ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF Exo] Chanbaek,Krislu,Kaihun,Taoho

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF Taoho] เด็กกว่าแล้วไง!?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 260
      1
      15 ก.ย. 56

     

       Title:    เด็กกว่าแล้วไง!!?  

    Cast: Tao vs Suho

    Rate: ป่วง

    Author:Sour Candy

     

    Tao’Says

               

                    ตื่นนนน~ ขึ้นมา~ แค่ขี้ตาล้างหน้าแปลงฟัน~ เธอก็ลอยเข้ามา~ !!!!!!!!!!!!!

     

                ฟิ้ววว!!ฟึ่บ !!

                           

                ทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่มันจะส่งเสียงเตือนผมเวลานี้เป็นประจำทุกเช้า  ผมก็รีบพุ่งจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ  จัดการล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำแต่งตัวชุดนักเรียนให้เรียบร้อยแบบรวดเร็วยิ่งกว่าโฆษณา ฟิ๊ว ฟุบ ปิ๊บๆ ของกรุงศรีเฟิร์สชอยส์  ที่รีบนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  เดี๋ยวไม่ทันได้ยลโฉมนางฟ้า

     

              แม่  ผมไปซื้อน้ำเต้าหู้นะ!!”

                “จ้าๆ อย่าวิ่งสิลูกค่อยๆเดิน เดี๋ยวล้มหัวฟาด!!!”  ผมไม่ได้สนใจฟังคำเตือนของแม่เท่าไรนัก  พอโดดขึ้นจักรยานคันโปรดได้ก็รีบปั่นไปยังร้านขายน้ำเต้าหู้หน้าปากซอยทันที

     

                            “แฮ่ก...แฮ่ก..  เอ่อ นั่นเสียงผมหอบครับ ปั่นจักรยานมันเหนื่อย -…..-

                            “น้องครับ ไปนั่งพักก่อนมั้ย”  เสียงหวานๆเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ  ผมพยายามเก็บรอยยิ้มสุดฤทธิ์สุเดชเมื่อได้มองหน้าเจ้าของเสียง

     

                พี่ซูโฮ

                           

                “เอ่อ...เอา

                “เหมือนเดิมรึเปล่าครับ?

                “ใช่ครับเหมือนเดิม...พี่จำได้ด้วยหรอ...

               

                วรั๊ยยยยยยย!!@#$%^&*(_)*^$#”?>:  ฟินเบย!!!? พี่เขาจำได้ด้วยแหละว่าผมมาสั่งอะไรที่ร้านน้ำเต้าหู้พี่เขาทุกวัน  แต่ว่าประโยคต่อไปกลับทำเอาความฟินของผมละลายหายไปกับไนโตรเจนและออกซิเจนในอากาศ

                “ก็เรามาอุดหนุนทุกวัน พี่ก็จำได้สิ” 

                เออครับ  ยอมรับก็ได้ว่ามาสิงสู่กินน้ำเต้าหู้กับขนมปังสังขยาที่นี่ทุกเช้า  ที่กินทุกวันนี่ไม่ได้ชอบเต้าหู้กับขนมปังสังขยาอะไรมากมายหรอกครับ...แต่ชอบคนขาย.....-//////////////-

                ผมนั่งงับขนมปังข้าปากพร้อมกับมือข้างนึงเท้าคางมองพี่ซูโฮแจกรอยยิ้มให้กับลูกค้าอย่างเพลินเพลิน  คนอะไรทั้งน่ารัก แถมอัธยาสัยดี...บร้ะ!! นี่แหละแม่ของลูก!  กินน้ำเต้าหู้ไปก็กัดหลอดไปด้วยความเขิน

               

                ซูโฮ  ไปมหาลัยได้แล้วลูก  เดี๋ยวพ่อขายเอง

                “ครับพ่อ          

    โห่....แอบมอองได้ไม่เท่าไรก็หมดเวลาซะแล้ว ผมหน้าม่อยลงอย่างเซ็งๆ  พี่ซูโฮจะมาขายน้ำเต้าหู้ก็เฉพาะตอนเช้า  พอเจ็ดโมงครึ่งพี่เขาก็จะเข้ามหาลัย  ไม่รู้ทำไมต้องรีบไปด้วย ด้าไม่เข้าจุยส์ T^T 

                ผมรอจนพี่ซูโฮขึ้นรถเมล์ไปจนลับสายตานั่นแหละ  ถึงได้ปั่นจักรยานกลับบ้าน สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วปั่นจักรยานไปโรงเรียนต่อ

     

     

               

                ตึ๊ง ตึง ตึ๊ง ตึ่ง ~ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึง ~

                “ในช่วงบ่ายจะมีการแนะนำการเข้าศึกษาต่ออุดมศึกษาให้กับนักเรียนชั้นม.6ทุกคน  ขอให้นักเรียนชั้นม.6ไปรวมกันที่ห้องแนะแนว  โดยม.6/1-6/3ในคาบที่หก  ม6/4-6/6 ในคาบที่เจ็ด  และม.6/7-ม.6/9ในคาบที่แปดค่ะ”  

                ตึ๊ง ตึง ตึ๊ง ตึ่ง ~ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึง ~

     

                “เออ ดีว่ะ ไม่ต้องเรียน เดี๋ยวเขาก็แนะนำกันไปกูก็จะหลับ”  ผมพยักหน้าให้กับความคิดอันแสนบรรเจิดของไอดำกัมจงหลังจากฟังเสียงประชาสัมพันธ์จบ

                เห็นว่าเป็นพี่ปี4จากมหาลัย ABC ” 

                ห้ะ!?? มหาลัยไหนนะ!? ”  ผมยืดตัวลุกขึ้นก่อนทุบโต๊ะดังปั้กด้วยความตกใจ

                มหาลัยABC ไงโว๊ะ! จะถามซ้ำหาเม็ดละมุดไง๊”  เซฮุนแว๊ดเข้าให้อย่างรำคาญ  แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนมันนักหรอก  ผมสนนักศึกษาปีสี่มหาลัยนั้นมากกว่า

     

                เดาอยู่ละซิ...

                อ่ะ...

     

                อ่ะ...

     

                อ่ะ...ถูกต้องครับพี่น้อง!  พี่ซูโฮเป็นนักศึกษาปี4มหาวิทยาลัยนั้นนั่นเองครับผม!!

     

     

                เออ แล้วมึงจะตกใจอะไรนักหนาวะห้ะ?กัมจงเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย  ผมยักคิ้วกก่อนจะยืดอกตอบมัน

                นางฟ้าของกูเรียนที่นั่น พวกมึงลืมแล้วรึไง!?”

                “แล้ว?”  แหม่ะ....ถามพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมายแบบนี้ไอจงอินกับเซฮุนมันหมายความว่ายังไง...

                กูว่าพี่เขาต้องมาแน่ๆ!”

                “โหยยย! มั่นใจนะมึง  ถ้าพี่เขาไม่มากูจะเยาะเย้ยให้

                “เออ  กูเห็นด้วยกับติ๋มว่ะ”  ผมยักไหล่ทำลอยหน้าลอยตาให้พวกมันสองคนอย่างไม่แคร์  อย่างน้อยผมกก็ยังมีหวังจริงมั้ยละครับแหม่ะ

     

     

                ผมนั่งยิ้มมองนาฬิกาคอยเวลาที่จะผ่านไปถึงคาบ8 ซึ่งเป็นคิวของห้องผม เห้ย! อยู่ห้อง8ไม่ใช่ว่าโง่นะครับ! ก็แค่ฉลาดสู้คนอื่นไม่ได้! นั่น ว่าไปสิ! ห้องของผมมันศิลป์ภาษาหรอกครับปั๊ดโถ่...

     

                เอาละนักเรียนเลิกชั้น  แล้วคาบต่อไปอย่างลืมไปฟังที่เขามาแนะแนวด้วย  ห้ามโดดละ”  จัดการพูดสมทบเสร็จสรรพอาจารย์ก็เดินชิลออกไปจากห้อง  ผมยิ้มร่าแล้วเด้งตัวออกจากเก้าทันที  อยากไปให้ถึงห้องแนะแนวเร็วๆ  ผมอยากรู้ว่าพี่เขาจะมามั้ย

     

                และแล้วก็....

     

                “สวัสดีนะครับน้องๆทุกคน

     

     

                เสียงใสๆแบบนี้มีอยู่คนเดียว...หน้าหวานๆตัวเล็กๆแบบนี้ก็มีคนเดียว...พี่เขามาจริงๆด้วย....เอร้ยยยยยย!!!!!!!!!!

     

               

                แม่งปริ่ม!!!

     

     

                ดูๆ กัมจงมึงดูมัน เห็นแล้วหมันไส้

                “เออแม่ง มันจะทำตาเยิ้มไปไหน?”  เสียงแขวะของไอสองตัวนั้นลอยตามลมมาเรื่อยๆ  แต่จ้างให้ผมก็ไม่สนใจพวกมันหร๊อก!! เพราะเอาแต่นั่งเท้าคางมองพี่ซูโฮอยู่เนี่ย  คนอะไร จะหยิบจะจับจะทำอะไรก็น่ารักไปหมด !! มองแล้วก็เพลินหูเพลินตา  อะ อ้าว แล้วนั่นพี่เขาจะเดินไปไหนวะ

                “เห้ยเทา สัสเทา เชี่ยหวงจื่อเทา!!!!!!”

                “หะ ห้ะ!? อะไรมึง?”  ผมสะดุ้งแล้วหันมองหน้าขาวๆของไอติ๋มที่นั่งข้างๆ

                “สายตานี่จะเหม่อมองตามพี่เขาไปถึงไหน  เขาแนะนำเสร็จจนออกจากห้องไปแล้วโว้ย! ตามไปจ้องต่อข้างนอกไป๊วุ้ย!”  กูเหม่อนิดเหม่อหน่อยสวดซะยาว=____________=;

     

     

     

     

                กูกลับบ้านละ  พรุ่งนี้เจอกัน

                “เออ  โอเค ตกลงบ้านกูเก้าโมง รีบแหกตาตื่นกันหน่อยพวกมึงอ่ะ

                “แม่ง จะรีบตื่นมาทำหัวเผือกไรวะ..

              “ตื่นมาซ้อมดนตรีครับอิติ๋ม มึงอ่ะตัวตื่นสาย อย่าเลทนะมึงไม่งั้นกูตามถึงเตียง”  ผมส่ายหน้าไปมาให้กับผัวเมียละเหี่ยใจ(!??????????) คู่นี้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาโดดขึ้นจักรยานคันเก่งเพื่อที่จะรีบปั่นกลับบ้าน  ดูเหมือนวันนี้อากาศจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก  ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีครึ้มพร้อมส่งเสียงร้องขู่เบาๆมาเป็นระยะ  จนในที่สุดก็...

                แปะ...แปะ...ครืนน !

                แม่ง ตกจนได้”  ผมบ่นกับตัวเองเบาๆเมื่อสัมผัสได้ถึงสายฝนที่เทลงมา  แต่ก็ยังโชคดีเมื่อพบว่าตัวเองปั่นจักรยานมาถึงป้ายรอรถเมล์พอดี  ผมเลยรีบย้ายร่างกึ่งเปียกของตัวเองเข้าไปหลบฝน  ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีผมคนเดียวที่หลบฝนอยู่นี่  ผมหันไปมองร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ริมซ้ายสุดของที่นั่ง ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ระบายรอยยิ้มขึ้นด้วย

                พี่ซูโฮ....

                พรหมลิขิตชัดๆ!!!

     

               

                อ้าว!จื่อเทา ติดฝนหรอเรา”   เป็นพี่ซูโฮที่ทักทายพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง  ร่างเล็กคงรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกจ้องอยู่ถึงได้หันหน้ามามองผมเหมือนกัน

                เอ่อ..คะ ครับ  พี่ก็ติดฝนหรอ?  ฝนก็ตกแถมอยู่ด้วยหันสองต่อสอง...บ้ะ!! ฟ้าฝนช่างเป็นใจ!

                พอดีพี่มาช้าไปหน่อย ตกรถคันก่อนหน้าเลยต้องมารอเที่ยวต่อไปนี่แหละ” 

                หลังจากนั้นก็กลายเป็นผมเองที่ชวนพี่เขาคุยเรื่องสัพเพเหระจิปาถะไปเรื่อยรอเวลา  ตอนคุยก็เนียนๆขยับเข้าไปนั่งใกล้ร่างเล็กเรื่อยๆ  จนระหว่างเราเหลือระยะห่างนิดเดียวเท่านั้น

                ผมว่า  คุณพ่อของพี่ทำน้ำเต้าหู้อร่อยมากๆเลยนะครับ”  คุยกันไปอยู่ๆผมก็มาวกเข้าเรื่องนี้  และดุเหมือนนี่จะทำให้ผมพลาด

                ขอบใจนะ  จะว่าไปนายนี่ก็เป็นลูกค้าประจำเลยนี่นา  แบบนี้แอบคิดอะไรกับพี่รึเปล่า?”  เสียงใสพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ  ไม่รู้ว่าอาจเป็นเพราะฝนตกพรำๆหรือบรรยากาศเย็นๆที่ทำให้อยู่ๆผมก็โพล่งออกไปซะเฉยๆ

                ครับผมคิด

                “นายนี่ก็รับมุขนะ

                “ผมไม่มุขครับผมพูดจริงๆ”  ผมหันมองใบหน้าหวานของพี่ซูโฮนิ่งๆ  ซึ่งพี่เขาเองก็เงียบไปเหมือนกัน

                ที่ผมไปกินน้ำเต้าหู้กับขนมปังสังขยาที่ร้านพี่ทุกวันก็เพราะผมชอบพี่นะ...

                “ละ..ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย

                “ผมพูดจริงๆนะ ไม่ได้ล้อเล่น

                “เทา..นายกำลังเป็นวัยรุ่น มันอาจจะเป็นแค่ความคิดชั่ววูบ..

                “ถ้ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ  ผมก็วูบมานานมากพอที่จะเป็นเป็นชอบพี่ได้แล้วล่ะครับ

                “เราห่างกันตั้งสี่ปีนะ  นายไม่คิดว่าอายุเราจะต่างกันไปหน่อยหรอ..?

                “แล้วมันยังไงละครับ

                “...............

                “พี่ซูโฮผม...

                “รถมาแล้ว พี่ไปก่อนนะ”  ในจังหวะที่ผมกำลังจะพูดอะไร รถเมล์เที่ยวต่อมาก็มาพอดี  พี่ซูโฮตัดบทผมแล้วก็ดิ่งขึ้นรถไปทันที  ผมนั่งมองรถที่ห่างออกไปจนมองไม่เห็น

                บ้าเอ้ย...”  ผมสบถเบาๆพร้อมกับยกมือตบปากตัวเองไปด้วย ไม่น่าเลย...ผมไม่น่าพูดมันออกไปเลยจริงๆ....

     

     

     

               

                ปั๊ก!!

                “โอ้ยยย! เชี่ยติ๋ม!”  ผมร้องโอดโอยเมื่อไม้กลองลอยลิ่วลงมากลางหัวผมแบบเป๊ะๆด้วยฝีมือของอิติ๋ม

                เห็นเหม่อๆ เลยช่วยเรียกวิญญาณเข้าร่าง”  ถ้าเป็นปกติวิญญาณมันคงได้ออกจากร่างไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะกวนมันตอบ เลยทำแค่ถอนหายใจ เรียกประโยคคำถามจากอีกสองตัวในห้องนี้ได้ทันที

                เห้ย มึงเป็นไรป่ะเนี่ย

                “เออ นั่นดิ กูว่ามึงหนักนะมีไรบอกกันได้นะเว้ย

                “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร กูก็แค่เหนื่อยๆ ซ้อมต่อเลย พรุ่งนี้วันแข่งแล้วผมพูดพร้อมส่ายหน้าประกอบคำตอบ  ซึ่งมันทั้งสองคนก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ  ผมสูดหายใจเข้าทีหนึ่งก่อนจะหันไปตั้งใจซ้อมอย่างจริงจังไม่วอกแวกเรื่องอื่นจนกระทั่งซ้อมเสร็จ

     

     

                ไปละเว้ย พรุ่งนี้เจอกัน เต็มที่!”

                “มึงก็เหมือนกัน พักผ่อนมากๆ บำรุงเส้นเสียงดีๆครับนักร้องนำ  ผมหัวเราะให้กับคำแซวของจงอินพร้อมกับที่เริ่มปั่นจักรยานออกมาจากบ้านมัน  พรุ่งนี้มีประกวดวงดนตรีรอบสุดท้ายหลังจากจัดการแข่งขันมาตั้งแต่ต้นเดือน  ซึ่งวงของผมก็สามารถผ่านเข้ามาได้จนถึงรอบนี้  เห็นไร้สาระแบบนี้ก็มีอะไรทำเป็นกิจจะลักษณะนะครับโถ่...  วงของเรามีสามคนก็คือผม จงอินและเซฮุน จงอินเล่นกีต้าร์ เซฮุนเล่นกลองและผมนักร้องนำ ผมที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยดึงสติกลับมาเมื่อเห็นว่ากำลังปั่นจักรยานผ่านหน้าร้านเต้าหู้  ผมพยายามกวาดสายตามองหาพี่ซูโฮแต่ก็ไม่มี.....

                ผมอยากให้พี่เขาไปดูดนตรี  การประกวดพรุ่งนี้จะแข่งกันที่มหาลัยABCนั่นแหละ...

                ผมมีเพลงบางเพลงจะร้องไห้พี่เขาฟัง...

     

     

     

     

     

     

                     “ต่อไปแล้วนะมึง ตั้งใจเข้า

                “เออ สู้ๆเว้ย แพ้ชนะช่างมัน

                “กูตื่นเต้นว่ะ”  สารพัดคำพูดจากพวกผมสามคนที่ยืนออกันอยู่หลังเวที  รอเวลาที่วงบนเวทีตอนนี้จะเล่นจบ  และต่อไปจะถึงคิวของพวกผม ซึ่งเป็นวงสุดท้ายในวันนี้

     

                จบไปแล้วนะครับกับวงZZZ ต่อไปถึงเวลาของวงสุดท้าย เชิญพบกับพวกเขาได้เลยครับ!!!”

                “เห้ยมึงป่ะ เค้าประกาศแล้วจงอินรีบบอกเมื่อได้ยินเสียงพิธีกรหน้าเวที  แต่ผมเรียกมันไว้ซะก่อน

                “..เดี๋ยวมึง..

                “ไรมึงวะเทา?

                “พอเล่นเพลงที่ประกวดเสร็จแล้วอ่ะ กูขอสเปเชี่ยลเพลงนึงดิ...

     

     

     

     

     

                “กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”  เสียงกรี๊ดเสียงปรบมือดังเกรียวกราวเป็นกำลังใจหลังจากที่ผมเล่นเพลงสุดท้ายที่นำมาแข่งขันจบ….ซึ่งตั้งแต่ผมขึ้นเวทีมา ผมยังมองไม่เห็นพี่ซูโฮเลย...  เอาเถอะไม่เป็น...  ผมสูดหายใจเข้าก่อนจะพูดพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม

                ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือนะครับ  และเนื่องจากนี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายวงของเราก็เป็นวงสุดท้าย ดังนั้นเราจึงมีเพลงพิเศษเตรียมไว้ให้ หวังว่าคณะกรรมการคงจะไม่ขัดข้อง”  เมื่อเห็นคณะอาจารย์ซึ่งมาเป็นกรรมการในวันที่พยักหน้าเป็นเชิงอณุญาติผมจึงหันไปให้สัญญาณกับจงอินและเซฮุน

                “เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมอยากจะให้ใครบางคนในนี้ได้รับฟัง  ผมพยายามมองหาแล้ว แต่ก็ยังมองไม่เห็น...ผมฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้ผมให้เขาคนนั้นได้ยินเพลงนี้ด้วยนะครับ  เอาละ เรามาฟังเพลงนี้กันเลยดีว่า1..2..3!”

     

                อายุเป็นพียงแค่สายลมผ่านพัดไป
              เธออย่าคิดมากได้ไหม

              ความรักเป็นเรื่องของหัวใจไม่ใช่เรื่องใด
              อยากให้รู้เด็กกว่าแล้วไง
              ไม่ต้องคิดอะไร

              เธอคนนี้คนที่ฉันรอ โว้ โว้ โอ โอ ~
              เธอคนนี้คนที่ฉันเพ้อ คิดถึงเธอคนเดียว
              ใจฉันคิดคิดถึงแต่ภาพเธอ โว้ โว้ โอ ~
              ยังไม่คิดแต่กลับเจอเธอ เห็นแต่เธอคนเดียว

              แต่มีบางสิ่งที่ผิดไป ก็ตัวเธอนั้นไม่เข้าใจ
              ก็เธอเรียกฉันว่าน้องทำไม ไม่เข้าใจ

              อายุเป็นพียงแค่สายลมผ่านพัดไป
              เธออย่าคิดมากได้ไหม

              ความรักเป็นเรื่องของหัวใจไม่ใช่เรื่องใด
              อยากให้รู้เด็กกว่าแล้วไง

     

             

                “ขอบคุณสำหรับวันนี้มากๆโชคดีนะครับทุกคน!”  ผมยิ้มและโค้งคำนับคนฟังก่อนจะเดินลงมาจากเวทีมีไอสองหน่อนั่นเดินตามมาติดๆ

               

                “เพลงสเปเชี่ยลมึงอ่ะ  ให้พี่ซูโฮใช่ป่ะ?

                “เออ...ผมถอนหายใจแล้วยอมรับอย่างเสียไม่ได้

                “โอ๋ๆ อย่าทำตัวลีบไปเลยมึง  ไม่เป็นไรน่า

                “กูยังไม่ทันเป็นอะไรเลย พวกมึงอ่ะอะไร โว๊ะ! กูกลับบ้านแล้ว พวกมึงก็อย่ามัวหลีสาวมหาลัย รีบกลับบ้านกลับช่อง

                “มึงกลับไปเลยไป บ่นเหมือนแม่”  คุยสัพเพเหระกับพวกมันอยู่แปปนึงผมก็เลี่ยงออกมา  ขายาวค่อยๆถีบปั่นจักรยานกลับบ้านช้าๆอย่างเหม่อลอย.....พี่เขาอยู่ส่วนไหนของมหาลัย แล้วจะได้ยินเพลงผมบ้างมั้ย?

                “เห้อ..เห้ย!!”  ผมเบรกจักรยานดังเอี๊ยด เมื่อเห็นร่างบางที่คุ้นเคยนั่งคนเดียวอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่เดิมกับเมื่อวาน  ผมจอดรถนิ่งๆชั่งใจอยู่พักหนึ่ง

     

                จะเข้าไปหา หรือปั่นเลยไปดี ?

     

    แต่สงสัยความหน้าด้านจะมีมากกว่า ผมเลยเลือกจะเดินเข้าไปเลียบๆเคียงๆแล้วนั่งลงห่างจากร่างบางเป็นวา ห่างไม่นานหรอกครับ ผมก็ค่อยๆกระเถิบตัวเข้าไปใกล้ทีละนิดๆ.....เขาว่าด้านได้อายอด ลองชวนคุยหน่อยจะเป็นไร!?

     

                “เอ่อ...

                “เพลงที่นายเล่นหน่ะ ให้พี่รึเปล่า...

                “ห้ะ..คะ..ครับ?

                “เพลงพิเศษเพลงสุดท้ายหน่ะ

                “พี่ได้ฟังด้วยหรอ?”  ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงช้าๆตอบคำถามผม

                ครับ..ผมร้องให้พี่....พี่ซูโฮผมแค่อยากให้พี่รู้ว่า ผมไม่สนใจเรื่องอายุหรืออะไรทั้งนั้น ก็ตามเพลง มันเป็นเรื่องของหัวใจนะครับ ถ้าใจมันโอเค อย่างอื่นมันไม่ใช่ปัญหา

                ..........

                “พี่ซูโฮ.....เป็นแฟนกันมั้ย

                “อื้อ...

                “ผมนึกแล้วว่าต้องตอบแบบนี้ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ...ห้ะ!? เมื่อกี้อะไรนะ?

                “ก็ตกลงไง...

                พี่พูดจริงหรอ!?ผมนึกว่าพี่จะไม่... 

     

                “ก็นายบอกมันเป็นเรื่องของหัวใจไม่ใช่หรอ...”  ผมยิ้มกว้างปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วมั้ง  หัวใจพองโตเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นใบหน้าหวานแต้มรอยยิ้มน้อยๆ  ไหนจะหน้าขาวๆที่เริ่มจะซับสีชมพูอ่อนๆออกมาอีกไหนๆก็หน้าด้านมาขนาดนี้แล้ว ขออีกนิดแล้วกัน

                ฟอดดดดดดดดดดด~ 

                เพี๊ยะ!!!!

                โอ้ยย เจ็บนะครับพี่”  ผมร้องเมื่อคนที่โดนผมขโมยหอมแก้มฟาดมือบางๆนั่นลงมาที่ต้นแขนพลางมองค้อนใส่  เสียงหวานพูดงึมงำจนผมต้องเงี่ยหูฟัง

                เด็กบ้านี่ เอาใหญ่แล้วนะ

                “มัดจำไงครับ สัญญาว่าเราเป็นแฟนกันแล้วพี่จะไม่เปลี่ยนใจ

                “มะ..ไม่หรอกน่า!..รถมาแล้ว พี่ไปแล้วนะ รีบกลับบ้านละ”  ร่างบางพูดรัวใส่ผมก่อนจะเดินเอาหน้าแดงๆนั่นหนีผมขึ้นรถเมล์ไป 

                นี่มันด้านได้อายอดจริงๆนะครับทุกคน... <3

     

    Suho’Says

     

                ‘ฝันดีนะครับนางฟ้าของแพนด้า

               

                ผมยิ้มเมื่อได้อ่านข้อความในโทรศัพท์  ซึ่งคนส่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเด็กสูงจื่อเทา  หลายเดือนแล้วที่เราสองคนคบกันมา

     

                สงสัยมั้ยว่าทำไมวันนั้นผมถึงตกลงง่ายนัก?

                จะให้ผมบอกจริงหรอ....เอ่อ....คือผม.....คือว่า...

                เด็กนั่นมาป้วนเปี้ยนวนเวียนที่ร้านผมทุกเช้า...

                แถมหน้าตาก็ไม่ใช่ธรรมดา......

                ก็เลยแอบมีซัมติงนิดนึง...โอเคไม่นิดก็ได้....

                วันนั้นที่เราคุยกัน วันที่ผมนั่งรอรถเมล์และจื่อเทาก็เข้ามาหลบฝนนั่นหน่ะ ผมอยากรู้ว่าเจ้าเด็กแพนด้าคิดยังไง ถึงได้แกล้งถามหยั่งเชิง แต่กลับถูกบอกชอบอย่างไม่ทันตั้งตัวซะอย่างนั้น....เขินจะตายแต่ก็ยังวางฟอร์ม...ผมค่อนข้างคิดมากจริงๆเพราะผมอยู่ปีสี่แล้วนะครับ แต่จื่อเทาอยู่ม.6

                แต่พอได้ยินเพลงที่เด็กตัวสูงเล่นวันนั้นผมถึงได้คิด  และผมคงคิดไม่ผิดใช่มั้ย?

     

                อายุไม่ได้สำคัญก็จริงนะครับ  ในเมื่อรักมันเป็นเรื่องของหัวใจนี่เนอะ
      
              

    -------------------------------------------------------------------------------------------------











     

     
     


    Shalunla
    M U S I C CAFE : LUN LA
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×