ราชันจอมเวท
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : จะอดทนเพื่อขนม
My.iD :
https://my.dek-d.com/ss1999/writer/
ตอนที่ 39 : สัตว์พาหนะ
ความร้อนของอากาศที่ลดน้อยลงในยามอาทิตย์อัสดง แสงตะวันกำลังจะลาลับฟ้า แต่แสงแห่งความหวังของชาวเผ่ากราโกย่ากำลังทอแสงเรืองรอง ความร้อนของกองไฟขนาดใหญ่ตรงหน้าไม่ได้ทำให้คนผิวดำหัวหยิกเหล่านี้เหน็ดเหนื่อยเลย ทุกคนที่อยู่รอบกองไฟล้วนมีใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นช่วงๆสลับกับเสียงพูดคุยดังก้องป่า กลิ่นของเนื้อย่างหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ซุปเนื้อหม้อใหญ่กว่าสิบหม้อเดือดพล่านอยู่บนเตาไฟ กองเนื้อที่ถูกชำแระรอการย่างถูกวางเรียงรายอยู่หลายกอง มันเป็นเนื้อสัตว์รวมทั้งเนื้อกระทิงขนไฟจำนวนมากที่วินล่ามาเมื่อหลายวันก่อน นอกจากเนื้อจำนวนมากแล้วยังมีข้าวสาลีและผักชนิดต่างๆวางอยู่อีกหลายกอง
“ทำไมเจ้าถึงอยากให้ข้าช่วยชาวบ้านเหล่านี้” วินนอนอยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่เขาคุ้นเคย โดยมีหญิงสาวร่างเล็กสองคนอยู่ในในอ้อมกอด
“เห็นแววตาของพวกเขาแล้วทำให้ข้าคิดถึงหมู่บ้านเอลฟ์” แอลฟ่าเสียงอ่อย
“ข้าดีใจที่เจ้ามีใจเอื้ออารี” ชายหนุ่มลูบผมสีทองอย่างเบามือ
แอลฟ่ายิ้มน้อยๆมองไปฝั่งตรงข้ามพบหญิงสาวผมสีน้ำตาลนอนแยกเขี้ยวยิ้มหวานให้เธอ
“ข้าขอสักการะเทพแห่งฤดูกาล........” เสียงชาวบ้านนับร้อยดังขึ้นหน้าบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ที่อยู่ท้ายหมู่บ้านทั้งที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มผมสีฟ้ายังอยู่ในอาการงัวเงีย
“ชาวบ้านจำนวนมากพากันมาคุกเข่าอยู่หน้าบ้านค่ะ” ออนก้ากำลังทำอาหารเช้าหันมาตอบตามทิศที่มาของต้นเสียง
“เมื่อวานข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าไม่ใช่เทพแห่งฤดูกาล” วินบอกชายชราหัวหน้าชนเผ่าทันทีที่เขาออกมาเจอชายชราที่คุกเข่าอยู่หน้าบ้าน
“ท่านเทพแห่งฤดูกาลช่วยเหลือหมู่บ้านของพวกข้าทุกคนในหมู่บ้านย่อมเคารพศรัทธาในตัวท่านเป็นธรรมดา”
“เจ้าช่วยไปบอกชาวบ้านให้เลิกมากราบกรานข้าได้แล้ว อีกอย่างข้าบอกไปหลายหนแล้วด้วยว่าข้าชื่อวินไม่ใช่เทพแห่งฤดูกาล” ชายหนุ่มจ้องไปยังหัวหน้าหมู่บ้านด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างมาก
“ขะ...ขอรับท่านวิน” ชายชราตัวสั่นด้วยความกลัว
วินกำลังเดินสำรวจพื้นที่ในหมู่บ้านโดยมีหญิงสาวทั้งสามเดินอยู่ด้านข้าง มีเพียงลูกก้าและโจก้าลูกชายของผู้เฒ่าลูก้าหัวหน้าชนเผ่ากราโกรย่าเดินตามอยู่ด้านหลัง ส่วนคนอื่นๆในชนเผ่าวินสั่งให้ไปรวมกันนอกหมู่บ้านเนื่องจากเขารำคาญในเสียงเชิดชูบูชาของคนเหล่านั้น
“ท่านวินเดินหาอะไรอยู่ขอรับ” โจก้าเอ่ยถามขึ้นหลังจากเดินตามวินมาหลายชั่วโมง
“.....” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่ม มีเพียงออนก้าหันมาทางชายร่างสูงก่อนยกนิ้วชี้แตะที่ปากเป็นสัญญาณบอกว่าอย่าส่งเสียง
ฉึก!
หลังจากทั้งหมดเดินวนในหมู่บ้านจนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มผมสีฟ้าปักคทาสีทองลงบนผืนดินกลางหมู่บ้าน เพียงไม่นานพื้นบริเวณนั้นเหมือนถูกบางแหวกออกลึกลงไปหลายสิบเมตรดินบริเวณขอบบ่อกลายเป็นหินแกร่งยกสูงจากพื้นดินเกือบประมาณ 1 เมตร ปากบ่อรูปวงกลมกว้างประมาณ 2 เมตร โจก้าวิ่งมาดูภายในบ่อพบว่าลึกลงไปในบ่อประมาณ 10 เมตรมีน้ำใสๆอยู่ก้นบ่อ ภาพที่เห็นทำให้ชายหนุ่มร่างสูงขาสั่นไม่นานเขาก็ทรุดลงไปนั่งอยู่กับพื้น
“ตอนบ่ายช่วยพาข้าไปที่บึงน้ำนั่นด้วย” วินพูดเรียบๆ ชายหนุ่มใช้มือแตะไหล่โจก้าจนเขาสะดุ้งสุดตัว
“ขะ...ขอรับท่านวิน” โจก้ามองชายหนุ่มผมสีฟ้าด้วยสีหน้าที่หลากหลายอารมณ์ ความตื่นเต้น และหวาดกลัวในความสามารถของชายหนุ่มจนหัวใจเขาเต้นแรงยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขั้นสูง ความรู้สึกเทิดทูนบูชาดั่งเช่นเทพเจ้ามายืนอยู่ตรงหน้า สมองของเขาว่างเปล่าจนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีพบว่าตัวเองกำลังคุกเข่าก้มจับไปยังข้อเท้าของชายหนุ่มตรงหน้า เขาต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปลายคทาสีทองในมือชายหนุ่มสะกิดที่ไหล่ของเขาอยู่หลายครั้ง “ขอโทษครับท่านวิน” เสียงแหบแห้งหลุดออกจากปากโจก้าอย่างยากเย็น
-------------------------------
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านวิน” เสียงสดใสของแอลฟ่าดังขึ้นในตอนสายๆของวันรุ่งขึ้น
“เหนื่อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย” วินบิดตัวซ้ายขวาเพื่อสลัดความอ่อนล้า
“ท่านวินของข้าทำได้อยู่แล้ว” ออนก้ายืนยิ้มสายตาเธอจ้องมองชายหนุ่มอย่างภูมิใจ
วินและหญิงสาวทั้งสามกำลังยืนดูบึงน้ำขนาดใหญ่กว่า 3 หมื่นไร่ตรงหน้า ส่วนที่ลึกที่สุดของบึงราว 5 เมตร บึงที่ขณะนี้เต็มไปด้วยน้ำแต่ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวันยังเป็นบึงที่ว่างเปล่าจะมีเพียงผืนดินที่แห้งแล้งแตกระแหง ชายหนุ่มหันไปทางซ้ายเห็นชาวบ้านจำนวนมากพากันลงเล่นน้ำอย่างดีใจ หลายคนเห็นชายหนุ่มผมสีฟ้ายืนอยู่ไกลๆพากันวิ่งขึ้นจากน้ำมาก้มกราบทำความเคารพโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พวกเขา วินใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงเพื่อเติมน้ำให้เต็มบึงขนาดใหญ่นี้ น้ำในบึงนี้ทำให้พื้นที่โดยรอบหมู่บ้านของเผ่ากราโกย่าจะมีน้ำใช้ไปได้อีกมากกว่าหนึ่งปี
---------------------------
“แกว๊ก แกว๊ก แกว๊ก”
เสียงนกขนาดใหญ่ร้องดังขึ้น มันมีลักษณะคล้ายนกกระจอกเทศ ต่างกันตรงที่อัลล่าเบิร์ดมีคอที่สั้นแต่กลับมีหัวขนาดใหญ่ จงอยปากที่ใหญ่และแข็งแรงของมันมีไว้เพื่อการล่าโดยเฉพาะ ขนสีเทาตามลำตัวที่หนานุ่มแต่เหนียวมากเป็นอุปสรรค์ของสัตว์นักล่าอื่นที่จะเข้าถึงเนื้อของมัน หางที่แข็งและคมเหมือนใบดาบชี้ขึ้นเหมือนหางไก่ กงเล็บที่คมกริบบนขาที่แข็งแรงพอจะฉีกสัตว์ขนาดใหญ่ได้ไม่ยากนัก นั่นทำให้มันสามารถรับน้ำหนักคน 3-4 คนได้อย่างสบาย
ด้านหน้าของพวกมันทั้งสามเป็นสัตว์นักล่าจำนวนมากกว่า 10 ตัวที่ซ่อนกายอยู่ไม่ไกลถึงแม้สัตว์สี่ขาขนาดใหญ่จะหมอบนิ่งอยู่หลังทุ่งหญ้าสูงกว่าเมตร ด้วยประสาทสัมผัสที่ว่องไวของนกยักษ์สองขาเหล่านี้มันจึงรับรู้ได้ ปกติแล้วเสือโคร่งนอเดียวจะไม่เข้าโจมตีอัลล่าเบิร์ดที่อยู่กันเป็นฝูง เพราะนกกินเนื้อเหล่านี้นอกจะแข็งแกร่งมากแล้วพวกมันยังอยู่กันเป็นฝูงใหญ่ แม้อัลล่าเบิร์จะอยู่แม้เพียงขั้นยอดฝีมือต่างกับเสือโคร่งนอเดียวที่อยู่ถึงขั้นขุนพล ด้วยความว่องไวของอัลล่าเบิร์ดและจำนวนที่สมาชิกในฝูงที่ต่างกันถึง 5 เท่าทำให้เสือเหล่านี้ต้องคิดหนัก แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่นกขนาดยักษ์มีอยู่ด้วยกันเพียง 3 ตัว
ชายหนุ่มผมสีฟ้ามองไปรอบๆตัวที่ว่างเปล่า
“มีสัตว์ขั้นสูงจำนวนมากดักซุ่มอยู่ด้านหน้าคะ” ก่อนที่วินจะตัดสินใจทำอะไรออนก้าที่อยู่หลังชายหนุ่มกระซิบเบาๆ
ชายหนุ่มกระโดดลงจากหลังอัลล่าเบิร์ดก่อนจะหันไปจับมือหญิงสาวครึ่งเสือเพื่อประคองเธอลงจากสัตว์ขนนุ่มที่แม้มันจะย่อกายติดพื้นแล้วยังมีความสูงเกือบ 1 เมตร
ชายหญิงสามคนด้านหลังกระโดดลงจากหลังนกยักษ์สองตัวที่อยู่ด้านหลัง เมื่อทั้งหมดเห็นวินและออนก้าลงจากหลังอัลล่าเบิร์ด
“โคลิก้าฝากเจ้าดูแลนกน้อยทั้งสามตัวนี้ด้วย” วินหันกลับไปบอกชายหนุ่มผิวดำผอมสูงที่ลงจากหลังนกยักษ์ตัวที่อยู่หลังสุด
“ขอรับ ท่านวิน” ชายร่างสูงเดินมาจูงอัลล่าเบิร์ดทั้งสามตัว พวกมันเดินตามเขาอย่างว่าง่าย
“กรร! โฮกก!”
เสือโคร่งนอเดียว ธาตุดิน
ขั้นขุนพล ระดับ 7
ที่ออกมาจากที่ซ่อนคือเสือโคร่งขนาดใหญ่จำนวน 14 ตัว ตัวใหญ่ที่สุดลำตัวยาวเกือบ 4 เมตร บนหัวเสือตัวผู้จะมีนอแหลมคล้ายแรดโผล่ขึ้นมา 1 อัน มันแบ่งเป็นสองกลุ่ม เสือ 8 ตัวแรกพยายามโอบล้อมกลุ่มของวิน ขณะที่อีก 6 ตัวตรงไปยังที่อยู่ของอัลล่าเบิร์ดและโคลิก้า
“พวกเจ้าทั้งสามไปดูแลเจ้าพวกนกน้อยเหล่านั้น” วินสั่งการ
<วงแหวนแห่งไฟ> วินร่ายเวทหลังจากที่หญิงสาวทั้งสามพุ่งไปยังเสือโคร่งที่เพิ่งวิ่งเลยพวกเขาไปไม่นาน วงเวทย์ไฟสีฟ้าค่อยๆขยายออกจากร่างของเขาจนคลอบคลุมเสือทั้ง 8 ตัวที่อยู่โดยรอบ ยังไม่ทันได้รู้ตัวพวกมันทั้งหมดได้ลมลงกลายเป็นเสือย่างในทันที
หลังฆ่าเสือโคร่งทั้ง 8 ตัวแล้ววินหันหลังกลับมาหลังพบว่าหญิงสาวทั้งสามกำลังสู้กับเสือโคร่ง 3 ตัว ขณะที่เสืออีก 3 ตัววิ่งตรงไปยังโคลิกาและนกพาหนะทั้งสามของพวกเขา
โครมมม
เสือโคร่งนอเดียวสามตัวพุ่งชนเกราะธาตุลมของนกยักษ์ทั้งสาม ภายในเกราะลมนั้นมีนกสามตัวกับชายหนุ่มผิวดำร่างสูงยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า ชายผิวดำถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเสือโคร่งกระเด็นกลับไปเพราะแรงประทะ
ว่าแต่ ได้นกมาตอนไหนอ่ะ เาไม่ได้อ่าน