคำถามถูกตอบด้วยคำถาม ชานยอลเองก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะหมุนรอบตัวเองเป็นวงกลมเพื่อมองไปรอบตัวเหมือนที่จุนฮยองบอก "อย่าบอกว่ามึงกำลังมองไปรอบตัวนะ"

     

              "ก็ใช่น่ะสิ"

     

              ...ไม่มีคำตอบรวมถึงคำถามสำหรับคำตอบ

     

              ทุกคนละแวกนั้นเพียงทำหน้าเบื่อหน่ายและหันกลับไปสนใจกิจกรรมที่ทำค้างไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือการเล่นเกมต่อ

     

              ผ่านไปราวยี่สิบนาทีฮเยจองที่ทุกคนรอคอยก็เดินทางมาถึงจุดนัดพบ สองมือเธอเต็มไปด้วยถุงขนมจากร้านสะดวกซื้อที่แบกมาเพื่อเป็นการไถ่โทษทุกคนในกรณีมาสายโดยเฉพาะ

     

              "อ้าว เธอเองหรอ"

     

              "ใช่ค่ะ พี่แบคฮยอนไม่มาด้วยหรอคะ" ยัยฮเยจองหญิงสาวจอมหื่นหันมาเกาะแขนเขาตาแป๋ว

     

              "ฉันไม่ให้น้องชายเอาชีวิตมาเสี่ยงกับเธอหรอก ยัยผู้หญิงน่ากลัว"

     

              แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็พุ่งชีวิตเข้าหาถุงขนมบนโต๊ะราวกับว่าถ้าไม่ได้กินมันวันนี้จะต้องไร้ลมหายใจตายไปตอนนี้แน่ๆ

     

              "งั้นเริ่มงานกันเลยดีไหม? จะได้ไม่ดึก" เมื่อขนมล็อตแรกหมดลงเบนดิกก็เช็ดมือกับชายเสื้อคนข้างๆก่อนจะลุกขึ้นหยิบอุปกรณ์

     

              "กลัวผีหรือไงไอ้ฝรั่ง"

     

              "ปากดีไปให้สุดนะครับคุณฝาแฝด" เมื่อโดนแฝดคนละฝาอย่างแม็กซิมั่มตัวสูงชะลูดกับมินิไมซ์ตัวเตี้ยเท่าตอม่อเล่นงาน มีหรือคนอย่างเบนดิกจะยอม ฝรั่งตาน้ำข้าวแทบจะใช้ค้อนปอนด์ที่อยู่ในมือทุบหัวพวกมันสองคนให้แตกละเอียดแล้วเอาไปผสมในน้ำดื่มเพื่อบำรุงกำลัง

     

              "เดี๋ยวนี้คงไม่ร้องกรี๊ดเหมือนเมื่อก่อนแล้วโน๊ะ"

     

              "ถ้าพวกมึงสองตัวยังไม่หยุดกูจะสับจู๋พวกมึงให้แหลก"

     

              ชานยอลบ่นในใจว่าเขาคิดดีแล้วที่เอาไอ้แฝดสองตัวนี้ออกจากทีมพลอย เพราะพวกมันนี่แหละที่ทำให้การสอดแนมของพวกเขาล้มไม่เป็นท่าเมื่อตอนหัวหน้าฝ่ายสืบสวนในกองตำรวจมาขอช่วยให้ไปทลายวงไฮโลเมื่อครึ่งปีก่อน

     

              "ฉันว่าพวกพี่ควรหยุดตีกันเพื่อให้งานมันเริ่มได้แล้วนะคะ" สาวน้อยคนเดียวในเวลานี้ช่างทำหน้าที่ได้เหมาะสมเสียจริง

     

              เมื่อทุกคนเริ่มมีหน้าที่เป็นของตัวเองความจริงจังก็เข้ามาแทนที่อารมณ์ทั้งหมด แต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดเมื่อคนเราลงแรงไปแล้วความเมื่อยล้าก็มักจะตามมาด้วยเสมอ

     

              หลังจากก้มๆเงยๆอยู่นานชานยอลก็เริ่มรู้สึกว่าหลังเขากำลังจะเสีย เข้าใจแล้วว่าเวลาคนแก่บ่นปวดหลังมันรู้สึกอย่างไร

     

              "พักเหอะว่ะ ไม่ไหวละ"

     

              ทุกคนทำหน้าเห็นด้วยเมื่อผ่านไปหลายชั่วโมงงานที่ทำอยู่ก็คืบหน้าสวนทางกับเรี่ยวแรงที่เริ่มหดหาย ยิ่งตอนนี้อากาศหนาวขึ้นและเวลาก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ร่างกายต้องการเติมพลังอีกครั้ง

     

              ชานยอลเริ่มรู้สึกว่าเขากำลังกังวลกับอะไรบางอย่าง จนเมื่อบังเอิญหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก็รู้ได้ว่าเขากำลังเป็นห่วงคนที่บ้านเมื่อเห็นข้อความจากน้องชาย

     

     

    BaekYeol
    20:47 P.M.   .
    21:19 P.M.   กลับดึกหรอ?
    21:32 P.M.   ให้รอไหม?

    ChanHyun
    22:15 P.M.   น่าจะดึกอ่ะ
    22:15 P.M.   ไม่ต้องรอหรอก
    22:18 P.M.   ถ้าจะนอนก็ล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อยด้วย

     

     

              ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสำรวจความเรียบร้อยของฐานรองอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ว่ามันจะแข็งแรงพอสำหรับรับน้ำหนักโมเดลตึกที่พวกเขาออกแบบ และยื่นมือรับน้ำอัดลมมาจากหญิงสาวที่ทำหน้าที่เป็นสวัสดิการอย่างขยันขันแข็ง

     

     

    ChanHyun
    22:38 P.M. หลับแล้วหรอแป๊ก?

     

     

              ไม่มีคำตอบหรือแม้แต่ขึ้นว่าเจ้าตัวอ่านข้อความ เขาเลยฟันธงว่าน้องชายหลับไปแล้วและไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของร่างเล็กต่ออีก




     






     

     

              "กูลืมเอากาวร้อนมาว่ะ"

     

     

     

              "โหยอิเหี้ย กูเตือนมึงแล้วนะ" จุนฮยองผู้ใจร้อนที่สุดในกลุ่มเงยหน้าจากการเลื่อยไม้ขึ้นมาชี้หน้าด่าฮยอนซึงรูมเมทตัวเองอย่างใจกล้า

     

              "ก็กูลืมนี่หว่า มึงจะอะไรนักหนา ทำอย่างกับกูตามไปฆ่าแมวมึงในหลุมศพงั้นแหละ"

     

              "งี้งานก็ต้องหยุดแค่นี้อ่ะดิ"

     

              "มึงกะจะทำให้เสร็จวันนี้เลยหรือไง แบ่งไปทำวันอื่นบ้างเหอะ"

     

              "ก็กูกำลังเพลินเลยนี่หว่า"

     

              "คนอื่นเขาเพลินกับมึงไหมแหกตาดูด้วย ไอ้มาร์ตินเหนื่อยจนจะบินกลับประเทศอยู่ละนั่น ห่า"

     

              "เออๆก็ได้ กูเห็นแก่น้องฮเยจองหรอกนะ" ทุกคนวางเครื่องไม้เครื่องมือกันเป็นกลุ่มก้อนแล้วเดินมานั่งรวมกันตรงโต๊ะไม้ยาวอีกครั้ง

     

              เมื่อการทำงานหยุดลงเสียงจิ้งหรีดก็ดังแทรกความเงียบขึ้นมาอย่างถือวิสาสะ ทั้งสิบคนมองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรอยู่สักพักจนเริ่มได้กลิ่นไม่ดี

     

              "มึง กูว่ารีบกลับเหอะว่ะ"

     

              "กลัวแล้วอ่ะเด้ไอ้ฝรั่ง"

     

              "เออ ยอมรับก็ได้ว่ากลัว พวกมึงไม่ได้กลิ่นหรอวะ" สองแฝดทำจมูกฟุตฟิตแล้วพยักหน้า

     

              "กลิ่นตดฉันอ่ะหรอ?"

     

              "หา?" ดวงตาทั้งเก้าคู่หันไปมองเพศที่แปลกแยกไปจากตรงนี้ทั้งหมดด้วยความฉงน

     

              "ก็พี่เบนดิกบอกว่าได้กลิ่นแปลกๆ"

     

              "ใช่ อย่าบอกนะว่าเธอ...ตด"

     

              "อื้อ ทำไมล่ะ ก็มันอั้นไม่อยู่นี่" หญิงสาวตอบออกมาอย่างหน้าตาเฉย ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องธรรมชาติของโลกที่ทุกคนเข้าใจ แต่ก็ควรบอกกันก่อนหรือขอตัวไปปล่อยที่ไกลๆไหม? มันเหม็น!

     

              "ทุเรศชะมัด กลับกันเถอะ ขืนอยู่ต่อมีหวังโพรงจมูกพังกันพอดี" ดงอุนลุกออกจากโต๊ะคนแรกเป็นการนำทีม หลังจากนั้นทุกคนก็ประนามฮเยจองก่อนจะลุกตามมาทีละคน แต่ท้ายที่สุดแล้วก่อนที่จะแยกย้ายกลับบ้านทั้งหมดก็หัวเราะออกมาเสียงดังราว กับฟ้าจะถล่มดินจะทลาย กุมท้องกันให้ควักไม่หวาดไม่ไหว

     

              "พรุ่งนี้เจอกัน" โบกมือลากันหน้าโรงเรียนแล้วแยกกันไปทางใครทางมัน

    ส่วนล่างของฟอร์ม




     

     

              ไฟหน้าบ้านเปิดสว่างรอให้คนพี่กลับมาอย่างใจจดใจจ่อ ชานยอลเปิดประตูเข้ามาโดยหวังแค่จะเจอโซฟากับทีวีเหมือนปกติ แต่เขาก็ต้องแปลกใจไปเมื่อเจอเข้ากับลูกแอปเปิ้ล

     

              ตามทางเดินประดับประดาไปด้วยเทียนหอมที่ไม่ได้จุดไฟทอดยาวจนถึงกลางบ้าน ผลแอปเปิ้ลจำนวนครึ่งหนึ่งที่ซื้อมาเรียงกันเป็นคำว่า 'ขอโทษ'

     

              เสียงประตูห้องนอนดังขึ้นจากด้านหลังตามมาด้วยอาการงัวเงียจากน้องชายสุดที่รัก

     

              "อะไรเนี่ยแบคฮยอน"

     

              "ทำไมกลับดึกจังอ่ะ?" ร่างเล็กขยี้ตาน้อยๆหลังจากหันมองนาฬิกา

     

              "บอกมาก่อนว่าเราขอโทษพี่เรื่องอะไร"

     

              "ก็ เรื่องนิ้วไง"

     

              "แค่เนี้ย?"

     

              "ขอโทษทุกเรื่องนั่นแหละ" ร่างเล็กพูดเสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดังเหลือเกินกับคนที่กำลังตั้งใจฟังในตอนนี้

     

              ชานยอลรวบน้องชายเข้ามากอดแล้วลูบหัวเบาๆ

     

              เรื่องที่แบคฮยอนก่อขึ้นทุกอย่างมันเล็กน้อยมากจนเขาตัดสินใจที่จะมองข้ามไป อย่างเรื่องที่ทำให้หัวแม่มือข้างขวาต้องเข้าเฝือกเพราะอุ้มคนที่หลับคาโซฟาเข้าไปนอนในห้อง ก่อนเจ้าตัวจะรู้สึกแล้วฟาดงวงฟาดงาจนล้มทับนิ้วเข้าให้ นั่นก็เป็นเพราะแบคฮยอนไม่ได้ตั้งใจ

     

              "ไม่โกรธไง"

     

              "ก็เพราะไม่โกรธนั่นแหละถึงทำให้รู้สึกผิด"

     

              "แล้วจะเอายังไง วันหลังต้องโกรธใช่ป่ะ?"

     

              "ก็ดุบ้าง ไม่ใช่ยอมไปหมดทุกอย่าง รู้หรอกน่าว่ามันเจ็บ" มือเล็กลูบลงบนเฝือกแผ่วเบา "ขอโทษน้า"

     

              "ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย ทำตัวแปลกอีกแล้ว" ชานยอลอังมือเข้ากับหน้าผากมน

     

              "สบายดีน่า" แบคฮยอนปัดมือหนาออกอย่างนึกรำคาญปนน้อยใจ เขาจะทำตัวดีบ้างทำไมต้องคิดว่าไม่สบายหรือมีอะไรมาต่อรองตลอดเลยนะ "แล้วนี่กินข้าวมาหรือยัง?"

     

              "กินขนมมาแล้ว"

     

              "แป๊กทำข้าวผัดไว้ด้วยแหละ"

     

              "ไม่กิน"

     

              "ชานยอล!"

     

              "ล้อเล่น ต้องกินอยู่แล้ว น้องชายทำให้ทั้งที" ตาเรียวหยีปิดลงเพราะรอยยิ้มกว้าง

     

              ร่างสูงเดินเข้าครัวอย่างหวั่นๆเพราะกลัวว่าเมื่อเปิดไฟแล้วจะเห็นเขม่าควันปื้นสีดำเกาะอยู่บนผนัง แต่เขาก็ถอนหายใจโล่งเมื่อมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คราวนี้ก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีในเรื่องของรสชาติ

     

              แบคฮยอนทำตัวเป็นแม่บ้านที่ดีในเวลาตีหนึ่ง ร่างสูงมองแล้วก็นึกขำที่จู่ๆน้องชายก็กลายเป็นแบบนี้ ราวกับกำลังปกปิดความผิดอันใหญ่หลวงไว้อยู่

     

              "อร่อย"

     

              "จริงอ่ะ" ตาเรียวคู่นั้นเบิกกว้างราวกับเห็นจานยูเอฟโอบินผ่าน

     

              "หลอก รสชาติแย่ยิ่งกว่าเคี้ยวหญ้าอีก"

     

              "ห หา?"

     

              "บอกแล้วไงว่าหน้าที่นี้กูจะทำเอง" มือหนาผลักจานข้าวออกห่างจากตัวให้มากที่สุด จริงๆรสชาติมันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดต้องตัดลิ้นทิ้งเพราะมันก็แค่ข้าวผัดที่คน เกือบทั้งโลกก็ทำได้ แต่เขาแค่อยากให้แบคฮยอนเลิกพยายามปรุงอาหารเองเสียที

     

              "งอน"

     

              "ไม่ง้อ เหนื่อย ล้างจานให้ด้วย"

     

              "ชานยอล!" น้องชายลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงปังดังแต่ขายาวคู่นั้นก็ยังก้าวเดินต่อไป "โป้ง!"

     

              ไม่มีการเหลียวกลับมามองแม้แต่เสี้ยววินาที ชานยอลเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้น้องชายอยู่กับความอ้างว้างเพียงลำพังกับจานข้าวหนึ่งใบในห้องครัว

     

              แบคฮยอนอยากจะกรี๊ดเป็นภาษาบาลีสันสฤต แต่เขาก็ต้องยอมกัดฟันอดทนและอดกลั้นความโมโหนั้นไว้แล้วไปลงกับจานข้าวผัดผู้น่าสงสารแทน



     

              คนตัวเล็กแปะโน้ตไว้บนบานประตูอีกห้องไว้ว่า 'คนเลว' แล้วกลับไปทิ้งตัวนอนโดยอารมณ์ยังคุกรุ่น เพราะแบคฮยอนคิดว่าถึงยังไงสิ่งที่ชานยอลต้องทำเมื่อเห็นลายมือเขานั่นคือ การเขียนตอบกลับ

     

              น้องชายแกล้งตื่นสายในวันหยุดที่เหลือเพียงวันเดียวเพื่อดูปฏิกิริยาของคนที่ต้องง้อ

     

              เป็นอย่างที่แบคฮยอนคาดไว้เมื่อก่อนนอนไม่มีผิด กระดาษโน้ตแผ่นเดิมเลื่อนมาแปะอยู่หน้าประตูห้องเขาพร้อมข้อความตอบกลับว่า 'ขอโทษ ㅠㅠ'

     

              ร่างเล็กร่าเริงกว่าปกติเพราะรู้สึกเป็นต่อในทุกๆเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกเฟลที่พี่ชายไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นพร้อมกับเปล่งเสียงกวนประสาทอยู่ดี

     

              "อะไรวะ? ไม่อยู่บ้านหรอ?" เริ่มสาวเท้าไปรอบบ้านเพื่อหาร่างสูง

     

              "ไอ้ช้อนนนนนนน~" แบคฮยอนเปิดเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวแต่ก็ไม่พบ

     

              "ช้านนนนนยอลลลลล" จนคนตัวเล็กเดินออกมานอกบ้านนั่นแหละถึงได้เห็นแผ่นหลังกว้างของคนที่เขากำลังตามหา "ช้อน!"

     

              ชานยอลละสายตาจากไม้แขวนเสื้อก่อนจะหันมาตามเสียงเรียกจากด้านหลัง

     

              "อ้าววว~ นึกว่าไหลตายไปแล้วนะเนี่ย แหม"

     

              "ปากดีแต่เช้าเลยเนอะ"

     

              "กล้าพูดนะว่าเช้า เงยหน้ามองพระอาทิตย์บ้าง มันกำลังจะตกอยู่แล้ว" นิ้วเรียวชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าทำให้น้องชายแหงนหน้ามองตาม

     

              "เวอร์ แค่เกือบบ่ายโมงเอง"

     

              "ปกติมึงเคยตื่นหลังกูไหมล่ะ" แบคฮยอนยักไหล่ไม่ยี่หระแล้วก้มลงหยิบผ้าในตะกร้าขึ้นมาช่วยตาก พี่ชายตัวสูงยืนกอดอกมองเขาหน้านิ่งก่อนจะหลุดยิ้มออกมา "จริงๆแล้วกูว่ากูควรภูมิใจในตัวน้องชายนะ"

     

              "อะไรมึงอีก?"

     

              "ดูดิ ตื่นมาก็ช่วยพี่ชายตากผ้าทั้งที่ปกติจะต้องเรียกหาของแดกก่อนตลอด"

     

              "ก็ช่วยให้มึงเสร็จไวๆไง จะได้ไปหาอะไรมาประเคนให้กูสักที"

     

              "ฮั่นแน่~ มีแผนจะขอเงินไปเที่ยวใช่ม้า เก๊ารู้นะ~" ชานยอลขยับเข้าไปเขี่ยแก้มกลมอย่างเบามือ

     

              "ไม่ใช่โว้ย! หยุดดูถูกน้ำใจกูได้ละ กูตั้งใจจะทำดีกับมึง ทำไมต้องคิดว่ากูแฝงนู่นนั่นนี่ตลอดเลยวะ ที่ผ่านมากูเลวร้ายมากเลยหรอ"

     

              "ใช่"

     

              "งั้นกูไม่ช่วยละ บาย ตากผ้าเสร็จก็หาอะไรให้กูกินด้วย" คนตัวเล็กซัดผ้าลงตะกร้าหันหลังเดินลงส้นเท้าหนักๆเข้าบ้านไป

     

              ชานยอลหัวเราะในลำคอเบาๆให้กับความขี้งอนที่บ่งบอกว่านี่แหละคือตัวตนของบยอนแบคฮยอนของแท้

     

              ร่างเล็กเข้ามานอนกระดิกเท้ารอพี่ชายหน้าทีวีอยู่ไม่นานคนตัวสูงก็ถือตะกร้าเดินเข้ามาในบ้าน ผ่านเข้าไปในครัวแล้วลงมือทำอาหารมื้อเช้าตอนบ่ายอย่างไม่รีบร้อน ก็มีแต่แบคฮยอนนั่นแหละที่หิวจนตาลายเลยต้องหยิบแอปเปิ้ลในตู้เย็นมาแทะกินเพื่อประทังชีวิต

     

              "อ่ะ ให้"

     

              "อะไร? ไม่กิน" ชานยอลหลบรัศมีความเย็นจากลูกแอปเปิ้ลที่แนบแก้มจากมือน้องชาย

     

              "ดูก่อนซี่"

     

              "sorry เพื่ออะไร?"

     

              "เอ๊า! ขอโทษไง แอปเปิ้ลเป็นสัญลักษณ์ของการขอโทษ" ตัวเล็กเท้าเอวอย่างน่ารักแต่ถึงอย่างนั้นมันก็น่าถีบอยู่ดีในสายตาของอีกคน

     

              "หมาตัวไหนมันบอกให้พี่ขอโทษแล้วตัวเองจะขอบคุณกันห้ะ?"

     

              "หมาไหน? หมาแบคหรอ?" นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเองอย่างสงสัย

     

              "ไม่ต้องมาทำซึน ขอบคุณมาเดี๋ยวนี้"

     

              "ขอบคุณอะไรเล่า"

     

              "อยากกินข้าวป่ะ?"

     

              "อยากกินดิ"

     

              "ทำไงก่อน?" ชานยอลถือจานข้าวไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ชี้หน้าน้องชายเป็นการบังคับทำ

     

              "อะไรอ่ะ เหมือนหมาเลย" แบคฮยอนยู่ปากเหมือนไม่พอใจ จนทำให้ชานยอลถลนตาและกระทืบเท้าเพื่อเร่งหรืออาจจะเรียกว่าขู่ก็ได้ "ขอบคุณค้าบ"

     

              "ดีมาก โตไวๆนะ"

     

              "ก็บอกว่าไม่ใช่หมาไงวะ!" คนตัวเล็กฉกจานข้าวไปถือแล้วยัดลูกแอปเปิ้ลที่มีไม้จิ้มฟันตรึงเศษกระดาษเล็กๆเขียนด้วยลายมือขยุกขยิกเป็นภาษาอังกฤษใส่มือหนาแทน

     

              ก้นเด้งนั้นสั่นไปด้วยแรงสะเทือนจากการเดินดุ่มๆไปนั่งบนโซฟา ชานยอลพลิกกระดาษอีกข้างเขียนคำว่า 'thank you' ปักลงบนแอปเปิ้ลอีกลูกในตู้เย็นแล้วแทะลูกที่อยู่ในมือจนหมดก่อนจะตามไปนั่งข้างๆ



     

              "พี่ชานยอล ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อยดิ"

     

              "ไม่ไปอ่ะ ขี้เกียจ"

     

              "หน่านะ พาไปซื้อของหน่อย"

     

              "ม่ายยยยย~" มือหนาดันหัวกลมที่คลอเคลียอยู่บนไหล่ออกเพื่อสนใจรายการวาไรตี้ตรงหน้า แต่มีหรือที่คนอย่างแบคฮยอนจะยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าใช้ลูกอ้อนไม่สำเร็จภายในอีกสิบนาที หลังจากนี้มันจะต้องกลายเป็นสงคราม "นะ"

     

              "ไม่น้งไม่นะห่าเหวอะไรทั้งนั้นครับ"

     

              "หูย อย่าใจไม้ไส้ระกำไปหน่อยเลย นี่น้องชายสุดที่รักนะจำไม่ได้หรอ"

     

              ชานยอลเหล่ตามองใบหน้าออดอ้อนตรงหัวไหล่แล้วก็ใจอ่อนยวบเหมือนทุกครั้ง แต่ต้องขอวางฟอร์มนิดนึงเดี๋ยวไอ้ตัวแสบมันได้ใจ "ดูทีวีแปป"

     

              "แปปสั้นแปปยาว?"

     

              "ก็แปปอ่ะ"

     

              "แปปยาวแน่เลย งั้นนอนรอนะ" ร่างนุ่มนิ่มเลื้อยลงไปนอนหนุนขายาวของพี่ชายอย่างถือวิสาสะ เมื่อตัดเข้าโฆษณาแบคฮยอนก็พลิกตัวมาสบตาชานยอลอีกครั้ง "ไปกัน"

     

              "เออๆ"

     

              ชานยอลจำใจขับมอเตอร์ไซด์พาน้องชายซ้อนไปซื้อของหน้าหมู่บ้าน เรื่องของเรื่องเลยคือน้องชายเขาขับรถไม่เป็นแต่เซียนในเรื่องปั่นจักรยานมาก และโชคร้ายตรงที่ว่าจักรยานคันนั้นดันยางรั่วเพราะจอดทิ้งไว้นาน



     

              แบคฮยอนกระโดดลงจากรถคันสูงเพื่อเข้าไปเลือกซื้ออุปกรณ์มาทำแผงวงจรไฟฟ้าส่งอาจารย์ ร่างเล็กหายไปในซอกหลืบของชั้นวางทุกล็อคจนคนสูงกว่าเริ่มตาลาย

     

              "หรือจะเอาสีนี้ดี?"

     

              "สีดำดีกว่านะ มันดูเข้ากับนายมากกว่าอ่ะ" ร่างเล็กชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเลี้ยวเข้าล็อคถัดไปแล้วถอยหลังกลับมาตั้งหลัก

     

              "งั้นเราเอาสีดำอย่างที่จงอินบอกละกัน"

     

              แบคฮยอนเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นตึกตัก เสียงฝีเท้าค่อยๆไกลออกไปจนมั่นใจว่าทั้งคู่เดินออกไปจากตรงนั้นแล้ว

     

              "ได้ของยัง?"

     

              "ชานยอล กูได้ยินเสียงคยองซู" ร่างเล็กหันไปจับแขนพี่ชายที่เพิ่งเดินตามมา

     

              "แล้วไง? ก็เข้าไปทักดิ"

     

              "มันไม่ได้มาคนเดียว มันมากับจงอิน"

     

              ร่างสูงหน้าชาเหมือนโดนตบด้วยรองเท้าแตะช้างดาวเบอร์สิบสอง มือเล็กที่กำลังสั่นเทาบอกได้ถึงความกังวลที่คนตรงหน้ามี ใจจริงอยากจะดึงน้องชายเข้ามากอดปลอบแต่เขาก็ทำได้แค่ตบไหล่ให้กำลังใจไปเบาๆ

     

              ...ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ทุกครั้งเมื่อแบคฮยอนกังวลถึงคนอื่นที่ไม่ใช่เขา



     

              แล้วแบคฮยอนก็กลายเป็นเหมือนขโมยที่มีท่าทีพิรุธเพื่อเลือกของ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความกลัวเมื่อเดินจนถึงเค้าท์เตอร์ชำระเงิน

     

              "เฮ้! คยองซู หายดีแล้วหรอ?"

     

              "บ แบคฮยอน มึงมาได้ไง"

     

              "ก็มาซื้อของทำการบ้านไง อ้าว นี่มัน..." ร่างเล็กเอี้ยวตัวไปมองคนด้านหลังเพื่อนตาโตและเดินเข้าไปอย่างมั่นใจ "คิมจงอินนี่หว่า"

     

              "ไง" เด็กหนุ่มต่างสถาบันตอบกลับเสียงเรียบ

     

              "บังเอิญจังเลยนะที่เจอมึงที่นี่ ไม่คิดว่าจะเจอคนอย่างมึงในสภาพดีๆแบบนี้เลย"

     

              จงอินใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่พอใจแต่เมื่อสบสายตากับคยองซูเขาก็เย็นลง ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วเดินหนีออกไป

     

              แบคฮยอนหัวเราะหึในลำคออย่างนึกสมเพชก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนด้านหลัง "วันหลังจะไปไหนมาไหนระวังตัวหน่อยนะ เกิดบังเอิญเจอมันกับพวกขึ้นมามึงได้นอนตายอยู่ใต้ตีนแน่"

     

              "อ อืม กูจะระวังตัว"

     

              "แล้วนี่มายังไง ให้กูไปส่งไหม?" คนตัวเล็กถามเสียงใสทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

     

              "ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูจะแวะอีกหลายที่"

     

              "งั้นกูกลับก่อนละกัน ถึงบ้านแล้วโทรหากูด้วยนะ"

     

              "โอเค"

     

              ใบหน้าหวานสลับเป็นเศร้าสร้อยทันทีเพียงแค่หันหลังให้เพื่อนสนิท เท้ายาวก้าวเดินตามไปติดๆก่อนจะหยุดลงเมื่อคนตรงหน้าเขาหยุด

     

              แบคฮยอนยืนนิ่งอยู่ราวสองนาทีส่วนคนที่เป็นสารถีก็ยืนมองแผ่นหลังนั้นด้วยความคิดที่ตีกันวุ่นวาย มันจะดีแค่ไหนนะหากเขากล้าดึงแก้มน้องชายให้ยิ้มกว้างๆตอนนี้

     

              "แย่ว่ะ" ร่างบางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วถอนหายใจยาวเป็นกิโล

     

              "อยากกินอะไรอร่อยๆไหม?"

     

              "ก็ดี"

     

              "งั้นไปกินไอติมกันดีกว่าเนอะ" แบคฮยอนพยักหน้าแล้วขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์ตามร่างสูงไปติดๆ

     

              มันรู้สึกแย่ที่ต้องรู้ว่าโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แย่ที่ต้องทำเป็นคนโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ถ้าเซฮุนอยู่ตรงนี้ด้วยกันเขาคงกำหมัดแล้วซัดหน้าจงอินคว่ำไปแล้ว หลังจากนั้นก็จะกระชากความจริงออกมาจากปากคยองซูให้ได้

     

              แต่นี่คนข้างๆคือปาร์คชานยอล คือพี่ชายที่พร้อมจะฟ้องป๊าว่าเขาทำตัวเกเรไร้ศีลธรรมอยู่ตลอดเวลา





     

              ชานยอลพาน้องชายมาดับอารมณ์ด้วยของหวานเย็นๆตามสไตล์แบคฮยอน คนตัวเล็กเท้าคางมองทอดออกไปนอกร้านเงียบๆแล้วถอนหายใจเป็นระยะ

     

              "เย็นนี้กินอะไรดี?"

     

              "ทำอะไรมาก็กินได้ทั้งนั้นแหละ"

     

              "อะไรก็ได้เลยหรอ?" ชานยอลแนบตัวลงกับโต๊ะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าน้องชายด้วยใบหน้าที่คิดว่าน่ารักที่สุด

     

              "เออ กูกินได้ทั้งนั้นแหละถ้าเป็นฝีมือมึงอ่ะ"

     

              "เน้ จะชมว่ากูทำอาหารเก่งอ่ะดิ้"

     

              "ก็กูกินข้าวฝีมือมึงมาตลอด มันเลยชินกับรสชาติที่มึงทำมากกว่า"

     

              "จะชมก็ชมมาครับ กูรอฟังอยู่"

     

              "ถ้ากูบอกว่าฝีมือมึงแย่ก็เท่ากับว่าฝีมือม๊าก็แย่ใช่ป่ะ? เพราะมึงปรุงอาหารรสชาติเดียวกับม๊า" ชานยอลผงกหัวขึ้นลงอย่างมีอารมณ์ร่วม "งั้นกูตอบแบบเห็นแก่ม๊าละกัน มึงทำอาหารอร่อยมาก"

     

              "โหยไรง่ะ"

     

              "อิอิ"

     

              ถึงจะรู้สึกเหมือนโดนธนูปักที่เข่าแต่ชานยอลก็อยากขอบคุณตัวเองที่ทำให้แบคฮยอนยิ้มกว้างอีกครั้ง ความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนที่เขารักครั้งนี้จะตราตรึงในห้วงความทรงจำไปตลอดกาล
























    TBC.
    #หัวไม้ชานแบค

    จะสอบแล้ว

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×