ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #9 : กุ๊งกุ๊งที่ 7 : ไส้กรอกปลาหมึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 41.63K
      4.22K
      10 มิ.ย. 62

    ตอนที่ 7 



    เช้านี้ผมสามารถตื่นได้โดยไม่พึ่งนาฬิกาปลุก 

    หยิบมือถือมาดูก็ค้นพบว่าสิบโมงกว่าแล้ว 

     

     

    วันนี้วันเสาร์และตามตารางไม่มีได้มีประชุมหรือคุยงานที่ไหนทำให้วันนี้ได้เป็นวันหยุดที่สามารถเรียกว่าวันหยุดได้อย่างเต็มปากที่มีไม่ค่อยจะบ่อยนัก ผมขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อยขบจากการนอนบนโซฟา ถึงแม้จะเป็นโซฟาเกรดดีแต่ด้วยขนาดที่มีไว้สำหรับนั่งจึงส่งผลให้มีอาการปวดตามตัว เป็นเพราะโซฟานั่นแหละ ไม่เกี่ยวกับอายุไขข้ออะไรนั่นหรอก

     

     

    พอบิดไขข้อเสร็จผมก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันก่อนจะออกมายืนจ้องประตูห้องนอน ป่านนี้ไอ้เด็กเนคงนอนซุกผ้าห่มสีขาวของเขาจนเหมือนลูกแมว จินตนาการไม่สำคัญเท่าภาพจริง ผมค่อยๆ เดินไปแง้มประตูห้องนอน ซึ่งระหว่างที่ทำก็คิดขึ้นมาว่าจะแอบทำไมวะ นี่ห้องของเราแท้ๆ 

     

     

    ผมค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนตัวเอง กฎภาพที่ตรงข้ามกับจินตนาการ ลูกแมวซุกที่ไหน เตียงเละขนาดนี้คงเป็นลูกหมาซนมากกว่า

     

    เนนอนแหกแข้งแหกขา หมอนกระเด็นตกอยู่ข้างเตียง พุงขาวที่มีรอยช้ำเขียวขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นขึ้นโชว์เนื่องเสื้อนั้นถลกขึ้นเปิดไปจนถึงหน้าอก หน้าดื้อเอียงซุกกับผ้าห่มจนแก้มกองเป็นก้อน ปากชุ่มน้ำลายเคี้ยวแจ๊บๆ 


     

    อะไรคือความเด็กขนาดนี้วะ 

    มันก็ดูเครียดเรื่องตัวเองดูไม่ค่อยแมน แต่ก็ไม่อยากพูดว่าขนาดตอนนอนยังไม่เท่เลย


     

    ดันดูน่ารัก...


    ได้หรอวะ 

     

    ผมค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปให้ใกล้ร่างของเนมากขึ้น

     

    “เน”

    “...” ไม่ขยับแม้แต่นิด

    “เน เช้าแล้ว”

    “...” แม้แต่ตาก็ไม่มีขยับ ผมเดินเอามือไปแตะเหม่งขาวๆ ของมันก็ค้นพบว่ามีไข้อ่อนๆ คงจะต้องให้กินข้าวกินยา

    “ไอ้เน เช้าแล้ว”

    “อื้อ ขออีกห้านาทีนะแม่” พูดจบก็ตวัดขาหมุนตัวไปอีกทาง โชว์ก้นกลมๆ ใต้กางเกงขาสั้น ผมลูบหน้าลูบตาเรียกสติ

    “เน สิบโมงแล้ว”

    “อีกห้านาทีน้า” 

    “ไอ้เน”

    “สองนาทีก็ได้”

    “ตื่น”

    “แม่ค้าบบบ”

    “เด็กเวร”

    “หื้อ...” เนขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้น มันเมาขี้ตาอยู่สองสามวิก่อนจะลืมตาโพร่ง 

    “อะไร” 

    “ตกใจหมดเลย คิดว่าเสียงพ่อ” เนรีบลุกขึ้นนั่ง หัวยุ่งเป็นรังนก คราบน้ำลายย้อนจากแก้มขึ้นไปถึงคิ้ว แขนเล็กที่เลยออกมาจากแขนเสื้อกว้างยกขึ้นเกาหัวตัวเองแกร่กๆ

    “สิบโมงแล้ว”

    “เน ยังง่วงอยู่เลยอ่ะ”

    “ลุกไปกินข้าวก่อน ต้องกินยา” เนยื่นปากไม่พอใจแต่ก็ยอมลุกออกจากเตียง ขาสั้นๆ เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนขาตันๆ ที่เดินตามน้องมาจนถึงหน้าห้องน้ำเนี่ย...

     

    เออ

    กูเดินตามน้องไปมาทำไมวะ

     

    ผมนวดขมับตัวเองสองสามทีก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเข้าครัว ผมมักทานอาหารเช้าเป็นกาแฟร้อนกับไข่ดาวไส้กรอกแค่พอๆ รองท้องไม่ให้หิวเวลารถติดช่วงเช้า แต่อาหารเช้าสำหรับวัยมัธยมนี่มันกินอะไรกันวะ ตอนผมอยู่มัธยมก็ไม่ค่อยได้กินข้าวเช้าด้วยสิ 

     

    ไข่ลวกโอวัลตินนี่เด็กชอบไหม  

    หรือโทรไปสั่งข้าวต้มหมูดี 

     

     

    “ลุง บ้านลุงมีโกโก้ครันช์กับนมไหมอ่ะ”

     

     

    หวยออกเป็นซีเรียลกับนม

    อืม ข้าวเช้าผมสมัยประถมเลยแหละ ทำไมถึงคิดไม่ได้นะ

     

     

    “ไม่มี”

    “ปกติลุงกินไรอ่ะ กินด้วย”

    “ไข่ดาวกับไส้กรอก” 

    “ขอไส้กรอกปลาหมึกนะ”

    “มีแต่ไส้กรอกหมู”

    “ไม่ๆ ไส้กรอกหมูแต่หนวดปลาหมึกอ่ะ” สปีชี่ส์ไหนวะ จะหมูก็หมู ปลาหมึกก็ปลาหมึกสิ 

    “คืออะไร”

    “เนี่ย เดี๋ยวเนทำให้ดู” เนทำท่าจะยื่นมือมาหยิบมีดจากมือผม ผมเลยดึงมือหนี ไอ้เด็กนี่ดูไม่เหมาะกับการจับมีดอย่างแรง 

    “เห้ย ทำไร”

    “เอามีดมาเดี๋ยวเนหั่นให้ดู”

    “ไม่ต้องเลย อยากมีแผลเพิ่มรึไง”

    “แค่หั่นไส้กรอก!!!” เนกำหมัดต่อยพุงผมเบาๆ พร้อมกับแบมือขอมีด ผมตัดปัญหาด้วยการเดินไปหยิบมีดปลอกผลไม้อันเล็กๆ มาให้ อย่างน้อยก็ลดความเสี่ยงลง แถมยังอยู่เหมาะกับขนาดมือมันด้วย เนยิ้มแฉ่งรับมีดไปหั่นครึ่งไส้กรอกก่อนจะทิ่ม

     

    ย้ำ

     

    ทิ่ม!!!!

     

    ทิ่มเข้ากลางไส้กรอกแล้วลากยาวลงมาก่อนจะหยิบไอ้ไส้กรอกสี่ขาขึ้นมาโชว์ด้วยหน้าตาเหมือนหมาที่คาบบอลมาให้เจ้าของสำเร็จ ระหว่างนั้นผมก็แอบปัดมีดปลอกผลไม้ลงซิงค์ ไอ้เด็กเวรนี่ใช้มีดทิ่มของเป็นส้อมเลย อันตราย

     

    “นี่งายยยย ไส้กรอกปลาหมึก”

    “มันปลาหมึกตรงไหน”

    “เนี่ย พอลุงทอดใช่ป่ะ ตรงนี้มันจะม้วนเป็นหนวด” 

    “สุดท้ายมันก็แค่ไส้กรอก”

    “แต่มันน่ารัก มันจะทำให้ไส้กรอกอร่อยขึ้น แม่ผมบอกมา” 

     

    อ๋อ

    มุกโดนแม่หลอกให้กินข้าวนี่เอง 


    แถมเจ้าตัวยังไม่รู้ตัว เอามาหลอกคนอื่นต่ออีก ผมถอนหายใจยาวเหยียดให้กับความเด็กของมัน สุดท้ายก็ยอมหั่นไส้กรอกธรรมดาให้กลายเป็นไส้กรอกปลาหมึก ยุ่งยากเพิ่มไปอีก กว่าจะทอดให้หนวดงอกับดาวไข่ให้ไข่ดาวไม่สุกก็กินเวลาทำข้าวเช้าไปเกือบชั่วโมง ทั้งๆ ที่ปกติผมทำแค่สิบนาที สมกับเป็นไอ้ตัววุ่นวายจริงๆ 

     

    “ลุงทอดหางน้องไม่ค่อยงอเลยอ่ะ ซอสมะเขือเทศก็ไม่มี กินไส้กรอกเปล่าๆ ไม่มีรสชาติ ความลุงอ่ะ ลุ๊งลุง ดูออกว่าแก่ไม่มีมีสีสันเลย” บ่นงุบบ่นงิบไปมา หน้างอเพราะแค่ไม่มีซอสให้ปลาหมึกตัวเอง 

    “บ่นเยอะจริง อยากปากแตกเพิ่มหรอ”

    “โหดอ่ะ” 

    “กินเข้าไป จะได้กินยา แล้วเดี๋ยวฉันจะได้พาไปส่งบ้าน” 

    “...” ปากที่ยิ้มกวนหุบลงทันที เนก้มหน้าลงมองปลาหมึกแล้วจิ้มกินเงียบๆ เสียงจ้อเล็กๆ เงียบลงทันทีเหมือนมีใครไปกดปิดเสียง เหลือทิ้งไว้แต่เสียงจิ้มไส้กรอกปลาหมึก 

     

    ดี

    เงียบสงบเหมือนทุกเช้าปกติของผม 

     

    ก็ดีแล้ว

     

    เงียบแบบนี้แหละดีแล้ว

     

    ดีแล้วแหละ 

     

     

    “ทำไมเงียบ” 

     

    ดีที่ไหนหละ!!!

    อึดอัดจะตายอยู่แล้ว แล้วแค่เด็กมันเงียบไปสิบวิทำไมผมต้องร้อนใจทำอะไรไม่ถูกด้วยวะ

     

    “ก็...​ ยังไม่อยากกลับบ้านเลย”

    “...”

    “แผลผมยังไม่หายเลยนะ” 

    “...” ที่งี้มาเงยหน้ามอง หยุดทำตาแป๋วเดี๋ยวนี้นะ 

    “หนึ่งเดือน” นิ้วชี้ป้อมๆ ยกขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าจริงจัง

    “หนึ่งเดือนอะไร พอเลย ฉันได้โดนแนนแจ้งข้อหาลักพาตัวพอดี” ดีไม่ดีพ่วงข้อหาอื่นมาอีกจะซวยกว่าเดิม

    “นะลุงนะ เนี่ย เดี๋ยวเนทำความสะอาดให้ทุกวัน ล้างจ้าน ทอดไส้กรอกปลาหมึกให้ทุกเช้า แล้ว แล้ว...​”

    “เน”

    “ซักผ้าก็ได้!!! เนซักผ้าให้เลย!!!” 

    “เน”

    “ทำไรอีกดีอ่ะ นวดไหล่ไหมลุง หรือให้เนเหยียบหลัง ถอนผมหงอกก็ได้นะ”

    “ไอ้เน”

    “... ครับ”

    “ทำไมถึงไม่อยากกลับบ้านนัก” 

     

    ผมพอจะรู้จักแนนบ้างจากการที่มานอนเล่นที่บ้านกับสีน้ำบ่อยแต่ก็ไม่เคยคุยเรื่องที่บ้านนักและผมก็ไม่ได้สนใจขนาดจะถามสีน้ำ แต่ทุกครั้งที่เจอแนนเองก็ดูเป็นเด็กปกติที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี ทั้งเรื่องเรียนคำพูดคำจามารยาทรวมไปถึงนิสัยไม่มีพิษมีภัยดูได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างอบอุ่น แต่ตั้งแต่ได้เจอไอ้เด็กเนมาไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งผมสัมผัสได้ถึงแต่ความเด็กมีปัญหา จนเหมือนไม่ได้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน 


     

    ไม่รู้ว่าบ้านมีปัญหาหรือเจ้าตัวนั่นแหละที่มีปัญหาเอง 


     

    “เน...”

    “...”

    “ลุงไม่เข้าใจหรอก”

    “...”

    “สุดท้ายปัญหาของเนก็คือปัญหาแบบเด็กๆ ลุงไม่เข้าใจหรอก” เนกัดปากบนตัวเองแล้วก้มหน้าจิ้มไส้กรอกปลาหมึกไปมา 

    “เธอเป็นฉันรึไงถึงมาคิดแทนว่าฉันจะไม่เข้าใจ เห็นหน้าแบบนี้แต่ฉันเคยอายุสิบแปดนะ”

    “พี่สีน้ำเรียนเก่ง ลุงก็เรียนเก่ง”

    “...”

    “เพราะงั้นลุงไม่เข้าใจหรอก” 

    “อืม ก็คงงั้น”

    “...”

     

    แล้วพอผมตอบไป ไอ้ปากที่กัดอยู่ก็เบะออกเบาๆ 

    อะไรวะพอตอบไม่เข้าใจให้ตามที่บอกก็เบะปาก เด็กนี่มันเข้าใจยากแบบนี้ทุกคนรึเปล่าวะ

     

    “แต่...”

    “...”

    “สีน้ำวาดรูปเก่งมากเลยนะ ส่วนฉันวาดหมาคนยังบอกว่าวาดปลาโลมาเลย” 

    “...”

    “มันคงมีสักอย่างแหละ ที่เธอทำได้ดีนอกเหนือจากเรียน” 

     

    ผมก้มหน้ากินไส้กรอกต่อเหมือนไม่ได้เจาะจงพูดอะไร เนนิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผม

     

    “ไม่มีหรอก” ปากเล็กขยับเถียง

    “มีสิ”

    “เอ๊า ก็ผมบอกไม่มี”

    “อย่างน้อยก็ทำไส้กรอกปลาหมึกเก่งนี่ไง” 

    ผมจิ้มไส้กรอกปลาหมึกขึ้นชู

    “แต่ แต่ แค่ไส้กรอกปลาหมึกใครก็ทำได้ป่ะลุง แค่ไส้กรอกปลาหมึก”

    “ฉันทำไม่ได้”

    “...”

    “หนึ่งเดือนใช่ไหม”

    “...เอ๊ะ”

    “นอนโซฟา ล้างจานแล้วต้องตื่นมาทำอาหารเช้า เข้าใจไหม”

    “เอ๊ะ... ลุง ลุงงงงงงงง ให้เนอยู่ต่อหรอออออ เย้” เนทุบโต๊ะด้วยความดีใจ ยิ้มจนตากลายเป็นสระอิ อะไรวะ ไอ้หน้าเศร้าเหมือนหมาอดอาหารเม็ดเมื่อกี้เป็นแค่การแสดงหรอ

    “ไม่ต้องรีบดีใจ ฉันอนุญาตไม่ได้หมายความว่าบ้านเธอให้”

    “กำ เศร้าเลย” มันหดหน้ากลับไปจิ้มปลาหมึกต่อ “... แต่แค่ลุงให้ก็ดีใจแล้ว ถ้าขอไม่ได้เดี๋ยวเนค่อยหนีออกจากบ้านมา” 

    “เดี๋ยว” ผมรีบห้ามทันทีทันใด “หยุดคิดเรื่องหนีเลย ฉันไม่อยากมีเรื่องกับบ้านเธอข้อหาลักพาตัวลูกชายนะ”

    “ถ้าลุงไม่อยากมีเรื่องก็ขอให้ได้ดิ ไม่งั้นผมจะมานั่งหน้าคอนโดลุงทุกวันให้ชาวบ้านลือเลยว่าลุงแอบมีลูกแล้ว”

     

    เห้ย เดี๋ยว

    ทำไมมันกลายเป็นผมตกเป็นเหยื่อไปได้วะ

    ไอ้หน้าดื้อก็ไม่ได้เกรงกลัว มันเคี้ยวไส้กรอกปลาหมึกตุ้ยๆ จนแก้มพองเป็นหนูแฮมเตอร์ มืออีกข้างก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นกระดก 

     

    “นี่ขู่หรอ เด็กเวร”

    “แง่งงงงงง ฟ่อออออออออ” เด็กเนแยกเขี้ยวขู่ผมเหมือนหมาก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เปลี่ยนอารมณ์ในทุกๆ นาที ผมถอนหายใจยาวเหยียด 

    “แต่ยังไงก็ต้องกลับไปเอาของที่บ้านอยู่ดี” 

    “เดี๋ยวเนให้แฟนพี่แนนเอามาให้วันจันทร์” 

    “ไม่คิดจะกลับบ้านไปหยิบเองหรือไง”

    “ไม่อ่ะ เนไม่ได้มีของอะไรเยอะอยู่แล้ว ชุดนักเรียนเดี๋ยวซักเอาก็ได้” ดูไม่อยากกลับบ้านเอาเสียเหลือเกิน เนจิ้มไส้กรอกปลาหมึกชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้ผมนั่งเคว้งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวคนเดียว 

     

     

    อย่าว่าแต่ล้างจาน

    จานยังไม่เก็บเลยไอ้เด็กเวร 

     

     

    ผมเกาหัวแกร่กๆ ให้กับความอะไรวะสำหรับเช้าวันนี้ รีบจิ้มไส้กรอกปลาหมึกชิ้นสุดท้ายเข้าปาก รวบจานของตัวเองและของเนไปล้าง ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนั่งเล่นเพื่อทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับคว้ามือถือที่เสียบชาร์จทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมาถือ 

     

     

    ผมทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย....

     

     

    [ฮัลโหลค่ะพี่ไม้]

    “อ่า แนน”

    [พี่ไม้จะมาส่งเนวันนี้ใช่ไหมอ่ะ จำทางมาบ้านแนนได้ไหม พี่มาส่งสีน้ำบ่อย]

    “จำได้สิ ลาดพร้าวใช่ไหม รถติดทุกครั้งเลย” ผมหัวเราะ ก่อนจะเหลือบตาดูที่ประตูห้องนอนที่ตอนนี้ถูกแง้มเล็กน้อย หัวทุยเล็กๆ โผล่เอาหูมาแอบฟัง

    [ถ้ามาไม่ถูกให้แนนส่งโลไปก็ได้นะคะ]

    “จริงๆ อาจจะแปลกหน่อยนะ แต่พี่จะโทรมาถามว่าถ้าให้เนอยู่กับพี่สักหนึ่งเดือน... ได้ไหม” 

     

    ผมนวดขมับตัวเองกับการใช้คำถามที่ดูแปลก ถามคำถามทางธุรกิจที่ยากกว่านี้มาตั้งเยอะยังไม่ต้องเรียบเรียงคำพูดขนาดนี้เลย แนนเงียบไปพักใหญ่นั่นยิ่งทำให้ผมใจเสีย

     

    [ห๊ะ... พี่ไม้พูดว่าอะไรนะ จะให้เนไปอยู่ด้วยหนึ่งเดือน]

    “ใช่ ประมาณนั้นแหละ”

    [ไม่ได้หรอกค่ะ]เสียงแนนตะโกนออกมาลั่น ขนาดที่ผมไม่ได้เปิดลำโพงยังได้ยินออกมา ผมเหลือบตามองที่ประตูห้องนอน เจ้าของหน้าดื้อเบะปากก่อนจะปิดประตูห้องไปเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว

    “เอ่อ..”

    [พี่ไม้ไม่รู้หรอกว่าเนมันเด็กแค่ไหน ตัววุ่นวายของบ้าน อาทิตย์ก่อนเพิ่งเอาเครื่องสำอางแนนไปแต่งให้หมาข้างบ้าน แถมทำอะไรไม่เป็นสักอย่างยกเว้นสร้างปัญหานี่ไม่รวมโดดเรียน ไม่ส่งงาน สอบตก ติดร. พอดุก็ยิ่งไม่ฟัง เผลอๆ ไปสร้างความวุ่นวายให้พี่อีก นี่แนนกับแม่ปวดหัวกับเนมากแล้วพี่ไม้จะไหวได้ยังไง ไม่ได้หรอกค่ะ ตั้งหนึ่งเดือน แนนเกรงใจด้วยค่ะพี่] วีรกรรมเยอะเชียว ก็ไม่ผิดคาดนักหรอก 

    “คือ... พี่ไม่รู้ปัญหาอะไรหรอกนะ แต่เมื่อวานลองติววิชาอังกฤษให้เนก็ดูหัวไวดี” ผมแอบกรอกตาขึ้นบนเพดาน ติวอังกฤษบ้าอะไร มัวแต่ปวดหัวกับการพาไปทำแผล ข้ออ้างห่วยแตกสุดๆ ผู้ใหญ่รุ่นผมจะขอให้เด็กมัธยมอยู่เพื่อติวหนังสือ โคตรจะไม่สมเหตุสมผลแต่ผมก็พูดออกไปแล้ว

    [เนเนี่ยนะคะ? ]เสียงแนนดูแปลกใจมาก

    “อีกอย่าง...”

    [...?]

    “เนไม่ได้ดื้อกับพี่ขนาดที่แนนพูดเลยนะ” 

     

    และผมพูดตามความจริงที่ผมเจอ

    จริงอยู่ที่เนมักแสดงความดื้อผ่านหน้ากับปากเชิดๆ แต่พอเวลาดุเข้าให้หน่อยก็หงอ และดูเป็นเด็กขี้น้อยใจถ้าไม่อธิบายก็จะไม่ฟัง ว่าไงดีมันดื้อแต่มันไม่ได้แสบไปในทางอันตราย แต่ความหัวอ่อนของมันต่างหากที่อันตราย

     

    แนนเงียบไปสักพักใหญ่จนผมต้องฮัลโหลเรียกเพื่อยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ได้สายหลุดไปแล้ว

     

    [....นั่นสินะคะ]

    “หืม?”

    [เด็กผู้ชายเนี่ย ให้ผู้ชายสอนคงเข้าใจได้มากกว่าผู้หญิงจริงๆ แหละ]แนนพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว 

    “...”

    [งั้น... ฝากด้วยแล้วกันนะคะ ถ้าเกินรับมือเมื่อไหร่ส่งคืนได้ตลอดเลย]

    “อ่า งั้นส่งโลทิ้งไว้หน่อยแล้วกัน” ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ

    [ว้า นี่สงสัยจะได้คืนไวกว่ากำหนด]แนนเองก็หัวเราะกลับมา ผมคุยแก้เก้อต่ออยู่สองสามประโยคแนนก็ขอตัววางสายไปก่อนเพื่อจะได้ไปจัดกระเป๋าให้น้องชายตัวแสบ

     

    ไม่ยากอย่างที่คิด

     

    ผมเดินไปเคาะประตูห้องนอนตัวเอง รูปประโยคแปลกๆ ไหมนะ เดินไปเคาะประตูห้องนอนตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นห้องนอนตัวเองแท้ๆ แต่ต้องมาเคาะก่อน ผมหมุนลูกบิดเปิดเข้าไปเผื่อพบกับกองผ้าห่มสีขาวขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มผมสีดำโผลมาเล็กน้อยพอให้รู้ว่ามามนุษย์ซ่อนตัวอยู่ในนั้น

     

    “เน”

    “...”

    “ไม่ต้องแกล้งหลับ” พอผมรู้ทัน หน้าดื้อก็มุดออกมาจากโปง

    “พี่แนนว่าไงอ่ะ”

    “ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วหรอถึงได้ปิดประตูห้องหนี”

    “...”

    “แอบฟัง ฉันเห็น”

    “มั่ว ลุงไม่มีหลักฐาน” เถียงเก่งที่หนึ่งจริงๆ  

    “ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว”

    “...” ยังนิ่งอีก นี่คือต่อต้านอยู่หรอ

    “เน”

    “... ลุงใจร้ายอ่ะ”

    “ฉันใจร้ายหรอ” ผมยกคิ้วขึ้น

    “ลุงน่าจะตื๊อพี่แนนหน่อย อ้อนนิดหน่อยพี่แนนอาจจะยอมก็ได้” ก้อนดื้อเบะปากหงึ 

    “ผู้ชายอายุสามสิบกว่าอ้อนไม่ได้ดูน่ารักหรอก” แค่คิดตัวเองเบะปากหงึเหมือนเด็กตรงหน้าก็อยากถีบตัวเองตกตึกแล้ว 

    “ฮือ ลุงอ่ะ”

    “...”

    “คอยดู เนจะปล่อยข่าวว่าลุงมีลูกแล้ว!!! เนเอง!!!” 

     

    เออ ดี ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่กับเด็กอายุเท่าลูกมากขึ้นไปอีก

    เนโวยวายลั่นห้องพร้อมกับพึมพำคำนวณอายุว่าผมควรทำผู้หญิงท้องตอนอายุเท่าไหร่ถึงมีลูกอายุเท่าตัวเอง ยกนิ้วขึ้นมานับอยู่สองสามที ก่อนจะเริ่มงง เพราะไม่แน่ใจว่าผมอายุเท่าไหร่ สามสิบต้นหรือสามสิบปลาย แต่เอาเป็นว่าเราจะไม่เอาเรื่องอายุมาเป็นประเด็น

     

    “เน ลุกไปแต่งตัว”

    “ไม่ไป!!!  เนจะเกาะติดกับเตียงลุงเป็นจิ้งจกเลย!!!

    “เน”

    “ไม่ไป ไม่ไป ไม่ไปปปปปปปปป”

    “ลุกไปแต่งตัว จะได้ไปซื้อซอสมะเขือเทศที่ห้าง”

    “ไม่ปะ... ห๊ะ”

    “อยากกินไส้กรอกปลาหมึกจิ้มซอสนักไม่ใช่หรอ วันต่อไปจะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าฉันเหมือนลุงจืดชืด” เนประเมิณผลในหัวอยู่เกือบนาที พอประมวณผลเสร็จไอ้ตาแป๋วนั่นก็เบิกโพลง

    “พี่แนนให้หรอ!!!!!

    “ลุงไปแต่งตัวภายในสิบห้านาที ไม่งั้นปลายทางจากห้างจะเป็นบ้านแทน” พอผมพูดจบไอ้ก้อนดื้อก็รีบลุกขึ้นยืนพรวดพราดก่อนจะสะดุดชายผ้าล้มปุ้กลงไปกับเตียง เนงัดหน้าขึ้นโวยวายเสียงหลงด้วยความกลัวไม่ทันสิบห้านาที แขนเล็กรีบๆ ดึงผ้าห่มออกจากขาแล้ววิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำไป 

     

    ผมมองแผ่นหลังเล็กที่หายเข้าประตูห้องน้ำไปก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว เสื้อยืดตัวเองกับกางเกงนักเรียนชายที่ซักแล้วไปยืนถือรอหน้าห้องน้ำ ตาก็เหลือบมองนาฬิกาข้างเตียง ผ่านไปแค่สามนาที เสียงโวยวายที่ผมคาดการณ์ไว้ก็ดังขึ้น

     

     

     

    “ลุงงงง เนลืมผ้าเช็ดตัวววววว”

     

     

     

    ที่บอกว่ามีลูกเพิ่มมาเนี่ย

    ก็ไม่ได้หนีไปจากความจริงสักเท่าไหร่เลย

     

     

    “อาบใหม่เดี๋ยวนี้เน เพิ่งผ่านไปสามนาที ให้อาบ ไม่ใช่แค่เดินผ่านน้ำ”

     


    --


    ครบแล้ววว ห้ามเลิกนะะะ

    คุกไม่คุกจะคุกไม่คุก ต้องลองเสี่ยงดูอีกสักนิด 

    น้องก็จะอ้อนๆ หน่อย ลุงใจแข็งไว้นะคะ ถ้าลุงใจไม่แข็งพอ

    ลูกกรงจะแข็งแทนลุง... 



    ลุงเวลานอนบนเตียง



    ส่วนน้องเน...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×