ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One Shot / Short Fiction | HUNHAN

    ลำดับตอนที่ #32 : ( OS ) Fumée de cigarette

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.47K
      51
      12 มี.ค. 61


    Fumée de cigarette











    You see him when you close your eyes


    Maybe one day you’ll understand why


    Everything you touch surely dies




     

    ระหว่างเราถูกโอบกอดด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดง คละคลุ้งควันจากบุหรี่มวนที่สาม

     

    ณ สนามเด็กเล่นรกร้าง เรานั่งอยู่บนชิงช้าเก่าๆ ที่เชือกหนาขาดวิ่นจวนจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ พื้นดินซึ่งควรเขียวชะอุ่มกลับเป็นแค่หญ้าแห้งขึ้นสูงเกือบถึงเข่า

     

    ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ

     

    เฉกเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเรา

     

    มาทำไม

     

    หลังปล่อยให้สารนิโคตินถูกเผามวนแล้วมวนเล่า เสียงทุ้มพร่าก็เอื้อนเอ่ยคำถามแรกออกมา

     

    ประโยคแรกระหว่างกันในรอบสี่ปี

     

    ดวงตากลมโตของคนถูกถามหรุบต่ำ จ้องมองหญ้าแห้งๆ ราวกับมันจะบอกคำตอบเขาได้

     

    ท้ายที่สุดก็ไร้คำพูดสวยหรูใด กับคนคนนี้...เขาไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์ถ้อยคำ

     

    “พังหมดแล้ว”

     

    “.......”

     

    “.......”

     

    “ข่าวล่าสุดที่ได้ยินคือเมียพี่ท้อง”

     

    “...อื่อ...”

     

    สุรเสียงสดใสคล้ายน้ำค้างยามเช้าในอดีต ปัจจุบันกลับสะท้อนอย่างแห้งผาก ขื่นขม

     

    “มันไม่มีความรักอยู่ในนั้น...ตั้งแต่แรก”

     

    “ทั้งที่ดูไปกันได้ดีน่ะเหรอ”

     

    “...อื่อ...”

     

    ร่างสูงกว่าพยักหน้ารับคำตอบ ไม่เซ้าซี้ถามมากกว่านั้น

     

    แม้อยากรู้ใจจะขาดว่าการปรากฏตัวต่อหน้าเขาครั้งแรกในรอบสี่ปี อีกฝ่ายต้องการอะไร

     

    อาจเพราะเขาเอง...ก็รู้คำตอบแก่ใจ

     

    นัยน์ตาคมเหม่อมองตะวันดวงโตที่ใกล้คล้อยลับขอบฟ้า แสงส้มอมทองแสบตาจนหยดน้ำเอ่อคลอ กระนั้นก็ไม่อาจพูดเต็มปากว่าเพราะดวงอาทิตย์หรือเพราะอะไรกัน

     

    “สบายดีไหม”

     

    “ก็ไม่แย่ครับ”

     

    “ดูคล้ำขึ้น”

     

    “ผู้ชายวัยทำงานเนาะ จะให้ขาวใสเหมือนตอนมัธยมที่เราเจอกันคงไม่ไหว”

     

    “นั่นสินะ ตอนนั้นนายยังผอมกระหร่อง แต่เด็กสาวๆ กลับติดแจ ร้องว่าหุ่นเหมือนพระเอกการ์ตูน”

     

    “คนที่เหมือนออกมาจากการ์ตูนตาหวานน่ะมันพี่ต่างหาก”

     

    คนตัวเล็กหัวเราะ เงยหน้าจากพื้นเพื่อสำรวจคนที่ยังเหม่อออกไปไกลแสนไกล

     

    ร่างสูงข้างๆ เขายังคงหล่อเหลา สันกรามนูนเด่นชัดเจนต่างกับโครงหน้าเมื่อครั้งแรกเจอ หางตามีริ้วรอยบ่งบอกถึงการเติบโต นัยน์ตาดำสนิทไม่ปรากฏแววพราวระยับเหมือนทุกครั้งที่เราสบตา

     

    คนคนนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

     

    หากในความเปลี่ยนแปลง เขาพบว่าบางอย่างไม่ได้เปลี่ยนไป

     

    ชายคนนี้อยู่กับเขาในวันที่เขามีทุกอย่าง วันเกิด วันจบการศึกษา วันทำงานวันแรก กระทั่งวันแต่งงาน

     

    วันนั้น...ไม่มีทั้งคำอวยพร และไม่มีร่องรอยของความเศร้าโศก

     

    อีกฝ่ายแค่นั่งมองพิธีอย่างสงบพร้อมรอยยิ้มจางบนเรียวปาก ส่งเขาเข้าสู่พิธีสำคัญอย่างที่ลูกชายคนเดียวต้องทำ ตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่บิดามารดาเห็นว่าสมควร

     

    ทว่า เขายังจำได้ดีนัก ก่อนประทับจูบสาบานกับหญิงสาวข้างกาย ปากเขาร่ำร้องอยากบอกรักชายคนนั้น และเขาได้แต่เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถทำได้แม้แต่เอื้อนเอ่ยออกมาสักพยางค์เดียว

     

    เราห่างหายจากกันร่วมสี่ปีทั้งที่อยู่ด้วยกันมาร่วมครึ่งชีวิต

     

    และวันนี้...

     

    วันที่เขาไม่เหลืออะไรสักอย่าง สูญเสียไปแล้วทั้งหมด เขาอยากให้ชายคนนี้อยู่ แม้มันจะเป็นยิ่งกว่าความเห็นแก่ตัวก็ตาม

     

    “หย่าแล้ว”

     

    “.......ทำไม? แล้วลูก?

     

    “ก็...”

     

    ร่างเล็กกลืนน้ำลายลงคอ กระดากอายจนหน้าแดงเรื่อ ปรางค์แก้มขึ้นสีจัดกว่าเดิมเมื่อคนถามจุดยิ้มมุมปากคล้ายจะล้อเลียน

     

    “ป้องกันทุกครั้ง แล้วก็...งานยุ่งมาก แทบจะไม่ได้แตะต้องเธอมาครึ่งปีแล้ว เพราะฉะนั้นเด็กน่ะ...”

     

    เสียงหัวเราะดังก้องสนามเด็กเล่น แน่นอนว่ามาจากร่างสูงกว่า

     

    “อะไรวะ ตอนอยู่กับผม...ถึงจะไม่มีบทบาทเท่าไหร่ แต่ก็ใช้งานได้ไม่ใช่หรือ”

     

    “ไอ้!! เด็กคนนี้นี่!!!!”

     

    “ไม่เด็กแล้วครับ ฮะฮะ” ยังคงหัวเราะจนน้ำตาคลอ “สามสิบแล้ว”

     

    “จะเท่าไหร่ก็เถอะ! มันควรพูดหรือไง!” ปากกระจับขมุบขมิบ “กลางวันแสกๆ แท้ๆ”

     

    “ยังขี้อายเหมือนเดิมเลยนะ”

     

    บอกทั้งรอยยิ้ม วินาทีนั้นเองที่เสียงหัวเราะหยุดลง กลับกลายเป็นความเงียบอีกครั้ง

     

    มือเล็กบีบเข้าหากัน แพขนตายาวหรุบต่ำ สะดุ้งเฮือกยามถูกปลายนิ้วเรียวแตะบนแก้ม ท่าทางขลาดเขินทำคนมองยิ้มบาง

     

     

    สวย...เหมือนเดิม

     

     

    ร่างสูงไม่รู้ตัวเลยว่าเอ่ยถามออกไปแผ่วเบาราวกระซิบ

     

    “ทำไมถึงกลับมา”

     

    “.......แค่อยากเห็นว่านายสบายดี...”

     

    “มักน้อยไปหรือเปล่า ผมให้โอกาสตอบอีกที”

     

    ชั่วขณะลมหายใจหนึ่ง สองสายตาก็สบประสาน

     

    ตลอดการสนทนาพวกเขาไม่แม้แต่จะมองหน้ากันตรงๆ ด้วยต่างไม่แน่ใจนักว่าจะสามารถซุกซ่อนความรู้สึกไม่ให้ทะลักทลายออกมาได้

     

    และพวกเขาคิดถูก

     

    เมื่อตาต้องตาก็เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ใบหน้านี้เองหรือ ดวงตานี้เองหรือ จมูกนี้เองหรือ ริมฝีปากนี้เองหรือ เป็นคนคนนี้นี่เองหรือที่โหยหามาตลอดหลายปี

     

    “สมมติว่า...ถ้าบ้านนายยังว่าง ฉันก็แค่...”

     

     

     

    “ผมแต่งงานแล้ว”

     

     

     

    ปากบางสั่นระริกพอกับสองมือที่ไร้เรี่ยวแรง

     

    ร่างบางคล้ายจะตอบโต้ แต่ก็ไม่อาจเปล่งเสียง

     

    จุกจนพูดไม่ออก

     

    อีกฝ่ายเองคงรู้สึกเช่นนี้ ในวันที่เขาเอาการ์ดแต่งงานมาให้สินะ...

     

     

     

    “หลอก”

     

     

     

    “ฮะ อะไรนะ”

     

    “ผมหลอก”

     

    ร่างสูงยักไหล่

     

    “บางครั้งพี่ชายก็หอบลูกมาให้ช่วยเลี้ยง แค่ไม่กี่วันก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่มีปัญญาดูแลเด็ก จะแต่งงานได้ไง”

     

    ชายหนุ่มผุดลุกเต็มความสูง ปัดกางเกงเลอะฝุ่น ก้าวถอยหลังห่างออกไปห้าก้าว

     

    เขาโยนบุหรี่ทิ้งลงพื้น ดับมันด้วยปลายเท้า

     

    ก่อนยื่นมือออกมาตรงหน้า

     

    “ผมบอกตัวเองมาตลอดสี่ปีว่าจะไม่เดินไปหาพี่อีกแล้ว”

     

    “.......”

     

    “ถ้าอยากอยู่ด้วยกัน ช่วยเดินมาหาผมหน่อยได้หรือเปล่า ทำให้ผมแน่ใจว่าพี่เลือกที่จะจับมือคู่นี้แล้วจริงๆ”

     

    “.......”

     

    “ทำให้ผมแน่ใจ

     

     

    หมับ!

     

     

    ร้องขอมือน้อยๆ หากได้กลับมามากกว่านั้น

     

    สองขาเรียววิ่งเข้าหาอย่างไม่ลังเล ทิ้งตัวใส่พร้อมวาดสองแขนโอบรอบเอวสอบ

     

    พวกเขากอดกันแน่น และแนบแน่นขึ้นอีกเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นเปรอะเปื้อนบนบ่า

     

    “ไม่เหลืออะไรแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว...”

     

    “.......”

     

    “จะช่วยดูแลได้ไหม ไม่รู้จะตอบแทนยังไง แต่ทุกอย่างที่มี...จะให้ทั้งหมด”

     

    ร่างกายนี้ หัวใจดวงนี้

     

    “ให้ทั้งหมดที่มีเลย”

     

    “แค่นี้ก็พอแล้วครับ”

     

    โอบกอด ซุกซบ เหนี่ยวรั้งแนบแน่นราวกับไม่มีวันพรุ่งนี้ระหว่างเรา

     

    แต่พวกเขารู้ดี ความเจ็บปวดได้จางหายพร้อมควันบุหรี่มวนที่สามที่มอดดับ ลาลับไปกับแสงสุดท้ายของดวงตะวัน

     

    สดับชัดเหลือเกิน...

     

     

    คำรักที่ดังจากอกซ้าย ยืนยันว่าได้พาหัวใจกลับบ้านอย่างแท้จริง






    END







    ไม่ได้แต่งฟิคมาเป็นเดือนแล้ว ถือโอกาสเคาะสนิมตัวเองซะเลย

    OS เรื่องนี้ตั้งใจให้มีกลิ่นอายแบบผู้ใหญ่หน่อยๆ จงใจไม่ใส่ชื่อตัวละคร อยากให้รู้สึกเหมือนนั่งอ่านบทสนทนาที่เกิดขึ้นจริงของคนคู่หนึ่งมากกว่ากำลังอ่านฟิคน่ะค่ะ ; - ; (แต่ทุกคนรู้ใช่มั้ยว่าสองคนนี้คือใคร 555555)

    รออ่านคอมเมนท์อยู่น้า ใครสะดวกแท็กก็ #sweetcafesf เลยคับบบ

    คิดถึงทุกคนมากมากจริงๆ ไว้เจอกันโอกาสหน้าอีกนะคะ

    รัก <3




    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×