☆☆☆
ดู Blog ทั้งหมด

เล็งงงงง

เขียนโดย ☆☆☆

วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า เป็นสถาบันผลิตแพทย์ทหารแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ก่อตั้งเป็นสถาบันแพทยศาสตร์ลำดับที่ 7 ของประเทศ จากกระแสพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ โดยดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก และดำรงสถานะสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัยมหิดล




ในปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลได้อนุมัติจัดตั้งโรงเรียนเสนารักษ์กองทัพบกขึ้น โดยเป็นหลักสูตรแพทย์ประกาศนียบัตร ระยะเวลาศึกษา 4 ปี 6 เดือน ดำเนินการผลิตแพทย์เพื่อรับใช้กองทัพจนถึงปี พ.ศ. 2490 รวมทั้งสิ้น 4 รุ่น แล้วหยุดไปเนื่องจากขาดแคลนบุคลากรอาจารย์แพทย์และอุปกรณ์การเรียนการสอน อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหมมีความตระหนักถึงภารกิจที่สำคัญของแพทย์ทหาร จึงได้หาแนวทางปฏิบัติต่างๆ อาทิ การรับแพทย์ภายในประเทศเข้ารับราชการ ตลอดจนให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนเตรียมทหารเข้าศึกษาวิชาแพทย์ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ในระหว่างปีการศึกษา 2511 ถึงปีการศึกษา 2516 แล้วก็ต้องยุติไป เนื่องจากกระแสต่อต้านที่รุนแรงจากหลายฝ่าย ที่เกรงว่าจะทำให้ผลิตแพทย์ที่ไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่
 
 
พระราชวังพญาไท
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 โดยกรมแพทย์ทหารบกได้เสนอเรื่องขอจัดตั้ง "โรงเรียนแพทย์ทหาร" เนื่องเกิดความขาดแคลนแพทย์ทหารอย่างมากในกองทัพ ทำให้มีการรื้อฟื้นแนวคิดในการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ทหารขึ้นมาอีกครั้ง และได้รับอนุมัติหลักการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 แต่ต้องชะลอโครงการไว้ เนื่องจากไม่ได้รับสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยมหิดล
 
โครงการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ทหารได้เริ่มขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ภายหลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานจากกระแสพระบรมราโชวาทแก่นิสิตแพทย์ ณ หอประชุมราชแพทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2516

เดิมทางทหารมีความจำเป็นที่จะรับสมัครแพทย์ สำหรับโรงพยาบาลทหารและกิจการของทหาร เพราะว่าเวลารับสมัครแล้วไม่มีใครสมัคร และทำไมไม่มีใครสมัคร ก็เข้าใจว่า เพราะว่าการเป็นแพทย์ทหารนั้นเหนื่อย การเป็นแพทย์นี้ก็เหนื่อยอยู่แล้ว คือต้องรักษาพยาบาลคนไข้ไม่เลือก มีงานในเวลาราชการแล้ว นอกเวลาราชการก็ต้องมีงานอีก นอกจากนั้นเป็นแพทย์ทหารก็ยังมีว่า ต้องออกไปปฏิบัติงานสนาม ซึ่งอาจต้องฝ่าอันตราย คนเราที่จะต้องฝ่าอันตรายก็อาจกลัวได้ อาจเสียวว่าอาจต้องเสียชีวิต หรือจะต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อไหร่ก็ได้ นอกจากนี้เวลาเป็นแพทย์ทหาร ไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ก็ต้องปฏิบัติงานของตน เครื่องมือเครื่องใช้ก็อาจจะไม่ครบถ้วน ก็เกิดความรู้สึกที่ท้อใจ เพราะว่าเรียนมาแล้วมีความรู้ดี ไม่สามารถที่จะเรียนต่อ ไม่สามารถที่จะค้นคว้า ไม่สามารถที่จะมีเครื่องมือ ที่ทันสมัยที่ใหญ่โต นอกจากนั้นก็มีอื่นๆ ก็คือเงินเดือนไม่มาก ทั้งการไปดูงานเมืองนอกก็ไม่ค่อยมีนัก ฉะนั้นก็ไม่มีใครอยากเป็นแพทย์ทหาร ก็มีความจำเป็นที่จะมีแพทย์ทหารทางราชการทหาร ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในด้านวิชานี้ ซึ่งก็มีเหตุผลอยู่เมื่อมีการแสดงความไม่พอใจ หรือไม่เห็นด้วยในการนี้ก็ทำตาม คือระงับการเรียนในมหาวิทยาลัย ก็เป็นอันว่าการวุ่นวายก็ได้ผลดีคือ ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ ซึ่งจุดประสงค์อันนี้ก็ไม่ต้องขอบอกว่า ไม่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง คิดเอาเอง ครั้นมาถึงเวลาที่บอกว่าไม่มาฝากแล้ว ทางราชการทหารจะตั้งโรงเรียนแพทย์เอง คือ โรงเรียน สำหรับแพทย์ทหาร ก็เกิดโวยวายขึ้นมาใหม่โวยวายว่า ทำไมทหารต้องมีแพทย์ทหาร มีโรงเรียนแพทย์ทหารตั้งขึ้นมาใหม่ ก็ในการที่ทหารมาฝากเรียนก็มากินที่คนอื่น เมื่อกินที่คนอื่นเขาก็ต้องทำที่ที่อื่น ไม่มาเบียดเบียน ทำไมเมื่อเขาตั้งโรงเรียนแพทย์ทหารขึ้นมาจะต้องโวยวาย อันนี้ก็ต้องมีเหตุผลในสมอง ไม่ขอผ่าสมองดูว่าคิดถูกหรือไม่ถูก หรืออาจเป็นคนละคนก็ได้ หรืออาจไม่ได้ทันคิดว่าคำพูดสองอย่างนี้มันขัดกัน ฉะนั้นก็ถึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า ถ้าจะคิดอะไรหรือจะปฏิบัติการใดๆ ก็ขอให้คิดให้รอบคอบเสียก่อน ว่าจะเอาอะไรแน่ ถ้าเอาอะไรแน่แล้วก็ปฏิบัติไปจะได้ผลดี

สัญลักษณ์ประจำวิทยาลัย

ตราสัญลักษณ์วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
ตราสัญลักษณ์ของวิทยาลัย 
 
- พระมหาพิชัยมงกุฎพร้อมรัศมี หมายถึง ราชอิสริยาภรณ์ ราชาธิปไตย อันเป็นเครื่องประดับพระเศียร พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีสร้างในรัชสมัยรัชกาลที่ ๑ ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงสวมในพิธีพระบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีสำคัญ
 - เลข ๖ ใน วงกลม หมายถึง รัชกาลที่ ๖ แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงสร้างพระราชวังพญาไท ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้ง วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ปัจจุบัน (บางส่วน)
- รร ในวงกลม หมายถึง พระนามาภิไธยย่อ รามรามาธิบดี ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
- พญานาค หมายถึง วิชาแพทย์ ที่พระวิศวามิตร์เล่าไว้ในบ่อเกิดรามเกียรติ์ว่า เทวดา และอสูร ต้องการเป็นอมตะ จึงทำพิธีกวนเกษียรสมุทร โดยใช้เขามนทรคีรีเป็นไม้กวน นำพญาวาสุกรีเป็นเชือก เป็นผลให้เกิดประถมแพทย์ ธันวันตะรี ผู้ชำนาญในอายุรเวท

เพลงประจำวิทยาลัย 
 - อินทนิล และ แพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
ดอกไม้ประจำวิทยาลัย 
 - ดอกอินทนิล
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อินทนิล
สีประจำวิทยาลัย 
 - สีขาบ หรือ น้ำเงินเข้ม (ทางการ) และ สีเขียว-เหลือง (ไม่เป็นทางการ ใช้เป็นสีประจำวิทยาลัยก่อนที่จะประกาศใช้เป็นสีขาบ ซึ่งสีเขียว-เหลืองเป็นสีขอบหมวกของนักเรียนแพทย์ทหาร

ภาควิชา
ปัจจุบัน วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ประกอบด้วยภาควิชา 21 ภาควิชา ได้แก่
 
ชั้นปรีคลินิก
 
- ภาควิชากายวิภาคศาสตร์
- ภาควิชาชีวเคมี
- ภาควิชาสรีรวิทยา
- ภาควิชาเภสัชวิทยา
- ภาควิชาจุลชีววิทยา
- ภาควิชาพยาธิวิทยา
- ภาควิชาปาราสิตวิทยา
- ภาควิชาเวชศาสตร์ทหารและชุมชน

ชั้นคลินิก
 
- ภาควิชาอายุรศาสตร์
- ภาควิชาศัลยศาสตร์
- ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
- ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
- ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์
- ภาควิชาจิตเวชและประสาทวิทยา
- ภาควิชาวิสัญญีวิทยา
- ภาควิชารังสีวิทยา
- ภาควิชาจักษุวิทยา
- ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
- ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน
- ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู
- ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว

การรับบุคคลเข้าศึกษา
การรับบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ของทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฏ มีการรับสมัครเฉพาะผ่านทางระบบแอดมิดชันตรง ร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.)เท่านั้น มีจำนวนรวม 100 คน
 
โดยได้แยกการรับระหว่างชาย กับหญิงดังนี้
 
ชาย 60 นาย (รวมถึงผู้ที่ต้องการรับทุนกองทัพบกจำนวน 20 นาย ซึ่งจะทำการคัดเลือกหลังจากจบการศึกษาชั้นปีที่ 1 จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว)
หญิง 40 คน

การเรียนการสอนวิชาแพทย์
แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
 
ชั้นเตรียมแพทย์ 
ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ตามข้อตกลงกับกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518) ให้นิสิตเตรียมแพทย์ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้าศึกษาที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเตรียมแพทยศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า) เป็นระยะเวลา 1 ปี การศึกษาจะอยู่ในความรับผิดชอบตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (เมื่อเรียนจบครบตามหลักสูตรแพทยศาสตรบัณทิตแล้ว จึงจะได้ วุฒิ วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเตรียมแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วย) การเรียกผู้เรียนว่า"นิสิต" ตามศักดิ์และสิทธิของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชั้นปรีคลินิก 
มีการจัดการเรียนการสอน ณ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (เดิมการเรียนการสอนใช้สถานที่สถาบันพยาธิวิทยา กรมแพทย์ทหารบก ในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า) เป็นเวลา 2ปี
ชั้นคลินิก 
ใช้สถานที่ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นเวลา 3 ปี


 

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น