คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF Taoho] เด็กกว่าแล้วไง!?
Title: เด็กกว่าแล้วไง!!?
Cast: Tao vs Suho
Rate: ป่วง
Author:Sour Candy
Tao’Says
ตื่นนนน~ ขึ้นมา~ แค่ขี้ตาล้างหน้าแปลงฟัน~ เธอก็ลอยเข้ามา~ !!!!!!!!!!!!!
ฟิ้ววว!!ฟึ่บ !!
ทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่มันจะส่งเสียงเตือนผมเวลานี้เป็นประจำทุกเช้า ผมก็รีบพุ่งจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ จัดการล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำแต่งตัวชุดนักเรียนให้เรียบร้อยแบบรวดเร็วยิ่งกว่าโฆษณา ฟิ๊ว ฟุบ ปิ๊บๆ ของกรุงศรีเฟิร์สชอยส์ ที่รีบนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เดี๋ยวไม่ทันได้ยลโฉมนางฟ้า ♥
“แม่ ผมไปซื้อน้ำเต้าหู้นะ!!”
“จ้าๆ อย่าวิ่งสิลูกค่อยๆเดิน เดี๋ยวล้มหัวฟาด!!!” ผมไม่ได้สนใจฟังคำเตือนของแม่เท่าไรนัก พอโดดขึ้นจักรยานคันโปรดได้ก็รีบปั่นไปยังร้านขายน้ำเต้าหู้หน้าปากซอยทันที
“แฮ่ก...แฮ่ก..” เอ่อ นั่นเสียงผมหอบครับ ปั่นจักรยานมันเหนื่อย -…..-
“น้องครับ ไปนั่งพักก่อนมั้ย” เสียงหวานๆเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ผมพยายามเก็บรอยยิ้มสุดฤทธิ์สุเดชเมื่อได้มองหน้าเจ้าของเสียง
พี่ซูโฮ
“เอ่อ...เอา”
“เหมือนเดิมรึเปล่าครับ?”
“ใช่ครับเหมือนเดิม...พี่จำได้ด้วยหรอ...”
วรั๊ยยยยยยย!!@#$%^&*(_)*^$#”?>: ฟินเบย!!!? พี่เขาจำได้ด้วยแหละว่าผมมาสั่งอะไรที่ร้านน้ำเต้าหู้พี่เขาทุกวัน แต่ว่าประโยคต่อไปกลับทำเอาความฟินของผมละลายหายไปกับไนโตรเจนและออกซิเจนในอากาศ
“ก็เรามาอุดหนุนทุกวัน พี่ก็จำได้สิ”
เออครับ ยอมรับก็ได้ว่ามาสิงสู่กินน้ำเต้าหู้กับขนมปังสังขยาที่นี่ทุกเช้า ที่กินทุกวันนี่ไม่ได้ชอบเต้าหู้กับขนมปังสังขยาอะไรมากมายหรอกครับ...แต่ชอบคนขาย.....-//////////////-
ผมนั่งงับขนมปังข้าปากพร้อมกับมือข้างนึงเท้าคางมองพี่ซูโฮแจกรอยยิ้มให้กับลูกค้าอย่างเพลินเพลิน คนอะไรทั้งน่ารัก แถมอัธยาสัยดี...บร้ะ!! นี่แหละแม่ของลูก! กินน้ำเต้าหู้ไปก็กัดหลอดไปด้วยความเขิน
“ซูโฮ ไปมหาลัยได้แล้วลูก เดี๋ยวพ่อขายเอง”
“ครับพ่อ”
โห่....แอบมอองได้ไม่เท่าไรก็หมดเวลาซะแล้ว ผมหน้าม่อยลงอย่างเซ็งๆ พี่ซูโฮจะมาขายน้ำเต้าหู้ก็เฉพาะตอนเช้า พอเจ็ดโมงครึ่งพี่เขาก็จะเข้ามหาลัย ไม่รู้ทำไมต้องรีบไปด้วย ด้าไม่เข้าจุยส์ T^T
ผมรอจนพี่ซูโฮขึ้นรถเมล์ไปจนลับสายตานั่นแหละ ถึงได้ปั่นจักรยานกลับบ้าน สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วปั่นจักรยานไปโรงเรียนต่อ
ตึ๊ง ตึง ตึ๊ง ตึ่ง ~ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึง ~
“ในช่วงบ่ายจะมีการแนะนำการเข้าศึกษาต่ออุดมศึกษาให้กับนักเรียนชั้นม.6ทุกคน ขอให้นักเรียนชั้นม.6ไปรวมกันที่ห้องแนะแนว โดยม.6/1-6/3ในคาบที่หก ม6/4-6/6 ในคาบที่เจ็ด และม.6/7-ม.6/9ในคาบที่แปดค่ะ”
ตึ๊ง ตึง ตึ๊ง ตึ่ง ~ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึง ~
“เออ ดีว่ะ ไม่ต้องเรียน เดี๋ยวเขาก็แนะนำกันไปกูก็จะหลับ” ผมพยักหน้าให้กับความคิดอันแสนบรรเจิดของไอดำกัมจงหลังจากฟังเสียงประชาสัมพันธ์จบ
“เห็นว่าเป็นพี่ปี4จากมหาลัย ABC ”
“ห้ะ!?? มหาลัยไหนนะ!? ” ผมยืดตัวลุกขึ้นก่อนทุบโต๊ะดังปั้กด้วยความตกใจ
“มหาลัยABC ไงโว๊ะ! จะถามซ้ำหาเม็ดละมุดไง๊” เซฮุนแว๊ดเข้าให้อย่างรำคาญ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนมันนักหรอก ผมสนนักศึกษาปีสี่มหาลัยนั้นมากกว่า
เดาอยู่ละซิ...
อ่ะ...
อ่ะ...
อ่ะ...ถูกต้องครับพี่น้อง! พี่ซูโฮเป็นนักศึกษาปี4มหาวิทยาลัยนั้นนั่นเองครับผม!!
“เออ แล้วมึงจะตกใจอะไรนักหนาวะห้ะ?” กัมจงเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ผมยักคิ้วกก่อนจะยืดอกตอบมัน
“นางฟ้าของกูเรียนที่นั่น พวกมึงลืมแล้วรึไง!?”
“แล้ว?” แหม่ะ....ถามพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมายแบบนี้ไอจงอินกับเซฮุนมันหมายความว่ายังไง...
“กูว่าพี่เขาต้องมาแน่ๆ!”
“โหยยย! มั่นใจนะมึง ถ้าพี่เขาไม่มากูจะเยาะเย้ยให้”
“เออ กูเห็นด้วยกับติ๋มว่ะ” ผมยักไหล่ทำลอยหน้าลอยตาให้พวกมันสองคนอย่างไม่แคร์ อย่างน้อยผมกก็ยังมีหวังจริงมั้ยละครับแหม่ะ
ผมนั่งยิ้มมองนาฬิกาคอยเวลาที่จะผ่านไปถึงคาบ8 ซึ่งเป็นคิวของห้องผม เห้ย! อยู่ห้อง8ไม่ใช่ว่าโง่นะครับ! ก็แค่ฉลาดสู้คนอื่นไม่ได้! นั่น ว่าไปสิ! ห้องของผมมันศิลป์ภาษาหรอกครับปั๊ดโถ่...
“เอาละนักเรียนเลิกชั้น แล้วคาบต่อไปอย่างลืมไปฟังที่เขามาแนะแนวด้วย ห้ามโดดละ” จัดการพูดสมทบเสร็จสรรพอาจารย์ก็เดินชิลออกไปจากห้อง ผมยิ้มร่าแล้วเด้งตัวออกจากเก้าทันที อยากไปให้ถึงห้องแนะแนวเร็วๆ ผมอยากรู้ว่าพี่เขาจะมามั้ย…
และแล้วก็....
“สวัสดีนะครับน้องๆทุกคน”
เสียงใสๆแบบนี้มีอยู่คนเดียว...หน้าหวานๆตัวเล็กๆแบบนี้ก็มีคนเดียว...พี่เขามาจริงๆด้วย....เอร้ยยยยยย!!!!!!!!!!
แม่งปริ่ม!!!
“ดูๆ กัมจงมึงดูมัน เห็นแล้วหมันไส้”
“เออแม่ง มันจะทำตาเยิ้มไปไหน?” เสียงแขวะของไอสองตัวนั้นลอยตามลมมาเรื่อยๆ แต่จ้างให้ผมก็ไม่สนใจพวกมันหร๊อก!! เพราะเอาแต่นั่งเท้าคางมองพี่ซูโฮอยู่เนี่ย คนอะไร จะหยิบจะจับจะทำอะไรก็น่ารักไปหมด !! มองแล้วก็เพลินหูเพลินตา อะ อ้าว แล้วนั่นพี่เขาจะเดินไปไหนวะ
“เห้ยเทา สัสเทา เชี่ยหวงจื่อเทา!!!!!!”
“หะ ห้ะ!? อะไรมึง?” ผมสะดุ้งแล้วหันมองหน้าขาวๆของไอติ๋มที่นั่งข้างๆ
“สายตานี่จะเหม่อมองตามพี่เขาไปถึงไหน เขาแนะนำเสร็จจนออกจากห้องไปแล้วโว้ย! ตามไปจ้องต่อข้างนอกไป๊วุ้ย!” กูเหม่อนิดเหม่อหน่อยสวดซะยาว=____________=;
“กูกลับบ้านละ พรุ่งนี้เจอกัน”
“เออ โอเค ตกลงบ้านกูเก้าโมง รีบแหกตาตื่นกันหน่อยพวกมึงอ่ะ”
“แม่ง จะรีบตื่นมาทำหัวเผือกไรวะ..”
“ตื่นมาซ้อมดนตรีครับอิติ๋ม มึงอ่ะตัวตื่นสาย อย่าเลทนะมึงไม่งั้นกูตามถึงเตียง” ผมส่ายหน้าไปมาให้กับผัวเมียละเหี่ยใจ(!??????????) คู่นี้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาโดดขึ้นจักรยานคันเก่งเพื่อที่จะรีบปั่นกลับบ้าน ดูเหมือนวันนี้อากาศจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีครึ้มพร้อมส่งเสียงร้องขู่เบาๆมาเป็นระยะ จนในที่สุดก็...
แปะ...แปะ...ครืนน !
“แม่ง ตกจนได้” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆเมื่อสัมผัสได้ถึงสายฝนที่เทลงมา แต่ก็ยังโชคดีเมื่อพบว่าตัวเองปั่นจักรยานมาถึงป้ายรอรถเมล์พอดี ผมเลยรีบย้ายร่างกึ่งเปียกของตัวเองเข้าไปหลบฝน ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีผมคนเดียวที่หลบฝนอยู่นี่ ผมหันไปมองร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ริมซ้ายสุดของที่นั่ง ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ระบายรอยยิ้มขึ้นด้วย
พี่ซูโฮ....
พรหมลิขิตชัดๆ!!!
“อ้าว!จื่อเทา ติดฝนหรอเรา” เป็นพี่ซูโฮที่ทักทายพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง ร่างเล็กคงรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกจ้องอยู่ถึงได้หันหน้ามามองผมเหมือนกัน
“เอ่อ..คะ ครับ พี่ก็ติดฝนหรอ?” ฝนก็ตกแถมอยู่ด้วยหันสองต่อสอง...บ้ะ!! ฟ้าฝนช่างเป็นใจ!
“พอดีพี่มาช้าไปหน่อย ตกรถคันก่อนหน้าเลยต้องมารอเที่ยวต่อไปนี่แหละ”
หลังจากนั้นก็กลายเป็นผมเองที่ชวนพี่เขาคุยเรื่องสัพเพเหระจิปาถะไปเรื่อยรอเวลา ตอนคุยก็เนียนๆขยับเข้าไปนั่งใกล้ร่างเล็กเรื่อยๆ จนระหว่างเราเหลือระยะห่างนิดเดียวเท่านั้น
“ผมว่า คุณพ่อของพี่ทำน้ำเต้าหู้อร่อยมากๆเลยนะครับ” คุยกันไปอยู่ๆผมก็มาวกเข้าเรื่องนี้ และดุเหมือนนี่จะทำให้ผมพลาด
“ขอบใจนะ จะว่าไปนายนี่ก็เป็นลูกค้าประจำเลยนี่นา แบบนี้แอบคิดอะไรกับพี่รึเปล่า?” เสียงใสพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่าอาจเป็นเพราะฝนตกพรำๆหรือบรรยากาศเย็นๆที่ทำให้อยู่ๆผมก็โพล่งออกไปซะเฉยๆ
“ครับผมคิด”
“นายนี่ก็รับมุขนะ”
“ผมไม่มุขครับผมพูดจริงๆ” ผมหันมองใบหน้าหวานของพี่ซูโฮนิ่งๆ ซึ่งพี่เขาเองก็เงียบไปเหมือนกัน
“ที่ผมไปกินน้ำเต้าหู้กับขนมปังสังขยาที่ร้านพี่ทุกวันก็เพราะผมชอบพี่นะ...”
“ละ..ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย”
“ผมพูดจริงๆนะ ไม่ได้ล้อเล่น”
“เทา..นายกำลังเป็นวัยรุ่น มันอาจจะเป็นแค่ความคิดชั่ววูบ..”
“ถ้ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ผมก็วูบมานานมากพอที่จะเป็นเป็นชอบพี่ได้แล้วล่ะครับ”
“เราห่างกันตั้งสี่ปีนะ นายไม่คิดว่าอายุเราจะต่างกันไปหน่อยหรอ..?”
“แล้วมันยังไงละครับ”
“...............”
“พี่ซูโฮผม...”
“รถมาแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ในจังหวะที่ผมกำลังจะพูดอะไร รถเมล์เที่ยวต่อมาก็มาพอดี พี่ซูโฮตัดบทผมแล้วก็ดิ่งขึ้นรถไปทันที ผมนั่งมองรถที่ห่างออกไปจนมองไม่เห็น
“บ้าเอ้ย...” ผมสบถเบาๆพร้อมกับยกมือตบปากตัวเองไปด้วย ไม่น่าเลย...ผมไม่น่าพูดมันออกไปเลยจริงๆ....
ปั๊ก!!
“โอ้ยยย! เชี่ยติ๋ม!” ผมร้องโอดโอยเมื่อไม้กลองลอยลิ่วลงมากลางหัวผมแบบเป๊ะๆด้วยฝีมือของอิติ๋ม
“เห็นเหม่อๆ เลยช่วยเรียกวิญญาณเข้าร่าง” ถ้าเป็นปกติวิญญาณมันคงได้ออกจากร่างไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะกวนมันตอบ เลยทำแค่ถอนหายใจ เรียกประโยคคำถามจากอีกสองตัวในห้องนี้ได้ทันที
“เห้ย มึงเป็นไรป่ะเนี่ย”
“เออ นั่นดิ กูว่ามึงหนักนะมีไรบอกกันได้นะเว้ย”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร กูก็แค่เหนื่อยๆ ซ้อมต่อเลย พรุ่งนี้วันแข่งแล้ว” ผมพูดพร้อมส่ายหน้าประกอบคำตอบ ซึ่งมันทั้งสองคนก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ ผมสูดหายใจเข้าทีหนึ่งก่อนจะหันไปตั้งใจซ้อมอย่างจริงจังไม่วอกแวกเรื่องอื่นจนกระทั่งซ้อมเสร็จ
“ไปละเว้ย พรุ่งนี้เจอกัน เต็มที่!”
“มึงก็เหมือนกัน พักผ่อนมากๆ บำรุงเส้นเสียงดีๆครับนักร้องนำ” ผมหัวเราะให้กับคำแซวของจงอินพร้อมกับที่เริ่มปั่นจักรยานออกมาจากบ้านมัน พรุ่งนี้มีประกวดวงดนตรีรอบสุดท้ายหลังจากจัดการแข่งขันมาตั้งแต่ต้นเดือน ซึ่งวงของผมก็สามารถผ่านเข้ามาได้จนถึงรอบนี้ เห็นไร้สาระแบบนี้ก็มีอะไรทำเป็นกิจจะลักษณะนะครับโถ่... วงของเรามีสามคนก็คือผม จงอินและเซฮุน จงอินเล่นกีต้าร์ เซฮุนเล่นกลองและผมนักร้องนำ ผมที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยดึงสติกลับมาเมื่อเห็นว่ากำลังปั่นจักรยานผ่านหน้าร้านเต้าหู้ ผมพยายามกวาดสายตามองหาพี่ซูโฮแต่ก็ไม่มี.....
ผมอยากให้พี่เขาไปดูดนตรี การประกวดพรุ่งนี้จะแข่งกันที่มหาลัยABCนั่นแหละ...
ผมมีเพลงบางเพลงจะร้องไห้พี่เขาฟัง...
“ต่อไปแล้วนะมึง ตั้งใจเข้า”
“เออ สู้ๆเว้ย แพ้ชนะช่างมัน”
“กูตื่นเต้นว่ะ” สารพัดคำพูดจากพวกผมสามคนที่ยืนออกันอยู่หลังเวที รอเวลาที่วงบนเวทีตอนนี้จะเล่นจบ และต่อไปจะถึงคิวของพวกผม ซึ่งเป็นวงสุดท้ายในวันนี้
“จบไปแล้วนะครับกับวงZZZ ต่อไปถึงเวลาของวงสุดท้าย เชิญพบกับพวกเขาได้เลยครับ!!!”
“เห้ยมึงป่ะ เค้าประกาศแล้ว” จงอินรีบบอกเมื่อได้ยินเสียงพิธีกรหน้าเวที แต่ผมเรียกมันไว้ซะก่อน
“..เดี๋ยวมึง..”
“ไรมึงวะเทา?”
“พอเล่นเพลงที่ประกวดเสร็จแล้วอ่ะ กูขอสเปเชี่ยลเพลงนึงดิ...”
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” เสียงกรี๊ดเสียงปรบมือดังเกรียวกราวเป็นกำลังใจหลังจากที่ผมเล่นเพลงสุดท้ายที่นำมาแข่งขันจบ….ซึ่งตั้งแต่ผมขึ้นเวทีมา ผมยังมองไม่เห็นพี่ซูโฮเลย... เอาเถอะไม่เป็น... ผมสูดหายใจเข้าก่อนจะพูดพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือนะครับ และเนื่องจากนี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายวงของเราก็เป็นวงสุดท้าย ดังนั้นเราจึงมีเพลงพิเศษเตรียมไว้ให้ หวังว่าคณะกรรมการคงจะไม่ขัดข้อง” เมื่อเห็นคณะอาจารย์ซึ่งมาเป็นกรรมการในวันที่พยักหน้าเป็นเชิงอณุญาติผมจึงหันไปให้สัญญาณกับจงอินและเซฮุน
“เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมอยากจะให้ใครบางคนในนี้ได้รับฟัง ผมพยายามมองหาแล้ว แต่ก็ยังมองไม่เห็น...ผมฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้ผมให้เขาคนนั้นได้ยินเพลงนี้ด้วยนะครับ เอาละ เรามาฟังเพลงนี้กันเลยดีว่า1..2..3!”
อายุเป็นพียงแค่สายลมผ่านพัดไป
เธออย่าคิดมากได้ไหม
ความรักเป็นเรื่องของหัวใจไม่ใช่เรื่องใด
อยากให้รู้เด็กกว่าแล้วไง
ไม่ต้องคิดอะไร
เธอคนนี้คนที่ฉันรอ โว้ โว้ โอ โอ ~
เธอคนนี้คนที่ฉันเพ้อ คิดถึงเธอคนเดียว
ใจฉันคิดคิดถึงแต่ภาพเธอ โว้ โว้ โอ ~
ยังไม่คิดแต่กลับเจอเธอ เห็นแต่เธอคนเดียว
แต่มีบางสิ่งที่ผิดไป ก็ตัวเธอนั้นไม่เข้าใจ
ก็เธอเรียกฉันว่าน้องทำไม ไม่เข้าใจ
อายุเป็นพียงแค่สายลมผ่านพัดไป
เธออย่าคิดมากได้ไหม
ความรักเป็นเรื่องของหัวใจไม่ใช่เรื่องใด
อยากให้รู้เด็กกว่าแล้วไง
“ขอบคุณสำหรับวันนี้มากๆโชคดีนะครับทุกคน!” ผมยิ้มและโค้งคำนับคนฟังก่อนจะเดินลงมาจากเวทีมีไอสองหน่อนั่นเดินตามมาติดๆ
“เพลงสเปเชี่ยลมึงอ่ะ ให้พี่ซูโฮใช่ป่ะ?”
“เออ...” ผมถอนหายใจแล้วยอมรับอย่างเสียไม่ได้
“โอ๋ๆ อย่าทำตัวลีบไปเลยมึง ไม่เป็นไรน่า”
“กูยังไม่ทันเป็นอะไรเลย พวกมึงอ่ะอะไร โว๊ะ! กูกลับบ้านแล้ว พวกมึงก็อย่ามัวหลีสาวมหาลัย รีบกลับบ้านกลับช่อง”
“มึงกลับไปเลยไป บ่นเหมือนแม่” คุยสัพเพเหระกับพวกมันอยู่แปปนึงผมก็เลี่ยงออกมา ขายาวค่อยๆถีบปั่นจักรยานกลับบ้านช้าๆอย่างเหม่อลอย.....พี่เขาอยู่ส่วนไหนของมหาลัย แล้วจะได้ยินเพลงผมบ้างมั้ย?
“เห้อ..เห้ย!!” ผมเบรกจักรยานดังเอี๊ยด เมื่อเห็นร่างบางที่คุ้นเคยนั่งคนเดียวอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่เดิมกับเมื่อวาน ผมจอดรถนิ่งๆชั่งใจอยู่พักหนึ่ง
จะเข้าไปหา หรือปั่นเลยไปดี ?
แต่สงสัยความหน้าด้านจะมีมากกว่า ผมเลยเลือกจะเดินเข้าไปเลียบๆเคียงๆแล้วนั่งลงห่างจากร่างบางเป็นวา ห่างไม่นานหรอกครับ ผมก็ค่อยๆกระเถิบตัวเข้าไปใกล้ทีละนิดๆ.....เขาว่าด้านได้อายอด ลองชวนคุยหน่อยจะเป็นไร!?
“เอ่อ...”
“เพลงที่นายเล่นหน่ะ ให้พี่รึเปล่า...”
“ห้ะ..คะ..ครับ?”
“เพลงพิเศษเพลงสุดท้ายหน่ะ”
“พี่ได้ฟังด้วยหรอ?” ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงช้าๆตอบคำถามผม
“ครับ..ผมร้องให้พี่....พี่ซูโฮผมแค่อยากให้พี่รู้ว่า ผมไม่สนใจเรื่องอายุหรืออะไรทั้งนั้น ก็ตามเพลง มันเป็นเรื่องของหัวใจนะครับ ถ้าใจมันโอเค อย่างอื่นมันไม่ใช่ปัญหา”
“..........”
“พี่ซูโฮ.....เป็นแฟนกันมั้ย”
“อื้อ...”
“ผมนึกแล้วว่าต้องตอบแบบนี้ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ...ห้ะ!? เมื่อกี้อะไรนะ?”
“ก็ตกลงไง...”
“พี่พูดจริงหรอ!?ผมนึกว่าพี่จะไม่...”
“ก็นายบอกมันเป็นเรื่องของหัวใจไม่ใช่หรอ...” ผมยิ้มกว้างปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วมั้ง หัวใจพองโตเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นใบหน้าหวานแต้มรอยยิ้มน้อยๆ ไหนจะหน้าขาวๆที่เริ่มจะซับสีชมพูอ่อนๆออกมาอีก…ไหนๆก็หน้าด้านมาขนาดนี้แล้ว ขออีกนิดแล้วกัน
ฟอดดดดดดดดดดด~
เพี๊ยะ!!!!
“โอ้ยย เจ็บนะครับพี่” ผมร้องเมื่อคนที่โดนผมขโมยหอมแก้มฟาดมือบางๆนั่นลงมาที่ต้นแขนพลางมองค้อนใส่ เสียงหวานพูดงึมงำจนผมต้องเงี่ยหูฟัง
“เด็กบ้านี่ เอาใหญ่แล้วนะ”
“มัดจำไงครับ สัญญาว่าเราเป็นแฟนกันแล้วพี่จะไม่เปลี่ยนใจ”
“มะ..ไม่หรอกน่า!..รถมาแล้ว พี่ไปแล้วนะ รีบกลับบ้านละ” ร่างบางพูดรัวใส่ผมก่อนจะเดินเอาหน้าแดงๆนั่นหนีผมขึ้นรถเมล์ไป
นี่มันด้านได้อายอดจริงๆนะครับทุกคน... <3
Suho’Says
‘ฝันดีนะครับนางฟ้าของแพนด้า’
ผมยิ้มเมื่อได้อ่านข้อความในโทรศัพท์ ซึ่งคนส่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเด็กสูงจื่อเทา หลายเดือนแล้วที่เราสองคนคบกันมา
สงสัยมั้ยว่าทำไมวันนั้นผมถึงตกลงง่ายนัก?
จะให้ผมบอกจริงหรอ....เอ่อ....คือผม.....คือว่า...
เด็กนั่นมาป้วนเปี้ยนวนเวียนที่ร้านผมทุกเช้า...
แถมหน้าตาก็ไม่ใช่ธรรมดา......
ก็เลยแอบมีซัมติงนิดนึง...โอเคไม่นิดก็ได้....
วันนั้นที่เราคุยกัน วันที่ผมนั่งรอรถเมล์และจื่อเทาก็เข้ามาหลบฝนนั่นหน่ะ ผมอยากรู้ว่าเจ้าเด็กแพนด้าคิดยังไง ถึงได้แกล้งถามหยั่งเชิง แต่กลับถูกบอกชอบอย่างไม่ทันตั้งตัวซะอย่างนั้น....เขินจะตายแต่ก็ยังวางฟอร์ม...ผมค่อนข้างคิดมากจริงๆเพราะผมอยู่ปีสี่แล้วนะครับ แต่จื่อเทาอยู่ม.6
แต่พอได้ยินเพลงที่เด็กตัวสูงเล่นวันนั้นผมถึงได้คิด และผมคงคิดไม่ผิดใช่มั้ย?
อายุไม่ได้สำคัญก็จริงนะครับ ในเมื่อรักมันเป็นเรื่องของหัวใจนี่เนอะ ♥
-------------------------------------------------------------------------------------------------
Shalunla
ความคิดเห็น