ร้ายแต่ไม่เลว ลื่นแต่ไม่รั่ว คือฉายาของนายป่ารัก ชายหนุ่มเนื้อหอมผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ มากหน้าหลายตา แต่ว่าในใจของเขานั้นคล้ายเคลือบไว้ด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ เพราะหัวใจถูกหยุดเวลาเอาไว้แสนนานแล้วกับสาวน้อยคนหนึ่ง
เธอผู้ไม่เชื่อใจเขาว่าจะรักจริง ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนทำให้เขาไม่อาจรักใครจนบัดนี้
เอื้องผึ้ง สาวสวยฉลาดนุ่มนวลเฉียบคม ผู้มองดูเขาเดินพาเหรดผ่านสาวงามเคียงกายทั้งหลาย และคิดว่าเขาควรจะมีมโนธรรมมากกว่าจะมาคิดไม่ซื่อกับน้องบัว สาวน้อยวัยรุ่น ญาติของเธอ แม่เสือคนนี้จึงต้องออกโรงปกป้องญาติสาวซึ่งยังเด็กเกินไปที่จะรับมือกับเพลย์บอยตัวร้ายเช่นนายป่ารักคนนี้ไหว
หารู้ไม่ว่าเขาบริสุทธิ์ใจกับน้องสาวของเธอตลอดมา
แต่เป็นตัวเธอเองต่างหากที่อาจไม่ปลอดภัย
****************
ผิวแก้มละมุนของเธอดูเหมือนจะมีสีเข้มขึ้นอีกนิด ดวงตาก็ราวจะมีมนต์สะกดมากยิ่งขึ้น เมื่อผมเคลื่อนกายเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกดึงดูดโดยสิ่งลึกลับคล้ายกับเราต่างตกอยู่ใต้เวทมนตร์ของกันและกัน จนลืมไปว่ากำลังอยู่ที่ไหน ทำอะไร หรือแม้กระทั่งคิดอะไร
**************
"งั้นคุณก็ไม่ได้กลัวที่จะเรียกชื่อผม ใช่ไหมผึ้ง" ผมถาม
"ไม่ใช่ความกลัวแน่ค่ะรัก ฉันยืนยันได้" เอื้องผึ้งตอบ
************
เอื้องผึ้งนั่งมองน้ำพุขนาดจิ๋วในบ่อบัว อันเป็นที่มาของเสียงน้ำไหลระริกเย็นชื่นใจ เธอหันมามองเมื่อผมเปิดประตูก้าวตามออกมา เส้นผมนุ่มดำขลับเหมือนสายน้ำของเธอปัดผ่านข้างแก้มเพราะอาการหันนั้น นิ้วเรียวยกขึ้นจับปอยผมที่ตกลงมาทัดหลังใบหูมน ซึ่งตอนนี้ปราศจากต่างหูแล้ว ใบหน้านวลผ่องในแสงโคมสดใสไร้เครื่องสำอาง ตาคมคู่โตจ้องมองมาที่ผม
ผมอ่านแววตาอย่างนั้นไม่ได้ นิ่งสงบแต่ก็ราวจะมีคลื่นไหวกระเพื่อมอยู่ภายใน
ผมก้าวเข้าไปใกล้ ยิ่งใกล้ ก็ยิ่งเห็นผิวขาวนวลละเอียดของเธอผุดผาดในแสงอ่อน ผมหวั่นไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ ผึ้งเหมือนที่เคย คล้ายกับจะหายใจไม่ค่อยทัน เหมือนก้าวเข้าไปในโซนกึ่งจริงกึ่งฝัน ทำให้นึกไม่ค่อยออกว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ หรือว่าควรจะพูดอะไรดี
พอนึกได้ว่ากำลังยืนถือหลอดเจลมองเธอราวกับเด็กหิวโหยมองขนมในขวดโหล ก็เตือนตัวเองให้นั่งลงข้างเธอ แม้ว่าจะเป็นเก้าอี้ตัวเดียวกัน แต่ผมก็ไม่ได้นั่งชิด เพราะเก้าอี้ยาวพอสมควร ผมเบี่ยงกายนั่งเฉียงๆ หันไปหาผึ้ง ยื่นเจลนั่นไปให้เธอ
“ทาให้หน่อยไม่ได้เหรอ”
ใบหน้างดงามซึ่งมองผมอยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนจากสีหน้าสงบนิ่งยากเข้าใจกลายเป็นกลั้นยิ้ม รอยบุ๋มที่มุมปากเล็กทำให้ผมชื่นใจ กำลังใจมาขึ้นเป็นกอง ประกายตาเวลาที่ผึ้งยิ้มส่องแสงวาววับ ผึ้งเป็นสาวตาคม เวลามองอย่างไม่พอใจ สายตาก็บาดใจให้ปวดแปลบได้จริงๆ แต่เวลายิ้ม เหมือนกับดาวฉายแสงวิบวับจับตาตรึงใจนัก
ถ้าหากไม่ได้อยู่ใต้ชายคาบ้านของเธอ ด้วยความอนุเคราะห์และน้ำใจไมตรีของคุณอาศรัณย์และน้าขวัญแล้ว ผมอาจจะนั่งติดกับผึ้งไปเลย ใกล้ชิดกันอีกสักหน่อย และถ้าอีกตัวโตๆ ว่า ถ้าผมรู้ว่าผึ้งจะไม่ปฏิเสธสัมผัสจากผม
เวลาที่เรารักใคร เราจะแคร์ความรู้สึกของคนคนนั้น ไม่อยากทำให้ไม่พอใจหรือโกรธ ผมไม่ใช่ผู้ชายมือไวใจเร็ว อย่างที่ใครๆ ชอบคิด เพราะผมรู้ว่า การทำตัวปากว่ามือถึง หรือมือไปก่อนปาก อะไรดังที่ว่ามานี้ ในชีวิตจริงแล้วคุณจะได้รับความไม่พอใจ และไม่ไว้วางใจ มากกว่าจะได้ความยอมรับ หรือเป็นปลื้มจากหญิงสาว
แต่ถ้าผมแน่ใจว่าเธอชอบผม และอยากให้ผมสัมผัส นั่นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
หลังจากคำขอด้วยเสียงอ้อนๆ ของผม ผึ้งนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมยื่นมือออกมารับหลอดเจลไป ในวินาทีนั้น ผมยังไม่แน่ใจว่าได้หาเรื่องใส่ตนเองอยู่หรือเปล่า เธออาจป้ายเจลใส่ตาผมหรืออะไรทำนองนั้นก็ได้ แต่แลกกับการที่อาจจะมีมือนิ่มๆ มาสัมผัสตัว ผมยอม
ไม่รู้ว่าผึ้งคิดอะไร ดูคล้ายเธอคิดหนักมาก มีเสียงถอนใจเบาๆ ก่อนที่เธอจะเปิดฝา เทเจลใสผสมว่านหางจระเข้ออกมาอย่างเชื่องช้า ราวจะใช้กิริยาช้าๆ นั้นไตร่ตรองไปด้วย
นิ้วนวลแตะหยดใสในมือ วนเบาๆ แล้วยกขึ้นมาหา ผึ้งหยุดนิ่งไปนิดหนึ่งเมื่อเงยขึ้นมามองหน้าผม เราสบตากัน ผมมองมือเธอ มองตาเธอ แล้วนิ้วเล็กเปื้อนเจลเย็นๆ ก็แตะลงมาบนแก้ม
ผมเหมือนถูกสะกดจิต ตกอยู่ใต้มนตราของปลายนิ้วนุ่มที่ไล้ไปตั้งแต่ปลายจมูก แก้ม คาง หน้าผาก ความเย็นสดชื่นจากเจลใสผสมสมุนไพรค่อยซึมซับเข้ามาในผิว แต่ส่วนอื่นนอกจากใบหน้าผมเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ
ผู้หญิงคนหนึ่งจะสัมผัสคุณไหม ถ้าเธอไม่ได้ชอบคุณสักนิด จะมองเหมือนกับว่าตั้งใจจดจำใบหน้าคุณไว้ทุกๆ ส่วนหรือเปล่า
ผึ้งสัมผัสผม มองผมอย่างนั้น และผมก็มองเธอ ตั้งใจจะจดจำทุกความรู้สึกที่แสนดีนี้ไว้เช่นกัน เสียดายที่หน้าผมเล็กไปหน่อย พื้นที่น้อย ใช้เวลานิดเดียวก็ทาเสร็จซะแล้ว
“ที่แขนขา ทาเองนะคะ” ผึ้งว่า ปิดฝาหลอดแล้วก้มหน้าลง สีหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่กลายเป็นเคร่งขรึมเจือเศร้า
ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ
“ผึ้งยังไม่หายโกรธผมอีกหรือ”
**************************************
ความคิดเห็น