คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ( OS ) The Meaning of US ♡
มันเป็นค่ำคืนหนึ่งที่ความเหงาเกาะกินหัวใจ เป็นค่ำคืนหนึ่งที่ลู่หานรู้ดีว่าเขาไม่สามารถอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมอันว่างเปล่าเพียงคนเดียวได้
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นที่ตัดสินใจเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกเอาชุดที่คิดว่าเหมาะที่สุดหลังจากนั้นก็เปิดประตูออกจากห้องไปยังสถานที่ที่ไม่เคยหลับใหลในยามค่ำคืน ที่ที่มีผู้คนซึ่งรู้สึกแบบเดียวกัน และลู่หานหวังเหลือเกินว่า...ความเหงาอันโหดร้ายจะไม่อาจทำอะไรกับหัวใจเขาได้ในค่ำคืนนี้
เกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมาลู่หานก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่บริเวณมุมหนึ่งของผับที่เคยมากับเพื่อนสองสามครั้ง ตรงหน้ามีแก้วเครื่องดื่มสีอำพันวางอยู่ รอบข้างสนั่นด้วยเสียงเพลงชวนให้ลุกออกไปเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
ลู่หานดื่ม ดื่ม และดื่ม...
ดื่มเพื่อลืมชีวิตที่เหมือนจะเพียบพร้อมแต่ในความเป็นจริงกับขาดไปซะทุกอย่าง ลืมเพื่อนเฮงซวยที่หวังจะพึ่งพาตัวเขา ลืมความรักขมขื่นที่ไม่เคยสัมผัสถึงมันได้อย่างแท้จริง
“ออกไปจากชีวิตฉัน ไปซะ...”
ลู่หานพูดประโยคนี้กับคนคนหนึ่งเมื่อสี่เดือนก่อน แม้รู้ดีว่าหลังจากนั้นจะต้องเสียเขาไปตลอดกาล ตามมาด้วยชีวิตที่ว่างเปล่าจะกลับมาวนเวียนทักทายอีกครั้ง แต่ลู่หานก็ยังทำ
ใช่ ลู่หานจัดเป็นคนประเภท ‘โหยหาความรัก’
อาจแปลกไปสักหน่อยที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอายุเกินเบญจเพสแล้วยังเชื่อมั่นในรักแท้ราวกับเด็กวัยรุ่น แต่ลู่หานเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลู่หานเชื่อว่าในโลกใบนี้มีใครสักคนที่รอเขาอยู่ รอที่จะสอน ให้ และรับ ‘ความรัก’ จากตัวเขา อาจจะทำให้ต้องหัวเราะทั้งน้ำตากับความโง่ของตัวเองหลายครั้ง ทว่าความจริงที่น่าสมเพชก็คือลู่หานยังคงเชื่อมั่นในสิ่งนั้นมากเกินกว่าจะตัดใจ
หยดน้ำสีอำพันหยดสุดท้ายสัมผัสกับลำคอให้รู้สึกขมปร่า...
วินาทีที่ตัดสินใจทิ้งอดีตอันโง่เง่าแล้วเริ่มต้นใหม่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของชีวิต ลู่หานหลับตาลงแล้วคลายยิ้มบางให้ตัวเอง และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางความมืดมิด...ลู่หานเห็นผู้ชายคนหนึ่ง
ใครคนนั้นนั่งอยู่คนเดียว ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชากับดวงตามีเสน่ห์ซึ่งมองตรงมายังเขาเช่นกัน
ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นโครมคราม
.
.
เกมจ้องตาดำเนินต่อไปท่ามกลางเสียงเพลงอึกทึก แสงไฟหลากสี กับผู้คนนับร้อย ลู่หานห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก ลู่หานปล่อยให้ดวงตาสองคู่ยังคงสอดประสาน ขณะปลายนิ้วเล็กขยับเคาะโต๊ะเบาๆ เขานับเลขในใจ นึกอยากรู้นักว่าความอดทนของคนสองคนจะยาวนานสักกี่วินาที
10…20…29…35…48…50…55…60
โอเค ลู่หานยอมแพ้
ดวงตากลมโตหรุบลงเพราะเคืองตา สองมือเล็กยกขึ้นมาขยี้แรงๆ จนน้ำตาเอ่อ ลู่หานกระพริบตาถี่ๆ หลายครั้ง
วินาทีที่เงยหน้าขึ้นมานั่นเอง หัวใจก็ต้องเต้นระส่ำรุนแรง
“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
ลู่หานรู้ดีว่าชีวิตหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
*
คนตรงหน้าชื่อโอเซฮุน อายุยี่สิบสี่ (นั่นแปลว่าเขาเด็กกว่าลู่หานถึงสี่ปี) ทำงานตำแหน่งมั่นคงในบริษัทแห่งหนึ่ง
ใบหน้าที่ว่าหล่อเหลายามมองไกลๆ ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นเมื่ออยู่ในระยะเอื้อมถึงนี้ โดยเฉพาะรอยแผลเป็นจางๆ ที่ข้างแก้มนก็ชวนให้ลู่หานนึกอยากเอื้อมมือไปสัมผัส ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นหรอก...
“พี่อยากฟังจริงๆ น่ะเหรอ”
โอเซฮุนถามขึ้นมาหลังจากพวกเขาคุยกันมาร่วมชั่วโมง
น่าแปลกที่เพิ่งรู้จักแต่ลู่หานกลับกล้าเล่าเรื่องส่วนตัวให้อีกฝ่ายฟัง เซฮุนก็เช่นกัน เรื่องราวของแต่ละฝ่ายถูกถ่ายทอดเรื่องแล้วเรื่องเล่าราวกับไม่มีวันจบสิ้น ยิ้มให้กัน หัวเราะด้วยกัน เวลาแค่ชั่วโมงเดียวแต่กลับทำให้หัวใจลู่หานคล้ายถูกเติมเต็ม...รู้สึกอิ่มเอมในอกอย่างน่าประหลาด
เขาไม่อยากให้มันจบลงแค่ตรงนี้เลย
“อยาก แต่ถ้านายไม่สะดวกใจก็...”
“ถึงขนาดนี้แล้วมันไม่มีหรอกความไม่สะดวกใจอะไรนั่น” เซฮุนหัวเราะ ดวงตาสองข้างหรี่เล็กทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ “มันแค่...ไม่รู้ดิ ผมว่ามันน่าสมเพชนิดหน่อย”
“ยังไง”
“แฟนคนแรก...คบกันตอนมอปลายจนขึ้นมหา’ลัย”
“โอ้ ตั้งสามปี...”
“ใช่ แล้วก็เลิกกัน” เซฮุนยิ้ม ไม่มีเค้าความเจ็บปวดใดใดเมื่อพูดถึงความรักยาวนานในอดีตที่จบลง “คนที่สองคบได้สองปี ส่วนคนสุดท้ายเพิ่งเลิกไปเมื่อห้า..? หก..? เจ็ดเดือนที่แล้วมั้งครับ คบกันเกือบสองปี”
“ดีจัง แสดงว่านายเป็นคนมั่นคงนะถึงคบกับใครได้นาน พี่นี่สิ...มากสุดแค่สี่เดือน”
“ฟังดูดีก็จริง แต่พี่ลู่หานรู้มั้ย เห็นผมหล่อๆ หน้าตาดี ฐานะใช้ได้แบบเนี้ย...ถูกบอกเลิกตลอดนะครับ”
ลู่หานเกือบจะโห่กับถ้อยคำยกยอตัวเองเหลือเกินนั่น แต่เพราะที่อีกฝ่ายพูดมามันจริงทั้งหมดเลยได้แต่เบะปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
“อืม น่าแปลกจริงๆ ล่ะนะ”
“ที่สำคัญ สามคนนั้นทิ้งผมไปโดยไม่บอกเหตุผลอะไรเลย”
เพราะเป็นฝ่ายบอกเลิก (หรือบางทีก็เฉดหัว) มาตลอด ลู่หานเลยไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังนัก กระนั้นก็ยังนิ่งฟังโอเซฮุนทั้งรอยยิ้มบางบนเรียวปาก
“ช่างมันเถอะ ผมเองก็ไม่ได้อยากรู้คำตอบสักเท่าไหร่ ใครอยากไปก็ไป อยากจบก็จบ ผมว่ามันเท่ดีเหมือนกันนะเวลาที่ถูกบอกเลิกแล้วได้ตอบออกไปว่า ‘ตามใจ’ ดูมีศักดิ์ศรีดี”
ลู่หานหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ หมอนี่มันเด็กชัดๆ คงออกแนวลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ล่ะมั้ง
ขณะเดียวกันเซฮุนมองท่าทางน่ารักของชายหนุ่มรุ่นพี่ตรงหน้าก็อดยิ้มไม่ได้ แก้วขาวแดงเรื่อชวนให้อยากเอื้อมปลายนิ้วไปแตะต้อง ริมฝีปากที่ส่งเสียงหัวเราะนั่นก็คงจะนุ่มนิ่มไม่น้อยเลยทีเดียว
“นี่ ตีสามแล้ว เราไปต่อที่อื่นกันเถอะครับ”
“ตีสามเนี่ยนะ นายจะไปที่ไหน”
เซฮุนกระตุกยิ้มร้ายยามได้ยินคำถามซื่อๆ จากคนตัวเล็ก เขากดยิ้มมุมปาก เอ่ยด้วยความมั่นใจต่อเจ้าของใบหน้าหวานที่เขาถูกใจตั้งแต่แรกเห็น
“คอนโดผม”
คนฟังบังคับไม่ให้ตัวเองอ้าปากเหวออย่างยากเย็น ฝ่ามือที่วางบนตักสั่นเล็กน้อยหากก็ยังรู้สึกได้ ถ้าเป็นคนอื่นลู่หานคงชกหน้าเข้าสักทีที่พูดจาเหมือนเห็นเขาเป็นคนง่ายๆ แบบนี้...
แต่นี่เป็นโอเซฮุน
คนที่ลู่หานสบตาเพียงหกสิบวินาทีก็รู้ดีว่าหัวใจเขาไม่ต้องการปล่อยให้จากไป
“หกสิบวินาทีที่เรามองตากัน พี่คงไม่อยากให้ผมเป็นแค่น้องชายหรอกใช่มั้ย”
*
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ลู่หานมาทำงานแล้วพบว่าบนโต๊ะมีช่อดอกไม้วางอยู่ มันโดดเด่นจริงๆ นั่นแหละ โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนโต๊ะทำงานผู้ชายวัยยี่สิบแปดปีอย่างเขา ขนาดเพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรมากมายนักยังถึงขั้นเอ่ยปากแซว ลู่หานทำได้แค่ยิ้มรับ ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงในเมื่อหลักฐานวางทนโท่อยู่ตรงนี้
‘อาจจะดูโง่ไปหน่อยแต่ผมเพิ่งคิดได้ว่าพี่อาจจะไม่ชอบดอกไม้ก็ได้ เคยจีบแต่ผู้หญิง ไม่รู้เหมือนกันว่าจีบผู้ชายเขาทำกันยังไง อ่า...ถ้าพี่ไม่ชอบมันล่ะก็ เอาไปทิ้งโดยไม่ต้องบอกผมนะ
- โอเซฮุน’
ลู่หานคลี่ยิ้มหลังจากอ่านการ์ดจบ ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะยิ้มกว้างมากขึ้น...มากขึ้น...มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ้มทั้งปากทั้งตา ยิ้มได้สว่างไสวอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าทำให้เพื่อนร่วมงานโต๊ะใกล้เคียงต้องยิ้มตามไปด้วย แน่นอนว่าเป็นรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดในรอบหลายปี
มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดพิมพ์ข้อความรวดเร็ว
‘ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยชอบดอกไม้หรือของอะไรหวานแหววแบบนี้หรอก แต่แปลกชะมัด...พักนี้ดันรู้สึกชอบดอกกุหลาบขึ้นมาซะได้’
โชคดีของลู่หานคือเช้าวันต่อมาหลังตัดสินใจไปค้างคอนโดเซฮุนทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก เมื่อลืมตาตื่นก็พบว่าโอเซฮุนยังนอนอยู่ใกล้ๆ แขนยาวยังคงพาดเอวเขาไว้เหมือนตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา
ด้วยอายุแล้ว...เซฮุนกับลู่หานเป็นผู้ใหญ่พอที่จะพูดคุยกันตามตรง มันไม่ใช่ Puppy love หรือวันไนท์แสตนด์ ในเมื่อหัวใจรู้สึกยังไงก็พูดออกไปตามที่คิด สุดท้ายพวกเขาจึงตกลงลองศึกษากันดู ถ้าใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็พร้อมจะจากกันด้วยดี เซฮุนยังเอ่ยปากขอโทษลู่หานด้วยซ้ำที่เมื่อคืนมือไวปากไวใจเร็วไปหน่อย ชายหนุ่มสัญญาหนักแน่นว่าต่อไปความสัมพันธ์ทางกายระหว่างพวกเขามันจะเป็นไปตามขั้นตอน
คงเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนแรกของลู่หานนั่นแหละ
Rrrr - - Rrrr - -
“อื้อ ว่าไง”
( ทำงานหรือยังครับ )
“ยัง มีอะไรเหรอ”
( ผมดีใจนะที่พี่ชอบมัน )
“สวยดี แต่ต่อไปไม่ต้องส่งมาแล้วก็ได้ เปลืองเงินเปล่าๆ นะ”
( แค่พี่ชอบก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องคิดมากหรอก )
ลู่หานกำลังอ้าปากจะแย้ง หากแต่ไม่ทันปลายสายที่ชิงพูดตัดบทรวดเร็ว
( แค่นี้ก่อนนะครับ ตอนเที่ยงเจอกัน )
เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าลู่หานเป็นพวกโหยหาความรัก...
เขาเคยฝัน...อยากมีใครสักคนที่รัก ดูแล เอาใจใส่ อยู่ด้วยกันไปจนแก่ ความรักที่หอมหวาน รักที่สมบูรณ์แบบ รักที่สวยงามราวกับพระเอกนางเอกในนิยาย
ลู่หานอธิษฐานเช่นนั้นกับพระเจ้ามาตลอด เขาจึงบอกเลิกใครหลายคนเพียงแค่รู้สึกว่าคนๆ นั้นให้ความรักในแบบที่ตัวเองต้องการไม่ได้ คงต้องโทษแม่กับพี่สาวที่ชอบเปิดละครน้ำเน่าให้ดูมากไปจนลู่หานคิดฝังใจในสิ่งที่เห็นตั้งแต่เด็ก ลู่หานรอ รอจนคิดว่าคนในฝันของเขาคงไม่มีอยู่จริงแล้ว แต่โชคชะตากลับดลบันดาลให้มาพบกับโอเซฮุน
เซฮุนที่ส่งดอกไม้สวยๆ มาให้ทุกเช้า เซฮุนที่มักส่งข้อความมาหาระหว่างวัน เซฮุนที่มารับไปกินข้าวเที่ยงทั้งที่บริษัทอยู่คนละทาง เซฮุนที่พาไปเดทหลังเลิกงาน เซฮุนที่แสดงออกถึงความใส่ใจให้ลู่หานเสมอ
ลู่หานหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะคงอยู่ไปนานแสนนาน หวังว่าเซฮุนจะเป็นคนสุดท้ายในชีวิตเขาจริงๆ เสียที
*
“เซฮุนนา แวะซื้อเบียร์ก่อนมั้ย”
“พี่อยากดื่มเหรอ”
“คืนนี้เราต้องอยู่ดึกนะ อย่าลืมสิ!”
ลู่หานหันไปคลี่ยิ้มสดใสให้สารถีรูปหล่อ ดวงตากลมโตไหวระริกอย่างตื่นเต้นเพียงแค่นึกถึงคืนนี้ซึ่งเป็นคืนวันศุกร์ที่จะนอนดึกแค่ไหนก็ได้หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับงานมาทั้งสัปดาห์ เซฮุนเห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ บางทีลู่หานดูเป็นผู้ใหญ่ก็จริง ทว่าบางครั้งกลับเหมือนเด็กๆ ไม่มีผิด
“ผมไม่คิดว่าเราต้องใช้เบียร์”
“มันทำให้เพลินขึ้นนะ สนุกขึ้นด้วย ไม่รู้หรือไง”
เซฮุนเลิกคิ้วมองก่อนจะหัวเราะ “พี่รู้ดีกว่าผมจริงๆ น่ะเหรอ”
“เถอะน่า ไม่เชื่อลองดู แวะซุปเปอร์แถวคอนโดนายก็ได้ อืม...ซื้อเบียร์ ขนมกับของกินตุนไว้เยอะๆ คืนนี้ต้องใช้พลังงานหนักแน่ๆ”
เซฮุนอยากเอานิ้วแคะหูตัวเองแรงๆ ชะมัด
ลู่หานที่หน้าแดงตัวแดงใต้ร่างเขาเนี่ยนะ กล้าพูดอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้!?
.
.
“เฮ้!! เข้าอีกลูกแล้ว มันต้องอย่างนี้สิ!!”
ร่างเล็กกระโดดเหยงๆ หน้าโซฟาในห้องนั่งเล่น ไม่วายหันกลับไปกอดล็อคคอเซฮุนอย่างดีใจ หน้าจอทีวีปรากฏภาพผู้ชายนับสิบคนกำลังไล่ล่าลูกกลมๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย
ใช่...ลู่หานกำลังเชียร์ฟุตบอล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทีมโปรดของเจ้าตัว
และใช่...ไอ้คำพูดกำกวมบนรถนั่น เซฮุนนั่นแหละที่คิดมโนไปไกลคนเดียว
30 นาทีผ่านไป...
“ชนะแล้วเซฮุน ชนะแล้ว! โว้ววววว! เจ๋งเป็นบ้า!!”
“อ่า ครับ...”
เสียงตอบรับเนือยๆ ทำให้ลู่หานหันกลับมาสนใจคนข้างกายที่เอนศีรษะพิงพนักโซฟาตาปรือ มัวแต่เมามันกับการเชียร์ศึกลูกหนังจนไม่ได้ใส่ใจอีกคนสักเท่าไหร่ และพอเห็นท่าทางง่วงงุนของเซฮุนลู่หานก็ต้องขมวดคิ้ว
“ไม่ตื่นเต้นเหรอ ชนะแล้วเนี่ย เออลืมถามเลย ปกตินายเชียร์ทีมไหนน่ะ”
เซฮุนค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มบิดขี้เกียจไปมาสองสามที
“ผมว่าเราไปนอนกันดีกว่า ดึกแล้ว”
“อะไรน่ะ ตอบมาก่อนสิ ปกติเชียร์ทีมไหน?”
คนถูกถามถอนหายใจ ก่อนตอบอย่างจืดเจื่อน
“ปกติผม...ไม่ดูฟุตบอล”
“.........”
“.........”
“แล้ว...ทำไมไม่บอกแต่แรกอ่ะ...”
ลู่หานถามเสียงแผ่ว ใบหน้าน่ารักหดเหลือสองนิ้ว อยากตีตัวเองให้ตายนัก ก็ว่าอยู่...เซฮุนทำหน้าราวกับเห็นผีเมื่อเขาลากอีกฝ่ายมาเฝ้าหน้าจอทีวีทันทีที่อาบน้ำเสร็จ แถมระหว่างเกมเซฮุนก็นั่งเงียบ จิบเบียร์บ้าง แกะซองขนมกินบ้าง ตอนแมนยูยิงเข้าเซฮุนก็ไม่หือไม่อือ เพียงแค่หัวเราะเล็กๆ ตอนที่ถูกเขาคว้าไหล่มาเขย่าแรงๆ ให้สมกับความดีใจเท่านั้น
คนไม่ดูบอลต้องมานั่งเชียร์บอลมันน่าเบื่อแค่ไหนลู่หานรู้ดี ก็เหมือนตอนเขาโดนเพื่อนลากไปดูเทนนิสสมัยมอปลายนั่นแหละ
“แล้วไม่บอกแต่แรกล่ะ ขอโทษนะ นายคงเบื่อ...”
“ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ได้น่าเบื่ออะไร...แค่ง่วงนิดหน่อย”
“แล้วทำไมตอนที่พี่บอกว่าคืนนี้เรามีนัดพิเศษกัน เซฮุนรีบตอบรับขนาดนั้นล่ะ พี่ก็นึกว่านายรู้”
เซฮุนไม่ตอบ ลู่หานเลยจ้องคาดคั้นหนักกว่าเดิม สุดท้ายชายหนุ่มก็กระแอมไอแก้เก้อ พึมพำตอบทั้งหน้าแดงเรื่อ
“ก็...เราไม่ได้เจอกันสองอาทิตย์แล้วใช่มั้ยล่ะครับ อาทิตย์ก่อนผมไปประชุมต่างจังหวัด ส่วนอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่ก็ยุ่งกับการปิดเล่ม พอเราว่างตรงกันผมก็เลยคิดว่าเราจะ...จะ...”
“จะ...?”
“จะ...ทำอะไรพิเศษๆ ให้สมกับที่คิดถึงกันไง โธ่ ลู่หานพี่น่าจะรู้นะว่าผมติดพี่ขนาดไหน”
ตุ้บ!
หมอนอิงใบย่อมถูกปาแสกหน้าโอเซฮุนทันที ลู่หานหน้าแดงก่ำ ก่อนใจความสำคัญที่เซฮุนพูดจะทำให้คนขี้อายค่อยๆ เผยรอยยิ้ม แล้วก็กลายเป็นหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งจนทำให้ร่างสูงอดขำตามไปด้วยไม่ได้
ภายในห้องนั่งเล่นจึงสนั่นไปด้วยเสียงหัวเราะของคนสองคน ดังก้องนานนับนาที
ค่ำคืนนั้นเอง...ก่อนห้วงนิทราจะร้องเรียกพวกเขาพร้อมกัน ลู่หานแว่วเสียงกระซิบชิดริมหูจากเซฮุน ขับกล่อมให้เขาฝันดี
“ถึงจะดูบอลไม่เป็น แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม...ผมสัญญาว่าจะนั่งอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนพี่เสมอนะครับ”
*
“เซฮุน บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเอากางเกงไปใส่ในตะกร้าเสื้อ!”
เช้าวันหยุดอันวุ่นวาย...
เวลาผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ลู่หานไม่เคยกล้าคาดฝันว่าเรื่องระหว่างเขากับเซฮุนจะดำเนินมาไกลถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าชีวิตของลู่หานเปลี่ยนไปจากเดิมมาก อย่างแรก ลู่หานไม่ได้มาค้างกับเซฮุนทุกสุดสัปดาห์เหมือนเคย แต่เขาย้ายมาอยู่ที่คอนโดเซฮุนเลยต่างหาก
ยิ่งไปกว่านั้น ลู่หานมีเพื่อนที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้เต็มปาก กลุ่มคนเหล่านั้นคือเพื่อนของเซฮุนอีกที มีทั้งรุ่นเดียวกับเซฮุนอย่างจงอิน ชานยอล แบคฮยอน แล้วก็เพื่อนรุ่นพี่อีกหนึ่งคน (แต่ก็เด็กกว่าลู่หานอยู่ดี) ชื่อคิมจุนมยอน เซฮุนพามาให้รู้จักหลังจากพวกเขาตกลงคบกันจริงจัง ลู่หานสนิทกับจงอินมากกว่าคนอื่นนิดหน่อยเพราะคอบอลเหมือนกัน จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ของเซฮุนที่ต้องหาข้ออ้างกันท่าจงอินไม่ให้มาค้างที่คอนโดเขาทุกครั้งที่มีการแข่งขันระหว่างแมนยูกับเชลซี ไม่ว่าจะเป็นเซฮุนป่วยบ้างล่ะ ลู่หานอารมณ์ไม่ดีบ้างล่ะ ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาใหม่ยังไม่ได้จัดบ้างล่ะ สุดท้ายเมื่อจนใจจะหาข้ออ้างเซฮุนก็ต้องพูดไปตรงๆ ว่า
“กูหวง จบมั้ยสัด”
แน่นอนว่ามันทำให้จงอินหัวเราะเยาะเย้ยเขาอย่างผู้ชนะ
“ลืมครับ โทษที”
“ลืมตลอด หัดจำซะบ้างสิ”
“กลายเป็นตาแก่ขี้บ่นไปแล้วเหรอ”
“โอเซฮุน!”
เซฮุนยักไหล่ใส่เสียงตวาดลั่นห้องนั่น ก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวผิวปากหวือเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายอารมณ์
ใช่ ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
เซฮุนกับลู่หานข้ามผ่านคำว่าคู่รักกลายเป็นคู่ชีวิต ถึงจะไม่มีแหวนที่นิ้วนางหรือพิธีในโบสถ์ทว่าทุกสิ่งที่พวกเขาทำด้วยกันในคอนโดแห่งนี้เป็นเครื่องการันตีได้ดีกว่าสิ่งใด
เมื่อเปรียบเทียบปัจจุบันกับหนึ่งปีที่แล้วระหว่างพวกเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ดอกไม้บนโต๊ะทำงานทุกเช้าเหลือแค่นานๆ ครั้ง การขับรถไปเที่ยวไกลๆ เหลือแค่เดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือซื้อดีวีดีภาพยนตร์ที่อยากดูมาเปิดด้วยกันในห้องนั่งเล่น
แต่ลู่หานทนกับมันได้...
เพราะเขายังเชื่อเสมอว่าความรักที่ได้จากเซฮุนคือสิ่งพิเศษที่พระเจ้าประทานให้ ยังคงเชื่อว่าความรักของเซฮุนคือความรักที่ตามหามาตลอดชีวิต
ทว่า ลู่หานกลับต้องทบทวนความคิดตัวเองใหม่อีกครั้งเมื่อเข้าสู่ปีที่สองของการใช้ชีวิตด้วยกัน
“รอแป๊บนึงนะเซฮุน พี่ชงกาแฟจะเสร็จแล้ว ดื่มก่อนค่อยออกไปทำงาน”
เสียงกุกกักดังมาจากห้องนอนขณะลู่หานยังคงใช้ช้อนคันเล็กคนกาแฟให้เข้ากัน วันนี้วันหยุดแท้ๆ บริษัทเซฮุนดันนัดประชุมด่วนเสียได้ และไม่กี่นาทีต่อมาร่างสูงก็คว้าเสื้อสูทกับกระเป๋าทำงานด้วยท่าทางเร่งรีบ
“ไปก่อนนะครับ เย็นนี้เจอกัน”
“เดี๋ยว แล้วกาแฟล่ะ”
“วางไว้ก่อน เย็นนี้กลับมาดื่มก็ทัน”
“บ้าหรือไง เดี๋ยวสิ...”
ปัง!
บานประตูปิดสนิทลงพร้อมกับร่างของเซฮุนที่พ้นจากกรอบสายตาลู่หานไปแล้ว ร่างเล็กถอนหายใจแผ่ว กรอกตามองเพดานก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป
ทิ้งแก้วกาแฟกรุ่นกลิ่นหอม ควันจางๆ จากไอร้อนยังคงลอยวนอยู่ไว้บนเคาน์เตอร์ไว้อย่างนั้น
.
.
เช้าตรู่วันอาทิตย์ แทนที่ลู่หานจะได้นอนตื่นสายให้สมใจกลับต้องแวะไปช่วยแก้งานซึ่งเป็นความผิดพลาดรุ่นน้องในบริษัท ดวงตากลมโตสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องนอน อดปรายตามองเจ้าของร่างสูงที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียงไม่ได้
“เซฮุนนา ไปแล้วนะ”
ก้าวเตาะแตะมาพึมพำบอกข้างเตียง ลู่หานไม่หวังหรอกว่าเสียงเขาจะส่งไปถึงคนที่ดูเหมือนกำลังหลับสนิทอยู่
“อืม...กุญแจรถอยู่บนหัวนอน...ผมไม่ส่งนะ...”
แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเลิกหวังความเอาใจใส่จากโอเซฮุนมานานเท่าไหร่
ลู่หานบอกตัวเองเสมอว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมดังวันแรกที่ใช้ชีวิตด้วยกัน ทว่าเมื่อหวนคิดถึงอดีตแล้วร่างเล็กก็ต้องวาดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มขมขื่น
ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ไม่มีแม้สักอย่างเดียว ลู่หานกับเซฮุนเหมือนนาฬิกา...ที่ถ่านใกล้หมดเต็มที ได้แต่รอวันให้เข็มเก่าๆ นี้หยุดเดินเสียทีก็เท่านั้น
และแล้ว...จุดสิ้นสุดก็เดินทางมาถึงในเย็นวันหนึ่งหลังจากเวลาล่วงเข้าสู่ปีที่สาม
บนโต๊ะกินข้าวต่างคนต่างกินของตัวเอง เรื่องตักอาหารให้กันนั่นลืมไปได้เลย ทุกอย่างเป็นไปอย่างเฉยชาจนน่าแปลกใจว่าพวกเขาทนมันได้ยังไง
ลู่หานไม่รู้ว่าเซฮุนจำมันได้ไหมว่าวันนี้เป็นวันครบรอบสามปี เพราะขนาดวันเกิดเขาที่เพิ่งผ่านไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเซฮุนยังลืม ลืมแบบที่เรียกกันว่าลืมสนิท จนถึงป่านนี้ลู่หานยังไม่ได้ยินคำว่าสุขสันต์วันเกิดจากอีกคนเลยด้วยซ้ำ
มือสองข้างหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มพร้อมกันเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขาอิ่มแล้ว
“เย็นนี้พี่จะไปไหนรึเปล่า”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน”
“งั้นเหรอ...”
น่าแปลก...ลู่หานเพิ่งคิดขึ้นมาได้ เซฮุนได้ทุกอย่างจากเขาไปหมดแล้ว ร่างกาย หัวใจ ไม่มีอะไรที่เป็นของลู่หานและมันไม่ได้เป็นของเซฮุน เราอยู่ด้วยกันมานาน...นานจนรู้นิสัยของอีกฝ่ายทุกอย่าง มันไม่เหลืออะไรต้องเรียนรู้กันและกันอีก
หมดไปแล้วความตื่นเต้นของรักแรก หมดไปแล้วความหวานชื่นของความรักอย่างหนุ่มสาว
ไม่เหลืออะไรอีก
และลู่หานเพิ่งเข้าใจ...คนรักเก่าของเซฮุนทั้งสามคนเลือกจากไปเพราะอะไร
“นี่ เซฮุนเคยได้ยินไหม...”
อยู่ๆ เสียงหวานก็เปรยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบาง ยิ้มที่เซฮุนไม่ได้เห็นมานานจนต้องเลิกคิ้วแปลกใจ
“มีคนเคยบอกว่าสิ่งที่ทำให้คู่แต่งงานอยู่ด้วยกันจนแก่มันไม่ใช่ความรักหรอก มันคือความผูกพัน ความเป็นเพื่อน สองสิ่งนี้ต่างหากที่ผูกมัดคนสองคนไว้ด้วยกัน เพราะว่าความรักมันหมดไปแล้ว”
“แล้วยังไงครับ”
“ไม่รู้สิ” ร่างเล็กลุกขึ้นยืน สอดเก้าอี้เข้าใต้โต๊ะแล้วท้าวศอกคาไว้บนพนักเก้าอี้อย่างนั้น “พี่ไม่คิดว่า...”
“ว่า?”
เซฮุนก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยืนฟังด้วยสีหน้าเฉยชา ลู่หานเงียบไปสักพักก่อนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อ
“ไม่คิดว่าเราสองคนจะมาถึงจุดนั้นเร็วขนาดนี้”
ไม่สิ จุดนั้นของเซฮุนต่างหาก...
เพราะสำหรับลู่หาน...ความรักยังมีอยู่ทุกอณูความรู้สึก ทุกครั้งที่มองเซฮุน ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องของเรา ทุกๆ วินาทีที่หายใจ
ดวงตาคู่สวยจ้องมองเซฮุน ร่างสูงโปร่งยังคงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าเดิม ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนทำให้ลู่หานแน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปมันถูกต้อง
“อืม...พี่รู้แล้วล่ะว่าเย็นนี้ต้องไปที่ไหน”
“.........”
“...พี่จะกลับบ้าน”
“...บ้านที่ไหน คอนโดพี่ขายทิ้งไปตั้งสองปีกว่าแล้วไม่ใช่เหรอ”
“บ้านที่จีน”
“.........”
ถึงจะเอ่ยออกไปอย่างหนักแน่นแต่ลู่หานก็ยังรอ กระทั่งแน่ใจว่าจะไม่มีคำใดๆ หลุดจากริมฝีปากเซฮุนอีกร่างเล็กถึงหันหลังกลับเข้าห้องนอนด้วยขอบตาร้อนผ่าว ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงในการเก็บเอาสิ่งของจำเป็นใส่กระเป๋า ไม่เสียเวลาแม้แต่จะมองไปรอบๆ ห้องนอนด้วยกลัวว่าภาพความทรงจำในอดีตจะทำให้สองขาไม่เข้มแข็งพอที่จะก้าวผ่านมันไปได้
เซฮุนยังคงยืนอยู่ที่เดิม...
ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงจ้องมองลู่หานอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งร่างเล็กคุ้นเคยมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“พี่คิดดีแล้วใช่ไหม”
“ไม่รู้สิ นายคิดว่ายังไงล่ะ”
ลู่หานรู้อยู่แล้ว รู้ว่าเซฮุนจะตอบกลับมายังไง
แต่...ก็ห้ามความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจไม่ได้เมื่อได้ฟังกับตัวเองจริงๆ
“ตามใจ”
คำสองคำที่จะดังลั่นในหัวใจลู่หานไปตลอดกาล
.
.
ปัง
บานประตูกระแทกกรอบปิดสนิท เผยให้เห็นภาพชายหนุ่มร่างสูงดึงมืออันสั่นไหวของตัวเองออกจากกระเป๋ากางเกง ฝ่ามือข้างขวาที่กำแน่นค่อยๆ คลายออกมา
ดวงตาคมจ้องมอง ‘บางสิ่ง’ บนฝ่ามือ ด้วยแรงอารมณ์ตอนนี้โอเซฮุนอยากเขวี้ยงมันออกไปให้ไกล ให้พ้นสายตา หากสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขนาดเล็กถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าวอย่างเบามือ
*
โอเซฮุนถอดสูทสีดำสนิทโยนลงบนโซฟา ตามด้วยกระเป๋าเอกสารและกุญแจรถ ช่วงขายาวพาตัวเองเดินไปห้องน้ำ ดวงตาเรียวคมกรอกไปมาเมื่อเห็นว่าไฟห้องน้ำถูกเปิดไว้เสียสว่างโล่
“ลู่หาน พี่ลืมปิดไฟห้องน้ำอีกแล้วนะ ตาแก่ขี้ลืมเอ๊ย ต้องให้...”
ก่อนจะต้องชะงักงัน เพราะเผลอลืมไป...
คอนโดกว้างๆ แห่งนี้ไม่มีลู่หานอยู่อีกแล้ว
แม้อยากหลอกตัวเองว่าเมื่อมาถึงห้องจะเจอกับลู่หานที่ง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อเย็นในครัว ในตู้เย็นมีชานมไข่มุกที่อีกฝ่ายซื้อจากร้านเจ้าโปรดใกล้ที่ทำงานมาแช่เตรียมไว้ให้ สักพักร่างเล็กๆ จะวิ่งมาหยิบสูทของเขาไปใส่ไม้แขวนพร้อมบ่นที่เขาไม่รู้จักระวังอย่างที่ได้ยินทุกวัน
ยังไงความจริงก็คือความจริง เซฮุนหนีมันไม่พ้น
“เขาใจแข็งถึงขนาดออกไปจากที่นี่ แล้วแกจะอยู่ไม่ได้ก็ให้รู้ไปสิวะโอเซฮุน”
พูดกับเงาตัวเองซึ่งสะท้อนในกระจกห้องน้ำคล้ายจะสั่ง เซฮุนคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ทุกวันนี้ลู่หานทำอะไรให้เขาบ้าง แล้วถ้าขาดลู่หานไปชีวิตเขาจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง
หนึ่ง เซฮุนจะขาดคนที่จัดการเรื่องอาหารให้ แต่มันก็โอเคตราบใดที่เขามีเงินในกระเป๋าสตางค์และใช้เป็น
สอง เซฮุนจะขาดคนให้กอดในทุกค่ำคืน แต่มันก็โอเคตราบใดที่เขายังหล่อ เซฮุนจะหาผู้หญิงสักกี่คนก็ได้
สาม เซฮุนจะขาดคนที่คอยรับฟังเรื่องราวของเขา แบ่งปันทั้งความสุขความทุกข์ แต่มันก็โอเคตราบใดที่เซฮุนยังมีเพื่อน
เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ ให้มันรู้ไปสิว่าขาดลู่หานแล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้
.
.
เพิ่งรู้ว่าเตียงนอนมันกว้างขนาดนี้…
เซฮุนพลิกตัวไปมาแม้กำลังง่วงงุนเต็มที เปลือกตาบางหรี่พับลงเพราะความเหนื่อยอ่อนจากงานมาทั้งวัน ทั้งที่เป็นเช่นนั้นแต่ห้วงนิทรากลับดึงดูดเขาให้จมลงไปไม่ได้สักที
มันทุรนทุราย มันทรมาน
เข็มสั้นของนาฬิกาฝาผนังชี้ไปที่เลขสอง เซฮุนผุดลุกขึ้นนั่งอย่างยอมแพ้...
ร่างสูงถอนหายใจยาวราวกับสามารถผ่อนเอาความเจ็บปวดในใจออกมาด้วย สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วทำสิ่งที่โง่เง่าที่สุดในชีวิต
เซฮุนหยิบเสื้อนอนตัวที่ลู่หานใส่ประจำออกมา
“...บ้าสิ้นดี”
เสียงทุ้มสบถก่อนทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เขากอดผ้าบางๆ นั่นทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีวันส่งไออุ่นออกมาได้ ซุกหน้าลงสูดกลิ่นของลู่หานที่ยังติดอยู่จนเต็มปอด
ทว่า ปลายจมูกสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เซฮุนขมวดคิ้ว แขนยาวเอื้อมไปเปิดไฟสีนวลตาบนหัวเตียง
“นี่มัน...”
กระเป๋าเสื้อนอนลู่หานมีกระดาษสีขาวใบเล็กๆ ซ่อนอยู่ เซฮุนส่องกระดาษกับแสงไฟ อ่านลายมือลู่หานที่เขียนด้วยดินสอ อ่านมันซ้ำไปมาแล้วส่งเสียงหึในลำคอ ก่อนนาทีต่อมาเขาจะขยำกระดาษนั่นแล้วโยนมันออกไปพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นราวกับคนไร้สติ
เขาเกลียดลู่หานที่ทำเหมือนรู้จักเขาดีมากกว่าใคร แต่เกลียดตัวเองมากกว่าที่เป็นอย่างที่ลู่หานคิดจริงๆ
ในเมื่อนอนไม่ได้ก็ไม่ต้องนอน เซฮุนลุกขึ้นอีกครั้งทันทีที่นึกได้ว่าเมื่อวานหลังจากลู่หานจากไปแล้วเขาฟุบหลับอยู่ตรงโซฟาจนเช้าตรู่ได้ยังไง ชายหนุ่มกระชากประตูตู้เย็นแรงๆ กวาดเอากระป๋องเบียร์กับขวดเหล้าออกมาเต็มสองมือ
มันคงเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เซฮุนหลับลงได้
*
ทำงาน กลับคอนโด กินเหล้า ฟุบหลับข้างโซฟา ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้าแล้วไปทำงานตามหน้าที่อีกครั้ง
ชีวิตเซฮุนวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แค่นั้น ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่ามันน่าสมเพชมากแค่ไหน สภาพเขาไม่ต่างอะไรกับไอ้ขี้เมาข้างถนน ขอบตาดำคล้ำ หนวดเคราขึ้นเพราะไม่ใส่ใจดูแล ยังดีที่มีกระจิตกระใจส่งเสื้อผ้าให้ร้านซักรีดจัดการให้ ไม่อย่างนั้นเขาคงใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ กันให้ยิ่งดูทุเรศไปมากกว่านี้
ขวดเหล้ากระจัดกระจายหน้าโซฟา เกลื่อนกลาดจนแทบไม่มีที่นอน
เซฮุนใช้ชีวิตอย่างนั้นยี่สิบวัน...
เช้าวันหนึ่งที่ลืมตาขึ้น เซฮุนจ้องมองแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านผ้าม่านซึ่งเปิดค้างไว้ มองมันแน่นิ่งหลายนาที วินาทีนั้นเองที่เขาคิดได้ว่าความรักของเขาพังไปแล้วก็จริง แต่หน้าที่การงาน เพื่อนฝูงที่คอยเป็นห่วง ลมหายใจเขา สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่และเซฮุนจะปล่อยให้มันพังตามไปไม่ได้
วันต่อมาคนรอบข้างถึงได้เห็นโอเซฮุนในสภาพเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าคนเดิมกลับคืนมา
กระทั่งล่วงเข้าสู่วันที่ห้าสิบห้านับตั้งแต่ลู่หานจากไป...
คอนโดสกปรกไปด้วยขวดเบียร์ที่ดื่มไว้ก่อนหน้านี้วางเกลื่อนกลาด กล่องโฟม กล่องพลาสติก แก้วน้ำ จานชาม ไรฝุ่น ทุกๆ อย่างได้ฤกษ์ถูกทำความสะอาดเสียที เซฮุนใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการจัดการให้มันเป็นระเบียบเรียบร้อย เขาทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยเพราะประโยคเดียวที่ดังก้องอยู่ในใจ
เผื่อว่าลู่หานจะกลับมา
*
สามเดือนแล้ว...
มันถึงจุดที่คนอายุยี่สิบเจ็ดอย่างเซฮุนควรยอมรับได้สักทีว่าลู่หานไม่มีวันกลับมา และเขาก็ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นอีกต่อไปที่จะมัวห่วงทะนงในศักดิ์ศรี ทำหน้าเฉยชาไม่แคร์สิ่งใดเพื่อให้คนทั้งโลกรู้ว่าเขาอยู่ได้ทั้งที่ข้างในมันเจ็บปางตาย
เขาคิดถึงลู่หาน คิดถึงเหลือเกิน
ด้วยความรู้สึกนี้ เซฮุนเปิดประตูห้องนอน ก้มลงไปที่พื้นเพื่อสำรวจทุกซอกทุกมุมว่า กระดาษสีขาวแผ่นนั้น มันอยู่ตรงไหน
สิบนาทีต่อมาเซฮุนก็เจอ กระดาษยับเยินไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจในเมื่อครั้งแรกที่พบเขาได้ขยำมันเต็มแรง ตัวหนังสือจางลงไปมากเพราะลู่หานเขียนด้วยดินสอ ชายหนุ่มอ่านตัวอักษรในกระดาษซ้ำไปซ้ำมาดังครั้งแรกที่เขาเห็นมัน ริมฝีปากได้รูปวาดยิ้มบางพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลริน...
เซฮุนรู้แล้ว การที่ลู่หานจากเขาไปมันไม่ได้ทำให้เซฮุนขาดคนดูแลเรื่องอาหารการกิน ขาดคนนอนข้างๆ หรือขาดคนรับฟังเรื่องราวของเขา
เซฮุนก็แค่ขาดใครสักคน
ใครสักคนที่เอาไว้ ‘รัก’
หน้าที่ซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่อาจเป็นให้เขาแบบลู่หานได้
*
ดวงตาคู่สวยเหม่อมองสายฝนโปรยปรายผ่านบานกระจกใส สามเดือนแล้วที่ใช้ชีวิตโดยไม่มีโอเซฮุน สามเดือนที่ความคิดถึงทำร้ายลู่หานอย่างโหดร้าย ลู่หานใช้เวลาว่างหมดไปกับการคิดถึงเซฮุน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในทุกวันตลอดระยะเวลาสามเดือน
คิดถึง คิดถึง และคิดถึง
น่าแปลกที่ยิ่งคิดถึงความทรงจำระหว่างกันก็ยิ่งฉายชัด บางเรื่องราวที่ลู่หานเผลอมองข้ามในยามใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกลับมาตอกย้ำให้รู้สึกละอาย
เพราะตอนนั้นเอาแต่คิดว่าเซฮุนเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ความรักที่มีอยู่ไม่ใช่ความรักที่ใฝ่ฝันหามาตลอดชีวิต หากพอถอยออกมาแล้วมองย้อนกลับไปลู่หานถึงได้รู้ว่าตัวเองเด็กมากแค่ไหน
“ถ้าจะหลับก็เข้าไปในห้อง มานอนอะไรตรงนี้”
“.........”
“เซฮุนนา ตื่น”
“อืม...ก็เคยบอกแล้วไงว่าจะนั่งเป็นเพื่อนตอนพี่ดูบอล...”
“ถ้าจะมาหลับอย่างนี้ก็ไม่ต้อง”
ลู่หานในตอนนั้นน้อยใจเซฮุนเหลือเกิน ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมถึงไม่ตั้งใจดูเหมือนช่วงที่พวกเขาคบกันแรกๆ ทำไมถึงฝืนตัวเองให้กันไม่ได้ แต่ลู่หานลืมไป...สองปีหลังมานี้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปมาก หน้าที่การงานของเขากับเซฮุนต่างก้าวหน้าขึ้น แน่นอนว่าภาระหน้าที่กับความรับผิดชอบย่อมเพิ่มพูนตาม ลู่หานลืมคิดไปว่าเซฮุนก็เหนื่อยเป็น
ลู่หานในวันนี้จึงได้แต่ขอบคุณเซฮุนในใจ ขอบคุณที่ยังนั่งอยู่ข้างกันในวันนั้น ขอบคุณที่รักษาสัญญา
“กาแฟนี่เย็นเป็นบ้า”
“ถ้าดื่มตั้งแต่เมื่อเช้าคงไม่เย็นอย่างนี้หรอก”
ลู่หานในตอนนั้นเอาแต่คิดเรื่องเล็กๆ อย่างเช่นเซฮุนไม่อยู่รอดื่มกาแฟที่เขาอุตส่าห์ตื่นมาชงให้ แต่ไม่นึกถึงตอนที่เซฮุนกลับมาถึงห้องและสิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำคือตรงเข้ามาหยิบถ้วยกาแฟบนเคาน์เตอร์ดื่มก่อนที่จะไปล้างหน้าล้างตาให้สบายตัวด้วยซ้ำ
ลู่หานในวันนี้จึงได้แต่ขอบคุณเซฮุนในใจ ขอบคุณที่ไม่ลืมความใส่ใจแม้เพียงเล็กน้อยที่เขาตั้งใจทำให้
“เซฮุนนา ไปแล้วนะ”
“อืม...กุญแจรถอยู่บนหัวนอน...ผมไม่ส่งนะ...”
ลู่หานในตอนนั้นคิดมากที่เซฮุนเห็นการนอนสำคัญกว่าการลืมตาตื่นมาพูดคุยกับเขา เซฮุนน่าจะห่วงใยกันบ้างที่ลู่หานต้องออกไปทำงานในวันหยุดตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แต่ลู่หานลืมนึกไป กุญแจรถบนหัวนอนมีสองคัน คันแรกคือรถเซฮุน ส่วนคันที่สองคือรถที่ลู่หานเคยบ่นให้เซฮุนฟังว่าอยากได้ และครึ่งปีต่อมามันก็เป็นของเขา...ด้วยน้ำพักน้ำแรงและเงินเก็บของเซฮุน
ลู่หานในวันนี้จึงได้แต่ขอบคุณเซฮุนในใจ ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยเพื่อเขา ขอบคุณที่ทำเพื่อกันและกันมาตลอด
“ขอบคุณนะเซฮุน”
เม็ดฝนนอกหน้าต่างหยุดโปรยปรายลงแล้ว กลับกลายเป็นน้ำตาลู่หานเองที่หลังริน...หยดแล้วหยดเล่า
เสียงสะอื้นแผ่วเบากลับกลายเป็นดังก้องเมื่ออยู่คนเดียวในห้องนอนกว้าง ลู่หานปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นโดยไม่สนใจจะควบคุม จนกระทั่งเสียงพี่สาวตะโกนดังแทรกเข้ามา
ประโยคซึ่งหยุดน้ำตาลู่หานได้ราวกับเสกสั่ง
“ลู่หาน มีคนมาหา!”
.
.
วินาทีแรกที่ลงมาถึงชั้นล่าง ลู่หานเห็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าประตูบ้านของเขา
เดินไปข้างหน้ายี่สิบก้าว ลู่หานเห็นว่าในมือใครคนนั้นมีกระดาษสีขาวยับยู่ยี่กับหนังสือภาษาจีนเล่มเล็ก
เดินต่อไปอีกห้าก้าว ลู่หานกับอีกฝ่ายยืนห่างกันเพียงหนึ่งช่วงแขน เสื้อผ้าคนตรงหน้าเปียกชื้น อาจเพราะหยาดฝนที่เพิ่งซาลงไป
คนตรงหน้าคือคนที่ล้อเล่นกับอัตราการเต้นของหัวใจลู่หานเสมอ
โอเซฮุน
ไร้คำพูดใดระหว่างคนสองคน เซฮุนกับลู่หานยืนมองหน้ากันอยู่เช่นนั้น เอาแต่มอง มอง และมอง กระทั่งผ่านไปหลายสิบนาทีลู่หานถึงได้คลี่ยิ้มออกมา
แล้วโผเข้ากอดอีกฝ่ายในวินาทีเดียวกันกับที่เซฮุนรวบเอาร่างเล็กๆ ของลู่หานเข้าไปกอดรัดแนบแน่น
น้ำตาเพิ่งแห้งไปไม่นานไหลรินลงมาอีกครั้ง ลู่หานบังคับเสียงสะอื้นไม่ได้เลยเมื่อรู้สึกว่าไหล่ของตัวเองก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของเซฮุนเช่นกัน
กระนั้นลู่หานก็ยังคลี่ยิ้ม เสียงสั่นระริกเอ่ยออกไปแผ่วเบา
“นายมาช้าชะมัดเลยเซฮุน”
“มันจะเร็วกว่านี้หลายชั่วโมง...”
เซฮุนแนบริมฝีปากชิดใบหูลู่หาน กดจูบซ้ำๆ อย่างแสนคิดถึง
“ถ้าพี่จะเขียนที่อยู่ตัวเองด้วยปากกาล่ะก็”
*
“ผมไม่เคยลืมวันเกิดพี่”
เซฮุนพูดขึ้นขณะคว้ามือลู่หานมาจับไว้ คลึงนิ้วนางข้างซ้ายของลู่หานที่สวมแหวนวงหนึ่งอยู่ แหวนวงนี้เคยอยู่ภายในกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินใบเล็กที่เซฮุนวางไว้บนโต๊ะกินข้าวตลอดสามเดือน
“ตอนนั้นที่ผมเงียบๆ ไป ไม่ค่อยพูดกับพี่มันเป็นเพราะผมคิดอยู่ว่าจะให้แหวนวงนี้กับพี่วันไหนดี ผมเหมือนคนบ้า คิดแต่เรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาตั้งหลายวัน”
เวลานี้พวกเขาสองคนกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงกว้างอันคุ้นเคย ลู่หานครางอืออาตอบรับในลำคอ รอฟังสิ่งที่เซฮุนอธิบายอย่างใจเย็น
“ให้ตอนไหนลู่หานจะประทับใจมากกว่ากันนะ วันเกิด? วันครบรอบสามปี? วันไหนดี? ตอนไหนดี? ตอนเช้าก่อนออกไปทำงานหรือว่าตอนเย็น? หรือจะเป็นตอนเที่ยงคืนดี?”
“นายมันบ้าจริงๆ นั่นแหละ” ลู่หานหัวเราะ เอียงศีรษะซบบ่าเซฮุน “นายทำให้พี่คิดไปต่างๆ นาๆ”
“ผมรู้...”
“พี่ไม่โทษนายฝ่ายเดียวหรอก ตลอดเวลาที่เราห่างกัน...แทนที่พี่จะคิดถึงเรื่องแย่ๆ ให้ลืมนาย กลับมีแต่ความทรงจำดีๆ ของเราลอยอยู่ในหัวเต็มไปหมด”
“งั้นเหรอครับ”
“ขอบคุณนะเซฮุน ขอบคุณที่ยังอยู่เคียงข้างกัน ขอบคุณที่ไปหาพี่ทั้งที่นายพูดภาษาจีนไม่เป็น ขอบคุณที่ยอมลำบากถึงขนาดนั้น”
“ถ้าพี่พูดแบบนี้ ผมก็ต้องขอบคุณพี่เหมือนกันที่ยอมกลับมา”
ลู่หานยิ้ม เกลือกแก้มกับบ่ากว้าง น้อยครั้งนักที่ลู่หานจะเป็นฝ่ายอ้อน และแน่นอนว่าสำหรับเซฮุนแล้วลู่หานอ้อนได้หวานกว่าใคร
“ผมเชื่อพี่นะ เรื่องนั้นน่ะ...”
“เรื่องไหน?”
“เรื่องของคู่แต่งงานที่อยู่ด้วยกันจนแก่” เซฮุนบีบมือลู่หานเบาๆ คว้าขึ้นมาแนบริมฝีปาก “ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งความรักแบบคู่รักคงจะกลายเป็นความผูกพัน หรือเป็นความรักระหว่างเพื่อน แต่ผมยอมให้มันกลายเป็นแบบนั้นถ้ามันทำให้เราได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”
“เซฮุน...”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราเพิ่งอยู่ด้วยกันมาเกือบครึ่งชีวิตเอง ความรักของผมมันยังไม่กลายเป็นแบบนั้นหรอก เหลือเวลาอีกยาวนานเลยล่ะมั้งกว่ามันจะเปลี่ยน อาจจะเป็นตอนที่ผมกลายเป็นตาแก่หัวล้าน...”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ อืม...ตอนนั้นพี่อาจจะพี่หลงๆ ลืมๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ อ้วนลงพุงเป็นหมู หูตาฝ้าฟาง”
ทั้งคู่ประสานเสียงหัวเราะดังลั่นห้องเพียงแค่จินตนาการภาพตาม ทำให้นึกย้อนไปถึงหลายๆ คราวที่เสียงบ่น เสียงทะเลาะ เสียงถกเสียง เสียงพูดคุย เสียงบอกรักดังสะท้อนภายในคอนโดแห่งนี้
มันเป็นอย่างที่เซฮุนบอก พวกเขาเพิ่งอยู่ด้วยกันมาแค่เกือบครึ่งชีวิตเท่านั้น ยังมีระยะเวลาอีกนาน...หากความรักระหว่างพวกเขาจะเปลี่ยนไป
และถ้าเซฮุนกับลู่หานโชคดี...มันคงไม่มีวันเปลี่ยนไปเลยตลอดกาล
วินาทีนี้ลู่หานรู้แล้วว่ามันไม่มีความรักหวานชื่นดังนิยายที่เขาเฝ้าฝัน
แต่สิ่งที่ลู่หานมี คือโอเซฮุนที่จะอยู่เคียงข้างกันจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
Never Ending
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ล่วงหน้าค่ะ ^ ^
ถ้าใครอ่านแล้วคุ้นๆ กับเรื่องนี้ไม่ต้องแปลกใจเนาะ เราเคยลงในบอร์ด Six By Six เมื่อสองปีที่แล้ว (แอบนานเหมือนกัน ฮา) ภาษาบางจุดยังแปร่งๆ อยู่เลย อ่านไม่ลื่นต้องขอโทษด้วยน้า
ป.ล. แง้มนิดๆ ว่ากำลังจะมาต่อ SHADOW แหละ ยังรอกันอยู่ใช่มั้ย T v T
แล้วเจอกันเร็วๆ นี้ค่า
#meaninghh
ความคิดเห็น