ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Shot / Short Fiction | HUNHAN

    ลำดับตอนที่ #14 : ( SF ) YOUR EMBRACE : Chapter 4 (END)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.11K
      47
      17 ธ.ค. 59




    (ใครยังไม่อ่านตอนสาม ย้อนกลับไปอ่านก่อนนะคะ ^ ^)

     



     

    Ever since I said goodbye, I’ve regretted it so many times

    If I could only turn back the time…

     


     

    หลายครั้งการเริ่มต้นสิ่งใหม่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเสมอไป

     

    ลู่หานได้เพื่อนอย่างโอเซฮุนพร้อมๆ กับต้องเสียคนรักที่ชื่อโอเซฮุนคราวเดียวกัน เขาเจ็บปวดมากพอจะบอกจางอี้ชิง อดีตเพื่อนสนิทที่ยืนรอเขาหน้าบ้านด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

     

     

    “ถ้าความเป็นเพื่อนของเราทำให้นายไม่มีความสุข ทำให้นายหวาดระแวงว่าฉันจะให้ความสำคัญกับใครมากกว่าจนสุดท้ายมันทำร้ายเราทั้งสองคน ฉันว่าเราอย่าเป็นเพื่อนกันอีกเลย”

     

    “เพื่อนเขาไม่ทำร้ายกันให้เจ็บปวดอย่างที่นายกับฉันทำมันหรอก...ลาก่อนอี้ชิง หวังว่านายจะโชคดี”

     

     

    ความรักจึงจบลงพร้อมความเป็นเพื่อนที่พังทลาย

     

    ลู่หานรู้ว่าอี้ชิงเสียใจ แต่เชื่อเถอะว่าลู่หานคือคนที่เสียใจที่สุด การเอ่ยปากตัดเพื่อนคนสำคัญออกจากชีวิตในวันที่สูญเสียคนรักไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนั่นเท่ากับว่าลู่หานหมดสิ้นแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง

     

    นับจากวันนั้น ลู่หานสนิทสนมกับเพื่อนกลุ่มใหม่ผู้ขยันสร้างเสียงหัวเราะให้เขาอย่างคิมมินซอก คิมจงแด และพยอนแบคฮยอน อี้ชิงเองก็คบกับกลุ่มเด็กกิจกรรมตัวยงอย่างคิมจุนมยอนและอู๋อี้ฟานเช่นกัน

     

     

    และสำหรับความรักอย่างโอเซฮุน...

     

     

    สามวันสามคืนที่ลู่หานร้องไห้เหมือนคนบ้า เอาแต่กดเบอร์โทรศัพท์เซฮุนซ้ำๆ แต่กลับไร้ความกล้าจะโทรออก

     

    ลู่หานปล่อยตัวเองอ่อนแอให้พอ เสียน้ำตาเป็นล้านหยดเพื่อจากนี้เขาจะเข้มแข็ง

     

     

    เพราะอย่างไรเสีย ลู่หานจะไม่มีวันยอม

     

     

    ลู่หานชอบเซฮุนมากกว่าใคร รักเซฮุนมากกว่าใคร ยิ่งไปกว่านั้น...ลู่หานจะปล่อยมือคนที่แม้แต่บอกเลิกก็ยังพูดว่ารักเขาได้ยังไงกัน

     

     

    .

    .

     

     

    “ลู่หาน กินข้าวแล้วเหรอ”

     

    “อื้อ”

     

    “กำลังอยากคุยด้วยพอดีเลย มานั่งตรงนี้สิ!

     

    “ได้ยังไงเล่า ลู่หานต้องนั่งตรงนั้น”

     

    “อะไรของนายปาร์คชานยอล อ่า...เข้าใจละ”

     

    โดคยองซูกับปาร์คชานยอลยักคิ้วหลิ่วตาให้ลู่หานหัวเราะเสียงใส เขาคุ้นเคยกับเพื่อนเซฮุนนับตั้งแต่เริ่มคบกัน และยิ่งทวีความสนิทสนมขึ้นอีกเมื่อลู่หานทำใจกล้าเชิดใส่สีหน้าเย็นชาของใครบางคนแล้วโผล่มาหาทุกพักเที่ยง

     

    ก็เซฮุนบอกให้ถอยกลับไปเป็นเพื่อน

     

    ถ้าเพื่อนกันจะมาหากัน...ลู่หานไม่เห็นว่ามันผิดแปลกอะไรนี่

     

    “กินข้าวยัง”

     

    “อืม”

     

    “กับเพื่อนเหรอ”

     

    “อือ ใช่”

     

    “ทำไรอยู่อ่ะ”

     

    ปลายนิ้วเรียวจิ้มจึกบนหน้าจอโทรศัพท์ โอเซฮุนตอบคำถามลู่หานสั้นๆ ชายหนุ่มสนใจแค่เกมที่หมายมั่นปั้นมือจะเหยียบหัวปาร์คชานยอลขึ้นเป็นที่หนึ่งให้ได้ ลู่หานหน้าบึ้ง คว้าเจ้าตัวปัญหาจากมือเซฮุนอย่างเอาแต่ใจ

     

    ใบหน้าหล่อเหลาหันขวับ

     

    “ลู่หาน เอามา”

     

    “จะวิ่งอะไรนักหนา”

     

    “ก็มันสนุก”

     

    “สนใจมันมากกว่าฉันใช่มั้ย”

     

    “นายนี่นะ” เซฮุนถอนหายใจ “ฉันไม่เล่นก็ได้ เอาคืนมา”

     

    “เชื่อก็โง่แล้ว”

     

    “เพื่อนที่ไหนเขาเอาแต่ใจกับเพื่อนขนาดนี้”

     

    สถานะชัดเจนจากปากเจ้าตัวย้ำรอยแผลบนหัวใจให้เจ็บแปลบ

     

    แต่เผื่อเซฮุนจะลืม...เขาคือลู่หาน และการถอยมันไม่ใช่สไตล์เขา

     

    “ไม่พอใจก็อย่าเป็นสิ”

     

    “ว่าไงนะ?”

     

    “ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเซฮุนตายล่ะ”

     

    ปากบางงอนเชิดอย่างน่ารัก เซฮุนมองแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวเอ็นดู เผลอยีกลุ่มผมสีเข้มจนยุ่งเหยิงลามไปถึงโยกศีรษะลู่หานอย่างเคยชิน

     

     

     

    “...พี่เซฮุนคะ...”

     

     

     

    ลู่หานตวัดสายตามองผู้มาใหม่เป็นคนแรก

     

    เขาเม้มปากแน่นทันที ตรงหน้าปรากฎสถานการณ์คุ้นเคยในรอบหลายวันที่ผ่านมา นับตั้งแต่เซฮุนโสดสาวน้อยหนุ่มน้อยก็ต่อคิวกันมาสารภาพรักเพียบ คราวนี้เป็นหญิงสาวรุ่นน้อง ใบหน้าน่ารัก กับหุ่นบอบบางน่าทะนุถนอม

     

    “นี่เป็นความจริงใจจากฉันค่ะ”

     

    “อ่า...”

     

    “ถ้าพี่ว่าง ฉันอยากให้พี่อ่านมะ...”

     

    เสียงหวานใสหยุดชะงัก ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง

     

    จู่ๆ รุ่นพี่ตัวเล็กที่เธอรู้มาว่าเลิกกับรุ่นพี่เซฮุนแล้วกลับยกแขนคล้องท่อนแขนแกร่งที่วางเหนือโต๊ะม้าหิน ฝ่ามือเล็กสอดประสานเข้าหานิ้วเรียวยาวเชื่องช้า

     

    เซฮุนยิ้ม

     

    “ว่าไงครับ?”

     

    “คะ...คือฉัน...”

     

    “ครับ?”

     

    เธอสูดลมหายใจ พยายามยิ้มแล้วพูดต่อ “ฉันเอาจดหมายมาให้พ....”

     

    “เซฮุนนา...”

     

    เกินจะเก็บกลั้น เซฮุนหัวเราะออกมาในที่สุด เขามองลู่หานวางศีรษะเหนือไหล่ตัวเอง ใบหน้าสวยซุกอ้อน งึมงำเรียกชื่อเซฮุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนลูกแมว

     

    ดึงดันยืนต่อก็หน้าหนาเหลือทน รุ่นน้องสาวสวยรีบร้อนโค้งลากลับทันที

     

    “เพื่อนครับ อย่าทำแบบนี้สิครับ”

     

    ลู่หานหน้างอ “ย้ำอะไรนักหนาเล่า ก็บอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนไง!

     

    คิมจงอินกับชานยอลที่แสร้งเสียบหูฟังคนละข้างเหมือนไม่สนใจคนทั้งคู่ยังหลุดขำ พอกับคยองซูที่ปายางลบก้อนเล็กใส่เซฮุนเพราะหมั่นไส้เต็มที

     

    “เอาแต่ใจตัวเอง ทำผิดแท้ๆ ยัง...”

     

    “เซฮุน...”

     

    ลู่หานผละออก โน้มตัวแนบศีรษะลงบนโต๊ะแล้วช้อนสายตามองเซฮุนตาแป๋ว

     

     

     

    “ไม่รักลู่หานแล้วเหรอ”

     

     

     

    เซฮุนต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก...

     

    กำหมัดแน่นเพื่อควบคุมความรู้สึก หากปล่อยให้อารมณ์เหนือเหตุผลเขาอาจคว้าคอลู่หานแล้วจูบปากกระจับนั่นแรงๆ ให้สมกับความช่างเจรจาของมัน

     

    “ไม่รักแล้วจริงๆ เหรอ”

     

    “...รักสิ นายเป็นเพื่อนฉัน”

     

    “โอเซฮุน”

     

    “หืม”

     

    “เพื่อนใช่ไหม”

     

    “ก็...ใช่”

     

    “งั้นตอบหน่อย เพื่อนประเภทไหนเขาแอบจูบเพื่อนตอนหลับบ้าง”

     

    “...นาย...ว่าไงนะ”

     

    “นึกว่าฉันหลับจริงเหรอ บนรถเมื่อวานน่ะ” ลู่หานหรี่ตามองอย่างซุกซน “เถียงสิว่าเมื่อวานไม่ได้แอบจูบฉัน”

     

    เซฮุนอึ้ง ปัดปลายจมูกตัวเองแก้เก้อ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังจากเพื่อนตัวดีจนใบหูสองข้างแดงก่ำ

     

    สาบานได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เซฮุนคบกับลู่หาน พวกเขาทะเลาะกันนับร้อยครั้ง แต่มันไม่เคยมีครั้งไหนที่ลู่หานง้อเซฮุนได้น่ารักขนาดนี้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ลู่หานแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากปล่อยมือเซฮุนขนาดนี้

     

    อาจเพราะไม่มีครั้งไหน...ที่มีใครเอ่ยคำลาให้อีกฝ่ายได้ยินอย่างนี้

     

    “เซฮุนนา”

     

    “ครับ”

     

    “คำตอบล่ะ”

     

    “...............”

     

    ลู่หานยิ้ม เขี่ยแก้มเซฮุนไปมา

     

    “ยอมเถอะน่า”

     

    “...............”

     

    “...ก็ได้ๆ” เขาหัวเราะ “ได้เวลาเรียนแล้ว ไปส่งเพื่อนคนนี้หน่อยนะเซฮุน”

     

     

     

    *

     

     

     

    ดวงตาคู่สวยมองแผ่นหลังกว้าง ละเรื่อยจนถึงฝ่ามือใหญ่แนบข้างลำตัว ยังไม่ชินเท่าไหร่กับการเดินตามหลังและเฝ้ามองเซฮุนเงียบๆ ฝ่ายเดียวอย่างที่เป็นอยู่

     

    ลู่หานคุ้นเคยกับการเดินข้างๆ ปล่อยให้เซฮุนพาดแขนกับไหล่ หรือจับมือประสาน บีบบ้าง คลายบ้าง แล้วแต่อารมณ์ตอนนั้น

     

    “เย็นนี้มารับด้วยนะ”

     

    “อืม”

     

    ลานกว้างหน้าตึกเรียนปรากฏภาพชายหนุ่มนักศึกษาสองคนยืนหันหน้าเข้าหากัน คนตัวสูงล้วงกระเป๋ากางเกง เท้าข้างหนึ่งเตะใบไม้เล่น ส่วนคนตัวเล็กกว่านั้นย่อตัวลง ช้อนใบหน้าสวยมองร่างสูงตาปริบๆ

     

    “จะโกรธอีกนานแค่ไหนเหรอ”

     

    “ทำไมถามอย่างนั้น”

     

    “ก็แค่อยากรู้...” สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เผลอถามอย่างเอาแต่ใจจนได้ “ว่าต้องรออีกนานเท่าไหร่”

     

    “เบื่อจะรอแล้ว?”

     

    “เปล่า”

     

    “แล้วทำไม...”

     

    “รอน่ะรอได้ แต่กลัวจะรอเก้อ”

     

    เซฮุนจะใจแข็งกับลูกกวางตัวน้อยๆ ได้อีกนานแค่ไหน

     

    เพราะใบหน้าลู่หานที่เปรอะเปื้อนหยาดน้ำตาจากคำพูดเขาวันนั้น เซฮุนยังเสียใจกับมันจนถึงวินาทีนี้

     

    พวกเขายืนสบตากันเงียบๆ ปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นอย่างเชื่องช้า ลู่หานเห็นเพื่อนร่วมคลาสหน้าตาคุ้นเคยหลายคนตบเท้าเข้าตึกเรียนแล้ว หากลู่หานยังยืนนิ่ง ไม่สนใจอะไรนอกจากโอเซฮุน

     

    แววตาดื้อรั้นทำให้ร่างสูงถอนใจ

     

    “บอกตรงๆ ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”

     

    “................”

     

    “ความจริง ลู่หานควรให้เวลาฉันสักหน่อย”

     

    “...............”

     

    “ยิ่งเราพบกัน ความรู้สึกฉันมันก็ตีรวนไปหมด...ลู่หานเข้าใจไหม ฉันก็คนๆ หนึ่ง มีทั้งรัก มีทั้งโกรธ และบางทีมันปนกันจนฉันไม่รู้จะทำยังไง”

     

    “...............”

     

    “ให้เวลาฉันหน่อยได้รึเปล่า”

     

    “...............”

     

    “ลู่หาน?”

     

    จู่ๆ คนที่เงียบฟังเซฮุนอย่างตั้งใจกลับมีท่าทีพยศขึ้นทันตา เพียงแค่เหลือบเห็นจางอี้ชิงเดินผ่าน ลู่หานก็ฉวยมือเซฮุนมาบีบแน่น รอยแผลบนหัวใจเจ็บแปลบ มือสองข้างสั่นไหวพอกับดวงตาคู่โต เพราะลู่หานกลัวจะสูญเสีย...เหมือนดังที่แล้วมา

     

    ทว่าอีกด้านหนึ่ง โอเซฮุนกลับไม่คิดอย่างนั้น ความคิดบางอย่างตีแสกหน้าให้เขาดึงมือตัวเองออกทันที

     

    “เซฮุน?”

     

    “หยุดทำอย่างนี้สักทีเถอะ!

     

    “อะ...อะไร...”

     

    ชายหนุ่มสบถ เสยผมตัวเองแรงๆ ระบายอารมณ์คุกรุ่น

     

    “รู้ไหมลู่หาน ฉันกำลังรู้สึกยังไง” เซฮุนมองตามแผ่นหลังจางอี้ชิงที่เพิ่งหายลับไป “มันทำให้ฉันคิดว่าบางที...ฉันอาจเป็นแค่เครื่องมือไว้ให้นายกับเพื่อนเอาชนะกันแค่นั้นเอง!

     

    “ว่าไงนะ”

     

    “มันน่าคิดไหม ฉันอยู่ตรงหน้านายแท้ๆ กำลังขอร้องนายอยู่แท้ๆ แต่แค่เพื่อนของนายเดินผ่านมาคำพูดของฉันก็หมดความหมาย”

     

    “พูด...อีกทีสิโอเซฮุน”

     

    ความเงียบคือคำตอบให้ลู่หานหัวเราะออกมา เขายกแขนกอดอก พยายามควบคุมอารมณ์เพื่อไม่ให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิม แต่มันช่างยากเย็นเต็มที

     

    “เซฮุนขอเวลาใช่ไหม โอเค...ฉันจะให้”

     

    “...............”

     

    “เรา...ไม่ต้องเจอกันสักพักก็ได้”

     

    “...............”

     

    “ถ้าเผื่อว่าเวลาโง่ๆ พวกนั้นมันจะทำให้นายเลิกดูถูกความรักของฉันได้ล่ะก็”

     

    เป็นอีกครั้ง...ที่เซฮุนเสียใจเพราะคำพูดของเขาเอง

     

     

     

    *

     

     

     

    จะไม่มาง้อใช่มั้ย คราวนี้นายผิดนะ!

     

    อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!’

     

    รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ อยากตายหรือไงโอเซฮุน

     

    เซฮุนกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง เปิดและปิดหน้าจอโทรศัพท์ซ้ำๆ หัวเราะให้ข้อความเก่าๆ ที่ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดถึง

     

    ความรักเป็นเรื่องยาก และหลายครั้งความงี่เง่าของคนก็ทำให้มันยากขึ้นอีก

     

    เซฮุนเงยหน้ามองเพดานสีขาวอย่างเลื่อนลอย ไม่รู้เหมือนกันว่าลู่หานให้เวลาตามที่เขาร้องขอมานานแค่ไหนแล้ว รู้แค่ทุกวินาทีที่ขาดคนคนนั้นข้างกายหัวใจเขามันโคตรจะทรมาน

     

    กอดหน่อย

     

    ลู่หานอ้อนได้น่ารักกว่าใคร

     

    อย่าให้เห็นว่าคุยกับผู้หญิงคนนั้นอีกนะ!’

     

    เอาแต่ใจได้น่าตีกว่าใคร

     

    เซฮุน...อื้อ...อีกสิ...

     

    ยั่วเย้าให้เขาหลงลืมตัวตนได้มากกว่าใคร

     

    รัก...รักเซฮุนที่สุด...

     

    และหวาน...มากกว่าใคร

     

    คล้ายหัวใจเหี่ยวเฉาได้รับสายน้ำเย็นฉ่ำเติมเต็ม เซฮุนสะบัดศีรษะ รอยยิ้มบางยังคงแตะแต้มเหนือริมฝีปาก เพิ่งเข้าใจตอนนี้เอง...ลู่หานโกหกเซฮุนเรื่องเดียว แต่เรื่องที่ลู่หานทำให้เซฮุนตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่ามีเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง

     

    ในที่สุด...เซฮุนยอมแพ้

     

    อันที่จริง เซฮุนแพ้ลู่หานตั้งแต่หลงสบตาคู่สวยเป็นครั้งแรกแล้ว

     

    เขาบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบก่อนแหงนมองนาฬิกา

     

    สี่ทุ่มสี่สิบห้านาที

     

    เซฮุนคว้ากุญแจรถกับโทรศัพท์มือถือ หัวเราะแผ่วเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าโชคดีที่มีเพื่อนเปิดร้านดอกไม้ อาจจะโดนมันด่าสักหน่อยก็ถือว่าคุ้มอยู่

     

    แม้ลู่หานไม่ใช่เด็กผู้หญิง แต่หากซื้อดอกไม้สักช่อไปให้ คนสวยของเขาคงดีใจไม่น้อยล่ะนะ

     

     

    ( Rrr - - Rrr - - )

     

     

    “ครับ?”

     

    ( สวัสดีโอเซฮุน ฉันพยอนแบคฮยอนเพื่อนลู่หานนะ คืองี้..... )

     

    นิ่งฟังปลายสายสักพัก ช่วงขายาวหยุดชะงักลง

     

    “......ว่าไงนะ”

     

    ( นายได้ยินแล้วน่า มาเร็วๆ นะ แล้วเจอกัน )

     

    เสียงทุ้มสบถลั่น ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ลู่หานแท้ๆ กลับกลายเป็นว่าเขาถูกลู่หานทำให้เซอร์ไพรส์เสียเอง

     

    หลังจากนั้น โอเซฮุนฝืนแทบทุกกฎจราจรเพื่อให้รถคันหรูจอดหน้ารั้วบ้านพยอนแบคฮยอนภายในยี่สิบนาที

     

     

     

    *

     

     

     

    “เข้ามาเลย ลู่หานนอนอยู่ข้างบนน่ะ”

     

    เจ้าของบ้านตัวเล็กออกมาต้อนรับพร้อมรอยยิ้มกว้าง พยอนแบคฮยอนสวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ในมือถือถุงขนมห่อใหญ่ ท่าทางสบายๆ ผิดกับผู้มาเยือนโดยสิ้นเชิง

     

    “นายบอกว่าลู่หานเมาปลิ้น”

     

    “ใช่” แบคฮยอนพยักหน้ารับ “ดื่มบ้าบออะไรไม่รู้คนเดียวอ่ะ ขึ้นไปดูหน่อยดิ...แฟนเก่าไม่ใช่เหรอ”

     

    เซฮุนคิ้วกระตุก ตวัดตามองแบคฮยอน บอกเสียงห้วน

     

    “ตัดคำว่าเก่าทิ้งไปซะ”

     

    แบคฮยอนยักไหล่ “ชั้นสอง ทางขวามือ ห้องแรก”

     

    ในเมื่อเจ้าของบ้านเชื้อเชิญขนาดนี้ความเกรงใจคงไม่จำเป็นอีกแล้ว เซฮุนขยับขาด้วยความเร่งรีบ กระทั่งหยุดยืนหน้าบานประตูไม้ปิดสนิท

     

    ชายหนุ่มกระชากลูกบิดเปิดผลัวะ พร้อมกับความตกใจตีแสกหน้าเป็นครั้งที่สอง

     

    และมันมาพร้อมอารมณ์โกรธจนสองมือกำหมัดแน่น

     

    “ทำอะไร!!

     

    “.......หะ....หา?”

     

    “ทำอะไรวะ!!!

     

    เสียงทุ้มตวาดลั่น เซฮุนก้าวพรวดเดียวก็ถึงตัวชายหนุ่มแปลกหน้า เขาหลงลืมทุกเหตุผลหรือมารยาทใดๆ เพียงเห็นอีกฝ่ายคร่อมเหนือร่างเล็กคุ้นเคย หนำซ้ำหมอนี่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อคนของเขา

     

    คนของเขา...ที่นอนลืมตามองอึ้งๆ

     

    “ซะ...เซฮุน...”

     

    ลู่หานครางแผ่ว ยันร่างโงนเงนลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก จึงเป็นเซฮุนที่ฉุดกระชากต้นแขนเล็กไม่ออมแรง

     

    “นอนให้มันทำอะไรอยู่!

     

    “จงแด...จะเช็ดตัวให้”

     

    “อ๋อเหรอ ชื่อจงแดเหรอ” ดวงตาคมตวัดมอง พูดด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง “งั้นช่วยจำไว้ด้วยนะครับคุณจงแด ทีหลังอย่าปลดกระดุมเสื้อเมียชาวบ้านตามใจชอบ!

     

    “เฮ้ย! พูดให้มัน...”

     

    ไม่สนใจจะฟังคำแก้ตัวจากคิมจงแด เซฮุนจ้องหน้าลู่หาน สั่งเสียงเรียบ

     

    “ลุก”

     

    คนถูกสั่งขมวดคิ้วฉับ สติสัมปชัญญะเริ่มกลับทีละน้อยเพราะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ลู่หานหลับตานิ่ง ซบหน้าบนฝ่ามือตัวเองครู่ใหญ่ นวดขมับไล่ความมึน ก่อนดวงตากลมโตจะกระพริบเชื่องช้า ช้อนมองร่างสูงที่ยืนห่างไม่ไกล

     

    “ทำไมเพิ่งมาตอนนี้”

     

    “อะไรนะ?”

     

    “ทำไมเพิ่งมา โอเซฮุน”

     

    “...............”

     

    “เพิ่งนึกได้หรือไงว่ารักฉัน”

     

    “...............”

     

    “สามวันที่ผ่านมาไม่คิดถึงกันเลยใช่มั้ย”

     

    สถานการณ์กลับตาลปัตรจนคนนอกอย่างคิมจงแดมองคนทั้งคู่ด้วยความงง ทว่าสำหรับเซฮุนกับลู่หานแล้ว พวกเขาคุ้นเคยกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของอีกฝ่ายดี

     

    เซฮุนตอบคำถามทั้งหมดด้วยคำพูดพยางค์เดียว

     

     

    “กลับ”

     

     

    และคิมจงแดก็ต้องงงเป็นไก่ตาแตกอีกครั้งเมื่อลู่หานขยับก้าวตามหลังโอเซฮุนไปอย่างง่ายดาย

     

     

     

    *

     

     

     

    ทุกอย่างคืนสู่ความเงียบหลังจากประตูรถปิดสนิทลง

     

    เซฮุนเหยียบคันเร่งให้รถแล่นตามทางเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน ขณะลู่หานเอนศีรษะพิงกระจกใส ยังคงเงียบทั้งที่รู้ว่าเซฮุนกำลังขับออกนอกเส้นทางบ้านเขาก็ตาม

     

    ด้านนอกคือความมืดมิด มีเพียงแสงไฟริมถนนส่องสว่างให้เห็นความเป็นไปเท่านั้น

     

    “ดื่มจนหน้าแดงตาเยิ้มขนาดนี้ แม่นายจะว่ายังไง”

     

    “แม่ไม่ว่า”

     

    “ท่านดุออกขนาดนั้นน่ะนะ...”

     

    ลู่หานพยักหน้า ตอบสั้นๆ

     

     

     

    “แม่รู้ว่าอกหัก”

     

     

     

    เซฮุนหัวเราะพรืด ท้องถนนบางตาในเวลาดึกสงัดทำให้หักเลี้ยวจอดเทียบฟุตบาทริมทางได้ตามใจ

     

    เขาพลิกตัว เอื้อมจับเรียวแขนให้ลู่หานหันมาเผชิญหน้า

     

    “คุยกันหน่อยไหม”

     

    “อือ...”

     

    ทั้งที่พูดอย่างนั้นพวกเขากลับไม่ทำอะไรนอกจากสบตากันนิ่งๆ เซฮุนมองลู่หาน มองดวงตากลมโตที่อัดแน่นด้วยแววตัดพ้อน้อยใจ มองกลีบปากกระจับเม้มเข้าหากัน และมองใบหน้าสวยที่หม่นเศร้า

     

    เขาเลื่อนฝ่ามือบีบกระชับมือเล็กโดยไม่รู้ตัว

     

    เซฮุนถอนหายใจ ก่อนจะดึงไหล่ลู่หานให้ขยับใกล้ ท่อนแขนแกร่งสอดรับให้ร่างเล็กทิ้งตัวลงมา หากนิ่งเฉยได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องกระชับอ้อมกอดให้รัดรึงมากขึ้น หลังได้ยินเสียงสะอื้นดังข้างหู หยาดน้ำอุ่นซึมผ่านเสื้อเชิ้ตสีเข้มจนเขาต้องลูบศีรษะลู่หานอย่างปลอบประโลม

     

    “พอแล้ว ไม่ร้อง...”

     

    “...............”

     

    “ไม่เอาน่า” ขยี้กลุ่มผมนิ่ม จูบหนักๆ ซ้ำลงไป “ลู่หานของฉันไม่ใช่คนขี้แยนะ”

     

    “ทำไมเพิ่งมาล่ะ...”

     

    “...............”

     

    “วันนั้น....วันที่บอกให้...เป็นเพื่อนกัน...ฮึก....”

     

    “ลู่หาน...”

     

    “นายบอกว่า...ทำทุกอย่างเพราะรักฉัน...” มือเล็กกำสาบเสื้อเหนือบ่ากว้าง “แล้วทำไมไม่คิด...ฮึก...”

     

    “หยุดร้อง ไม่งั้นฟังไม่รู้เรื่องหรอก”

     

    เซฮุนโกหก

     

    เขาได้ยินมันชัดเจนทุกคำ เพียงแต่เสียงร้องไห้ของลู่หานกำลังทำให้เขาปวดใจ

     

    “คนบ้าเอ๊ย...ฮือ...”

     

    กลายเป็นร้องหนักเสียอย่างนั้น ตามมาด้วยกำปั้นหนักๆ ทุบเข้ากลางหลัง

     

    “ทำไมไม่คิดบ้างว่าทุกอย่างที่ทำไปก็เพราะฉันรักนาย”

     

    “...............”

     

    “ขอโทษที่โกหก...แต่ว่า...ก็เพราะรัก...เพราะไม่อยากเสียนายให้ใคร”

     

    ลู่หานผลักไหล่เซฮุนออก ปาดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กๆ

     

    “นายเป็นคนแรกที่ฉันปล่อยมือไม่ได้ รู้บ้างไหมโอเซฮุน”

     

    “รู้สิ ถึงได้มารับนี่ไงครับ”

     

    “แต่นาย...”

     

    “ฟังนะลู่หาน” ตาจ้องตา ประคองมือเล็กด้วยสองมือของเซฮุนเอง “ฉันเพิ่งรู้...”

     

    “...............”

     

     

    “มันไม่สำคัญเลยว่าเพื่อนของนายจะชอบฉันก่อนหรือหลังนาย มันไม่สำคัญเลยว่าช็อกโกแลต ขนม หรือจดหมายรักพวกนั้นจะเป็นของจางอี้ชิงหรือของใคร เพราะไม่ว่ายังไง...สุดท้ายแล้วหัวใจของโอเซฮุนคนนี้มันจะเป็นของลู่หานคนเดียว”

     

     

    “เซฮุน...”

     

    ลู่หานอยากจะเลิกรักนัก

     

    “ลืมคำว่าเพื่อนบ้าบออะไรนั่นเถอะ”

     

    ผู้ชายที่ทำให้คนเข้มแข็งตลอดอย่างเขาต้องร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วนคนนี้

     

     

    “ฉันรักนาย”

     

     

    แต่ลู่หานก็รู้อีกเช่นกัน...

     

    “กลับมาเป็นคนรักของฉันนะลู่หาน”

     

    ว่าเขาเกิดมาเพื่อพักพิงทั้งตัวและหัวใจในอ้อมแขนโอเซฮุนคนเดียว

     

    “อื้อ”

     

    รอยยิ้มเซฮุนในวันแรกเจอกับวันนี้ สำหรับลู่หานมันไม่ได้ต่างกันเลย

     

    เซฮุนยังคงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ ส่องสว่างในคืนมืดมน และโอบล้อมหัวใจลู่หานได้อย่างอบอุ่นเหลือเกิน

     

     

    “ฉันก็รักนาย”

     

     

    หยดน้ำตามากมายเหือดแห้งเหมือนเสกสั่ง ลู่หานปล่อยตัวให้เซฮุนดึงไปกอดรัดอีกครั้ง รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนอะไรสักอย่าง...พร้อมเสียงทุ้มกระซิบแผ่วข้างหู

     

     

     

    “สุขสันต์วันเกิดนะครับคนดี”

     

     

     

    ยอมทำผิดเพราะรัก

     

    และยอมให้อภัยง่ายๆ ก็เพราะรัก

     

    มันอาจเป็นตรรกะโง่ๆ ที่คนมีความรักเท่านั้นจะเข้าใจ

     


     

     

    END.

     

     

     

     

     

    มาช้าไปสองวัน ขอโทษพี่ลู่แรงๆ T ___ T แฮปปี้เบิร์ธเดย์ซังนัมจานะค้า

    ช็อทฟิคเรื่องนี้ถือเป็นของขวัญวันเกิดให้แฝดที่รักค่ะ ถึงเจ้าตัวจะไม่ได้มาอ่านก็เถอะ 5555555 สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังทั้งสองคน มีความสุขมากๆ รักกันแบบนี้ไปนานๆ   #อุ๊ต้ะ

    ใครที่รอ Shadow อยู่ รอต่อไปอีกนิดนะคะ ฮือออ ตอนนี้ชีวิตเราเติบโตไปอีกขั้น กำลังปรับตัวหลายๆ อย่าง ยังไงก็ไม่ทิ้งคุณพิศาลแน่นอนค่ะ รอหน่อยนะ <3

    แล้วเจอกันค่า รักทุกคนนน *แจกจูบ*

    #embracehunhan


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×