ราชันจอมเวท
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : จะอดทนเพื่อขนม
My.iD :
https://my.dek-d.com/ss1999/writer/
ตอนที่ 24 : ป่าแห่งการดับสูญ
“เป็นไปไม่ได้ กำแพงหินหนา 1 ฟุต ถูกละลายเป็นโคลนแบบนี้ได้อย่างไร” เสียงโวยวายของหัวหน้าผู้คุมที่กำลังยืนดูช่องขนาดใหญ่บนกำแพงเรือนจำอันแข็งแกร่ง
“ข้าจะรายงานกับเบื้องบนอย่างไร”
“มันต้องเป็นปีศาจแน่พะยะค่ะ คนธรรมดาไหนเลยจะทำแบบนี้ได้” แม่ทัพใหญ่รายงานกับองค์ราชาหลังได้รับรายงานเรื่องการหลบหนีของนักโทษทั้งสอง
“กระหม่อมจะนำทหารตามจับพวกมันด้วยตัวเอง” เขาทำความเคารพแล้วเดินออกไปอย่างหวั่นๆ
ทหารม้ากว่าพันคนเดินตามกึ่งมนุษย์ครึ่งหมาป่าหลายสิบคน พวกเขากำลังไล่ตามนักโทษที่หลบหนีเพื่อนำกลับไปรับโทษ พวกกึ่งมนุษย์ครึ่งหมาป่ามีประสาทการดมกลิ่นดีกว่ามนุษย์หลายสิบเท่า นับเป็นเรื่องไม่ปกติที่แม่ทัพใหญ่นำทหารจำนวนมากออกค้นหานักโทษหลบหนีด้วยตัวเอง
“ถามพวกมันซิว่าแน่ใจนะว่านักโทษทั้งคู่หลบหนีมาทางนี้” เสียงแม่ทัพร่างใหญ่ในชุดเกราะสีเงินคุยกับทหารคนหนึ่ง
“นี่เจ้ากึ่งมนุษย์ ท่านแม่ทัพถามว่าแน่ใจนะว่านักโทษหลบหนีมาทางนี้” เสียงรองแม่ทัพตะโกนใส่กึ่งมนุษย์ด้านหน้า โดยปกติแล้วขุนนางที่ถือยศศักดิ์จะไม่พูดคุยกับชนชั้นต่ำโดยตรง
“แน่ใจขอรับแต่เหมือนพวกมันจะมีกัน 4 คน” กึ่งมนุษย์คนหนึ่งตอบอย่างนอบน้อม
“มันบอกว่าแน่ใจครับท่าน”
“เช่นนั้นรีบตามเร็วเข้า ข้าจะตัดหัวพวกมันด้วยตัวข้าเอง” แม่ทัพสั่งทหารม้าที่แบ่งกลุ่มค้นหา
-------------------------------------------------------
“ทะ...ท่านทำได้อย่างไร” มิชเชลตกใจตาค้างเมื่อลูกกรงไม้ขนาดใหญ่กลายเป็นเถ้าถ่านหลังชายหนุ่มจับมันเพียงไม่นาน
“ตามข้ามา” แทนคำตอบวินหันไปยังกำแพงคุกที่ฝั่งตรงข้ามเป็นป่ากว้างด้านหลังกองทหาร หญิงสาวเห็นเขายกมือขึ้นทาบกำแพงหินตรงหน้าฉับพลันกำแพงที่เป็นหินหนาหนึ่งฟุตเหมือนถูกหลอมละลายเป็นช่องขนาดใหญ่ วินคว้ามือหญิงสาวที่ทรุดลงไปนั่งอยู่กับพื้นอีกครั้งหลังเพิ่งก้าวตามหลังชายหนุ่มเพียงไม่กี่ก้าว จากนั้นจึงเดินนำออกจากช่องกำแพง
“ท่านยังไม่บอกข้าว่าทำได้อย่างไร” หญิงสาวยังตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้วินพาเดินออกมาไกลถึงหน้าประตูเมือง
“ข้าจะบอกหลังจากออกไปจากที่นี่ได้” วินชี้ไปยังประตูเมืองขนาดใหญ่ที่ปิดอยู่
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้! ข้ามีเรื่องด่วนต้องออกจากเมืองในตอนนี้” หญิงสาวสั่งทหารยามที่เฝ้าประตูที่กำลังมองกันอย่างเลิกลัก
“เอ่อ...ถ้าไม่มีคำสั่งข้าไม่สามารถเปิดให้ได้ครับท่านแม่ทัพ” ทหารยามเฝ้าประตูคนหนึ่งพูดอย่างระล่ำระลัก
“ถ้าข้าเสียงานเจ้าจะรับผิดชอบใช่ไหม” หลังจากคำขู่ชุดใหญ่ของเธอทหารเหล่านั้นจึงยอมเปิดประตูให้ในที่สุด
ประตูบ้านเปิดออกคนแรกที่เข้ามาคือชายหนุ่มผมสีฟ้าที่ทั้งคู่รอคอย ตามด้วยหญิงสาวร่างเล็ก ผมสีดำ คนหนึ่ง
“เธอเป็นใคร” คำถามออกจากปากหญิงสาวทั้งสองพร้อมๆกัน
“เราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ข้าจะเล่าให้ฟังระหว่างเดินทาง” วินพูดจากนั้นทั้งหมดจึงออกเดินทางทันที
หลังจากเดินทางได้สักครู่วินจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หญิงสาวทั้งสองได้รู้ ออนก้าจ้องหญิงสาวผมดำไม่วางตา ใครจะเชื่อว่าแม่ทัพร่างเล็กที่นำทหารสู้กับฝูงก็อบลินกับหญิงสาวน่ารักคนนี้จะเป็นคนๆเดียวกัน
“เราจะไปที่ไหนคะ” ออนก้าถามวินหลังจากเดินทางมาได้ครู่หนึ่ง
“ท่านแม่ทัพคุ้นเคยแถวนี้ดี มีสถานที่ใดที่มีสัตว์อสูรมากๆไหม”
“เรียกข้าว่ามิชเชลเถอะ ข้าไม่ใช่แม่ทัพอีกแล้ว เดินประมาณหนึ่งวันขึ้นไปทางเหนือมีป่าแห่งหนึ่งชื่อป่าแห่งการดับสูญ มีเรื่องเล่าว่าในป่าแห่งนั้นมีสัตว์อสูรจำนวนมากถึงมันไม่สามารถออกจากป่าได้ด้วยคำสาป แต่ใครก็ตามที่เข้าไปยังที่นั่น จะไม่สามารถกลับออกมาได้อีก” มิชเชลเล่า
“ตกลง เราจะไปที่นั่น” วินยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
“ท่านยังไม่บอกข้าว่าท่านทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร”
“ในเมื่อเจ้ายอมร่วมเดินทางกับข้า ข้าก็จะเล่าให้ฟัง แต่! เจ้าจะต้องสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ” วินเปลี่ยนคำเรียกเพื่อให้รู้สึกว่าเป็นกันเองยิ่งขึ้น
“ข้าสัญญา” มิชเชลชูมือขึ้นคล้ายการสาบาน
“ข้าเรียกมันว่าเวทมนต์” วินดีดนิ้วฉับพลันบังเกิดเปลวไฟดวงหนึ่งลอยอยู่บนมือของเขา
“ข้าไม่เข้าใจในเมื่อท่านแข็งแกร่งขนาดนี้ ท่านสามารถขัดขืนพวกเขาได้แต่ท่านก็ไม่ทำ” มิชเชลจ้องไปยังดวงตาสีฟ้าเพื่อหาคำตอบ
“ข้าไม่แน่ใจว่าพวกนั้นจะทำอะไรออนก้ากับแอลฟ่าหรือไม่ หากข้าทำอะไรที่รุนแรงลงไป แล้วเธอทั้งคู่ถูกจับนั่นจะทำให้เธอไม่ปลอดภัย” วินโอบไหล่หญิงสาวทั้งสองอย่างอ่อนโยน
-------------------------------------------------------------
“มีคนจำนวนมากกำลังตรงมาทางนี้” ออนก้าที่มีประสาทสัมผัสดีกว่ามนุษย์บอกกับทุกคน
“ตามมาทันแล้วรึ อีกไม่ไกลจะถึงป่าแห่งการดับสูญแล้วแท้ๆ” วินถอนหายใจ
“ท่านคงต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำอีกแล้วสินะคะ” ออนก้าพูดจริงจัง
“สิ่งที่ไม่อยากทำ” มิชเชลสงสัย
“ข้าไม่อยากฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองนอกเสียจากว่า....” วินกลืนคำพูดคำสุดท้ายที่จะเอ่ยออกมา
------------------------------------------------------------
“เจ้าพวกนักโทษ อย่าคิดหนี” เสียงคำรามของชายร่างใหญ่ที่สวมชุดเกราะสีเงินเป็นประกาย “พวกเจ้าไปจับพวกมันมา ใครขัดขืนฆ่าได้ทันที” สิ้นเสียงคำสั่งทหารม้านับพันวิ่งกรูเข้าล้อมกลุ่มชายหญิง 4 คนทันที
“ยิงธนู” ธนูจำนวนมากพุ่งตรงไปยังคนทั้งสี่ ก่อนจะถึงตัวพวกเขาเพียงไม่ถึง 2 เมตรลูกธนูเหล่านั้นเหมือนชนกับบางอย่างที่มองไม่เห็นแล้วตกลงยังพื้น
“ปล่อยพวกข้าไปตามทางแล้วข้าจะไม่ทำอันตรายท่านและคนของท่าน” วินต่อรอง
“เจ้าปีศาจ คิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆอย่างงั้นรึ” แม่ทัพบราวน์ตะโกนเสียงดังก่อนจะควบม้าตัวใหญ่ ตรงไปหากลุ่มของวิน ดาบสีเงินขนาดใหญ่สะท้อนแสงอาทิตย์ในยามเย็น เป็นภาพที่สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้ที่พบเห็น แม่ทัพใหญ่ง้างดาบเป้าหมายคือคอชายหนุ่มผมสีฟ้าที่ไม่มีอาวุธตรงหน้า
ปัง!
ม้าตัวใหญ่ของแม่ทัพเหมือนกระแทกเข้ากับบางอย่างที่มองไม่เห็นก่อนที่จะถึงตัวชายหนุ่มที่ยืนสงบนิ่งเพียงไม่กี่เมตร ทั้งคนทั้งม้ากระเด็นไปเท่ากับความแรงที่พุ่งเข้ามา แม่ทัพใหญ่ลุกขึ้นมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างมึนงง เขาผลักม้าที่ทับเขาอยู่ออก มันพยายามจะตะเกียกตะกายเพื่อลุกขึ้น บราวน์ปัดฝุ่นที่ติดผ้าคลุมออกหลังจากเขาลุกขึ้นได้ ท่ามกลางสายตาทหารใต้บังคับบัญชาที่ยืนตะลึง
“ข้าไม่อยากทำร้ายใคร ข้าขอบอกเป็นครั้งสุดท้าย พวกเจ้าจงกลับไปซะ” วินยังคงยืนนิ่งอยู่ในเกราะธาตุลมมองไปยังแม่ทัพใหญ่ด้วยสายตาเรียบเฉย
“นังคนไม่รักดี เจ้าเมินเฉยต่อข้อเสนอของข้าแต่กลับไปอยู่กับปีศาจตนนี้” แม่ทัพบราวน์ตะคอกเสียงดังอย่างเดือดดาล
แม่ทัพร่างใหญ่กระชับดาบใหญ่ของตัวเองอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้าหาชายสูงบางตรงหน้าด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอย่างเกรียวกราด
“ข้าจะให้พวกเจ้าทั้งหมดตายอยู่ที่นี่” บราวน์พุ่งทะยานขึ้นฟ้าก่อนจะฟาดดาบใหญ่ของเขาลงบนพื้นห่างจากจุดที่ชายหนุ่มยืนอยู่ประมาณ 15 เมตร
ตูมมม!!!
พื้นดินตรงหน้าแยกออกเป็นหลุมสึกขนาดใหญ่ รอยแตกยาวออกไปเรื่อยๆตรงไปยังทิศทางที่คนทั้งสี่ยืนอยู่ ทหารที่อยู่ในบ่อโคลนทุกคนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากพลังมหาศาลของแม่ทัพบราวน์ ก่อนรอยแยกจะถึงจุดที่คนทั้งสี่ยืนอยู่ก็มีเสียงดังขึ้น
ตูมมมม!!!
เสียงดังสนั่นเหมือนภูเขาสองลูกเคลื่อนที่เข้าชนกัน จากนั้นรอยแยกที่ควรจะยาวเป็นร้อยเมตรได้หยุดลง พื้นใต้เท้าของคนทั้งสี่เปลี่ยนจากดินสีดำที่มีหญ้าปกคลุมกลายเป็นหินอันแข็งแกร่งขนาดใหญ่
“ข้าเตือนเจ้าแล้ว” วินชูฝ่ามือของตนไปยังแม่ทัพร่างใหญ่ที่กำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าของตน ทักษะที่เขาใช้เมื่อครู่มันสามารถผ่าภูเขาขนาดย่อมได้อย่างง่ายดาย แต่มันกลับถูกหยุดด้วยชายหนุ่มร่างเล็กผมสีฟ้าเพียงคนเดียว
ตูม!
“อ๊ากกกก!”
นกอัคคีสีม่วงหลายตัวบินผ่านแม่ทัพใหญ่และกองทัพที่อยู่รายล้อมพวกเขา ความร้อนของเปลวเพลิงทำให้ร่างของทหารทุกคนเหลือเพียงเถ้าถ่านกระทั่งเกราะที่สร้างด้วยโฮริฮารูกอนของแม่ทัพยังบิดเบี้ยว แหวนมิติของวินและแม่ทัพมิชเชลที่อยู่บนนิ้งแม่ทัพใหญ่ถูกหลอมละลายจนหมดสิ้น เสียงร้องโหยหวนของทหารที่อยู่นอกรัศมีทำลายล้างของนกสีม่วง แต่ถูกละอองเพลิงของนกอัคคีดังขึ้นไม่ขาดระยะ
ดวงตาสีฟ้าส่งประกายความเศร้าออกมาก่อนที่กลุ่มคนทั้ง 4 เดินหายไปในป่าแห่งการดับสูญ
มีหลายท่านคอมเม้นท์เรื่องแนวความคิดของวิน ต้องขออภัยด้วยที่อาจทำให้หลายๆท่านอึดอัด
พระเอกห่วงความรู้สึกคนอื่น( พ่อแม่ เพื่อนสนิท เมีย)มันก็ทุกเรื่องแหละ แต่กับห่วงศัตรูด้วยเนี้ย ไม่ตายดี ทำกับตัวเองขนาดนั้นยังเศร้าอีก ใจดีเกิน ต้องรอให้เมียตายหรือสูญเสียคนสำคัญก่อนใช่มั้ย ถึงจะเด็ดขาด
ใจดี ก็ดี แต่กับคนที่คิดร้ายก็ควรจะเด็ดขาด
สุดท้ายมักไม่ตายดี
ไม่รู้จริงป่าวแต่เห็นในการ์ตูนเยอะ เพราะงั้นถ้าหากไม่รู้จักปรับตัวก็อยู่ในโลกนี้ไม่ได้นะครับ
อนาคตคงต้อง ทำใจฆ่าทีหล่่ะเป็นหมื่นๆ สู้ตัดใจลงมือไปตอนนี้คงดีกว่า
ในความคิดผมตัวเอกมันต้องดีมาดีกลับ ร้ายมาก็ร้ายกลับ หรืออย่างน้อยก็ต้องเอาคืนแค่พอเหมาะก็ได้ หรือไม่ก็มีนิสัยขี้งกหน่อยๆ นิสัยแบบนี้สิที่พออ่านแล้วมันไม่ทำให้คนอ่านอึดอัด