คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : ( SF ) PROMISE : Nobody knows
SPECIAL PART
– Once you fall in love, there’s
no going back to being just friends. –
(BGM : Click)
แสงสว่างแห่งเช้าวันใหม่ลอดผ่านช่องว่างผ้าม่านกระทบใบหน้าหวาน
เด็กหนุ่มที่ยังเพลิดเพลินในห้วงนิทราได้แต่พลิกกายหนี ฝังศีรษะกับหมอนแล้วกระชับผ้าห่มอุ่นๆ
เข้าหาตัว
ปาร์ตี้หลังจบโปรเจ็คประจำภาคการศึกษาปีที่สามทำเอาคนตัวเล็กทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย
ไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่เป็นเพราะต้องแบกร่างไร้สติของเพื่อนๆ กลับต่างหาก
แถมแต่ละคนเวลาเมาก็เพี้ยนจนเสียเหงื่อไปหลายหยดกว่าจะถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
Rrr
- - Rrr - -
“อือ...”
ใจร้ายกว่าแดดยามเช้าก็เจ้าของโทรศัพท์สายนี้นี่แหละ
ลู่หานกระพริบตาปริบ ควานหาที่มาของเสียงแผดลั่นสะเปะสะปะ
“ครับ...”
( ตื่นได้แล้ว )
ร่างเล็กผุดลุกนั่งราวกับติดสปริง ไม่เข้าใจอาการใจเต้นแรงทันตาเห็นแบบนี้เท่าไหร่นัก
“อื้อ ตื่นแล้ว”
( ตั้งแต่เมื่อไหร่ )
“ก็ตอนเซฮุนโทรมานี่ไง...”
( ถ้าไม่โทรมาก็คงไม่ตื่นสินะ )
ลู่หานหัวเราะทั้งยังหลับตา เอียงคอแนบโทรศัพท์กับช่วงไหล่พลางขยี้ตาไล่ความง่วงงุน
“ตื่นอยู่แล้ว หลับไม่ตื่นก็ตายน่ะสิ”
( กวนเหรอวะน้องเตี้ย )
“ไม่เตี้ย!”
( น้องน้ำตาล หวานไปทั้งหน้า )
“เงียบไปเลย! ว่าแต่ฉัน เซฮุนนั่นแหละเสียงอู้อี้เชียว
ยังไม่ตื่นล่ะสิไอ้คนขี้เซา”
( แหม ด่าเจ็บจัง )
ลู่หานหน้างอ โดนเซฮุนพ่นถ้อยคำกวนประสาทใส่อีกหลายประโยคก่อนจะวางสายไป
เด็กหนุ่มบิดขี้เกียจแรงๆ
อีกครั้งถึงได้ลุกจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำแต่โดยดี
น่าเสียดาย...
เพราะถ้าหากลู่หานส่องกระจกสักนิด
คงได้เห็นรอยยิ้มสดใสของตัวเองเบ่งบานเต็มสองแก้มเป็นแน่
*
โชคดีที่วันนี้มีเรียนบ่าย
และโชคดีที่เซฮุนโทรปลุกล่วงหน้าโดยเผื่อให้ลู่หานมีเวลาเอ้อระเหยพักใหญ่
ราวกับรู้นิสัยไม่ถนัดทำอะไรอย่างรีบเร่งของเขาดี
เด็กหนุ่มถึงมหา’ลัยก่อนเวลาเข้าเรียนร่วมครึ่งชั่วโมง
ใบหน้าน่ารักเปื้อนยิ้มขณะรับคำทักทายจากรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะอย่างคนอัธยาศัยดี
“พี่ลู่หาน เมื่อวานมีปาร์ตี้เหรอคะ”
“อื้อ เมากันเละเลย”
“หนูเห็นในไอจีพี่ชานยอล พี่ลู่หานนั่งข้างพี่เซฮุนด้วย น่ารัก”
รุ่นน้องปีสองที่ลู่หานคุ้นหน้าเป็นอย่างดีลากเสียงคำว่าน่ารักยาวเหยียด
ร่างเล็กได้แต่หัวเราะ บอกลาเธอแล้วเดินออกมา
ไม่แน่ใจว่าเขากลายเป็นคู่จิ้นกับโอเซฮุนได้ยังไง
แต่ลู่หานไม่เดือดร้อนกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เขามองเป็นเรื่องขำๆ มากกว่าเพราะแฟนคลับทั้งหลายก็น่ารักดี
“มาไหวด้วยเหรอมึง”
เดินถึงโต๊ะประจำคยองซูก็ส่งเสียงทักทายทันที
สีหน้าเพื่อนสนิทคล้ายคนครึ่งหลับครึ่งตื่น ลู่หานจำได้ว่าคยองซูนี่แหละเมาเละที่สุด
“ลู่หานแทบไม่ได้แตะแก้วเลยนี่” อี้ชิงแซว
“รับหน้าที่จัดการศพทุกครั้งเลย”
“ก็ปาร์ตี้ทีไรพวกนายดื่มเหมือนอาบตลอด โดยเฉพาะจุนมยอนกับแบคฮยอนน่ะ
คออ่อนแท้ๆ”
“นินทาอะไรวะ”
ลู่หานร้องอื้ออึง
ดิ้นขลุกขลักใต้แขนแบคฮยอนที่โผล่เข้ามาล็อคคอจากทางด้านหลังไม่ทันให้ตั้งตัว คนถูกกล่าวหาว่าคออ่อนแกล้งจั๊กจี้ลู่หานจนสาแก่ใจถึงยอมปล่อยมือ
“ไปแกล้งมัน เดี๋ยวผัวมันก็ตามฆ่ามึงหรอก”
“ใคร?”
“ไอ้เซฮุนไง”
“คิมจงแด!”
ลู่หานเริ่มไม่แน่ใจว่าวันนี้เขามาเรียนหรือมาเป็นเหยื่อให้เพื่อนแกล้งกันแน่
คนตัวเล็กโผเข้าเขย่าคอจงแดขณะเพื่อนสนิททั้งหลายพร้อมใจส่งเสียงหัวเราะดังลั่น
“แกล้งได้ วันนี้ไอ้เซฮุนไม่มา”
ลู่หานปล่อยมือจากจงแด หันมองคยองซูที่เอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมา
หากยังไม่ทันปริปากคำใดจุนมยอนก็ถามเสียก่อน
“อ้าว ทำไม”
“ไม่สบาย เมื่อวานกูลืมของไว้บ้านมันเลยเข้าไปเอาตอนเช้า เจอนอนตัวร้อนจี๋เลย”
“เป็นอะไรมากไหม ให้กินยาหรือยัง”
“ให้แล้ว เห็นบอกถ้าไม่ไหวจะไปหาหมอ”
อย่างโอเซฮุนที่คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เหล็กน่ะเหรอจะยอมไปหาหมอ...
ลู่หานขมวดคิ้วนิดๆ นึกย้อนถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เซฮุนโทรมาปลุกเขา
แสดงว่าเสียงอู้อี้นั่น เป็นเพราะไม่สบายอยู่อย่างนั้นเหรอ
“ฉันไม่เข้าบ่ายนะ”
“อ้าว จะไปไหน”
จุนมยอนร้องอ้าวเป็นครั้งที่สอง ลู่หานหัวเราะแห้ง
“ไปดูเซฮุนน่ะ ไม่สบายอย่างนี้อยู่บ้านคนเดียวคงลำบาก”
“.........”
“ไปนะ”
สายตาหกคู่ไล่ตามแผ่นหลังเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งหายไปจนลับตา คยองซู
แบคฮยอน อี้ชิง ชานยอล จุนมยอน และจงแดมองหน้ากัน คำถามนับสิบนับน้อยผุดในหัวพวกเขา
ไม่ใช่ครั้งแรก หากนับครั้งไม่ถ้วนแล้วที่สัมผัสได้ถึงความพิเศษบางอย่างระหว่างโอเซฮุนกับลู่หาน
พวกเขาถึงได้ชอบแกล้งแซวทีเล่นทีจริงเสมอมา
ถ้าเพื่อนทั้งสองรู้สึกอะไรต่อกันจริง ก็ได้แต่หวังว่าลู่หานกับเซฮุนจะรู้ตัวก่อนสายเกินไป
“เอาเถอะ พวกมึงไม่เคยได้ยินเหรอ”
ชานยอลยักไหล่
“ถ้าคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก”
*
สารถีหน้าหวานหักพวงมาลัยให้บีเอ็มสีขาวคันสวยจอดเทียบรั้วบ้านหลังหนึ่ง
เขามีโอกาสได้มาอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดก็เลี้ยงฉลองหลังจบโปรเจ็คเมื่อวานนี้เอง
ลู่หานล้วงกุญแจสำรองจากที่ซ่อนด้วยไม่อยากกดออดรบกวนคนป่วยที่อาจกำลังหลับอยู่
ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าสู่ตัวบ้านอย่างเงียบเชียบ
ไม่มีใครอยู่อย่างที่คิด พ่อ แม่ และพี่ชายของเซฮุนคงไปทำงาน
เช่นเดียวกับน้องสาวที่มีเรียน
ลู่หานเกือบเดินขึ้นบันไดไปห้องนอนคนป่วยที่อยู่ชั้นสองในทีแรก ถ้าไม่เหลือบเห็นร่างสูงนอนนิ่งบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นเสียก่อน
ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดกว่าเคย ริมฝีปากได้รูปแห้งผาก
ลมหายใจร้อนผ่าวถูกระบายอย่างติดขัด
ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจคนมองบีบรัดด้วยความเจ็บหน่วง
ด้วยเหตุผลที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจ
รู้ตัวอีกทีก็เผลอทาบฝ่ามือกับข้างแก้มเพื่อนตัวสูงเสียแล้ว
“...อ...อือ...”
“ตัวร้อนจี๋เลย”
ลู่หานพึมพำ
หันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนระหว่างหยิบเจลลดไข้ที่แวะซื้อมา
กับเข้าครัวทำอาหารอ่อนๆ ให้คนป่วยที่ยังไม่ได้ทานอะไรแน่ๆ
“...ลู่หานเหรอ...”
“ฉันเอง เซฮุนกินยาหรือยัง”
คนป่วยพยักหน้า ค่อยๆ ยันกายลุกจากโซฟาเชื่องช้า
แต่สุดท้ายอาการมึนหัวก็ทำให้เขาฝืนไม่ไหว เซฮุนทิ้งศีรษะพิงพนักโซฟา และเอาแต่ใจด้วยการตบเบาะให้ลู่หานมานั่งข้างกัน
“แปะเจลลดไข้ก่อนนะ”
“โทษที ลำบากนายเลย”
“ไม่ลำบากสักหน่อย”
ปวดหัวเหมือนจะระเบิด แต่ริมฝีปากกลับเผยยิ้มจาง ดวงตาคมแดงเรื่อจ้องมองเพื่อนตัวเล็กทุกอิริยาบถ
ทั้งท่าทางร้อนรนขณะรื้อถุงยา ทั้งสีหน้ากังวลตอนแปะเจลลดไข้ให้เขา
ทั้งริมฝีปากกระจับบ่นพึมพำจับใจความไม่ได้
เพราะลู่หานเป็นแบบนี้
เพราะลู่หานแสนดีเสมอแบบนี้
สายตาไม่รักดีของเขาถึงได้ไม่เคยหยุดที่ใครนอกจากคนตรงหน้า
นับตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน
“ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม”
“...ก็ยังไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน ฉันซื้อของมาทำข้าวต้มให้ด้วย นอนรอก่อนนะ”
“ไม่เป็น —”
“เซฮุนอย่าดื้อ”
ดุที่สุดในชีวิตที่ลู่หานจะทำได้แล้ว แววตาเอาจริงเอาจังกับน้ำเสียงกดต่ำทำให้เซฮุนหัวเราะ
ยกมือสองข้างเสมออกราวกับยอมแพ้ เขาหลับตานิ่งๆ ยอมปล่อยลู่หานเข้าครัวแต่โดยดี
กระไอเย็นจากเจลลดไข้กอปรกับยาที่กินก่อนหน้านี้ช่วยให้เซฮุนรู้สึกดีขึ้น
เขาหลับตาฟังเสียงเข็มนาฬิกาในห้องนั่งเล่นท่ามกลางความเงียบงันครู่ใหญ่
เวลาล่วงเลยผ่านนาทีแล้วนาทีเล่า กระทั่งเกือบยี่สิบนาทีต่อมาเซฮุนก็ลุกยืน
ช่วงขายาวพาตัวเองเดินตามกลิ่นหอมจนถึงห้องครัว เป็นอีกครั้งที่เซฮุนไม่อาจกลั้นยิ้มได้
เพราะภาพคนตัวเล็กในชุดผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลกำลังขยับยุกยิกหน้าเตาแก๊ส
น่ารัก
คำที่เซฮุนไม่เคยใช้ชมผู้ชายคนไหน แต่กลับดังก้องในหัวซ้ำๆ อย่างไร้เหตุผลทุกครั้งที่มองลู่หาน
แกล้งสืบเท้าเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ ก่อนกระซิบข้างหูไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว
“ไหม้แล้ว”
“อ๊ะ!”
ลู่หานสะดุ้งโหยง หันกลับมาฟาดไหล่กว้างทันที
“ลุกมาทำไม”
“หายแล้ว”
“อย่ามาตลก”
ว่าทั้งเรียวคิ้วขมวดมุ่น ตรงข้ามกับเซฮุนที่มองเห็นข้าวต้มเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หมุนเตาแก๊สปิด
แขนแกร่งสองข้างพาดกับเคาน์เตอร์กักขังลู่หานเอาไว้อย่างเผลอไผล
“ไม่ปวดหัวแล้วจริงๆ”
“ไข้ล่ะ” ยกมืออังหน้าผาก “ยังตัวอุ่นๆ อยู่เลย”
“มือนายเย็น”
สองสายตาสบกันท่ามกลางความเงียบกับกลิ่นหอมจากข้าวต้มที่เพิ่งทำเสร็จ
เซฮุนจับแขนลู่หานให้มือเล็กทาบแก้มเขา ก่อนไล่ฝ่ามือตัวเองวางทับมือบางอีกที
“ตกลงใครป่วยกันแน่”
“ก็...เซฮุนไง...”
“แล้วทำไมลู่หานหน้าแดง”
คล้ายนัยน์ตาอีกฝ่ายเป็นมหาสมุทรกว้างขวาง ล้ำลึก
ยิ่งสบมองก็ยิ่งดำดิ่งลงไปอย่างไม่อาจถอนตัว ราวกับในแววตาคู่นี้มีคำตอบบางอย่างชวนให้ลงไปค้นหา
ลึกขึ้นเรื่อยๆ ซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนระยะห่างระหว่างกันลดลงทุกทีๆ
“เซฮุน”
“หืม”
“ฉัน...”
“เฮ้ยไอ้ฮุน เป็นไงบ้างวะ”
สองร่างผละจากกันรวดเร็วยิ่งกว่าต้องของร้อน เซฮุนถอนหายใจยาว
ก่นด่าเสียงปาร์คชานยอลที่ดังเข้ามาก่อนตัวเช่นเดียวกับฝีเท้าหนักๆ
หลายคู่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้านเขา ชายหนุ่มเหลือบมองลู่หาน
คนตัวเล็กกำลังก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มใส่ชามทั้งแก้มแดงก่ำ
ได้แต่ทำใจว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเขา
ยังไม่ใช่วันของเรา
“ไงมึง ลุกได้แล้วนี่หว่า”
“ปวดหัวโว้ย!”
“ห้ะ”
“เห็นหน้าพวกมึงแล้วปวดหัวเลยเนี่ย”
“อ้าว ไอ้ห่านี่!”
*
เกือบสามทุ่ม นักศึกษาปีสามทั้งเจ็ดคนถึงได้ฤกษ์บอกลาเพื่อปล่อยเจ้าของบ้านพักผ่อนเสียที
แน่นอนว่าเป็นหลังจากที่เพื่อนๆ มั่นใจว่าอาการเซฮุนดีขึ้นแล้วและสมาชิกในบ้านกลับมารับช่วงต่อในการดูแลคนป่วย
“นอนพักเยอะๆ นะมึง ไม่ต้องเสือกตื่นมาเล่นเกมล่ะ”
“เออ”
“ถ้ากูเจอมึงออนไลน์ มึงโดน”
“เออออ”
เซฮุนลากเสียงยาวรับคำแบคฮยอน รู้ว่าถ้ามันเห็นเขาในเกมก็ไม่พ้นฟ้องคยองซูให้โทรมาด่านั่นแหละ
ร่างสูงพยักหน้าซ้ำไปซ้ำมาแกนๆ พอเห็นลู่หานยืนขำก็อดเขกหน้าผากคนตัวเล็กไม่ได้
“พักผ่อนนะ”
“ครับๆ”
“ทีตอบลู่หานล่ะพูดเพราะจัง รำคาญ”
ร่ำลาปนประชดประชันเสียดสีเสร็จก็พากันตบเท้าออกจากบ้าน เซฮุนยืนมองส่งจนแผ่นหลังเพื่อนลับสายตา
ก่อนช่วงขายาวจะเดินย้อนกลับเข้าบ้านไป
แม้เข้าใจสถานะของตัวเองดี
แต่ก็อดคาดหวังให้ลู่หานที่เดินคนสุดท้ายหันกลับมาสบตาไม่ได้
เขาเพียงยิ้มปลอบใจตัวเอง เพราะท้ายที่สุดก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง
.
.
คนตัวเล็กสตาร์ทรถ รอกระทั่งเพื่อนอีกหกคนขับรถจากไปหมดแล้วถึงกดกระจกลง...
ดวงตาคู่สวยมองขึ้นไปยังชั้นสอง
ตรงกับหน้าต่างห้องนอนลูกชายคนกลางของบ้านที่ปิดสนิท
ไร้แสงไฟส่องสว่างออกมาให้รับรู้ถึงการมีตัวตน
ริมฝีปากกระจับขยับพึมพำ
“หายไวๆ นะเซฮุน”
*
“แค่ก!”
ชายหนุ่มสะดุ้งลุกพรวดจากเตียงนอน อาการมึนหัวตรงเข้าเล่นงานแถมยังไออย่างหนัก
โอเซฮุนนวดขมับตัวเองซ้ำๆ ควานหาแก้วน้ำข้างเตียงกระดกดื่มผ่านลำคอแห้งผาก
“เซฮุน เป็นยังไงบ้าง”
ดวงตาคมหรี่ลง มองเห็นร่างเล็กเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
สองมือน้อยที่ประคองถ้วยแกงจืดวางมันลงบนโต๊ะทำงานเจ้าของห้อง
“กี่โมงแล้ว”
“สองทุ่ม” อังมือกับหน้าผากก่อนตอบเสียงอ่อน “ตื่นมาก็ดีเลย จะได้กินข้าวกินยานะ”
“ลำบากลู่หานอีกแล้ว”
“ไม่ลำบากสักนิด”
เซฮุนยิ้ม ตบข้างเตียงเบาๆ และลู่หานก็รีบทรุดนั่งข้างคนป่วยอย่างเอาใจ
“เมื่อกี้หลับ ฝันถึงเมื่อก่อนด้วย”
“เมื่อก่อน? ตอนเรียนน่ะ — อื้อ!”
เซฮุนไม่ใจดีพอจะฟังคนรักพูดจนจบประโยค มือใหญ่คว้าท้ายทอยลู่หานเข้าหาแล้วประกบริมฝีปากลงไปอย่างไม่ลังเล
ร่างเล็กแข็งค้างเพราะตกใจในทีแรก หากนาทีต่อมาก็มอบริมฝีปากให้เซฮุนแนบจูบด้วยความอ่อนโยน
ปลายลิ้นทั้งสองคลอเคลีย ริมฝีปากบดเบียดเปลี่ยนมุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า สองมือขยับโอบกอดอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล
“อยากจูบมานานแล้ว รู้ไหม”
“พูดตรงไปแล้ว...”
“ถ้าครั้งนั้นชานยอลมันไม่ตะโกนเข้ามาล่ะก็”
ลู่หานหัวเราะ จูบหน้าผากเซฮุนแทนคำปลอบใจ และจูบแก้มชายหนุ่มอีกครั้งแทนคำขอบคุณ
ขอบคุณที่อดทนรอ
ขอบคุณที่ไม่เผลอไปจูบใครนอกจากเขาเสียก่อน
“แต่ตอนนี้จะจูบกี่ครั้งก็ได้แล้วนะ”
“พูดอย่างนี้...” ดวงตาคมพราวระยับ “ถ้าเกิดติดไข้ก็อย่าว่าฉันนะลู่หาน”
ตวัดแขนเพียงครั้งร่างเล็กก็สิ้นฤทธิ์ในอ้อมกอด เซฮุนทิ้งตัวกับเตียงกว้าง
ฝังทั้งริมฝีปากและจมูกย้ำบนใบหน้าสวยนับครั้งไม่ถ้วน
เสียงหัวเราะสดใสดังให้หัวใจชายหนุ่มเต้นรัวอย่างมีความสุข
แม้ต้องเสียเวลารอคอยมาเนิ่นนาน แต่ในที่สุดมันก็มาถึง...
วันของเขา
วันของรักเรา
END.
เผื่อใครงง ช่วงแรกเป็นพาร์ทอดีตนะคะ ส่วนฉากสุดท้ายคือพาร์ทปัจจุบัน
ไม่ค่อยได้แต่ความรักแบบเพื่อนแอบรักเพื่อน อินกันไหมอ่ะ
หวังว่าจะชอบนะ 555555
คลอดตอนนี้ออกมาก็เพราะอยากให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
เขาไม่ได้หวั่นไหวรุนแรงเพราะคบกันวันเดียว แต่มันมีความหลังหลายๆ อย่างที่ตกตะกอนซ้อนทับในหัวใจ
(ฮิ้ววว)
ขอบคุณทุกคอมเม้นกับทุกแท็กนะคะ แล้วเจอกันกลางเดือนเมษา อิอิ♡
#promisehunhan
ความคิดเห็น