ตอนที่ 8 : Syn 006 องค์ชาย!?
Syn 006 องค์ชาย!?
ภายในห้องประชุมของวิหารกลาง ชายร่างสูงเรือนผมสีขาวถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาสีฟ้าเข้มหรี่มองกองเอกสารตรงหน้าที่ทั้งสูงและตั้งเรียงจนเต็มโต๊ะตัวยาว หนังตาชายหนุ่ม (?) กระตุกถี่รัวด้วยความหงุดหงิดจนเจ้าตัวเผลอปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่รู้ตัว...จนเหล่ามังกรแสงน้อยใหญ่ที่บ้างก็เก็บเอกสารที่ทำเสร็จแล้วไปส่งและเอามาเพิ่มใหม่ต่างก็พากันสะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัวแล้วถอยห่างออกไปตามๆ กัน
“เฮ้ๆ เจ้าทำให้สายพันธุ์ของเจ้าตนอื่นๆ หวาดกลัวกันไปหมดแล้วนะ”
ไดรลูเกียร์ตวัดหน้าไปทางซ้ายมือของตนพร้อมด้วยจิตสังหารที่น่ากลัวกว่าเดิม ในที่นี้คนที่กล้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น และคนที่ชอบพูดจายียวนเขามากที่สุด...
“ถ้าไม่อยากถูกทำลายวิหารก็เงียบไปเลยเดดาอัส!”
เดดาอัสหัวเราะออกมาน้อยๆ เมื่อเจอไดรลูเกียร์ขู่ฟอด “เจ้าล้อเล่นใช่ไหมล่ะ? ข้ารู้หรอกน่า~ คนที่กล้าเผาวิหารข้าจริงๆ มีแค่คุณหนูเท่านั้นล...”
“เจ้าก็รู้ว่าซินพูดจริงทำจริงเหมือนข้า”
อดีตราชามังกรเมฆายิ้มค้างเมื่อไดรลูเกียร์ดักขึ้นก่อนที่ตนจะได้ทันพูดจบ
ให้ตายเหอะ! ฝันร้ายเมื่อหนึ่งปีก่อนเขายังลืมมันไม่ได้ เจ้าหมอนี่ก็ดันขุดเรื่องน่ากลัวๆ นั่นมาขู่เขาอีก! ใช่ เมื่อหนึ่งปีก่อนซินดาเทีย...เด็กน้อยที่เขาติดเรียกว่า ‘คุณหนู’ คนนั้นได้ใช้เพลิงสีดำเผาวิหารของโยเซ็นและเฮเวนฟอส และคุณหนูนั่นกำลังจะเผาวิหารของเขาเป็นรายต่อไป...หากเขาไม่ยอมทำตามเงื่อนของของเธอเสียก่อน
เงื่อนที่ที่ต้องยอมให้เธอคนนั้นกลับไปยังพื้นโลกเบื้องล่าง
ในวันนั้นไดรลูเกียร์ไม่ได้คัดค้านอะไรแต่ก็ถามเรื่องสุขภาพของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง ในเมื่อคุณพ่อที่หวงลูกสาว (?) ตัวเองมานานยอมกันง่ายๆ แบบนี้ แล้วเขาที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับอีกฝ่ายจะมีสิทธิอะไรไปห้าม แถมสถานะของซินยังสูงกว่าเขาแม้จะไม่ได้เป็นจักรพรรดิแล้วก็ตาม นั่นเป็นอีกสาเหตุที่เขายอมปล่อยอีกฝ่ายไป
ถ้าขืนขัดใจ ดีไม่ดีเขานี่ล่ะที่จะหายไปจากโลกนี้ก่อนวิหารของตน
“น่าๆ ข้ารู้ว่าเจ้าหงุดหงิดแค่ไหนที่ไม่ได้ลงไปหาคุณหนูถึงสองเดือน แต่เจ้าก็ควรจะรู้ตัวด้วยว่าที่งานมันเยอะแบบนี้มันก็เพราะเจ้าทิ้งหน้าที่นี้ไปนานเกือบสิบศตวรรษนั่นล่ะ”
ใช่ เดดาอัสพูดถูก เพราะเมื่อในตอนนั้นไม่มีมังกรไทวะหรือสายเลือดที่สามารถเป็นจักรได้ ดังนั้นเขาที่เป็นมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดรองมาจากจักรพรรดิจึงต้องทำหน้าที่เป็นจักรพรรดิต่อไปโดยปริยาย
แต่เขากลับไม่รับผิดชอบ ทิ้งงานสำคัญเอาไว้ข้างหลังดื้อๆ เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง
ดังนั้นเขาจึงไม่อาจโต้ตอบอีกฝ่ายได้...
“เพื่อเป็นการปลุกใจเจ้าที่เริ่มเหนื่อยล้า...แต่น แต๊น~ ข้ามีเรื่องสารทุกข์สุขดิบของคุณหนูมาเล่าให้เจ้าฟัง”
จักรพรรดิคนปัจจุบันหันขวับเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงซินดาเทีย สายเลือดที่เหลืออยู่หนึ่งในสองของเขาที่รักแสนรักยิ่ง เดดาอัสมองดวงตาสีฟ้าเข้มที่ทอประกายวาววับเหมือนเด็กๆ แล้วก็ยิ้ม
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ จะกี่ปี ซินดาเทียยังคงสำคัญกับไดรลูเกียร์เสมอ
“เรื่องอะไร เจ้ารู้อะไร บอกมาให้หมด!”
“อะแฮ่ม! ข้าขอยินดีล่วงหน้า หลานรักเจ้ามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ”
ได้ยินเช่นนั้นราชามังกรแสงถึงกับอ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำ ใบหน้าที่เรียบนิ่งอยู่ตลอดเวลาบัดนี้เผยความช็อกออกมาให้ผู้คนได้เห็นเต็มตาเป็นเวลานาน
ในใจเดดาอัสอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ล้อเลียนอีกฝ่าย แต่เมื่อคิดถึงผลที่จะตามมา...ไม่เสี่ยงดีกว่าแฮะ
“ไม่นะ...ซิน หลานรักของข้า นี่ข้าดูแลเจ้าผิดทางงั้นรึ!”
เสียงตบหัวดังป้าบสนั่นห้อง เดดาอัสผู้น่าสงสารหน้าทิ่มโต๊ะอย่างแรง!
“อย่ามาพูดพล่อยๆ นะเดดาอัส! ภรรยาของซินคือข้าต่างหาก!!” เอวานเท้าสะเอวพร้อมด้วยเสียงแปดหลอดว้ากใส่เดดาอัสจนวิหารกลางสะเทือน มังกรตนอื่นๆ รีบหนีออกจากวิหารกลางแทบไม่ทัน
“อูย...ก็มันจริงนี่นา!” เดดาอัสหันไปเถียงกับสาวเจ้าเพียงหนึ่งเดียวที่กล้าตบหัวเขาจนหน้าทิ่มแบบนี้!
“ใคร...นางเป็นใคร เจ้าเห็นรึเปล่า?” ไดรลูเกียร์พยายามสงบสติอารมณ์ถามเพื่อนเก่าที่โดนเพื่อนสาวตบจนหน้าทิ่ม
“ไม่ พอข้าไปถึงมอลโนวาคุณหนูกับพวกหน่วยนักรบมังกรก็ไม่อยู่ที่อาณาจักรแล้ว เห็นว่าออกไปทำภารกิจนอกอาณาจักรกัน...แถมยังหิ้วภรรยาสุดน่ารักไปด้...”
ป้าบ!!! คราวนี้เอวานยังไม่ทันได้ขยับตัวไดรลูเกียร์ก็พุ่งไปตัวหัวเดดาอัสจนโต๊ะประชุมตัวยาวพังเละ! ราชามังกรหยาดฟ้าอ้าปากเหวอ...น้อยครั้งนักที่ไดรลูเกียร์จะกระทำอะไรเช่นนี้ออกมา ซึ่งแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซินดาเทียทั้งนั้น
“พูดมาดีๆ...”
“ก็ได้ๆ! พอข้าไปหาคุณหนูที่มอลโนวาเมื่อเช้านางก็ไปทำภารกิจนอกอาณาจักรแล้ว! พอข้าถามเรื่องคุณหนูกับซาเมลเจ้านั่นก็บอกว่าตอนนี้คุณหนูมีภรรยาแล้ว แถมยังน่ารักมากๆ อีกต่างหาก!! ถามใครในหอเซาท์พวกเขาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันแบบนี้”
ทั้งไดรลูเกียร์และเอวานได้ยินดังนั้นแล้วเบิกตากว้าง ทั้งสองอึ้งค้างเป็นเวลานานก่อนที่ไดรลูเกียร์ผู้ที่รู้สึกตัวเป็นคนแรกทิ้งตัวนั่งกับเก้าอี้ที่ตนใช้นั่งมาตลอดการเป็นจักรพรรดิต่อจากซิน
“ใครอยู่ข้างนอกเอาโต๊ะตัวใหม่มาให้ข้า! มาจัดเรียงเอกสารใหม่ด้วย!!!” น้ำเสียงกร้าวตะหวาดลั่น...จนแม้แต่ราชามังกรสวรรค์รุ่นแรกทั้งสองที่อยู่ตกนี้ยังเผลอตัวสั่นด้วยความกลัวกับน้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมานานของไดรลูเกียร์
ราวกับว่าเขาได้กลับไปเป็นไซย์ทาเลียคนนั้น...คนที่โหดเหี้ยมอำมหิตก่อนที่จะได้เจอกับลาเบียร์ผู้อ่อนโยน
น้ำเสียงน่ากลัวอย่างที่เหล่ามังกรรุ่นปัจจุบันไม่เคยได้ยินของไดรลูเกียร์ทำให้เหล่ามังกรรีบกรูเข้ามาทำตามคำสั่งของราชามังกรแสงอย่างไวว่อง ส่วนไดรลูเกียร์หรือไดรกอน...รีบปั่นเอกสารด้วยความเร็วที่ไวกว่าเดิมจนมังกรตนอื่นๆ ตาค้าง
รีบปั่นงานให้เสร็จจะได้รีบไปหาหลานรักสินะ... เดดาอัสและเอวานคิดในใจ อย่างน้อยไดรลูเกียร์ก็ยังมีความรับผิดชอบอยู่น่ะนะ
รอข้าก่อนนะซิน ข้าจะรีบกลับไปหาเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!!
ทางด้านซินดาเทีย เด็กสาวในคราบเด็กหนุ่มกอดอกจ้องหน้าเหล่าทหารที่มาคุมตัวเขาไว้ในฐานะ ‘ตัวก่อเหตุความวุ่นวาย’ ให้กับงานเทศกาลด้วยความหงุดหงิด...นี่เวลาอีกครึ่งชั่วโมงของเธอจะต้องหมดไปกับการสอบสวนของทหารงี่เง่าพวกนี้งั้นรึ!?
ไม่ว่าจะพูดความจริงไปสักกี่ครั้งเจ้าพวกนี้ก็ไม่ยอมเชื่อเธอ นี่มันเรื่องงี่เง่าที่สุดในชีวิตหนึ่งปีของซินเลย!
“จะให้พูดกี่ครั้งข้าก็จะยืนยันคำเดิม ข้าเป็นผู้เสียหาย!” ซินเริ่มแผ่จิตสังหารด้วยความหงุดหงิดจนเรย์กะต้องคอยกระตุกแขนเสื้อของคุณสามีกำมะลอไม่ให้อารมณ์ของเจ้าตัวปะทุมากไปกว่านี้
“แต่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเจ้าเป็นมังกรที่อาละวาด...” ทหารคนหนึ่งที่ทำหน้าที่จดบันทึกการสอบปากคำแย้งขึ้น เส้นเลือดตรงขมับของซินเต้นถี่ยิบมากกว่าเดิม!
“ฟัง-ข้า-นะ!!” ซินพูดด้วยน้ำเสียงช้าๆ และชัดเจนจนทหารสามคนที่ทำหน้าที่สอบปากคำเธอต่างพากันสะดุ้งเฮือกด้วยความกลัวแวบหนึ่ง “ข้า-เป็น-ผู้-เสีย-หาย! เจ้านักล่าพวกนั้นจะพาภรรยาของข้าไป แถมยังจะล่าข้าอีก! ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อป้องกันตัว! หรือถ้าเจ้าอยู่ในเหตุการณ์นั้นเจ้าจะยอมให้พวกมันเอาตัวภรรยาเจ้าไปง่ายๆ ล่ะ?”
ทหารทั้งสามนายเหลือบไปมองเด็กสาวที่หลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังซินด้วยความกล้า แถมมือยังเกาะแขนเสื้อของเด็กสาวแน่น...นั่นคงจะเป็นภรรยาที่พูดถึงสินะ
ปีศาจ... ทหารทั้งสามนายคิดในใจ เจ้าพวกที่ตายไปคงจะเป็นนักล่าปีศาจสินะ แต่เจ้าเปี๊ยกนี่...มันใช่มังกรแน่เรอะ!?
“ข้าเป็นพยานได้ว่าสองคนนี้เป็นผู้เสียหาย” ชายหนุ่มผมบลอนด์ทองเดินเข้ามากลางวง ทหารทั้งสามนายชักและจ้องชายคนนั้นด้วยความตกใจ หากแต่ยังไม่ทันทำอะไรชายผู้นั้นก็หันไปจ้องทหารทั้งสามคน...ด้วยสายตาที่ซินอ่านออกว่า ‘ห้ามพูดอะไรออกมาทั้งนั้น’
นี่มันเรื่องอะไรกัน???
“มะ...หมายความว่า...”
“ผู้เสียชีวิตทั้งห้าคนนี้เป็นผู้ก่อเหตุ เจ้าหมอนี่ทำลงไปเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น”
เรย์กะหันซ้ายหันขวามองคนทั้งสี่คุยกันด้วยใบหน้าเคร่งเครียดก่อนจะหันไปมองซินที่เงียบตั้งแต่ที่ชายคนนี้เข้ามา ดวงตาสีฟ้าเข้มนั้นจ้องมองที่ชายผมทองอย่างเคร่งเครียดจนเธอนึกหวั่น
เธอไม่เคยเห็นซินเป็นแบบนี้มาก่อน
...แต่จะว่าไป ทุกคนต่างก็เข้าใจผิดว่าซินเป็นผู้ชายอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไรเลยสักนิด
เมื่อชายผมทองปริศนาผู้ที่เคยถูกซินฝากความอับอายไว้ให้เคลียร์กับพวกทหารเสร็จเขาก็หันหน้ากลับมาหาพวกซิน เห็นได้ชัดว่าซินดาเทียอารมณ์เสียสุดๆ ที่พวกทหารไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด ทั้งๆ ที่เรื่องที่ชายคนนี้พูดนั้นเป็นข้อความเดียวกันกับที่ซินชี้แจงให้ทหารทั้งสามนายนั่นไป ชายปริศนาชะงักเมื่อเห็นซินทำปากเชิดใส่อย่างหงุดหงิด ทำเอาเรย์กะ ชายปริศนา และทหารทั้งสามนายหน้าเหวอไปตามๆ กัน
“ข้าไม่ถือว่าติดค้างอะไรเจ้าหรอกนะ แต่ก็...ขอบคุณก็แล้วกัน” ซินดาเทียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แค่ฟังเผินๆ ก็รู้ว่าเจ้าตัวจำใจพูด อดีตปีศาจขาวคว้าข้อมือของเรย์กะมากุมไว้ “ไปกันเถอะเรย์ พวกเราเสียเวลาที่นี่มามากเกินพอแล้ว”
“เอ๊ะ เอ๋!?” เรย์กะเหลอหลา ไม่ทันตั้งตัวในการกระทำปุบปับของซิน คุณสามีกำมะลอก็ลากตัวเธอออกไปจากเหตุการณ์ชวนหงุดหงิดเสียแล้ว
หลับหลังซิน นายทหารทั้งสามคนต่างก็ยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้าย แต่ละคนหน้าขึ้นสี
“บ้า บ้าน่า เจ้านั่นมันเป็นผู้ชาย...” นายทหารคนหนึ่งพึมพำด้วยน้ำเสียงสับสนในชีวิต
“แต่ทำไมมันน่ารักจังวะ!” ทั้งๆ ที่พวกเขาควรจะโกรธที่เจ้าเด็กนั่นไม่สำนึกในบุญคุณของชายผมทองแท้ๆ!
ชายผมทองมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาเดินดุ่มๆ ตามซินกับเรย์กะไป เมื่อซินเห็นว่าคนที่ตนไม่อยากเห็นหน้าเดินตามมาก็คิ้วกระตุก สองเท้าเร่งความเร็วจนเรย์กะแทบจะวิ่ง อีกฝ่ายก็ไม่น้อยหน้ารีบจ้ำอ้าวจนเดินแบบผลัดกันแซงกับซิน เรย์กะตาลายกับการกระทำของทั้งสองคน...นี่ตกลงสองคนนี้กำลังแข่งกันเดินใช่ไหม!?
ความอดทนของซินหมดลง เด็กสาวหยุดเดินก่อนจะหันขวับไปมองชายผมทองอย่างหงุดหงิด “ตามมาทำไม” พร้อมกับแผ่จิตสังหารใส่อย่างหงุดหงิด
หงุดหงิด! หงุดหงิด!! แม้แต่พวกซาบรีย์ยังไม่ทำให้เธอหงุดหงิดได้มากเท่านี้เลย!
“ข้าไม่ได้ตามเจ้า” ชายผมทองเลิกคิ้วพร้อมกับทำเสียงยียวนใส่หน้านิ่ง
ซินกัดฟันกรอดอย่างพยายามระงับอารมณ์ ถ้าเรย์กะไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยล่ะก็เธอต่อยเจ้าหล่อหัวทองนี่ (มันหล่อจริงๆ จนปฏิเสธไม่ได้ ฮึ่มๆ!) จนฟันหลุดหมดปากไปแล้ว!!!
“ไม่ได้ตามแล้วสิ่งที่เจ้าทำอยู่มันเรียกว่าอะไร” เย็นไว้...ฟรองเซ่พูดเอาไว้เสมอว่าความใจเย็นคือสิ่งที่ครองโลก (?)
“ทางนี้เป็นทางกลับบ้านของข้า ข้าก็ต้องเดินทางนี้สิ”
ทันใดนั้นเสียงเหมือนอะไรขาดผึงก็ดังขึ้นในหัวของเรย์กะและชายปริศนา...
“ไม่ทนแล้วโว้ย!!”
จู่ๆ ซินดาเทียก็ตะโกนขึ้นมาอย่างสุดทนจนทั้งสองสะดุ้ง เด็กสาวช้อนตัวเรย์กะขึ้นอุ้มเจ้าหญิงแล้ววิ่งหนีทันทีด้วยความเร็วสูงจนร่างของทั้งสองหายไปราวกับใช้เวทมนต์เคลื่อนที่ความเร็วสูง!
“เฮ้ย!?” ชายปริศนาร้องออกมาด้วยความตกใจ...นี่ถึงขั้นหนีเลยรึ!?
แปลกคนจริงๆ!
ด้านหน้าราชวังแห่งซาเดีย พวกฟรองเซ่มารอซินกับเรย์กะก่อนเวลา เนื่องจากว่าซินจะมาที่นี่ถูกที่โดยไม่หลงทางก็ต่อเมื่อพวกเขาคนใดคนหนึ่งอยู่ที่นี่ และพวกเขาต้องมาถึงที่นี่ก่อนกำหนดเพื่อให้ซินไม่เลยกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้
ฟรองเซ่กอดอกหน้านิ่ง แม้ในใจจะรู้สึกกระวนกระวายเมื่อได้ยินเสียงทหารจำนวนมากที่ออกไปจากวังคุยกันเรื่องเหตุฆาตกรรมหมู่กลางเมืองตรงสถานที่จัดงานเทศกาลพอดีก็นึกเป็นห่วงซิน นี่ก็ผ่านมานานเกินครึ่งชั่วโมงแล้วเด็กสาวคนนั้นยังไม่มาเสียที แม้ใจจะยากเข้าไปตามหาซินในเมืองแค่ไหนก็ไปไม่ได้
มันจะทำให้คนอื่นผิดสังเกต
องค์ชายลำดับสามแห่งมอลโนวาทำได้แค่หงุดหงิดกับตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้...ถ้าซินไม่ขอเขาไว้ก่อนจะมาที่นี่ล่ะก็เขาจะไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาไปจากเขาเด็ดขาด!
“ในเมืองเกิดอะไรขึ้นกันนะ” รินกะ สาวน้อยเพียงคนเดียวในกลุ่ม (ในตอนนี้) รำพันขึ้นด้วยความกังวล ฟรองเซ่ที่ได้ยินเข้าชะงักนิ่ง เริ่มแผ่ออร่าดำมืดออกมามากกว่าเดิม คู่หูดูโอ้แห่งหอเซาท์จึงตวัดสายตาคาดโทษส่งมาให้ ทำเอาหญิงสาวยิ้มแหยที่ลืมไปว่าคุณชายแห่งสายพิเศษ F ยังคงยืนอยู่ตรงนี้แถมยังหูดีมากกว่าเดิม แล้วเธอก็ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อที่ว่างข้างๆ เธอปรากฏร่างของซินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
“ซิน!?” ทุกคนตกใจเมื่อเห็นว่าหัวหน้าหอเซาท์อุ้มเรย์กะมา แถมยังมาแบบรวดเร็วปุบปับซะเหมือนวิ่งหนีใครมา
ซินดาเทียวางร่างของเรย์กะให้ยืนปกติแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างไม่อายสายตาใคร เด็กสาวหอบหายใจหนักหน่วงอย่างไม่เคยเป็นจนทุกคนตกใจและเป็นห่วง
“เจ้าเป็นอะไร!? ทำไมทำเหมือนกับวิ่งหนีใครมา!?” ฟรองเซ่รีบถามรัวเร็วด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดของซินมีเหงื่อเม็ดโตผุดพรายราวกับไปวิ่งรอบอาณาจักรมา
“ข้าไม่เป็นไร...ก็แค่ฝืนมากไปนิด...”
“คงไม่นิดแล้วล่ะ” เสียงเย็นของชเรดดักขึ้น ทุกคนหนาวสะท้านกับน้ำเสียงที่น่ากลัวกว่าปกติของชายหนุ่ม
หากแต่ซินกลับแค่เม้มปากพองแก้มเหมือนเด็กที่โดนจับผิดได้ ไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงเย็นจับขั้วหัวใจของเพื่อนสมัยเด็กของตน
“ก็ได้ๆ ข้าวิ่งจากในเมืองจนมาถึงที่นี่ ข้าหนีพวกทหาร...”
“อะไรน้าาาาา~~!!!” ทุกคนประสานเสียงออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจจนซินดาเทียและเรย์กะยกมืออุดหูแทบไม่ทัน
“นี่เจ้าไปก่อเรื่องมางั้นรึ! ที่ทหารออกไปเป็นจำนวนมากนั่นเป็นฝีมือเจ้าใช่ไหม!?” ไรเซอร์เขย่าตัวซินอย่างบ้าคลั่ง เชลกับชเรดพุ่งเข้าไปผลัก (เตะ) หลานชายของอดีตหัวหน้าองค์รักษ์มังกรราชันย์ออกจากซินอย่างแรง
“คือ อันที่จริงข้าคุยกับพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว ข้าวิ่งหนีเจ้าบ้านั่นที่ทำให้ข้าหงุดหงิดต่างหาก...คิดๆ ไปก็ทำให้ข้านึกถึงพวกซาบรีย์ขึ้นมา”
“...” ทุกคนเงียบเมื่อได้ยินคำว่า ‘ซาบรีย์’ ออกจากปากของซิน เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าซินนั้นชิงชังซาบรีย์มากแค่ไหน หากแต่เรย์กะกลับเป็นคนเดียวไม้สงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ ทุกคนก็นิ่งไปเมื่อซินพูดถึงซาบรีย์
มันคืออะไร?
หัวหน้าหอเซาท์ผ่อนลมหายใจยาวแล้วลุขึ้นยืน “เข้าไปข้างในกันเถอะ เดี๋ยวข้าเล่าให้ฟังระหว่างทาง”
ทุกคนจึงยอมเดินเข้าไปข้างในโดยที่เรย์กะคอยช่วยพยุงซินเดิน แม้ซินจะบอกว่าตนเองไม่เป็นไรแล้วก็ตาม...หากแต่ใบหน้าของซินก็ยังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อมากมายอยู่ดี เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองถูกเล่าออกมาจากปากของซินเป็นความจริงทุกอย่าง
และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกต...ว่าฟรองเซ่เริ่มแผ่รังสีทะมึนมากขึ้นทุกที
ทั้งหมดเข้าไปพบองค์ราชาแห่งซาเดียตามที่เหล่าทหารหน้าประตูวังรายงาน ห้องใหญ่โตที่ถูกประดับตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่หรูหราจนซินเหงื่อตก กลัวว่าตนจะไปทำให้ข้าวของในห้องนี้เสียหาย เงินเดือนทั้งชีวิตทหารของเธอต้องจ่ายไม่หมดแน่ๆ สำหรับข้าวของหนึ่งชิ้น (โถ่ถัง เจ้ามีไดรอยู่ทั้งคนนะ!)
“พวกเจ้าคือ...” ชายหนุ่มผมบลอนด์เงินที่นั่งอ่านเอกสารรายงานของเหล่าทหารอยู่บนโต๊ะทำงานริมหน้าต่างเลิกคิ้วขึ้น...ก่อนที่จะยิ้มกว้าง เขาเดินมายังกลางห้องที่ถูกวางเอาไว้ด้วยชุดโซฟาเนื้อดีแล้วผายมือไปยังที่นั่ง “ขอบคุณพวกเจ้ามากที่ตอบรับคำขอของข้า เชิญนั่งก่อน”
เมื่อเจ้าของถิ่นอนุญาต ทั้งหมดจึงเดินไปนั่งที่ชุดโซฟาตามคำเชิญ ดวงตาสีทัวร์มาลีนสะดุดเข้ากับร่างของคนที่เกือบจะเตี้ยที่สุดในกลุ่ม แม้จะมีเหงื่อแห่งความเหนื่อยล้าออกมากมายหากแต่ใบหน้ากับเรียบนิ่งราวกับว่าสิ่งที่เห็นคือเรื่องโกหก
นิ่งมาก... เจ้าของห้องยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ คนนิ่งๆ แบบนี้ต้องแกล้งสนุกมากแน่ๆ
“พวกเราคือหน่วยนักรบมังกร...ถูกส่งมาช่วยพวกท่านที่นี่ตามเนื้อหาของสาสน์ที่ท่านแจ้งมายังเรา” ฟรองเซ่พูดขึ้น เรียกดวงตาสีทัวร์มาลีนให้หันกลับมาสนใจ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ซินรู้สึกว่ามันคุ้นแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของชายเจ้าของห้อง...องค์ราชาแห่งซาเดีย
คนนี้น่ะรึ ‘วอลแรนซ์’ ราชาแห่งซาเดียคนปัจจุบัน? ดูๆ ไปก็แทบจะอายุพอๆ กับรัชทายาทอันดับสองรีเซลล์
“ไม่ได้เจอเจ้าตั้งแต่เดือนที่แล้วสินะฟรองเซ่ ตั้งแต่ที่เจ้ามาเชื่อมสัมพันธไม่ตรีกับทางเรา ว่าแต่...หนึ่งในนี้มีคนรักของเจ้าบ้างไหมน้า~” ดวงตาสีทัวร์มาลีนไล่มองรินกะและเรย์กะ ไม่ได้สนใจซินแม้แต่น้อย...
ซินโอบไหล่เรย์กะแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจนเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงคนรักของฟรองเซ่แล้วมองไปที่เรย์กะ วอลแรนซ์ยิ้มแหยเมื่อตนกำลังจะทำให้ชีวิตรักของคนอื่นสั่นคลอน
เอาเถอะ ถึงเจ้าเด็กนั่นจะน่าแกล้ง แต่ถ้านั่นทำให้ชีวิตรักของเจ้าเด็กนั่นสั่นคลอนเขาก็รู้สึกแย่ล่ะนะ
“เอาไว้วันหน้าข้าจะแนะนำนางให้รู้จักแน่นอน” ฟรองเซ่แสยะยิ้ม...ที่ทุกคน (ยกเว้นซิน) คิดว่าน่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ “แต่นั่นคงจะเป็นวันที่นางพร้อมที่จะแต่งงานกับข้าแล้วนะ”
หวงสินะ... ทุกคน (ยกเว้นซิน) ต่างคิดในใจ เจ้าคุณชายนี่จะหวงไปถึงไหนกัน!?
“เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน...ที่ข้าบากหน้าเขียนสาสน์นั่นขึ้นมาแล้วส่งไปให้ทางเจ้านั่นเป็นเพราะพวกปีศาจที่บุกเข้ามาที่นี่เริ่มถี่มากขึ้นทุกที ทั้งยังแต่ละครั้งพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าปีศาจก่อนหน้าที่ถูกส่งมา ทหารของข้าก็เริ่มลดจำนวนลงมากขึ้นทุกที...ข้าไม่รู้ว่าอาณาจักรนี้จะอยู่รอดไปอีกนานแค่ไหน” คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากับด้วยความเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้น “ข้าอยากให้อาณาจักรนี้อยู่รอด ขอร้องล่ะ...ช่วยอาณาจักรนี้ด้วยเถอะ”
ทุกคนนิ่งค้างเมื่อคนเป็นราชา (แม้จะอาณาจักรอื่นก็เถอะ) มาก้มหัวขอร้องแบบนี้ ซินนิ่งเงียบ...มองท่าทางของราชาตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งไม่ต่างจากเดิม
คนคนนี้...เอาจริง
น้อยครั้งนักที่ซินจะเจอราชาปกครองเมืองหรืออาณาจักรที่จะทำอะไรด้วยใจจริงแบบนี้ แถมยังกล้าก้มหัวขอร้องคนอื่นที่แทบจะเหมือนคนแปลกหน้าโดยไม่คำนึงถึงฐานะของตนเองเช่นนี้
เหมือนเจ้าบ้าโอเมโตะไม่มีผิด...
“ท่านลุกขึ้นเถอะ พวกเรามาที่นี่เพื่อมาหยุดสงครามนี้ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจรับภารกิจนี้มาแล้ว” ฟรองเซ่พูดความจริง...เขาไม่ได้โกหกนะ พวกเขามาเพื่อหยุดสงครามจริง แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปว่าไม่ได้มาเพื่อเป็นกำลังเสริมตามที่อีกฝ่ายขอมา
ราชาวอลแรนซ์ยิ้มกว้าง เขาเรียกทหารที่อยู่หน้าห้องให้เข้ามาพาพวกฟรองเซ่ไปยังห้องพักที่ได้จัดเตรียมไว้รอ หากทว่าไม่ได้มีเพียงแค่ทหารที่เข้ามา เพราะชายหนุ่มปริศนาที่ถูกซินเตะออกเวทีลานประลองที่วาเคียนเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเองก็มาเหมือนกัน!
ซินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เรย์กะยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ
“มาพอดี...ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จัก นี่คือรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งซาเดีย วอลโร อืม...เจ้าชายนั่นล่ะ” ราชาวอลแรนซ์ขยายความเมื่อเห็นใบหน้าไม่เข้าใจของเรย์กะที่เพิ่งเคยได้ยินอะไรแบบนี้ครั้งแรก
“องค์ชาย!?” เรย์กะช็อกหนักกว่าเก่า
“ชิ! ถึงว่า...ทำไมข้าหงุดหงิดแปลกๆ เวลาเห็นหน้าเจ้านี่” ในขณะที่ซินพึมพำเสียงเบา หน่วยนักรบมังกรที่ได้ยินแค่ในกลุ่มถึงกับยิ้มแหย
ซินยอมรับฟรองเซ่ก็จริง แต่ใช่ว่าซินจะเลิกเกลียดราชนิกุลคนอื่นได้
แถมช่วงนี้ถูกประคบประหงมสุดๆ จนจมูกรับรู้เกือบทู่หมดแล้ว
“เจ้า...มังกรเตี้ยในงานกับภรรยาชาวปีศาจ?” วอลโรเลิกคิ้วสงสัยที่เห็นอีกฝ่ายที่นี่ ในขณะที่ซินแทบจะพุ่งไปเตะอีกฝ่ายหากโคเรลไม่ล็อกคอเอาไว้ได้ทัน
“อ้าไอ่อ้ายเอี้ยยย!! อื้อออ!! (ข้าไม่ได้เตี้ย)” เพลรีบอุดปากซินที่จะพูดในประโยคที่ทุกคนในห้องเซาท์รู้ดีว่าจะพูดอะไรออกมา...
ราชาและรัชทายาทแห่งซาเดียมองท่าทางดิ้นทุรนทุรายของซินแล้วเหงื่อตก ตัวเล็กนิดเดียวแต่ดูท่าจะแรงเยอะไม่ใช่น้อยนะนั่น...
“นั่นลูกชายท่านรึ?” ฟรองเซ่ถามวอลแรนซ์ด้วยสีหน้าอึ้ง (แต่คนละเรื่องกับเรย์กะ) ทำเอาวอลแรนซ์ถึงกับผงะ
“ไม่ใช่ วอลโรเป็นน้องชายของข้า ในตระกูลข้าคือผู้เหลือรอดที่เหมาะกับการปกครองบัลลังก์มากที่สุดจึงถูกรับเลือกให้เป็นราชา ส่วนวอลโรในตอนนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยเป็นรัชทายาทแทน”
ฟรองเซ่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ...ก่อนที่จะหันไปมองซินที่ดิ้นมากจนหมดฤทธิ์หลับไปแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นพวกข้าขอตัวก่อน คนของข้าหมดแรงแล้วหลังจากที่ไปเล่นมา...หลังจากที่ไม่ได้เล่นมานาน”
วอลแรนซ์ชะงักให้กับคำพูดประโยคหลังของฟรองเซ่ มันเป็นประโยคที่ธรรมดา แต่น้ำเสียงของหัวหน้าหน่วยนักรบมังกรคนนี้ช่วงน่ากลัวเหลือเกินในตอนที่พูดประโยคนี้ขึ้นมา
ราวกับว่ากำลังกักเก็บโทสะไม่ให้ปะทุอยู่...
ประตูห้องถูกเปิดผัวะอย่างไม่เกรงใจพร้อมกับชายหนุ่มผมดำในชุดเกราะสีดำที่เดินเข้ามาอย่างองอาจ เขาก้มหัวให้วอลแรนซ์และวอลโรแล้วหันไปหาพวกฟรองเซ่
“ข้าได้ยินว่าหนึ่งในนี้มีมังกรที่ไปอาละวาดในเมืองมาสินะ!” ดวงตาสีดำคู่คมที่ทอประกายของคนที่กระหายการต่อสู้ปราดมองแต่ละคนก่อนที่จะไปหยุดที่โคเรลที่ทำการหิ้วร่างของซินพาดบ่าอยู่ “เจ้าน่ะจงมาสู้กับข้าซะดีๆ!!”
มือใหญ่ปัดเป็นเชิงปฏิเสธ “ขอโทษด้วย คนที่เจ้าตามหาอยู่ไม่ใช่ข้าหรอก”
“เฮะ!?” ชายผมดำหน้าเหวอ ไม่ใช่หมอนี่เรอะ!?
“เจ้าตัวเล็กต่างหาก” มืออีกข้างที่ว่างของโคเรลชี้ที่ร่างของซินที่หลับพาดอยู่บนบ่าของเขา “หลับไปแล้ว”
ชายผมดำช็อก...แล้วพวกฟรองเซ่ก็เดินผ่านไปยังห้องพักที่ถูกตระเตรียมไว้โดยที่ไม่สนใจชายผมดำอีก วอลโรถอนหายใจให้กับชายหนุ่มแล้วเดินเข้ามาวางมือบนบ่าอย่างเข้าใจความรู้สึก
“ทำใจเถอะซีรอส เจ้าเด็กนั่นล่ะ...มังกรอาละวาดที่เจ้าตามหาอยู่น่ะ” ไม่อยากจะนึกถึงเรื่องเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเลย เจ้าเด็กนั่นมันโจมตีเขาทีเผลอ!
ภายในอาณาจักรยามค่ำคืน ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินทางออกจากอาณาจักรซาเดียอย่างรีบร้อน ใบหน้าของแต่ละคนเผยความตื่นตระหนกหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“รีบหนีกันเถอะ เจ้าคนที่ฆ่าห้าคนนั้นต้องไม่ปล่อยพวกเราเอาไว้แน่”
“ห้าคนนั้น? นักล่าปีศาจที่จะล่า ‘คนของข้า’ ใช่ไหม?”
“ใช่ๆ เจ้าห้าคนนั้นล่ะ...เอ๊ะ!?”
กลุ่มชายฉกรรจ์ชะงักกับน้ำเสียงเย็นเยียบและไม่คุ้นเคย เสียงที่พวกมันไม่เคยได้ฟังมาก่อน...พวกมันหันกลับไปทางด้านหลังด้วยความตื่นตระหนก ยิ่งเห็นร่างสูงในชุดคลุมของนักเดินทางที่ไม่คุ้นตาด้วยแล้วพวกมันก็ทำหน้ายิ่งกว่าเห็นผี
“เจ้า...คนที่เดินสวนกันเมื่อเช้า!?” แม้ฮูดของผ้าคลุมจะบดบังใบหน้าครึ่งบน แต่ความรู้สึกอันตรายที่ไม่น่าเข้าใกล้นี่มีอยู่คนเดียวแน่ๆ
“ก็ว่าแล้วน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน...ใช่จริงๆ สินะ”
จบคำพูดประโยคนั่นร่างของเหล่าชายฉกรรจ์ก็ถูกฟันขาดเป็นชิ้นๆ ทันที! ไม่มีแม้แต่เสียงที่หลุดลอดออกมาให้ได้ยิน ชายร่างสูงในชุดคลุมสะบัดแขนขวาที่มีดาบเขี้ยวมังกรที่งอกออกมาจากหลังมือตรงข้อมือจนเลือดของพวกชายฉกรรจ์กระเด็นออกไป
“ในเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจล่านาง พวกเจ้าเองก็ต้องยอมรับความตายที่ข้าคนนี้เป็นคนหยิบยื่นให้ด้วยเช่นกัน”
จะไม่ยอมให้กลับไปเป็นเหมือนตอนนั้นแน่...ตัวตนของเธอที่ไร้ความรู้สึกคนนั้น
จะปกป้องเอง
เขาจะปกป้องให้ได้ ปกป้องซินดาเทียและหัวใจของเธอ!
---------------------------------------------------
จบไปอีกตอน...
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือความโหดของซินยังมีความยันของฟรองเซ่อยู่ (อาเร๊ะ!?)
ตอนต่อไป Syn 007 เพื่อนเก่า (?)
ใครจะโผล่มา ตัวประกอบของภาคแรก
ติดตามตอนต่อไป.
#เค้ารออยู่
สนุกมากๆๆ.........อัพต่อเลย
รอๆ อัพเร็วน้า
นึกว่าต้องรอนานมากแน่ๆ เพราะไรท์บอกว่าจะหยุดอัพนาน
ขอบคุณที่มาอัพน้าา สนุกมากกมาต่อเร็วๆน้าา