ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO CHAN x BAEK ,(CHANBAEK) - Calories Love .

    ลำดับตอนที่ #3 : ♡ Calories Love Chapter : 200 kcal.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.78K
      29
      11 พ.ย. 55

    Calories Love

    Pairing : CHANYEOL & BAEKHYUN (CHANBAEK)

    Chapter : 200 kcal.

     

     

     

     

    สิ่งเดียวที่พระเจ้าให้เขามา
    นั้นก็คือ
    ...พรในการทำอาหาร

    ...

     

                ร่างอ้วนท้วนเดินลงมาจากบันไดของบ้าน เช้าวันอาทิตย์ร้านวังบีจิบจะเปิดแค่ครึ่งวันเท่านั้น แพคฮยอนเลยไม่ได้เข้าร้านเพื่อไปช่วยงาน เขาหันไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังบ้านบอกเวลาบ่ายโมงตรง เป็นเวลาที่กำลังเก็บของปิดร้านพอดี เสร็จแล้วแพคฮยอนก็เดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำเมนูง่ายๆ สำหรับในตอนบ่าย

               

                เขาหยิบเอาผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวมก่อนจะลงมือทำอาหารเช้าที่กลายเป็นอาหารมื้อเที่ยงไปเรียบร้อยแล้ว กระเพาะของเขากำลังร้องประท้วงครวญครางอยู่เรื่อยๆ และในตู้เย็นหลังใหญ่ก็มีวัตถุดิบพอที่แพคฮยอนสามารถจะนำเอามาทำเป็นอาหารมื้อดีได้อย่างสบายๆ

               

                เพราะตอนนี้พลังลดหดหายไปเยอะก็ต้องกินชดเชยกันหน่อย แพคฮยอนลงมือทำข้าวผัดกิมจิจานใหญ่และใส่เนื้อหมูติดมันอย่างที่ตัวเองชอบลงไปอย่างไม่เกรงกลัวเลยว่าแคลลอรี่จะเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าไหร่ พลังงานที่หายไปกับการอ่านหนังสือการทำขนมเค้กของแพคฮยอนจากเมื่อคืนกำลังถูกทดแทนด้วยข้าวผัดกิมจิจานโตและไข่ดาวอีกสองฟอง

               

                ข้าวผัดกิมจิร้อนๆ ถูกวางไว้บนโต๊ะอาหารในห้องครัว ร่างอ้วนท้วมเดินลากเท้าไปที่เปิดตู้เย็นอีกครั้งและหยิบขวดน้ำส้มออกมารินใส่แก้วใบใหญ่ เขานั่งลงบนเก้าอี้ประจำของตัวเองก่อนที่จะลงมือกินข้าวผัดกิมจิฝีมือของตัวเองอย่างเอร็อร่อย แต่แม่มักจะห้ามเขาเสมอๆ เวลากินเนื้อหมูติดมันเพราะมันจะทำให้น้ำหนักเขาเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ก็มันช่วยไม่ได้นี่นาเพราะในบ้านตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลยสักคน แพคฮยอนอมยิ้มให้กับตัวเองเมื่อได้เคี้ยวเนื้อหมูติดมันอยู่ในปากอย่างมีความสุข

               

                แพคฮยอนเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาย้ายร่างของตัวเองออกจากเก้าอี้ก่อนที่จะรีบเดินขึ้นบันไดไปห้องนอนของตัวเองเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือลงมา

               

                วันนี้เขาจะลงมือทำเครปเค้กราดน้ำซอสราสเบอรี่ยังไงล่ะ และจะต้องมีคนชิมรสชาดของมัน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากคยองซู

               

    นิ้วมืออวบๆ กดโทรออกไปหาคยองซู ไม่นานปลายสายก็กดรับด้วยน้ำเสียงสดใส

     

    (“ว่ายังไง วันนี้มีอะไรดีๆ รึเปล่า”) คยองซูถามเสียงใส ในขณะที่เขาเองกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้านอย่างว่างๆ

    “มีสิ”

    (“เรื่องอะไรเหรอ มีเมนูขนมให้ฉันชิมใช่ม้า”) คยองซูพูดอย่างรู้ดี แค่ฟังน้ำเสียงของแพคฮยอนก็รู้แล้วล่ะว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องของกินอย่างแน่นอน

    “อื้อ วันนี้ทำเครปเค้กน่ะ”

    (“ราดซอสราสเบอรี่ด้วยรึเปล่า!”) คยองซูอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เขามักจะชอบทานขนมที่แพคฮยอนทำเสมอๆ

    “แน่นอนสิ”

    (“งั้นฉันต้องไปบ้านนายใช่ไหม คิก...”) หัวเราะแล้วลุกขึ้นเตรียมออกจากบ้านทันที คยองซูหยิบเสื้อเป็นเชิ้ตสีฟ้าอ่อนๆ ขึ้นมาสวมระหว่างคุย

    “มาช่วยฉันทำก็ได้นะ”

    (“แหม นายก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องของหวาน”)

    “ไม่เป็นไรหรอก...ช่วยๆ กันไง”

    (“ไม่ดีกว่า ฉันจะรอกินอย่างเดียว คิก”)

    “โธ่...คยองซูอ่า เอาอย่างนั้นก็ได้”

    (“มันต้องอย่างนี้สิแพคฮยอน เดี๋ยวฉันจะไปถึงบ้านนายประมาณหนึ่งชั่วโมงนะ”)

    “อื้อ แล้วเจอกัน”

    (“แล้วเจอกัน”)

               

                เมื่อวางสายจากคยองซูเรียบร้อยแล้วแพคฮยอนก็จัดการกับข้าวผัดกิมจิต่อ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่บ้านแบบเหมือนคนว่างงาน จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นอาทิตย์จึงทำให้เขารู้สึกว่าเวลามันเดินช้าเมื่อไม่มีอะไรให้ทำฆ่าเวลาเลย และพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันใหม่ที่เขาจะต้องไปที่มหาวิทยาลัยเกาหลี และเริ่มต้นเรียนในสิ่งที่เขารัก

     

                แพคฮยอนเลือกที่จะไม่เช่าหอพักอยู่เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ เขาคงคิดถึงพ่อกับแม่มากแน่ๆ แต่ถ้าเกิดมันจำเป็นจะต้องย้ายไปอยู่จริงๆ แล้วล่ะก็ เขาก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้...

     

                อุปกรณ์ทุกอย่างเตรียมบนโต๊ะที่ห้องครัวเรียบร้อย และตอนนี้แพคฮยอนก็พร้อมที่จะลงมือทำเครปเค้กแล้ว มืออวบๆ ใช้เครื่องมือตวงแป้งแล้วเริ่มทำส่วนผสมของแป้งเครปลงในโถ เขาใช้เวลาไม่นานมากนักในการตวงส่วนผสมและนำโถแป้งเครปนั้นไปพักแช่เอาไว้ในตู้เย็น จากนั้นก็เริ่มทำซอสราสเบอรรี่ที่คยองซูชอบ รสชาดของมันจะหวานอมเปรี้ยวนิดๆ

               

                แพคฮยอนปรับความร้อนของกระทะเทฟล่อนจากนั้นก็เดินไปหยิบโถแป้งเครปจากตู้เย็นออกมา เมื่อความร้อนได้ที่แล้ว เขาใช้ช้อนตักแป้งเครปและหยอดลงบนกลางกระทะจากนั้นก็จับหูทั้งสองขยับวนเป็นวงกลมเป็นการร่อนแป้งให้ทั่วกระทะ

     

                เวลาที่แพคฮยอนเข้าครัวทำขนมหรืออาหารจะดูน่ามองเป็นพิเศษ แต่ในตอนนี้ไม่มีใครหรอกที่จะมานั่งเฝ้าเขาตอนทำ อันที่จริงแพคฮยอนก็ชอบเข้าครัวคนเดียวบ่อยๆ เพราะมันทำให้เขาดูมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอยู่อย่างตั้งใจ

     

    ใบหน้าอวบอูมนั้นมักจะมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเสมอๆ เมื่อเขาประความสำเร็จในการทดลองทำขนมหวานที่ตัวเองชอบ นี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ไม่มีใครได้เห็นนอกจากคยองซู

     

    แพคฮยอนใช้พายซิลิโคลนทนความร้อนในการพลิกแป้งเครปบนกระทะอย่างชำนาญ เขาทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนได้แผ่นเครปสีเหลืองนวลถึงสามสิบแผ่น แล้วแล้วเสียงกดออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นพอดี แพคฮยอนวางมือก่อนที่จะรีบเดินออกไปเปิดประตู สงสัยคยองซูคงมาถึงแล้วล่ะ

     

    “ฮาย~ รอนานไหม!” คยองซูทักทายแพคฮยอนอย่างน่ารักก่อนที่จะเดินเข้ามาในบ้านอย่างคุ้นเคย เขาชอบมาบ้านแพคฮยอนบ่อยๆ มาทีไรก็ได้กินของอร่อยทุกที

    “ไม่เลย ฉันทำแผ่นเครปเสร็จพอดี” บอกแล้วยิ้มให้จากนั้นก็เดินไปยังห้องครัว เมื่อเดินเข้ามาใกล้ห้องครัวมากเท่าไหร่คยองซูก็ได้กลิ่นของแป้งเครปหอมๆ ลอยมาแตะจมูกของตัวเอง

    “โอ้ย ฉันหิวแล้วสิ แป้งเครปนี้หอมชะมัด”

    “รอก่อนนะ”

    “ขอชิมแผ่นหนึ่งก่อนได้ไหม คิก!” เมื่อพูดจบ คยองซูก็หยิบแผ่นเครปขึ้นมาแล้วกัดเข้าปากทันที ดูจากสีหน้าที่กำลังเคี้ยวแป้งนุ่มๆ อยู่นี้ก็รู้ได้ว่า รสชาติของมันคงอร่อยอย่างแน่นอน

    “อร่อยจัง ซอสราสเบอรี่อยู่ไหนน้า” มองหาแล้วเดินไปที่ตู้เย็น

    “อยู่นี่รึเปล่า” ชี้ไปที่ตู้เย็น แพฮยอนยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับคยองซู

    “ขอชิมนะ” ยังไม่ทันที่แพคฮยอนได้ตอบอะไร คยองซูก็เปิดตู้เย็นและถือถ้วยซอสราสเบอรี่ออกมาแล้วใช้นิ้วแตะที่ซอสเข้าปากอย่างรวดเร็ว

    “อร่อยมากเลย!” เมื่อเจออะไรที่ถูกจะเผลอทำตาโตทันที คยองซูเก็บถ้วยเข้าที่เดิมก่อนที่จะลากเก้าอี้มานั่งดูแพคฮยอนกำลังทำวิปครีมสำหรับปาดไปบนเนื้อแป้งเครป

    มืออวบๆ จับด้ามตีครีมในถ้วยแสตนเลสที่ซ้อนกันอยู่สองใบ อีกใบเป็นตัวทำให้อุณหภูมิต่ำ เพราะการตีเนื้อวิปครีมให้ขึ้นฟูนั้นจะต้องอาศัยความเย็นเข้าช่วย

     

    “นี่...ตื่นเต้นไหม พรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยแล้ว” คยองซูถามระหว่างที่แพคฮยอนกำลังตีเนื้อวิปครีมอยู่

    “อื้อ ตื่นเต้นสิ”

    “หวังว่าเราจะได้เจอเพื่อนใหม่ที่ดีๆ นะ”

    “อื้อ”

    “แล้วเครปเค้กอีกนานเท่าไหร่อ่ะถึงจะเสร็จ” ถามแล้วใช้เท้าดันให้เอนเก้าอี้ไปทางด้านหลัง

    “ประมาณสองชั่วโมงน่ะ”

    “โธ่! ฉันไม่น่ารีบมาเลย” คยองซูบ่นอุบแล้วทำหน้ามุ่ย แพคฮยอนยิ้มบางก่อนที่จะตั้งใจตีเนื้อวิปครีมต่อไป

    “อ้อ...แล้วนายกินอะไรมารึยังน่ะ”

    “เรียบร้อยแล้วแหละ ตอนนี้เผื่อท้องเอาไว้สำหรับเครปเค้กของนายอยู่” บอกก่อนที่จะลุกเดินเข้ามาใกล้จากนั้นก็ใช้นิ้วแตะที่เนื้อครีมที่กำลังฟูขึ้นเรื่อยๆ เข้าปากของตัวเอง คยองซูนี่ก็ตะกละใช่เล่นนะ

    “วาว...นายนี่เก่งจริงๆ เลยนะ”

    “ไม่หรอกน่า”

    “อย่าถ่อมตัวเลย ฉันไม่ชมใครหรอกนะ นอกจากนายคนเดียวน่ะแพคฮยอน”

    “ก็ฉันยังไม่เก่งจริงๆ นี่นา”

    “เอาล่ะ ฉันไม่เถียงนายแล้ว รีบตีวิปครีมต่อไปเถอะ” คยองซูโบกมือให้ก่อนที่จะเดินสำรวจรอบๆ โต๊ะ นี่เขาไม่ได้ช่วยอะไรแพคฮยอนแล้วมันดูว่างๆ ยังไงก็ไม่รู้

    “ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอ”

    “อื้อ พ่อกับแม่สงสัยยังเก็บร้านไม่เสร็จน่ะ”

    “ลูกค้าเยอะอีกตามเคยสิเนี่ย ถึงจะเป็นวันอาทิตย์ก็ตามที”

    “คงจะอย่างนั้นน่ะ เอ้อนี่...วันนี้ฉันแอบกินหมูติดมันด้วยแหละ ถ้าขืนแม่รู้ต้องดุฉันแน่ๆ เลย” แพคฮยอนทำหน้ากลัวๆ แล้วห่อตัวลง คยองซูเลยตีไปที่ไหล่ของแพคฮยอน

    “ฉันเนี่ยแหละจะดุนาย”

    “ทำไมต้องดุด้วยล่ะ นี่ฉันทำเครปเค้กไถ่โทษนายแล้วนะคยองซูอ่า...” แพคฮยอนทำหน้าสำนึกผิดอย่างน่ารักก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาลงมองวิปครีมที่ฟูฟ่อง

    “เครปเค้กเป็นของฉันทั้งหมด นายห้ามกิน”

    “คยองซูอ่า” สายตาละห้อยของแพคฮยอนถูกส่งไปยังคยองซู

    “นายกินคนเดียวไม่หมดหรอก”

    “ถึงไม่หมดฉันก็จะเอากลับบ้านไง”

    “คยองซูอ่า” กระปริบตาปริบๆ ก่อนที่จะยู่ปากอย่างน่ารัก แก้มย้วยๆ พองออกมาจนหน้าแพคฮยอนกลมบล็อกทันที พอเห็นแพคฮยอนเผลอทำหน้าแบบนี้ทีไร คยองซูก็ต้องใจอ่อนทุกที

     

                แพคฮยอนมักจะทำตัวน่ารักโดยไม่รู้ตัวแล้วมันก็จะพาลให้คนอื่นรู้สึกเกรงใจจนไม่กล้าว่าอะไรเขาเลย

     

                “อย่ามาทำหน้าแบบนี้ใส่ฉันนะแพคอ้วน!” คยองซูชี้หน้าแล้วไม่มองหน้า เพราะถ้าขืนมองหน้าแล้วล่ะก็มีหวังเขาคงใจอ่อนอย่างแน่นอน เขารู้นิสัยแพคฮยอนดี

    “ฉัน...ฉันทำอะไร” แพคฮยอนเอียงคออย่างไม่รู้เรื่อง แต่คยองซูเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมบอก

    “นายไม่รู้หรอก”

    “ก็นายไม่บอกนี่นา...”

    “อื้อ ไม่บอกหรอก”

    “คยองซูอ่า”

    “ตีวิปครีมต่อไปเลย” พยักเพยิดหน้าไปที่ชามแสตนเลสที่แพคฮยอนกำลังกอดเอาไว้ในมืออยู่ คนตัวอ้วนห่อตัวลงแล้วก็ตั้งใจตีวิปครีมต่อไป คยองซูที่มองอยู่นั้นได้แต่ส่ายหน้าไปมา

     

    นี่คงไม่รู้สินะว่าตัวเองอ้อนเก่งแค่ไหน ก็ดีที่คยองซูเป็นคนใจแข็งและชินกับมันไปแล้ว

     

    ในที่สุดวิปครีมก็เสร็จเรียบร้อย แพคฮยอนนำฐานเค้กออกมาแล้วเอาแผ่นเครปแผ่นแรกวางลงไปก่อนที่จะปาดวิปครีมเป็นจุดห้าจุดไว้รอบๆ เพื่อเป็นฐานยึดเอาไว้แล้วใช้สปาเตล่าปาดให้เรียบ แล้วก็วางแผ่นเครปแผ่นต่อไป ทำอย่างนี้เรื่อยๆ อย่างตั้งใจจนเป็นชั้นสูง แพคฮยอนเอาสปาเตล่าตบให้แน่นและตกแต่งขอบรอบๆ ให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำเครปเค้กไปแช่ในตู้เย็น

    “รอสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้กินแล้วนะ” แพคฮยอนบอกระหว่างเก็บอุปกรณ์ไปล้าง คยองซูพยักหน้าก่อนที่จะหาอะไรทำ

    “ไปเดินเล่นที่มยองดงกันไหม” คยองซูเสนอไอเดีย

    “อือ...ไปก็ได้นะ แต่รอพ่อกับแม่กลับมาก่อนได้ไหม”

    “โอเค” ยกมือทำเป็นสัญลักษณ์ตกลงให้กับแพคฮยอนก่อนที่จะเดินมาช่วยล้างอุปกรณ์ พวกเขาจะต้องใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่าเพราะในชีวิตในมหาวิทยาลัยมันไม่เหมือนมัธยมอย่างแน่นอน

     

     

     

    เจอกันบ่อยเกินไปจนอาจเรียกไม่ได้ว่า

    นี่คือความบังเอิญจริงหรือ

    ...

     

    แพคฮยอนและคยองซูตัดสินใจไปเดินเล่นที่มยองดงในตอนเย็นๆ ตามประสาเด็กวัยรุ่นผู้ชายที่มักจะชอบเดินเอาบรรยากาศมากกว่าจะเดินช็อปซื้อของแบบวัยรุ่นผู้หญิง ทั้งคู่เดินดูของตามทางไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ห้างล็อตเต้ และเลือกนั่งพักที่ร้าน Coffee & Tae แทน

     

    “สั่งเค้กมาลองชิมดูดีไหม” คยองซูชี้ไปที่เค้กหลายชิ้นที่วางเรียงกันอย่างสวยงามอยู่ในตู้แช่ แพคฮยอนยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาก็อยากจะลองชิมรสชาติเค้กของที่อื่นดูเหมือนกันว่าอร่อยมากแค่ไหน

    “เอาอะไรดี นายเลือกสิ”

    “อืม...เอานี่แล้วกัน ง่ายๆ ...สตรอเบอรี่ชีสเค้ก”

    “โอเค สตรอเบอรี่ชีสเค้กหนึ่งชิ้นนะครับ” คยองซูบอกกับเจ้าของร้าน และทั้งคู่ก็เดินไปเลือกที่นั่งเพื่อสั่งเครื่องดื่ม

    “ขอแดงมะนาวโซดาครับ” แพคฮยอนบอกโดยที่ไม่ได้มองเมนู พนักงานจดรายการลงไปอย่างว่องไว คยองซูที่ยังไม่ทันได้เปิดเมนูก็ทำตาโต

    “สั่งไม่รอกันเลย”

    “อ่า...ขอโทษนะ นายจะเอาอะไรดีล่ะ” แพคฮยอนทำหน้าสำนึกผิด แต่มันไม่ได้เลวร้ายอะไรที่จะต้องมาขอโทษ คยองซูยิ้มให้กับความซื่อของแพคฮยอนก่อนที่จะหันไปถามเครื่องดื่มกับพนักงาน

    “เลือกไม่ถูกเลยครับ มีอะไรแนะนำไหม” คยองซูถาม พนักงานยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนที่จะแนะนำเครื่องดื่มของร้านให้ฟัง

     

    แพคฮยอนรู้สึกเหมือนได้เจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว...

     

    “คิดไม่ออกแฮะว่าจะกินอะไรดี”

    “งั้นเลือกให้หน่อย ตอนนี้ท้องว่างไม่มีอะไรเลย”

    “นายเลือกเลย”

     

    ประโยคพวกนี้แพคฮยอนจำมันได้ดี และยังจำใบหน้าที่มองมายังเขาได้ชัดเจน แล้วก็ต้องสะบัดหัวอย่างแรงจนคยองซูที่นั่งอยู่นั้นแปลกใจ

     

    “แพคฮยอนอ่า เป็นอะไรน่ะ”

    “อ่ะ เอ๋...ปะ เปล่า...” แพคฮยอนปฏิเสธ...

     

    เมื่อกี้เขากำลังคิดถึงผู้ชายที่ชื่อชานยอลใช่ไหม ไม่จริงหรอก...

     

    “ไม่เป็นไรๆ แต่ถือของเยอะขนาดนี้คนเดียวจะไหวเหรอ”

    “ให้ถือไปส่งที่รถไหม”

    “ไหวแน่นะ”

               

    อีกแล้ว...ผู้ชายคนนี้เข้ามาในห้วงความคิดของเขาอีกแล้ว

     

    เมื่อนึกถึงวันที่เขาถูกช่วยเหลือก็อดที่จะปลื้มใจไม่ได้ ไม่ค่อยมีใครจะยอมเสียสละเวลาของตัวเองมาช่วยคนอย่างเขาเก็บของที่หล่นเต็มพื้นอย่างนั้นหรอกนะ แถมตอนนั้นเขาเหมือนกับถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนซุ่มซ่ามอีกด้วย คิดแล้วมันก็ขายหน้าจริงๆ...

     

    แต่ถ้าไม่มีชานยอลเข้ามาช่วยเขาก็คงอายจนไม่กล้าสบสายตาใครเลยก็ได้

     

    “แพคฮยอนอ่า นายยิ้มอะไร...”

    “อ่ะ เปล่า!” หลุดจากภวังค์แล้วโบกมืออวบๆ ทั้งสองไปมา แต่แล้วพวงแก้มย้วยๆ ทั้งสองก็เริ่มมีสีระเรื่อขึ้นมาโดยที่แพคฮยอนเองก็ยังไม่รู้ตัว คยองซูมองอาการแปลกๆ นั้นอย่างสงสัย

    “เมื่อกี้ฉันเรียกนายตั้งหลายครั้ง คิดอะไรอยู่นะ แล้วทำไม...”

    “เอ่อ เปล่า...” แพคฮยอนก้มหน้างุด จะให้บอกได้ยังไงว่าเขากำลังนึกถึงผู้ชายคนหนึ่งอยู่ มันน่าอายออกนะที่จะพูดออกไปน่ะ

    “ไม่เชื่อ” คยองซูบอกแล้วอย่างรู้ดี ดวงตากลมโตจ้องมองแพคฮยอนอย่างจับผิด แพคฮยอนเอาแต่หลบตาเพราะเขากลัวเกินกว่าที่จะพูดออกไป

    “จะ...จริงๆ นะ คยองซูอ่า” ยิ่งคนตรงหน้ากดดันมากเท่าไหร่ แก้มของแพคฮยอนก็แดงมากขึ้นเท่านั้น

    “ทำไมต้องหน้าแดง”

    “โธ่...ฉัน...” กัดริมฝีปากของตัวเองก่อนจะทำหน้าสำนึกผิดโดยอัตโนมัติ

     

    เมื่อคนอย่างเขาเผลอมีความรู้สึกแอบปลื้มผู้ชายคนหนึ่งอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนไม่รู้จะกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดยังไงดี...

     

     

    “คิดอะไรอยู่แน่ๆ เลย”

    “อือ...”

    “เรื่องอะไร บอกฉันได้ไหม” คยองซูขยับตัวเข้ามาใกล้แพคฮยอน

    “แต่ แต่ว่า...ยังไม่บอกตอนนี้นะ” พูดด้วยเสียงเบาหวิว คยองซูทำหน้าเสียดายแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ตามเดิม นึกว่าจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเสียอีก แต่ไม่เป็นไร รออีกนิดก็ได้ เดี๋ยวแพคฮยอนก็คงบอกเขาเองนั่นแหละ

    “งั้นก็ได้”

    “อ่ะ อื้อ...” พยักหน้าแล้วรับคำกับคยองซู แพคฮยอนนั่งหลังตรงอย่างห้ามไม่ได้

     

    นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้ และนานแค่ไหนแล้วนะที่เขายังไม่สามารถลบคำพูดในอดีตนั้นออกไปไม่ได้

     

    แพคฮยอนไม่เคยคิดจะมีความรักกับใคร เขานึกอยู่เสมอว่าคนในครอบครัวของเขาสามารถมอบและเติมเต็มความรักของเขาได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อสองปีที่แล้วเขาก็ได้ค่อยๆ เริ่มมีความรักตามประสาวัยรุ่น...

     

    เขามีความรักครั้งแรกกับผู้หญิงคนหนึ่ง...แพคฮยอนสามารถให้เธอได้ทุกอย่าง เขาคิดว่าเขาสามารถมอบสิ่งดีๆ ให้กับเธอได้ และเขาก็เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับเขา

     

    แต่มันไม่ใช่อย่างที่แพคฮยอนหวังไว้เลย...

     

    เธอคนนั้นปฏิเสธทุกอย่างจากแพคฮยอน และบอกกับเขาเพียงแค่ประโยคไม่สั้นไม่ยาวมากนัก

     

    “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนาย...แล้วก็เลิกทำอะไรให้ฉันได้แล้วนะ”

     

     

    แค่ประโยคนั้นก็ทำให้เขาคิดว่า เขาคงไม่ดีพอ เขาคงไม่สามารถยืนอยู่ข้างๆ เธออย่างภาคภูมิใจได้ แต่วันต่อมาแพคฮยอนก็ได้เห็นเธอคนนั้นเดินอยู่กับผู้ชายอีกคนที่ดูดีมากจนเมื่อเขาหันกลับมามองตัวเองแล้วก็รู้สึกน่าสมเพชอย่างบอกไม่ถูก...

     

    ก็เขามันเป็นแค่ผู้ชายอ้วนๆ คนหนึ่งเท่าเอง ใครจะอยากได้คนอ้วนๆ ที่มีน้ำหนักตัวเกือบจะเก้าสิบกิโลอย่างเขามาเป็นแฟนล่ะ

     

    ตั้งแต่นั้นมาแพคฮยอนก็ไม่คิดที่จะมีความรักกับใครอีกเลย เขาไม่อยากรู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกแล้ว เพราะเขาขี้ขลาดและไม่กล้าพอที่จะลองเสี่ยงกับความรักครั้งต่อไปอีก

     

    “คยองซูอ่า”

    “หืม ว่าไง” คยองซูถามเสียงสูง

    “นายคิดยังไงกับคนๆ หนึ่งจะทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่ตัวเองชอบ แล้วไม่กล้าลงมือทำเพียงเพราะกลัวการเจ็บปวดน่ะ” แพคฮยอนถามออกไป และนานมากกว่าเขาจะกลั่นกรองคำพูดที่ยาวขนาดนี้ออกมาได้ คยองซูวางแก้วน้ำกีวี่ของตัวเองลงแล้วตั้งใจตอบคำถามของแพคฮยอน

     

    คยองซูรู้ดี ว่าแพคฮยอนหมายถึงใคร...

     

    “นายยังคงคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่ใช่ไหม”

    “ปะ เปล่า...ฉันไม่ได้คิดถึงเธอคนนั้นแล้ว เพียงแต่ว่า...”

    “นายกลัวที่จะเจ็บอีกงั้นเหรอ”

    “เอ่อ อืม...จะว่าอย่างนั้นก็ได้...ฉันก็แค่กลัว...”

    “ถ้ากลัวการเจ็บปวดเพียงเพราะหวังสิ่งตอบแทนแล้วล่ะก็ ก็ล้มเลิกที่จะทำไปสิ...หรือไม่ก็ทำไปอย่างนั้นโดยที่ไม่หวังอะไรเลย ก็แค่ทำๆ ไปเพราะอยากทำ ไม่ต้องหวังผลว่าจะออกมาดีหรือไม่ดีก็แค่นั้น แบบนี้จะดีกว่าไหม?...แพคฮยอน” คยองซูบอกไปอย่างที่ใจคิด แพคฮยอนพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่จะหมุนแก้วน้ำแดงมะนาวโซดาของตัวเองไปมาอย่างคนกำลังใช้ความคิด

    “ก็ใช่อย่างที่นายพูดนะ...”

    “อืม ถ้าทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ แต่ต้องไม่ให้เขาเดือนร้อนก็พอแล้ว”

    “ฉันคิดว่ามันคงไม่เดือดร้อนหรอก” แพคฮยอนยิ้มเล็กๆ ให้กับคยองซู

    “ว่าแต่ ที่พูดๆ มาเนี่ย จะบอกฉันได้หรือยัง” ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อยากสนใจ แพคฮยอนได้แต่เอนหลังออกห่างจากคยองซู แต่อีกฝ่ายไม่ยอมถอย

    “อ่ะ เอ่อ...” แล้วแพคฮยอนก็ต้องหน้าแดงอีกครั้ง คราวนี้คยองซูไม่มีทางยอมอย่างแน่นอนถ้าอีกฝ่ายยังไม่ยอมบอกความจริงให้เขาได้รู้แล้วล่ะก็

    “ก็...แค่ปลื้มผู้ชายคนหนึ่ง...ทะ เท่านั้นเอง...มะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย...” แพคฮยอนพูดด้วยเสียงเบาหวิว กว่าจะพูดออกมาได้ คยองซูก็ลุ้นแทบตาย

    “โธ่ เอ้ย นึกว่าเรื่องอะไร” แทบจะตบหน้าผากของตัวเองเข้าให้

    “นายก็รู้ว่า...ฉันไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย แต่ฉันก็แค่..แค่ปลื้มเฉยๆ มะ...ไม่ได้หวังอะไรเลย” โบกมือไปมาประกอบว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทบหรือต้องการเป็นอะไรกับผู้ชายทั้งนั้น

    “ฉันรู้ๆ” คยองซูพยักหน้าให้กับแพคฮยอนแล้วถามต่อไป

    “คนนั้นขาเป็นใครล่ะ”

    “เป็นคนไม่รู้จัก แต่เพิ่งรู้จัก...”

    “อะไรของนาย คนไม่รู้จักแต่เพิ่งรู้จัก” ทำคิ้วขมวดอย่างงงๆ ก็คงจะหมายถึงคนที่แพคฮยอนไม่รู้จัก แต่เพิ่งไปรู้จักกันมาอย่างงี้น่ะเหรอ...

    “คนเพิ่งรู้จักน่ะ...เขาอยู่มหาลัยเดียวกับเรา แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาเรียนคณะอะไร...แล้ว...ฉันก็เจอเขาโดยบังเอิญถึงสองครั้ง...เขาช่วยฉันเก็บของที่หล่นบนพื้นที่ซูเปอร์แล้วก็เจอกันอีกครั้ง เขามากินอาหารที่ร้านฉันกับพี่สาว ละ...แล้ว...” เหมือนยิ่งแพคฮยอนพยายามพูดถึงผู้ชายคนนั้นนานมากเท่าไหร่ แก้มก็จะเริ่มมีสีชมพูขึ้นเรื่อยๆ คยองซูอดที่จะยิ้มไม่ได้กับท่าทีของคนตรงหน้า แต่ก็นั่งฟังอย่างเงียบๆ ไม่ขัดอะไร

    “แล้วก็ได้รู้จักชื่อของเขา เขาชื่อ เอ่อ...ชะ...ชานยอล” เมื่อเอ่ยชื่อของผู้ชายคนนั้นออกมา แพคฮยอนก็รู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดในทันที ไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงได้รู้สึกเขินอายทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้เผชิญหน้ากับชานยอลตัวเองจริงด้วยซ้ำ

    “ชานยอลอย่างนั้นเหรอ ผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงน่ะ” คยองซูถามต่อ แพคฮยอนขยับตัวเล็กน้อยเพราะเขาเริ่มรู้สึกวางตัวไม่ถูก และไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหนให้มันดี

    “ก็...สูง ดูดี...จมูกโด่ง...มีดวงตาที่ระยิบระยับเหมือนดวงดาว...แล้วก็รอยยิ้มสวย...เขาดูดีมากจริงๆ”

    “ให้ตายสิ! ฉันชักอยากจะเจอผู้ชายของนายซะแล้วสิแพคฮยอน”

    “คยองซู! เขาไม่ใช่ผู้ชายของฉันนะ ไม่ใช่...” แพคฮยอนทำหน้าตาตลกจนคยองซูอดขำไมได้ มือทั้งสองโบกไปมาเป็นพัลวัน

    “โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่ต้องหน้าแดงแล้ว!

    “ชอบล้อฉันอยู่เรื่อยเลย...” ยู่หน้าลงก่อนที่จะทำเป็นไม่สนใจคยองซูแล้วตั้งหน้าตั้งตาดูดน้ำในแก้วจนพร่องลงไปเกือบครึ่ง

    “หวังว่าฉันจะได้เจอกับชานยอล...ของนายนะ”

    “คยองซู!

    “ฮ่าๆๆ!” ยิ้มจนตาแทบปิดเมื่อเห็นแพคอยอนกำลังเขินอาย

    “มันไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่อยู่ในที่ของฉันก็พอแล้ว” แพคฮยอนยิ้มบางๆ เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะเขาไม่ได้หวังจะได้อะไรตอบแทนจากชานยอลเลย แค่เขาเป็นฝ่ายให้ก็พอแล้ว...

     

    ทั้งคู่นั่งคุยกันสักพักก่อนจะลุกขึ้นไปจ่ายเงินและเดินออกมาจากร้าน แพคฮยอนมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วก็ต้องชวนคยองซูรีบกลับบ้านเพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว อีกอย่างเครปเค้กก็ต้องกำลังร้องเรียกพวกเขาอย่างแน่นอน

     

    “คิดถึงเครปเค้กแล้ว!” บอกในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปยังทางออกของห้างล็อตเต้ แพคฮยอนยิ้มบางให้ก่อนที่เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเพิ่งเดินสวนกับเขาไป...

     

    แพคฮยอนหันขวับกลับไปตามสัญชาตญาณแล้วก็ต้องพบกับคนๆ นั้นอีกครั้ง

     

    นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญอีกแล้วเหรอ...เพราะอีกฝ่ายก็หันขวับมาทางเขาเช่นเดียวกัน ดวงตากลมโตที่เปรียบเสมือนดวงดาวดวงหนึ่งกำลังมองมาที่เขาพร้อมๆ กับรอยยิ้มบางๆ...

     

    ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม และเป็นครั้งที่ทำให้ชีพจรของเขาเต้นแรงขึ้น แพคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนที่จะรีบหันหน้ากลับมาจากนั้นก็คว้าแขนเล็กๆ ของคยองซูให้ออกเดินอย่างรวดเร็ว

     

    “คยองซูรีบ..รีบเดินกันเถอะ”

    “อะไรของนายเนี่ย” คยองซูถามอย่างงงๆ แต่ก็ยอมเดินไปอย่างโดยดี

    “ฉัน...ฉันกลัวเครปเค้กจะแข็งเกินไปจนกินไม่ได้น่ะ” ยิ้มให้ก่อนที่จะรีบเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่หันกลับไปมองด้านหลังอีกเลย

     

    อีกด้านหนึ่งของร่างสูงที่กำลังมองตามร่างอ้วนๆ ของแพคฮยอนเดินห่างออกไปอย่างงงๆ เช่นเดียวกัน เขาทำหน้าแปลกใจก่อนที่จะหลุดปากพูดออกมาคนเดียว

     

    “เป็นอะไรของเขานะ”

    “อะไรของแกชานยอล เจอใครงั้นเหรอ” จงอินถามเมื่อเขามองตามทางที่ชานยอลมองอยู่เช่นเดียวกันแต่ก็ไม่พบใครที่เขารู้จักสักคน

    “ก็..เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” โบกมือทำเป็นไม่สนใจ แล้วหันกลับมาทางเดิมและเดินต่อ จงอินยักไหล่ให้น้อยๆ ก่อนที่จะล้วงมือทั้งสองที่กระเป๋ากางเกง

    “จงอินจะอยากรู้ไปทำไมล่ะครับ” เซฮุนที่เดินอยู่ข้างๆ หันไปถาม จงอินหันขวับทันที ถามแบบนี้เหมือนหาเรื่องชัดๆ

    “ก็อยากจะรู้ ทีแกยังถามฉันเลยว่าอยากรู้ไปทำไม”

    “ผมก็ถามดีๆ นะครับ ทำไมจงอินต้องแขวะกันด้วย” ทำหน้ามุ่ยแล้วเปลี่ยนไปทางอีกฝั่งของชานยอล

    “เดี๋ยวเถอะ ระวังจะโดนดี แล้วไม่ต้องมาทำตัวอ้อนเท้าฉันเลยนะ”

    “ผมเปล่านะครับ ชานยอลผมเปล่านะ ดูสิจงอินชอบใส่ร้ายผมอยู่เรื่อยเลย แย่ที่สุด” เซฮุนเกาะแขนของชานยอลก่อนที่จะแลบลิ้นใส่จงอินเล็กๆ

    “ขนาดในห้างยังทะเลาะกัน ฉันไม่ใช่พ่อของพวกแกที่จะต้องมาห้ามทัพได้ตลอดเวลานะ” ชานยอลโบกมือไปมาให้เหลือเอือมๆ จริงๆ ก็ชินแล้วล่ะกับสองคนนี้ที่มักจะกัดกันตลอดเวลา

    “แกดูมันสิ มันแลบลิ้นใส่ฉัน นี่ไม่เตะให้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”

    “ชานยอลดูสิครับ จงอินหยาบคายที่สุดเลย”

    “พอเถอะๆ พวกแก ทำตัวเหมือนเด็กกันไปได้”

    “เออๆ ฉันไม่ถือสาไอ้เด็กปัญญาอ่อนอย่างเซฮุนมันก็ได้”

    “จงอินครับ! ผมไม่เด็กแล้วนะ” เซฮุนกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจก่อนที่จะกำกำปั้นเล็กๆ ที่ทุบที่ท่อนแขนของจงอิน

    “ดูมันสิ ดูมัน”

    “งั้นไปทะเลาะกันสองคนให้พอ ฉันจะเดินคนเดียว โอเคไหม?” ชานยอลปลีกตัวออกมาแล้วผลักจงอินและเซฮุนไปทางเดียวกัน ทั้งคู่เชิดใส่กันก่อนที่จะเดินตามชานยอลเหมือนเดิม

    “แล้วตกลงแกเจอใครวะ ฉันรู้จักรึเปล่า”

    “ก็ไม่ได้เจอใครนี่” ชานยอลยักไหล่ให้จงอิน

    “ฉันไม่เชื่อหรอก ถ้าคนมันไม่เจอคนที่รู้จัก มันไม่หันขวับไปมองอย่างเมื่อกี้หรอก เห็นฉันโง่เหรอ ถึงจะนอนมากไปหน่อยใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องนะ” จงอินบอกอย่างรู้ดี ชานยอลทำหน้าตาอย่างเหลือเชื่อล้อเลียนจงอินก่อนที่ตอบแบบปัดๆ

    “ก็เจอแหละ คนไม่รู้จัก แต่เพิ่งรู้จักน่ะ...” บอกแล้วก็ยิ้มกว้างแล้วเดินต่อไป ทิ้งคำตอบให้จงอินงงเล่นๆ

    “บ้าเปล่าวะ คนไม่รู้จัก แต่เพิ่งรู้จัก” เกาหัวแกร่กๆ อย่างไม่เข้าใจ ทำไมชอบพูดจาให้เข้าใจยากด้วยนะ เซฮุนที่ยืนข้างๆ หันไปบอกกับจงอิน

    “ก็หมายความว่าคนไม่รู้จัก แต่เพิ่งจะรู้จักกันยังไงล่ะครับ จงอินนี่โง่จัง” พูดจบแล้วก็รีบวิ่งไปหาชานยอลก่อนที่ตัวเองจะโดนจงอินตี

    “พูดแบบนี้แสดงว่าอยากตายสินะ” จงอินมองหน้าเซฮุนที่วิ่งไปเกาะแขนชานยอลเรียบร้อยพร้อมๆ กับแลบลิ้นเยาะเย้ยเขาเหมือนเคยอย่างหมั่นไส้

     

    ชานยอลส่ายหน้าไปมาให้กับเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทำไมเรื่องบังเอิญถึงเกิดขึ้นกับบ่อยจังนะ...

     

    แต่ช่างเถอะ...มันก็แค่เรื่องบังเอิญ ไปยึดติดอะไรกับมันมากไม่ได้หรอก...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทอล์ก.

    แพคฮยอนและน้องโด้มาเต็มเลยพาร์ทนี้ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะว่าทำไมชานยอล จงอิน เซฮุน

    ไม่ออกมาเยอะๆ กันสักที ขอตอนแรกๆ ให้ค่อยเป็นค่อยไปกันก่อนนะ (กราบ)

    แล้วตอนนี้เราก็ได้รู้ความลับของแพคฮยอนแล้วนะ จากนี้แพคฮยอนก็จะกลายเป็นผู้ชาย

    ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ทำสิ่งๆ ดีให้อีกฝ่ายโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย

    และน้องโด้ก็จะคอยเป็นกำลังใจให้อยู่ข้างๆ คิคิ

     

    มาอัพเร็ววันต่อวันนี้ตกใจกันไหมเนี่ย อีแม็กนี่นึกคึกอะไรอัพเร็วเหลือเกิน

    มึงไม่ดองสักอาทิตย์ก่อนหรือไง ดองไม่ได้แล้ว ไม่งั้นไม่ทันฟิค

    555555555555555555555555555

    ประกาศกันอีกที ใครที่สั่งจองฟิคอินยัวร์ฮาร์ทแล้วมีเวลาโอนเงินถึงวันที่ 16 นี้เที่ยงคืนนะคะ

    อย่าลืมโอนกันน้า โอนมาเถอะ อย่ายกเลิกออเดอร์เลย สงสารแม็กกี้ตาดำๆ คนนี้ด้วยเถิด

     

    แล้วก็บูธงานฟิคเลื่อนเป็นบูธที่ F6 นะคะ ชื่อยังคงเหมือนเดิม พี่แม็กของน้องฮุน

    เจอกันได้วันที่ 26 มกรา ปีหน้าจ้ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×