ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Shot / Short Fiction | HUNHAN

    ลำดับตอนที่ #19 : ( SF ) IF THIS ISN’T LOVE : Chapter 3 (END)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.85K
      53
      9 เม.ย. 60

    3

     


    เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง


    คำถามสั้นๆ ถูกย้อนกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาหลายหนตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา สามสิบวันที่ใช้ชีวิตเพียงลำพัง สามสิบค่ำคืนเหน็บหนาวไร้ซึ่งไออุ่นของความรักโอบล้อมกาย เนิ่นนานนาทีที่ล่วงเลยตอกย้ำให้ฝังแน่นในใจ...ลู่หานสูญเสียใครคนนั้นไปแล้ว


    ยิ่งนานวันความคิดที่ว่าเขาคือคนโง่ก็ยิ่งชัดเจน ลู่หานคิดถึงเซฮุน คิดถึงความทรงจำดีๆ ที่เคยสร้างขึ้นด้วยกัน มันทำให้ต้องหัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อค้นพบว่า...เขาปล่อยให้เรื่องแย่ๆ เพียงเรื่องเดียวอยู่เหนือความทรงจำมีค่านับร้อยนับพันเรื่อง นำมาเป็นเหตุผลให้ตัวเองเลือกเดินจากไป แต่สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายทิ้งกลับกลายคนที่ลู่หานเคยคิดว่าไม่ต้องการ


    แค่เพราะคลางแคลงใจในคำว่ารักคำนั้นเท่านั้นเอง


    แต่ใครจะรู้ วันนั้นลู่หานดีใจมากแค่ไหน เมื่อเห็นว่าเซฮุนขับรถตามเขากับจงอินไป ทั้งๆที่ไม่ควรเลย ไม่ควรสักนิด แต่ก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่อยู่ ชั่วแวบแรกที่เห็นหน้า ลู่หานดีใจคล้ายจะได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดนั้นอีกครั้ง


    ( ลู่หาน ถึงไหนแล้ว )


    ร่างเล็กยกโทรศัพท์แนบหู ปลายสายคือโดคยองซูที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเขาตลอดมานั่นเอง


    “หน้าตึก อีกไม่ถึงสิบก้าวก็ถึงแล้ว”


    ( โอเค )


    ลู่หานพับเครื่องสื่อสารลงกระเป๋า ขยับก้าวเท้าเร็วๆ ไปหาเพื่อนสนิทจนไม่ทันสังเกตเห็นร่างสูงที่เดินสวนออกมาด้วยความเร่งรีบเกินระดับปกติ

     


    พลั่ก!


     

    “อ๊ะ”


    ทว่า ก่อนอุบัติเหตุเล็กๆ จะทำให้เสียหลักล้มลงท่อนแขนแข็งแรงก็สอดรับแผ่นหลังบางไว้ทันท่วงที ลู่หานชะงักงัน ใบหน้าสวยยังก้มต่ำพร้อมฟันคมขบริมฝีปากแน่น รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


    “เป็นอะไรรึเปล่า”


    เพราะยังจดจำได้ดี...กระทั่งสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็ตาม


    “เจ็บมากไหม”


    คำถามที่สองเร่งให้เงยหน้ามองคนพูด และแค่สบตาก็นึกด่าตัวเองในใจ ไม่น่าเลย...เขาไม่หน้ามองโอเซฮุนเลย เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยตรงหน้า ความโหยหาก็ถาโถมเข้าสู่จิตใจ


    ใบหน้า ดวงตา ริมฝีปาก...ทุกๆ อย่างเคยเป็นของเขา


    “...ไม่เป็นไร”


    “.........”


    “ขอบใจนะ”


    ฉับพลันอ้อมกอดอบอุ่นก็หายวับไปราวกับเรื่องโกหก


    ดวงตากลมโตมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตา โสตหูยังคงก้องถ้อยคำสุดท้ายที่เซฮุนทิ้งเอาไว้ให้ ลู่หานอยากแปลงให้มันเป็นสิ่งของเพื่อที่เขาจะสามารถโอบกอดมันไว้แนบกาย



    “ต่อจากนี้ ดูแลตัวเองด้วยนะ”



     

    *



     

    นอกจากต้องปรับตัวให้เคยชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว ชีวิตลู่หานยังมีหลายสิ่งหลายอย่างเริ่มแปรเปลี่ยน ระยะหลังนี้จงอินมาหาคยองซูบ่อยขึ้นจนกลายเป็นว่าลู่หานได้เพื่อนสนิทเพิ่มอีกคน ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อให้ไม่อาจทดแทนสิ่งที่เขาสูญเสียไปได้ก็ตาม


    “ลู่หาน นายว่าจางอี้ชิงเป็นยังไง”


    ชื่อเพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งที่ลู่หานเคยมีโอกาสพูดคุยอยู่บ้างถูกถามจากโดคยองซู ร่างเล็กเอียงคอครุ่นคิด ก่อนตอบออกไปตามตรงว่า


    “ก็ดีนะ ท่าทางเป็นคนดี”


    “งั้นเหรอ...เหมาะกับลู่หานดีนะ ว่าไหม”


    “คยองซู!


    เสียงแทรกดังลั่นไม่ใช่ใครที่ไหน คิมจงอินเรียกคนรักคล้ายจะดุ แต่เพื่อนสนิทลู่หานไม่สนใจ คยองซูอมยิ้มแก้มกลมและเสริมต่ออย่างกระตือรือร้น


    “จริงๆ นะ ไม่ลองคุยดูสักหน่อยเหรอ เคยได้ยินว่าเขาก็สนใจลู่หานนี่”


    “แต่ฉันว่ารอสักพักดีกว่านะ อย่าเพิ่งรีบเลย”


    “จงอิน! กลับคณะไปเลยไป”


    ลู่หานยิ้มบาง เข้าใจความหวังดีจากคยองซู เพื่อนสนิทคงอยากเห็นลู่หานมีความสุข ยิ้มอย่างที่เคยยิ้ม หัวเราะอย่างที่เคยทำ ไม่ใช่เศษซากของลู่หานคนเก่าแบบที่กำลังเป็น


    “อย่าเอาแต่ใจสิคยองซู”


    จงอินเคยบอกว่าไม่ใช่แค่ลู่หานที่ถูกบังคับไม่ให้พูดคุยกับใครยกเว้นคยองซู แต่เซฮุนก็สั่งตัวเองก็เช่นกัน


    เซฮุนไม่เคยสนใจแม้สาวสวยระดับดาวคณะคนไหนมาขอเบอร์โทรศัพท์ ทุกๆ วันเรียนเสร็จเซฮุนก็รีบเก็บข้าวของไปรับลู่หาน ปฏิเสธแม้กระทั่งการสังสรรค์กับเพื่อนฝูง


    ตลอดเวลาที่ผ่านมา เซฮุนทนได้ แต่ลู่หานกลับบอกว่าอึดอัดกับอิสรภาพอันน้อยนิด


    นับวันก็ยิ่งมีแต่เรื่องที่ลู่หานไม่เคยรู้ และมันทำให้เขาละอายเหลือเกิน


    “อย่าทะเลาะกันเลยนะ ทั้งสองคน”


    เพราะไม่ว่ายังไงลู่หานคงไม่อาจตอบแทนความหวังดีของคยองซูได้เลย



     

    *



     

    สามสัปดาห์แล้วหลังจากนั้น ลู่หานไม่มีโอกาสได้พบเซฮุนอีก ไม่ว่าจะด้วยเหตุบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม


    ลู่หานเคย จงใจ มีธุระกับคณะที่เซฮุนเรียนอยู่หลายต่อหลายครั้ง หากไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ไม่เห็นแม้แต่เงา จะมีก็แต่ข่าวลือ...ที่ฟังแล้วก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น จงอินบอกว่าเซฮุนไม่เข้าเรียนสักวิชาและอาจารย์ก็ไม่ได้ตามตัว ราวกับโอเซฮุนไม่มีตัวตนในคลาส


    น่าแปลกใจกว่านั้นคือจงอินได้เจอเซฮุนโดยบังเอิญ...บริเวณหน้าห้องอธิการบดี


    ลู่หานได้แต่ภาวนา ขอให้สิ่งที่คาดเดาอยู่ในใจเป็นแค่ข้อสันนิษฐานโง่ๆ ก็พอ


     

    ( Rrrr - - Rrrr - - )


     

    โทรศัพท์มือถือแผดเสียงลั่นให้คนเหม่อลอยสะดุ้งเฮือก


    หน้าจอปรากฏข้อความสั้นๆ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่ามันมาจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก


    “มีอะไรเหรอ ลู่หาน”


    เพื่อนสนิทชะโงกหน้าเข้ามาถามเมื่อจู่ๆ ลู่หานก็หยุดพิมพ์รายงานเสียเฉยๆ คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบ



    - ดูแลตัวเองนะ อย่าลืม...ดูแลตัวเอง -


     

    ช่างเป็นถ้อยคำที่คุ้นเสียเหลือเกิน...

     

    “ลู่หาน!

     

    ยังไม่ทันทบทวนใจความให้ดีคิมจงอินก็พรวดพราดเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน ร่างสูงตรงเข้ากระชากแขนเพื่อนใหม่ไม่ออมแรง ใบหน้าคมคายมีหยาดเหงื่อเกาะพราวฟ้องถึงความรีบเร่ง


    “มีอะไรจงอิน อยู่ๆก็มา แล้วนั่นจะลากลู่หานไปไหน”


    “อย่าเพิ่งถาม รีบตามมาเร็วเข้า...ทั้งคู่นั่นแหละ!


    เสียงทุ้มสั่งห้วนๆ ให้ร่างเล็กทั้งสองต้องทิ้งรายงานไว้ข้างหลัง ครึ่งนาทีต่อมารถยนต์คันหรูก็กระชากตัวทะยานบนท้องถนนด้วยความรวดเร็ว


    .

    .


    “ฉันเพิ่งรู้ว่าไอ้เซฮุนมันยิ่งกว่าคนบ้า มันย้ายหน่วยกิตไปเรียนอเมริกา แล้วกำหนดเดินทางคือวันนี้! ฉันไม่รู้ว่าลู่หานรู้รึเปล่าแต่...”


    “.........”


    “ลุงไอ้เซฮุน...เป็นจิตแพทย์ของโรงพยาบาลอันดับต้นๆ ในอเมริกา ให้ตายเถอะ! แค่นี้ก็เดาออกว่ามันคิดอะไรอยู่ในใจ”


    ยิ่งจงอินเสียงดังมากเท่าไหร่ปลายเท้าก็เหยียบคันเร่งจมมิดมากขึ้นเท่านั้น ขณะริมฝีปากคนฟังเม้มแน่น ฟันคมขบกัดเพื่อระงับอาการสั่นระริก


     

    วันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม

    ทุกอย่างที่ฉันทำไป...เพราะฉันรักนายนะ

    ฉันอยากดูแลลู่หานอย่างนี้นานๆ

    สุขสันต์วันครบรอบ จากนี้ตลอดไป...ฝากตัวด้วยนะลู่หาน


     

    คยองซูคว้ามือเพื่อนกุมไว้ บีบแน่นคล้ายต้องการส่งกำลังใจไปให้ทั้งที่ลำคอเขาเองก็ตีบตัน คยองซูรู้ดีว่าลู่หานเป็นคนเข้มแข็ง ความอดทนตลอดระยะเวลาสองปีบอกคยองซูเช่นนั้น แต่คนเข้มแข็งใช่ว่าจะไม่มีช่วงเวลาอ่อนแอ ยามหัวใจเหนื่อยล้าถึงขีดสุด แม้จะเป็นผู้ชายแต่น้ำตาก็หลั่งรินได้ไม่ต่างกัน


    คยองซูไม่อยากเชื่อเลย โอเซฮุน...ผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีคนนั้นน่ะหรือ


    เด็กหนุ่มเริ่มสับสนกับความคิดตัวเอง การที่เขาตัดสินว่าสิ่งที่เซฮุนใช้ผูกมัดลู่หานไว้มันไม่ใช่ความรัก...มันจริงหรือไม่นะ


    “ไม่”


    “ลู่หาน...”


    “เซฮุนไม่ใช่...ไม่ได้เป็นแบบนั้น...”


    “.........”


    “เขาก็แค่โกรธแรง...ก็แค่ขี้หวง...”


    “.........”


    “แต่เซฮุนไม่ได้เป็นโรคจิต...ไม่ได้เป็น!


    นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่ลู่หานจะระเบิดอารมณ์รุนแรงผ่านน้ำเสียงดังลั่น คยองซูใจหายกับแรงสั่นเทาของเพื่อนรัก ลู่หานซบใบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองเหมือนเด็กลงทาง มีแค่เสียงร่ำไห้เท่านั้นที่ดังออกมา


    ใช่ ลู่หานกำลังหลงทาง


    หลงอยู่ในวังวนไร้ทางออก ไม่อาจล่วงรู้จุดจบ ไม่รู้แม้แต่วันพรุ่งนี้


    และหากมันเป็นพรุ่งนี้ที่เซฮุนต้องจากไปไกลแสนไกล...ลู่หานก็ไม่ปรารถนาให้มาถึงเช่นเดียวกัน



     

    *



     

    สนามบินเต็มไปด้วยผู้คนนับร้อยนับพันเดินสวนกันขวักไขว่ ยากนักจะหาใครสักคนให้เจอโดยไร้ข้อมูลใดในหัวอย่างที่กำลังเป็น พวกเขารู้แค่ว่าเซฮุนเดินทางวันนี้ ซึ่งเที่ยวบินที่จงอินคาดเดาคืออีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า...แต่มันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดา


    สายตาสามคู่พยายามสอดส่องหาร่างคุ้นตา ดีใจเก้อหลายครั้งเมื่อเข้าไปประชิดคนที่คาดว่าใช่แต่กลับเป็นคนละคน


    “ขอโทษครับ ผมเข้าใจผิด”


    เข้าใจผิดนับสิบครั้งแล้ว


    คิมจงอินพรูลมหายใจอย่างนึกปลง ลอบสบตาคนรักก็นึกรู้ว่าคิดไม่ต่างกัน...มันยากเกินไป ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะหาโอเซฮุนเจอมีต่ำกว่าศูนย์เปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ


    จงอินกับคยองซูพยักหน้าให้กัน และขณะที่พวกเขากำลังจะเอื้อมมือแตะไหล่ลู่หานนั่นเอง...


     

    “นั่นเซฮุนใช่ไหม...เซฮุน!


     

    เจ้าของร่างสูงในชุดโค้ทตัวยาวหันหลังกลับมาตามเสียงเรียก ใบหน้าหล่อเหลาแตะแต้มไรหนวดบางๆ เหนือริมฝีปากได้รูป แม้จะแปลกตาแต่ก็มั่นใจ คนๆ นั้นคือโอเซฮุนแน่นอน


    ไม่ทันคิดถึงความเหมาะสมกับผู้คนรอบกาย หรือพูดให้ถูกคือไม่นึกสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ลู่หานวิ่งสุดฝีเท้า ร่างเล็กโถมกายเข้าหาไออุ่นที่เฝ้าคิดถึง ใบหน้าสวยแนบไหล่กว้าง...ให้เสื้อโค้ทราคาแพงซึมซับหยาดน้ำตาราวกับคนอ่อนแอ


    “เซฮุน อย่าไปเลยนะ”


    “.........”


    “ฉันขอร้อง...อย่าไป...”


    คำรั้งถูกเอ่ยเป็นหนที่สอง ครั้งแรกคือวันที่ลู่หานขอร้องไม่ให้เซฮุนออกจากคอนโดไป ทว่าสุดท้ายแค่คำๆ เดียวก็รั้งเอาไว้ไม่พอ


    “เซฮุน...”


    ร่างสูงถอนหายใจยาว เซฮุนปล่อยมือจากกระเป๋าเดินทางแต่ก็ไม่ได้ใช้มันกอดตอบหรือผลักไส


     

    “ทุกอย่างมันจบแล้วไม่ใช่เหรอ”


     

    “...เซฮุนอยากให้มันจบสินะ”


    “.........”


    “.........”


    “ดูแลตัวเอง เข้าใจใช่ไหม”


    สุดท้ายดวงตาคู่สวยแดงเรื่อก็ทำให้เซฮุนหลุดปากออกไป ทั้งที่ตั้งใจจากไปเงียบๆ ตั้งใจใช้ความเย็นชาตอบกลับลู่หาน แต่พอเห็นสีหน้าผิดหวังความอดทนก็ถึงคราวพังพินาศลงจนได้


    “แล้วทำไมต้องไป ในเมื่อ...เซฮุนไม่ใช่...ไม่ได้เป็นแบบนั้น”


     

    “มันไม่ใช่ความรัก”


     

    ประโยคเดียวหยุดทุกการกระทำ ลู่หานเงยหน้ามองคนพูดด้วยแววตาเจ็บปวดแสนสาหัส


    “หมายความว่าที่ผ่านมา ไม่เคยรักฉันงั้นเหรอ”


    เซฮุนเงียบ


    “ไม่เคยรัก...เลยใช่ไหมเซฮุน”


    ขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะให้ความต้องการของใจมีอิทธิพลเหนือสิ่งที่ควรทำ


    เซฮุนที่ดีแต่ทำให้เจ็บปวด จนถึงตอนนี้...จะมีหน้าเอ่ยอ้างคำว่ารักได้อย่างไร


    อ้อมแขนแข็งแรงตัดสินใจสอดโอบรอบแผ่นหลังบางแนบแน่น ฝ่ามือกดศีรษะเล็กให้ซุกซบตำแหน่งคุ้นเคย แนบสนิทปิดทุกช่องว่างระหว่างกัน


    “ฉันรักนาย...จนถึงตอนนี้ก็ยังรัก”


    แม้ไม่ควรพูดคำนี้เลยก็ตาม


    “แต่เพราะว่าสิ่งที่ฉันทำ...มันไม่ใช่ความรัก ดังนั้นต่อให้รักนายมากแค่ไหนมันก็ไร้ความหมาย”


    “.........”


    “ฉันทำทุกอย่างเพื่อนายได้...ลู่หาน”


    ลู่หานกล้าสาบาน


    นอกจากครอบครัวแล้ว เขาไม่เคยได้รับความรักจากใคร...มากเท่าที่ได้จากเซฮุนเสมอมา


    “อย่าคิดมาก ฉันแค่ไปดัดนิสัยตัวเองเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก ก็แค่อยากให้ตัวเองใจเย็นลงกว่านี้ ฉันจะได้ดูแลนาย รักนาย...ได้ดีกว่านี้”


    “.........”


    “ดีพอให้นายมั่นใจว่าความรู้สึกของฉัน...คือความรักจริงๆ”


    ลู่หานยิ้มรับทั้งน้ำตา เสียใจที่เคยเอาแต่บอกว่าเซฮุนไม่เคยรัก ไม่ได้รัก ในเมื่อจะมีใครคนไหนทำเพื่อคนๆ หนึ่งขนาดนี้โดยไม่ได้รักบ้าง


    และคงถึงเวลาเสียทีที่ลู่หานจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง


    เพื่อ รัก ของเรา

     

     

    “ฉันจะรอเซฮุน นานแค่ไหนก็จะรอ”


     

    บอกด้วยเสียงสั่นเครือ เปลือกตาบางหรี่พับลงรับจุมพิตจากคนรัก ก่อนเงยหน้ามองรอยยิ้มของเซฮุนเป็นครั้งสุดท้าย


    และยังยิ้มอยู่แบบนั้นขณะเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างหายไปจนลับสายตา

     

    “กลับกันเถอะ ลู่หาน”

     

    จงอินกับคยองซูเดินเข้ามาขนาบข้างร่างเล็ก ลู่หานเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าแรงๆ พลางพยักหน้ารับ


    “ขอบคุณมากนะ ทั้งสองคน”

     



    *



     

    ภาคเรียนปีการศึกษาสุดท้ายผ่านมาได้เดือนกว่าแล้ว นิสิตปีสี่ต่างจับกลุ่มคุยกันบ้างก็อ่านหนังสือไม่ต่างจากที่เคยเป็นมาทุกปี


    วันนี้คณะลู่หานเลิกเร็วเป็นพิเศษ เด็กหนุ่มปฏิเสธทุกคำชวนของเพื่อนร่วมคณะตัดสินใจมุ่งหน้ากลับคอนโด...ที่ไม่ว่าจะเปิดประตูก้าวเข้าไปสักกี่ครั้งก็คิดถึงเซฮุน


    ลู่หานวางกระเป๋าบนโซฟา เปิดประตูระเบียงออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เขาเพิ่งซื้อโต๊ะสีขาวไว้นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาเล่นเมื่อไม่นานมานี้ ดวงตาคู่สวยมองขึ้นไปเหนือม่านเมฆเจือร่องรอยวูบไหวเมื่อคิดถึงคนอีกฟากฝั่งที่ไม่อาจล่วงรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ลู่หานคว้าเครื่องสื่อสารใกล้มือขึ้นมา กดพิมพ์อย่างคล่องแคล่วไม่ต่างจากทุกวัน


     

    - เซฮุน วันนี้ก็สบายดีใช่ไหม -


     

    ยี่สิบนาทีผ่านไปก็ไร้วี่แววว่าจะได้รับการตอบกลับ ลู่หานกดพิมพ์อีกครั้ง

     

    - วันนี้อากาศหนาวมากเลย อยากให้เซฮุนอยู่ด้วยกัน -

     

    ไม่ว่าโทรหากี่ครั้งก็ไม่เคยรับสาย ส่งข้อความกี่หนก็ไม่เคยตอบกลับ จากหนึ่งวัน สองวัน...สามเดือน...หกเดือน



    จวบจนกระทั่งสองปี



    ตั้งแต่เซฮุนไป ไม่มีวันไหนที่ลู่หานจะได้รับการติดต่อกลับมา


    หากเขาก็ยังรอ รออย่างเชื่อมั่น ไม่ว่าอีกนานสักแค่ไหน กระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิต ลู่หานแน่ใจว่าเขายังคงจะรอ


    “หิมะตกเหรอ”


    กลีบปากแดงขยับพึมพำ รอยยิ้มงดงามวาดเหนือริมฝีปากขณะความทรงจำหนึ่งแล่นเข้ามา


    วันแรกที่เราเจอกัน หิมะก็ตกแบบนี้...เซฮุนจะจำได้รึเปล่านะ


    .

    .


    ลู่หานเป็นเด็กต่างจังหวัดที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยในโซลได้ ทางบ้านพอมีฐานะอยู่บ้างจึงซื้อคอนโดไม่คับแคบหากก็ไม่ใหญ่โตเกินเหตุให้อาศัยอยู่ใกล้มหาลัย เพราะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็อดไม่ได้ที่จะเหงา คิดถึงบ้าน ลู่หานเลยจบปัญหาเหล่านั้นด้วยการสมัครเข้าทำงานพิเศษในร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่ง


    “สตอเบอร์รี่ชีสเค้ก”


    ลูกค้าตัวสูงสั่งเสียงห้วน ทั้งที่ทานของหวานแท้ๆ สีหน้าเขายามลิ้มรสชาติกลับดูหงุดหงิดงุ่นง่าน อมทุกข์ ไม่เหมือนคนทานขนมหวานเลยสักนิด


    ลู่หานเป็นลูกคนเล็กจากครอบครัวอบอุ่น พ่อแม่คอยดูแล พี่สาวก็ชอบออดอ้อนเป็นประจำ ปัจจัยทั้งหมดหล่อหลอมให้ลู่หานเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจดี เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถือวิสาสะลงนั่งตรงข้ามลูกค้าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตา ลู่หานพูดได้เต็มปากว่าตั้งแต่เข้ามาทำงานไม่เคยเห็นลูกค้าคนไหนทานเค้กด้วยสีหน้าอย่างนี้มาก่อน


    เด็กหนุ่มยิ้มทักทายเมื่ออีกฝ่ายมองเขม็ง เสียงใสเอ่ยถามจริงจัง


    “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”


    หลังจากนั่งจ้องหน้าลู่หานสิบนาทีเต็ม ริมฝีปากได้รูปก็พร่างพรูถ้อยคำออกมาเต็มไปหมด ลู่หานจับใจความได้ว่าเขาชื่อโอเซฮุน พ่อกับแม่แยกทางกันโดยที่แม่ทำงานเป็นหนึ่งในคณะบริหารของมหาลัยแห่งหนึ่งในอเมริกา เซฮุนกำลังทะเลาะกับพ่อและตัดสินใจเดินทางไปอยู่กับแม่ในวันพรุ่งนี้


    มันน่าตลกชะมัดที่เซฮุนเจอกับลู่หานก่อนวันเดินทางเพียงวันเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ชายบ้าบิ่นอย่างเซฮุนทิ้งทุกความตั้งใจเพื่อเดินหน้าตามจีบเด็กเสิร์ฟผู้อ่อนโยนตั้งแต่วันนั้น...


    .

    .


    ยิ่งหยิบยกความทรงจำเรื่องหนึ่งจากหลายร้อยพันเรื่องขึ้นมานึกถึงภาพในวันวานก็ยิ่งแจ่มชัด ทุกรายละเอียดแม่นยำคล้ายเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ และยิ่งทำให้น้ำตาแห่งความคิดถึงรื้นเอ่อทุกที


    “ขอโทษนะเซฮุน”


    ขอโทษที่ฉันมันอ่อนแอเหลือเกิน


     

    “สองปีแล้ว ยังร้องไห้อยู่อีกเหรอ...เจ้าเด็กขี้แย”


     

    ไม่นะ ไม่ใช่เสียงเขา!


    นัยน์ตากลมโตแดงก่ำตวัดมองต้นเสียงที่ประตูระเบียง ฉับพลันน้ำตาที่รื้นคลอก็ร่วงริน


    ร่างสูงของใครคนหนึ่งดูผึ่งผายกว่าแต่ก่อน ใบหน้าหล่อเหลาเจนตาเจนใจ และริมฝีปากได้รูปที่กำลังคลายยิ้ม


     

    “เซฮุน”


     

    อ้อมกอดแข็งแรงรองรับร่างบางที่โถมเข้าใส่ทันที


    “เซฮุนใช่ไหม เซฮุน เซฮุน”


    “ไม่ใช่ฉันแล้วใครล่ะ จะกอดลู่หานได้แบบนี้”


    กลับมาแล้วงั้นหรือ


    อ้อมกอดของเขา


    ความรักของเขา


    คนรักของเขา


    โอเซฮุน...ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา


    “ฉันคิดถึง...ฉันคิดถึง...”


    ทุกการเดินทางไม่ว่าจะไกลสักแค่ไหนย่อมมีก้าวแรกเสมอ ลู่หานผ่านพ้นคืนวันอันโดดเดี่ยวอย่างยากลำบาก ค่ำคืนเหน็บหนาวที่ได้แต่ซุกตัวในกองผ้าห่ม ความทรมานเพราะความคิดถึงกัดเซาะจิตใจให้บอบช้ำไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ทว่าเมื่อคนที่ลู่หานโหยหาทุกลมหายใจได้กลับมา...ริมฝีปากแดงกลับเอื้อนเอ่ยอยู่เพียงคำเดียว


    “คิดถึง...ฉันคิดถึงเซฮุน...”


    ดวงตาคมหม่นแสง ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็ทรมานไม่แพ้กัน เซฮุนเดินทางไปถึงอเมริกา ยังไม่ทันเอ่ยทักทายมารดาที่นั่งรออยู่ก่อนเขาก็พร่างพรูเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับความรักให้คนเป็นแม่ฟังอย่างไม่ปิดบัง เซฮุนเตรียมรับโทษทัณฑ์จากการรักไม่เป็นไว้แล้ว แต่แม่เขากลับฟังตั้งแต่ต้นจนจบด้วยรอยยิ้ม เซฮุนผ่านบทเรียนแสนสาหัสจากที่นั่น หนึ่งในนั้นคือความคิดถึงที่เอ่อล้นแต่กลับทำไม่ได้แม้กระทั่งส่งข้อความสั้นๆ ไปหา


    มือใหญ่โอบกระชับแผ่นหลังบางจนไม่อาจใกล้กันมากกว่านี้อีกแล้ว เซฮุนรับรู้คำว่าคิดถึงของลู่หานได้เป็นอย่างดี ยิ่งร่างเล็กพร่ำบอกซ้ำไปซ้ำมานัยน์ตาคมก็ซับละอองน้ำไม่ต่างกัน


    เพราะเซฮุนเองก็คิดถึงลู่หาน...ไม่ต่างกัน


    “ฉันกลับมาแล้ว”


    เขาเอ่ยเสียงสั่นเครือ


    บทเรียนอันยิ่งใหญ่สั่งสอนความรักของคนทั้งคู่ได้มากกว่าที่ใครคิด แต่ลู่หานก็ยังเป็นลู่หาน...ที่ยอมให้กับความรักทุกทาง ดังนั้นไม่ว่าจากนี้เซฮุนจะอ่อนโยนหรือโหดร้าย เขาจะไม่เรียกร้องอะไรอีกแล้ว


    เพราะลู่หานมีสิ่งมีค่าที่สุดอยู่ในมือแล้ว


    “ยินดีต้อนรับกลับมานะเซฮุน”



     

    *



     

    มหาวิทยาลัยคึกคักกว่าทุกวัน เมื่อโอเซฮุนโอนหน่วยกิตจากอเมริกากลับมาเรียนปีสุดท้ายที่นี่อีกครั้ง เพื่อนร่วมชั้นปีกับนิสิตปีสามต่างจับกลุ่มกันพูดถึงรุ่นพี่คนดังไม่ยอมหยุดเพราะไม่กล้าที่จะเข้าไปพูดคุยกับเจ้าตัว ทั้งเรื่องสาเหตุการลาออกกะทันหันและการกลับมาโดยไม่มีใครรู้ล่วงหน้านั่นด้วย


    “ขอบคุณพวกนายมากนะ ทั้งเรื่องดูแลลู่หาน กับทุกเรื่องที่ผ่านมา”


    คิมจงอินกับโดคยองซูมองหน้ากันก่อนพร้อมใจส่ายศีรษะแรงๆ กระนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเซฮุนคว้าคนรักมากอดไว้ไม่ยี่หระต่อสายตาโต๊ะข้างเคียงที่ขยันมองมาทางพวกเขาบ่อยเหลือเกิน


    “เหมือนลู่หานจะดูแลเราสองคนมากกว่าด้วยซ้ำ”


    “ใช่ สองคนนี้ทะเลาะกันบ่อยจนฉันปวดหัวเลยล่ะเซฮุน”


    แทนที่จะปฏิเสธลู่หานกลับฟ้องเซฮุนหน้าตาเฉย แต่ทุกคำล้วนเป็นความจริงจนจงอินกับคยองซูเถียงไม่ออก ได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อนใบหน้าแดงเรื่อ


    พูดคุยกันอยู่สักพักพอให้หายคิดถึงจากการจากลาร่วมสองปีเต็ม จงอินกับคยองซูก็อ้างว่าติดธุระแล้วเดินจากไปอย่างรู้หน้าที่ เซฮุนกับลู่หานไม่ได้เจอกันนาน ผ่านช่วงเวลาทุกข์ตรมมามากควรปล่อยให้อยู่กันตามลำพังน่าจะดีกว่า เพื่อนอย่างพวกเขาจะคุยกันเมื่อไหร่เวลาไหนก็ย่อมได้


    “เซฮุน ถามอะไรหน่อย”


    “อืม”


    เสียงทุ้มขานรับในระยะห่างเพียงลมหายใจกางกั้น เซฮุนยังคงเป็นเซฮุนที่ไม่เคยสนใจใครนอกจากลู่หาน นิ้วเรียวเกี่ยวข้อมือบางขึ้น จูบเบาๆ เหนือหลังมือขาวโดยไม่มีการหลบสายตา


    “ท...ทำไมเซฮุนถึงไม่ติดต่อกลับมาหาฉันเลยล่ะ”


    กว่าจะเอ่ยเป็นคำช่างยากเย็นเหลือเกิน ในเมื่อเซฮุนยังทำให้เขาเขินไม่หยุดอยู่แบบนี้


    “ฉันยังไม่แน่ใจ บางที...ถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ ฉันคงอยู่คนเดียวที่นั่นไปตลอดชีวิต ฉันไม่อยากให้ลู่หานรอฉัน ไม่อยากทำให้นายผิดหวัง”


    ดวงตาคมวูบไหว ฟ้องชัดว่าในห้วงแห่งความกังวลมันทรมานมากเพียงใด


    “ลู่หาน ถ้า...ฉันยังทำร้ายนายอีก...จะโกรธฉันไหม”


    ต่อให้มั่นใจว่าระยะเวลาสองปีในอเมริกาจะทำให้เซฮุนไม่มีวันลงมือทำร้ายคนรักอีก มันจะไม่สูญเปล่า แต่บาดแผลในใจที่ลงมือกรีดด้วยตัวเองมันไม่อาจลบเลือนไปได้ง่ายๆ


    “ฉันเชื่อว่าเซฮุนจะไม่ทำ แต่ถ้าเกิดมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น...” เรียวปากแดงวาดยิ้มบาง “ถ้านั่นคือความรักในแบบของเซฮุน...ก็ไม่เป็นไรหรอก”


    จากไม่เคยเชื่อมั่น ทั้งยังเคลือบแคลง สงสัย ทว่าวันนี้ความรักจากเซฮุนลู่หานรับรู้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากต้องเจ็บปวดเพราะ รัก หากนั่นคือ รัก


    รักที่เขาใฝ่ฝันหามาตลอด ลู่หานจะไม่ทุรนทุรายกับมันอีกต่อไป


    ทุกสิ่งที่เซฮุนทำเพื่อลู่หาน ถ้ามันไม่ใช่ความรัก คำว่า รัก ที่มนุษย์ทั้งโลกใช้กันมันคงไร้ความหมายใดๆ อีกแล้วกระมัง

     

     

    “ขอบคุณนะลู่หาน”


     

    คำพูดสุดท้ายก่อนริมฝีปากได้รูปจะบรรจงทาบทับเรียวปากแดง บดเบียดให้สัมผัสถึงทุกอณูความรู้สึก และถ้าผละริมฝีปากจากจูบนี้เมื่อไหร่ ลู่หานก็มีบางสิ่งอยากบอกกับเซฮุนเช่นกัน


     

    ขอบคุณนะเซฮุน สำหรับความรักที่ให้ฉันเสมอมา



     

     

    END.

     

     


    หายไป 6 เดือนเต็มๆ แต่ก็จบแล้วกับช็อทฟิคแก้บน T _ T ขอโทษที่ปล่อยให้รอนานขนาดนี้นะคะ

    อย่างที่เคยบอกว่ารีไรท์จากที่เคยแต่งไว้ 6 ปีก่อน ภาษาก็คงแปร่งไปบ้าง แต่ก็พยายามปรับ เพิ่ม แล้วก็ลดเยอะแล้วเหมือนกัน

    ขอบคุณที่รอแล้วก็ขอโทษอีกครั้งที่หายไปนานนะคะ

    #isntlovehh

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×