ราชันจอมเวท
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : จะอดทนเพื่อขนม
My.iD :
https://my.dek-d.com/ss1999/writer/
ตอนที่ 132 : ยึดเมืองมิสทาวน์ (ตอน 1)
เช้าวันรุ่งขึ้นแม่ทัพอูลานสั่งให้ทหารตรวจสอบความเสียหายของฝั่งตนเองรวมถึงข้าศึกพบว่าเมื่อคืนพวกเขาสามารถสังหารศัตรูได้ 3 พันคนในขณะที่กองทัพของตนไม่มีการสูญเสียเลย
เหตุการณ์เมื่อคืนวินรู้อยู่แล้วว่าจะมีการลอบโจมตีค่ายของเขาเนื่องจากวินมีเวทตรวจสอบ แต่เขาต้องการเพิ่มความมั่นใจให้กับทหารของเขาต่อเกราะเวทจากลูกแก้วธาตุ ซึ่งนั่นจะทำให้ทหารทุกคนมีจิตใจฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น
วินสั่งให้ทหารม้า 500 คนไปรอทหารข้าศึกในเส้นทางถอยทัพที่คาดว่าทหารที่แตกทัพจะหนีด้วยเส้นทางนี้ ทำให้ทหารของเขาสามารถกำจัดผู้บุกรุกได้ทั้งหมด
+++++++++++++++++++++++++
“ทำไมจนป่านนี้ทหารที่ให้ลอบไปโจมตีค่ายของข้าศึกถึงยังไม่กลับมา” แม่ทัพวัตสันกล่าวอย่างหัวเสีย
“ข้าเกรงว่า...เอ่อ” ขุนพลคนหนึ่งพูดอย่างติดขัด
“ลอนดี้ คนของเจ้าที่ให้ไปสืบข่าวว่าอย่างไร” วัตสันหันไปถามขุนพลคนนั้น
“ยังไม่กลับมาเช่นกันครับท่านแม่ทัพ” ขุนพลในชุดนักเวทเอ่ย
“เป็นไปได้อย่างไร นี่เราจะไม่รู้ข่าวการเคลื่อนไหวของพวกมันเลยงั้นรึ” วัตสันตวาดเสียงดัง การข่าวถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำสงคราม หากรู้ถึงการเคลื่อนไหวของศัตรูย่อมเป็นการง่ายที่จะป้องกันตัวเองหรือทำลายกองทัพของฝ่ายตรงข้าม
“ท่านแม่ทัพใจโปรดใจเย็น ข้ามีข้อเสนอ” ชายอ้วนผู้เป็นเจ้าเมืองยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ท่านคราวน์มีอะไรจะเสนอ” วัตสันลดเสียงลงพร้อมกับนั่งลงประจำที่ของตน
“ถึงเราจะไม่รู้ข่าวการเคลื่อนไหวของพวกมันแต่กำลังทหารของมันมีเพียงหนึ่งหมื่นคน หากเราตั้งรับอย่างแข็งขัน ข้าเชื่อว่าพวกมันไม่สามารถผ่านกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งของมิสทาวน์ได้อย่างแน่นอน” เจ้าเมืองร่างอ้วนพูดพร้อมยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
“อืม..ข้าเห็นด้วยกับวิธีการของท่านคราวน์ ใครมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ถ้าไม่มีวันนี้เลิกประขุมเพียงเท่านี้” แม่ทัพร่างใหญ่เดินกลับออกไปจากห้องประชุมพร้อมกับขุนพลทั้งหมด
ในตอนนี้ห้องประชุมใหญ่ภายในคฤหาสน์เจ้าเมืองมิสทาวน์เหลือเพียงคราวน์และผู้ช่วยคนสนิท ชายร่างเล็กมองหน้าเจ้านายที่ยิ้มไม่หุบอย่างสงสัย
“มีเรื่องดีหรือครับท่านเจ้าเมือง” เขาถามผู้เป็นนายอย่างสงสัย
“มีทหารนับแสนอยู่ในเมืองของเราอีกหลายวันเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องดีไหม” คราวน์ถามกลับโดยที่ยังไม่หุบยิ้ม นิ้วทั้งสิบของเขาขยับไปมาราวกับกำลังนับอะไรอยู่
“อ้อ จริงด้วยครับ ทหารต้องกินต้องใช้ เสบียงอาหารที่ท่านเคยกักตุนไว้ก็คงขายได้ราคาดี” ผู้ช่วยคนสนิทยิ้มให้กับแผนการอันแยบยลของผู้เป็นนาย แม้ว่ากองทัพที่เดินทางมาจากเมืองหลวงจะใช้เงินงบประมาณของเมืองที่กองทัพเข้าประจำการอยู่ แต่นั่นกลับเป็นช่องทางให้กับคนบางคนใช้แสวงหาความมั่งคั่งให้กับตนเอง
“อย่าเรียกว่ากักตุน มันเป็นการเก็งกำไรต่างหาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เจ้าเมืองร่างอ้วนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ด้วยเหตุผลที่ว่าอยู่ในสภาวะสงคราม เจ้าเมืองมิสทาวน์จึงสั่งปิดประตูเมืองทุกด้านยกเว้นเพียงประตูทางทิศเหนือที่ยังคงเปิดในตอนเช้าและปิดลงก่อนพระอาทิตย์ตกดินเพื่อให้ผู้ที่ต้องการผ่านเข้าออกเมืองยังคงใช้ได้
เนื่องจากทิศเหนืออยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับศัตรูที่มาจากโมเนแดต แต่กระนั้นการผ่านเข้าออกเมืองแห่งนี้ยังต้องถูกตรวจค้นอย่างละเอียดจากทหารผู้เฝ้าประตูเมือง
พ่อค้าบางคนที่ยังคงเดินทางมาเพื่อขายเสบียงอาหารผ่านเข้าเมืองยากลำบากกว่าก่อนมาก นั่นยิ่งทำให้ราคาอาหารภายในเมืองพุ่งสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว
กองทัพของวินเดินทางมาถึงเนินแห่งหนึ่งในตอนบ่ายมันอยู่ห่างจากเมืองมิสทาวน์ไม่ไกลแต่เนื่องจากทั่วทั้งบริเวณเป็นป่าทึบที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเป็นจำนวนมากทำให้ทหารยามบนกำแพงเมืองไม่สามารถมองเห็นการมาของพวกเขาได้
“ตั้งค่ายพักแรมแล้วสั่งให้ทหารนอนพักผ่อนเอาแรง คืนนี้เราจะไปเดินเล่นภายในเมืองกัน” วินบอกกับวอริคที่เป็นเหมือนมือขวาของเขาในตอนนี้
หลังพูดจบชายหนุ่มก็เหาะขึ้นไปเหนือต้นไม้ใหญ่เพื่อสำรวจเส้นทาง แม้จะเห็นจนชินตาแต่ทหารหลายคนยังคงแหงนมองชายหนุ่มในชุดเกราะเบาสีดำด้วยความชื่นชมและเคารพอย่างสูงยิ่ง องค์ชายที่มีพลังเวทในระดับสูงสุดแต่กลับไม่ถือตัวกับทหารเลยแม้แต่น้อย
ทุกๆวันวินมักจะหายขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อสืบข่าวและตามล่าหน่วยลาดตระเวณของข้าศึกด้วยตัวเอง การกระทำเหล่านี้ยิ่งทำให้ทหารทุกคนรักและให้ความเคารพชายหนุ่มอย่างหมดหัวใจ
วินมองไปยังเมืองชายแดนขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 2 กิโลเมตร ถึงจะเป็นเมืองชายแดนแต่มิสทาวน์กลับมีขนาดใหญ่กว่าเมืองเพียร์สันชายแดนของโมเนแดตกว่าเท่าตัว
มันเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าที่เคยคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คนจากประเทศต่างๆ ที่เดินทางมาเพื่อค้าขายภายในเมืองจำนวนหลายแสนคน
แต่หลังจากราชาองค์ใหม่เก็บภาษีการค้าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวทำให้พ่อค้าต่างเมืองทยอยเดินทางออกจากเมืองนี้อย่างต่อเนื่อง ร้านค้าที่เคยมีมากมายกลับลดหายไปมากกว่าครึ่ง ชาวเมืองจำนวนมากเริ่มอดอยากแต่เจ้าเมืองร่างอ้วนกลับเก็บภาษีเพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าเพื่อชดเชยภาษีที่ได้ไม่ตรงตามเป้า นั่นทำให้ในตอนนี้มิสทาวน์เหลือประชากรอยู่เพียงไม่ถึงหนึ่งแสนคน
++++++++++++++++++++
อากาศร้อนในยามบ่ายไม่ได้ทำให้เจ้าเมืองมิสทาวน์หงุดหงิดแต่อย่างใด เขากำลังนั่งบวกตัวเลขกำไรจากการขายเสบียงอาหารที่ตนเองกักตุนไว้ก่อนสงคราม เสบียงที่ในครั้งแรกเขาคิดว่าจะต้องขาดทุนกับมันเมื่อองค์ราชาตัดสินใจเข้าโจมตีกาลองก่อนโมเนแดต เนื่องจากเมืองของเขาเป็นชายแดนที่ติดกับโมเนแดตไม่ใช่กาลอง
“ข้าชักอยากให้โมเนแดตยกกองทัพมาบ่อยๆซะแล้วสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คราวน์พูดกับตัวเองอย่างสบายใจ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดแม่ทัพวัตสันถึงเกรงกลัวกองทัพของโมเนแดตที่มีทหารน้อยนิด แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
ราคาอาหารที่สูงขึ้นหลายเท่าตัวทำให้เจ้าเมืองหัวใสคนนี้ขายเสบียงที่เพียงพอใหกองทัพหนึ่งแสนคนใช้ได้ 15 วันได้เงินถึง 400 ล้านลอยด์หากเป็นเวลาปกติอาหารพวกเขาสามารถซื้ออาหารเหล่านี้ได้ด้วยเงินเพียง 100 ล้านลอยด์เท่านั้น กำไรทั้งหมดของคราวน์มากเกินกว่าเงินภาษีที่เขาเก็บได้ในยามปกติ 1 ปีเลยด้วยซ้ำ
ทหารยามปิดประตูเมืองทางเหนือเพราะเป็นเวลาใกล้ค่ำ แถวพ่อค้าและชาวเมืองที่จะผ่านเข้าออกต่างส่งเสียงบ่นด่าด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้งในคำสั่งปิดประตูเมืองในยามสงครามเช่นนี้ พวกที่ติดอยู่นอกเมืองจัดเตรียมที่หลับนอนโดยไม่ยอมเคลื่อนย้ายออกจากแถวไปไหน ด้วยกลัวจะเสียสิทธิ์ในแถวที่รอมาเป็นเวลานานนับวัน
สาเหตุที่พวกพ่อค้ายอมทนรอเข้าคิวเป็นวันๆเนื่องจากหากเขาเข้าเมืองได้สินค้าที่นำมาขายจะแพงขึ้นทันที 2-4 เท่าตัว นั่นเป็นกำไรที่มากมายจนทำให้หลายคนกล้าที่จะเสี่ยง
บรรยากาศภายในเมืองมิสทาวน์ยาวค่ำคืนล้วนมืดมิด ผู้คนในเมืองต่างพากันอยู่ในบ้านของตน ร้านรวงต่างปิดทำการตั้งแต่เมื่อเย็น ท้องถนนปราศจากผู้คนทำให้เมืองนี้คล้ายเป็นเมืองร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่เป็นคืนเดือนมืดเช่นนี้
ทหารยามบนกำแพงเมืองยืนหาวนอนอย่างเบื่อหน่าย ในยามปกติแม้จะเป็นเวลาดึกดื่นเพียงใดยังพอมีแสงไฟจากผู้คนที่เดินไปมาภายในเมืองให้เห็นอยู่บ้างแต่ในสภาวะสงครามเช่นนี้ทั้งเมืองมีเพียงความเงียบงัน
ริมกำแพงเมืองที่สูงใหญ่มีคนกลุ่มหนึ่งเข้าประชิดกำแพงเมืองโดยที่ไม่มีใครเห็น วินใช้มือสัมผัสกำแพงหินเพียงครู่เดียวหินแกร่งสีน้ำตาลแดงเริ่มกลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ มันเริ่มลามไปเรื่อยๆจนกลายเป็นโพรงเหมือนประตูขนาดย่อม
ทหารกว่า 2 พันคนที่อยู่ด้านหลังต่างอ้าปากค้าง ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากเป็นสัญญาณก่อนจะมีเสียงฮือฮาเล็ดลอดออกจากปากของทหารคนใด เขาคงเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถทำเช่นนี้ได้ แม้ว่าคนโลกใบนี้จะสามารถใช้เวทมนต์ได้ก็ตามแต่ไม่เคยมีใครสามารถควบคุมธาตุได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นกับชายคนนี้ เช่นนี้แล้วจะมีเมืองใดหรือสถานที่ใดจะขัดขวางการเข้าถึงขององค์ชายของพวกตนได้
หลังจากทหารทั้งหมดผ่านเข้ามาในเมืองได้แล้ว วินใช้เวทมนต์สร้างกำแพงหินปิดช่องที่เขาเพิ่งเปิดเมื่อครู่ เขาหันไปหาอูลานก่อนจะส่งสัญญาณมือบางอย่าง แม่ทัพร่างใหญ่โบกมือสั่งทหารใต้บัญชาอย่างรู้งาน
วินมองกลุ่มทหารที่นำโดยวอริคเดินหายไปในความมืดก่อนจะหันมาสะกิดนายกองคนหนึ่งให้นำทางไปยังจุดหมายที่สอง ก่อนที่จะมาเป็นทหารนายกองคนนี้เคยมาค้าขายที่เมืองมิสทาวน์ทำให้เขารู้จักสถานที่ต่างๆภายในเมืองแห่งนี้เป็นอย่างดี
ทหารทุกคนเดินอย่างเงียบกริบ แม้หนทางภายในเมืองจะมืดมิดแต่เนื่องจากค่ายทหารอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาลอบเข้ามา ทำให้ตอนนี้กลุ่มทหารที่นำโดยแม่ทัพวอริคได้มายืนอยู่หลังค่ายทหารหลังจากเดินกันมาเพียงไม่ถึง 5 นาที
เข้ามาในบ้าน โดยเจ้าบ้านไม่รู้ตัวเลย