คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Phase 12 : Osaka
เฟส 12 : โอซาก้า
28 กุมภาพันธ์ , CE71
แพลนท์
"อิซาค จูลด์ ละเมิดมาสตรา89 ข้อ2, มาสตราที่95 ข้อ4 การขัดคำสั่งและพยายามทำร้ายผู้ที่ไม่ใช่ทหาร คุณถูกตัดสินว่ามีความผิดในศาลทหาร"ซีเกลประกาศขณะนักบินผมเงินยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเขาระงับความหงุดหงิดในขณะที่แม่ของเขาโกรธสำหรับการกระทำของเขา แม้จะไม่สามารถตราหน้าเขาได้ แต่การสูญเสียทางอ้อมที่กองยานที่6และคนอื่นๆต้องทนทุกข์ เป็นสาเหตุให้ระดับสูงในกองทัพซาฟท์ตื่นตระหนกเมื่อเห็นหุ่นยนต์ใหม่นี่จากยานมีขา
"ด้วยเหตุนี้คุณถูกพักปฎิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลาหนึ่ง และลดตำแหน่งเป็นชุดเขียวจากนี้ไป"ไอลีน คานาบ่ากล่าวเสริมและเติมเกลือลงในความภาคภูมิใจที่เสียของนักบินหัวร้อนขณะที่ราอูลเฝ้าดูกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป หน้ากากของเขาทำให้เห็นสีหน้าได้ยาก แต่โดยรวมแล้วราอูลไม่ได้สนใจอะไรมากมายหรือไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้"การย้ายทีมชั่วคราวจะถูกส่งไปที่หน่วยครูเซ่ขณะที่คุณทำหน้าที่เป็นนักบินสำรองและกำลังเสริมเมื่อจำเป็น มีอะไรคัดค้านไหม"
"ไม่ครับ"
"ดี ศาลได้ตัดสินแล้ว"ซีเกลพูด สภาเริ่มแยกย้ายกันไป"เราหวังว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคตนะจูลด์"
อิซาคมองไปที่แม่ของเขาซึ่งส่ายหัวด้วยความผิดหวังและกำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด
มันเป็นสไตรค์ที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด ไม่ใช่แค่สไตรค์เท่านั้น แต่ยานมีขาเป็นต้นเหตุทั้งหมด แต่ปัญหาหนึ่งอยู่ที่นั่น และการคิดถึงเขาทำให้เขาตัวสั่น
เครื่องเดียวที่พิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แมลง ผู้ที่สามารถกวาดล้างกองยานได้หากต้องการ
อย่างไรก็ตามเขาต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่สมควรถูกผลักไสให้เป็นชุดเขียว ความโกรธเขามุ่งเน้นไปที่2อย่าง สไตรค์และยานมีขา แต่เขาต้องระวังทุกฝีก้าว
แม้นั่นจะหมายถึงการทำงานภายใต้ผู้หญิงที่ไม่ชอบเขาตั้งแต่วันแรก
@@@@@@@@@
นิโคล อามาลฟี่รู้สึกกังวล
โอเค อาจจะกังวลมากไป ตอนนี้เขาเดินไปตามทางเดินในตึกสภาสูงของแพลนท์หลังจากได้รับคำสั่งใหม่จากพวกเขา คำสั่งคือไล่ตามยานมีขาไปยังพื้นโลก พูดตามตรง มันคงดีถ้าเกี่ยวข้องกับGและหุ่นต้นแบบใหม่2ตัวที่กองทัพโลกสร้างขึ้น เรียกเขาว่าขี้อวดหรืออะไรก็เชิญ แต่สิ่งนี้ไม่เป็นปัญหา โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาขับGที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าโมบิลสูทปัจจุบันของพวกเขา
หากไม่มีหุ่นตัวอื่นที่สามารถล้างทั้งหมดได้
การคิดถึงหุ่นตัวนั้นก็เพียงพอจะทำให้เขารู้สึกหนาวสั่น เขาโชคดีที่อยู่บนเวอซาเรียสก่อน00ไรเซอร์จะเปิดใช้งานระบบที่ไม่รู้จักซึ่งทำให้พวกเขาดูเหมือนแมลงสาบ เขาอยู่ที่นั่นกับอัสรัน ซาอูลและรัสตี้ พวกเขามองดูโมบิลสูทที่ไม่รู้จักฉีกกองยานออกเป็นแสงสีแดง
เขายังได้ยินคำพูดสุดท้ายและหวาดกลัวของนักบินจินน์ที่โชคร้ายพอจะขวางทางเขา สิ่งที่หลอกหลอนเขาทุกวันนี้
หัวเขากำลังหมุนไม่สังเกตเห็นภาพเบลอสีแดงและส้มผ่านมา
“ขอโทษ”นิโคลกล่าวอย่างรวดเร็วกับสาวชุดแดงที่ล้มลงและยื่นมือช่วยเธอลุกขึ้นสังเกตว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยโนวาบนยานอาเรส”คุณเจ็บรึเปล่า”
ริกะลูบหน้าผากลืมตาที่พร่ามัว เธอเอื้อมมือควานหาแว่นตาที่พื้น นิโคลจึงหยิบมาให้เธอเอาไปสวม เมื่อสายตาชัดขึ้น สิ่งแรกที่เธอเห็นคือดวงตาสีน้ำตาลที่เธอจำได้ว่าเป็นหนึ่งใจเด็กหนุ่มที่ขโมยG
ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องเธอดูเป็นมิตรไม่เหมือนสายตาแข็งกร้าวของทหารที่เธอพบในที่ทำงานของซาฟท์
เขาเอื้อมมือไปให้เธอเพื่อช่วยดึงเธอลุกขึ้น ริกะกระพริบตาสองสามครั้งก่อนจับมือเขา
“เอ่อ...ขอบคุณนะ”
@@@@@@@@@@@@
ญี่ปุ่น , โอซาก้า
“ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเก็บเศษซาก”โลว์ประกาศ เรดเฟรมของเขาหยิบสิ่งที่ดูเหมือนแขนจินน์เก็บใส่รถบรรทุก”ต้องบอกว่านี่เป็นงานสะอาดที่สุดที่เราทำได้”
ตอนนี้เซ็ตสึนะอยู่ในจินน์เวิร์คเกอร์ของเลียมหยิบโมบิลสูทที่เป็นสนิมขึ้นมาวางหลังรถบรรทุก พวกเขามาชานเมืองเพื่อหาชิ้นส่วนที่สามารถรีไซเคิลหรือขายให้ตลาดมืดซึ่งโลว์พาเขาไปรอบๆ
ผ่านมา2สัปดาห์แล้วที่เขาอยู่กับจั้งกิลด์ชั่วคราวเพื่อหาพลังงานให้กับกันดั้มของเขา
“สะอาดที่สุดหมายความว่ายังไง”
“เขาหมายถึงไม่มีศพอยู่ในสนาม”เลียมพูดรู้สึกไม่สบายใจกับความคิด”และถ้าโชคดีจะเจอแบตเตอรี่กองอยู่รอบๆ”
“ตอนนี้ไม่”เซ็ตสึนะพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถยอมแพ้ได้ในตอนนี้ เขาจำเป็นต้องกลับไปรบทันทีที่เติมพลังงานเสร็จ เพราะอาร์คแองเจิ้ลอาจตกเป็นเป้าหมายไล่ล่าเพิ่มขึ้น หวังว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ที่อะลาสก้า-โจชัวร์แล้ว
“ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นหัวหน้าจั้งกิลด์?“เขาตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่มีใครเลยจริงๆ จั้งกิลด์กระจายกันไป ดังนั้นเราจึงสามารถยอมรับความช่วยเหลือจากใครได้โดยไม่ต้องขออนุมัติจากเบื้องบน”
“งั้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น”
“ใช่แล้ว”โลว์เดินจากไป เขาสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป”เราบังเอิญไปเจอนักบินคนหนึ่งเคยประจำบนอวกาศและเป็นช่างเครื่อง ก่อนเธอจากไปเมื่อปีก่อนที่ยูนิอุสเซเว่นโดนนิวเคลียร์”
เซ็ตสึนะหรี่ตาลงเข้าใจ จากนั้นน้ำเสียงร่าเริงก็กลับมา
“เฮ้ เซ็ตสึนะ ฉันว่าเราเจอแล้ว”
เซ็ตสึนะขับจินน์มาใกล้เรดเฟรมซึ่งมีอุปกรณ์คล้ายเครื่องปฎิกรณ์
“นี่เหรอ”
“ใช่ เกือบ ยกเว้นเราทำสายไฟหายตอนพญานาคมาเหยียบส้นเท้าเรา”
“เซอร์แพน เทลต์”
“องค์กรทหารรับจ้างจะทำทุกอย่างให้ผู้เสนอราคาสูงสุด สิ่งนั้นคือคนขับบลูเฟรมทำงานร่วมกับพวกเขา แม้ไม่ค่อยฉลาดนักแต่เป็นนักบินที่ดี”เขาอธิบายก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง”ยังไงก็ตามเราต้องแลกหรือซื้อสายไฟใหม่พร้อมกับของที่เราได้มาจากตลาดมืด แล้วเราจะเติมเชื้อเพลิงเครื่องนายใหม่”
“ฉันซาบซึ้งมากกับความช่วยเหลือของนาย จะกลับมาตอบแทนโดยเร็วที่สุด”
“เราคุยเรื่องนี้แล้ว ไม่จำเป็น”โลว์ยืนกรานมองรถบรรทุกทั้งสองที่เต็มไปด้วยอาวุธและชิ้นส่วนที่สามารถกู้ได้”เราต้องกลับแล้ว ตลาดไม่ได้เปิด24ชั่วโมง”
@@@@@@@@@
ฝูงชนพลุกพล่านย่านการค้า เนื่องจากคนโอซาก้าที่ถูกยึดครองได้แห่กันมาที่นี่ สมาชิกจั้งกิลด์2คนและเซ็ตสึนะเดินไปตามถนนที่เปิดโล่งระหว่างไปยังตลาดมืด ซึ่งพวกเขาจองจุดสำหรับการประมูล เซ็ตสึนะสวมเสื้อแจ็กเก็ตที่มีฮู้ดคลุมผมเงินโดดเด่นและกางเกงขายาวสีดำ และผ้าพันคอสีแดง โลว์เอาเสื้อผ้าสมัยเด็กให้เซ็ตสึนะใส่ เลียมทึ่งที่เขาใส่ชุดเด็กได้พอดี
เขาไม่ได้นำอะไรติดตัวมานอกจากบัตรที่มูกับเมอริวมอบให้โดยฮาเบอร์ตันหลังจากบอกว่าเขาทำของตัวเองหายระหว่างการโอน และเขาเก็บมันไว้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
ขณะเดินไปตามถนน เซ็ตสึนะเห็นความรกร้างและความสิ้นหวังของประชาชนในพื้นที่ บ้างก็ขอทาน บ้างก็เป็นโจร ส่งผลให้พวกเขาถูกทหารซาฟท์ทุบตีและจับกุมทันที บางคนก็พึงพอใจหรือเย่อหยิ่งเพราะตำแหน่งในฐานะผู้พิชิตเนเชอรัล มันทำให้นึกย้อนความทรงจำช่วงยากลำบากในสาธารณรัฐเคอร์กิสเมื่อถูกรุกรานโดยอาซาดิสถานซึ่งทำให้เขาเป็นผู้ก่อการร้ายและ...
เขาส่ายหัวอย่างรวดเร็ว หรี่ตาลงก่อนที่ความทรงจำอันโหดร้ายจะย้อนกลับมา
เลียมสังเกตออร่าน่ากลัวของเขาขณะเดินและจิ้มข้อศอก สีหน้าเขากังวลเล็กน้อย
“มีอะไรผิดปกติหรือเซ็ตสึนะ?”
“ไม่มีอะไร”เซ็ตสึนะตอบทันที”ถ้าไม่รังเกียจฉันอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
“เมื่อสงครามเริ่มซาฟท์เปิดฉากบุกครั้งใหญ่ทันทีที่N แจมเมอร์ได้ผล กองทัพเอเชียตะวันออกถูกขับไล่ไปยังเกาะคิวชูซึ่งรัฐบาลและกองทัพที่เหลือได้หลบหนีไปตั้งที่สุดท้าย ทันทีที่แมสไดรเวอร์ถูกทำลาย ซาฟท์ได้ตั้งกฎอัยการศึกและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในประเทศเพื่อทำสงคราม”
“เดี๋ยวก่อน”โลว์พูดแทรกหยุดทั้งสอง”ทหารยามซาฟท์ข้างหน้า”
รถบรรทุกสองคันบรรจุนักโทษไปตามถนนมีทหารซาฟท์กลุ่มนึงคุ้มกัน จากการสังเกตของเซ็ตสึนะไม่มีโมบิลสูท เนื่องจากฐานทัพซาฟท์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไป3-4ไมล์จากที่เขาดูตามแผนที่ เขาอยากเรียนรู้ข้อมูลนอกโอซาก้า
“พวกนายสองคนไปกันก่อน”เขาพูด”มีบางอย่างที่ฉันต้องทำ”
โลว์กับเลียมชำเลืองมองกันและกันก่อนพยักหน้าเข้าใจ
“เอาล่ะ งั้นไปพบเราที่ประตูตะวันออก ที่นั่นเราต้องมอบผลการขุดค้นและให้ชั่งมัน”
เซ็ตสึนะพยักหน้าแยกตัวจากกลุ่มไปหาข้อมูลแต่เขาทำบางอย่างตก โลว์หยิบการ์ดสีดำขึ้นมา
“เขาทำไอ้นี่ตก”โลว์พูดยื่นให้เลียม”ไว้ค่อยคืนให้ที่งานประมูล”
@@@@@@@@@@
เซ็ตสึนะเดินไปที่แผงลอยใกล้ๆซึ่งพบหนังสือพิมพ์ยืนข้างๆดูเหมือนไม่มีใครสังเกต และเขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน หากมีข่าวเปิดเผย มีรายงานเดียวเช่น รายงานผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นจากปฏิบัติการอุโรโบรอส การโจมตีของบลูคอสมอส....เขามองผ่าน จนกระทั่งข่าวที่แนวหน้า
7000คนตายที่เหนือวงโคจร โมบิลสูทรุ่นใหม่ของกองทัพโลกที่มีฉายาว่าปีศาจสีฟ้าเกือบกวาดล้างกองยานซาฟท์
เซ็ตสึนะรู้ว่าสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น แต่เขาต้องทำเพื่อปกป้องอาร์คแองเจิ้ลและพลเรือน ตอนนี้เขาหวังว่าทั้งสองจะไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆที่วงโคจร ไม่งั้นเขาต้องอธิบายยาว
และสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากให้เกิดขึ้นคือกองทัพโลกใช้เขาเป็นโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านซาฟท์และพยายามเข้าใกล้เขาเพื่อบังคับให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกันดั้มนี้แก่พวกเขา
เมื่ออ่านพอแล้วเซ็ตสึนะโยนมันลงถังขยะแล้วเอื้อมมือไปที่กระเป๋าเสื้อ เขาเบิกตากว้างเมื่อซองการ์ดหายไปและรีบไปหาโลว์กับเลียมทันที
@@@@@@@@@@@
“เอ่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน”โลว์ถาม ทั้งสองถูกเจ้าหน้าที่สายตรวจของซาฟท์หยุดทันทีที่เข้าร่วมการประมูล
“การรักษาความปลอดภัย”หนึ่งในนั้นตอบขณะค้นกระเป๋าพวกเขา โลว์ให้เหตุผลว่าพวกเขาเป็นกลางและกำลังช่วยเพื่อนคนหนึ่งโดยทั้งคู่ยกมือขึ้น พวกเขาค้นต่อไปและพบการ์ดเล็กๆในกระเป๋าเลียมซึ่งทั้งสองแข็งค้าง เห็นชัดว่ากระเป๋าใส่การ์ดที่เลียมหยิบขึ้นมามีสัญลักษณ์กองทัพโลกและเมื่อพวกเขาเปิดมันเป็นบัตรของเซ็ตสึนะพร้อมรายละเอียดที่เพียงพอให้ผู้คุมโกรธ
“ช่วยเพื่อนเหรอ”หนึ่งในนั้นคำราม”จั้งกิลด์หันไปช่วยสวะกองทัพโลกใช่ไหม”
“ขยะเนเชอรัล”ยามต่อยเลียมที่ท้อง ทำให้เขาร้องคร้ำครวญกุมท้อง
“เฮ้ อย่ายุ่งกับเขา”โลว์พยายามแทรกแต่โดนดึงออกโดยทหารยามที่จับแขนเขาไว้
“พาสองคนนี้ไปสอบสวนและดูซิว่ามีสปายในพื้นที่อีกมั้ย”เขาสั่ง แต่ก่อนทั้งคู่จะถูกขัง เซ็ตสึนะเดินมาหาพวกเขา สายตาสีรุ้งของเขางดงามแต่ในใจเดือดพล่านที่ทำให้ทั้งคู่เดือดร้อน
“พวกเขาไม่ใช่คนที่คุณกำลังมองหา”เซ็ตสึนะกล่าว พยายามหาทางออกจากสิ่งนี้ก่อนทุกอย่างเลวร้ายกว่านี้”คุณไม่จำเป็นต้องยุ่งกับฝ่ายเป็นกลางเพราะชายคนเดียว”
“ตราบสอบเขาว่ามีอาวุธไหม”หัวหน้าสั่งให้ทหารคนหนึ่งตรวจเซ็ตสึนะ โดยไม่มีการเซ็ตสึนะคว้าข้อมือและเคลื่อนศอก ทำให้ทั้ง4เปิดฉากยิงส่งผลให้เกิดความโกลาหลทำให้พลเรือนรอบๆหนีไป เซ็ตสึนะยกทหารคนนึงใช้เขาเป็นโล่มนุษย์และคว้าปืนพกที่เอวยิงทหารยามที่หน้าอก แล้วคว้าเสื้อของเลียมกับโลว์ไปซ่อนหลังโกดังร้าง
“ให้ตายสิโลว์ ฉันบอกนายแล้วไม่ควรพาเขามาด้วย”เลียมอุทานยกมือปิดหูขณะเสียงปืนดังขึ้น เซ็ตสึนะหลบกระสุนที่มุมห้องอย่างหวุดหวิดและยิงกลับ
“ไม่ใช่เวลามาบ่นนะเลียม”โลว์ตะโกนก้มหน้าเมื่อกระสุนเฉียดโดน
เซ็ตสึนะสังเกตพื้นที่และสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่เห็นทางออกหรือวิธีหลบหนี และถ้าโลว์กับเลียมมีส่วนร่วมในการหลบหนีของเขา ความเป็นกลางของจั้งกิลด์จะถูกทำลาย ดังนั้นผลที่ตามมาไม่ใช่แค่สองคนเท่านั้น แต่ทั้งองค์กร เขาต้องหาทางพาพวกเขาออกจากที่นี่ หรืออย่างน้อยให้ซาฟท์ปล่อยพวกเขาไป เขาถอนหายใจมองเลียม
“ผมมีไอเดียอยู่แต่คุณคงไม่ชอบมัน”
“แกถูกล้อมไว้แล้ว ทิ้งอาวุธและชูมือขึ้น”กัปตันตะโกนบอกทั้งสามคน จากมุมห้อง เลียมโผล่มาจากจุดซ่อนแขนซ้ายเขาถูกจับไว้ ส่วนมือขวาถือปืนพกที่เขาขโมยมาก่อนหน้านี้ โลว์มองทั้งคู่ยกนิ้วโป้ง สวดภาวนาให้เด็กหนุ่มโชคดี
“เข้ามาก้าวเดียวหมอนี่โดนยิง”เซ็ตสึนะประกาศปากกระบอกชี้ที่หัวของเลียม”สองคนนี้เป็นตัวประกันของฉัน”
“ปล่อยเขาซะ”หัวหน้าสั่งกำปืนไรเฟิล”เราล้อมแกไว้แล้ว ปล่อยพวกเขาไปแล้วเราจะรับประกันความปลอดภัย”
โกหก เซ็ตสึนะคิดขณะสังเกตทีมที่เห็นโอกาสสร้างความชอบ ในที่สุดเขาปล่อยเลียมและยกมือขึ้น เหลือบมองโลว์ที่พยักหน้าและเดินไปในระยะปลอดภัย
“ไม่ยากเลยใช่มั้ย”หัวหน้าพูดหยิบกุญแจมือเพื่อจับกุมเซ็ตสึนะ มือขวายังถือปืนอยู่ ทันใดนั้นเซ็ตสึนะวิ่งเข้าหา อีกฝ่ายยกปืนแต่เขาจับปากกระบอกดันขึ้นบน ใช้มือว่างหยิบปืนพกจากซองของเขาและยิงทั้งสองด้านหลังอย่างรวดเร็วและยิงเขาที่คอ
ทีมเปิดฉากยิง แต่เซ็ตสึนะขยับตัวและโยนวัตถุคล้ายกระเป๋าจากเสื้อกั๊กหัวหน้าหน่วยที่เสียชีวิต
“ระเบิดแฟลช”
การระเบิดทำให้พวกทหารเสียสมาธิ ประสาทการฟังและมองเห็นหายไปชั่วคราวเพราะแสงเฟลช เซ็ตสึนะพุ่งเข้าใส่กลุ่มที่พยายามยิงเขา เขายกเข่าอัดท้องและจับกระบอกปืนยิงอีกคนที่หัวเข่า
“บัดซบ”ชายคนหนึ่งชักมีดฟัน เซ็ตสึนะหลบและจับปลายแขนขาขวาหันมีดเฉือนคอชายคนนั้นทรุดลงพื้นตายอย่างช้าๆ
ด้วยความโกรธที่เห็นเนเชอรัลฆ่าเพื่อนเขา ทหารอีกคนพุ่งเข้าหาเซ็นสึนะหลบและคว้าแขนเหวี่ยงเขาไปข้างหลัง ทหารลุกขึ้นพยายามพุ่งใส่อีกครั้ง แต่อีกฝ่ายโยนสิ่งที่เหมือนสลักระเบิดออกไป เขาตกใจรีบถอดเสื้อกั๊กแต่ไม่นานเขาก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ
ทหารที่เหลือไม่ว่าบาดเจ็บหรือไม่ก็ตัวสั่นเมื่อเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ แจ็กเก็ตสีขาวของเขาเปื้อนเลือดขณะเช็ดน้ำตาสองสามหยด เขาเปิดตาอีกครั้งนัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีทองวาววับ เป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับทั้ง6คน พวกเขาวิ่งหนีโยนอาวุธทิ้ง
เซ็ตสึนะถอนหายใจด้วยความผิดหวังหลังถูกบังคับให้ฆ่าคน
“ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว”เลียมบอกเขาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง”แต่ซาฟท์จะไล่ล่าเราใช่ไหม”
“ไม่ พวกเขาเห็นฉันใช้พวกคุณเป็นตัวประกัน ในสายตาคงเห็นเป็นพลเมืองที่โชคร้ายเท่านั้น ฉันไม่คิดว่าพวกนั้นจะมองว่าพวกคุณเป็นพันธมิตรของกองทัพโลก”
“ขอบคุณที่รับประกัน แต่ว่า...”เลียมพูดถอนหายใจกอดอก”ความโกลาหลที่นายก่อขึ้น นายคิดว่าการประมูลจะถูกจัดขึ้นอีกเหรอ”
ซึ่งน่าจะเป็นแบบนั้น พวกเขาได้ยินเสียงขวดแตกและเสียงตะโกนจากประชาชนที่โกรธจัด ทั้งสามไปที่ถนนเห็นชาวเมืองก่อจลาจลกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของซาฟท์ ชาวเมืองรุมล้อมและทุบตีพวกยามที่โดนจับและปลดปล่อยเชลยบนรถบรรทุกที่พวกเซ็ตสึนะเดินผ่าน
พวกเขาพบชายผมสีน้ำตาล ติดเทปที่ปากและปิดตา เซ็ตสึนะเหลือบมองกระเป๋าเสื้อเห็นตราของกองทัพโลก เขาไปหาชายคนนั้น กระตุ้นให้จั้งกิลด์2คนตามเขาไปเอาเทปปิดปากออก
“ฉันอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น”
“ใจเย็นๆ คุณเป็นอิสระแล้ว”เซ็ตสึนะบอกเขาปลดพันธนาการออกก่อนถอดผ้าปิดตา ชายคนนั้นกระพริบตาครู่หนึ่งก่อนจะจับข้อมือโดยเซ็ตสึนะยื่นมือพยุงเขาขึ้น
“ฉันคิดว่ามันจบสิ้นแล้ว ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”ชายคนนั้นบอกทั้งสาม เลียมมอบกระเป๋าการ์ดให้เซ็ตสึนะ ชายคนนั้นสังเกตเห็นสัญลักษน์กองทัพโลกที่บัตรประจำตัวเขา
“คุณเป็นทหารของกองทัพโลกหรือไม่”
“พันตรีเซ็ตสึนะ เอฟ เซย์เอย์ หน่วยพิเศษแห่งกองยานที่8”เขาแนะนำตัวยังไม่ชินกับมัน สงสัยว่าต้องทำแบบนี้ทุกครั้งที่พบเจ้าหน้าที่กองทัพโลก”แล้วคุณล่ะ”
ชายผมน้ำตาลตระหนักถึงตำแหน่งของเด็กหนุ่มคนนี้ทำความเคารพเขาอย่างรวดเร็ว
“ร้อยโทซิส เอลฟ์ แห่งกรมทหารที่3ครับท่าน”เขาพูด”แล้วอะไรนำคุณมาที่นี่พันตรี?”
“ฉันตกลงมาในชั้นบรรยากาศโลกหลังการต่อสู้ระหว่างซาฟท์กับกองยานที่8จบลง”เซ็ตสึนะกล่าวทำให้ชายคนนั้นอ้าปากค้างกับเหตุการณ์”ดูเหมือนเราทั้งคู่จะหลงอยู่ในดินแดนศัตรู”
“นายมาทำอะไรที่นี่”เลียมถามอย่างสงสัยมองทหารรักษาการณ์ซาฟท์ที่ตายแล้ว”แล้วพวกเขาต้องการอะไรจากนาย”
ซิสมองเซ็ตสึนะเหมือนขอความเห็นจากเขา ซึ่งเขาพยักหน้า
“ผมถูกส่งมาที่นี่เพื่อสอดแนมการเคลื่อนไหวของซาฟท์แถวๆนี้ในเอเชียตะวันออก ผมเชื่อว่าพวกเขาจะโจมตีคิวชู แต่ผมโชคไม่ดีถูกจับเข้าห้องขังมา2วัน พยายามรีดข้อมูลจากผม”
“แล้วเมื่อนายไม่ยอม พวกเขาเลยส่งนายไปกับคนอื่นๆที่ค่ายแรงงาน”
“ใช่แล้ว”ซิสพูดกำหมัดแน่นหงุดหงิด”แต่ผมยังไม่ได้เตือนนายพลชิราโทริและกัปตันเชวาเลียเรื่องการโจมตี ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาในตอนนี้”
“ในกรณีนี้เราต้องรีบไปคิวชูทันที”เขาพูดจบหันไปหาจั้งกิลด์ทั้งสอง”ยังสามารถจัดหาสายไฟใหม่ได้ไหม”
กลุ่มหันไปดูโรงประมูลที่ว่างเปล่า ซึ่งโลว์บ่นว่าต้องแลกที่อื่น สายตาเขาสะดุดกับสินค้าชิ้นหนึ่งในการประมูล ซึ่งตอนนี้เป็นของพวกเขา
“เราทำได้...”เขาพูดแม้จะถอนหายใจเหน็ดเหนื่อย”วันนี้เจออะไรมาเยอะแล้ว”
@@@@@@@@
แอฟริกาเหนือ ,บานาดิย่า
คิระ คางาริ เฟลท์และคริสมาเดินซื้อของในเมือง แต่เจอการโจมตีของบลูคอสมอสและบังเอิญไปช่วยพยัคฆ์ทะเลทรายไว้และโดนพาตัวมาที่ฐาน
ตอนนี้คางาริกับเฟลท์ต่างสวมชุดราตรีทำให้ดูต่างจากเดิมมาก
"เสื้อผ้าชุดนี้เหมาะดีนี่ จะว่ายังไงดีล่ะ เหมือนเธอเกิดมาเพื่อใส่ชุดนี้นะ"วอลเฟลกล่าว
"อยากจะพูดอะไรก็เชิญ"คางาริดื่มกาแฟ
"ถ้าแต่งหน้าด้วยละก็สมบูรณ์แบบมาก"วอลเฟลยักไหล่ ทำให้เฟลท์กับคริสหัวเราะ คางาริยกถ้วยลง
"จะว่าไปนายนั่นแหละ เป็นพยัคฆ์ทะเลทรายจริงๆเหรอ ทำไมถึงจับฉันแต่งตัวแบบนี้ล่ะ นี่เป็นการเล่นสนุกอย่างทุกทีรึไง"คางาริถาม
"คนที่เลือกชุดคือไอช่านะ ที่ว่าเล่นสนุกน่ะหมายถึงอะไร?"วอลเฟลกล่าว เฟลท์ยอมรับว่าคุณไอช่ารสนิยมเลือกเสื้อผ้าเยี่ยมมาก
"ปลอมตัวไปเดินเล่นในเมืองงี้ ปล่อยให้ชาวบ้านหนีไปแล้วจุดไฟเผาเมือง อะไรพวกนี้ไงล่ะ"คางาริกล่าวเสียงโกรธ
คริสถอนหายใจ คางาริคงอยากฆ่าเสือซะตอนนี้สำหรับสิ่งที่เขาทำที่ทัชชิล แต่เธอไม่รู้จักการรักษาชีวิตตัวเองเลยรึไง
"แววตาเยี่ยมมาก มองทุกอย่างด้วยความซื่อตรง แววตาเธอเยี่ยมจริงๆ"วอลเฟลชม
"อย่าพูดบ้าๆนะ"คางาริยกมือทั้งสองข้างวางบนโต๊ะอย่างแรง
"คางาริ"คิระกับคริสเตือนเธอ แต่คางาริไม่สนใจจะหันไปมอง
ดวงตาวอลเฟลแคบลง เขารู้ได้ว่าเด็กสาวผมทองใจร้อนคนนี้กำลังโกรธมาก มันเป็นเรื่องน่าหัวเราะสำหรับเขา แต่เขาไม่รู้สึกขำตอนนี้
"เธอเองก็ชอบพูดว่า ฆ่าได้ หยามไม่ได้ งั้นเหรอ?"วอลเฟลถาม
คางาริชะงักแข็งตัวไปทันที คริสวางถ้วยกาแฟลงและยืนขึ้น มีบางอย่างเกิดขึ้น เธอรู้สึกได้ถึงสิ่งที่มีความหมายลึกซึ้ง คิระก็ลุกขึ้นยืน
วอลเฟลมองเด็กทั้ง4ที่ลุกขึ้นยืนมองเขา คริสกำลังเฝ้ามองเขาอย่างระมัดระวัง ในขณะที่เด็กสาวผมชมพูยังนั่งเงียบอยู่
"เธอ2คนล่ะคิดว่ายังไง?"วอลเฟลหันมาถามเด็กหนุ่มทั้ง2คน สายตาเขามุ่งไปที่คิระ เด็กที่เขารู้ว่าอันตรายที่สุด"คิดว่าสงครามนี้มันจะจบลงแบบไหนล่ะ? ในฐานะนักบินโมบิลสูทน่ะ"
ดวงตาคิระสั่นไหวทันที จิตสังหารของคริสแผ่ออกมาเล็กน้อย วอลเฟลรู้ว่านักบินเรเวนคนนี้มีอะไรแปลกๆ และเขารู้ว่าคริสไม่ใช่คนโง่ที่อยากจะต่อสู้ในสถานการณ์นี้
"นี่นาย ทำไมถึงรู้ล่ะ"คางาริถาม
"ฮะๆๆ ซื่อเกินไปก็เป็นปัญหาเหมือนกันนะ"วอลเฟลพูด
คิระยืนขึ้นจับมือคางาริถอยห่างไป คริสพาตัวเฟลท์ตามคิระมาพร้อมทั้งให้เธออยู่ข้างหลังเขาไว้ ด้านวอลเฟลเดินจากโต๊ะไปที่ตู้ลิ้นชัก เฟลท์ควานหามีดเธอ แต่แล้วก็นึกได้ว่าเธอวางทิ้งในกระเป๋าข้างถ้วยกาแฟ
"มันไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือเราอยู่ในสงคราม สงครามน่ะไม่มีกำหนดเวลาและไม่มีคะแนนแบบการแข่งกีฬาหรอกนะ งั้นจะตัดสินแพ้ชนะกันยังไง? จะให้มันจบลงตอนไหนดีล่ะ?"
"ตอนไหนเหรอ?"
"ตอนที่ทำลายคนที่เป็นศัตรูจนหมดงั้นเหรอ?"วอลเฟลหยิบปืนพกขึ้นมาเล็งไปทางพวกเขา แต่คริสก็ชักปืนพกขนาดเล็กของเขาออกมาเวลาเดียวกัน
"เลิกคิดโง่ๆดีกว่าผู้บัญชาการ ผมรู้ว่าเราไม่มีทางสู้หรือออกจากที่นี่ได้ ฉันเป็นคนเดียวที่มีอาวุธและพวกคุณทุกคนเป็นโคออดิเนเตอร์ แต่ถ้าคิดลงมือผมพร้อมยิงแลกชีวิต"
วอลเฟลรู้ว่าคริสกล้าทำแน่ การตายของเขาจะทำให้ทัพซาฟท์ในแอฟริกาวุ่นวาย
“คริส?”คิระแปลกใจ ทำไมเขาดูไม่เหมือนเดิม
“แววตาเปลี่ยนไปเลยนะ เหมือนทหารที่ได้รับการฝึกอย่างดี นายเป็นทหารรับจ้างเหรอ”
“ไม่ใช่”คริสปฏิเสธ
"หึ"วอลเฟลหัวเราะเลิกคาดคั้น ยังไงมันไม่เกี่ยวกับเขาแล้วมองคิระ"เธอเป็นเบอเซิร์กเกอร์สินะ"
"หา?"คิระไม่เข้าใจ แต่เอลเข้าใจความหมาย
"ทุกคนที่นี่เป็นเหมือนเธอ เป็นโคออดิเนเตอร์ยังไงล่ะ"วอลเฟลกล่าว
"นี่นาย...."คางาริตกใจจ้องเพื่อนใหม่เธอ
"ฉันเห็นการต่อสู้ของเธอมา2ครั้งแล้ว”วอลเฟลกล่าว”เธอเป็นนักบินสไตรค์ใช่ไหม”
“ใช่ครับ”คิระตอบ
"ทักษะการขับขี่ของเธอ นับได้ว่าเป็นเลิศในหมู่หัวกะทิเลยล่ะ แน่นอนว่าเพื่อนเธอก็เป็นนักบินชั้นยอด ฉันอยากรู้ว่าคนไหนเก่งกว่ากัน”
จอห์นชงกาแฟแล้วจิบ
"พวกนายสองคนมานั่งคุยเรื่องกาแฟที่นี่เหรอ"คางาริถาม
"แล้วมันทำไมล่ะ"
"เป็นอะไร นายจับเราได้ และเขาปลอมเป็นทหารรับจ้าง ตอนนี้สิ่งที่พวกนายทำคือดื่มกาแฟโง่ๆเท่านั้น"คางาริตะโกน
"จะดูถูกเราก็ตามใจ แต่อย่าดูถูกกาแฟ"วอลเฟลกล่าว
"อย่างที่สอง ฉันไม่ได้ปลอมตัวเป็นทหารรับจ้าง 6เดือนที่ผ่านมาฉันเป็นทหารรับจ้าง"จอห์นเสริม
"ช่าย!!"คางาริตะโกนเย้ยหยัน"นายสอดแนมกลุ่มทะเลทรายแห่งอรุณรุ่งให้ซาฟท์ นายแจ้งเสือเรื่องการโจมตีของเรา"
"ขอถามหน่อย ถ้าฉันเป็นสปาย ทำไมฉันไม่เตือนเสือเรื่องการซุ่มโจมตีหรือที่วางทุ่นระเบิดเมื่อเราช่วยอาร์คแองเจิ้ลกับอาร์โกนอทช์ ทำไมฉันถึงเถียงพวกโง่ที่เอาชีวิตไปทิ้ง ถ้าฉันเป็นสปายทำไมแอนดี้ไม่โจมตีกองบัญชาการกลุ่มทะเลทรายแทนทัสชิล"
"นาย"
"หรือเธออยากโทษฉันเรื่องเมื่อวาน?"จอห์นถาม"การโทษใครที่ทำให้คนอื่นตายในสงครามไม่มีความหมาย เธออาจโทษอัฟเหมดที่ติดตามคนอื่นไปในการต่อสู้ที่ไม่มีทางชนะ”
“กล้าดียังไง อาฟเหม็ดและคนอื่นๆต่อสู้เพื่อครอบครัวและบ้านของพวกเขา”
“พวกเขาไม่จำเป็นต้องไล่ตามแอนดี้ แต่พวกเขาเชื่ออย่างโง่ๆว่าสามารถเอาชนะได้ทั้งที่มีแค่รถจี๊บและจรวด”
“แอนดี้พาพวกเด็กๆออกไป ฉันมีเรื่องจะพูดเป็นการส่วนตัว”เขาพูดก่อนคางาริจะเถียง”และฉันไม่อยากโต้เถียงกับเทพธิดาเจ้าอารมณ์ต่อแล้ว”
“ไอซ่า”
“ค่ะ แอนดี้”ไอซ่าเปิดประตูเข้ามาและชะงักเห็นจอห์น”จอห์น...เธอยังมีชีวิตอยู่”
“เฮ้ ไอช่า”จอห์นโบกมือให้”ทั้งสองคบกันแล้วเหรอ”
ใบหน้าของวอลเฟลแดงขึ้นมา
“ฉันว่านั่นแปลว่าใช่”จอห์นพูดอย่างสนุก”มันดีแล้วจริงเหรอ พวกนายไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสงคราม”
“ไอช่า ช่วยพาพวกเจ้าหนูออกไปได้ไหม”
“ได้ แอนดี้”เธอพาวัยรุ่นทั้ง4ที่สับสนออกไป
“แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมนายถึงแกล้งตาย”วอลเฟลถามเพื่อนสมัยเด็ก
“อืม...มันเริ่มจาก...”
ความคิดเห็น