ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Shot / Short Fiction | HUNHAN

    ลำดับตอนที่ #29 : ( SF ) PROMISE : Nobody knows

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.95K
      42
      22 เม.ย. 60

    SPECIAL PART

     

     

    – Once you fall in love, there’s no going back to being just friends. –

    (BGM : Click)

     

     

    แสงสว่างแห่งเช้าวันใหม่ลอดผ่านช่องว่างผ้าม่านกระทบใบหน้าหวาน เด็กหนุ่มที่ยังเพลิดเพลินในห้วงนิทราได้แต่พลิกกายหนี ฝังศีรษะกับหมอนแล้วกระชับผ้าห่มอุ่นๆ เข้าหาตัว

     

    ปาร์ตี้หลังจบโปรเจ็คประจำภาคการศึกษาปีที่สามทำเอาคนตัวเล็กทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่เป็นเพราะต้องแบกร่างไร้สติของเพื่อนๆ กลับต่างหาก แถมแต่ละคนเวลาเมาก็เพี้ยนจนเสียเหงื่อไปหลายหยดกว่าจะถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

     

    Rrr - - Rrr - -

     

    “อือ...”

     

    ใจร้ายกว่าแดดยามเช้าก็เจ้าของโทรศัพท์สายนี้นี่แหละ ลู่หานกระพริบตาปริบ ควานหาที่มาของเสียงแผดลั่นสะเปะสะปะ

     

    “ครับ...”

     

     

     

    ( ตื่นได้แล้ว )

     

     

     

    ร่างเล็กผุดลุกนั่งราวกับติดสปริง ไม่เข้าใจอาการใจเต้นแรงทันตาเห็นแบบนี้เท่าไหร่นัก

     

    “อื้อ ตื่นแล้ว”

     

    ( ตั้งแต่เมื่อไหร่ )

     

    “ก็ตอนเซฮุนโทรมานี่ไง...”

     

    ( ถ้าไม่โทรมาก็คงไม่ตื่นสินะ )

     

    ลู่หานหัวเราะทั้งยังหลับตา เอียงคอแนบโทรศัพท์กับช่วงไหล่พลางขยี้ตาไล่ความง่วงงุน

     

    “ตื่นอยู่แล้ว หลับไม่ตื่นก็ตายน่ะสิ”

     

    ( กวนเหรอวะน้องเตี้ย )

     

    “ไม่เตี้ย!

     

    ( น้องน้ำตาล หวานไปทั้งหน้า )

     

    “เงียบไปเลย! ว่าแต่ฉัน เซฮุนนั่นแหละเสียงอู้อี้เชียว ยังไม่ตื่นล่ะสิไอ้คนขี้เซา”

     

    ( แหม ด่าเจ็บจัง )

     

    ลู่หานหน้างอ โดนเซฮุนพ่นถ้อยคำกวนประสาทใส่อีกหลายประโยคก่อนจะวางสายไป เด็กหนุ่มบิดขี้เกียจแรงๆ อีกครั้งถึงได้ลุกจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำแต่โดยดี

     

    น่าเสียดาย...

     

    เพราะถ้าหากลู่หานส่องกระจกสักนิด คงได้เห็นรอยยิ้มสดใสของตัวเองเบ่งบานเต็มสองแก้มเป็นแน่

     

     

     

    *

     

     

     

    โชคดีที่วันนี้มีเรียนบ่าย และโชคดีที่เซฮุนโทรปลุกล่วงหน้าโดยเผื่อให้ลู่หานมีเวลาเอ้อระเหยพักใหญ่ ราวกับรู้นิสัยไม่ถนัดทำอะไรอย่างรีบเร่งของเขาดี

     

    เด็กหนุ่มถึงมหาลัยก่อนเวลาเข้าเรียนร่วมครึ่งชั่วโมง ใบหน้าน่ารักเปื้อนยิ้มขณะรับคำทักทายจากรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะอย่างคนอัธยาศัยดี

     

    “พี่ลู่หาน เมื่อวานมีปาร์ตี้เหรอคะ”

     

    “อื้อ เมากันเละเลย”

     

    “หนูเห็นในไอจีพี่ชานยอล พี่ลู่หานนั่งข้างพี่เซฮุนด้วย น่ารัก”

     

    รุ่นน้องปีสองที่ลู่หานคุ้นหน้าเป็นอย่างดีลากเสียงคำว่าน่ารักยาวเหยียด ร่างเล็กได้แต่หัวเราะ บอกลาเธอแล้วเดินออกมา

     

    ไม่แน่ใจว่าเขากลายเป็นคู่จิ้นกับโอเซฮุนได้ยังไง แต่ลู่หานไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เขามองเป็นเรื่องขำๆ มากกว่าเพราะแฟนคลับทั้งหลายก็น่ารักดี

     

    “มาไหวด้วยเหรอมึง”

     

    เดินถึงโต๊ะประจำคยองซูก็ส่งเสียงทักทายทันที สีหน้าเพื่อนสนิทคล้ายคนครึ่งหลับครึ่งตื่น ลู่หานจำได้ว่าคยองซูนี่แหละเมาเละที่สุด

     

    “ลู่หานแทบไม่ได้แตะแก้วเลยนี่” อี้ชิงแซว “รับหน้าที่จัดการศพทุกครั้งเลย”

     

    “ก็ปาร์ตี้ทีไรพวกนายดื่มเหมือนอาบตลอด โดยเฉพาะจุนมยอนกับแบคฮยอนน่ะ คออ่อนแท้ๆ”

     

    “นินทาอะไรวะ”

     

    ลู่หานร้องอื้ออึง ดิ้นขลุกขลักใต้แขนแบคฮยอนที่โผล่เข้ามาล็อคคอจากทางด้านหลังไม่ทันให้ตั้งตัว คนถูกกล่าวหาว่าคออ่อนแกล้งจั๊กจี้ลู่หานจนสาแก่ใจถึงยอมปล่อยมือ

     

    “ไปแกล้งมัน เดี๋ยวผัวมันก็ตามฆ่ามึงหรอก”

     

    “ใคร?”

     

    “ไอ้เซฮุนไง”

     

    “คิมจงแด!

     

    ลู่หานเริ่มไม่แน่ใจว่าวันนี้เขามาเรียนหรือมาเป็นเหยื่อให้เพื่อนแกล้งกันแน่ คนตัวเล็กโผเข้าเขย่าคอจงแดขณะเพื่อนสนิททั้งหลายพร้อมใจส่งเสียงหัวเราะดังลั่น

     

    “แกล้งได้ วันนี้ไอ้เซฮุนไม่มา”

     

    ลู่หานปล่อยมือจากจงแด หันมองคยองซูที่เอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมา หากยังไม่ทันปริปากคำใดจุนมยอนก็ถามเสียก่อน

     

    “อ้าว ทำไม”

     

    “ไม่สบาย เมื่อวานกูลืมของไว้บ้านมันเลยเข้าไปเอาตอนเช้า เจอนอนตัวร้อนจี๋เลย”

     

    “เป็นอะไรมากไหม ให้กินยาหรือยัง”

     

    “ให้แล้ว เห็นบอกถ้าไม่ไหวจะไปหาหมอ”

     

    อย่างโอเซฮุนที่คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เหล็กน่ะเหรอจะยอมไปหาหมอ...

     

    ลู่หานขมวดคิ้วนิดๆ นึกย้อนถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เซฮุนโทรมาปลุกเขา

     

    แสดงว่าเสียงอู้อี้นั่น เป็นเพราะไม่สบายอยู่อย่างนั้นเหรอ

     

    “ฉันไม่เข้าบ่ายนะ”

     

    “อ้าว จะไปไหน”

     

    จุนมยอนร้องอ้าวเป็นครั้งที่สอง ลู่หานหัวเราะแห้ง

     

    “ไปดูเซฮุนน่ะ ไม่สบายอย่างนี้อยู่บ้านคนเดียวคงลำบาก”

     

    “.........”

     

    “ไปนะ”

     

    สายตาหกคู่ไล่ตามแผ่นหลังเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งหายไปจนลับตา คยองซู แบคฮยอน อี้ชิง ชานยอล จุนมยอน และจงแดมองหน้ากัน คำถามนับสิบนับน้อยผุดในหัวพวกเขา

     

    ไม่ใช่ครั้งแรก หากนับครั้งไม่ถ้วนแล้วที่สัมผัสได้ถึงความพิเศษบางอย่างระหว่างโอเซฮุนกับลู่หาน พวกเขาถึงได้ชอบแกล้งแซวทีเล่นทีจริงเสมอมา

     

    ถ้าเพื่อนทั้งสองรู้สึกอะไรต่อกันจริง ก็ได้แต่หวังว่าลู่หานกับเซฮุนจะรู้ตัวก่อนสายเกินไป

     

    “เอาเถอะ พวกมึงไม่เคยได้ยินเหรอ”

     

    ชานยอลยักไหล่

     

    “ถ้าคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก”

     

     

     

    *

     

     

     

    สารถีหน้าหวานหักพวงมาลัยให้บีเอ็มสีขาวคันสวยจอดเทียบรั้วบ้านหลังหนึ่ง เขามีโอกาสได้มาอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดก็เลี้ยงฉลองหลังจบโปรเจ็คเมื่อวานนี้เอง

     

    ลู่หานล้วงกุญแจสำรองจากที่ซ่อนด้วยไม่อยากกดออดรบกวนคนป่วยที่อาจกำลังหลับอยู่ ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าสู่ตัวบ้านอย่างเงียบเชียบ

     

    ไม่มีใครอยู่อย่างที่คิด พ่อ แม่ และพี่ชายของเซฮุนคงไปทำงาน เช่นเดียวกับน้องสาวที่มีเรียน

     

    ลู่หานเกือบเดินขึ้นบันไดไปห้องนอนคนป่วยที่อยู่ชั้นสองในทีแรก ถ้าไม่เหลือบเห็นร่างสูงนอนนิ่งบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นเสียก่อน

     

    ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดกว่าเคย ริมฝีปากได้รูปแห้งผาก ลมหายใจร้อนผ่าวถูกระบายอย่างติดขัด ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจคนมองบีบรัดด้วยความเจ็บหน่วง

     

    ด้วยเหตุผลที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจ

     

    รู้ตัวอีกทีก็เผลอทาบฝ่ามือกับข้างแก้มเพื่อนตัวสูงเสียแล้ว

     

    “...อ...อือ...”

     

    “ตัวร้อนจี๋เลย”

     

    ลู่หานพึมพำ หันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนระหว่างหยิบเจลลดไข้ที่แวะซื้อมา กับเข้าครัวทำอาหารอ่อนๆ ให้คนป่วยที่ยังไม่ได้ทานอะไรแน่ๆ

     

    “...ลู่หานเหรอ...”

     

    “ฉันเอง เซฮุนกินยาหรือยัง”

     

    คนป่วยพยักหน้า ค่อยๆ ยันกายลุกจากโซฟาเชื่องช้า แต่สุดท้ายอาการมึนหัวก็ทำให้เขาฝืนไม่ไหว เซฮุนทิ้งศีรษะพิงพนักโซฟา และเอาแต่ใจด้วยการตบเบาะให้ลู่หานมานั่งข้างกัน

     

    “แปะเจลลดไข้ก่อนนะ”

     

    “โทษที ลำบากนายเลย”

     

    “ไม่ลำบากสักหน่อย”

     

    ปวดหัวเหมือนจะระเบิด แต่ริมฝีปากกลับเผยยิ้มจาง ดวงตาคมแดงเรื่อจ้องมองเพื่อนตัวเล็กทุกอิริยาบถ ทั้งท่าทางร้อนรนขณะรื้อถุงยา ทั้งสีหน้ากังวลตอนแปะเจลลดไข้ให้เขา ทั้งริมฝีปากกระจับบ่นพึมพำจับใจความไม่ได้

     

    เพราะลู่หานเป็นแบบนี้

     

    เพราะลู่หานแสนดีเสมอแบบนี้

     

    สายตาไม่รักดีของเขาถึงได้ไม่เคยหยุดที่ใครนอกจากคนตรงหน้า นับตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน

     

    “ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม”

     

    “...ก็ยังไม่หิว”

     

    “ไม่หิวก็ต้องกิน ฉันซื้อของมาทำข้าวต้มให้ด้วย นอนรอก่อนนะ”

     

    “ไม่เป็น

     

    “เซฮุนอย่าดื้อ”

     

    ดุที่สุดในชีวิตที่ลู่หานจะทำได้แล้ว แววตาเอาจริงเอาจังกับน้ำเสียงกดต่ำทำให้เซฮุนหัวเราะ ยกมือสองข้างเสมออกราวกับยอมแพ้ เขาหลับตานิ่งๆ ยอมปล่อยลู่หานเข้าครัวแต่โดยดี

     

    กระไอเย็นจากเจลลดไข้กอปรกับยาที่กินก่อนหน้านี้ช่วยให้เซฮุนรู้สึกดีขึ้น เขาหลับตาฟังเสียงเข็มนาฬิกาในห้องนั่งเล่นท่ามกลางความเงียบงันครู่ใหญ่ เวลาล่วงเลยผ่านนาทีแล้วนาทีเล่า กระทั่งเกือบยี่สิบนาทีต่อมาเซฮุนก็ลุกยืน

     

    ช่วงขายาวพาตัวเองเดินตามกลิ่นหอมจนถึงห้องครัว เป็นอีกครั้งที่เซฮุนไม่อาจกลั้นยิ้มได้ เพราะภาพคนตัวเล็กในชุดผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลกำลังขยับยุกยิกหน้าเตาแก๊ส

     

    น่ารัก

     

    คำที่เซฮุนไม่เคยใช้ชมผู้ชายคนไหน แต่กลับดังก้องในหัวซ้ำๆ อย่างไร้เหตุผลทุกครั้งที่มองลู่หาน

     

    แกล้งสืบเท้าเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ ก่อนกระซิบข้างหูไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว

     

    “ไหม้แล้ว”

     

    “อ๊ะ!

     

    ลู่หานสะดุ้งโหยง หันกลับมาฟาดไหล่กว้างทันที

     

    “ลุกมาทำไม”

     

    “หายแล้ว”

     

    “อย่ามาตลก”

     

    ว่าทั้งเรียวคิ้วขมวดมุ่น ตรงข้ามกับเซฮุนที่มองเห็นข้าวต้มเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หมุนเตาแก๊สปิด แขนแกร่งสองข้างพาดกับเคาน์เตอร์กักขังลู่หานเอาไว้อย่างเผลอไผล

     

    “ไม่ปวดหัวแล้วจริงๆ”

     

    “ไข้ล่ะ” ยกมืออังหน้าผาก “ยังตัวอุ่นๆ อยู่เลย”

     

    “มือนายเย็น”

     

    สองสายตาสบกันท่ามกลางความเงียบกับกลิ่นหอมจากข้าวต้มที่เพิ่งทำเสร็จ เซฮุนจับแขนลู่หานให้มือเล็กทาบแก้มเขา ก่อนไล่ฝ่ามือตัวเองวางทับมือบางอีกที

     

    “ตกลงใครป่วยกันแน่”

     

    “ก็...เซฮุนไง...”

     

    “แล้วทำไมลู่หานหน้าแดง”

     

    คล้ายนัยน์ตาอีกฝ่ายเป็นมหาสมุทรกว้างขวาง ล้ำลึก ยิ่งสบมองก็ยิ่งดำดิ่งลงไปอย่างไม่อาจถอนตัว ราวกับในแววตาคู่นี้มีคำตอบบางอย่างชวนให้ลงไปค้นหา

     

    ลึกขึ้นเรื่อยๆ ซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนระยะห่างระหว่างกันลดลงทุกทีๆ

     

    “เซฮุน”

     

    “หืม”

     

    “ฉัน...”

     

     

     

    “เฮ้ยไอ้ฮุน เป็นไงบ้างวะ”

     

     

     

    สองร่างผละจากกันรวดเร็วยิ่งกว่าต้องของร้อน เซฮุนถอนหายใจยาว ก่นด่าเสียงปาร์คชานยอลที่ดังเข้ามาก่อนตัวเช่นเดียวกับฝีเท้าหนักๆ หลายคู่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้านเขา ชายหนุ่มเหลือบมองลู่หาน คนตัวเล็กกำลังก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มใส่ชามทั้งแก้มแดงก่ำ

     

    ได้แต่ทำใจว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเขา

     

    ยังไม่ใช่วันของเรา

     

    “ไงมึง ลุกได้แล้วนี่หว่า”

     

    “ปวดหัวโว้ย!

     

    “ห้ะ”

     

    “เห็นหน้าพวกมึงแล้วปวดหัวเลยเนี่ย”

     

    “อ้าว ไอ้ห่านี่!

     

     

     

    *

     

     

     

    เกือบสามทุ่ม นักศึกษาปีสามทั้งเจ็ดคนถึงได้ฤกษ์บอกลาเพื่อปล่อยเจ้าของบ้านพักผ่อนเสียที แน่นอนว่าเป็นหลังจากที่เพื่อนๆ มั่นใจว่าอาการเซฮุนดีขึ้นแล้วและสมาชิกในบ้านกลับมารับช่วงต่อในการดูแลคนป่วย

     

    “นอนพักเยอะๆ นะมึง ไม่ต้องเสือกตื่นมาเล่นเกมล่ะ”

     

    “เออ”

     

    “ถ้ากูเจอมึงออนไลน์ มึงโดน”

     

    “เออออ”

     

    เซฮุนลากเสียงยาวรับคำแบคฮยอน รู้ว่าถ้ามันเห็นเขาในเกมก็ไม่พ้นฟ้องคยองซูให้โทรมาด่านั่นแหละ ร่างสูงพยักหน้าซ้ำไปซ้ำมาแกนๆ พอเห็นลู่หานยืนขำก็อดเขกหน้าผากคนตัวเล็กไม่ได้

     

    “พักผ่อนนะ”

     

    “ครับๆ”

     

    “ทีตอบลู่หานล่ะพูดเพราะจัง รำคาญ”

     

    ร่ำลาปนประชดประชันเสียดสีเสร็จก็พากันตบเท้าออกจากบ้าน เซฮุนยืนมองส่งจนแผ่นหลังเพื่อนลับสายตา ก่อนช่วงขายาวจะเดินย้อนกลับเข้าบ้านไป

     

    แม้เข้าใจสถานะของตัวเองดี แต่ก็อดคาดหวังให้ลู่หานที่เดินคนสุดท้ายหันกลับมาสบตาไม่ได้

     

    เขาเพียงยิ้มปลอบใจตัวเอง เพราะท้ายที่สุดก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง

     

    .

    .

     

    คนตัวเล็กสตาร์ทรถ รอกระทั่งเพื่อนอีกหกคนขับรถจากไปหมดแล้วถึงกดกระจกลง...

     

    ดวงตาคู่สวยมองขึ้นไปยังชั้นสอง ตรงกับหน้าต่างห้องนอนลูกชายคนกลางของบ้านที่ปิดสนิท ไร้แสงไฟส่องสว่างออกมาให้รับรู้ถึงการมีตัวตน

     

    ริมฝีปากกระจับขยับพึมพำ

     

    “หายไวๆ นะเซฮุน”

     

     

     

    *

     

     

     

    “แค่ก!

     

    ชายหนุ่มสะดุ้งลุกพรวดจากเตียงนอน อาการมึนหัวตรงเข้าเล่นงานแถมยังไออย่างหนัก โอเซฮุนนวดขมับตัวเองซ้ำๆ ควานหาแก้วน้ำข้างเตียงกระดกดื่มผ่านลำคอแห้งผาก

     

    “เซฮุน เป็นยังไงบ้าง”

     

    ดวงตาคมหรี่ลง มองเห็นร่างเล็กเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้ากระวนกระวาย สองมือน้อยที่ประคองถ้วยแกงจืดวางมันลงบนโต๊ะทำงานเจ้าของห้อง

     

    “กี่โมงแล้ว”

     

    “สองทุ่ม” อังมือกับหน้าผากก่อนตอบเสียงอ่อน “ตื่นมาก็ดีเลย จะได้กินข้าวกินยานะ”

     

    “ลำบากลู่หานอีกแล้ว”

     

    “ไม่ลำบากสักนิด”

     

    เซฮุนยิ้ม ตบข้างเตียงเบาๆ และลู่หานก็รีบทรุดนั่งข้างคนป่วยอย่างเอาใจ

     

    “เมื่อกี้หลับ ฝันถึงเมื่อก่อนด้วย”

     

    “เมื่อก่อน? ตอนเรียนน่ะ อื้อ!

     

    เซฮุนไม่ใจดีพอจะฟังคนรักพูดจนจบประโยค มือใหญ่คว้าท้ายทอยลู่หานเข้าหาแล้วประกบริมฝีปากลงไปอย่างไม่ลังเล ร่างเล็กแข็งค้างเพราะตกใจในทีแรก หากนาทีต่อมาก็มอบริมฝีปากให้เซฮุนแนบจูบด้วยความอ่อนโยน

     

    ปลายลิ้นทั้งสองคลอเคลีย ริมฝีปากบดเบียดเปลี่ยนมุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า สองมือขยับโอบกอดอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล

     

    “อยากจูบมานานแล้ว รู้ไหม”

     

    “พูดตรงไปแล้ว...”

     

    “ถ้าครั้งนั้นชานยอลมันไม่ตะโกนเข้ามาล่ะก็”

     

    ลู่หานหัวเราะ จูบหน้าผากเซฮุนแทนคำปลอบใจ และจูบแก้มชายหนุ่มอีกครั้งแทนคำขอบคุณ

     

    ขอบคุณที่อดทนรอ

     

    ขอบคุณที่ไม่เผลอไปจูบใครนอกจากเขาเสียก่อน

     

    “แต่ตอนนี้จะจูบกี่ครั้งก็ได้แล้วนะ”

     

    “พูดอย่างนี้...” ดวงตาคมพราวระยับ “ถ้าเกิดติดไข้ก็อย่าว่าฉันนะลู่หาน”

     

    ตวัดแขนเพียงครั้งร่างเล็กก็สิ้นฤทธิ์ในอ้อมกอด เซฮุนทิ้งตัวกับเตียงกว้าง ฝังทั้งริมฝีปากและจมูกย้ำบนใบหน้าสวยนับครั้งไม่ถ้วน

     

    เสียงหัวเราะสดใสดังให้หัวใจชายหนุ่มเต้นรัวอย่างมีความสุข

     

    แม้ต้องเสียเวลารอคอยมาเนิ่นนาน แต่ในที่สุดมันก็มาถึง...

     

    วันของเขา

     

     

    วันของรักเรา

     

      

     

     

    END.

     


    เผื่อใครงง ช่วงแรกเป็นพาร์ทอดีตนะคะ ส่วนฉากสุดท้ายคือพาร์ทปัจจุบัน

    ไม่ค่อยได้แต่ความรักแบบเพื่อนแอบรักเพื่อน อินกันไหมอ่ะ หวังว่าจะชอบนะ 555555

    คลอดตอนนี้ออกมาก็เพราะอยากให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เขาไม่ได้หวั่นไหวรุนแรงเพราะคบกันวันเดียว แต่มันมีความหลังหลายๆ อย่างที่ตกตะกอนซ้อนทับในหัวใจ (ฮิ้ววว)

    ขอบคุณทุกคอมเม้นกับทุกแท็กนะคะ แล้วเจอกันกลางเดือนเมษา อิอิ

    #promisehunhan

      


    H a s h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×