ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 :: NEVER MIND! ซิงเกิลแป๊บดิ

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAP-2 = Happy To Be Single.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.17K
      11
      1 พ.ย. 58

    B E R L I N ❀





    NEVER MIND! ซิงเกิ้ลแป๊บดิ

    CHAPTER 2 = Happy To Be Single.







                “เป็นโสดไม่ได้หมายความว่าคุณไร้ค่า และก็ไม่ได้แปลว่าคุณไม่มีใครเอาเสมอไป บางทีคุณก็แค่ยังสนุกกับการทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่าจะคอยพึ่งพาคนอื่น...” แบมแบมก้มมองสมุดจดเล่มเล็กของตนที่นั่งขีดๆเขียนๆมาสักพักแล้วก็ขมวดคิ้ว พึมพำอยู่คนเดียว


                “ประโยคมันจะวกวนซับซ้อนเกินไปรึเปล่านะ..” ถอนหายใจแล้วจึงขีดฆ่าประโยคท้ายๆออกไป

                “เป็นโสดไม่ได้หมายความว่าคุณไร้ค่า แต่ไม่มีใครที่มีค่าพอกับความรักของคุณต่างหาก...” เขียนไปได้หน่อยก็ต้องชะงักมืออีกรอบ “ไม่ได้ ขืนเขียนแบบนี้มีหวังได้มีจดหมายร่อนมาด่าให้หูชาหน้าตึงแหงๆ...” ว่าแล้วก็ลงมือจัดการลบประโยคนั้นอีกรอบ

                “เฮ้อออออ...” ถอนหายใจหนักๆรอบที่ร้อยของวัน

                “ไม่เคยมีใครบอกคุณหรอว่าการถอนหายใจครั้งเดียวน่ะทำให้วันดีๆของเรากลายเป็นวันที่แย่ไปเลยนะครับ” เสียงใหม่ดังขึ้น

                แบมแบมจึงยอมเงยหน้าจากโต๊ะทำงานของตนเพื่อสบตากับผู้ช่วยคนใหม่แสนเฉิ่มของตนที่กำลังเปิดแฟ้มผลงานที่ผ่านมาของบริษัทดูอยู่

                “เฮ้อออออออออออออ” นี่ก็ตีรวนใส่เขาอีกต่างหาก

                มาร์คยิ้มมุมปากน้อยๆให้กับอาการของคนตรงหน้า วางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วจึงมองไปยังสมุดของแบมแบม “คุณทำงานอะไรอยู่หรอครับ”

                “งานฟรีแลนซ์...” เจ้าตัวตอบสั้นๆ พลางปิดหน้าสมุดลง

                “ออกแบบเสื้อผ้า?”

                “เขียนคอลัมภ์ลงนิตยสารรายเดือน”

                “หืม เจ๋งนี่ครับ เขียนเกี่ยวกับอะไรหรอครับ”

                HAPPY TO BE SINGLEแบมแบมเลิกคิ้วเชิงจะถามว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า

                ฝ่ายมาร์คขมวดคิ้วเล็กน้อย “โชคดีที่เป็นโสด? ผมนึกว่าคุณจะเขียนเกี่ยวกับด้านแฟชั่นหรืออะไรทำนองนี้ซะอีก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแนวรักๆใครๆ”

                “นี่คุณ” แฟชั่นดีไซน์หนุ่มขัดขึ้น “มันเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆตรงไหนไม่ทราบ ผมเขียนเชิญชวนให้คนหันมาเป็นโสดกันต่างหาก”

                “ทำไมทำแบบนั้นล่ะ ผมความรักดีจะตาย ผมยังชอบมีแฟนเลย”

                แบมแบมเบะปากอย่างไม่อยากจะเชื่อหู “ผมไม่เชื่อคุณหรอก”

                มาร์คยิ้มไม่ตอกกลับการวิจารณ์ของอีกฝ่ายหากแต่ถามในประเด็นเรื่องนี้ต่อ “ทำไมถึงอยากเป็นโสดล่ะครับ มีความรักเป็นเรื่องดี ทำให้เรามีพลังด้านบวกในการใช้ชีวิตนะครับ”

                “ไอ้แรกๆมันก็ดีอยู่หรอกนะ” พูดไปชักสีหน้าไป “แต่หลังๆ คบๆไปมีแต่เรื่องฉิบหายตลอดนั่นล่ะ” ปาปากกาลงในลิ้นชัก “ความรักน่ะมาคู่กับความเจ็บปวดเสมอเลย”

                “มันถึงเรียกว่าชีวิตคนยังไงล่ะครับ ถ้ามันดีไปซะหมด สมหวังไปซะทุกเรื่องแล้วชีวิตคนมันจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นได้ยังไงกัน”

                แฟชั่นนิสต์ฝีมือดีเหลือบมองหนุ่มแว่นสุดเชยกับเสื้อตัวโคร่งเฉิ่มๆแล้วก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าประโยคหล่อๆเมื่อกี้จะหลุดออกมาจากปากคนสารรูปไม่พึงประสงค์อย่างมาร์คได้ “เฮอะ...พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก”

                “คุณก็อธิบายให้ผมเข้าใจสิครับ” มาร์คพูดต่อ

                แบมแบมจิ๊ปาก “ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว พวกบูชาความรัก ไม่เข้ากับแนวคิดของผมหรอก”

                “ก็ได้ครับ ก็ได้” มาร์คชูสองแขนยอมแพ้ “ถ้าคุณไม่อยากอธิบายข้อดีของการเป็นโสดให้ผมฟัง ถ้าอย่างนั้นผมจะอธิบายข้อดีของการมีความรักให้คุณฟังเอง”

                แบมแบมเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย วูบหนึ่งที่เขาคิดว่าตัวเองตาไม่ฝาด แววตาระยิบระยับที่แฝงตัวอยู่ภายใต้แว่นหนาเตอะนี้ มันชวนให้เกิดความรู้สึกวูบวาบอย่างแปลกๆ แต่ก็รีบปัดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว

                “พูดล้อเล่นแบบนี้เดี๋ยวผมก็แทงด้วยคัตเตอร์นี่ซะเลย” ยกขู่ประกอบอีกต่างหาก

                มาร์คจึงยกไม้ยกมือทำท่าทีขอโทษขอโพย ไม่วายหัวเราะในลำคอเบาๆ

                “เอาเถอะๆ ช่างเรื่องนี้ไปเถอะ ผมจะต้องออกไปเดินดูงานแล้ว คุณจะไปกับผมมั้ย”

                “ไปไหนล่ะครับ...”

                “ผมว่าวันนี้คุณต่อล้อต่อเถียงเก่งขึ้นนะ” แบมแบมอดแขวะไม่ได้ “ผมจะไปเดินดูผ้าที่จะใช้ตัดเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นต่อไป จะดูว่าตัวอย่างที่สั่งมามันโอเคมั้ย ต้องไปที่สตูดิโอเก็บของในตึกซอยถัดไปเนี่ย”

                มาร์คพยักหน้าทันที “ไปสิครับ”


                แบมแบมได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีเข้าใจยากแถมยังดูขัดกันไปหมดของอีกฝ่าย

                หรือคนที่มาจากสังคมอเมริกันจะเป็นแบบนี้กันไปหมดเลยนะ

     




                แบมแบมตรวจสอบงานตามหน้าที่ของตนอย่างละเอียดโดยมีมาร์คคอยเดินตามและจดบันทึกนั่นนี่ลงไอแพดไม่หยุด เริ่มเดินดูงานกันตั้งแต่บ่ายสองกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเล่นเอาแทบหมดแรงกันทั้งคู่

                “เหนื่อยมั้ยคุณ ขอโทษนะ มาทำงานอาทิตย์แรกๆก็เจองานหินซะแล้ว” แบมแบมยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้

                “สบายมากครับ หนักกว่านี้ผมก็เคยทำมาแล้ว”

                “ขี้โม้” เอ็ดแล้วจึงกระดกน้ำขึ้นดื่มบ้าง

                ตอนนี้พวกเขาหมดเวลาทำงานกันเรียบร้อยแล้วจึงพากันออกมานั่งที่ม้านั่งด้านนอกสตูดิโอในย่านธุรกิจอย่างคังนัม มองดูผู้คนจำนวนมากเดินขวักไขว่กันไปมาในเวลาเลิกงานแบบนี้

                ด้วยความที่เป็นย่านเศรษฐกิจจุดสำคัญของประเทศ ทำให้บรรดาผู้คนที่เดินกันคลาคร่ำบนถนนสายนี้ล้วนแต่งตัวกันด้วยเสื้อผ้าที่ดูดี ทรงผมสุดเนี้ยบ รองเท้าหนังยี่ห้อดี ราวกับหลุดมากจากหน้านิตยสารหรูๆสักเล่มอย่างไรอย่างนั้น

                แบมแบมกลอกสายตามองไปมาแล้วจึงเอ่ยขึ้น “คุณรู้ตัวมั้ย เสื้อผ้าคุณน่ะเด่นที่สุดในละแวกนี้เลย”

                “ขอบคุณที่ชมครับ”

                “ผมประชด” มองด้วยหางตาย้ำอีกที

                “งั้นก็...ขอบคุณที่ประชดครับ”

                “นี่คุณ!!...” วันนี้เขาชักจะประสาทเสียกับอาการผีเข้าผีออกของอีกฝ่ายแล้วนะ

                แต่เมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มซื่อๆกับดวงตาเป็นประกายนั่นแล้วจะโกรธก็ทำได้ไม่นานสักเท่าไหร่นัก

                ให้ตายเถอะ...ตาคนหรือคริสตัลทำไมถึงได้ระยิบระยับขนาดนี้นะ

                แบมแบมเดาะลิ้นในปากไปมา “นี่คุณ แล้วไหนคำตอบของผมล่ะ”

                “เรื่องอะไรครับ”

                “อย่ามาตีมึนนะ ก็เรื่องที่ผมคุยกับคุณไปวันก่อนไง”

                “หืม...” มาร์คขมวดคิ้ว

                แบมแบมอยากจะฟาดเข้าให้สักป้าบ “สรุปว่าคุณจะยอมตกลงเล่นเป็นแฟนให้ผมได้มั้ย”

                มาร์คดูจะเงียบลงพักหนึ่งก่อนจะตอบออกมาด้วยเสียงจริงจังขึ้น “ผมเห้นใจคุณนะครับ แต่ผมก็ไม่อยากช่วยคุณให้โกหกคุณแม่คุณด้วย”

                แฟชั่นนิสต์ถอนหายใจ “คุณพูดเหมือนผมอยากจะทำนักอย่างนั้นล่ะ”

                “ผมยังคิดว่าคุณควรจะ....”

                “ถ้าแม่ผมคุยด้วยง่ายๆน่ะนะ ผมไม่ต้องมานั่งเครียดคิดแผนอะไรแบบนี้ให้เสียเวลาหรอก”

                “เฮ้อ...” มาร์คผ่อนเสียงลมหายใจ

                “ไหนคุณบอกว่าถอนหายใจมันไม่ดียังไงล่ะ”

                มาร์คได้แต่กลอกตาให้กับการเอาคืนของอีกฝ่าย

                แบมแบมชูแขนสองข้างขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ “เอาเถอะ ถ้าคุณไม่สนใจจะช่วยผมก็ตามใจนะ...”

                “แล้วคุณคิดจะทำยังไงต่อไป”

                “ก็ถ้าคนรู้จักไม่มีใครจะช่วยผมได้ ผมก็คงจะต้องจ้างเอาล่ะมั้ง”

                “จ้าง?” มาร์คทวนคำ “ผมไม่เข้าใจ”

                แบมแบมจ้องคนที่เดินผ่านหน้าไปมา “นี่ไง ผมก็แค่เลือกสักคนที่คิดว่าพอจะดูเข้าเค้า แล้วก็เข้าไปทำความรู้จัก ชวนมาทำธุรกิจด้วยในระยะเวลาสั้นๆ มีผมตอบแทนให้อย่างคุ้มค่าด้วย แป๊บๆ จบ”

                “คุณนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ” มาร์คเอ็ด “ในเรื่องของความรักคุณจะมาทำให้มันเป็นเกมไม่ได้หรอกนะครับ”

                “ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องความรักอยู่สักหน่อย นี่เรื่องของธุรกิจล้วนๆ หัวใจอะไรไม่ต้อง...”

                “ผมกล้าพนันเลย ยังไงคุณแม่กับครอบครัวคุณก็ไม่มีทางเชื่อ”

                “ทำไมล่ะ” ฝ่ายนี้ชักฉุน

                “ก็คุณกำลังจะเอาใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่คุณก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ส่วนผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลยด้วย นิสัยใจคอพื้นฐานเป็นยังไงก็ไม่แน่ชัด ยังไงมันก็ต้องมีกลิ่นอายของความแปลกหน้าอยู่แน่ๆ” มาร์คอธิบาย

                ฝ่ายดีไซน์เนอร์หนุ่มยกสองแขนขึ้นมากอดอก “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ ผมขอร้องคุณดีๆแล้วคุณก็ยังไม่ยอมช่วยผมเองนี่นา”

                “ก็นั่นผม...”

                “พอเถอะ ผมไม่อยากจะฟัง” ส่ายหน้า “ถ้าคุณไม่รีบกลับก็ช่วยผมคัดกรองคนที่เดินผ่านไปมาแถวนี้ด้วยละกัน ถ้ามันหายากนัก ผมจะไปคว้ามั่วๆที่บาร์ประจำแล้วนะ” ลงท้ายหางเสียงอย่างฉุนเฉียนอีกต่างหาก

                “นี่คุณเอาจริงหรอเนี่ย” มาร์คยังคงไม่เห็นด้วย

                แต่ฝ่ายนี้ดูท่าจะไม่ฟังคำห้ามซะแล้ว พยักเพยิดหน้าไปทางหนึ่ง “คุณๆ ผู้ชายที่ยืนคุยโทรศัพท์ตรงนั้นเป็นไงบ้าง”

                มาร์คหันมองตามก็เจอผู้ชายสวมสูทภูมิฐานกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ยิ้มหวานขนาดนั้นผมว่าคุยกับแฟนแน่ๆเลยนะครับ ไม่น่าเวิร์ค”

                แบมแบมขมวดคิ้ว “เซ็งชะมัด นั่นๆ คนนั้นล่ะ”

                ผู้ช่วยแสนเชยหันมองตามมือ คราวนี้เป็นผู้ชายใส่เสื้อแขนกุดมีรอยสักเต็มแขน “เสียใจด้วยนะครับคุณ นั่นไง แฟนเขามาแล้ว” มาร์คอมยิ้มเมื่อชายหนุ่มที่ว่ามีหญิงสาววิ่งเข้ามาเกาะแขนพร้อมหัวเราะให้กัน

                “โอ๊ยน่าเบื่อ นี่มีแฟนกันไปหมดแล้วรึยังไงนะ” พ่นลมหายใจอย่างเครียดๆ แต่ก็ยังไม่อยากยอมแพ้ “หรือคืนนี้ผมจะไปที่บาร์ดีนะ”

                “ไม่ดีหรอกครับ” มาร์คส่ายหัวห้าม “ถึงคุณจะชี้ให้ผมดูอีกเป็นสิบคน คำตอบของผมก็คือไม่เวิร์คอยู่นี่”

                “อ้าว ทำไมเล่า นี่คุณไม่คิดจะช่วยผมจริงๆอย่างนั้นหรอ” แบมแบมเซ็งจัดขึ้นกว่าเดิม “ผมอุตส่าห์คิดว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก”

                “ผมแก่กว่าคุณสามปีนะครับ”

                “ห๊ะ” แบมแบมขมวดคิ้ว

                “ปีนี้คุณอายุ28 ส่วนผม31เรียบร้อยแล้ว ความจริงตามมารยาทเกาหลีคุณจะต้องเรียกผมว่าพี่ด้วยนะครับ”

                “แต่ผมเป็นคนไทยและคุณก็มาจากอเมริกา ฉะนั้นผมไม่เรียก”


                มาร์คหรี่ตามองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มออกมา “กลับกันได้แล้วเถอะครับ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว”

                “คุณจะกลับก็กลับไปสิเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ” แบมแบมไม่อยากจะอยู่ใกล้อีกฝ่ายแล้วล่ะ

                “ก็ผมอยู่คอนโดเดียวกับคุณนี่ครับ”

                “ห๊ะ....” แบมแบมเพิ่งจะรู้เรื่องนี้

                มาร์คยิ้มมุมปาก ยื่นหน้ามาใกล้ๆอีกฝ่ายมากขึ้น “แถมห้องตรงข้ามกับคุณด้วยนะครับ”

                “ห๊ะ!!” แฟชั่นนิสต์ร้องดังขึ้นกว่าเดิมอีกรอบนี้


                มาร์คทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วเริ่มออกเดินก่อน “ใครช้าต้องจ่ายค่ารถแท็กซี่นะครับ”

                “เฮ้ยคุณ ทำไมพี่จุนคิวไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย นี่คุณ อย่าเดินเร็วนักสิ รผมด้วย!” แบมแบมได้แต่ตะโกนโวยวายไปตลอดทาง

                “นี่คุณ! มาร์ค! เฮ้ คุณอย่าเพิ่งโบกรถสิ รอผมก่อน!!” ขายาวแต่เรียเล็กราวกับท่อนขาของผู้หญิงนั้นเพิ่มความเร็วจนสามารถดึงเสื้อด้านหลังของอีกฝ่ายได้ “แสบนักนะคุณ”

                “ผมไม่ทิ้งคุณหรอกครับ” มาร์คยิ้มน้อยๆ “แค่อยากแกล้งคุณบ้างก็เท่านั้น”


                แบมแบมเม้มปากด้วยความโมโห

                “สรุปแล้วคุณเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย!!!





     - - - - - -

    #ผู้ชายของแบม on twitter : )



    ขอบคุณทุกกระแสตอบรับที่มีต่อฟิคเรื่องนี้นะคะ

    ขอโทษที่หายไปน้านนานเลย คิดถึงมาร์คแบมในฟิคเรื่องนี้มาก

    ยังคงเน้นความน่ารักเช่นเคยนะคะ มีใครตกหลุมรักคุณหนุ่มเนิร์ดรึยังเอ่ย?

    อย่าลืมโหวต และเม้นท์เป็นกำลังใจ หรือสกรีมในแท็ก #ผู้ชายของแบม บนทวิตเตอร์ด้วยนะคะ


    สวนจีน.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×