++SOUL INK  UNION++
ดู Blog ทั้งหมด

Hot news แถลงการณ์ฉบับที่ [001] II (จบ)

เขียนโดย ++SOUL INK UNION++

(ต่อ)

ส่วนอันนี้คือหน่วยเพกาซัส

(บอส)

 

ก็อก ก็อก ก็อก

เบลล่าเปิดประตู เบลล่า!!”

เสียงเคาะประตูถี่รัวและเสียงตะโกนเรียกชื่อที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องทำให้เธอขยับตัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจำต้องปรือขึ้นอย่างงัวเงีย สัมผัสแรกคือแสงสีนวลของโคมไฟหัวเตียงที่แยงเข้านัยน์ตา

เธอลืมดับไฟหรือนี่...

เบลล่า เปิดประตูให้พี่!!” เสียงนั้นไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งตัวนานนัก ร่างบางยันตัวลุกขึ้นพร้อมศีรษะที่ปวดจี๊ด คิ้วเรียวขมวดมุ่น มือแตะหน้าผากสัมผัสได้ถึงความร้อนที่อาจจะทะลุสามสิบเก้าองศา

โดนฝนนิดหน่อยก็ไข้ขึ้น... แย่

ว่าแต่หมอนั่นมีอะไรดึกป่านนี้ บ้าชะมัด วันนี้เธออุตส่าห์เข้านอนแต่หัวค่ำแล้วเชียว!

เบลล่าถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนเดินโซซัดโซเซไปที่ประตู แล้วทันทีที่มันถูกเปิดออก  ใบหน้าถมึงทึงของพี่ชายเพียงคนเดียวก็ปรากฏแก่สายตา

มีอะไรดึกดื่น เอ็ดเวิร์ด น้ำเสียงเรียบของร่างบางติดจะรำคาญอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เคร่งอยู่แล้วของเอ็ดเวิร์ดเลยทวีความหนักข้อขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

พี่ต้องเป็นคนถามมากกว่า ว่าเธอคิดจะทำอะไร? นัยน์ตาสีเดียวกันของคนเป็นพี่จ้องเบลล่าอย่างคาดคั้น โดดเรียนคาบบ่ายตลอดอาทิตย์...นี่เป็นจดหมายเตือนฉบับที่ห้าของโรงเรียนแล้วนะ เกี่ยวกับเรื่องวีรกรรมงี่เง่าของเธอ!”

คำตอบมีเพียงเสียงถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนร่างบางเจ้าของเรือนผมยุ่งๆจะหันหลังกลับเตรียมทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม นัยน์ตาของเอ็ดเวิร์ดที่ใช้มองน้องสาวนั้นวาวโรจน์ ก่อนปิดประตูตามเข้ามา

พี่ถามเธออยู่นะเบลล่า!!”

นี่หรือเหตุผลที่มากวนเวลานอนคนอื่นของพี่... ร่างเจ้าหล่อนหันมาประจันหน้า นัยน์ตาคู่โตฉายแววเย็นชากราดใส่อย่างเปิดเผย

นี่เธอหาว่าเขาเป็นฝ่ายผิด...?

เอ็ดเวิร์ดสูดลมหายใจลึกๆอย่างข่มอารมณ์

เธอมีหน้าที่ตอบคำถาม

ฉันไม่มีอะไรจะตอบพี่ทั้งนั้น ออกไปได้แล้ว เบลล่าออกปากไล่เขาอย่างหมางเมิน ความอดทนของคนเป็นพี่จึงถึงจุดสิ้นสุด ร่างสูงตรงเข้าไปบีบแน่นที่ต้นแขนก่อนออกแรงเขย่าหวังเรียกสติเธอให้กลับคืน

ทำไมถึงชอบทำตัวมีปัญหานัก ตั้งแต่พ่อตายเธอก็ทำเฉยชากับคนรอบข้างมาตลอด คิดว่าพ่อจะดีใจหรือที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ หา!!”  เสียงทุ้มกร้าวตวาดใส่หน้า มือที่แข็งราวคีมเหล็กก็บีบจนชาไปทั้งแขน เบลล่ารู้สึกร้อนวูบวาบ ศีรษะปวดหนึบ

ปล่อยฉัน...ปล่อย น้ำเสียงแผ่วเบาที่เรียกให้เอ็ดเวิร์ดชะงัก ใบหน้าน้องสาวของเขาแดงเรื่อ มีเม็ดเหงื่อเกาะพราวราวคนจับไข้

บอกให้ปล่อยไง!!”  เบลล่ากรีดเสียงร้องลั่นร่างพี่ชายก็กระเด็นวูบกระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างแรงราวถูกหัตถ์ที่มองไม่เห็นฉุดกระฉาก นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างน้องสาวทรุดลงกับพื้น ร่างสูงรีบถลาเข้าไปหาอย่างลืมเจ็บ

เธอไม่สบาย หลังมืออังกับหน้าผากมน โดนฝนใช่ไหม?

มือบางพยายามปัดเขาไปให้พ้นๆ การกระทำที่เอ็ดเวิร์ดรู้สึกเจ็บหัวใจปล๊าบ

น้องสาวคนเดิมของเขาหายไปไหน เธอตายไปพร้อมกับพ่อแล้วงั้นหรือ...

 พี่ขอร้องนะเบลล่า อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าทำร้ายคนรอบข้างอีก น้ำเสียงคนเป็นพี่เบาหวิว   ดวงหน้าขาวของเบลล่าแสร้งมองไปที่อื่นอย่างเหม่อลอย พลังของเธอใช้สติควบคุมได้ อย่าใช้มันทำร้ายใครอีก อย่าทำอีก...

ราวสิ่งที่พูดไม่ได้เข้าหู เจ้าหล่อนออกแรงผลักคนเป็นพี่จนหงายหลัง ก่อนพยุงร่างตัวเองไปที่เตียง ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยประโยคสุดท้ายที่เป็นดั่งมีดกรีดลงกลางใจ

ออกไปซะ

เอ็ดเวิร์ดนิ่งมองน้องสาวที่ทิ้งตัวลงนอนคลุมโปงอย่างเงียบงัน พลังที่เขาโดนเมื่อครู่เหมือนจะเบาไปเลยถ้าเทียบกับหัวใจที่ปวดร้าว

ร่างสูงขยับรอยยิ้มคล้ายจะสมเพชตัวเอง ก่อนดึงบานประตูให้ปิดลงแผ่วเบา ทำตามในสิ่งที่เจ้าหล่อนปรารถนา

...ตระกูลของเขาสืบทอดเชื่อสายจากผู้ใช้มนตราระดับจอมเวท ทายาททุกรุ่นมีพลังเวทที่แข็งแกร่ง...แต่สำหรับเบลล่า เธอมีมากกว่านั้น

เจ้าเหล่อนเรียกมันว่าคำสาป...

คำสาปที่ทำให้พ่อตาย

คำสาปที่เธอใช้ทำลายคนรอบข้างอย่างเลือดเย็น

คำสาปที่เธอใช้ทรมานเขา ราวน้องสาวคนเดียวถูกพรากไป...

...พ่อคงไม่ได้เอาเบลล่าของเราไปกับพ่อด้วยหรอกใช่ไหมครับ...?

 

                                              

                                  ...................

                                                    บอส[โหมด] : TWILIGHT ขึ้นอีกรอบ -. .-;;

 

(ท่านนัท)

 

 

ทนไม่ไหว..

ถึงจะพยายามแกล้งหลับหูหลับตา ไม่มอง ไม่สนใจ ไม่อยากรับรู้

แต่สุดท้ายคนที่อดทนต่อไปไม่ไหวก็คือเขา

ไม่สิ..หัวใจของเขาต่างหากที่ทนไม่ได้

เสียงฟ้าร้องดังครืนครางลั่นแผ่นฟ้าเรียกให้ชายหนุ่มตวัดสายตามองออกไปทางบานกระจกใส ฝนข้างนอกยังคงตกพรำไม่ซาเม็ดมาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ หยาดน้ำสาดกระเซ็นมากระทบหน้าต่างหยดแล้วหยดเล่าราวกับไม่มีวันสิ้นสุด อากาศเย็นยะเยือกเจือกลิ่นดินเปียกน้ำลอยอ้อยอิ่งคลอมากับเสียงน้ำฝนลงเม็ดบนหลังคาบ้าน

แม้เสียงฝนจะดังอื้ออึงอยู่ข้างนอก เขากลับไม่ได้ยิน

เพราะเสียงหัวใจของเขาดันสั่งให้เท้าก้าวเดินออกไปแล้ว..

 

 

“ริณ..อยู่หรือเปล่าเปิดประตูหน่อย พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

เขามาแล้ว..สุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เธอ

หญิงสาวนอนฟังน้ำเสียงทุ้มเย็นแต่แฝงด้วยความร้อนรนอย่างปิดไม่มิดของเขานิ่งงัน ใจหนึ่งอยากโดดหนีออกไปนอกหน้าต่างขณะที่อีกส่วนหนึ่งลึกๆกลับอยากลุกไปเปิด แต่ทว่าร่างกายร้อนผ่าวไร้เรี่ยวแรงแค่ขยับพลิกตัวเอื้อมไปเปิดไฟโคมความปวดมึนก็ยิ่งแล่นพล่านไปทั่วศีรษะ...บางทีเธออาจจะไข้ขึ้นสูงเพราะอ่อนเพลียและตากฝนหนักเมื่อเย็น

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกราวๆสองสามครั้งก่อนเงียบหาย แต่เธอรู้ว่าพี่ชายยังคงยืนรออยู่อย่างใจเย็นแน่ๆ จึงได้แต่กัดฟันข่มความปวดหัวโซเซลุกจากเตียงไปเปิดประตูรับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เข้ามาในห้อง

“พี่กานต์...”

เนริณอุทานผะแผ่ว เมื่อชัชกานต์คว้ามือเธอจูงไปนั่งบนเตียงนอน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองฝ่ามือใหญ่ที่กุมรอบเรียวมือเธอไว้อย่างหนาแน่นก่อนเม้มริมฝีปาก

“มีอะไรค่ะ ดึกแล้ว”

“พี่เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายปกครองว่าเธอ..”

“โดดเรียนคาบบ่ายมาตั้งแต่วันจันทร์” เนริณสวนขึ้น

“ทำไมอยู่ๆถึงได้..ทำแบบนั้นขึ้นมา”

“ริณจะทำอะไรมันก็เรื่องของริณ ไม่เกี่ยวกับพี่กานต์ อยากจะทิ้งขว้างเหมือนที่ทำอยู่ก็ได้”

“ริณ!” แรงบีบบนหลังมือเธอหนักขึ้นจนรู้สึกได้ ดวงตาของชายหนุ่มลุกวาบดั่งเปลวเพลิง แต่ในใจของชัชกานต์กลับสะท้อนสะท้านวาบลึกอย่างปวดร้าว

ทิ้งขว้างงั้นหรือ..ที่ทำห่างเหินไปมันก็เพื่อเธอทั้งนั้น

ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าตนไม่ใช่พี่ชายร่วมสายเลือดกับเนริณด้วยระยะที่ใกล้ชิดและความรักฉันท์พี่น้องที่มีอยู่เป็นทุนเดิม..ความรักแบบชายหญิงก็ก่อตัวขึ้นมาอย่างง่ายดายราวไฟติดเชื้อ เสียที่ว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายดังที่คิดพอความรู้สึกเปลี่ยน การกระทำย่อมแปรตามจนผู้ใหญ่ที่คอยเฝ้ามองไม่ห่างก็เริ่มจับได้ถึงความผิดแผกไป

ทั้งแววตา น้ำเสียงและการกระทำที่บ่งว่ารักและหลงใหลเกินกว่าพี่ชายมีให้น้องสาว เขาถูกเรียกไปตักเตือนอยู่หลายครั้งจนกระทั่งมาถึงการเตือนเป็นครั้งสุดท้าย..หากเขาไม่ถอย พ่อบุญธรรมที่ฟูมฟักเขาและเนริณมากตั้งแต่แบเบาะจะตัดใจส่งเลือดในอก..เนริณ ไปเรียนที่อเมริกาเพื่อให้ห่างจากตัวและความรักของเขาไปไกลแสนไกล..จนเกินไขว่คว้า

นับตั้งแต่นั้นมาเกือบเดือนเต็มที่เขากลายเป็นเย็นชาที่เพียรแต่หยิบยื่นความห่างเหินให้แก่น้องสาว ทั้งที่ในใจปวดร้าวจนแทบไม่อยากลืมตาตื่น ทุกวันผ่านไปอย่างทรมาน

เขาหยิบยื่นความหมางเมินให้เนริณมากฉันใด พิษร้ายแห่งรักยิ่งย้อนกลับทำร้ายมาฉันนั้น

“พี่ขอโทษ”

“ริณง่วง..” หญิงสาวตัดบท

“ยังไม่ตอบพี่เลยว่าทำไมเด็กเรียนดีอย่างน้องพี่ถึงโดดเรียน”

“ไม่มีอะไรค่ะ” เนริณยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่ชายเบาๆก่อนล้มตัวลงนอนเป็นการตัดบท ทิ้งให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ยังคงติดใจสงสัยในความลับเล็กๆของเธอต่อไป “ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่กานต์”

“จ้ะ ฝันดีนะน้องริณ”

ชัชกานต์แย้มยิ้มรับพลางช่วยห่มผ้านวมหนาให้หญิงสาวที่อายุห่างกันเพียงสองปี เขาก้มลงฝากรอยจูบราตรีสวัสดิ์ลงบนหน้าผากนวลก่อนปิดไฟโคมข้างเตียงแล้วเดินออกไปโดยที่เขายังคงไม่ได้รับคำตอบเรื่องที่อยากรู้เลยแม้แต่น้อย..ซึ่งเนริณพอใจให้เป็นเช่นนั้น

ริมฝีปากบางสีสดบนใบหน้าซีดเซียวคลี่ยิ้มเย็นในความมืดของห้องนอน เสียงฝนตกกระหนำซัดหนักแต่ยังดังไม่พอที่จะกลบเสียงหัวเราะอย่างพึงใจในห้วงคิดให้จางหายไปได้

เธออาจเป็นเด็กดีในสายตาของผู้ใหญ่ เป็นเพื่อนดีและเป็นน้องสาวที่รักพี่ชาย..หากในตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว ดั่งผนึกของหีบเหล็กถูกเปิดออก เธอรู้อะไรดีๆมากมาย..มากกว่าที่รู้ว่าชัชกานต์ไม่ใช่พี่ชายร่วมสายเลือดในครอบครัวจริงๆและเขาก็หลงใหลในตัวเธอแบบหัวปักหัวปำหลังจากทราบความจริงข้อนั้น

สมุดบันทึกเก่าแก่ของคุณแม่เอรินมารดาแท้ๆของเธอ..มันคือกุญแจดอกสำคัญที่จะขความลับทั้งปวง บัดนี้มันอยู่ในมือเธอโดยอาศัยความช่วยเหลือเล็กน้อยของความลับของเธอ..ชราธิป

ชายหนุ่มรักสันโดษผู้ชื่นชอบการโดดเรียนไปนอนบนดาดฟ้ายามบ่ายทุกๆวัน..

เขาเป็นคนที่เธอคิดจะใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นชัชกานต์..พี่ชายสุดที่รัก

อยากรู้นักว่าระหว่างพี่กานต์และพี่ธิป..

ใครจะได้คลั่งใจตายเป็นคนแรก..เพราะเธอ

 

                               ……………..

 

 

(ท่านเน)

 

เนริณ!” เสียงเคาะประตูโครมครามดังอยู่ภายนอกอย่างที่หญิงสาวได้แต่ผูกปมคิ้วด้วยอาการปวดหัวตุบๆ ...ดึกแล้วนะ ทำเสียงดังเดี๋ยวก็โดนชาวบ้านว่าพอดี

                โครม!

                บัดซบ... เนริณสบถพึมพำพลางยันตัวลุกนั่ง

                เนริณ... ดวงหน้าคมเข้มออกดุของนราธิปทำเจ้าของชื่อมุ่นคิ้วใส่ ทำไมทำแบบนี้

                อะไร เด็กสาวเอ่ยห้วนๆเพราะรู้ดีว่าพี่ชายจอมเคร่งนี่จะว่าอะไรต่อ

                ทางโรงเรียนว่า...

                ฉันหนีเรียนคาบบ่ายมาเป็นอาทิตย์แล้ว หางคิ้วเรียวเลิกคล้ายถาม แล้วไงล่ะพี่

                ไอ้เน ...อย่ามาย้อนพี่นะ ดวงตาคมกริบนั้นคาดคั้นจนเธอต้องถอนใจระบายเครียด

                จะตีกับพี่บ้าตอนนี้ก็ใช่เรื่อง ...ไม่น่าตากฝนเลยสิน่า ล่อเอาหวัดกิน

                แล้วฉันไปย้อนพี่ตอนไหน

                แกตอบพี่มาดีๆเถอะ ...หนีเรียนทำซากอะไร ปัญหายังไม่พอหรือไงฮึ

                ตะกี๊พี่พังประตูใช่ไหม

                อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง!” นราธิปส่งเสียงเข้ม ...เนริณถอนใจหน่อยๆด้วยหัวสมองที่ไม่แล่นเอาเสียเลยเวลาอย่างนี้ ...เรื่องอะไรฉันต้องตอบล่ะ!

                ดวงตาคมกริบของพี่ชายจ้องมองมาอย่างจริงจัง ...จริงจังอย่างที่หญิงสาวตีตาซื่อหา

                หนาวจัง เสียงหวานว่าเครือๆใบหน้าพี่ชายคลายความเคร่งไปโข ข้างนอกฝนยังตกอยู่หรอพี่

                เน...เป็นไรมากหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าแกเดินตากฝน

                พี่พูดอะไรน่ะ ฉันแค่หนาวนะ
               
เน...แกเดินตากฝนใช่ไหม ...แกจะบ้าหรอ เวทแกมันธาตุไฟไปเดินต่างฝนเดี๋ยวก็ได้...

                ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ...พี่จะมาห่วงฉันทำไม กับแค่อาจจะเวทเสื่อมก็เท่านั้น ...เฮอะ อย่ามาทำเป็นห่วงไปหน่อยเลย

                แกเป็นน้องฉันนะ มือหนาทาบที่หน้าผากนวลก่อนจะร่ายเวทสักอย่างที่ส่งกระแสอบอุ่นเสมือนเปลวไฟที่แทรกซึมเข้ามาปลุกประสาทของเธอให้ตื่นตัวขึ้น เอาล่ะ ...พักก่อนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนพร้อมกัน

                อืม...ซ่อมประตูด้วยล่ะ

                เออ

                เมื่อร่างสูงนั้นเดินออกไปพร้อมปิดประตูให้เบาๆเธอก็แทบจะร้องออกมาอย่างยินดี

                ก็ไม่แปลกหรอกหากนราธิปจะห่วงเรื่องทางโรงเรียน เพราะเธอเองก็เฉียดๆจะโดนไล่ออกขึ้นมาทุกวัน ...ด้วยความที่ว่าสมัยก่อนต้นตระกูลของเราเคยอยู่ในจำพวกคนใช้ศาสตร์เหนือธรรมชาติ ซึ่งตอนนี้เขาเรียกเราว่า หมอผี ...คนในห้องจึงไม่มีใครใคร่จะคุยกับเธอเท่าไหร่

                ...แล้วพอมีข่าวแปลกขึ้นมาอีก

                ช่วงนี้มีนักเรียนหายตัวไปเป็นจำนวนมาก ...หายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียด้วย

                แต่เรื่องที่หนีเรียนตอนภาคบ่ายน่ะหรือ...

                ชิ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ ...ที่วันนี้ต้องเปียกฝนเป็นลูกหมาอย่างนี้ก็เพราะ มัน มันคนเดียว!

                ศรุต... เนริณพึมพำด้วยไฟอาฆาตที่โชติช่วงอยู่ในดวงตา ฉันยังไม่แพ้แกหรอก ไอ้น้ำเน่าเหม็นโฉ่!” ไม่ใช่จะมีแต่บ้านเธอหรอกที่รู้เรื่องเวทมนตร์

                เมื่อต่างตระกูลมาพบกัน ...แล้วเจ้านั่นมันดันปากเสียมากว่าเธอ แล้วเรื่องอะไรถึงจะยอมให้มันมาว่าอยู่ฝ่ายเดียว ...ดาดฟ้าก็ออกว่างนี่นะ

                ...เจ้าบ้าธาตุน้ำนั่น จากฟ้าโปร่งๆก็เป็นว่าฝนตกลงมาอย่างกับผีสั่ง

                แค้นนี้ต้องชำระ ...ศรุต แกกับฉันต้องเห็นดีกัน!

 

 

                                     ……………………

 

อ่านกันขำๆฮะ  มาลงให้รู้ว่าคนออกข้อสอบก็ต้องทำเหมือนกัน 55+

 

 

+SaBriel+

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น