[OS] Sunggyu x Woohyun ★ Way back into love - [OS] Sunggyu x Woohyun ★ Way back into love นิยาย [OS] Sunggyu x Woohyun ★ Way back into love : Dek-D.com - Writer

[OS] Sunggyu x Woohyun ★ Way back into love

โดย starholicxx_

All I want to do is find a way back into love I can’t make it through without a way back into love.

ผู้เข้าชมรวม

837

ผู้เข้าชมเดือนนี้

0

ผู้เข้าชมรวม


837

ความคิดเห็น


2

คนติดตาม


26
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  26 ก.ย. 58 / 03:12 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

 

Way back into love

Pairing : Sunggyu x Woohyun

Rate : g

Genre : RPS Fluff Light

Author : Starholicxx

 

 

 

 

 

I’ve been living with a shadow overhead
I’ve been sleeping with a cloud above my bed
I’ve been lonely for so long
Trapped in the past, I just can’t seem to move on

 

     คิมซองกยูตื่นนอนในตอนเช้าวันนี้ด้วยความรู้สึกที่เรียกได้ว่า ซังกะตาย ไม่ต่างไปจากทุกวันในช่วงเวลาเกือบห้าสัปหาห์ที่ผ่านมา ลีดเดอร์นิมแห่งอินฟินิทต้องตื่นมาในตอนเช้าของทุกวันพร้อมกับเสียงถอนหายใจแบบนี้จนมันเกือบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้วนับตั้งแต่วันที่เขากับน้องชายคนสนิทอย่างนัมอูฮยอนทะเลาะกันด้วยเรื่องราวไร้สาระที่ไม่มีอะไรน่าจะเป็นเหตุผลของการทะเลาะกันได้ แต่พวกเขากลับเก็บเอามาใส่ใจแล้วตามมาด้วยการทะเลาะทุ่มเถียงครั้งใหญ่จนต่างฝ่ายต่างตั้งใจไว้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมพูดกับอีกฝ่ายก่อนเป็นอันขาด

                ถ้าถามว่าตลอดเวลาหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา ไม่ว่าจะในฐานะพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน หรือคนรัก พวกเขาเคยมีปากเสียงกันไหม แน่นอนว่ามันย่อมต้องเคยมีอยู่แล้ว ซองกยูเป็นคนอารมณ์ร้อนในขณะมี่นัมอูฮยอนก็ติดนิสัยเอาแต่ใจและไม่ยอมใคร ทุกครั้งที่มีปากเสียงกันหากไม่ใช่เรื่องใหญ่จนถึงขนาดคอขาดบาดตาย ก็มีหลายคราวที่ซองกยูก็เลือกที่จะมองข้ามไปเพราะเขาให้ความสำคัญกับอูฮยอน แต่ถ้าหากเรื่องที่เป็นประเด็นให้ทะเลาะกันสำคัญเกินกว่าที่จะมองข้าม พวกเขาก็อาจจะหมางเมินใส่กันไปสักสี่ห้าวัน รอให้ต่างฝ่ายต่างใจเย็นลงแล้วจึงค่อยมาเคลียร์กัน ซึ่งทุกครั้ง เรื่องมันก็จะจบลงด้วยดี

แต่สำหรับครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ง่ายแบบนั้น

พวกเขาเริ่มมีปากเสียงกันตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมก่อนที่มันจะยืดยาวมาจนถึงตอนนี้ที่เป็นปลายเดือนกันยายน กินเวลายาวนานอย่างที่ไม่เคยเป็น แน่นอนว่าซองกยูย่อมรู้สึกไม่ดีที่ทะเลาะกับแฟนตัวเอง แต่เหมือนว่าจะมีแต่เขาเพียงคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น นัมอูฮยอนที่เคยเป็นน้องชายที่น่ารักและเป็นรอยยิ้มในทุกวันของซองกยูกลับทำให้เขาต้องจมอยู่กับความเครียดและหนักใจ พอเขาเย็นชาใส่ เด็กนั่นก็เมินกลับ ซองกยูไม่พูดด้วย นัมอูฮยอนก็ไม่สนใจ คนเป็นพี่ชายออกไปทำงาน คนเป็นน้องก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ซ้ำร้ายที่สุดคือมีคืนหนึ่งที่เด็กคนนั้นดื่มเหล้าจนเมาแทบดูไม่ได้ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ซองกยูเกลียดที่สุดและเขาก็รู้ดีว่าอูฮยอนรู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน แต่อีกฝ่ายก็ยังทำเพื่อประชดประชันซองกยูและนั่นก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ระหว่างพวกเขาเลวร้ายลงเรื่อย ๆ อย่างน่าอึดอัดใจ

จากการมีปากเสียงกันในเรื่องเล็กน้อย สู่ความไม่ชอบใจละหงุดหงิด ท้ายที่สุดพวกเขาก็เปิดสงครามเย็นใส่กันอย่างเต็มรูปแบบ ซองกยูเลือกที่จะเย็นชาใส่และทำเป็นไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของนัมอูฮยอนในทุกที่ เขายังคงทำตัวเป็นซองกยูฮยองของน้องชายอีกห้าคนเหมือนปกติ แต่สำหรับน้องชายคนที่ให้ความสำคัญที่สุดคนนั้น ซองกยูกลับทำเหมือนอีกฝ่ายคือคนแปลกหน้า ไม่มีการพูดคุยใดเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ไม่มีแม้เสียงทักทายสักคำเดียวแม้ว่าพวกเขาจะเดินสวนกันชนิดแขนชนแขน และเมื่อต้องเผชิญหน้าต่างคนก็ต่างเมินหน้าหนีและหันหน้าไปคนละทางราวกับว่าอีกฝ่ายคือศัตรูคู่อาฆาตตั้งแต่ชาติปางก่อน

หากเป็นก่อนหน้านี้ คนเป็นพี่ชายคงแน่ใจว่าด้วยความสำคัญที่ตัวเองมีมันจะทำให้นัมอูฮยอนทนความหมางเมินแบบนี้ไปได้แค่ไม่กี่วัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือนโดยที่ไม่มีอะไรแปลี่ยนแปลง ซองกยูก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าความสำคัญที่ตัวเองมีต่อนัมอูฮยอนนั้นมันยังคงมีมากเท่าเดิมที่เคยเป็นหรือมันอาจจะหมดลงแล้วนับตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายเลือกที่จะเย็นชาใส่เขาทั้งที่ไม่เคยทำแบบนั้นก็เป็นได้

เฮ้อ ทำไมต้องเป็นแบบนี้วะซองกยูพูดกับตัวเองอย่างหงุดหงิด เขาถีบผ้าห่มออกจากตัวก่อนจะลุกขึ้นนั่งและถอนหายใจ เคยมีคนบอกไว้ว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุจะสั้นลงสิบปี แต่สำหรับคิมซองกยูในตอนนี้ ถ้าจะเอาจำนวนครั้งที่เขาถอนหายใจทั้งหมดมารวมกัน ลีดเดอร์นิมแห่งอินฟินิทคิดว่าไม่เพียงแต่เขาจะอายุสั้น แต่เขาอาจจะไม่มีชีวิตเหลืออยู่ในชาตินี้อีกต่อไปแล้วก็เป็นได้

ทุกวันที่ต้องตื่นมาอย่างซังกะตายโดยที่ไม่มีนัมอูฮยอนอยู่ข้างกายเหมือนที่เคยนั่นคือสิ่งที่สร้างความทรมานใจให้ซองกยูอย่างที่สุด คนส่วนใหญ่อาจมองว่าเขาคือพี่ชายที่นัมอูฮยอนให้ความสำคัญจนดูเหมือนบางครั้งเขามีอำนาจเหนือกว่าเด็กคนนั้นทั้งในฐานะลีดเดอร์ พี่ชาย และคนรัก แต่สิ่งที่น้อยคนนักจะรู้คือความจริงที่ว่าซองกยูต่างหากที่แพ้ทางนัมอูฮยอนในทุกเรื่องเพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่แสดงออกไปให้เด็กนั่นได้ใจว่าตัวเองมีอิทธิพลที่สามารถทำให้ซองกยูเป็นบ้าเป็นหลังได้แค่ไหนก็เท่านั้น แล้วการที่เขาโดนคนที่ให้ความสำคัญและเคยยอมแพ้ให้อยู่เสมออย่างนัมอูฮยอนเย็นชาหมางเมินใส่เหมือนว่าเขาไม่มีความสำคัญใด ๆ เลย มันก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดเสียจริง ๆ

นี่สินะ ความทรมานของการทะเลาะกัน และก็ดูเหมือนว่าความทรมานนี้ยังคงจะกินเวลานานโดยที่ไม่สิ้นสุดลงง่าย ๆ เสียด้วยถ้าหากพวกเขาต่างคนต่างยังคงเย็นชาใส่กันแบบนี้อยู่

คิดถึง

                คำ ๆ นั้นคือสิ่งที่อธิบายความรู้สึกของคิมซองกยูในตอนนี้ได้ดียิ่งกว่าคำไหน ไม่มีวันไหนเลยที่ซองกยูจะตื่นมาในตอนเช้าแล้วไม่ได้นึกถึงนัมอูฮยอนเป็นคนแรก ไม่มีเช้าไหนเลยที่ซองกยูจะลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เผลอใช้มือควานหาร่างเล็กที่เคยนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่มีเช้าไหนของทุกวันที่ซองกยูจะไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเฝ้าหวังว่าบนที่นอนว่างเปล่าข้างกายเขาจะมีนัมอูฮยอนนอนอยู่ด้วยเหมือนที่เคยเป็น และในเมื่อมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีเช้าไหนเลยเช่นกันนับตั้งแต่วันที่พวกเขาทะเลาะกันที่ซองกยูจะตื่นมาอย่างมีความสุข ข้างกายของเขาคือความงียบงันและว่างเปล่า ในขณะที่หัวใจของซองกยูกลับหนักหน่วงเหมือนถูกถ่วงไว้ด้วยก้อนหินกับความรู้สึกอึดอัดทั้งหมดที่ต้องเผชิญอยู่โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไร

                ราวกับว่าความสุขที่ผ่านมาทั้งหมดไม่เคยมีอยู่จริง และเสียงหวาน ๆ ที่เคยบอกรักซองกยูอย่างน่าฟังในเกือบทุกวันที่อยู่ด้วยกันนั้นเป็นเพียงภาพฝันในจินตนาการที่เขาสร้างมันขึ้นมาเอง

นัมอูฮยอน พี่คิดถึงนาย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

I’ve been hiding all my hopes and dreams away

Just in case I ever need em again someday

I’ve been setting aside time

To clear a little space in the corners of my mind

 

 

 

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นัมอูฮยอนตื่นนอนขึ้นมาเพียงลำพัง

เปลือกตาสีนวลเปิดขึ้นในตอนเช้าพร้อมกับความเหงาที่พุ่งขึ้นมาจับใจในวินาที่แรกที่ลืมตา อูฮยอนไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ของเดือนกันยายน แต่เขาจำได้ดีว่าวันนี้เป็นวันที่สี่สิบแปดของการทะเลาะกันระหว่างตัวเองกับซองกยูฮยอง จากการมีปากเสียงกันในเรื่องเล็กน้อยสู่การทะเลาะกันอย่างเต็มรูปแบบอย่างที่ไม่เคยเป็น หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดือนกว่านี้นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความทรมานใจอย่างที่สุดให้อูฮยอนในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้

ซองกยูฮยอง…” คนตัวเล็กพึมพำเรียกชื่อพี่ชายคนนั้นในขณะที่ซุกหน้าเข้ากับหมอน น้ำเสียงโหยละห้อยเช่นนั้นชวนให้ใจหาย เมื่อคนเรียกจินตนาการถึงกลิ่นกายของพี่ชายคนนั้นที่ครั้งหนึ่งมันเคยอบอวลอยู่ในหมอนใบนี้ แต่วันเวลาพาให้มันห่างหายไปเมื่อเจ้าของหมอนใบนี้ไม่ได้มาใช้มันในการนอนร่วมห้องกับอูฮยอนเหมือนที่เคยเป็น

ก้อนเนื้อที่อยู่ในช่องอกด้านซ้ายเต้นอย่างชืดชาไร้ชีวิตจิตใจ อูฮยอนไม่รู้ว่าทำไมเรื่องของตัวเองและพี่ชายคนนั้นจึงเป็นแบบนี้ ถ้าจะหาเหตุผลจากการทะเลาะกัน แน่นอนว่ามันย่อมไม่มีฝ่ายใดที่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครที่เป็นคนผิดอย่างชัดเจนเพราะทั้งอูฮยอนและซองกยูฮยองต่างก็ใช้เหตุผลของตัวเองเป็นใหญ่ในการจะยัดเยียดความผิดให้เป็นของอีกคนและยึดถือว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกที่ไม่จำเป็นต้องง้อใครก่อน

ตลอดเวลาหลายปีที่คยกันมาแน่นอนว่าพวกเขาต้องเคยทะเลาะกัน มันไม่ใช่แค่หลักสิบ แต่ถ้าจะนับกันจริง ๆ แล้วจำนวนครั้งมันน่าจะมากกว่าหลักร้อย ทั้งเรื่องเล็กน้อยไร้สาระไปจนถึงเรื่องคอขาดบาดตาย แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่มันจะกินเวลานานและทุกข์ทรมานใจเหมือนครั้งนี้ เพราะทุกทีที่ผ่านมาไม่ใครก็ใครสักคนจะยอมเป็นฝ่ายทิ้งศักดิ์ศรีและเอ่ยปากขอโทษออกมาก่อน และเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอ่อนลงนั่นย่อมเป็นเหตุผลให้ใครอีกคนยอมอ่อนตาม

แต่กับครั้งนี้สิ่งที่พวกเขากระทำต่อกันมันเหมือนกับว่าจะยิ่งทำให้ทำให้อีกฝ่ายตอบโต้กลับมาด้วยความรุนแรงที่มากขึ้นกว่าเดิมราวกับว่าพวกเขาต้องการจะทำร้ายจิตใจกันและกันให้ได้มากที่สุด และมันก็ได้ผลเสียด้วย เพราะการทำร้ายจิตใจแบบนั้นนอกจากจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจได้แล้วตัวคนทำเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่ากัน

หลายวันที่ผ่านมานี้ อูฮยอนรู้ดีว่าทุกครั้งที่ตัวเองเผลอและไม่ได้มองอีกฝ่ายอยู่ ซองกยูฮยองก็จะแอบมองเขาแทบตลอดเวลาราวกับอีกฝ่ายจะหวังว่าอูฮยอนจะหันมองกลับไปแล้วยิ้มให้สักครั้ง เพราะถ้าหากว่าเขาทำแบบนั้น อูฮยอนก็มั่นใจว่าพี่ชายคนนั้นคงจะใจอ่อนและยอมพูดกับเขาก่อนเหมือนหลาย ๆ คราวที่ผ่านมา แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งที่ตัวเองก็ดีรู้อยู่แต่อูฮยอนกลับเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจแถมยังหมางเมินใส่ด้วยการทำเป็นไม่เห็นซองกยูอยู่ในสายตาเพื่อตอบโต้ให้อีกฝ่ายรู้เสียบ้างว่าความน้อยใจจากการถูกเมินนั้นมันเป็นยังไง เขาไม่รู้หรอกว่ามันได้ผลหรือไม่แล้วซองกยูฮยองจะเสียใจหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือคนที่เสียใจในทุกคราวที่ทำแบบนั้นก็คือตัวคนทำเองที่ต้องมานั่งหงอยลับหลังซองกยูฮยองด้วยความคิดถึง

คิดถึง

คำ ๆ นั้นคือสิ่งที่บอกความรู้สึกของอูฮยอนในตอนนี้ได้ดีที่สุด เขาคิดถึงคิมซองกยู คิดถึงซองกยูฮยองพี่ชายใจดีที่มีอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดในโลกไว้เพื่อน้องชายอย่างเขา คิดถึงลีดเดอร์ซองกยูคนโหดร้ายที่ดุด่าสมาชิกอย่างเขาเอาเป็นเอาตายในตอนที่อูฮยอนทำตัวเกเรและงอแงไม่ยอมไปซ้อมร้องเพลง คิดถึงคิมซองกยู คนรักของเขาที่เคยใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องนอนเล็ก ๆ ของพวกเขาเพื่ออยู่ในอ้อมกอดของกันและกันพลางส่งเสียงกระซิบเรียกชื่อกันด้วยถ้อยคำหวานหู คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นเป็นประจำแต่ในตอนนี้ทุกอย่างเหล่านั้นกลับหายไปจนไม่มีเหลือเพราะการทะเลาะกันที่เกิดขึ้นและไม่มีท่าทีว่าจะจบลงไปง่าย ๆ เหมือนทุกที ตราบใดที่ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมอ่อนลงก่อน

เรื่องของเรา มันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเหรอครับ ซองกยูฮยอง

อูฮยอนคงจะจมอยู่ในความคิดของตัวเองไปอีกนานถ้าหากว่าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงจะไม่ส่งเสียงดังขึ้นมา ร่างเล็กถอนหายใจก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบมาดู โน้ตสั้น ๆ ในแอพลิเคชั่นเตือนความจำบอกไว้ว่าวันนี้เขาจะต้องบินไปโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมแมตช์การแข่งขันของทีมฟุตบอล FCmen  ที่อูฮยอนเป็นสมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งของทีม แมตช์การแข่งขันในวันนี้นับว่าเป็นแมตช์สำคัญอีกแมตช์หนึ่งที่ถูกจัดขึ้นเพื่อหารายได้เข้าการกุศลตามความตั้งใจของคิมจุนซูฮยองผู้ก่อตั้งทีม FCmen และแน่นอนว่าแมตช์สำคัญที่จะได้ลงลับแข้งกับทีมฟุตบอลอาชีพของโยโกฮาม่านั้นย่อมเป็นสิ่งที่คนคลั่งฟุตบอลอย่างนัมอูฮยอนไม่อยากพลาดอยู่แล้วในทุกกรณีและเขาก็ตื่นเต้นตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้ว่าตัวเองจะได้เป็นส่วนหนึ่งของเกมนี้แล้ว

แต่ในตอนนี้แม้แต่การเล่นฟุตบอลที่ชอบนักหนาก็ยังไม่สามารถทำให้อูฮยอนมีความสุขได้เหมือนที่เคยเพราะคนตัวเล็กรู้ดีว่าการไปโยโกฮาม่าของตัวเองในวันนี้จะต้องทำให้ซองกยูฮยองไม่พอใจอย่างแน่นอน และที่สำคัญก็คือถ้าหากเลือกไปโยโกฮาม่าในวันนี้นั่นย่อมหมายถึงการที่อูฮยอนต้องแลกมันมาด้วยการพลาดตารางงานร่วมกับสมาชิกอินฟินิทอีกหกคนที่จะมีงานแจกลายเซ็นที่ปูซานในช่วงเย็น

เอายังไงดี ?

คนตัวเล็กถามตัวเองอย่างสับสนและตัดสินใจไม่ได้ ทั้งสองอย่างนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะเลือกและไม่อยากจะพลาดด้วยกันทั้งคู่ ทั้งการเล่นฟุตบอลและการได้พบกับแฟน ๆ ที่รอคอยพวกเขาอยู่ล้วนมีความสำคัญกับอูฮยอนมากพอกันและเขาก็ไม่ต้องการที่จะเสียมันไป แต่ถึงอย่างไรอูฮยอนก็ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ดี

ถ้าหากไปโยโกฮาม่า อูฮยอนก็คงจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเพราะได้ไประบายความเครียดกับการเล่นฟุตบอลและแน่นอนว่าหากทำแบบนั้นเขาก็จะยิ่งเป็นผู้ชนะในการทะเลาะกันครั้งนี้ เพราะสิ่งที่ทำจะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่แคร์อะไรเลยและไม่แม้แต่จะเป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยว่าซองกยูฮยองจะรู้สึกยังไงที่อูฮยอนไปเริงร่าเล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนานทั้งที่ยังทะเลาะกันอยู่ แต่ถ้าเลือกที่จะไม่ไปโยโกฮาม่าแล้วไปร่วมงานแฟนไซน์ที่ปูซาน นอกจากอูฮยอนจะเสียคำพูดที่รับปากกับเพื่อนร่วมทีม FCmen ในวันนี้ เขาก็ยังจะต้องไปเผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาของซองกยูฮยองที่มองข้ามหัวเขาไปมาเหมือนอูฮยอนเป็นอากาศธาตุในขณะที่พี่ชายคนนั้นเล่นหัวกับสมาชิกคนอื่นอย่างสนุกสนานราวกับว่าอูฮยอนไม่มีตัวตน

แต่ถึงรู้ว่าจะต้องเป็นแบบนั้นอูฮยอนก็ยังจะอยากไปปูซาน

เพราะเขาอยากอยู่ใกล้กับซองกยูฮยอง แม้คนตัวเล็กจะไม่แน่ใจว่าในตอนนี้พี่ชายคนนั้นยังคงอยากจะอยู่ใกล้กับเขาเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ตาม

ก็แค่ยังอยากมีตัวตนในสายตาของพี่ชายคนนั้นบ้าง ยังอยากอยู่ในที่ที่เคยอยู่ แม้ว่าในตอนนี้ที่ตรงนั้นกำลังจะเลื่อนห่างออกไปเรื่อย ๆ เพราะถูกแทนที่ด้วยความหมางเมินระหว่างกันก็ตาม

ปลายนิ้วเล็กแตะลงบนหน้าจอโทรศัพท์ เลื่อนหารายชื่อติดต่อใน Contact List เพื่อติดต่อหาผู้ก่อตั้งทีม FCmen หลังจากที่รอสัญญาณเรียกเข้าดังอยู่ไม่กี่วินาที เสียงจุนซูฮยองก็ดังเข้ามาในโทรศัพท์

สวัสดีครับฮยอง คือว่า แมตช์วันนี้ ผม.

 

 

 

 

 

 

 

 

All I want to do is find a way back into love
I can’t make it through without a way back into love
And if I open my heart again
I guess I’m hoping you’ll be there for me in the end

 

 

 

150921 INFINITE Busan Fansign

 

ซองกยูรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คนที่มีความจำดีและเขาก็เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นคนขี้ลืมคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่มีอย่างหนึ่งที่ซองกยูคิดว่ามันเป็นความสามารถพิเศษของตัวเองก็คือการที่เขาสามารถจำเรื่องราวที่เกี่ยวกับนัมอูฮยอนได้อย่างแม่นยำจนบางครั้งซองกยูยังนึกเจ็บใจที่เขาจำได้ดีจนเกินไปแล้วความจำพวกนั้นย้อนกลับมาทำให้ตัวเองต้องเสียใจเอง ยกตัวอย่างเช่นในวันนี้ซองกยูจำได้ดีว่านัมอูฮยอนเคยบอกเขาไว้ด้วยท่าทางดีอกดีใจจนออกนอกนอกหน้าว่าวันที่ 21 กันยายน เด็กคนนั้นจะบินไปโยโกฮาม่าเพื่อร่วมแมตช์สำคัญกับทีมฟุตบอล FCmen

มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจอะไรนักถ้าอูฮยอนจะเลือกอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักและสร้างความสุขให้อย่างการเล่นฟุตบอลและอยู่กับเพื่อน ๆ ของเขาแทนที่การอยู่ใกล้กับซองกยูที่มีแต่ความเฉยเมยให้ ลีดเดอร์นิมแห่งอินฟินิทจึงค่อนข้างแน่ใจว่างาน Fansign ในวันนี้ที่ปูซานจะไม่มีอูฮยอนไปร่วมงานด้วยเนื่องจากเจ้าตัวติดตารางงานส่วนตัว ดังนั้นมันจึงเป็นความรู้สึกดีอย่างยิ่งเมื่อซองกยูเห็นว่าการเดินทางไปปูซานในวันนี้มีนัมอูฮยอนร่วมเดินทางไปด้วยกัน

แม้จะคิดว่าอูฮยอนเลือกที่จะแคนเซิลตารางงานเดี่ยวของตัวเองไปก็เพราะว่าเด็กคนนั้นให้ความสำคัญกับแฟน ๆ ของพวกเขามากกว่าที่จะนึกถึงความสนุกสนานสบายใจของตัวเอง แต่ลึก ๆ ลงไปในใจแล้วซองกยูก็แอบหวังว่าตัวเขาอาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อูฮยอนเลือกจะเดินทางมาปูซานมากกว่าเดินทางไปโยโกโฮมาเพราะเด็กคนนั้นอยากอยู่ใกล้กับซองกยูเหมือนกับที่ซองกยูอยากอยู่ใกล้อีกฝ่าย

 

ก็แค่.. อยากอยู่ใกล้กัน

 

แม้จะทะเลาะกันอยู่และทำไม่ได้แม้แต่จะสบตากันอย่างตรงไปตรงมาก็ตาม

 

ต้องทำยังไงดีนะ ซองกยูไม่อยากให้เรื่องของตัวเองกับนัมอูฮยอนเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เขาไม่อยากทะเลาะกับคนที่ตัวเองรัก ไม่อยากจมอยู่กับความเสียใจและทรมานกับความอึดอัดจากการต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้แล้วแสดงออกไปแต่ความเย็นชาหมางเหมิน เช่นเดียวกับที่ซองกยูไม่อยากทำร้ายทั้งหัวใจตัวเองและหัวใจของคนที่เขารักด้วยการกระทำที่ไม่ได้ให้ก่อให้เกิดผลดีกับใครและมีเพียงแต่ความสะใจจอมปลอมที่ได้แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองเหนือกว่าที่ไม่รู้สึกอะไรกับอาการเฉยเมยเย็นชาที่ถูกยัดเยียดให้

จะทำอย่างไรดีถึงจะคืนดีกับนัมอูฮยอนได้โดยที่ไม่ต้องยอมเอ่ยปากพูดกับอีกฝ่ายก่อน ไม่ต้องมีใครเป็นฝ่ายง้อและไม่ต้องมีใครที่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิด ซองกยูจะทำอย่างไรให้การทะเลาะกันในครั้งนี้จบลงด้วยการปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปโดยไม่จำเป็นต้องมีคำว่าขอโทษหรือให้อภัย ในเมื่อไม่มีใครที่เป็นฝ่ายผิดที่แท้จริง

จะทำอย่างไรดีนะ

 

 

 

งานแฟนไซน์ในวันนี้เป็นไปอย่างสนุกสนานเหมือนที่เคย สมาชิกอินฟินิททุกคนยังคงเป็นไอดอลที่ให้ความสำคัญกับแฟน ๆ และทำให้ทุกคนที่รักพวกเขามีความสุขได้เสมอ เสียงหัวเราะด้วยความสนุกสนานเกิดขึ้นในตลอดเวลาสองชั่วโมงกว่าของงานแจกลายเซ็น แต่ถ้าหากว่าจะมีใครสังเกตสักนิดก็จะรู้ว่ารอยยิ้มของนัมอูฮยอนนั้นแม้มันจะเกิดขึ้นเหมือนที่เคยแต่มันก็ไม่ได้เปี่ยมไปด้วยความสดใสเหมือนที่ควรจะเป็น และอูฮยอนก็ไม่ได้มีรอยยิ้มที่แท้จริงอยู่ยนใบหน้ามาเป็นเวลาเดือนกว่าเข้าไปแล้ว ก็ตั้งแต่วันที่เขากับซองกยูทะเลาะกันนั่นแหละ

ช่วงเวลาสุดท้ายของงานเดินทางมาถึง พวกเขาทั้งเจ็ดคนเดินอ้อมโต๊ะตัวยาวที่ใช้แจกลายเซ็นมาทางด้านหน้าเพื่อโค้งขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความบังเอิญหรือความจงใจของสมาชิกคนอื่นที่เปิดโอกาสให้พวกเขาอยู่ใกล้กัน อูฮยอนจึงได้ยืนอยู่ข้างซองกยูฮยองอย่างที่เขาอยากจะทำแต่ทุกครั้งที่ได้ทำแบบนั้นทิฐิและความเอาแต่ใจก็ทำให้อูฮยอนเลือกที่จะเมินหน้าหนีเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ดีใจสักนิดทั้งที่ในใจจริงแล้วคือสิ่งที่ตรงกันข้าม

ก็แค่อยากอยู่ใกล้กับซองกยูฮยองแม้ว่าจะทะเลาะกันอยู่ก็ตาม

ในจังหวะที่ต้องใช้ไมค์ในการพูดขอบคุณแฟน ๆ อูฮยอนโชคดีที่มีไมค์ในมืออยู่แล้ว คนตัวเล็กจึงสามารถพูดขอบคุณแฟน ๆ ได้เลยโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครยื่นไมค์มาให้ แต่กับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าซองกยูฮยองจะไม่มีทางเลือกในการที่จะต้องรอไมค์จากอูฮยอน

คนเป็นน้องยื่นไมค์ส่งไปให้โดยไม่คิดอะไรและเขาก็ไม่ได้หวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่ในช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาทีที่มือเล็กส่งไมค์ต่อให้คนเป็นพี่ชาย ซองกยูกลับทำในสิ่งที่อูฮยอนไม่ได้คิดไว้เพราะนอกจากจะรับไมค์ไปจากเขาแล้วอีกฝ่ายยังจับมือเขาไว้พร้อมกับที่หยิบไมค์จนอูฮยอนชะงักไปอยู่ชั่ววินาที

อุ่นดีจัง

มือของซองกยูฮยองยังคงอุ่นเหมือนที่อูฮยอนเคยรู้สึก แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเพียงแค่วินาทีเดียวที่ซองกยูฮยองจับมือเขา แต่ความอบอุ่นแบบนั้นก็แผ่ซ่านจากหลังมือและพุ่งตรงไปจับที่หัวใจเหมือนเช่นในทุกคราวที่ผ่านมา

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เราไม่ได้สัมผัสกันและกัน

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่อูฮยอนไม่ได้รู้สึกถึงไออุ่นแบบนี้จากคนเป็นพี่ชาย

นานแค่ไหนกันแล้วที่พวกเขาปล่อยให้ความเฉยเมยเย็นชามีอำนาจเหนือกว่าความรักและความต้องการที่อยากจะอยู่ใกล้กัน

มันนานเกินไป จนอูฮยอนไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

ไม่อยากทะเลาะกันอีกแล้ว

ไม่อยากเฉยเมยเย็นชาใส่กันทั้งที่ไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว

เมนโวคอลแห่งวงอินฟินิทยกมือขึ้นโบกให้แฟน ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะซ่อนมืออีกข้างไว้ทางด้านหลัง เขาแอบกำมือเข้าหากันเพราะหวังว่าการกระทำแบบนั้นจะช่วยทำให้ไออุ่นจากมือของคนเป็นพี่ชายคงอยู่ในความรู้สึกของตัวเองต่อไปให้นานที่สุด แต่ดูเหมือนว่าการกระทำแบบนั้นจะไม่จำเป็นเลย เมื่อในวินาทีต่อมาที่พวกเขาทำการโค้งขอบคุณแฟน ๆ มือใหญ่ของคนที่ยืนอยู่ข้างกันกลับเลื่อนมากดศีรษะนัมอูฮยอนให้โค้งลงไปอีกครั้งทั้งที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ในเมื่ออูฮยอนเพิ่งโค้งไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน

จะให้คิดอย่างไรได้นอกจากการกลั่นแกล้งแบบนั้นคือการง้อของคนเป็นพี่ชายที่เลือกจะแกล้งเขาอย่างที่ไม่เคยทำเพราะอยากจะหาเรื่องมาคืนดีกับอูฮยอน

ก็เพราะอยากง้อ แต่ไม่อยากเสียฟอร์มและยอมแพ้ก่อนก็เลยต้องทำแบบนี้สินะ คิมซองกยู

อูฮยอนบอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกดีมากแค่ไหน ทั้งที่ถูกแกล้งด้วยการกดหัวเสียต่ำจนคอแทบเคล็ด แต่มันกลับให้ความรู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อในตอนที่มือของซองกยูฮยองจับเข้าที่ศีรษะของเขา และมันก็ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวแต่คนเป็นพี่ชายกลับทำแบบนั้นถึงสองครั้งทั้งที่ปกติแล้วอีกฝ่ายไม่ค่อยจะแกล้งเขาแบบนี้นัก

ร่างเล็กก้มศีรษะลงไปตามการบังคับจากมือนั้น เขาแอบยิ้มกับตัวเองอย่างขัดเขินที่รู้สึกดีไปกับการแกล้งด้วยวิธีการติงต๊องของคนเป็นพี่ชายที่ปกติแล้วไม่ค่อยจะหลุดอาการแบบนี้ออกมาให้ใครเห็นง่าย ๆ แต่ในวันนี้คิมซองกยูลีดเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่กลับทำตัวไม่ต่างไปจากเด็กหนุ่มมัธยมปลายที่หาทางแกล้งคนที่ตัวเองชอบเพราะไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมาเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ แล้วมันก็รู้สึกดีน้อยอยู่หรือที่คนเป็นพี่ชายทำแบบนี้ทั้งที่ไม่เคยทำและคนที่ทำให้คิมซองกยูทำแบบนี้ก็คือนัมอูฮยอน

แค่นัมอูฮยอนเท่านั้นที่เป็นเหตุผลให้คิมซองกยูทำได้ในทุกสิ่งและเป็นได้ในทุกอย่างเพียงเพราะว่าความรักที่พวกเขามีให้กันสำคัญกว่าการเป็นคนแพ้หรือเป็นฝ่ายชนะในสงครามของการทะเลาะกันที่ทำร้ายความรู้สึกของพวกเขาทั้งคู่

อูฮยอนไม่สามารถกลั้นยิ้มได้ และเขาก็รู้ตัวดีว่าสีหน้าของตัวเองในตอนนี้คงจะเต็มไปด้วยอาการขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันก็คงไม่ต่างไปจากอีกคนที่เขินจนต้องเดินอ้อมไปทางหลังเวทีทั้งที่ทางลงจากเวทีอยู่อีกด้านแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ซองกยูจะเขินจนทำอะไรไม่ถูกพอๆ กับอูฮยอน คนเป็นพี่ชายจึงเผลอแสดงอาการผิดปกติออกมาให้อูฮยอนเห็นได้ว่าอีกฝ่ายกำลัง หลุด แค่ไหน

นี่สินะ วิธีง้อน้องที่คนคูล ๆ เขาทำกัน

สงสัยว่ากลับไปโซลค่ำนี้ อูฮยอนคงต้องแก้แค้นซองกยูฮยองกลับที่ถูกแกล้งในงานแฟนไซน์วันนี้ด้วยการใช้ให้อีกฝ่ายไปซื้อยานวดแก้เคล็ดคัดยอกมาให้ซะแล้วล่ะ ก็คนโดนแกล้งอย่างอูฮยอนน่ะเจ็บตัวแล้วก็ต้องการการดูแลนี่นา ยังไงก็ตามคนขี้แกล้งที่ทำให้อูฮยอนเจ็บตัวก็ต้องรับผิดชอบ แล้วพวกเขาสองคนก็จะได้มีเรื่องมาพูดกันสักทีพร้อมๆ กับที่การทะเลาะกันในครั้งนี้ก็จะจบลงไปโดยที่ไม่มีใครเป็นฝ่ายถูกหรือใครที่เป็นคนผิด เพราะหลังจากนี้แต่จะมีก็แต่คิมซองกยูฮยองคนขี้แกล้งกับน้องชายของเขาที่จะเอ็ดตะโรใส่กันแล้วหาทางแกล้งอีกฝ่ายกลับก็เท่านั้น

นี่สินะ วิธีการคืนดีกันของคู่รักคูล ๆ อย่างคิมซองกยูกับนัมอูฮยอน

 

เนอะ ^^

 



 

All I want to do is find a way back into love
I can’t make it through without a way back into love
And if I open my heart to you
I’m hoping you’ll show me what to do
And if you help me to start again
You know that I’ll be there for you in the end.

 

 

 

 

 

// fin//

 

 

 

 

starholicxx talk >> หาแก่นสารไม่ได้และไร้ประโยคสนทนา 5555 เราตั้งใจไว้นานแล้วว่าอยากลองเขียนฟิคที่ตัวละครไม่ได้พูดกันเลยสักคำแต่มีเรื่องราวเกิดขึ้นและดำเนินไปได้และฟิคเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของเราที่เราทำได้แล้วค่ะ //รัวมือ// การเขียนโอเอสเรทจีเป็นอะไรที่ทำให้เรามีความสุขมากและเราก็หวังว่าคนที่ได้อ่านทุกคนจะมีความสุขด้วยเช่นกัน ฝากไว้ด้วยนะคะแล้วก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มีอะไรอยากบอกหรือติชมอะไรฝากไว้ได้ที่ #สตฮลออ ในทวิตต้าค่ะ รักนะคะสังคม <3

 

 

Heart Chat Bubble