NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One piece Another Nakama 2

    ลำดับตอนที่ #120 : ความจริง(RE2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.22K
      28
      2 พ.ค. 62

    ด้านนอกพวกช่างกาเลรามองเปลวไฟลุกไหม้คฤหาสน์

     

    "พาทุกคนออกมาหมดหรือยัง"

     

    "เข้าไปข้างในไม่ได้แล้วนะ"

     

    "คุณไอซ์เบิร์กอยู่ไหนเห็นบ้างรึเปล่า"

     

    "หรือว่าจะยังอยู่ข้างใน"

     

    "ต้องปลอดภัยอยู่แล้ว มีหัวหน้าช่างอยู่ด้วยตั้ง3คนนี้ พวกนายออกตามหาแถวนี้ซะ"

     

    พวกช่างมองดูนามิที่นอนหมดสตินอกคฤหาสน์


    "ผู้หญิงคนนี้พวกเดียวกับเจ้าหมวกฟางนี่"

     

    "กระโดดมาจากหน้าต่างเหรอ"

     

    "คงหนีจากไฟที่ลุกโถมหนักนั่นแหละ"

     

    "จับตัวไว้ ต้องเค้นให้ยัยนี้บอกที่อยู่พวกมันออกมา"

     

    ____________________

     

    พวกCP9ใช้เดินชมจันทร์โดดผ่านเมืองไป

     

    "บรูโน่ แฟรงกี้อยู่ที่ร้านเหล้าของนายยังงั้นเหรอ?"ลุจจิถาม

     

    "ก็ใช้ แต่ออกไปตามหาเจ้าหมวกฟางแล้ว"บรูโน่กล่าว

     

    "อย่างงี้นี่เอง เป็นคนอยู่ไม่สุขเอาซะเลย"ลุจจิกล่าว

     

    "แต่ว่าเจ้าพวกที่อยู่ผิดที่ผิดจังหวะมีอยู่จริงๆละนะ"คาคุกล่าว มองลงไปด้านล่าง"ดูสิ

     

    ด้านล่างมีพวกแฟรงกี้หลายคนอยู่

     

    "ฟังให้ดีนะเจ้าหมวกฟาง เจ้าจมูกยาวอยู่กับพวกเราแล้ว ถ้าไม่อยากให้บ้านจมลงทะเล...."

     

    "เจ้าโง่ผิดไปแล้ว ต้องให้บอกสักกี่ครั้งละเนี่ย ถ้าไม่อยากให้มันจมลงทะเลต่างหาก"

     

    "จมบน!!!"

     

    "จมลง!!!"

     

    "ให้ตายเถอะ ฟังมายังไงกันเนี่ย"

     

    "ก็บอกว่าให้พวกนายไม่ใช่เหรอ"

     

    "แบบนี้ไม่รู้เรื่องกันพอดีเลย"

     

    "เดี๋ยวก็ถูกลูกพี่ซัดเอาหรอก"

     

    "ถ้าไม่อยากให้มันจมลงทะเลล่ะก็มาที่โกดังใต้สะพานซะ จากแฟรงกี่"ซันไบที่ฉลาดสุดพูดถูกต้อง"แบบนี้ต่างหากล่ะ ยังไงไปถึงก็ต้องถูกลูกพี่อัดน่วมแหละนะ"


    "ฮิๆๆๆ"พวกตระกูลแฟรงกี้หัวเราะ

     

    ลุจจิที่สวมหน้ากากขาวปิดหน้าตายกเว้นปากโดดมายืนด้านหลังพวกเขา

     

    "เมื่อกี้บอกว่าใครรอใครที่ไหนอย่างงั้นเหรอ?"ลุจจิถาม

     

    พวกซันไบหันมามอง

     

    "อะไรเนี่ยแก ตอนนี้เรากำลังคุยกันอยู่นะ ไปไกลๆไป๊"ซันไบไล่

     

    "ถ้าไม่อยากตายล่ะก็ตอบมาใน3วินาที"

     

    "หา?"ซันไบทำหูทวนลม

     

    "พูดแบบนี้หาเรื่องเหรอ"

     

    "พูดแบบนี้รู้รึเปล่าเราเป็นใคร"

     

    "โกดังใต้สะพานมันอยู่ที่ไหนกัน แฟรงกี้อยู่ที่นั่นสินะ"ลุจจิกล่าว

     

    "มีธุระอะไรกับลูกพี่ล่ะ ถ้ามีเรื่องคุยล่ะก็ฝากพวกเราไปก็ได้"ซันไบพูดแล้วทุกคนบุกเข้าใส่ลุจจิ

     

    _____________________

     

    ที่ด้านหลังเมืองตรงโกดังใต้สะพานทางชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงเหนือ มีฐานทัพลับเล็กๆของแฟรกกี้ที่ใช้จอดเรือได้ลำนึง

     

    แฟรงกี้ได้ช่วยเรือโกอิ้งแมรี่มาจอดเรือที่นี่ หลังฟังเรื่องราวที่อุซปออกจากกลุ่มหมวกฟางก็ซึ้งใจน้ำตาตก

     

    แฟรงกี้บอกอุซปเรื่องอควาลากูน่าที่จะมาปีละครั้ง ทำให้ชาวเมืองชินกับเรื่องนี้ และพูดอย่างภูมิใจถึงขบวนรถทะเลที่สร้างให้ผู้คนอพยพได้รวดเร็วหากเกาะนี้ต้องจมสู่ทะเล


    เมื่อแฟรงกี้ถามว่าอุซปจะทำยังไงต่อ พออุซปบอกจะแล่นเรือกลับไปอีสต์บลู ทำให้แฟรงกี้นิ่งเงียบแล้วบอกว่าเรือนี่ไปไม่ไหวแล้วและจะแยกส่วนเรือให้และเริ่มทำลายเรือแมรี่ อุซปโจมตีแฟรงกี้ไม่ยอมให้ทำลาย จนแฟรงกี้ต้องจับอุซปลงไปดูก้นเรือแมรี่ที่มีรอยแตก


    แต่อุซปก็ไม่สนใจและกลับขึ้นมาหยิบค้อนมาตอกซ่อม ทำให้แฟรงกี้ต้องบอกให้อุซปรีบยอมรับความจริง อุซปตะโกนให้แฟรงกี้เงียบ บอกว่าสภาพเรือแมรี่เขารู้ดี และพูดถึงคืนที่เขาเห็นคนในหมอกที่เกาะแห่งท้องฟ้า


    แฟรงกี้ได้ยินและบอกว่านั่นคือคราบาวทาแมน วิญญาณของเรือที่จะสถิตในเรือที่ได้รับความรักจากลูกเรืออย่างดีเท่านั้น และบอกว่าเรือแมรี่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพาพวกเขามาถึงเกาะนี้ทั้งที่ฝืนขีดจำกัดตัวเอง

     

    "แมรี่..."อุซปหันไปมองเรือ"งั้นรึ ตกลงว่าที่มาพูดกับฉันในตอนนั้น ก็คือนายนั่นเองสินะ"

     

    "แต่ว่าน่าหน่ายใจจริง ถ้างั้นนายก็ทะเลาะกับพวกพ้อง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเรือถึงขีดจำกัดอย่างงั้นรึ?"แฟรงกี้ถาม

     

    "ก็มันยังทำใจไม่ได้นี่"อุซปกล่าว

     

    "พวกผู้ชายเนี่ยไม่ไหวเอาซะเลยน้า"มอสกล่าว

     

    "บ้าจริงๆเลยน้า"กิวี่กล่าว

     

    "กริ๊งๆๆ"เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น

     

    "เหมือนจะมีใครมาแน่ะ"มอสกล่าว

     

    "มีใครมางั้นเรอะ ก็มีแต่พวกซันไบนั่นแหละ เจ้าพวกนั้นทำไมต้องอุตส่าห์เข้ามาทางฝั่งทะเลด้วยล่ะเนี่ย"แฟรงกี้กล่าว

     

    "นั่นสินะ"สองสาวเห็นด้วย

     

    "ทั้งที่ปกติใช้ทางเข้าข้างบนแท้ๆ"กิวี่กล่าว


    "อาจจะพาพวกหมวกฟางมาก็ได้ล่ะมั้ง"มอสกล่าว

     

    "จริงสิ ลืมไปเลยว่าฉันใช้นายเป็นเหยื่อล่อเรียกเจ้าพวกหมวกฟางมา"แฟรงกี้ตะโกน

     

    "ไม่มาหรอก เจ้าพวกนั้นไม่ได้เป็นพวกฉันแล้ว ก็บอกไปแล้วนี่"อุซปกล่าว


    "กริ๊งๆๆ"กริ่งยังดังอยู่

     

    "ทำไมถึงไม่เข้ามากันล่ะเนี่ย?"มอสถาม

     

    "จ้าๆ จะไปเปิดเดี๋ยวนี้แหละ"กิวีกล่าว เธอกับมอสเดินไปเปิดประตู

     

    "พี่ชาย นายน่ะกลับไปหาพวกพ้องซะเถอะ"แฟรงกี้แนะนำ

     

    "ป่านนี้แล้วยังจะทำแบบนั้นได้อีกเรอะ ฉันน่ะสู้กับกัปตันมาแล้วนะ แถมเรื่องเรือก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้อีก"อุซปกล่าว

     

    "แก้ปัญหาอะไรอีกล่ะ เมื่อรู้อยู่แล้วว่าเรือมันแล่นต่อไปไม่ได้ เรื่องมันก็ง่ายขึ้นแล้วไม่ใช่รึ ฝากไว้กับฉันแล้วไปเถอะ ฉันจะจัดการมันซะจนนายไม่มีอะไรติดค้างเลย แบบเมื่อกี้ไงล่ะ นี่ฉันทำเพื่อนายเลยนะเนี่ย เรื่องทำลายเรือเนี่ย"แฟรงกี้กล่าว

     

    "อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่องน่า"อุซปตะโกน"มันเรื่องของฉัน"

     

    "เออสิ ฉันแก้ปัญหาของนาย ซะจนเหมือนเป็นปัญหาของฉันเลยนะ รู้จักขอบคุณกันซะบ้าง!!!"แฟรงกี้ตะโกน

     

    "ขอบคุณเรอะ อย่ามาล้อเล่นน่า"อุซปตะโกน

     

    "ยังไม่เข้าใจอีกงั้นเรอะ แบบนี้มันทำให้เรือลำบากใจนะ เพราะมันรักพวกนายมาก เรือลำนี้ถึงกับยอมปรากฎตัวมาในร่างคน แล้วจะให้พาพวกนายไปจมกลางทะเลงั้นเรอะ นี่ แบบนี้ถึงตายก็ตายตาไม่หลับหรอก ไม่มีทางไปเกิดใหม่อีกด้วย"แฟรงกี้เดินเข้ามาใกล้อุซป

     

    "งั้นแล้วนายล่ะ ถ้าหากมีพวกที่กำลังจะตาย หลังจากนี้นายอย่างสงบเถอะนะ จะกล้าพูดแบบนี้แล้วจากไปได้เรอะ?"อุซปกระชากคอเสื้อแฟรงกี้

     

    "นี่นายยังจะพูดแบบนี้อีก คิดเบี่ยงประเด็นล่ะสิ"แฟรงกี้กล่าว

     

    "เบี่ยงที่ไหนกันเล่า ก็สถานการณ์แบบเดียวกันนี่"อุซปกล่าว

     

    "ไม่รู้อะไรเอาซะเลยน้า"แฟรงกี้กล่าว

     

    "เปรี้ยง!!!!"แต่ตอนนั้นเอง ร่างของมอสก็กระเด็นมาล้มลงพื้นข้างพวกเขา

     

    "หา!?"ทั้งสองตกใจ

     

    "มอส!!!"

     

    "ผัวะ!!!"แฟรงกี้มองกีวีถูกแคลิเฟอร์เตะล้มลงพื้น

     

    "กีวี!!! ใครน่ะ"แฟรงกี้ถาม


    "ขอโทษที่มาขัดจังหวะ คุณผู้หญิง2คนนี่ ไม่ยอมให้เราเข้ามากันน่ะ"แคลิเฟอร์กล่าว

     

    "เลขาฯของกาเลรา พวกแกมาทำอะไรกันที่นี่!!!!"แฟรงกี้บุกเข้าหาCP9

     

    "กึง!!!"แฟรงกี้ชกใส่แคลิเฟอร์ แต่บรูโน่ยกแขนบังไว้ มันราวกับเขาชกใส่เหล็ก

     

    "กายาเหล็ก"บรูโน่กล่าว

     

    "อะไรกันเนี่ย"แฟรงกี้ชกใส่หน้าแต่บรูโน่ไม่เป็นไร เขายกมือบีบหัวแทน"บรูโน่ นี่แกคิดจะทำอะไรกัน..."

     

    แฟรงกี้ก็โดนบรูโน่บีบหน้าเหมือนกัน


    "ว่าไงแฟรงกี้"กิโร่โผล่มาทักทายแค่ยืนมองเฉยๆ

     

    "ดื้อด้านจริง รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร"แฟรงกี้เพิ่มแรงยกบรูโน่ลอยเหนือพื้น"หาเรื่องกับใครอยู่ เป็นแค่เจ้าของร้านเหล้าโทรมๆแท้ๆ อะไรกัน แกก็ด้วยกิโร่ ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้!? นี้มันต่างไปจากทุกทีเลยนี่"

     

    "หมับ!!!!"ลุจจิเข้ามาคว้ามือบรูโน่ที่จะแทงดัชนีพิฆาต

     

    "อย่าน่าบรูโน่"ลุจจิพูดแล้วยกเท้าเตะใส่ท้อง

     

    "ตึง!!!!"แฟรงกี้กระเด็นไปกระแทกพื้นใกล้ๆอุซป

     

    "นี่ เป็นอะไรรึเปล่า ทำใจดีๆไว้"อุซปร้อง

     

    "ไปฆ่าซะตอนนี้ได้ยังไงเล่า อย่าลืมภารกิจสิ"ลุจจิกล่าว

     

    "โทษที"บรูโน่กล่าว

     

    "นี่มันยังไงกันล่ะเนี่ย!?"อุซปตกตะลึงถามแฟรงกี้"นี่ เจ้านี่มันพวกที่อู่ต่อเรือไม่ใช่เรอะ!?"อุซปถาม

     

    "อะไรกัน!? ฉันถูกเจ้านั่นมัน....พวกแก ยังไงกันล่ะเนี่ย? ทำอะไรซุปเปอร์มากเกินไปแล้วนะ"แฟรงกี้ลุกขึ้นถาม"บังอาจมาสร้างแผลให้กับพวกน้องสาวฉัน ที่ยังไม่เป็นเจ้าสาวซะได้ หนอย ที่สำคัญเลยทำไมถึงรู้จักที่นี่? ที่นี่เป็นฐานทัพลับของฉันนะ"

     

    "เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ ขอพูดรวบรัดเลยล่ะกัน ฟังให้ดีล่ะ ตัวตนของพวกเราที่มช้ชีวิตที่นี่เป็นแค่ตัวตนปลอม ตัวจริงของพวกเราคือเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองรัฐบาลโลก"ลุจจิกล่าว

     

    แฟรงกี้เบิกตากว้างและสีหน้าตึงเครียด

     

    "นายคงเข้าใจความหมายใช่มั้ย รวมถึงเหตุผลที่พวกเรามาที่นี่ด้วย แฟรงกี้ พวกเราน่ะรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว คัตตี้ แฟลม ลูกศิษย์คนหนึ่งของทอมที่ว่ากันว่าตายไปแล้วเมื่อ8ปีก่อนก็คือนายนั่นเอง"ลุจจิกล่าว

     

    "ก็ไม่รู้หรอกนะว่าไปสืบมายังไงกัน แต่ก็ยอดเยี่ยมมาก ทั้งยังทำให้ตะขิดตะขวงใจอีกด้วย"แฟรงกี้พูดอย่างกังวล"เจ้าบ้านั่น ไอซ์เบิร์กสบายดีหรือเปล่า?"

     

    "ฆ่าไปแล้ว"ลุจจิตอบทำให้แฟรงกี้เบิกตากว้าง"มาจนถึงตอนนี้แล้วอย่าทำเป็นเฉไฉเลย พวกเรารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว"

     

    "ฉันจะถูกหมายหัวเมื่อไหร่ขึ้นอยู่ที่เวลาเท่านั้นแหละ นำของนี้ติดตัวและออกไปจากเกาะซะ แฟรงกี้"

     

    "จากทอมสู่ไอซ์เบิร์ก จากไอซ์เบิร์กมอบให้นาย สิ่งนั้นถูกส่งต่อเรื่อยมา"ลุจจิกล่าว

     

    "ทั้งสองคนมาทางนี้สิ ฉันมีของสำคัญจะฝากพวกเธอ"

     

    "ภารกิจที่ยาวนานของพวกเรา กำลังจะปิดฉากลงในไม่ช้า เอาล่ะ แบบแปลนอาวุธโบราณพลูตัน ส่งมาซะ คัตตี้ แฟลม"ลุจจิกล่าว

     

    "แฟลม? ชื่อพิลึกจริงเชียว เรียกแฟรงกี้ก็ได้มั้ง"ไอซ์เบิร์กตั้งชื่อเล่นตอนพบกันครั้งแรก

     

    "จะเรียกอะไรก็ช่าง"แฟรงกี้สมัยเด็กกล่าว

     

    "ได้ยินหรือเปล่า ฉันบอกว่าให้ส่งมาไงล่ะ คัตตี้ แฟลม"ลุจจิสั่ง

     

    "ใครจะยอมมอบให้พวกแกล่ะ!!!"แฟรงกี้ปล่อยหมัดยืดออกไปด้วยโซ่ใส่ลุจจิ แต่เขาเอียงหัวหลบเข้ามาหาแฟรงกี้

     

    "เปรี้ยงงง!!!!"แฟรงกี้โดนฝ่ามือกระแทกหัวชนประตูไม้พังเข้าไปในห้องนั้น

     

    "มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ เร็วเกินไปแล้ว เร็วจนมองอะไรไม่เห็นเลย"อุซปร้อง"นี่ นายเป็นอะไรหรือเปล่า!?"

     

    "นี่มัน!?"ลุจจิขมวดคิ้ว

     

    "เป็นอะไรไปลุจจิ?"แคลิเฟอร์ถาม

     

    "อะไรเนี่ย? ไอ้ห้องสกปรกนี่?"ลุจจิถาม

     

    ภายในห้องมีเก้าอี้กับโต๊ะเก่าๆ สภาพไม่ได้ใช้งานหลายปี บนโต๊ะมีแบบแปลนเรือเก่าๆ

     

    "ห้องเขียนแบบ"แคลิเฟอร์กล่าว

     

    "เป็นสถานที่เหมาะกับการซ่อนแบบแปลนเลย หาให้เจอ"ลุจจิสั่ง

     

    เหล่าCP9ต่างเริ่มค้นห้องเก่าๆ

     

    "นี่มัน..."กิโร่เจอบางอย่าง"ป้ายชื่อนี่ คัตตี้ แฟลม, ไอซ์เบิร์ก, ทอม ชื่อนี้มัน!?"

     

    "นี่มัน.."ลุจจิเดินเข้าไปหยิบรูปใบนึง มันต่างจากของอย่างอื่นเพราะถูกดูแลอย่างดี

     

    "อย่าแตะนะ"แฟรงกี้ลุกขึ้นมา"อย่ามาเหยียบความทรงจำของคนอื่นด้วยเท้าเปล่าเซ่ ที่นี่เป็น ที่ที่พวกเราเติบโตขึ้นมา บริษัทต่อเรือทอม เวิร์คเกอร์ส เป็นที่ที่เคยมีช่างต่อเรืออันดับ1ของโลกอยู่"

     

    "อย่างนี้นี่เอง ไอ้โกดังแสนโสโครกนี่ เมื่อก่อนเคยเป็นบริษัทต่อเรือทอม เวิร์คเกอร์สงั้นรึ?"ลุจจิกล่าว

     

    "บริษัทต่อเรือ?"อุซปกล่าว

     

    ลุจจิหยิบรูปขึ้นมาดู

     

    "ทอม, ไอซ์เบิร์ก คัตตี้ แฟลม เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่ทั้ง3คนทำงานต่อเรือสินะ เมื่อเรียกที่นี่เป็นฐานทัพลับก็แปลว่าทำเรื่องอะไรที่มีลับลมคมในอยู่ล่ะสิ"

     

    "หุบปาก แล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ"แฟรงกี้ตะโกน

     

    "ก็ต้องหลังจากได้ของที่ควรได้มาก่อนแหละ ช่างต่อเรือคัตตี้ แฟลม"

     

    "แบบแปลนไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก"แฟรงกี้ตะโกน

     

    "เอาเถอะ ก็เป็นคำตอบที่คิดไว้แต่แรกแล้วล่ะ"ลุจจิกล่าวแล้วเตะโต๊ะพัง

     

    "เฮ้ย!!!"แฟรงกี้ตะโกน

     

    "แคลิเฟอร์"ลุจจิกล่าว

     

    แคลิเฟอร์พุ่งเข้าไปใช้แส้หนามจับกุมแฟรงกี้ล้มลงพื้น

     

    "ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?"อุซปร้อง

     

    "แก!!!"แฟรงกี้จ้องลุจจิ

     

    "ไม่จำเป็นต้องตอบตอนนี้ก็ได้ ยังไงซะพวกเราก็ยังมีไพ่ตายอยู่ เรื่องในอดีตเมื่อ8ปีก่อน ดูเหมือนนายจะไปก่อความผิดไว้สินะ ความผิดที่เหมือนกับทอม"

     

    "อย่ามาล้อเล่นน่า คุณทอมไม่ใช่อาชญากรนะ อย่าทำเป็นพูดเหมือนกับว่ารู้เรื่องทุกอย่างเลย ไอ้หนู"แฟรงกี้ตะโกน

     

    "ผัวะ!!!"ลุจจิเตะแฟรงกี้กระเด็นหงายหลังฟาดพื้น

     

    "อย่าอาละวาดสิ ถ้าเป็นอาชญากรแล้วก็น่าจะรู้สิว่าตัวเองจะมีจุดจบยังไง"ลุจจิกล่าว

     

    "พวกแกน่ะจะรู้จักคุณทอม กับวอเตอร์เซเว่นแห่งนี้ดีแค่ไหนกันเชียว!!!"

    __________________

     

    เมื่อก่อน บริษัททอม เวิร์คเกอร์สนำโดยทอม มีลูกศิษย์คือไอซ์เบิร์กและคัตตี้ แฟลม และยังมีเลขาโคโคโระและสัตว์เลี้ยงทอม กบโยโกซึนะ คัตตี้ แฟลมมักสร้างเรือรบจากเศษกองขยะ

     

    วอเตอร์ เซเว่นในเวลานั้นแทบจะล่มสลายเพราะการเดินทางลำบากจากยุคสมัยโจรสลัด ทอมถูกรัฐบาลจับด้วยข้อหาสร้างเรือโอโร แจ็คสัน เรือของราชาโจรสลัด โกล ดี โรเจอร์ขึ้นมา

     

    แต่ทอมได้เสนอแผนการสร้างขวชบวนรถทะเลขึ้น รัฐบาลโลกจึงให้เวลา10ปี เขาใช้เวลา10ปีร่วมกับลูกศิษย์สร้างจนเสร็จ แต่เมื่อ8ปีก่อนเมื่อถึงวันพิจารณาคดี รัฐบาลโลกให้คนของตนใช้เรือรบที่แฟรงกี้สร้างโจมตีเกาะ ทำให้ลูกศิษย์ทอมต้องโทษ ทอมเอาสิทธิ์อภัยโทษให้ไอซ์เบิร์ปและโดนพาไปเอนิเอส ล็อบบี้

     

    แฟลมเข้าไปขวางขบวนรถทะเลที่กำลังออกจึงถูกชนและคิดว่าตายไปแล้ว แต่แฟลมใช้เรือร้างที่พบเอาเศษเหล็กมายืดชีวิตตัวเอง ขณะที่ไอซ์เบิร์กสามารถก่อตั้งบริษัทกาเลรา คอมปานีขึ้นมาได้ 4ปีก่อน แฟลมกลับมาโดยใช้ชื่อว่าแฟรงกี้ ไอซ์เบิร์กแอบมาพบแฟรงกี้ที่บริษัททอม เวิร์คเกอร์สและมอบแบบแปลนพลูตันให้

     

    _____________________

     

    "ชายที่ชื่อทอมที่พวกเราได้ยินมานั้น เป็นคนฝีมือดีแต่ว่าเป็นมนุษย์เงือกจอมพลัง ที่เวลาอาละวาดแล้วไม่มีใครรับมือได้ พอไปถามคนในเมืองก็ไม่มีใครยอมพูดอะไร ลูกศิษย์ที่ต้องมาคอยปกป้องผู้ชายแบบนี้ก็ลำบากเหมือนกันนะ คัตตี้ แฟลม"

     

    "ถึงพูดโต้กลับไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา พวกแกคนของรัฐบาลน่ะมันขยะทุกคนแหละ"แฟรงกี้กล่าว

     

    "เหวอ!?"อุซปร้อง

     

    "ตอนนั้นที่วอเตอร์เซเว่นแห่งนี้ มีทหารเรือและเจ้าหน้าที่อื่นๆบาดเจ็บสาหัสกว่า100คน คนร้ายก็คือแกนั่นแหละ สำหรับรัฐบาลโลกแค่นี้ก็ถือว่าเป็นโทษหนักแล้ว แต่ในวันนั้นเนื่องจากยืนยันว่าตายไปเพราะอุบัติเหตุขบวนรถทะเล เลยทำให้โทษเป็นโมฆะไป ขอคุมตัวนายในฐานะคนร้ายไปยังเอนิเอส ล็อบบี้ แล้วค่อยไปให้คำตอบที่นั่นก็ได้ ว่าแบบแปลนพลูตันยังอยู่หรือไม่"ลุจจิกล่าว

     

    "บรูโน่"ลุจจิหันไปเรียกเขา

     

    "อื้อ ต่อสายได้พอดีเลย"บรูโน่ยกหูโทรศัพย์เดินมาหาแฟรงกี้

     

    "หลังจากแจ้งเรื่องนี้ให้หัวหน้าเรารู้ ก็บอกไว้ว่า ไม่ส่ายัวไงก็อยากคุยกับนายให้ได้น่ะ"ลุจจิอธิบาย

     

    "หัวหน้า?"แฟรงกี้ขมวดคิ้ว

     

    "เชิญครับหัวหน้า"บรูโน่ยื่นหูตรงหน้าแฟรงกี้

     

    "ร้อนๆๆ หกจนได้ โธ่เว้ยไอ้กาแฟนี่...เพล้ง!!!"

     

    "อะไรเนี่ย?"อุซปกล่าว

     

    "อยู่ตรงนั้นสินะ คัตนี้ แฟลม ไม่ได้เจอกันนานเบยนะ ไม่นึกเลยว่าจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีก ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นข่าวดี"

     

    "แกเป็นใครน่ะ?"แฟรงกี้ถาม

     

    "ตลอด8ปีนี้ พอเจ็บแผลเมื่อไหร่ฉันก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทุกที เพราะคนร้ายที่ส้รางแผลให้ฉัน มันตายไปแล้วไงล่ะ"

     

    "แล้วยังไงล่ะ ตกลงแกเป็นใครกัน?"แฟรงกี้ถามอีกครั้ง

     

    "จำไม่ได้งั้นรึ? เมื่อ8ปีก่อน ตอนยังอยู่CP5 ผู้ชายที่จับตัวทอม เวิร์คเกอร์ส ณ ที่เกิดเหตุไงล่ะ ฮ่าๆๆ"


    "แก เจ้าสแปนด้า"แฟรงกี้ตะโกน

     

    "ไม่ใช่ๆ สแปนดั้มต่างหาก  ฮ่าๆๆ ฉันรอแกมถึเอนิเอส ล็อบบี้ อย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ เอาล่ะพวกนายทุกคน นำตัวเจ้าอาชญากรนั่นมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย"

     

    "รับทราบ"คาคุกล่าว

     

    "เจ็บๆ"แฟรงกี้โดนจับยัดถุงโผล่มาแค่หัว"โธ่เว้ย ปล่อยสิ"

     

    "ไปกันเถอะ"ลุจจิกล่าว

     

    พวกCP9เดินผ่านอุซปไปเหมือนไม่มีตัวตน

     

    "เดี๋ยวก่อนสิพวกแก ปล่อยเจ้านั่นนะ!!"อุซปตะโกนเล็งหนังสติ๊กใส่

     

    ลุจจิหันมาจ้องอุซป

     

    "ขอโทษครับ"อุซปก้มหัว

     

    "เฮ้ย ปากดีได้แค่แป๊บเดียวเองเรอะ"แฟรงกี้ตะโกน

     

    "รุ้สึกว่านายจะเป็นพวกเดียวกับเจ้าหมวกฟางสินะ"คาคุจำอุซปได้

     

    _________________

     

    บริษัทกาเลรา คอมปานีโดนไฟลุกไหม้ ทุกคนช่วยกันดับไฟแต่ลุกไหม้แรงเกินไป

     

    ในห้องนอนของไอซ์เบิร์ก เขากับพาวลีย์ถูกจับมัดไว้ให้ไฟคลอกตายไป

     

    "จี้ดๆๆ"เจ้าหนูไทแรนนอซอรัสส่งเสียงร้อง

     

    ตอนนั้นเองเศษหินก็ถูกดึงออก ช็อปเปอร์ในร่างเรนเดียร์เดินออกมาคาบดาบซังไดคิเทสึ

     

    "ไม่ไหว สู้แรงลมไม่ได้!!!"

     

    "ไฟไม่ยอมดับเลย

     

    "ถ้ายังอยู่ข้างในล่ะก็ คงช่วยไม่ได้แล้วล่ะ"

     

    "เพล้ง!!!!"ช็อปเปอร์โดดออกมาทางหน้าต่างชั้น3ลงพื้นมา

     

    บนหลังเขาแบกไอซ์เบิร์ก พาวลีย์และไทแรนนอซอรัส

     

    ช็อปเปอร์หันไปเห็นนามิกับวีวี่ที่นอนสลบอยู่

     

    "นามิ วีวี่ แย่แล้ว ต้องรีบรักษาให้แล้ว..."ช็อปเปอร์เดินได้ไม่กี่ก้าวล้มลงพื้น

     

    พวกช่างได้สติรีบวิ่งเข้าไป

     

    "รีบเข้าไปดูเร็ว!!!"

     

    "เจ็บหนักเลยนะเนี่ย"

     

    "นี่ ทำยังไงกับเรนเดียร์นี่ดีล่ะ?"

     

    "รักษามันด้วย มันเป็นผู้มีพระคุณเชียวนะ"

     

    _________________

     

    "อา...เสร็จมันจนได้"แฟรงกี้ที่โดนบรูโน่แบกไว้กล่าว

     

    อุซปโดนคาคุจัดการล้มลงพื้น

     

    "สรุปคิอถึงจะออกจากกลุ่มหมวกฟาง แต่ก็ยังไม่เลิกเป็นโจรสลัดสินะ เมื่อเป็นโจรสลัดก็ขอคุมตัวไปล่ะ แคลิเฟอร์"

     

    "อื้อ"แคลิเฟอร์เดินไปใช้แส้มัดอุซปเหมือนแฟรงกี้

     

    "แล้วก็เรือลำนี้"คาคุมองไปที่โกอิ้งแมรี่"ยังไม่ทำลายมันไปอีกหรือเนี่ย"

     

    "นี่แก อย่าแตะต้องมันนะ!!"อุซปตะโกน

     

    คาคุกระโดดดึงที่ยึดเรือด้านบนให้หลุดไป

     

    "จะทำอะไรน่ะเฮ้ย ฟังอยู่รึเปล่า?"อุซปตะโกน

     

    "ถึงจะเป็นตัวตนชั่วคราว แต่ที่เมืองนี้พวกเราก็เป็นช่างต่อเรือฝีมือดี"คาคุเดินไปเปิดประตูใหญ่ที่ให้เรือออกไป

     

    "แอ๊ด"ด้านนอกอยู่เหนือพื้นและด้านล่างเป็นคลื่นที่ซัดแรง

     

    "ของที่ใช้ไม่ได้แล้ว ก็อยากให้ยอมรับแต่โดยดี ว่ามันใช้ไม่ได้แล้ว"คาคุกล่าว

     

    "แล้วยังไงกันล่ะ ช่างมันสิ มันไม่ใช่เรือของแกสักหน่อย!!!"อุซปตะโกน

     

    "เท่านี้ก็คงปล่อยลงน้ำได้ละนะ"คาคุดึงคันโยก

     

    "เดี๋ยวสิ อย่าทำอะไรบ้าสิ นี่!!!"อุซปรีบวิ่งเข้าไป

     

    แต่คาคุดึงคันโยก ทำให้น้ำถูกปล่อยออกไปพร้อมแมรี่

     

    "นี่หยุดทีเถอะ!!!"อุซปตะโกนจะหยุดคาคุ แต่แคลิเฟอร์ตวัดแส้จับกุมเขาล้มลงพื้น

     

    แมรี่ลอยออกไปและตกลงน้ำไป

     

    "แมรี่!!!!!"

     

    __________________


    "ถอยเร็ว จะถล่มลงมาแล้ว!!!!!"

     

    พวกช่างต่างถอยจากตึกที่โดนไฟไหม้จนถล่มพังลงมาราบคาบ

     

    เสียงตึกถล่มทำให้ไอซ์เบิร์กฟื้นขึ้นมา ช่างหันไปเห็น

     

    "คุณไอซ์เบิร์กได้สติแล้ว!!!!"

     

    "ดีจริงๆ"

     

    "ค่อยยังชั่วที่ปลอดภัย"

     

    "เพราะเจ้าเรนเดียร์นั่นแท้ๆ"

     

    "แต่ว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้าหมวกฟางนี่"

     

    ไอซ์เบิร์กหันไปมองเห็นช็อปเปอร์กับพาวลีย์ที่ถูกรักษาบาดแผล

     

    "อึก..."คิรัวร์ที่สลบไปก็ได้สติฟื้นกลับมา

     

    "เฮ้ ตรงนี่ก็เหมือนกัน เจ้านักดาบทิมิฬได้สติแล้ว!!!"

     

    คิรัวร์มองไปรอบๆเห็นนามิ วีวี่ ช็อปเปอร์ต่างบาดเจ็บหนัก เขาโดนล้อมด้วยคนของกาเลราและโดนยึดดาบไป

     

    "เมื่อตอนกลาววันแกทำแสบมากเนตรแดง"

     

    "รีบบอกที่อยู่พวกแกที่เหลือมาซะ"พวกช่างต่างเล็งอาวุธมาที่เขา

     

    "ลดอาวุธซะ"ไอซ์เบิร์กสั่ง พวกช่างหลีกทางให้ไอซ์เบิร์กที่เดินเข้ามา

     

    "อย่าเพิ่งขยับสิครับคุณไอซ์เบิร์ก"

     

    "พวกนายถอยออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับเด็กหนุ่มคนนี้แค่2คน"ไอซ์เบิร์กกล่าว

     

    ไอซ์เบิร์กนั่งลงขณะที่พวกช่างต่างถอยออกห่างไป

     

    "เรื่องอะไรกันน้าถึงคุยแค่2คน"

     

    "นั่นสิ"

     

    "โป๊ก!!"หินมาทุบเข้าที่หัว

     

    "ทำอะไรน่ะ"

     

    พวกช่างคนอื่นยังพยายามฉีดน้ำดับไฟ

     

    "อย่ามัวเหม่อกันสิ พวกคุณลุจจิอาจจะยังอยู่ข้างในนั้นก็ได้นะ มาช่วยทางนี้หน่อยสิเจ้าพวกบ้า"

     

    "จริงด้วย"

     

    ทางด้านไอซ์เบิร์กกับคิรัวร์

     

    "แหม ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกนายต้องถูกเข้าใจผิด แล้วฉันจะแก้ข้อกล่าวหาให้ทีหลัง"ไอซ์เบิร์กบอกเขา

     

    "ไม่ต้องหรอก ฉันก็บีบคอนายเกือบจะฆ่าทิ้ง ถือว่าหายกัน"คิรัวร์กล่าว

     

    "ที่อยากคุยด้วยก็เรื่องนิโค โรบินน่ะ"ไอซ์เบิร์กกล่าว

     

    "รู้เรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?"คิรัวร์ถาม

     

    "พอมาที่เมืองนี้ ท่าทีของผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนไปหรือเปล่า?"ไอซ์เบิร์กถาม

     

    "ใช่ ทันทีเลย หลังจากเข้าเมือง อยู่ๆก็หายตัวไปเลย แล้วพอเช้าก็กลายเป็นคนร้ายมาลอบสังหารคุณ พอพวกเรา3คนพบเธอตอนเช้าก็บอกว่าจะไม่กลับมาอยู่กับพวกเราอีกแล้ว"คิรัวร์บอกเขา"ฉันเลยมาที่นี่เพื่อหาเธอและถามว่าทำไมถึงอยากออกจากกลุ่ม"

     

    "เพื่อให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริงไงล่ะ ขืนอยู่กับพวกนายต่อไป ก็ไม่มีทางสมหวังได้หรอก"

     

    "ฉันยังไม่เชื่อและไม่อยากให้เธอไป"

     

    "นายห่วงใยเธอมากใช่มั้ย?"

     

    "ใช่ ตั้งแต่พบเธอฉันก็รู้สึกแบบนั้น"

     

    "ฉันจะเล่าเรื่องที่ฉันรู้ก็แล้วกัน"ไอซ์เบิร์กอธิบาย"บางทีคนตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเธอคลาดสายตากับนิโค โรบินแล้วล่ะ แผนของรัฐบาลได้เริ่มต้นขึ้น การเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้นต้องมีเหตุผลแน่นอน แต่ว่าก่อนจะคุยถึงเรื่องนั้น ให้ฟังโดยคิดไว้ว่า ฉันกับนิโค โรบินมีวิธีปลุกอาวุธโบราณร้ายแรงขนาดทำลายล้างโลกกลับมาได้"

     

    "มันเกี่ยวกับแผ่นหินที่เธออ่านได้อีกครั้ง"คิรัวร์กล่าว

     

    "ถูกต้อง แล้วก็เหตุผลที่เธอทิ้งนายไว้ข้างหลัง

     

    ____________

     

    "ตรู๊ด.... แผนเกิดผิดพลาดขึ้น ขอให้ทุกคนมาที่ห้องนอนด้วย อย่าเพิ่งยิงไอซ์เบิร์กล่ะ"

     

    "เข้าใจแล้วหรือยัง นิโค โรบิน แบบแปลนที่พวกเธอต้องการน่ะมันเป็นของปลอม ต่อให้ฉันต้องถูกฆ่าก็ไม่ยอมส่งแบบแปลนให้รัฐบาลเด็ดขาด แทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่ทางเธอกลับคอยไขปริศนาโพเนกลีฟและเป็นกำลังให้กับรัฐบาล ฉันจะต้องหยุดเธอไว้ตรงนี้ให้ได้"

     

    "ฉันไม่ได้คิดไขปริศนาโพเนกลีฟเพื่อเรียกอาวุธโบราณกลับคืนมาซะหน่อย ก็แค่อยากรู้เรื่องประวัติศาสตร์เท่านั้นเอง"โรบินกล่าว

     

    "ถึงพูดแบบนั้นก็ไร้ประโยชน์ ฉันบอกแล้วไง ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ของอันตรายน่ะมันทำร้ายได้ทุกคน แม้ว่าจะเป็นคนสำคัญของเธอ สิ่งที่ทำร้ายผู้คนได้ ใช่ว่าจะต้องเป็นสิ่งที่ทำด้วยความประสงค์ร้าย หากความใฝ่อยากรู้ประวัติศาสตร์ นำพามาซึ่งการทำลายล้างโลกแล้วล่ะก็ เธอก็ควรตายที่นี่ซะ นิโค โรบิน ทั้งที่เคยเห็นชะตากรรมของพวกปีศาจร้ายแห่งโอฮาร่าด้วยตาตนเองแท้ๆ ยังคิดจะย้อนรอยมันอีกเรอะ"

     

    "นายจะไปรู้เรื่องโอฮาร่าแค่ไหนกันเชียว นายน่ะไม่รู้หรอกว่าชีวิตของฉันต้องทุกข์ทรมาณเพราะฝีมือของรัฐบาลโลกแค่ไหน"โรบินตะโกน

     

    "เมื่อเกลียดรัฐบาลถึงขนาดนั้น แล้วทำไมถึงยอมร่วมมือด้วยล่ะ?"ไอซ์เบิร์กถาม

     

    "เพราะมีความฝันที่อยากให้เป็นจริง แม้ต้องยอมทิ้งทุกสิ่งอยู่ไงล่ะ"โรบินกล่าว

     

    โรบินลุกขึ้นสลายพลังไปให้ไอซ์เบิร์กเป็นอิสระเดินถอยไปและอธิบาย

     

    "เงื่อนไขที่CP9ยื่นเสนอให้ฉันที่เมืองนี้มีอยู่2ข้อ ข้อแรก คือ ป้ายความผิดฐานลอบสังหารให้กับกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ส่วนอีกข้อคือ หลังจากนั้นให้ฉันมอบตัวกับทางรัฐบาล"

     

    "หากเป็นอย่างนั้นเธอไม่มีทางรอดชีวิตแน่ ผู้หญิงที่หนีรัฐบาลมากว่า20ปี ทำไมถึงยอมรับเงื่อนไขนี้ล่ะ?"ไอซ์เบิร์กถาม

     

    "CP9น่ะ ได้รีบอนุญาติให้ใช้บัสเตอร์คอลกับกลุ่มหมวกฟางได้1ครั้ง"

     

    "บัสเตอร์คอล?"ไอซ์เบิร์กทวน เขาไม่รู้มันคืออะไร

     

    "เป็นคำสั่งรวมพลเร่งด่วน โดยมีระดับพลโท5คนและเรือรบอีก10ลำจากศูนย์ฯใหญ่กองทัพเรือ หากตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังที่มีอำนาจระดับก่อสงครามระหว่างประเทศแล้ว หลังจากนั้นจะไม่เหลือซากอะไรเลย เดิมทีมันเป็น สิทธิเฉพาะของระดับพลเอกทั้ง3คน และจอมพลที่อยู่ในระดับสูงสุดของกองทัพเรือเท่านั้น แต่ว่าครั้งนี้CP9 ได้รับมอบสิทธิจากพลเรือเอกอาโอคิยิให้ใช้มันได้1ครั้ง หากไม่ยอมรับเงื่อนไขที่เสนอมา ก็จะใช้บัสเตอร์คอลกับพวกเรา

     

    ตอนที่ได้ยินชื่ออาโอคิยิก็ทำใจไว้แล้ว ตลอด20ปีที่ผ่านมา ที่ฉันเอาตัวรอดมาได้จากทุกสถานการณ์นั่น ก็เพราะไม่มีคนให้คอยปกป้อง คอยแต่หักหลังคน ใช้คนอื่นเป็นโล่กำบัง แต่ว่าตอนนี้ตัวฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ทั้งชีวิตและจิตใจที่เคยทิ้งมันไปแล้วครั้งนึง หรือแม้แต่ความฝันที่จบสิ้นไป เขาได้ขุดเรียกมันกลับมาอีกครั้ง ฉันได้พวกพ้องที่เชื่อมั่นฉันถึงขนาดนี้"

     

    "ถ้างั้นสิ่งที่เธอต้องการก็คือ..."ไอซ์เบิร์กกล่าว

     

    "นอกจากตัวฉันแล้ว ให้กลุ่มหมวกฟางทั้ง9คนไปจากเกาะนี้ได้อย่างปลอดภัย"โรบินตอบ"เขาห่วงใยและอ่อนโยนกับฉัน ฉันรักเขาเกินกว่าจะยอมลากเขาลงไปกับฉัน"

     

    "เพื่อเรื่องนั้นแล้ว ถึงอาวุธโบราณจะกลับคืนมาและโลกจะเป็นยังไงก็ช่างอย่างงั้นรึ?"ไอซ์เบิร์กถาม

     

    "ฉันไม่สนใจ"โรบินตอบ"ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขา...เขาเป็นคนสำคัญของฉัน เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่ฉันไม่เคยมีตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็ก...ความรัก"

     

    ไอซ์เบิร์กตกตะลึงกับการเลือกของโรบินแล้วยกปืนเล็งเธอ

     

    "เลิกคิดอะไรโง่ๆซะ!!!"

     

    ___________________

     

    "ฉัน เหนี่ยวไกปืนไม่ลง สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นเลือก แทนที่จะเป็นชีวิตของคนทั่วโลก กลับเป็นชีวิตของนายเพียงคนเดียว"

     

    คิรัวร์ได้ยินแล้วนิ่งเงียบ แต่เขาดีใจมาก

     

    "ตอนนี้ตัวฉันก็เหมือนถูกชิงแบบแปลนไปแล้ว ไม่มีสิทธิไปโทษผู้หญิงคนนั้นได้เลย"ไอซ์เบิร์กกล่าว

     

    "ฮ่าๆๆ"คิรัวร์ล้มลงพื้น"ฉันดีใจมาก ถ้างั้นโรบินก็ไม่ได้หักหลังพวกเราสินะ ขอบคุณมากไอซ์เบิร์ก"

     

    คิรัวร์รีบลุกขึ้นวิ่งไปหาเพื่อนๆเขาที่นอนอยู่

     

    "นายจะไปไหน?"

     

    "ต้องรีบรวมพลทุกคนแล้วบอกให้รู้เรื่องโรบิน"คิรัวร์ตอบ

     

    "เดี๋ยวสิ พวกหมวกฟางก็ถูกเล่นงานไปแล้ว ป่านนี้แล้วจะทำอะไรได้"

     

    "ป่านนี้งั้นเหรอ? จากนี้ไปต่างหากล่ะ พวกลูฟี่น่ะไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นั้นไม่หมอบง่ายๆหรอก จากนี้แหละต้องเอาตัวโรบินคืนมาให้ได้ หากลังเลไม่ว่าใครก็อ่อนแอลงทั้งนั้นแหละ เมื่อรู้ว่าไปช่วยได้แล้วล่ะก็ ความแข็งแกร่งของพวกเราก็ไม่มีขีดจำกัดหรอก"

     

    คิรัวร์พูดจบแล้ววิ่งไปหาทั้งสามคน

     

    "นามิ วีวี่ ช็อปเปอร์"

     

    _________________________

     

    ช็อปเปอร์นึกย้อนไปตอนที่ซันจิกับเซียร์แยกตัวไป

     

    "เป็นอะไรไป?"ซันจิถาม

     

    "โรบินน่ะเกลียดพวกเราแล้วหรือเปล่านะ?"ช็อปเปอร์ถาม

     

    "ช็อปเปอร์จำเอาไว้อย่างนะ ลูกผู้ชายต้องให้อภัยคำโกหกของผู้หญิง"ซันจิเดินผ่านช็อปเปอร์ไป

     

    "ไม่รู้หรอกว่าเธอโกหกหรือเปล่า แต่ฉันไม่ยอมให้เธอหนีไปง่ายๆ"เซียร์ตามไป

     

    ______________________

     

    สถานีขบวนรถทะเลก็กำลังเตรียมออกเที่ยวสุดท้าย

     

    "เวลา23นาฬิกา ขบวนรถสุดท้ายเที่ยวไปเอนิเอส ล็อบบี้ เนื่องจากระดับน้ำขึ้นสูง ขอให้ผู้โดยสารขึ้นไปที่ล็อบบี้ชั้น2ด้วยครับ"

     

    เจ้าหน้าที่สถานีสองคนพูดประกาศเสร็จหันมาคุยกัน เป็นคนอ้วนกับคนผอม

     

    "เอาล่ะ ไปดูกันเถอะ"คนอ้วนบอก ทั้งสองจะไปแต่มีคนของรัฐบาลโลกมาขวาง

     

    "เนื่องจากอาจกระทบต่อภารกิจลับ จึงห้ามดูขณะขึ้นขบวน"

     

    "ครับ

     

    ใกล้ขบวนรถทะเล โรบินยืนอยู่โดยถูกล้อมรอบด้วยคนของรัฐบาลและทหารเรือ โคกี้เดินมาใกล้โรบิน

     

    "หึหึหึ ผู้หญิงที่คอยไล่ตามถึง20ปี ในที่สุดก็มอบตัวซะที"โคกี้เดินจากไป

     

    ด้านหลังโรบินที่อุโมงค์มืด มีไฟแชะถูกจุดทำให้เห็นซันจิกับเซียร์ที่ซ่อนตัวอยู่

     

    "บิงโก"ซันจิกล่าว

     

    "โยนมันทิ้งซะ ฉันเหม็นและมันจะทำให้เราโดนเจอตัว"เซียร์กล่าว

     

    รถขบวนทะเลเข้ามาจอดเทียบสถานี

     

    "เอาล่ะ อีกไม่นานCP9ก็จะมาถึงแล้ว นิโค โรบิน ขึ้นนั่งขบวนรถทะเลก่อนเลย อย่ามัวชักช้าอยู่ล่ะ นี่พวกแกรีบคุมตัวไปซะ"โคกี้กล่าว

     

    "ครับ"ชายร่างใหญ่ที่เป็นคนของรัฐบาลสองคนคุมตัวโรบินไป

     

    "เจ้าหน้าที่รัฐบาล ทหารเรือ แล้วก็โรบินจัง เอาล่ะ จะทำยังไงดีล่ะทีนี้"ซันจิพึมพำ

     

    "ฉันน่ะมีความมืดที่พวกนายยังไม่รู้อยู่"

     

    "ดูยังไงก็เห็นว่าถูกคุมตัวไปล่ะนะ คู่ต่อสู้แค่นี้ถึงตัวคนเดียวแต่ก็หนีได้อยู่แล้ว มีอะไรกำลังหมายหัวเธออยู่อย่างงั้นรึ หรือมีเหตุผลที่ทำให้หนีไม่ได้"

     

    "ขอโทษที่ให้รอนะโรบินจัง"ซันจินึกภาพตัวเองเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว

     

    "กำลังรออยู่เลย เจ้าชายของฉัน"โรบินในชุดเจ้าหญิงร้องไห้

     

    "หรือว่าจงใจรอให้เรามาช่วยอย่างงั้นเหรอ? ฮุๆๆๆ"ซันจิหัวเราะเสียงโรคจิต

     

    "เลิกบ้าได้แล้วเจ้ากุ๊กนักหื่น"เซียร์กล่าว

     

    "คร๊าบ!!!"ซันจิตอบรับทันที

     

    "คุณโคกี้ CP9ครับ"

     

    ซันจิกับเซียร์หันไปมอง พวกเขาเห็นCP9 5คนเดินมาแบกสองคนที่โดนจับมาด้วย

     

    "คุณร็อบ ลุจจินี่"

     

    "น่าเกรงขามจริงๆ"

     

    "นั่นรึCP9"

     

    เซียร์เบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นกิโร่ในกลุ่ม ท่าทางเขาจะเป็นคนของรัฐบาล

     

    "ปล่อยเซ่ ไม่ได้ยินหรือไง!!!"อุซปตะโกน

     

    "ปล่อยเซ่ โธ่เว้ย ปล่อย"แฟรงกี้ตะโกนแล้วโดนทุบหัว

     

    "ให้ตายสิ คิดจะพาฉันไปไหนกันเนี่ย ไม่มีวันยกโทษให้พวกแกเด็ดขาด คอยดูเถอะ เฮ้ย ข้างหลังฉันน่ะยังมีลูกน้องอีก8,000คน...โป๊ก!!!"

     

    "อุซป?"ซันจิกล่าว"เจ้าบ้าเอ๊ย"

     

    เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลและทหารเรือกำลังตั้งแถวสองข้างต้อนรับCP9

     

    "ขอบคุณที่ปฎิบัติภารกิจมาเป็นเวลานานครับ"

     

    "คุณลุจจิเสื้อโค๊ทครับ"โคกี้เอาเสื้อโค๊ทมาสวมให้

     

    "น่ารำคาญจริง พอซะทีเถอะ"ลุจจิกล่าว

     

    "ครับผม"โคกี้ยกมือทำความเคารพ

     

    "ไม่ได้มาเที่ยวเล่นกันนะ จริงจังกันหน่อย ทุกคนขึ้นรถไฟซะ"ลุจจิสั่งการ

     

    "ทุกคนขึ้นรถขวนทะเลซะ เตรียมออกเดินทางไปเอนิเอส ล็อบบี้ได้"

     

    "บอกว่าให้ปล่อยไง"อุซปร้องแล้วโดนทุบอีกครั้ง

     

    พวกCP9เดินเข้าสถานีบลูไป

     

    "อะไรกันเนี่ยเจ้าพวกนั้น?"เซียร์พูดอย่างสงสัย"แต่ถึงยังไงท่าทางพวกมันก็เป็นศัตรูเราอยู่ดี"

     

    "แต่ว่าก่อเรื่องวุ่นให้จนถึงที่สุดเลยนะเนี่ย ขนาดออกจากกลุ่มแล้วยังสร้างความเดือดร้อนให้อีก"ซันจิกล่าว"คนอื่นทำอะไรอยู่นะ?"

     

    "เราไม่มีเวลาแล้ว รีบไปก่อน"เซียร์กล่าว

     

    ซันจิทิ้งโน๊ตไว้ให้นามิกับวีวี่ว่าพวกเขาขึ้นขบวนรถทะเลตามไปด้วย เซียร์ปักมีดไว้ที่เสาและทิ้งแมลงโทรสารเครื่องหนึ่งไว้ติดต่อได้

     

    "ไปกันเลยซันจิ"

     

    "ได้เลยครับ"

     

    พวกเขาวิ่งผ่านพวกเจ้าหน้าที่ที่ประท้วงและแอบซ่อนอยู่ท้ายขบวน

     

    ______________________


    "อีกนิดเดียวเองทุกคน ฉีดน้ำเข้าไป"

     

    "เอาน้ำมาอีก"

     

    "ทางนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ไปพยาบาลคนเจ็บเถอะ"

     

    พวกช่างกาเลรากำลังจะดับไฟได้แล้ว

     

    ทางด้านคิรัวร์บอกความจริงเรื่องโรบินกับช็อปเปอร์ วีวี่ นามิ

     

    "ถ้างั้น โรบินก็ไม่ได้เกลียดพวกเราน่ะสิ"ช็อปเปอร์ยิ้มกว้าง

     

    "ดีจังเลย"นามิกล่าว

     

    "กลายเป็นทานูกิแล้ว"

     

    "กลายเป็นทานูกิแล้ว"

     

    "เฮ้ย กลายเป็นทานูกิแล้ว"

     

    "เราต้องตามหาคนอื่นๆแล้วไปช่วยโรบิน"คิรัวร์กล่าว

     

    "เข้าใจแล้ว แล้วอยู่ที่ไหนกันล่ะคะ?"วีวี่ถาม

     

    "เพราะไม่รู้ไงถึงต้องตามหา"นามิกล่าว

     

    "ดีล่ะ ฉันจะพยายามเต็มที่เลย"ช็อปเปอร์ตะโกนพร้อมแปรงร่างเป็นเฮฟวี่พ้อยน์

     

    "กลายเป็นกอริลล่าแล้ว!!!!"

     

    "รอเดี๋ยวสิพวกเธอ"ไอซ์เบิร์กเดินเข้ามา"จะตามตัวนิโค โรบิน ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แต่คืนนี้ขบวนรถทะเลพิเศษที่บรรทุกผู้เกี่ยวข้องของรัฐบาล จะออกรถเวลา5ทุ่ม เจ้าพวกนั้นจะขึ้นนั่งไปกับขบวนนี้ สรุปก็คือ นิโค โรบิน ก็น่าจะอยู่ด้วย นี่เป็นขบวนสุดท้าย หลังจากนั้นขบวนรถทะเลจะหยุดทำการชั่วคราว เพราะอีกไม่นาน อควาลากูน่าจะมาน่ะ"

     

    "ถ้างั้นก็หมายความว่า?"

     

    "ถ้าหากพลาดขบวนนี้ไป จะนั่งเรือตามก็ไม่ได้ แล้วก็จะออกจากเกาะนี้ไม่ได้ด้วย"ไอซ์เบิร์กกล่าว

     

    "โกหกน่า แย่แล้วสิ ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย?"นามิถาม

     

    "4ทุ่มครึ่ง"ไอซ์เบิร์กดูนาฬิกาตอบ

     

    "เหลือแค่30นาที!!!!"ช็อปเปอร์ร้อง


    "ช่วยหยุดขบวนรถทะเลได้มั้ย?"วีวี่ถาม

     

    "แหม ปลายทางเอนิเอส ล็อบบี้ เป็นเกาะที่นอกจากคนที่เกี่ยวข้องกับทางรัฐบาลแล้วห้ามเข้าเด็ดขาด คนขับก็เป็นคนของรัฐบาล ถึงฉันขอไปก็ไม่ยอมทำตามหรอก"ไอซ์เบิร์กอธิบาย


    "เราต้องรีบแล้ว ช็อปเปอร์ ฉันอยากให้นายกับวีวี่ไปหาลูฟี่กับโซโล ฉันกับนามิจะไปที่สถานีบลูก่อน"คิรัวร์กล่าว

     

    "เข้าใจแล้ว"ช็อปเปอร์กล่าว วีวี่พยักหน้า

     

    "นี่พวกแกน่ะ"พาวลีย์ที่ฟังอยู่ลุกขึ้นมาชี้พวกช่าง

     

    "คุณพาวลีย์ปลอดภัยดีหรือครับ"พวกช่างดีใจ

     

    "ช่วยพวกเขาออกตามหาด้วยล่ะ"พาวลีย์กล่าว

     

    "จะให้ช่วยงั้นเหรอคุณพาวลีย์ เจ้าพวกนี้เป็นคนร้ายที่จ้องจะเอาชีวิตคุณไอซ์เบิร์กไม่ใช่เหรอครับ"

     

    "เราควรจับตัวทั้ง4คนนี้ต่างหากล่ะ คุณลุจจิกับคาคุก็ยังหายสาบสูญ..."

     

    "คนร้ายลอบสังหารไม่ใช่พวกหมวกฟางหรอก เจ้าพวกนี้บริสุทธิ์ แค่ตกหลุมพรางของคนร้ายตัวจริงจนถูกพวกเราเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ถึงจะยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริง แต่เจ้าพวกหมวกฟางก็สู้กับเจ้าพวกที่สวมหน้ากากนั่น ที่ตอนนี้ฉันกับคุณไอซ์เบิร์กยังมีชีวิตอยู่ ก็เพราะเจ้าพวกนี้ไม่ใช่เรอะ"

     

    พาวลีย์พูดแล้วเริ่มลุกขึ้นยืน

     

    "ไม่ต้องตามหาลุจจิกับคาคุหรอก บางทีคงจะไม่ได้พบเจ้าพวกนั้นอีกต่อไปแล้วล่ะ"พาวลีย์กล่าว

     

    "รู้ด้วยเหรอครับว่าพวกคุณลุจจิเป็นยังไงบ้าง?"ช่างคนนึงถาม

     

    "กลับบ้านเกิดไปแล้ว"พาวลีย์ตอบ

     

    "บ้าน่า ทำไมถึงกลับไปเวลาสำคัญแบบนี้ล่ะ"

     

    "เถอะน่า ตามหาเจ้าหมวกฟางซะ"พาวลีย์สั่งแล้วหันมามองคิรัวร์"จะไปสถานีสินะ เดี๋ยวจะนำทางให้"

     

    "ขอบคุณมาก"คิรัวร์กล่าว

     

    "คุณพาวลีย์ เดี๋ยวก่อนสิ"

     

    "ที่พูดเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงเหรอครับ!?"


    "อย่ามัวแต่เถียงกันอยู่ช่วยออกตามหาเร็วเข้า จะให้ชื่อเสียงของกาเลราตกต่ำไปมากกว่านี้เรอะ!!!!"

     

    "ครับ รับทราบ"

     

    "ขอโทษด้วยนะ"

     

    "ขอโทษครับ"

     

    "สั่งมาเลยพวกเราจะช่วยเอง"

     

    "ปล่อยยางาร่าออกมา เปิดกรงเลย"

     

    "โอ้"

     

    ไอซ์เบิร์กเดินเข้ามาหาพาวลีย์


    "กลับบ้านเกิดงั้นรึ"ไอซ์เบิร์กกล่าว


    "อธิบายไป มันก็คงไม่ดีหรอก ไอ้ความรู้สึกแบบนั้นน่ะ ให้แค่ผมกับคุณรู้ก็พอแล้วล่ะ"พาวลีย์กล่าว

     

    กลุ่มหมวกฟางทั้ง4นั่งบนยางาร่าที่มุ่งหน้าไปในเมือง

     

    "ช็อปเปอร์ วีวี่ ฝากด้วยล่ะ"คิรัวร์กล่าว จากนั้นยางาร่าของเขากับนามิก็แยกมุ่งหน้าไปสถานี

     

    "ค่ะ รับรองว่าต้องพาตัวทั้ง2คนกลับมาให้ได้เลย"วีวี่กล่าว

     

    "นี่ ทุกคน!!!!!"ช็อปเปอร์ตะโกนชูดาบซังไดคิเทสึ"ลูฟี่ โซโล ซันจิ เซียร์....อุซปกลับมาเถอะ"

     

    "ทุกคนช่วยกันตะโกนทีคะ!!!"วีวี่บอกพวกช่างต่อเรือ

     

    "ดีล่ะ เข้าใจแล้ว ทุกคนพร้อมนะ"

     

    "โอ้!!!!"

     

    "ลูฟี่ โซโล ซันจิ เซียร์....อุซปกลับมาเถอะ"

     

    พวกช่างพูดตามช็อปเปอร์เปี๊ยบ

     

    __________________________

     

    คิรัวร์กับนามิพยายามมุ่งหน้าไปสถานีให้เร็วที่สุด พาวลีย์ก็ตามไปด้วย

     

    "เลี้ยวตรงทางน้ำนั่นแหละ มันเป็นทางลัดไปสถานี!!!"

     

    ยางาร่าเลี้ยวทางข้างหน้า คิรัวร์หยิบนาฬิกามาดูเวลา

     

    "เหลือเวลาอีก20วินาที"

     

    "อย่าพึ่งไปนะโรบิน"

     

    ________________________

     

    ที่สถานีบลูขบวนรถทะเลกำลังจะออก

     

    "รถขบวนสุดท้าย เวลา23นาฬิกา จากวอเตอร์ เซเว่น สถานีบลู ไปเอนิเอส ล็อบบี้"

     

    โรบินนั่งอยู่ในรถขบวนตู้แรก

     

    "ตึงๆๆ"อุซปกับแฟรงกี้โดนโยนลงพื้นในขบวนรถตู้สุดท้าย

     

    "อยู่ตรงนี้ไปเงียบๆเถอะ"

     

    "พวกแก เบามือกว่านี้หน่อยเซ่ เจ้าบ้า!!!"

     

    "จริงด้วยๆ เจ้าบ้า"

     

    "เจ้าพวกรัฐบาลขยะ"

     

    "เฮ้ เดี๋ยวสิ เฮ้ย แบบนั้นมัน..."อุซปเห็นว่าแฟรงกี้ด่าแรงเกิน

     

    คนของรัฐบาลได้ยินคำด่าแล้วเดินเข้าไปอัด

     

    ในขบวนรถตู้ที่2พวกCP9นั่งอยู่

     

    "ภารกิจของพวกเราใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วสินะ"แคลิเฟอร์กล่าว

     

    "ก่อนจะถึงที่หมาย หยุดพูดอะไรชะล่าใจแบบนั้นเถอะ ยัยโง่"ลุจจิกล่าว

     

    "ขอโทษค่ะ"แคลิเฟอร์กล่าว

     

    _____________________

     

    "เจ้าหมวกฟาง"


    "โรโรโนอา"

     

    "ลูฟี่"

     

    "อยู่ที่ไหนกัน ออกมาเถอะ"

     

    "โซโล ซันจิ เซียร์"

     

    "อุซปกลับมาเถอะ"ช็อปเปอร์กระซิบ

     

    "ลูฟี่ โรบินจะถูกพาตัวไปแล้วนะ"วีวี่ตะโกน

     

    "ทุกคน อยู่ที่ไหนกัน"ช็อปเปอร์ตะโกน

     

    _____________________

     

    ลูฟี่ที่พวกเขาตามหาติดหนึบอยู่ที่ช่องแคบตึกคู่เหมือนคราวก่อน

     

    "เจ้าพวกนั้น ยังไงก็ไม่ยกโทษให้เด็ดขาด....ติดหนึบเลย"

     

    ____________________

     

    โซโลตกอยู่ในที่มืดๆที่ไหนสักแห่ง


    "ถึงขาจะหลุดออกไปได้ แต่ก็ยังไร้โชค โธ่เว้ย ติดไม่หลุดเลย"

     

    โซโลติดอยู่ในปล่องควันกลับหัว

     

    ____________________

     

    "ทุกคนไปอยู่ไหนกันล่ะเนี่ย?"ช็อปเปอร์พูดหลังหายังไงก็ไม่เจอ

     

    "ทางนั้นเป็นไงบ้าง?"

     

    "เจ้าหมวกฟาง โซโล!!!!"

     

    "หาไม่เจอเลย อยู่แถวหลังเมืองหรือเปล่าเนี่ย?"

     

    "ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงอาจจะจมน้ำไปแล้วก็ได้ จะไปหามันก็อันตรายแล้วล่ะ"

     

    "โธ่เว้ย เจ้าหมวกฟาง โรโรโนอา!!!"

     

    ____________________

     

    คนขับเปิดประตูมาหาพวกCP9

     

    "คุณลุจจิ คลื่นขึ้นสูงมากแล้ว ขอออกรถเร็วกว่าเวลาหน่อยนะครับ มีอะไรไม่สะดวก..."

     

    "ไม่มี ไปได้เลย"ลุจจิกล่าว

     

    "กรูกรูๆ"นกพิราบร้อง


    "ถึงอยู่มา5ปี แต่ไอ้เกาะแบบนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องอาลัยอาวรณ์เลย"ลุจจิกล่าว

     

    "ปู้นๆๆๆ!!!!"

     

    _______________________

     

    "นี่ เมื่อกี้ได้ยินเสียงหวูดหรือเปล่า?"นามิถาม

     

    "อื้อ แต่ว่ามันแปลกนะ ยังไม่ถึงเวลาออกรถเลยนี่"พาวลีย์กล่าว"แต่ว่าไม่มีคนทั่วไปขึ้นนั่งด้วย ดูจากสภาพอากาศแล้ว จะออกรถก่อนเวลาก็เป็นไปได้ เร่งเข้า มองเห็นด้านหน้าสถานีแล้วล่ะ"

     

    "หยุดทีเถอะ ขบวนรถทะเล"นามิร้อง

     

    "รอก่อนเถอะ"คิรัวร์คิดในใจ

     

    _________________________

     

    "ขบวนรถทะเล ขบวนสุดท้ายของวันนี้ เที่ยวจากวอเตอร์ เซเว่นไปเอนิเอส ล็อบบี้ จะออกรถแล้วค่ะ"

     

    โรบินนั่งอยู่ในรถตู้แรกมองออกไปนอกหน้าต่างนึกถึงตอนที่คิรัวร์ช่วยชีวิตเธอ

     

    ลูฟี่เดินไปแบกคอบร้าขึ้นมา ขณะที่คิรัวร์เดินไปหาโรบินและยกเธอพาดไหล่

     

    "ออกไปจากที่นี่กันเถอะ"ลูฟี่กล่าว

     

    "เดี๋ยวก่อน ฉันไม่มีเป้าหมายที่จะอยู่ต่อไปแล้ว ทิ้งฉันเอาไว้ที่นี่เถอะ"โรบินกล่าว

     

    "ทำไมฉันต้องฟังที่เธอพูดด้วย ฉันไม่สนว่าเธอคิดยังไง ฉันช่วยชีวิตเธอเพราะอยากช่วย เธอจะทำอะไรก็ตามใจเมื่อกลับขึ้นไปข้างบน"คิรัวร์กล่าว

     

    "ตอนนั้นนายได้ช่วยชีวิตฉันที่ปรารถนาความตาย นั่นแหละความผิดของนาย"โรบินบอกคิรัวร์"ฉันไม่มีที่ให้ไปต่อหรือกลับไปไหนแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยมาอยู่ที่เรือลำนี้ไง"

     

    "อะไรกันแบบนี้เองเหรอ งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ"ลูฟี่กล่าว

     

    "ลูฟี่!!!!"โซโล นามิ อุซป วีวี่ และเซียร์ต่างคัดค้าน

     

    "ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แม่นี่ไม่ใช่คนเลวหรอก"ลูฟี่ยิ้ม

     

    "หรือว่า รีโอโพเนกลีฟก็คือ...สรุปก็คือ เราต้องเป็นผู้นำเอาถ้อยคำของโพเนกลีฟที่เคยอ่านๆมา ไปให้ถึงที่หมายสินะ"โรบินกล่าวหลังอ่านโพเนกลีฟที่ระฆังทอง"ปลายทางของแกรนไลน์ รัฟเทล"

     

    "รู้ไหมมันหมายความว่ายังไง"คิรัวร์ยิ้มมองเธอ"หมายความว่าเธอต้องไปกับพวกเราจนถึงสุดท้าย"

     

    ตัวเธอถูกผลักและคิรัวร์โดนอาโอคิยิแช่แข็งแทน

     

    "คิรัวร์คุง!!!!"โรบินร้องออกมา

     

    ในคืนวันนั้น โรบินเดินเข้าไปหาคิรัวร์

     

    "โรบิน นี่...อุ๊บ"คิรัวร์จะพูดแต่เธอไม่สนและจูบเขา เพราะเธอโกรธที่เขาทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย

     

    "นอนซะ"โรบินพูดและนอนหลับกอดเขาไว้แน่น

     

    โรบินเอามือปิดหน้า มือของเธอสั่นขณะที่ขบวนรถทะเลเริ่มออกไป

     

    __________________________

     

    ยางาร่าพามาถึงสถานีบลู

     

    "ขอบใจมากยางาร่าจัง"นามิถึงที่หมายโดดวิ่งเข้าสถานีไป

     

    คิรัวร์รีบวิ่งตามไปทันที

     

    "ลงบันไดที่อยู่ตรงกลางทางเข้าเลย"พาวลีย์ชี้

     

    __________________________

     

    เจ้าหน้าที่ประจำสถานที่เห็นชายหญิงสองคนวิ่งมา

     

    "นี่เดี๋ยวสิพวกเธอ"

     

    "มันอันตรายนะถอยไป"

     

    ซันจิกับเซียร์ขึ้นท้ายขบวนไปด้วย

     

    ___________________________


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×