คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : กุ๊งกุ๊งที่ 5 : ขึ้นคอนโด
5
คุกเคยเป็นคำไกลตัวสำหรับผม
ไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่ามันจะสามารถเด้งกระโดดมาอยู่ใกล้ชิดผมได้ภายในคืนเดียว
ผมยืนจ้องประตูคอนโดตัวเองพร้อมกับกลืนน้ำลายหนืดลงคอ ถัดไปที่หลังผมคือไอ้เด็กเนในชุดนักเรียนทับด้วยเสื้อกันหนาวบนรถผมที่ผมซื้อมาตัดรำคาญเวลาสีน้ำบ่นเรื่องผมชอบเปิดแอร์เย็นเกินไป ผมเลยตัดปัญหาพกเสื้อกันหนาวไว้บนรถแต่หลังจากนั้นสีน้ำก็ไม่เคยขึ้นมาบนรถอีกเลย
จนกระทั่งวันนี้...
ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้มันจะถูกใช้งานด้วยเด็กมัธยมมาก่อนในชีวิต
“ลุงจ้องประตูทำไมอ่ะ”
“...”
“มันเปิดด้วยแสกนสายตาหรอ ล้ำมาก”
ผมถอนหายใจในคำพูดคำจาที่ดูโคตรจะเด็กของมัน
...ที่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกบาปมากขึ้นไปอีกสิบเปอร์เซ็นต์
อะไรของมึงวะไอ้ไม้!!!
แล้วใช่ครับ ผมพามันมาคอนโดส่วนตัวแทนที่จะกลับบ้านเพราะไม่อยากจะตอบคำถามร้อยแปดของสีน้ำ แถมไอ้เด็กเนก็ยังกลัวสีน้ำบอกพี่สาวมันด้วย สุดท้ายผมก็พาตัวเองกับเด็กมัธยมปลายมาหยุดอยู่หน้าห้องส่วนตัว
เสี่ยเลี้ยงเด็กชัดๆ นี่ผมดูเหมือนเสี่ยเลี้ยงเด็กชัดๆ !!!!
ย้อนกลับไปเมื่อตอนหน้าคลินิกที่ผมโทรหาแนนเพื่อบอกว่าเนจะมานอนกับผมเพื่อติววิชาอังกฤษ แนนดูตกใจและทำเสียงเหมือนจะไม่ให้เพราะกลัวจะมารบกวนผม แต่พอผมพูดเรื่องคะแนนสอบที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินของเนขึ้นมาแนนก็ตกลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับขอโทษแทนเจ้าตัววุ่นวายอยู่หลายครั้ง
“ลุง นี่ง่วงแล้วอ่ะ” เสียงท้วงดังขึ้นพร้อมกับแรงกระตุกชายเสื้อเบาๆ เรียกสติผมให้กลับมา
“เออๆ “ ผมถอนหายใจแต่ก็เปิดประตูห้องให้ ผมเดินนำเข้าห้องมาเปิดไฟพร้อมกับไอ้ตัวเล็กเดินตามหลังมาติดๆ
“โห ห้องใหญ่อ่ะ!!“
“ถอดรองเท้า”
“ครับ” แปลกที่หน่อยนี่ว่าง่ายขึ้นมาเลย ผมเดินนำไปเปิดไฟห้องนั่งเล่นพร้อมกับเปิดทีวีเจ้าเด็กเนก็เดินเตาะแตะตามมา ผมเดินไปหยิบน้ำมันก็ยังคงเดินตามมา
เอาหละ
เปิดโหมดกวนตีนอีกแล้วหรอ
“จะเดินตามทำไม”
“เอ้า ผมไม่รู้ทาง”
“จะนั่งตรงไหนก็นั่ง จะกินอะไรก็กิน เดี๋ยวเสื้อผ้าฉัน... พี่... อ่า ฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันหาให้” ผมเกาหัวแกร่กๆ ให้กับความเลือกใช้สรรพนามไม่ถูก
“ลุงแทนตัวเองว่าพี่ก็ได้ เนไม่แซวหรอก”
“...”
“ฉันมันเหมือนพวกผู้หญิงคุยกันเลยอ่ะ เนฟังแล้วจั๊กจี้หู” มันทำตัวสั่นให้ดูว่าจั๊กจี้จริง ไม่คิดบ้างหรอวะว่าฝั่งนี้ก็จั๊กจี้กับการเห็นเด็กผู้ชายแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเหมือนกัน
“เออ เดี๋ยวพี่ไป... ไม่ เดี๋ยวฉันไปหยิบเสื้อผ้าให้” สุดท้ายก็ระคายปากตัวเองจะมาเรียกพี่ใส่คนที่ห่างกันสองรอบ
“ลุงงงง”
“อะไร”
“ไม่ฉันดิ”
“งั้นไม่เรียกลุงสิ”
“เอ้า เกี่ยวไรเนี่ย นี่ปากเนนะ”
“เออ รู้”
รู้สิวะ
ก็จูบมาแล้ว
แค่คิดก็รู้สึกได้ถึงตำรวจมารอหน้าบ้าน ถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นนวดขมับให้กับความคิดของตัวเอง
“เนเรียกลุงว่าพี่อ่ะแปลก แต่ลุงแทนตัวว่าพี่ไม่แปลกหรอก”
“มันต่างกันยังไง”
“ก็เนว่าไม่แปลก มันก็ไม่แปลกดิ”
“...”
อะไรของมันวะ
เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ จะพูดอะไรออกไปก็กลัวเด็กมันดักแก่เลยทำเป็นเมินๆ ไว้ก่อน
“เน หิวอ่ะ คอนโดลุงมีมาม่าไหม”
“ไม่มี” ผมไม่ใช่พวกชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรืออาหารแช่แข็งอยู่แล้ว รวมถึงที่บ้านไม่ค่อยให้ทานด้วย เลยกลายเป็นนานๆ ทีหรือไร้ทางเลือกจริงๆ ถึงจะกิน
“ถามจริง”
“ใช่”
“ไรอ่ะ คอนโดไม่มีมาม่าได้ไง”
“เพราะกินแต่อะไรแบบนี้ไง ถึงได้แห้งเป็นลูกแมวขนาดนี้” ผมขมวดคิ้วมองแขนเล็กๆ ของมันที่ผมกำทีเดียวก็เต็มรอบ
“เห้ย หุ่นเนเรียกหุ่นนายแบบนะลุง”
นายแบบอะไรวะ วิสกัสหรือเพ็ดดีกรีสูตรพุดเดิ้ล
แห้งขนาดนี้ใส่เสื้อไซซ์เอสยังหลวมเลยมั้ง
... ว่าแต่ไอ้รอยช้ำบนหน้ามันนี่ขัดสายตาจัง มองทีไรก็รู้สึกหงุดหงิดแบบไม่มีสาเหตุ
“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวฉันสั่งข้าวให้”
“เห้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวลงไปซื้อเซเว่นก็ได้ลุง”
“เดินย่องเป็นแมวยังจะมาเถียงอีกหรอ” ผมทำท่าจะจิ้มนิ้วลงตรงพุงนิ่มของมัน ส่งผลให้ไอ้ตัวดีรีบงอตัวหนีทันทีเพราะกลัวจิ้มโดนรอยช้ำ
“เห้ยลุง มันเจ็บนะ!!!”
“ไปอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวอยู่ในลิ้นชักล่างซ้ายตรงเคาท์เตอร์ ส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยวฉันไปหาให้” ผมเดินนำไปเปิดประตูห้องนอนแล้วเดินเข้าช่วงตู้เสื้อผ้าบิวท์อินเพื่อหาเสื้อห้าที่พอจะให้เนใส่ได้พอดีตัว
“โหหหห สุดยอดดดดดดดด ตู้เสื้อผ้าเป็นห้องเลย”
“ใส่ตัวนี้ได้ไหม” ผมหยิบเสื้อยืดสีขาวลายกระต่ายที่เข้าเซทกับกับกางเกงขาสั้นที่สีน้ำเคยเอาทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว
“ทำไมเสื้อกับกางเกงมันจุ๋มจิ๋มจังอ่ะ”
จุ๋มจิ๋ม?
อะไรวะ ทำไมต้องจุ๋มจิ๋ม
“...”
“เสื้อกับกางเกงผู้หญิงป่ะเนี่ย”
“ใช่”
“เหยยยย บ้าป่ะลุง เดี๋ยวแฟนลุงมาด่าเนทำไม” ผมถอนหายใจ
“นี่เสื้อสีน้ำ”
“ใช่ป่าวววว”
“...”
“แหนะ เสื้อสาวแน่เลยอ่ะ”
“ไม่ใช่”
“วู้วววว”
“วู้วอะไร”
“วู้วววววววว เสื้อสาววววว”
“บอกว่าไม่ใช่ ฉันไม่เคยพาคนอื่นขึ้นห้อง”
“...”
“...”
“ผมคนแรกเลยหรอที่ลุงพาขึ้นห้อง”
“...”
ผมว่ารูปประโยคมันสุ่มเสี่ยงจังวะ...
จังหวะที่ผมพูดจบไปเป็นวินาทีเดียวกับที่ผมรู้สึกตัวว่าไม่ควรพูดคำว่าขึ้นห้องออกไป เพราะดูกลายเป็นเสี่ยมากกว่าเดิมสิบเท่า
ไอ้ไม้เอ๊ย... อยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ
“โห ต้องดีใจป่ะเนี่ย ผมเป็นแขกคนแรกของลุงไม้โฮสเทลเลย” ผมขมวดคิ้วโดยไม่แน่ใจว่าควรดีดเหม่งมันด้วยข้อหาเรียกห้องผมว่าโฮสเทลหรือที่มันเรียกผมว่าลุงไม่ขาดปากดี บอกว่าสามสิบหกไม่ลุงไง แค่สามสิบหก แค่สามสิบหก!!!
“ไปอาบน้ำไป อย่าล้างหน้านะ ให้เช็ดเอา จำที่หมอบอกได้ใช่ไหมว่าห้ามโดนน้ำ” ผมดีดเหม่งมันไปหนึ่งทีซึ่งก็ได้เสียงร้องงอแงกลับมาตามที่คาด
“จำได้น่ะ ลุงขี้บ่น”
“ไปอาบน้ำ”
“เนขอทำใจก่อน” ประหนึ่งจะเข้าไปทำสงครามแทนการอาบน้ำ มีต้องมาทำจงทำใจ เนเดินวนไปวนมาสำรวจห้องต่ออีกสักพักก็ยอมเข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี พอเสียงปิดประตูดัง ผมก็ทรุดตัวนั่งกับขอบเตียงพร้อมกับจ้องไปที่ประตูห้องน้ำที่มีเสียงน้ำกระทบพื้นดังลอดออกมาเบาๆ
มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ
ผมปล่อยให้เด็กมันมาค้างห้องได้ยังไงวะ
แล้วไอ้ความทำตัวไม่ถูกของผมนี่มันอะไรวะ ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ให้กับคำถามที่ไร้คำตอบ
จากไอ้เด็กที่บังเอิญเจอจากญี่ปุ่นที่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีก
... มาสู่นอนห้องเดียวกัน
มันอะไรกันวะเนี่ย
“ลุงงง” เสียงโวยวายดังออกมาจากหลังประตูห้องน้ำ
“อะไร”
“เน ไม่มีแปรงฟัน”
“...”
เออว่ะ ผมเกาหัวแกร่กๆ ปกติห้องนี้ผมไม่เคยปล่อยให้ใครมาค้างด้วยความที่มันมีแค่หนึ่งห้องนอนเลยไม่ค่อยมีอะไรสำรองสำหรับแขก
สุดท้ายก็เลยต้องลงมาเซเว่นใต้คอนโดพร้อมกับโทรสั่งพิซซ่า จะได้รอรับเอาขึ้นไปทีเดียว ผมหยิบแปรงสีฟันมาส่งๆ พอดีสายตาเหลือบไปเห็นชั้นในผู้ชายวางอยู่ด้านล่างก็หยิบติดมือมาด้วว จังหวะนั้นเองก็แอบคิด
... ซื้อกางเกงในผู้ชายไปให้เด็กผู้ชายที่มาค้างบนห้อง
ช่างเป็นรูปประโยคที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตของชายหนุ่มอายุสามสิบหกอย่างผมจริงๆ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนไปจ่ายเงินหนักงานถึงกับเงยหน้ามองผมก่อนจะก้มหน้าคิดเงินต่อพร้อ มกับอมยิ้มเบาๆ
กว่าจะซื้อของและรอพิซซ่ามาส่งก็เกือบครึ่งชั่วโมงเดาเอาว่าพอขึ้นไปไอ้เจ้าเด็กเนก็คงอาบน้ำเสร็จแล้ว ซึ่งพอผมเปิดประตูเข้าห้องก็เป็นอย่างที่คิด
เนในเสื้อยืดสีขาวของสีน้ำคลุมทับด้วยเสื้อกันหนาวของผมซึ่งเลยปิดกางเกงขาสั้นจนมิด หัวทุยชื้นน้ำพร้อมกับกลิ่นแชมพูผู้หญิงที่ผมเดาว่ามันคือแชมพูของสีน้ำที่ผมไม่เคยหยิบมาใช้เลยตั้งแต่มันมามีตัวตนอยู่ในห้องน้ำ แชมพูแบบฟอร์เมนก็มีแต่มันดันเลือกใช้แชมพูขวดสีชมพูกลิ่นซากุระเนี่ย
มันไม่ดีกับใจคนแก่(กว่า)เลยไอ้เด็กเวร....
“...”
“เหยยย พิซซ่าาาาาาาา”
“เอาไปวางบนโต๊ะดีๆ “ ผมยื่นถุงพิซซ่าให้เน
“ลุงสั่งไก่มาด้วยไหมอ่ะ”
“ไม่รู้สิ มันน่าจะมีอยู่ในเซทอยู่แล้วนะ”
“หอมอ่ะ”
มือเล็กวุ่นวายอยู่กับการเปิดกล่องพิซซ่าไปมา ผมเลยวางถุงแปรงฟันกับกางเกงชั้นในไว้ข้างๆ คือไอ้จะให้ผมยื่นให้ตรงๆ ก็รู้สึกแปลกๆ งั้นวางไว้เนียนๆ แทนแล้วกัน ว่าแล้วก็วางถุงขนมกับน้ำผลไม้ไว้บนโต๊ะเผื่อมันมารื้อกิน
“ทำไมไม่เช็ดหัวให้แห้งก่อน”
“ปกติเนไม่เช็ดอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวก็ป่วย ไปเป่าแห้งดีๆ ไดร์อยู่ในห้องน้ำ“
“ไม่เอาอ่ะ”
“เน”
“เนแขนขัด มันไม่สะดวกยกแขนอ่ะ” มันกระดึ๊กๆ แขนโชว์สองสามที ผมถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปหยิบผ้าอีกผืนมาโปะบนหัวมัน ไอ้เจ้าตัวที่กำลังแทะไก่เลยหันมาจ้องผมแบบงงๆ
“นั่งลงดีๆ อย่ายืนกิน”
“อื้อ” เนนั่งลงบนเก้าอี้พรางกัดพิซซ่ามือซ้ายแทะไก่ในมือขวา ส่วนตัวผมในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนกลับต้องมายืนเช็ดหัวให้มัน ดมทั้งกลิ่นแชมพูซากุระสลับกับกลิ่นพิซซ่าไปมา
ดุเด็กมันมาตลอดวัน
เสือกมาจบที่ยืนเช็ดหัวให้แบบนี้มันใช่ไหมวะไอ้ไม้
ด่าตัวเองในใจแต่มือก็ไม่หยุดขยับ เห็นแก้มมันขยับตุ้ยๆ แล้วก็ดันรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาเล็กๆ ในใจ แต่พอมองเลยไปเห็นแผลที่คิ้วแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ถึงจะไม่ได้แตก แต่แผลก็ลึกอยู่ เด็กมัธยมนี่ทำไมตีอะไรกันรุงแรงกับเรื่องแค่นี้ได้นะ
“เน”
“อื๋อ?”
“แผลที่คิ้วหมอบอกห้ามโดนน้ำกี่วัน”
“อ๋าม” มันคือคำว่าสามแบบพิซซ่าเต็มปาก
“กินเสร็จแล้วกินยาด้วย”
”อื้อ” ผมขย้ำหัวมันอีกสองสามทีพอที่จะหายชื้นไปได้เยอะแต่ก็ไม่ได้แห้งสนิท
“เดี๋ยวมา”
“เดี๋ยวๆ ลุงเทน้ำให้หน่อย เนมือเปื้อนแล้วอ่ะ”
“...”
ผมจ้องมื้อที่เปื้อนมันไก่ของมันแล้วก็ยอมเดินหยิบแก้วเทน้ำเปล่าให้มันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเตรียมอาบน้ำจัดการตัวเองบ้าง เพียงแค่เปิดประตูห้องน้ำไปกลิ่นแชมพูหวานก็ตีอัดหน้าจนเผลอยืนนิ่งไปสามสี่วิ ไม่คุ้นเลย ปกติมีแต่กลิ่นแชมพูฟอร์เมน ลูบหน้าลูบตาเรียกสติรอบที่สิบของวันก่อนจะรีบอาบน้ำให้เสร็จก่อนไอ้เด็กด้านนอกจะวุ่นวายอะไรอีก
ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนประจำอย่างเสื้อยืดกางเกงขายาวสีเทา พาดผ้าเช็ดหัวไว้กับบ่า เปิดประตูออกมาจากห้องนอนเตรียมพบกับความวุ่นวายของเน แต่ปรากฎว่าไร้ร่างไอ้เจ้าเด็กเวรที่โต๊ะอาหารแล้ว มีแค่เพียงซากกล่องพิซซ่าที่เปิดวางแอ้งแม้งไว้ ผมขมวดคิ้วหนัก ไปไหนของมัน
“เน” ผมเรียกชื่อมันแต่ก็ไร้คนตอบ
พอเดินพ้นระยะประตูห้องมาถึงค่อยเห็นร่างเล็กๆ นอนขดอยู่บนโซฟาเหมือนลูกแมว ผมกอดอกมองสภาพมัน ดูท่าทางยาแก้ปวดก็ไม่ได้กิน ตื่นพรุ่งนี้มีงอแงแน่นอน แล้วเป็นเด็กประเภทไหนที่หลับสนิทได้ในห้องของคนแปลกหน้าที่เจอกันแค่สองสามวันวะ ไม่รู้จักระวังตัวบ้างเลย อ้อ ไม่สิ มันไม่ระวังตัวตั้งแต่เมาที่ญี่ปุ่นแล้ว ไม่แปลกเลยที่แนนจะห่วงมันขนาดนั้น
ผมย่อตัวลงนั่งมองหน้าของเนที่มีรอยแผลสะเก็ดเลือดขนาดใหญ่บริเวณปลายคิ้ว รอยช้ำข้างมุมปากและคราบเลือดแห้งบนปากสีแดงที่มันวับไปด้วยน้ำมันจากไก่ที่เพิ่งกินไป ยังไม่รวมรอยช้ำขนาดใหญ่บริเวณหน้าท้องที่มันเปิดโชว์หมอ ความขาวของมันทำให้รอยช้ำดูน่ากลัวขึ้นกว่าปกติไปอีกสองเท่า ผมเอื้อมมือไปเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้ามันออก คิ้วมันก็ขมวดและเบี่ยงหน้าหลบทันที
“เน”
“...” ไม่ตอบและเปลือกตาก็ไม่ขยับสักนิด แสดงให้เห็นว่ามันสนิทไปแล้วจริงๆ ผมถอนหายใจก่อนจะสอดแขนเข้าไปใต้หลังและงัดตัวมันขึ้นอุ้ม มันไม่ได้เบาเหมือนเวลาผมอุ้มสีน้ำที่เมาไร้สติขึ้นห้องนอน แต่ก็ไม่ได้หนักกว่าสีน้ำเท่าที่ควรจะเป็น ใบหน้าดื้อๆ เอนเข้าซุกกับหน้าอกผมพร้อมกับส่งเสียงขัดใจในลำคอ ผมแอบยิ้มเบาๆ ให้กับความน่าเอ็นดูของคนในอ้อมกอด
ผมใช้เท้าดันประตูเล็กน้อยในการเปิดประตูห้องนอนก่อนจะค่อยๆ วางร่างเด็กเนลงบนเตียงพร้อมกับตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมให้ พอหลังสัมผัสเตียงนุ่มเนก็รีบขยับซุกหาเข้าผ้าห่มทันที ผมขมวดคิ้วแล้วใช้มืองัดหน้ามันขึ้น เพราะด้านที่มันใช้มุดผ้าห่มเป็นด้านที่คิ้วเป็นแผล
ผมยืดตัวขึ้นมองเตียงใหญ่ของตัวเองที่แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่เคยได้ขึ้นมานอน ผมยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับไล่สายตามองคนบนเตียง
อันตรายกับหัวใจ
ผมรู้ดีว่าความรู้สึกของตัวเองเป็นแบบไหน
แล้วก็รู้ดีว่าไม่ควรทำให้เรื่องมันแย่ไปมากกว่านี้ หลังจากวันนี้ คงจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันจริงๆ แล้ว ไม่สิ มันควรจะเป็น
เราไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันแล้ว
ผมยื่นมือไปจิ้มแก้มใสที่อีกข้างเบียดกับเตียงจนขึ้นกองเป็นก้อนพร้อมกับถอนหายใจยาวให้กับจังหวะเต้นหัวใจใต้น่าอกตัวเอง
ไม่ควรเลยจริงๆ
ทั้งการที่เราได้มาเจอกัน
และ
การที่ปากผมกำลังประกบกับริมฝีปากของเนเป็นครั้งที่สองตอนนี้
ไม่ควรเลยจริงๆ
----------
TALK
ไม่ควรเลยจริงๆ
ที่ลุงจูบน้องเนหรอ?
ที่อัพช้าขนาดนี้โว้ย!!!!!!!
แงงงงงง ;___; ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ ติดภาระกิจชีวิตแบบจริงจัง
จะกลับมาอัพถี่กว่าเดิมเดือนหน้านะคะ หลังจากจบการฝึกงานนน
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ ยังอยากเขียน ยังอยากเป็นนักเขียนอยู่
อย่าเพิ่งทิ้งแปมไปนะคะะะะะะะะะะะะ
ความคิดเห็น