ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #15 : ♡ Calories Love Chapter : 1200 kcal.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.29K
      17
      19 ม.ค. 56

    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 1200 kcal.

     

     

     

     

    ไม่ได้ตั้งใจ...

    ...

     

     

    วันทั้งวันของชานยอลนั้นมีแต่เสียงของแพคฮยอนดังก้องไปทั่ว แม้มันอาจจะไม่ได้เป็นเสียงที่ดังอะไรมากนัก แต่มันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาอยู่อย่างนั้นไม่ยอมไปไหนเลย

     

    นี่ไม่ใช่แค่ผ่านไปวันสองวัน แต่นี่มันผ่านมาร่วมอาทิตย์แล้ว...

    ก็นานพอตัวเหมือนกันนะ

     

    ชานยอลที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่กลางห้องอยู่นั้นหยิบรีโมทกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จนไปถึงช่องทำอาหารพอดี แล้วสุดท้ายก็วกมาที่ใบหน้าเรียวเล็กของแพคฮยอนอีกอยู่ดี เขาพยายามที่จะสลัดเสียงและใบหน้าหวานๆ นั้นออกไปให้ได้ แต่มันก็มักจะโผล่มากวนใจเขาอยู่เรื่อย จนบางทีเขาก็ต้องยอมหัวเราะให้กับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่

     

    “บ้าไปแล้วแน่ๆ” ชานยอลส่ายหน้าให้กับตัวเองแล้วยิ้มตลกๆ ออกมา เขากดเปลี่ยนช่องไปอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นเลย

     

    แล้วเขาก็เหลือบมองไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำของตัวเองที่วางอยู่ข้างตัว...

    มอง...แล้วก็ตัดสินใจคว้ามันขึ้นมาก่อนจะกดเลื่อนไปที่รายชื่อจนมาถึงชื่อของ...แพคฮยอน

     

    เขาเลือกไปที่เมนูส่งเมสเสจอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วก็พิมพ์ข้อความลงไปอย่างรวดเร็ว

     

    เฮ้...

     

    ข้อความสั้นๆ เพียงแค่นี้แหละที่ชานยอลไม่รู้ว่าจะพิมพ์ไปทำไม เขาวางมือถือลงก่อนที่จะเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อย ไม่นานเสียงข้อความก็ตอบกลับมาจนเขาแทบจะตะครุบมือถือเครื่องนั้นของตัวเองทันที

     

    มีอะไรรึเปล่า... (. _ .?)’

     

    แพคฮยอนส่งตอบกลับมาพร้อมๆ กับอิโมติคอนสงสัยหนึ่งตัว ชานยอลอมยิ้มแล้วก็พิมพ์ข้อความลงอีกครั้ง

     

    เปล่า ส่งไปหาเฉยๆ...ทำอะไรอยู่?

     

    ชานยอลทำท่าเป็นวางมือถือให้ออกห่างตัวอีกครั้ง แต่ก็เหลือบตามองดูไปเป็นระยะๆ ราวกับว่ากำลังรอให้อีกฝ่ายนั้นพิมพ์ตอบกลับมาอยู่ แต่ก็แค่ฟอร์มไปก็เท่านั้น...ไม่รู้ว่าจะฟอร์มไปทำไมในเมื่อไม่มีใครเห็นใบหน้าที่กำลังยิ้มน้อยใหญ่เหมือนกับคนบ้าอย่างเขาอยู่เลยสักคน

     

    เมื่อข้อความดังขึ้นเขาก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาดูอย่างรวดเร็วเหมือนเคย

     

    นั่งอ่านหนังสือทำขนมอยู่น่ะ...นายล่ะ?

     

    ชานยอลอมยิ้มให้กับอิโมติคอนอ่านหนังสือของแพคฮยอน ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะทำตัวน่ารักไปมากอีกแค่ไหนกันนะ แต่มันก็ทำให้เขายิ้มไม่หุบเลยจริงๆ

     

    ดูโทรทัศน์...เบื่อจัง (u_u)’

     

    ชานยอลที่พิมพ์ข้อความตอบกลับไปนั้นกำลังอมยิ้มเล็กๆ เขาเลือกส่งอิโมติคอนรูปใบหน้าที่เบื่อหน่ายไปด้วยแล้วกดส่งอย่างรวดเร็วก่อนที่จะควงมือถือไปมาอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก จริงๆ ก็คงจะเรียกอารมณ์ในตอนนี้ได้ว่า...อารมณ์ดี...

     

    ไม่มีงานเหรอ...

     

    แพคฮยอนส่งข้อความกลับมาถาม คนตัวสูงเมื่อได้อ่านข้อความแล้วก็รีบกดตอบอย่างไม่รอช้า

     

    มีสิ แต่ขี้เกียจจัง งานเยอะมากเลย :( ’

     

    เหมือนเขาต้องการเรียกร้องความสนใจอยู่กลายๆ จึงเลือกใส่อิโมติคอนรูปหน้าบึ้งไปให้ ชานยอลนั่งกระดิกเท้าไปมาอย่างไม่สนใจโทรทัศน์อีกต่อไป เขารอให้แพคฮยอนตอบข้อความกลับมา แต่รู้สึกว่าครั้งนี้จะดูนานกว่าเดิมจึงลุกขึ้นเดินเล่นไปพลางๆ

     

    งานก็ไม่อยากทำ เบื่อก็เบื่อ แรงบันดาลใจก็ไม่มี...

     

    ชานยอลเดินไปที่ห้องนอนของตัวเองแล้วเหลือบไปเห็นกระเป๋ากล้องสีดำที่วางไว้อยู่บนโต๊ะทำงาน ตั้งแต่เปิดเทอมใหม่มาก็ยังไม่มีเวลาจับกล้องเลยสักครั้ง

     

    ใช่แล้ว...

     

    ร่างสูงก้าวเท้าออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็วแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะพิมพ์ข้อความไปหาแพคฮยอนเหมือนเดิม

     

    ว่างไหม... ไปถ่ายรูปกัน

     

    อยู่ๆ ชานยอลก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ทำไมเขาจะต้องประหม่าด้วยนะแค่การชวนไปถ่ายรูปก็เท่านั้นเอง...ชานยอลนั่งไม่ติด เขาเดินไปเดินมาเพื่อรอข้อความของแพคฮยอน แต่รู้สึกว่ามันจะนานเกินไปแล้วนะกับการที่อีกฝ่ายยังไม่ตอบกลับมา

     

    หรือว่ายังไม่ได้กดอ่านนะ...

    หรือว่าอาจจะกำลังยุ่งอยู่...เอ...เขาอาจจะกำลังไปรบกวนเวลาอ่านหนังสือของอีกคนก็ได้

     

    ชานยอลกำลังคิดไปต่างๆ นานาเท่าที่จะคิดได้ เขารู้สึกเหมือนกับเป็นคนที่กำลังเข้าไปก้าวก่ายเวลาส่วนตัวของคนอีกคน เลยรีบหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะพิมพ์ข้อความไปหาแพคฮยอนอีกครั้ง

     

    ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ เอาไว้วันหลังก็ได้ ฉันไม่อยากรบกวนนาย ^^’

     

    กดส่งไปแล้ว ชานยอลถอนหายใจออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว จากนั้นทรุดลงนอนอยู่บนโซฟากลางห้องโถง

     

    “เฮ้อ...เกือบไปแล้ว...” เขามองเพดานห้องสักพักก็ต้องสะดุ้งฮวบเมื่อมือถือของตัวเองเกิดอาการสั่นครืด มือหนารีบคว้ามันขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้น

     

    ให้ตายสิ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย

    บ้าไปแล้วแน่ๆ...

     

    ประโยคข้อความที่พิมพ์ตอบกลับมามันทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นประดับรอยยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ ชานยอลนอนกลิ้นอยู่บนโซฟาแล้วสุดท้ายก็พลาดตกลงมา

     

    “โอ้ยยย ให้ตายสิ...” ลูบสะโพกตัวเองป้อยๆ ก่อนที่จะอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา

     

    ว่างสิ...ถ่ายรูปที่ไหนเหรอ?

     

    เขายิ้มให้กับข้อความประโยคสั้นๆ ของแพคฮยอนอย่างกับคนบ้าก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วกระโดดไปที่ห้องนอนของตัวเองอย่างร่าเริง กระเป๋ากล้องถูกจัดแจงอย่างดีเอาไว้เรียบร้อย ชานยอลเช็คแบตเตอร์รี่เอาไว้สองก้อนในกระเป๋าก่อนที่จะตุบปุๆ ให้มันวางอยู่กับที่อย่างอารมณ์ดี

     

    เมื่อได้รับข้อความตอบตกลงจากอีกคนแล้วเขาก็เลยตัดสินใจกดโทรออกไปหาแพคฮยอนทันที และไม่นานปลายสายก็รับ เสียงนุ่มๆ ของแพคฮยอนถูกส่งมายังชานยอล

     

    (“สะ สวัสดี...)”

    “อื้อ นายอยู่ไหนเหรอ”

    (“อยู่ที่บ้านน่ะ”)

    “ว่างใช่ไหมล่ะ วันนี้เราจะไปถ่ายรูปเล่นกันนะ”

    (“อ่ะ อือ...ว่าแต่...ไปถ่ายรูปที่ไหนกันเหรอ”) ถามออกไปด้วยความอยากรู้ ชานยอลก็รีบตอบด้วยอาการที่ตื่นเต้นเอามาก

    “ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเลย นายอยากไปที่ไหนรึเปล่า” ชานยอลเหมือนจะมอบสิทธิให้แพคฮยอนเป็นคนกลายๆ แล้วก็เดินไปรอบห้องโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะเดินไปทำ

    (“อืม...”) แพคฮยอนทำเสียงครุ่นคิดเบาๆ ชานยอลรอฟังเสียงของคนตัวเล็กอยู่เงียบๆ

    (“ไม่รู้ว่านายจะอยากไปไหมนะ...”) บอกด้วยน้ำเสียงที่ดูเกรงใจเล็กน้อย

    “ไปที่ไหนล่ะ”

    (“อ่ะ เอ่อ...คิดไม่ออกแฮะ”) แพคฮยอนทำเสียงกร่อยเล็กน้อยแล้วหัวเราะเบาๆ แต่ชานยอลก็พยายามช่วยคิดให้อีกคน เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเหมือนกัน

    “อืม...ไปไหนดีนะ...ไป...” เหมือนเขาจะเริ่มเกิดปัญหา กับอีแค่ถ่ายรูปเฉยๆ ต้องพยายามหาสถานที่ดีๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ

    (“นายจะไปถ่ายรูปใช่ไหมล่ะ...งั้น...อยากถ่ายแนวไหนเหรอ?”) แพคฮยอนถามออกไปเผื่อจะได้ช่วยคิดที่ที่พวกเขาจะไปกันได้

    “ถ่ายเล่นๆ ตามทางน่ะ”

    (“งั้นก็ถ่ายตามทางแบบสตรีทสิหรือไม่ก็สวนสาธารณะ เอ...หรือจะเป็นตลาดดี ฉันคิดไม่ค่อยออกเลย แฮะๆ...”) แพคฮยอนหัวเราะแก้เก้อเมื่อเขารู้สึกว่าช่วยอะไรชานยอลไม่ค่อยได้เลย แต่มันก็ทำให้ร่างสูงยิ้มออกมาบางๆ โดยที่แพคฮยอนไม่ได้เห็น

    “งั้นก็ตามนี้”

    (“เอ๋?”) คนตัวเล็กทำเสียงงงเล็กน้อยเมื่ออีกคนพูดยังไม่ค่อยชัดเจนนัก

    “นายอยู่บ้านใช่ไหม...บอกที่อยู่หน่อยสิ จะได้ขับรถไปรับ” ชานยอลพูดเองเสร็จสรรพจนแพคฮยอนไม่ทันได้ตั้งตัว คนตัวเล็กคิดว่าจะต้องออกไปเจอกันข้างนอกเสียอีก

    (“อ่า...ที่อยู่เหรอ...เอ่อ...อยู่...”) แพคฮยอนค่อยๆ อธิบายที่อยู่บ้านของตัวเองให้ชานยอลฟัง เขารู้สึกชอบชานยอลเพิ่มมากขึ้นอีกแล้ว ก็เพราะชานยอลเป็นแบบนี้ไง ก็เพราะชานยอลใจดีแบบนี้...แพคฮยอนเลยรู้สึกดีด้วย..

     

    มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ เลยล่ะ...

    แม้เขาจะไม่ได้ครอบครองก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเสียเขาก็ไม่ได้หวังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...

     

    ไม่จำเป็นต้องหวังอะไรหรอก แค่นี้ก็มีความสุขดี

     

     

    ชานยอลขอวางสายจากแพคฮยอนก่อนที่จะเดินไปหน้ากระจกและมองดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่ เสื้อยืดอยู่บ้านกับกางเกงขาสั้นที่คล้ายจะเหมือนกางเกงนอน ถ้าออกไปชุดนี้ก็คงทุเรศแน่ๆ เขารีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะหยิบเชิ้ตสีอ่อนๆ มาหนึ่งตัว พร้อมกับกางเกงยีนสีเข้ม แบบนี้ก็น่าจะพอใช้ได้ล่ะนะ

     

    เขาใช้เวลาแต่งตัวจัดทรงผมให้เข้าที่อยู่ไม่นานก็รีบคว้ากุญแจรถพร้อมกับสะพายกระเป๋ากล้องขึ้นไหล่และเปิดประตูออกจากห้องไป ร่างสูงเดินไปที่ประตูลิฟต์อย่างอารมณ์ดีและกดไปที่ชั้นล่าง

     

    ชานยอลรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ดีอีกหนึ่งวันจริงๆ...

     

     

    ...

     

     

    เมื่อแพคฮยอนวางสายจากชานยอลก็ร้องเอามือเรียวเล็กทั้งข้างนั้นกุมแก้มนิ่มๆ ของตัวเองเอาไว้ เขารู้สึกว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เจอหน้าชานยอลสักหน่อย แต่มันก็ทำให้ใจของแพคฮยอนเต้นรัวขึ้นมาได้

     

    อาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็ไม่ดีต่อตัวแพคฮยอนสักเท่าไหร่นัก

     

    คน

    คนตัวเล็กเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของตัวเองก่อนที่จะเลือกดูเสื้อผ้าที่เหมาะสมที่จะออกไปข้างนอกจริงๆ บางทีอาจจะต้องเลือกนานกว่าเดิมหน่อยเพราะชานยอลเป็นผู้ชายที่ดูดีมากจนน่าอิจฉา...

     

    ตื่นเต้นจัง...ชานยอลจะมารับที่บ้าน...

    ตื่นเต้นจริงๆ นะ...

     

    แพคฮยอนกำลังส่องกระจกอยู่ในห้องต่างพยายามทำให้ตัวเองผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติอย่างยากลำบาก การที่คนที่ตัวเองชอบแล้วกำลังจะมาที่บ้านมันเป็นอะไรที่บอกไม่ถูกจริงๆ นะ

     

    “ก็แค่ไปถ่ายรูปเป็นเพื่อนเอง...ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าตื่นเต้นเลย...” คนตัวเล็กพูดกับตัวเองที่หน้ากระจกก่อนที่จะลงไปยังชั้นล่างเพื่อรอชานยอลมารับ

     

    หัดชินได้แล้วแพคฮยอน...

    หัดชินกับปาร์ค ชานยอลเสียที

     

     

    ...

     

    ชานยอลขับรถมาถึงบริเวณแถวบ้านของแพคฮยอนเรียบร้อย แล้วก็ต้องชะลอความเร็วของรถลงเมื่อเขามองเห็นร่างเล็กๆ กำลังยืนรออยู่หน้าบ้านหลังเล็กๆ ที่น่าอยู่หลังหนึ่ง ชานยอลขับรถเข้าไปใกล้และเปิดกระจกรถลง

     

    “มาถึงแล้ว” ชะโงกออกมาแล้วทักแพคฮยอน

    “อ่ะ มาแล้วเหรอ” แพคฮยอนยกมือขึ้นเล็กเพื่อจะได้ไม่ดูเกร็งจนเกินไป ชานยอลปลดล็อกประตูก่อนที่จะให้แพคฮยอนเข้ามานั่ง

     

    ทั้งคู่ยิ้มให้เหมือนอย่างเคยก่อนที่จะพยายามชวนคุย

     

    “รอนานรึเปล่า” ชานยอลถามพลางค่อยๆ ขับรถเคลื่อนไปข้างหน้า

    “ไม่หรอก” แพคฮยอนส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มเล็กๆ ให้กับคนตัวสูง

     

    น่ารัก...

    ชานยอลคิดในใจ...

     

    นี่น่ะเหรอผู้ชายที่หลงมาชอบเขา...

     

    ชานยอลเผลออมยิ้มให้กับตัวเองแล้วตั้งใจขับรถต่อไป เขาคิดเอาไว้ว่าจะเลือกถ่ายนอกเมืองก่อนที่จะเข้าไปตามตลาดทงแดมุนในตอนเย็น

     

    “ไปถ่ายแถวๆ นอกเมืองกันดีกว่าเนอะ” ชานยอลหันไปมองกับคนตัวเล็กที่นั่งสงบสเงี่ยมอยู่ข้างๆ

    “อ่ะ อื้ม ได้สิ” แพคฮยอนพยักหน้าแล้วก็ยิ้มอีกแล้ว แม้จะพูดน้อยแต่ชานยอลก็ชอบที่จะให้แพคฮยอนพูดมากๆ อยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะนั่งเฉยๆ แล้วก็ยังดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ

     

    จะบ้าเหรอ...

    นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ กำลังพิจารณาผู้ชายตัวเล็กๆ ที่กำลังมาหลงชอบเขาอยู่นี่น่ะเหรอ...

    บ้าน่า...ชานยอล

     

    สักพักเขาก็แอบมองไม่ให้แพคฮยอนรู้ตัวเมื่อภายในรถมันกำลังเงียบเกินไป บางทีคนตัวเล็กนี่อาจจะไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาก็ได้

     

    “นั่งเงียบจัง”

    “อ๋า..ขอโทษนะ” แพคฮยอนยู่ปากแล้วหันไปพูดขอโทษชานยอล คนตัวเล็กก็กังวลว่าอีกฝ่ายนั้นจะรู้สึกเบื่อเขารึเปล่าที่ไม่ค่อยพูดอะไรเลย

    “ขอโทษทำไมกัน ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ” ชานยอลขำให้กับความคิดมากของแพคฮยอน

    “ก็...ฉันเงียบนี่นา”

    “งั้นก็คุยสิ จะได้ไม่เงียบ” ชานยอลหันไปบอกแพคฮยอนด้วยใบหน้าทะเล้นๆ เล็กน้อยจนอีกฝ่ายถึงกับต้องผงะ เพราะแพคฮยอนไม่เคยเจอใบหน้าเรียวยาวนี้ในระยะใกล้มาก่อน แถมยังยิ้มแปลกๆ อีกด้วย

    มันทำให้หัวใจแพคฮยอนเต้นแรงอีกแล้ว

     

    “อ่ะ เอ่อ...คุย” แพคฮยอนเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกแล้วก็เอาแต่ยิ้มแก้เขิน ส่วนชานยอลก็ยิ้มอย่างพอใจที่เขาสามารถแหย่ให้แพคฮยอนเขินได้

     

    ตอนนี้เขาเริ่มเสพย์ติดการแกล้งแพคฮยอนซะแล้วล่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาชอบที่จะมองใบหน้าหวานๆ นี้ตอนยิ้มเขินรึเปล่าก็ไม่รู้นะ...

     

    “อ่ะ สวยจัง” ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชานยอลขับรถออกมานอกเมืองแล้ว แพคฮอยนมองเห็นภูเขาไกลลิบๆ แล้วก็บ้านก็เริ่มหายไปทีละหลังๆ

    “แสงกำลังดีเลย งั้นจอดแถวๆ นี้ก็แล้วกันเนอะ”

    “อื้อ”

     

    แพคฮยอนเดินลงจากรถและยืนมองพื้นที่กว้างๆ อย่างชอบใจ เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุด ชานยอลที่ลงจากรถมาทีหลังพร้อมๆ กับกล้องตัวเก่งของตัวเอง เขาปรับกล้องอย่างชำนาญก่อนที่จะเล็งไปที่จุดโฟกัสที่ต้องการ

     

    แชะ...

    ภาพทุ่งหญ้าสีเขียวเตียนๆ และดอกหญ้าประปรายนั้นมีแสงแดดจ้ากระทบอย่างสวยงาม แล้วภาพมันจะดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นก็เมื่อแพคฮยอนได้เข้ามาอยู่ในเฟรมด้วย

     

    “แพคฮยอนอ่า หันมาหน่อยสิ” ชานยอลร้องเรียกให้คนตัวเล็กที่เริ่มเดินไปยังทุ่งหญ้านั้นให้หันมา คนตัวเล็กหันไปมองตามที่ชานยอลเรียกโดยที่ไม่รู้ตัวว่า...

     

    แชะ...

    แชะ...

     

    “อ๋า..ชะ ชานยอลอ่า ทะ ทำอะไรน่ะ (-/////-)” แพคฮยอนเริ่มหน้าแดงเมื่อเสียงชัตเตอร์กล้องรัวมาถึงสองช็อตที่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว ชานยอลอมยิ้มเมื่อเขาเปิดภาพดูว่าแพคฮยอนหันมามองกล้องได้อย่างเป็นธรรมชาติมากจริงๆ

     

    “มาดูรูปสิ” ชานยอลกวักมือเรียกให้แพคฮยอนเดินมา คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะรีบเดินไปหาชานยอลอย่างรู้สึกเขินๆ อยู่

     

    รูปต้องออกมาน่าเกลียดแน่ๆ  เมื่อกี้เขายังรู้สึกว่าตัวเองทำหน้าแปลกๆ ตอนที่หันไปมองชานยอลเลย

     

    “ดูสิ...” ชานยอลเลื่อนจอกล้องให้แพคฮยอนดู ปรากฏเป็นภาพทุ่งกว้างอยู่ด้านหลังและแสงแดดส่องกระทบใบหน้าด้านข้างของแพคฮยอนพอดี คอมโพสทุกอย่างลงตัวรวมไปถึงใบหน้าที่เป็นธรรมชาติของคนตัวเล็กอีกด้วย

     

    “เป็นไง สวยไหม”

    “อ่า เอ่อ...ถ่ายเก่งจัง” แพคฮยอนไม่กล้าที่จะพูดว่าสวย เพราะยังไงในรูปมันก็มีหน้าเขาอยู่เต็มๆ เลยเลี่ยงตอบแบบทางอ้อมแทน เพราะรูปที่ชานยอลถ่ายนั้นสวยมากจริงๆ

     

    “ไปยืนตรงนั้นเร็ว เดี๋ยวฉันจะถ่ายอีก คราวนี้ยิ้มด้วยนะ” ชานยอล แต่คนตัวเล็กเอาแต่ยืนเอ๋อทำหน้างงที่ชานยอลให้เขาเป็นแบบให้

    “มัน เอ่อ จะดีเหรอ...ฮื่อ” ยู่ปากอย่างน่ารัก พอชานยอลเห็นก็เท่านั้นแหละยิ่งไม่ยอมเข้าไปใหญ่ คนบ้าอะไรชอบทำตัวน่ารักตลอดเวลา นี่เขากำลังจะเป็นบ้าเพราะไอ้ปากยู่ๆ นี่อยู่แล้วนะ

     

    “ทำเถอะน่า แค่ยืนยิ้มเฉยๆ เอง ไม่ยากหรอก” ชานยอลพยายามพูดโน้มน้าวให้แพคฮยอนทำตามที่ตัวเองบอก พร้อมๆ กับดันแผ่นหลังบางๆ ให้เดินไปข้างหน้า

    “ชานยอลอ่า...ฮื่อ”

    “นี่ๆ ยิ้มเร็ว” ชานยอลบอกแล้วยกล้องขึ้นถ่าย แต่แพคฮยอนก็ยังคงมองไปทางอื่นเพราะด้วยความประหม่าแล้วก็เขินอีกมากๆ ด้วย

     

    ไม่คิดเลยว่าการที่ได้มาอยู่ใกล้กับคนที่ชอบแบบนี้มันก็ทำให้เราทำตัวไม่ถูกแถมยังไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่างหาก นั่นก็เพราะว่าแพคฮยอนไม่ได้บอกความจริงในใจของตัวเองให้ชานยอลได้รู้...

     

    “หันหน้ามายิ้มหน่อยครับนายแบบ” เมื่อชานยอลพูดด้วยเสียงทุ้มๆ แล้วก็ยิ่งทำให้แพคฮยอนเขินจนเผลอยิ้มกว้างอย่างอายๆ ไม่ใช่ยิ้มเพราะที่ชานยอลบอกให้ยิ้ม แต่เพียงเพราะเขิน...

     

    เขินจริงๆ...และก็เขินมากด้วย!

     

    “อ่า อย่างนั้นแหละ น่ารักแล้ว!” ชานยอลพูดด้วยเสียงที่พอใจเมื่อเขากำลังรัวชัตเตอร์เมื่อแพคฮยอนหลุดยิ้มออกมาตามที่เขาบอกแล้ว

    “ฮื่อ...พอเถอะ” แพคฮยอนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ชานยอลลดกล้องลงแล้วเอียงคออย่างงงๆ

    “ทำมละ นายดูรูปสิ น่ารักจะตายไป” เขารีบไปวิ่งเอากล้องไปให้คนตัวเล็กดูอย่างภูมิใจ

     

    ไอ้ที่ว่าถ่ายรูปสวยมันก็เรื่องจริง...

    แต่มันเขินตรงคนที่ตัวเองชอบมาถ่ายรูปให้ต่างหากล่ะ

     

    ตัวจะระเบิดไปพร้อมๆ กับแสงแดดอยู่แล้ว แพคฮยอนกำลังจะละลาย...

    พระเจ้านี่ชอบกลั่นแกล้งเขาอยู่เรื่อยเลย

     

    “ถ่ายวิวบ้างสิ” แพคฮยอนเริ่มเฉไฉจนชานยอลเริ่มงง

     

    เขาเริ่มชักสงสัยซะแล้วสิ ว่าแพคฮยอนชอบเขาจริงๆ รึเปล่า บางทีการที่แพคฮยอนปฏิเสธจากเขาก็เรื่องที่แปลกจริงๆ ก็เขาไม่เคยเจอคนที่ปฏิเสธเขามาก่อนนี่นา

     

    “ทำไมล่ะ นายชอบฉันไม่ใช่เหรอ?”

     

    ซวยแล้ว ปาร์ค ชานยอล...ซวยแบบสุดๆ อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซวย...

    แทบจะทำหน้าไม่ถูก เพราะอยู่ๆ เขาก็เผลอหลุดปากพูดประโยคที่ไม่ควรพูดออกมา จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดออกมาเลยสักนิดเดียว ไม่ได้ตั้งใจเลย...

     

    “...นาย” แพคฮยอนรู้สึกเหมือนเอาไม้มาฟาดหน้าแรงๆ จนชา ปากเล็กๆ นั้นไม่รู้จะขยับออกมาเป็นคำพูดอะไรในตอนนี้ดี เหงื่อเริ่มชื้นที่ฝ่ามือจนทำตัวไม่ถูก แพคฮยอนได้แต่ยืนอึ้งกับประโยคเพียงสั้นๆ

    “เอ่อ ฉัน...” ชานยอลพยายามที่จะเดินเข้าไปหา แพคฮยอนกลับก้าวถอยออกไปข้างหลัง

    “ระ..รู้ได้ยังไง” เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดออกมาและต้องการที่อยากจะรู้ความจริงว่าชานยอลรู้มาได้อย่างไร และใครเป็นคนบอก...

    “นายรู้มานานแค่ไหนแล้ว”

    “เอ่อ ฉันก็...เพิ่งรู้ได้ไม่กี่วันเองน่ะ”

    “ฉันขอโทษนะ...” แพคฮยอนพูดเสียงเบาแล้วก้มหน้า

    “??”

    “นายอาจจะรู้สึกแปลกที่ฉันชอบนาย...รู้สึกแปลกที่ผู้ชายชอบผู้ชายด้วยกัน”

    “คือ...มันไม่ใช่อย่างนั้น”

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันสามารถยืนอยู่ในที่ที่ของฉันได้” แพคฮยอนพยายามฝืนยิ้มให้กับคนตรงหน้า แต่ชานยอลนั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยเพราะเขากลัวตรงหน้าจะโกรธที่เขามารู้ความจริงที่แพคฮยอนพยายามปกปิดมันเอาไว้ไม่ยอมบอกใคร

    “นายไม่ต้องห่วงนะ ว่าคนอื่นจะรู้ว่ามีผู้ชายอย่างฉันมาชอบนาย...”

    “นี่...” ชานยอลพยายามจะพูดอะไรออกไปและพยายามแก้สถานการณ์ให้มันดีขึ้นแต่เขาก็นึกอะไรไม่ออกเลยนอกเสียจาก

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะ...”

    “ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรหรอก” แพคฮยอนยิ้ม แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มเหมือนกับเมื่อก่อน ชานยอลรู้สึกไม่ดี...

     

    เขาอยากให้แพคฮยอนกลับมาเป็นเหมือนเดิม นี่เขากำลังแคร์คนตรงหน้านี้อยู่ใช่ไหม

    ใครก็ได้ช่วยบอกเขาที

     

    “อย่าเป็นแบบนี้เลยนะ”

    “อือ...” แพคฮยอนรับอือในลำคอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ใจของชานยอลนั้นชื้นขึ้นมาได้เลย

    “นายยังจะเป็นเหมือนเดิมอยู่ไหม” อยู่ๆ ชานยอลก็อยากรู้ความรู้สึกลึกๆ ของแพคฮยอนเลยถามออกไป เขาอยากรุ้ว่าแพคฮยอนจะเลิกชอบเขารึเปล่า ถ้าเมื่อเขารู้ความจริงแล้ว...

    “...หมายความว่ายังไงเหรอ”

    “ก็...หมายความว่า...นายยังจะชอบฉันอยู่รึเปล่า”

    “...”

    “...”

     

    ทำไมทั้งคู่ถึงได้เอาแต่เงียบ...

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอยู่หลายวินาที แพคฮยอนเป็นฝ่ายขยับตัวแล้วมองหน้าชานยอล

     

    “ฉัน...ก็...”

    “...”

     

    กลับกลายเป็นว่าหัวใจของชานยอลเต้นรัวและแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ ชานยอลกลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก

     

    “ก็...ยังคงชอบนายอยู่เหมือนเดิม...”

     

    เหมือนกับยกก้อนอะไรหนักๆ ออกจากอก ชานยอลรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก แล้วเขาก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ เขาดีใจ...ดีใจที่แพคฮยอนไม่เปลี่ยนไป...

     

    ชานยอลไม่พูดอะไร เอาแต่ยิ้มมองหน้าแพคฮยอนอยู่อย่างนั้น

    “อ่ะ เอ่อ...” เริ่มทำตัวไม่ถูก เมื่อชานยอลเอาแต่มองเขาอยู่อย่างนั้น

    (^_^)<- - ยิ้มไม่เลิก

    “เอ่อ... (_ _)” แพคฮยอนได้แต่ก้มหน้า จะพูดอะไรดีนะ ถ้าเงยหน้าขึ้นมาก็เจอชานยอลเอาแต่มอง

    (^____^) <- - ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม จนแพคฮยอนเริ่มเกร็ง

    “ละ เลิกยิ้ม ดะ ได้แล้ว... (.//////.)” เขารู้สึกเขินเมื่อกำลังถูกจ้องนานๆ

    “นี่...”

    “เห?”

    “ที่นายบอกว่าฉันคงจะรู้สึกแปลกน่ะ...ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ”

    “งั้น...งั้นเหรอ...”

    “ใช่แล้วล่ะ”

    “แต่...แต่ฉันไม่ได้คิดอคติอะไรกับนายเลยนะ...มะ ไม่ได้คิดไม่ดีเลย...ฉันแค่...” แพคฮยอนพยายามแก้ตัวให้ชานยอลเข้าใจ แต่คนตัวสูงรู้อยู่แล้วล่ะว่าแพคฮยอนหมายถึงอะไร

    “ฉันรู้”

    “อ่ะ อืม...”

    “ไม่ต้องคิดมากนะ โอเคไหม...”

    “อือ...”

    “นายก็เป็นนายเหมือนเดิม...ฉันก็จะเป็นฉันเหมือนเดิม ส่วนอนาคตจะเป็นยังไงก็ค่อยดูกันทีหลังอย่างนี้โอเคไหม...”

    “อือ...ก็ได้...”

     

    ทั้งคู่ยิ้มให้กัน...

    นี่แหละที่เขาเรียกว่าการเข้าใจกันและกัน...

     

     

     

     

    รับรู้ และเข้าใจทุกอย่าง...

    ในความเป็นจริงเสียที

    ...

     

     

                หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเซฮุนไม่ได้อยู่คอนโดของตัวเองเลย เขากลับไปอยู่บ้านก่อนที่วันนี้เขาจะมาเก็บของที่แพ็คไว้ออกจากห้องให้หมด แต่การเก็บของครั้งนี้จะเป็นครั้งที่อึดอัดที่สุดเพราะจงอินก็ยังยืนมองเซฮุนขนของอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

     

    “เหลือของอีกเยอะไหมครับ” คนขนของจากที่บ้านของเซฮุนถามในขณะที่กำลังยกกล่องขึ้น

    “ใกล้หมดแล้วล่ะครับ” เซฮุนบอกก่อนที่จะเดินไปยกกล่องของตัวเองขึ้นมาบ้าง เขาทยอยกล่องเอาไปไว้บริเวณหน้าห้องเพื่อที่จะขนไปข้างล่างได้อย่างสะดวกๆ

     

    คนจากที่บ้านขนกล่องออกจากห้องของเซฮุนอย่างรวดเร็ว ร่างผอมบางนั้นดูไร้เรี่ยวแรงแต่ก็พยายามฝืนเช็คดูของต่างๆ ภายในห้องอย่างละเอียด

     

    “คุณเซฮุนครับ เดี๋ยวผมจะลงไปรอข้างล่างนะครับ” เซฮุนพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนที่จะเช็คกล่องสุดท้ายที่ห้อง จงอินที่ยืนอยู่ไม่ห่างมองดูร่างผอมของเซฮุนที่กำลังจัดแจงของลงกล่องอย่างเร่งรีบ มือเรียวปิดฝากกล่องลงก่อนที่จะยกขึ้นและเดินออกจากห้องไป

     

    เซฮุนเดินผ่านจงอินไปโดยที่ไม่ได้มองหน้า...

     

    “อย่าเพิ่งไป...”

     

    สุดท้ายจงอินก็ต้องพูดอะไรออกมา เซฮุนหยุดชะงัก แต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองหน้าจงอินเลย เขายืนรอว่าอีกต้องการจะพูดอะไร

     

    “จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”

    “ไม่รู้สิ...” เซฮุนค่อยๆ หันกลับมา แล้วพูดด้วยเสียงเบาหวิว หัวใจที่กำลังอ่อนแอนี้ไม่ต้องการที่จะเผชิญกับอะไรซ้ำๆ ให้ตัวเองเจ็บหรอกนะ

    “ฉันพูดไปหมดแล้ว...ตั้งแต่วันนั้น...”

    “...”

    “เราจะเป็นอย่างนี้ต่อไปมันดีแล้วเหรอ...จะไม่มองหน้า จะไม่คุย จะเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?” จงอินถาม เขาอยากรู้ว่าเซฮุนจะรู้สึกอึดอัดเหมือนกับเขาไหม

    “ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้...แต่ถ้าให้เลือกได้ ฉันจะไม่ชอบนาย...”

    “ฉัน...”

    “เข้าใจฉันแล้วใช่ไหม”

    “...”

    “เวลา...จะช่วยทุกสิ่งให้ดีขึ้นเองจงอิน...”

    “...”

    “ฉัน...จะเลิกชอบนายอีกไม่นานเอง...ขอโทษสำหรับความคิดไม่ซื่อของฉัน...”

    “...”

    “ขอโทษนะ...” เซฮุนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขารู้สึกเหมือนน้ำตากำลังจะไหลออกมาอีก แต่ตอนนี้เขากำลังพยายามเข้มแข็งให้ถึงที่สุดและสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก

    “นายก็ยังคงเป็นเพื่อนรักของฉันเหมือนเดิมนะ...”

    “...”

    “แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม...ฉันไปล่ะ...ดูแลตัวเองด้วยนะ นายอยู่คนเดียวได้แน่ๆ ถ้าไม่มีฉันสักคน” เซฮุนหมุนตัวหันหลังกลับ แต่ยังไม่ทันได้ออกเดินจงอินก็รีบโผเข้าไปกอดร่างผอมๆ นั้นจากด้านหลัง

    “ขอโทษ...ฉันขอโทษ...”

    “...”

     

    กล่องที่เซฮุนถืออยู่นั้นแทบจะร่วงลงพื้น แต่ร่างกายของเขามันด้านชาจนไม่กล้าขยับตัวไปไหนเลย จงอินพูดด้วยเสียงแหบแห้งจากข้างหลังร่างผอมบางของเซฮุน

     

    “ขอโทษที่ทำให้เสียใจ...แต่แกก็ยังเป็นเพื่อนคนเดียวของฉันนะ...”

    “...อืม”

    “ขอโทษจริงๆ ฉันขอโทษ...” จงอินปล่อยความอ่อนแอออกมา น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง เซฮุนพยักหน้าทั้งๆ ที่ไม่ได้หันมามองใบหน้าที่รู้สึกผิดของจงอินเลย เขารู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายขอโทษ แม้เขาเองจะไม่ได้ร้องขออะไรเลยก็ตาม

     

    มันเป็นคำที่เขารู้สึกดีที่สุดแล้วในตอนนี้

     

    “ดีแล้วล่ะ...ขอบใจนะ” เซฮุนค่อยๆ หันมามองหน้าจงอินก่อนที่จะวางกล่องบนพื้นห้อง มือเรียวเลื่อนไปปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งข้างของจงอิน

    “อย่าร้องไห้อีกนะ”

    “อืม...” จงอินพยักหน้า

    “แล้วก็อย่าขี้เซานะ ตื่นไปเรียนด้วยล่ะ”

    “อืม เข้าใจแล้ว”

    “งั้น...ฉันไปก่อนนะ”

    “...” เซฮุนยิ้มบางๆ ก่อนที่จะก้มลงไปยกกล่องขึ้นมาถือไว้ในมือ แต่จงอินกลับเป็นคนเลือกที่จะยกให้เอง เพราะร่างกายของเซฮุนผอมลงกว่าแต่ก่อนมาก

    “ขอบใจนะ”

    “ไม่เป็นไร...แกไม่สบายอยู่นี่ ยังไงก็เป็นหน้าที่ฉันอยู่แล้ว”

    “อือ...”

     

    เป็นแบบนี้มันก็ดีแล้วล่ะ

    เข้าใจกันเหมือนเดิม ดีกว่าไม่มอง ไม่พูดให้เข้าใจกัน

    เซฮุนยอมถอยเพื่อรักษาความเป็นเพื่อนเอาไว้ มิตรภาพของเพื่อนมันยั่งยืนนานอยู่แล้วล่ะ...

     

    อีกไม่นาน...เขาก็คงลืม...คิม จงอินได้...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คุยจ้าคุยยยย!!

    ใกล้จะจบแล้วจ้า อิอิอิ ตอนหน้าก็จะแฮปปี้กันแล้วนะ

    ช่วยเอาใจช่วยกันด้วย แม็กกี้กำลังปั่นสุดแรงเกิด เพราะกลัวไม่ทันงาน ถ้าไม่ทันตายอย่างเขียดจ้า

    ลุ้นจงอินกับเซฮุนกันมานานเลยใช่มั้ย ตอนนี้เคลียร์ให้แล้วนะ

    555555555555555

     

    เจอกับตอน 13 ได้ในเร็ววัน!

    อย่าลืมไปงานฟิคนะ วันที่ 20 นี้ก็หมดเขตโอนเงินค่าฟิคแล้วนะคะ

    รีบกันหน่อยน้า >O<

    ฉลองให้กับยอดสั่งจองแคลลอรี่เลิฟทะลุ 200 เล่มแล้วนะค้า

    ขอบคุณทุกๆ คนจริงๆ กราบขอบคุณค่า

    แล้วเจอกับเรื่องใหม่ชานแพคได้เร็วๆ นี้

    Only aim – สิ่งเดียวที่ปรารถนา...

     

    แล้วเจอกันค่า !

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×