spy4869
ดู Blog ทั้งหมด

นิยาย1-9.4

เขียนโดย spy4869

ตอนที่8

ฮีโมฟีเลีย

            ฉันหลับตาลงบนเตียงนุ่ม พี่ริวกับโชนอนอยู่ชั้นล่าง ส่วนมินก็นอนก็นอนอยู่กับขวัญ  ฮีโมฟีเลีย โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้  มันเป็นโรคทางพันธุกรรมที่จะแสดงอาการกับผู้ชายทุกคนที่มีแม่หรือพ่อเป็น สำหรับผู้หญิง เมื่อเธอแต่งงานไปแล้ว ลูกๆของเธอก็จะติดโรคนี้ด้วย  เวลาเป็นแผลหรือมีเลือดไหล คนที่เป็นโรคนี้จะต้องฉีดยาที่เรียกว่าแฟคเตอร์ เพื่อทำให้เลือดหยุดไหลฉันนึกถึงข้อความที่พี่ริวบอกไว้เมื่อครู่  บนโต๊ะของฉันมีสมุดบันทึกที่กางไว้เอาไว้อยู่  ฉันมองมันและหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว...

            วันจันทร์ 16-02-XX เวลา 23:30 น.

            ขวัญเจอวิญญาณตอนเช้า  ส่วนฉันโดนรุม เพราะนายเอ็มแท้ๆ ฉันกลายเป็นคนโชคร้ายสำหรับนายเต้ไปตั้งแต่เมื่อไรนะ ขวัญหายไป ตามหาแทบบ้า  สุดท้ายก็ไปอยู่กับเอ็ม โชเป็นโรคฮีโมฟีเลียด้วย พี่ริวเพิ่งบอกวันนี้เอง  

 

            ฉันตื่นมาในเวลาราวๆ 6.30 น. เมื่อลงไปถึงข้างล่างก็เจอมินที่นั่งอยู่ข้างล่างรออยู่แล้ว  เธอกำลังนั่งดื่มนมที่ซื้อมาจากเซเว่น  เพราะอะไรฉันถึงรู้น่ะหรือคะ ก็ถุงที่เธฮใส่มามันปลิวมาติดขาฉันอยู่นี่ไง

            อ่อ... ขอโทษทีนะ  พี่ริวกับโชกับไปเมื่อกี้  เห็นว่าจะไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน  ส่วนฉันเดี๋ยวจะยืมชุดนักเรียนของขวัญมาใส่แก้ขัดไปก่อนมินบอก ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินไปบนบ้านอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินมาไล่ให้มินไปอาบต่อจากฉัน  ส่วนขวัญเดี๋ยวตื่นแล้วค่อยอาบต่อก็ยังทัน   

            ฉันเดินเข้าไปในครัว เปิดขวดนมที่แช่อยู่ในตู้เย็นออกมานั่งกินรอทุกคน  แต่ระหว่างนั้น ฉันกลับเหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์สีฟ้าที่ตกอยู่บนพื้น  ฉันเก็บขึ้นมาและเปิดดู  ในนั้นมีบัตรนักเรียนของมินกับภาพของใครอีกคนพร้อมกับรูปหัวใจดวงโตๆ  ฉันมองแล้วเดินขึ้นไปบนห้องหยิบภาพๆหนึ่งลงมา  ฉันเปิดกระเป๋าสตางค์ของมินอีกครั้งก่อนจะสอดภาพนั้นเข้าไป  แล้ววางมันลงบนโต๊ะ เมื่อมินลงมา เธอก็รีบเข้ามาหยิบกระเป๋าสตางค์ไปทันที  ฉันแอบเห็นเธอหน้าแดงตอนที่เปิดกระเป๋าสตางค์สำรวจด้านในด้วยนะ  กลัวฉันขโมยเงินรึไง

            แก้ว... เอ่อ... อย่าบอกใครนะ ขอร้องล่ะมินเอามือประกบกับดังแปะแล้วขอร้องฉัน  ฉันพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมาลอยๆ

            เพิ่งรู้นะว่าเธอก็เป็นแฟนคลับของนาย เอ็มด้วย ชอบเขาก็บอกไปซะสิฉันพูดเอื่อยๆ แต่มันก็ทำให้มินหันมามองหน้าฉันทันที  เธอทำเสียงจุ๊ๆเหมือนให้ฉันเงียบ ก่อนจะเปิดกระเป๋าสตางค์ดูรูปในนั้นอีกครั้ง  ฉันนั่งรอขวัญอยู่ราวๆยี่สิบนาที เธอก็เดินลงมาข้างล่าง  ก่อนที่พวกเราจะออกไปนั่งรถเมล์ เพื่อไปโรงเรียนเอกอนันตศึกษา

            เมื่อมาถึงโรงเรียน  ฉันก็แยกตัวไปซื้อขนมปังกับนมมานั่งที่ประจำ  ไม่นานทุกคนก็ตามมาสมทบ น่าแปลกที่วันนี้พี่ริวเดินตามนายโชมาด้วย  สงสัยกลัวโชจะไปทำซุ่มซ่ามที่ไหนล่ะมั้ง  แต่ตัวการที่ทำแก้วแตกเมื่อวานมันก็คือฉันนี่หน่า  เอาเถอะอย่าไปคิดมาก  แต่ว่าวันนี้ฉันยังไม่เห็นเงาของบีมเลย ไม่รู้เธอหายไปไหน ซันก็ยังโผล่หน้ามาจากข้างบนเหมือนเดิม  พี่นัทก็นั่งห้อยขาดูนักเรียนเดินเข้าโรงเรียน  ไม่มีวิญญาณตนไหนที่บีมไปเกาะแกะอยู่ด้วยเลย  แต่ไม่ทันคิดจบ ฉันก็เห็นวิญญาณของบีมลอยตามหลังใครมาสักคน

            อ้าว... คนโชคร้าย  มาอยู่ตรงนี้ได้ไงเนี่ยนายเต้ทักเสียงดังลั่นทำเอาทุกคนในบริเวณนั้นหันมอง  ยกเว้นฉันไว้คนละกันนะ  ฉันยังคงนั่งกินขนมปังและนมต่อไปโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น  ปล่อยให้พี่ริวนั่งคุยกับโช มินและขวัญต่อไป

            แล้วนายล่ะมาได้ไงพี่ริวถาม  สองคนนี้รู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย แปลกใจจริงๆ  และฉันก็เห็นใครอีกคนที่เดินตามหลังของนายเต้มา  เอ็มเดินมานั่งข้างๆพี่ริว  ที่จริงมันก็เหลือที่ว่างแค่ที่เดียวเท่านั้นแหละ  บีมลอยมาเกาะคอฉัน เอาเข้าไป นับวันคอฉันจะกลายเป็นเก้าอี้เข้าไปทุกที  และวันนี้นายเต้ก็กลายมาเป็นสมาชิกจำเป็นในกลุ่มนี้อีกคน  ไม่แน่ใจว่าหนอนี้จะรู้ชื่อฉันรึยัง แต่เห็นว่ายังไม่มีใครเรียกชื่อฉันเลยสักคน

            เออ... พี่ริว เย็นนี้ผมไม่เข้าชมรมนะ พ่อให้ไปช่วยงานที่บริษัทอ่ะนายเต้ว่า  พี่ริวหันไปมองหน้าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่  ก่อนจะพยักหน้าปลงๆ

            เออๆ ลูกประธานบริษัทนี้งานเยอะจริง แต่อย่าให้จับได้นะเว้ยว่าไปเที่ยวจีบสาวคนไหนน่ะ ไม่งั้นพี่ตัดออกจากทีมบาสโรงเรียนจริงๆด้วยพี่ริวขู่  แต่จากที่ฉันฟัง นายเต้เนี่ย รู้สึกว่าจะเรียนเก่ง... อันนี้แน่นอนเพราะเรียนห้องคิง  อารมณ์ดี...  อันนี้เป๊ะ เพราะฉันเจอมาแล้ว  บ้านรวย... มีพ่อเป็นประธานบริษัท คงจะไม่ใช่ย่อยๆ หล่อ... อันนี้ไม่แน่ใจ แต่อยู่ในระดับดูดีถึงดีมาก  นี้มันครบสูตรผู้ชายเพอร์เฟ็คเลยนี้หว่า  ฉันนั่งฟังทุกคนคุยกันไปเรื่อยๆ จนออดบอกเวลาเข้าแถวดังขึ้น ฉันเลยแยกจากทุกคนไป  พี่ริวเดินไปที่แถวของชั้นม.4  นายเต้ เอ็มกับขวัญก็เดินไปที่แถวของ ม.2/1   มินและโชก็ไปประชุมคณะกรรมการนักเรียน  เหลือแต่ฉันคนเดียวที่ต้องยืนอยู่ในแถวของม.2/3  ที่บีมไม่ยอมเข้าแถวกับฉัน มีเหตุผลหลักๆอยู่สองข้อค่ะ หนึ่งคือคนแน่น อึดอัด  กับข้อที่สองคือ กลัวดำค่ะ เพราะแดดมันแรง ดังนั้นตอนนี้เธอเลยลอยไปนั่งบนดาดฟ้าโรงเรียนเป็นเพื่อนพี่นัทซะแล้ว ฉันมั่นใจว่าบนนั้นแดดแรงกว่าที่ๆฉันยืนเข้าแถวอยู่นะ  เสียงเพลงชาติกับเสียงสวดมนต์ดังระงม ฟังแทบไม่ออก จากนั้นก็จะมีอาจารย์ขึ้นมากล่าวอะไรกับนักเรียนอีกสิบกว่านาที  แต่วันนี้มาแปลกค่ะ ที่ๆต้องเป็นอาจารย์ยืนอยู่กลับมีรุ่นพี่คนหนึ่งมายืนแทน พี่คนนั้นเดินมาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง

            สวัสดีน้องๆ เพื่อนๆ และพี่ๆทุกคนนะครับ  ผม... นายนนท์  เหล่าภัคดี ชื่อเล่นชื่ออาร์ตนะครับ  เป็นประธานกิจกรรมปีนี้ เดี๋ยวผมจะประกาศรายชื่อ ขอให้คนที่มีรายชื่อต่อไปนี้มาพบผมหลังเข้าแถวเสร็จนะครับพี่อาร์ต จำได้ไหมคะ  พี่ของนายเอ็มไงล่ะ  พี่อาร์ตประกาศรายชื่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาสะดุดหูของฉันที่ชื่อๆหนึ่ง

            ด.ญ.จิตใส เพรชมรกต ม.2/3...แล้วพี่อาร์ตก็ประกาศต่อไปเรื่อยๆ  แต่ฉันสิ ยืนเอ๋อไปตั้งแต่ได้ยินชื่อตัวเองแล้ว  ทุกคนในแถวโผล่หัวมามองหน้าฉันเกือบทุกคน คงอยากจะมาถามแต่ไม่มีใครกล้าซะมากกว่า  ก็นะ... ฉันมันเป็นที่รักของห้องนักนี่  ฉันรอพี่อาร์ตประกาศทุกเรื่องจนจบ จากนั้นก็เป็นเวลาแย่งชิงกันขึ้นตึก  ส่วนฉันก็ต้องเดินขึ้นไปหาพี่อาร์ตอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย

อ้าว!  เธอ... เพื่อนนายเอ็มนี่ น้องแก้วใช่ไหมพี่อาร์ตหันมาทักฉัน  ฉันพยักหน้าน้อยๆให้รู้ว่าฉันตอบรับแล้ว  พี่อาร์ตจึงเลิกให้ความสนใจกับฉันแล้วหันไปประกาศงานที่ทำให้ฉันต้องมานั่งรวมกลุ่มอยู่แบบนี้  นักเรียนในห้องฉันนอกจากฉันยังมีมินกับโชที่เป็นคณะกรรมการนักเรียนนั่งอยู่ด้วย  ทำไมคนที่ฉันรู้จักถึงมีตำแหน่งกันจังนะ ส่วนฉันถ้าจะมีตำแหน่งล่ะก็... คงเป็นตำแหน่งคนที่เพื่อนกลัวที่สุดในห้องล่ะมั้ง

ที่ผมเรียกทุกคนมารวมกันในวันนี้ เพราะจากการที่ผมและประธานได้หารือกันแล้ว  พวกคุณทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี่ จะเป็นตัวแทนห้องในการจัดงานโรงเรียน  เพราะพวกคุณคือคนที่คณะกรรมการนักเรียนของห้องได้เสนอชื่อมา  และผมก็ขอฝากงานโรงเรียนในครั้งนี้ไว้กับพวกคุณด้วย  เป็นที่รู้กันว่างานโรงเรียนของเราทุกๆปีจะเปิดให้คนนอกเข้ามาชมงานได้  ดังนั้นขอให้ทุกคนทำงานกันอย่างสุดฝีมือ ชื่อเสียงของโรงเรียนเราจะดีหรือไม่อยู่ที่พวกเราทุกคนช่วยกันดูแล  จากนี้ไป พวกคุณมีสิทธิในการเบิกจ่ายเงินค่าจัดห้องของพวกคุณได้ที่คณะกรรมการนักเรียนในห้องของพวกคุณทุกคน ขอให้ทำงานนี้อย่างเต็มความสามารถ ใครมีคำถามจะถาม ถามได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ...พี่อาร์ตพูดยาวเหยียด แต่ก็ไปอย่างช้าๆ ไม่มีสะดุด  ฉันยกมือขึ้นทันที

ครับ น้องแก้วมีคำถามอะไรครับพี่อาร์ตหันมาถามฉัน 

พี่อาร์ต แก้วขอถอนตัวได้มั๊ยคะ แก้วคงทำหน้าที่นี้ไม่ได้ฉันถามตรงๆ  ใครจะอยากทำกัน หน้าที่นี้มันต้องอาศัยความร่วมมือจากคนทั้งห้อง แต่คนที่ไม่ชอบฉัน นอกจากมินกับโชแล้ว ก็ไม่มีชอบฉันสักคน  ที่สำคัญหน้าที่นี้น่ะ มันเบ๊ชัดๆ!!

น้องแก้วครับ  พี่บอกแล้วไงครับว่าที่พี่กับประธานเลือกน้องน่ะ เพราะเพื่อนๆของน้องสองคนเป็นคนเสนอชื่อน้องขึ้นมาเองนะครับ  ขนาดเพื่อนๆยังเชื่อว่าน้องทำได้ แล้วทำไมน้องถึงไม่เชื่อในตัวเองล่ะครับ เอาเป็นว่าพี่ขอแล้วกันนะครับ น้องแก้วอย่าถอนตัวเลยนะพี่อาร์ตว่า  พูดกล่อมซะขนาดนี้ไม่ยอมเห็นทีจะไม่ไหว  ฉันพยักหน้าอย่างจำทน  ทำก็ทำ ทำไม่ดีอย่างมาว่าก็แล้วกัน...!

เอาล่ะครับ ถ้าไม่มีใครมีคำถามแล้ว เชิญขึ้นห้องเรียนได้ครับพี่อาร์ตพูด  ก่อนจะเดินกลับไปรวมกับประธานนักเรียน  ฉัน มินและโชเดินขึ้นไปบนตึก 

วันทั้งวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า  ทุกอย่างเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม  ฉันนั่งลงและฟุบลงกับโต๊ะ  อ่านหนังสือบ้างกินขนมบ้างตามแต่โอกาส  มีบีมมานั่งคุยเป็นเพื่อนกันหลับ  เรียนเสร็จก็กลับบ้าน เขียนบันทึกแล้วก็นอน  ตื่นเช้ามาอีกวันก็ไปโรงเรียน  เจอกับทุกคน และเริ่มจัดงานให้กับห้อง  โดยให้มินกับโชเบิกเงินมาเท่าที่จะได้และไปหาซื้อกระจกเงาเตรียมไว้หลายๆบาน  ทุกอย่างเป็นไปตามกฏเกณฑ์ของมัน ไม่มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาในชีวิตฉันอีกหลายวัน  ทุกๆอย่างเป็นไปเหมือนเดิม ที่ต่างก็คงจะมีแค่เวลาฉันนั่งในที่ประจำเมื่อไร จะต้องมีหน้าเดิมๆเข้ามาคอยกวน มิน โช เอ็ม ขวัญ  ขาประจำที่ตอนนี้แย่งมุมสงบของฉันไปและทำให้มันกลายเป็นมุมที่หนวกหูที่สุด...

 วันนี้ทางโรงเรียนยกเลิกการเรียนการสอนทั้งหมด  ให้นักเรียนช่วยกันตกแต่งห้องเพื่องานในวันจันทร์ที่จะถึง   ฉัน มินและโชช่วยกันแบกกระจกเงาไปที่ห้องแต่เช้า กลังจากเอาไปฝากไว้กับห้องกิจกรรมนักเรียนมาหลายวัน  ทุกคนในห้อง แยกกันเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรก จัดตกแต่งห้องและทำป้ายชื่อเกม  กลุ่มที่สองทำใบปลิวไปติดให้ทั่วโรงเรียนเพื่อโฆษณา  กลุ่มที่สามจัดกระจกให้เข้าที่    ฉันนัดแนะกับทุกคน ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามแต่ละหน้าที่  โดยที่ฉัน มินกับโช แยกไปคุมแต่ละสาย ของฉันคุมการจัดกระจก เพราะห้องเรียนไม่ใหญ่มากนัก การจะจัดให้เดินได้มันลำบาก  โชคดีที่มินไปขอยืมเก้าอี้สูงจากสระว่ายน้ำมาให้  มันทำให้ฉันเห็นภาพในมุมสูงขึ้นเยอะเลยล่ะ  ฉันเหลือบไปมองมินที่กำลังคุมเข้มการวาดภาพป้ายร้านของห้องอยู่  ส่วนโชก็คอยออกแบบใบปลิวที่จะใช้   โดยมีเพื่อนสี่ห้าคนล้อมวงช่วยกันออกแบบ  ฉันเลิกสนใจคนอื่นก่อนจะหันมามองงานตรงหน้าของฉัน  เพื่อนสิบกว่าคนกำลังพยายามวางกระจกให้เท่ากันตลอดแนวเพื่อให้มันสะท้อนไปมาได้อย่างเป็นระเบียบที่สุด

เปิ้ล  ขยับมาทางซ้ายหน่อยสิเสียงเพื่อนคนหนึ่งที่ถือกระจกคู่กับเปิ้ลบอก  เธอหันกระจกให้มาทางซ้าย แต่ก็ถูกปฏิเสธ

ไม่ใช่ ต้องขวาอีกหน่อย  บอกให้ขวาทำไมถึงไปทางซ้ายล่ะเจ้าของเสียงเริ่มเสียงดังมากขึ้นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ  และดูเหมือนคนที่ถูกว่าก็ไม่ยอมแพ้ ทำหน้าบูดบึ้ง

ถ้าอยากให้ได้ดั่งใจนัก งั้นก็มาจัดเองสิเปิ้ลว่า ก่อนจะทิ้งกระจกให้วางอยู่แบบนั้น แล้วเดินปึงปังออกไปจากห้อง  ทิ้งให้อีกคนเจ็บใจเล่นแล้วเดินตามออกไปอีกคน  เพื่อนสนิทของทั้งสองคนนั้นต่างวิ่งตามกันไปเป็นพรวน  เหลือในห้องอยู่เพียงไม่กี่คน

ก็บอกแล้ว... ว่าฉันคุมคนไม่เก่งฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วปีนลงจากเก้าอี้สูง  เดินมาขยับกระจกเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง    มีหลายคนมองมาที่ฉัน แต่ไม่ยักกะมีใครกล้ามาช่วย  ฉันแบกกระจกคนเดียวและเอาไปไว้ตามจุดต่างๆที่มาร์กเอาไว้ตั้งแต่ต้น เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงพักกลางวัน  แต่ทุกคนที่วิ่งออกตามตอนแรก ไม่มีใครเลยที่จะกลับเข้ามาในห้อง ซึ่งฉันก็ไม่คิดจะไปตามพวกนั้นมาเท่าไร  ถ้าไม่อยากช่วย ฉันทำคนเดียวก็ไม่เห็นจะเป็นไร  

แก้ว... ไปกินข้าวกันเหอะ  เดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อนโชเข้ามาชวนฉัน  แต่ฉันก็ส่ายหน้าปฏิเสธไป  งานตรงนี้ยังเหลืออีกเยอะ ถ้าฉันต้องทำคนเดียว  คงทำให้เสร็จทันตอนเย็นไม่ทันแน่

มินกับโชไปเถอะ เดี๋ยวเราขอทำตรงนี้ก่อนฉันบอกำแล้วชี้ไปที่บานกระจกซึ่งตั้งพิงๆกันเอาไว้อยู่

อย่าหักโหมนักล่ะ  กินเสร็จฉันจะซื้อขนมปังมาให้ แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยนะมินพูดก่อนจะลากมือของโชให้เดินออกไป...

ตอนที่9

งานโรงเรียน(2-03)

เช้าวันจันทร์นี้ไม่มีการเข้าแถว แต่ให้นักเรียนไปจัดตกแต่งห้องที่เหลือให้เสร็จ ฉันเองก็มาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของห้องเรียน  ภาวนาให้วันนี้ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับฉัน หลังจากที่มีชีวิตสงบสุขอยู่เกือบสองอาทิตย์  ฉันเดินสำรวจปากกาเมจิกที่ทุกคนในห้องเอาไว้ใช้นำทางหากใครหาทางออกไม่ได้จริงๆ  วันนี้หัวหน้าห้องจะเป็นคนคอยมองทุกคนจากเก้าอี้สูง  เพราะกระจกมันสองเท่ากับหัวคนพอดี ไม่มีทางที่จะมองเห็นคนอื่นๆได้เลย 

อ้าวแก้ว... มาเช้าจังเลยนะเสียงมินดังขึ้นด้านหลังฉัน  ตอนนี้บีมกำลังลองเข้าไปเล่นในเขาวงกตอยู่ทำให้เธอได้ยินแต่เสียงของมินเท่านั้น  ฉันมองมินแล้วพยักหน้าให้เธอแทนการสวัสดี

บีมอยู่แถวนี้รึเปล่าเป็นคำพูดติดปากของทุกคนที๋ฉันรู้จักไปแล้ว เมื่อมาทักฉันก็จะต้องถามถึงบีมด้วย  ฉันชี้เข้าไปในกระจกทั้งหมด

แก้ว... ออกไงอ่ะบีมตะโกนมาจากด้านใน ฉันยิ้มจางๆ แน่นอนว่ามินไม่มีทางได้ยินเสียงของบีม  ฉันขอตัวจากมินแล้วไปปีนเก้าอี้สูงดูเพื่อสำรวจว่าบีมอยู่ตรงไหน  ก่อนจะไต่เก้าอี้ลงมาแล้วเดินไปตามทางที่ฉันมาร์กเอาไว้ เพื่อไปให้ถึงตัวบีม แต่เมื่อฉันเจอบีมแล้ว เธอกลับทำให้ฉันประหลาดใจมากกว่า

บีม... ในกระจกน่ะ ใช่เธอรึเปล่าฉันชี้เงาสะท้อนในกระจก ภาพสะท้อนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าบีมและดูยังเด็กกว่าด้วย  เธอคนนั้นดูบางเบา เหมือนจะจางหายไปได้ทุกเวลา สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันสงสัยคือ... ภาพในกระจกที่สะท้อนออกมา นั่นจะใช่ตัวตนในสมัยที่บีมยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่  เธอในกระจกหันมายิ้มให้กับทั้งฉันและบีมก่อนจะจางหายไป  นั่นทำให้บีมดูเศร้าซึมลงไปในทันที  ฉันจูงมือบีมให้เดินตามจุดที่ฉันมาร์กเอาไว้ตามทาง จนออกมาถึงข้างนอก

คนในกระจกคือเธอเหรอบีมฉันถามหลังจากออกมาข้างนอกได้ โดยมีมินนั่งกินขนมอยู่ข้างๆ นั่งมองฉันคุยกับอากาศอย่างสบายใจ  ฉันกำลังคิดว่าฉันบ้าที่คบกับคนอย่างมินที่รู้ว่ามีวิญญาณอยู่ตรงหน้าแต่กลับกินขนมได้อย่างสบายใจ หรือมินที่บ้ามาดูฉันคุยกับอากาศเพราะเธอมองไม่เห็นวิญญาณกันแน่ ฉันชักไม่เข้าใจตัวเองแล้วสิ

ไม่รู้... ฉันจำไม่ได้บีมบอกแล้วค่อยๆจางหายไป ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากคุยอะไรเท่าไร  ที่จริงถ้าฉันจะหาเธอ ฉันก็เรียกมาได้ แต่ถ้าบีมไม่อยากให้ฉันเจอ ฉันก็จะไม่หาเธอ  ปล่อยให้ไปทำใจหน่อยเดี๋ยวคงดีขึ้น

รอไม่นานเท่าไร ทุกคนก็ค่อยๆทยอยกันมาพร้อมกับห้องที่จัดเสร็จเรียบร้อยพร้อมสำหรับการเข้าไปเล่นแล้ว ฉันปล่อยให้ทุกคนในห้องดูแลซุ้ม ส่วนฉันก็ไปเดินดูซุ้มอื่นๆ  จนเลิกไปถึงซุ้มของม.2/1

ไอซ์ แฟนซี ยินดีต้อนรับค่า~”ฉันเดินเข้าไปดู ห้องนี้จัดได้อย่างลงตัว ไม่รู้ว่าใครคิดนะ แต่มันเป็นร้านขายน้ำแข็งไส มีนักเรียนแต่งชุดเป็นยีราฟ เป็นม้าลายบ้าง นึกว่าอยู่ในสวนสัตว์เลยนะเนี่ย  ฉันสั่งน้ำแข็งไสแล้วเอามานั่งกินระหว่างนั้นก็มองหาคนที่ฉันพอจะรู้จักบ้าง  ก่อนจะเห็นนายเต้กำลังยืนตอนรับลูกค้าอยู่  นายนั่นแต่งเป็นฮิปโปล่ะ น่าขำชะมัด แต่ระหว่างที่ฉันกินอยู่ก็มีน้ำส้มวางลงบนโต๊ะฉัน แน่นอนว่าฉันไม่ได้เป็นคนสั่ง  ในขณะที่ฉันกำลังจะหันไปปฏิเสธ ก็เจอคำพูดตอบกลับมาก่อนฉันจะพูดอะไรเสียอีก

มีคนฝากมาให้ บอกว่าสำหรับคนโชคร้ายครับบอกแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไป แน่นอนว่าฉันรู้ในทันทีว่าใครสั่งให้เอามาให้ คนที่เรียกฉันว่าคนโชคร้าย  มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั่นแหละค่ะ... นายเต้ ฉันส่งค้อนลูกใหญ่ไปให้นายเต้ที่ยืนยิ้มรับอย่างยินดี  บ้าชะมัดเลย... ให้ตายสิ!

ทั้งหมด 35 บาทค่ะฉันให้ใครคนหนึ่งที่อยู่ในชุดแฟนซีมาคิดเงิน ฉันหยิบแบงค์ยี่สิบสองใบส่งให้แล้วเดินออกมานอกร้าน  ไหนๆนายเต้ก็มีน้ำใจเลี้ยงน้ำส้มฉัน จ่ายเกินไม่กี่บาทคงไม่เป็นไรมั้ง ฉันเดินสำรวจไปเรื่อยๆ มีหลายซุ้มที่น่าสนุก  ฉันเดินผ่านซุ้มๆหนึ่งที่ทำเอาฉันต้องหยุดยืนดู

เธอกำลังมีโชคนะ  อาจได้รับเคราะห์ทางน้ำ ระวังตัวด้วย  ถ้าเจอผู้หลักผู้ใหญ่ก็ให้ทำตัวนอบน้อมเอาไว้ แล้วจะได้รับโชคที่ไม่คาดฝันผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะผ้าสีกำมะหยีสีแดงเลือดหมู  บรรยากาศในห้องมีสีทึบๆ ดูมีมนต์ขลังอย่างประหลาด รวมกับผู้ทำนายที่ใช้ผ้าคลุมหน้าไว้ทั้งหมด ชุดสีดำที่กลืนไปกับสีห้อง  ทำให้ดูลึกลับน่าค้นหา  ฉันมองผ่านฝูงคนที่กำลังรุมล้อมห้องนี้ หน้าห้องเขียนป้ายไว้ว่า ทำนายโชคชะตา ดวงวันนี้  การงาน การเงิน ความรักฉันหัวเราะฮึเบาๆ  เรื่องงมงายพวกนี้ ก็แค่ใช้การเดามั่วๆเท่านั้นเอง

น้องแก้ว... เข้ามาสิครับฉันเผลอหันมองคนเรียกที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะ  ผ้าคลุมสีดำถูกปลดออกจากหน้า  ทำให้ฉันตกใจไม่ใช่น้อยเมื่อหลังผ้าคลุมนั่นเป็นคนที่ฉันรู้จักดี เคยเห็นหน้ามาครั้งนี้ก็ครั้งที่สี่แล้ว  ฉันเดินไปนั่งลงแล้วยกมือไหว้

หวัดดีค่ะพี่อาร์ต  เพิ่งรู้นะคะว่าว่าที่หมอผีก็ดูดวงเป็นด้วยฉันหยอกก่อนจะยื่นมือให้กับพี่อาร์ตที่แบมือรออยู่  เขาหลับตาลงสักพัก  ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วดันมือของฉันออกไป

ไม่มีอดีตนี้หน่า  เธอความจำเสื่อมเหรอพี่อาร์ตทักในสิ่งที่ฉันแน่ใจว่าไม่เคยบอกให้พี่เขารู้  ฉันพยักหน้าเบาๆ  พี่อาร์ตยิ้มเผล่แล้วผายมือเชิญ ก่อนเดินออกไป พี่อาร์ตได้บอกฉันไว้ประโยคหนึ่ง

เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง  ไม่ต้องเป็นห่วงนะเขาว่าอย่างนั้นแหละค่ะ  อะไรจะดีนะ  ฉันเดินออกไปเรื่อยๆ  โผล่หน้าไปชมรมบาสที่ทำเป็นบ้านผีสิง  พี่ริวดูท่าจะโดดงานห้องมาช่วงงานชมรมซะมากกว่านะเนี่ย  พี่ริวแต่งเป็นแฟรงค์เกนสไตล์  ค่อยเก็บเงินอยู่ที่หน้าทางเข้า  เกิดมาเพิ่งเคยเห็นแฟรงค์เกนสไตล์ดูดีขนาดนี้นะเนี่ย  ฉันเดินเข้าไปทักพี่เขาเล็กน้อย  ก่อนจะถูกดันหลังให้เข้าไปในบ้านผีสิง  นี่วันนี้ฉันถูกลากให้เข้าไปในงานของคนรู้จักเกือบหมดแล้วนะเนี่ย  แถมได้มาฟรีๆอีกต่างหาก  แต่ถ้าเขาเต็มใจให้ ทำไมฉันจะรับไว้ไม่ได้ล่ะ  ฉันเดินเข้าไปในบ้านผีสิงที่สร้างบรรยากาศให้ประสาทหลอนสุดๆ มีเสียงหมาหอน เสียงพระสวด เสียงกระจกแตกดังอยู่ตลอดเวลา  ระหว่างทางเดินก็มีผีโผล่มาหลอกอยู่ตามระยะ แต่จะทำอะไรกับคนที่เจอผีได้ทุกวี่ทุกวันอย่างฉันกันล่ะ ที่ฉันเดินผ่านมาเนี่ย เบสิกๆทั้งนั้น  เละกว่านี้ฉันก็เจอมาแล้ว 

แฮ่!”ผีตัวหนึ่งโผล่มาจากบนเพดาน  ชักจะทำเหมือนขึ้นทุกทีแล้วนะ  ฉันเอามือปัดผีตัวนั้นออก แต่มือของฉันกลับปัดทะลุผ่านร่างของผีตัวนั้นได้ง่ายดาย ราวกับเป็นแค่อากาศ  ฉันมองคนอื่นๆที่เดินผ่านผีตัวนั้นไป เหมือนกับไม่เห็นอะไรอยู่ตรงนั้น  งั้นแสดงว่าฉันได้เจอกับวิญญาณอีกแล้วสิเนี่ย  ฉันเพ่งมองให้ดีๆ ก่อนจะรู้ว่าวิญญาณตรงหน้าคือใคร

พี่นัทเองเหรอ  ตกใจหมดเลยฉันบ่นพึมพำ ก่อนจะมองไปรอบๆ ถ้าเจอพี่นัทแน่นอนว่ามันต้อมีใครอยู่ด้วยอีกแน่

บีม!! ซัน!!”ฉันตะโกนดังลั่น แสดงว่าผีที่ฉันผ่านมาเมื่อกี้ มีทั้งซันทั้งบีมเลย มากันครบทีมจริงๆ   ฉันครางในลำคอเบา  ก่อนจะมองบีมที่ลอยมาในสภาพผีตัวเมื่อกี้เป๊ะเลย  ถึงว่าทำไมไม่มีใครกรี๊ดเลยสักคน  เธอเปลี่ยนร่างให้เป็นแบบเดิม  แล้วลอยมาเกาะคอฉัน

น่ากลัวรึเปล่า  ซันแต่งให้ฉันแหละ  น่าเสียดายที่แก้วไม่ยอมกลัวเลย...บีมเข้ามาออดอ้อนฉันอยู่ข้างหู จักจี้นะเว้ย!  ฉันผลักบีมให้ออกห่างจากตัวฉัน  แล้วมองวิญญาณทั้งสามตัวที่ลอยอยู่รอบตัวฉัน  เอ่อ... นี้ฉันถูกผีบังใช่ไหมเนี่ย บังมิดเลยด้วย  ฉันจับผมมาปล่อยยาวถึงกลางหลังมามัดรวมไว้ด้วยหนังยางสีดำ  ก่อนจะออกมาด้านนอก  เดินระหว่างทางก็มีผีออกมาหลอกล่ะค่ะ แต่ฉันมีผีห้อมล้อมอยู่ตั้งสามตัว  ไม่เห็นจะต้องไปกลัวผีที่เป็นคนเลย  พอออกมาข้างนอก  บีม ซันและพี่นัทก็ขอตัวกลับเข้าไปหลอกคนในบ้านผีสิงอีกครั้ง แถมยังมีการโบกมืออำลาอีกแหน่ะ สุดๆเลยพวกนี้นี่...

ฉันเดินไปเรื่อยๆ หาเกมที่น่าเล่น  แต่พอดูแล้วไม่มีอะไร ฉันก็เดินกลับไปที่ซุ้มห้องของฉัน  ที่ตอนนี้แน่นไปด้วยผู้คนที่กำลังเข้าไปเล่นเกม  มีบางคนออกไม่ได้ก็ยกมือให้ช่วย  แล้วมินก็จะเป็นคนไปพาออกมา  ไม่งั้นมีหวังได้หาทางออกทั้งวันน่ะสิ  ฉันโบกมือให้กับโชและมิน เพื่อให้ทั้งสองคนรับรู้ว่าฉันกลับมาแล้ว  โชที่กำลังเก็บเงินค่าเข้ายกมือตอบกลับ  ส่วนมินก็เดินมาเอาป้ายแขวนคอฉันไว้

เอาไปเลย แล้วคอยดูคนที่ยกมือด้วยล่ะ ฉันไปหาเอ็มก่อนนะมินกระซิบประโยคหลังกับฉันแล้วออกไปลั่นล้าด้านนอก  เอาเข้าไปสิ  หลังจากที่ฉันรู้ความลับเธอแล้ว เธอก็ชอบมาคุยเรื่องเอ็มกับฉันตลอด  จะรู้บ้างไหมเนี่ยว่าเอ็มกับฉันน่ะ เป็นศัตรูกันนะ ถึงตอนนี้มันจะไม่ค่อยเหมือนแล้วก็เหอะ  ฉันมองตามหลังของมินออกไปแล้วหันไปมองโชที่แบมือสองข้างแบบชินชา  ฉันเลยหันมามองหน้าที่ของตัวเองดีกว่า  ในห้องตอนนี้มีทีมงานอยู่ราวๆ5-6คน  ทำหน้าที่คอยต้อนรับ เก็บเงิน และคอยช่วยเหลือคนที่หาทางออกไม่ได้  น็็

            ฉันทำงานของฉันไปเกือบครึ่งค่อนชั่วโมง  มินถึงกลับมาหาฉันอีกครั้งพร้อมใบหน้าเปี่ยมสุข เออ... ปล่อยเขาไปเถอะนะ  ฉันมองนาฬิกาที่ห้องก่อนจะเป่านกหวีด เพื่อบอกให้คนที่เล่นเกมอยู่รู้ว่าหมดเวลาเล่นเกมนี้แล้ว ผู้ช่วยเหลือที่ยืนรออยู่ด้านนอกวิ่งเข้าไปหาคนที่หลงอยู่ตามจุดต่างๆและพาออกมา  ก่อนจะเคลียร์พื้นที่ให้คนที่จะเล่นกลุ่มใหม่เข้าไป  ฉันปีนขึ้นไปบนเก้าอี้สูงที่ตอนแรกมีเพื่อนคนหนึ่งนั่งอยู่  แต่ตอนนี้เห็นว่าขอไปพักก่อน  ฉันเลยขึ้นมาแทน  เด็กชั้นประถมที่อยู่โรงเรียนรัตนวิทยาก็มาด้วย ฉันสังเกตจากตัวย่อที่ปักบนเสื้อนั่นแหละ  ฉันมองผ่านไปเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุดกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเธอห้าวๆเหมือนทอมยังไงไม่รู้ ฉันมองผ่านเธอไปรอบๆอีกครั้งและมองกลับมาที่เดิมเพื่อจะพบว่าเธอยังคงจ้องฉันไม่วางตา  ฉันยิ้มให้เธอจางๆ สงสัยหน้าฉันมีอะไรติดอยู่มั้ง  เธอคนนั้นเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะชี้หน้าฉัน

            พี่แก้วใช่ป่ะ  จำซอลได้มั๊ย?ฉันมองหน้าเด็กคนนั้นก่อนจะพยายามนึกหน้าของเด็กคนนี้ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก

            ไม่รู้สิ  พี่จำไม่ได้ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ เด็กที่ชื่อซอลทำหน้าเสียดายนิดๆแล้วมองป้ายชื่อที่แขวนคอฉันอยู่  แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม

            ยังไงพี่ก็คือพี่แก้วนั่นแหละ ซอลจำชื่อจริงพี่ได้  ซอลเรียนอยู่รัตนวิทยาไง  ซอลเคยคุยกับพี่ตอนป.2 แล้วหลังจากนั้นซอลก็ไม่ได้เจอพี่อีกเลยซอลทำท่าจะพูดต่ออีกยาวแต่ก็มีเสียงเพื่อนๆของเธอเรียกไว้  เธอหันไปโบกมือให้แล้วหันมาบอกลากับฉัน

            ซอลไปก่อนนะพี่  ว่างๆจะแวะมาหาเธอบอกแล้วหันหลังวิ่งไปหากลุ่มเพื่อนๆที่รออยู่  ฉันมองตามหลังเธอไปแล้วก็หัวเราะเบาๆ  น่าแปลกที่คราวนี้ไม่มีภาพอะไรผุดขึ้นจากหัว  สงสัยว่าเด็กที่ชื่อซอลคงจะไม่ได้อยู่ในความทรงจำฉันล่ะมั้ง  ฉันนั่งอยู่ด้านบนประมาณสิบกว่ารอบก่อนจะเปลี่ยนให้มินขึ้นไปนั่งแทน  นายโชนี่รู้สึกจะขออู้งานออกไปเดินดูข้างนอกบ้างแล้ว  ฉันเดินวนรอบงานอีกครั้ง ก่อนจะเจอนายโชกำลังเล่นเกมช้อนปลาทองอย่างเมามันส์  ช้อนทีปลายังไม่ทันขึ้นกระดาษก็ขาด ฉันหัวเราะก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ

            การช้อนปลาทองมันมีทริกรู้ไหมฉันบอกแล้วแย่งช้อนกระดาษไปถือไว้ แล้วช้อนปลาทองขึ้นมาใส่ขันได้หนึ่งตัว  โชมองหน้าฉันตาโต  ก่อนจะแกล้งทำเป็นก้มหัวคารวะ  ฉันเผลอหัวเราะดังลั่น

            ข้าน้อยขอคารวะท่านอาจารย์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิดโชก้มหัวขอร้องพร้อมกับลงจากเก้าอี้ไปคุกเข่าที่พื้น เหมือนหนังจีนเด๊ะเลย  ฉันยื่นช้อนกระดาษให้แก่นายโช

            เอาสิ  แต่สอนครั้งเดียวนะ ถ้าศิษย์ทำไม่ได้ อาจารย์จะไม่สอนฉันแกล้งหยอก นายโชรีบลุกมาหยิบช้อนกระดาษแล้วฟังที่ฉันพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ มันทำให้ฉันหลุดขำไปได้ตั้งหลายทีแหน่ะ 

ตอนที่10

เพื่อนรัก รักเพื่อน

            สวัสดีค่ะ  มีใครจำฉันได้บ้างคะ  ฉันมินเองนะ  วันนี้จะมาเล่าเรื่องของฉันให้ฟังค่ะ  แนะนำตัวก่อนเลย ฉันชื่อ ด.ญ.ภาวิณี วงศ์ตระกูลค่ะ  อายุก็ 14 ใกล้ 15 แล้วค่ะ อีกไม่นาน  ตอนนี้อยู่ม.2/3  กับเพื่อนๆน่ะค่ะ  ฉันแอบรักคนๆหนึ่งอยู่ค่ะ  ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ไม่ต้องหันไปมองนายโชเลยนะคะ  ฉันคบกับมันมาเกือบตลอดชีวิตไม่มีทางจับมันทำแฟนแน่ๆ ทำไมต้องตลอดชีวิตหรือคะ  ก็พ่อแม่ของฉันกับพ่อแม่ของโชรู้จักกันก่อนที่เราจะเกิดซะอีก  พอเกิดมาพวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตลอด รู้ตับไตไส้พุงกันหมดแล้วล่ะค่ะ คนที่ฉันแอบรักน่ะหรือคะ  โน่นไงเดินมานู่นแล้ว  แต่ทำไมรอบๆตัวคนที่ฉันชอบถึงมีผู้หญิงมากรี๊ดประจำเลยนะ  แต่ยังไงฉันก็มีโอกาสได้คุยกับเขา โชคดีกว่าคนพวกนั้นเยอะ  อ๊ะๆ อย่าว่าๆฉันคบกับแก้วเพื่อคุยกับเอ็มนะ ฉันอยากคบกับแก้วจริงๆเพราะเห็นว่าเธอประหลาดดี(?) คุยกับวิญญาณได้น่ะ  ส่วนนายเอ็ม... มันก็แค่ผลพลอยได้เท่านั้นเอง

            อ้าว! มิน มากินน้ำแข็งไสเหรอเอ็มเดินมาทัก ค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านของม.2/1 ที่ทำเป็นน้ำแข็งไสน่ะค่ะ

            เฮ้ย! โอ๊ค  เอาน้ำแข็งไสมาอีกถ้วย แล้วก็น้ำหวานอีกสองแก้วนะเอ็มหันไปตะโกนบอกเพื่อนที่คอยทำหน้าที่ทำน้ำแข็งไส  ไม่นานน้ำแข็งไสและน้ำหวาน

เฮลซ์บลูบอยก็มาวางแหมะอยู่ตรงหน้าฉัน  ราดนมข้นมาด้วย น่ากินจัง...

            กินสิ ฉันเลี้ยงโอ๊ย~ หัวใจมันหายละลายละลายไปกับเธอ... เพลงเก่าไปหน่อย แต่ได้อารมณ์นี้สุดๆ  ฉันมองคนตรงหน้าที่ตักน้ำแข็งไสกินอย่างเอร็ดอร่อย  โอ๊ย~  เลือดจะหมดตัวแล้ว หยุดทำหน้าน่ารักสักทีสิ~  ฉันก้มหน้าก้มตาดูดน้ำหวานตรงหน้าสลับกับใช้ช้อนเขี่ยน้ำแข็งไสในแก้วที่ตอนนี้มันเริ่มเข้าสู่กระบวนการทำละลายตัวเองแล้ว 

            มิน ทำไมหน้าแดงน่ะ ไม่สบายเหรอมาแล้วประโยคยอดฮิต  ฉันไม่เข้าใจจริงๆทำไมพระเอกถึงไม่รู้ว่าหน้าเอกหน้าแดงเพราะเขินน่ะ  แต่... พูดแบบนี้เหมือนฉันกับเอ็มเป็นพระเอกนางเอกน่ะสิ  อ๊าย~ 

            ป่ะ... เปล่าๆ ไม่ใช่นะ  คือ... สงสัยจะกินน้ำแข็งไสมากไปหน่อยเลยหนาวน่ะแน่นอน ฉันก็ต้องตอบตามบทนางเอ๊กนางเอกน่ะสิคะ   เอ็มยิ้มแบบมีเล่ห์นัย  ก่อนจะคว้าถ้วยน้ำแข็งไสตรงหน้าฉันไป  น้ำแข็งไสของเอ็มหมดไปชาติกว่าแล้วล่ะค่ะ

            งั้นฉันขอนะเอ็มลากถ้วยน้ำแข็งไสฉันไปทั้งถ้วย ก่อนจะใช้ช้อนในนั้นตักน้ำแข็งไสเข้าปาก  อ๊าก~ พระเจ้า ฆ่าลูกเถอะค่ะ  ฉันกับเอ็มกินช้อนเดียวกัน แบบนี้ก็เหมือนจูบกันทางอ้อมน่ะเซ่!~   

หลังจากทำใจกับความบ้าคลั่งของตัวเองแล้ว  ฉันก็ออกมาเดินดูงานกับเอ็มค่ะ คนแน่นหน้าดูเลย  ถ้าแอบจับมือเอ็มจะเป็นอะไรมั๊ยเนี่ย  ข้ออ้างล่ะ อะไรดี  คนแน่นเหรอ... ก็โอเคนะ งั้นจับดีกว่า

หมับ!

คนแน่นนะ ถ้าไม่จับมือไว้เดี๋ยวหลงกันโอ้ว~ พระเจ้า ฆ่าลูกตอนนี้เลยนะคะ  เอ็มเอื้อมมาจับมือฉันก่อน  แล้ว... แล้วไอ้ประโยคนั้นอีก นั่นมันข้ออ้างของฉันไม่ใช่รึไง  ถ้าใครเอากลองมาตีข้างๆฉัน คงไม่ได้ยินเสียงกลองแน่ๆ เพราะเสียงหัวใจฉันมันคงดังกลบหมด  เอ็มพาฉันออกมาที่โล่งๆ  ก่อนจะลากฉันไปที่ประจำที่ตอนเช้าพวกเราจะมานั่งกัน  เอ็มมานั่งแล้วมองไปด้านบนทำเหมือนคุยกับใครอยู่

เอ็ม... ทำอะไรเหรอฉันถามไป  เอ็มหันมามองหน้าฉันแล้วชี้ขึ้นไปบนตึก ฉันลองโผล่หน้าขึ้นไปดู แต่แน่นอนว่าฉันไม่เห็นอะไร

อ้าว! ฉันยังไม่ได้บอกเธอเหรอ ว่าฉันก็เป็นแบบแก้ว ฉันเองก็มองเห็นวิญญาณนะพระเจ้า... มิน่าล่ะ  ฉันถึงเห็นเอ็มคุยกับแก้วบ่อยๆ  เป็นเพราะเห็นวิญญาณได้เหมือนกันนี่เอง  ก่อนจะรู้สึกอะไร เอ็มก็เอามือมาป้ายตาฉัน มันมีผงอะไรด้วยอ่ะ  ฉันลืมตาขึ้นมาก่อนจะโผเข้ากอดเอ็มทันที  ก็ฉันเงยหน้ามองด้านบนตึกอยู่น่ะสิ  แล้วมันก็มีเด็กห้อยหัวลงมาด้วย  เอ็มหัวเราะชอบใจใหญ่  ฉันผละออกแล้วหลบมาข้างใน ไม่โผล่ไปข้างนอกอีก  งอนโว้ย... เอ็มหัวเราะฉันอ่ะ  แต่ก็ดีนะ ได้กอดเอ็มด้วย ไม่น่าผละออกมาเร็วเลยเรา น่าจะกอดให้นานกว่านี่อีกหน่อย

หวัดดีเสียงดังมาจากเพดาน  ร่างของเด็กที่ฉันเห็นห้อยหัวอยู่  ตอนนี้ค่อยๆปีนลงมานั่งแล้ว  ฉันถอยกรูดไปนั่งให้ห่างจากวิญญาณเด็กคนนั้นทันที  น่ากลัวว่ะ...

ฮาๆ  มานี่สิมิน  เด็กคนนี้ชื่อซัน  เขาอยู่ด้านบนตึกนี่เนี่ยแหละ  ไม่มีอะไรหรอกแล้วเอ็มก็เอาน้ำอะไรไม่รู้สาดใส่หน้าฉัน  เสื้อเปียกหมดเลย ให้ตายสิ!  ฉันหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง เด็กที่ชื่อซันหายไปแล้ว  ฉันมองไปรอบๆ หวังว่าจะไม่โผล่มาให้เห็นอีกนะ

มองไม่เห็นแล้วล่ะ  ฉันใช้น้ำมนต์ล้างตาให้เธอแล้วเอ็มชูขวดเล็กๆสีขาวขึ้นมาให้ฉันดู  ก่อนจะลุกขึ้นยืน 

ตุบ!

กระเป๋าสตางค์สีดำตกจากกระเป๋าของเอ็มไถลมาอยู่ตรงหน้าฉัน  ฉันก้มหยิบก่อนจะพลิกหงายมาขึ้นมา  แต่ยังไม่ทันจะได้มองอะไร มือหนาก็ฉกมันคืนไปเสียก่อน  ฉันมองหน้าเอ็มที่ทำหน้าแดงนิดๆ  เป็นอะไรรึเปล่านะ

   กะ... กลับกันเถอะเอ็มบอก  แล้วเดินนำหน้าฉันไป  ฉันยิ้มร่าแล้วเดินตามไป  ได้เห็นเอ็มที่รักหน้าแดง  มีความสุขจริงๆเลย  เอ็มเดินมาส่งฉันที่หน้าห้องม.2/3 ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับไปเข้าห้องม.2/1  ฉันพยายามเก๊กหน้าก่อนจะเดินเข้าไป  แต่ยังไงๆมันก็หลุดเก๊กทุกทีพอนึกถึงหน้านายเอ็ม  ฉันเลยเดินยิ้มหน้าบานเข้าไปในห้องทั้งๆแบบนั้นนั่นแหละ  ฉันเห็นแก้วส่ายหน้าแบบมึนๆ ก่อนจะเป่านกหวีดหมดเวลา  ฉันเดินเข้าไปเอาป้ายแขวนคอแล้วเดินเข้าไปพาคนออกมา  ก่อนจะเดินไปหาโชที่นั่งเก็บเงินอยู่

โชจ๋า~ รู้มั๊ยวันนี้มินมีความสุขที่ซู๊ด~ เลยฉันลากเสียงคำว่าสุดให้สูงขึ้นกว่าเดิม  เพื่อจะบอกให้นายโชรู้ว่าฉันมีความสุขมากๆๆ  โฮ้ย~ อยากละลายเป็นน้ำแข็งไสให้เอ็มตักเข้าปากจังวุ้ย...  โชมองหน้าฉันแบบเอือมระอา  ก็นะ ฉันชอบทำแบบนี่กับหมอนี่เวลาฉันมีความสุขน่ะสิ  ฉันก้มไปเอาหัวถูไถกับต้นแขนของโช  แล้วช่วยโชเก็บเงินแทน  ก่อนที่โชจะเดินออกไปด้านนอก  เออ... ปล่อยสัตว์เข้าป่าบ้างก็ดีเหมือนกันนะ...

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น