คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 : ความมุ่งมั่นของกัปตัน 100%
ในวันที่นายเจ็บปวด...
ในวันที่นายท้อแท้...
ในวันที่นายสิ้นหวัง...
นายช่วยหันกลับมามอง
ว่ารอบข้างของนาย
มีคนรายล้อมแค่ไหน
มีคนกังวลมากเพียงใด
และมีคนเป็นห่วงนายมากเท่าไหร่
นายไม่เคยอยู่เดียวดาย
และไม่จำเป็นต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างอยู่คนเดียว
ขอเพียงแค่เวลานายตัดสินใจทำสิ่งใด
ช่วยหันกลับมามองบ้างได้ไหม
นายจะได้เห็น...
พวกเราที่รอคอยคำขอร้องจากนาย
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่คฤหาสน์ทั้งเอนโด คิโด ฮิโรโตะและโทระมารุก็แยกย้ายกลับบ้านเพื่อพักผ่อนเอาแรงสำหรับการฝึกซ้อมในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น” โกเอนจิเดินเข้ามาถามคิโดในขณะที่เอนโดกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังซ้อมตอนเช้าเสร็จ
“นายหมายความว่าไง” คิโดงงไปเหมือนกันเมื่ออยู่ๆเพื่อนสนิทก็เดินเข้ามาถามโดยไม่เกริ่นนำอะไร
“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับเอนโด หมอนั่นถึงได้ดูมุ่งมั่นขนาดนั้น” โกเอนจิอธิบายคำถามของทันทีด้วยความอยากรู้ ทั้งที่เมื่อวานยังมีท่าทีครุ่นคิดและเป็นกังวลแต่วันนี้ความกังวลทั้งหมดกลับหายไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นที่มีมากกว่าเดิม
เขาก็ดีใจอยู่หรอกที่เอนโดกลับมาเป็นเอนโดในยามปกติ ดีใจอยู่หรอกที่กัปตันมีท่าทีมุ่งมั่นและร่าเริงแบบเดิม ทว่าในใจโกเอนจิอดจะกังวลอยู่ลึกๆไม่ได้ เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่...นั่นคือสิ่งที่เขาอยากรู้จนต้องเข้ามาถามคิโดเพราะเขาคิดว่าเอนโดคงมียอมบอกกับเขาง่ายๆหรอก
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกเป็นกังวลแบบนี้แต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าเมื่อวานต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่ๆและอาจจะเป็นเรื่องไม่ดีเสียด้วย ความรู้สึกแบบนี้ทำเอาโกเอนจินึกโมโหตัวเองอยู่เหมือนกันที่เมื่อวานไม่ได้อยู่กับเอนโด
“ทำไมนายถึงมั่นใจว่าพวกฉันจะรู้” คิโดถามกลับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าตนเองรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“ฉันคิดว่าทุกคนคงไม่อยู่เฉยเมื่อเห็นท่าทางของเอนโดเมื่อวาน” โกเอนจิตอบคำถามนั้นอย่างไม่ลังเลเพราะเขาเองพอเห็นท่าทางเมื่อวานของเอนโดก็อยากจะกำจัดความกังวลพวกนั้นออกไปเหมือนกันแต่เขาไม่มีเวลาพอที่จะทำแบบนั้น
“ฉันคิดว่าพวกนายต้องตามไปดูเอนโดแน่ๆ” คำพูดของโกเอนจิถูกต้องและแม่นยำทุกอย่างจนคิโดถึงกับเถียงไม่ออก
ไม่รู้ว่าที่เพื่อนของเขาพูดออกมาราวกับตาเห็นเพราะว่าคาดเดาจากนิสัยของพวกเขาเก่งหรือถ้าเป็นตัวเองก็จะทำแบบนั้นกันแน่ ซึ่งคิโดบอกกับตนเองว่าเป็นอย่างหลังมากกว่าเมื่อคิดถึงนิสัยของเพื่อน เห็นโกเอนจินิ่งๆแบบนี้แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเอนโดด้วยละก็หมอนี่ไม่คิดจะอยู่เฉยหรอก เหมือนอย่างตอนนี้ยังไงละ
“ตกลงเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่” โกเอนจิย้ำคำถามเดิม เขาต้องการคำตอบก่อนที่เอนโดจะแต่งตัวเสร็จและก่อนที่จะเข้าเรียน
"ฉันว่านายรอฟังพร้อมคนอื่นตอนเย็นเลยดีกว่า" คิโดพูดออกมา ไม่ใช่ว่าเขาต้องการจะปิดบังแต่ให้หมอนี่ฟังจากปากของเอนโดเองดีกว่าเพราะมันคงดีกว่ามาฟังจากปากของเขา
โกเอนจิทำท่าจะถามต่อแต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อเด็กหนุ่มผู้เป็นต้นเรื่องโพล่ออกมาขัดจังหวะเสียก่อน
“ไปเข้าห้องเรียนกันเถอะโกเอนจิ คิโด” เอนโดพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มร่าเริงแล้วลากคนทั้งสองไปห้องเรียนด้วยกัน ใช่แล้ว...เจ้าตัวยังคงร่าเริงโดยไม่รู้เลยว่าได้ทิ้งความกังวลไว้ให้ใครบ้าง
โกเอนจิอยากจะถอนหายใจออกมาเหลือเกิน เขาเป็นกังวลก็จริงทว่าก็ทำได้เพียงแค่รอเวลาที่เอนโดจะบอกออกมาเองเท่านั้น ก็หวังว่าเรื่องคราวนี้คงจะไม่ร้ายแรงอะไร
ช่วยหันกลับมามอง...
และคิดถึงพวกเราที่อยู่รอบข้าง
ซึ่งเป็นห่วงนายยิ่งกว่าใคร
ก่อนจะทำเรื่องอะไร
ที่นำพาปัญหามาสู่ตัวนายเอง
หลังจากซ้อมหนักกันในตอนเย็นและเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้วทุกคนต่างก็มานั่งรวมตัวกันในห้องชมรมที่กัปตันทีมเป็นคนนัดแนะ พวกเขาอยากรู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่เพราะพอลองถามคิโด ฮิโรโตะและโทระมารุทั้งสามคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้รอฟังกัปตันในตอนเย็นทีเดียวดีกว่าแล้วก็ไม่ได้ขยายความเพิ่มเติมอะไรอีก
“เมื่อหนึ่งวันก่อนฉันเจอกัปตันทีมของทีมที่จะต้องมาซ้อมแข่งกับเรา” เอนโดไม่คิดจะพูดอ้อมไปอ้อมมา เมื่อทุกคนพร้อมแล้วเจ้าตัวก็รีบเข้าประเด็นในทันที
คำพูดของเอนโดทำให้โกเอนจินึกถึงเด็กหนุ่มร่างใหญ่ที่มาตามหาเอนโดเมื่อสองวันก่อนตอนที่พวกเขากำลังเดินกลับบ้านด้วยกัน เขาจำได้แม่นเพราะหลังจากคุยกันเอนโดก็มีท่าทางกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ลูกทีมทุกคนก็ตั้งใจฟังเช่นกัน พวกเขาเองก็อยากรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้กัปตันเป็นกังวล
“ทางนั้นมาขอร้องฉันว่าให้ทีมเราแกล้งแพ้” เมื่อสิ้นคำพูดของเอนโดเสียงร้องแสดงความไม่พอใจของทุกคนก็ดังขึ้นมาทันที
โกเอนจิขมวดคิ้วเพราะเขารู้ดีว่าถ้าอีกฝ่ายพูดแค่นั้นเอนโดคงไม่เก็บเอามาคิดมากังวลหรอก ใช่...ถ้าอีกฝ่ายพูดแค่นั้นจริงเอนโดคงประกาศออกไปในตอนนั้นแน่ว่าจะสู้กันอย่างเต็มที่และยุติธรรม แต่ดูท่ามันจะไม่ได้มีแค่นั้นสินะ
“ทางนั้นบอกว่าถ้าแพ้ในการแข่งขันโค้ชจะคัดพวกเขาออก” คราวนี้ทุกคนที่ได้ฟังต่างเงียบสนิท พวกเขาเองก็รักฟุตบอลเพราะแบบนั้นจึงไม่อยากให้มีใครมาพรากฟุตบอลไปจากพวกเขา อีกอย่างเพราะรักฟุตบอลเหมือนกันจึงเข้าใจความเจ็บปวดของอีกฝ่าย
มาถึงตรงนี้ทุกคนเลยเริ่มกังวลขึ้นมาเช่นกัน พวกเขาเองก็ยังมีความฝันที่ต้องเดินไปต่อและเพื่อความฝันนั้นพวกเขาก็จำเป็นจะต้องชนะ โกเอนจิเองก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเอนโดถึงดูกังวลขนาดนั้นและเพราะอะไรเอนโดถึงถามเขาเกี่ยวกับเรื่องแพ้ในวันนั้น
“แต่ฉันให้คำตอบฝ่ายนั้นไปแล้วว่าจะสู้อย่างเต็มที่และยุติธรรม พวกเราจะไม่ออมมือเด็ดขาด” คนเป็นกัปตันประกาศเจตนารมณ์ของตนเองให้ทุกคนได้ยินซึ่งฟุโดก็กระตุกยิ้มที่มุมปากบ่งบอกว่าเจ้าตัวพอใจกับการตัดสินใจของคนเป็นกัปตัน ต่อให้ได้ฟังเหตุผลพวกนั้นแต่ฟุโดก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้หรอก
“มันจะดีหรือครับกัปตัน” คาเบยามะเอ่ยถามพร้อมสีหน้าเป็นกังวลเหมือนกับคนที่เหลือ ต่อให้ไม่อยากแพ้แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีและพวกเขาก็ไม่คิดจะลงสนามด้วยความรู้สึกแบบนี้แน่
“เรื่องนี้ฉันไปคุยกับโค้ชอีกฝ่ายแล้ว” เอนโดพูดออกมาเรียกสายตางุนงงจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“ไปคุยหรือ...” โกเอนจิทวนพร้อมหรี่ตาลงมองเอนโดที่ชักจะยิ้มจืดลงไปเยอะเมื่อเจอสายตาจับผิดของดาวยิงของทีมอินาสึมะเจแปน จะไม่ให้เขาสงสัยได้ยังไงละในเมื่อโค้ชของอีกฝ่ายคงไม่ยอมออกมาพบกัปตันทีมอินาสึมะเจแปนง่ายๆหรอกจริงไหม
“ฉันแอบเข้าไปก็ได้ ไปกับคิโด ฮิโรโตะและโทระมารุ” เอนโดอดจะแก้ประโยคของตนเองไม่ได้เมื่อเห็นสายตากดดันของโกเอนจิที่มองมา
เหล่าผู้ร่วมขบวนการที่มีชื่อหลุดออกมาจากปากของกัปตันต่างสะดุ้งเฮือกกันเป็นแถวเมื่อเห็นดาวยิงแห่งทีมเงียบไปอย่างน่าหวั่นใจ ถึงพวกเขาจะเป็นผู้ร่วมขบวนการแต่บางทีก็ไม่ต้องเอ่ยชื่อพวกเขาออกไปก็ได้นะ ยิ่งเห็นท่าทางของโกเอนจิแล้วคิโด ฮิโรโตะและโทระมารุได้แต่แอบบอกตนเองในใจว่าต้องหาเวลาว่างไปขอโทษหมอนั่นหน่อยแล้วที่ห้ามคนเป็นกัปตันเอาไว้ไม่ได้
“ฉันทำข้อตกลงกับโค้ชทางนั้นว่าถ้าทีมเราเอาชนะและทำให้เขาเปลี่ยนใจได้จะไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น” เอนโดพูดออกมาพร้อมความมุ่งมั่นทำให้คนอื่นฮึกเหิมไปด้วย
“แล้วถ้าแพ้” ฟุโดถามออกมาก่อนที่จะหลงดีใจตามกัปตันทีมไปด้วยอีกคน ข้อตกลงมันไม่น่าจะมีแค่นี้หรอก
“ก็...” เอนโดพูดแล้วแอบเหงื่อตกเมื่อเห็นลูกทีมแต่ละคนมองมาอย่างคาดคั้น
“ก็ถ้าทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทีมตัวแทนญี่ปุ่นจะถูกเปลี่ยน” คำตอบของคนเป็นกัปตันทำเอาฟุโดอยากจะถอนหายใจออกมา ก็ว่าแล้วเชียว...มันไม่น่าจะง่ายอย่างที่เอนโดพยายามจะแสดงออกจริงๆด้วย บรรยากาศภายในห้องชักจะกลับมามืดมนและห่อเหี่ยวจนน่าหวั่นวิตก
“ก็แค่เล่นเหมือนเดิมแล้วชนะให้ได้ก็พอสินะ” เสียงของโกเอนจิทำลายความเงียบและความน่าอึกอัดขึ้นมาและแน่นอนว่าเอนโดต้องรีบเรียกความมุ่งมั่นของทุกคนกลับคืนมา
“อย่างที่โกเอนจิพูดนั่นแหละ ฉันเชื่อว่าถ้าเป็นการเล่นของพวกเราเหมือนที่ผ่านๆมามันจะต้องไม่เป็นไรแน่” คำพูดของคนเป็นกัปตันเริ่มเรียกความมั่นใจของแต่ละคนกลับมาได้อย่างไม่ยากเย็น
เอนโดไม่ได้โกหกเพราะเขาเชื่อใจในลูกทีมและวิถีทางที่ตนเองตัดสินใจเลือกจะเดิน เขาเชื่อว่าทุกคนจะต้องเอาชนะมาได้แน่ๆ เหล่าเพื่อนพ้องที่เล่นฟุตบอลกันได้อย่างสนุกสนาน...เอนโดอยากเห็นทุกทีมเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นจึงได้ยื่นข้อต่อรองไปเช่นนั้น
“เอาละ...ตั้งแต่พรุ่งนี้เราจะซ้อมให้หนักขึ้นนะ” คนเป็นกัปตันร้องบอกด้วยท่าทางมุ่งมั่นและรอยยิ้มมั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง ลูกทีมทุกคนต่างร้องออกมาอย่างเห็นด้วยและยอมรับในการตัดสินใจของคนเป็นกัปตัน แต่ละคนมีท่าทีมุ่งมั่นไม่ต่างจากเอนโดเท่าไหร่ กัปตันที่พาพวกเขาทุกคนมายืนอยู่ตรงจุดนี้จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อมั่นในกัปตันคนนี้ยังไงละ
“เอาละ พรุ่งนี้ก็มาซ้อมเช้ากันนะทุกคน” เอนโดพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มซึ่งทุกคนก็ตอบรับเป็นอย่างดี แต่ละคนเตรียมเก็บของกลับบ้านพร้อมพกพาความมุ่งมั่นกลับไปเต็มเปี่ยม พรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะกลับมาซ้อมให้หนักกว่าเดิม ทุกอย่างก็เพื่อความฝันที่จะเป็นตัวแทนญี่ปุ่นของพวกเขา
คิโดที่เห็นท่าทีร่าเริงของคนเป็นกัปตันแห่งทีมอินาสึมะเจแปนก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่ยังไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนนี้ควรจะทำอะไรต่อ
“นี่เอนโด...” คิโดเรียกเพื่อนที่หันมาพร้อมรอยยิ้มร่าเริง
“มีอะไรหรือคิโด” ตอนนี้ในหัวของเอนโดมีแต่การซ้อม ซ้อมและซ้อมในแต่ละวันเพื่อเตรียมตัวซ้อมแข่งในอีกไม่กี่วัน
“นายจะเตรียมซ้อมหนักก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะแต่นายแน่ใจแล้วเหรอที่จะไม่ไปเคลียร์กับ ‘หมอนั่น’ ก่อน ” คำพูดของคิโดทำเอาเอนโดยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเริ่มเบิกกว้างขณะที่ใบหน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆพร้อมเหงื่อเย็นๆที่ผุดขึ้นมา
คำว่า ‘หมอนั่น’ ที่ออกมาจากปากของคิโดทำให้คนเป็นกัปตันรีบกวาดสายตาไปทั่วห้องทันที โกเอนจิอยู่ไหนแล้ว!!
คิโดที่เห็นท่าทางของเพื่อนสนิทตอนนี้อยากจะขำออกมาจริงๆ ไอ้ตอนทำละไม่คิดตอนนี้ถึงต้องมาถามหาหน้าตื่นแบบนี้
“โกเอนจิไปไหนแล้ว” เอนโดกวาดสายตามองไปทั่วห้องแล้วไม่พบคนที่ตนเองต้องการหาทั้งที่ข้าวของและสัมภาระยังว่างอยู่ในห้องอยู่เลย นั่นหมายความว่าโกเอนจิยังไม่กลับบ้านแต่หมอนั่นไปอยู่ไหน
“กัปตันหาคุณโกเอนจิหรือครับ” โทระมารุเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นท่าทางหันซ้ายหันขวาของรุ่นพี่ที่น่าเคารพและดูเหมือนว่าเขาจะเดาไม่ผิดเสียด้วย
“โทระมารุเห็นหรือเปล่าละ” เอนโดถามออกมาอย่างร้อนใจ เขาไม่อยากจะยืดเวลาในการ ‘เคลียร์’ ไปมากกว่านี้
“ถ้าเป็นโกเอนจิเห็นเดินออกไปข้างนอกแล้วละ น่าจะเดินไปทางสนามฟุตบอลนะ” แต่คนที่ตอบคำถามแทนกลับเป็นมิโดริคาวะ ริวจิที่บังเอิญอยู่ใกล้ๆแถวนั้นพอดี อันที่จริงใครๆเขาก็เห็นตอนที่โกเอนจิเดินออกไปทั้งนั้น คงจะมีแต่กัปตันที่มัวแต่นึกถึงเรื่องซ้อมในวันต่อๆไปเท่านั้นแหละที่ไม่เห็น ดูแล้วน่าสงสารดาวยิงแห่งทีมอินาสึมะเจแปนเหมือนกันนะเนี่ย
“ขอบคุณนะ” เอนโดพูดจบก็วิ่งลนลานออกไปทันทีท่ามกลางสายตาเหนื่อยใจของคนที่เหลือ
“หวังว่าจะไปเคลียร์กันเข้าใจนะฮะ” โทระมารุมองตามหลังคนเป็นกัปตันไปอย่างเอาใจช่วย
“คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ทุกทีก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ยังไงโกเอนจิก็คงยอมให้เหมือนเดิมนั่นแหละ” มิโดริคาวะพูดเพราะทุกทีมันก็เป็นเช่นนั้น
“โกเอนจิอดทนเก่งนี่นะ ถ้าเป็นฉันคงต้องว่าแรงๆไปหลายทีแล้ว” ไม่มีใครคิดจะเถียงคำพูดของมิโดริคาวะเพราะถ้าเปลี่ยนจากโกเอนจิเป็นพวกเขาพวกเขาก็จะทำแบบที่เพื่อนพูดนั่นแหละ
“แต่ความอดทนของมนุษย์เราจำกัดนะ” เสียงผู้จัดการสาวนามว่าคิโนะ อากิพูดแทรกขึ้นมาเพราะเธอได้ยินบทสนทนามาตั้งแต่แรก
“ไม่รู้เลยว่าความอดทนนั่นจะหมดลงเมื่อไหร่” เด็กสาวพูดด้วยท่าทางเป็นกังวลขณะมองตามหลังคนเป็นกัปตันออกไปเช่นเดียวกัน
คิโดเองก็เป็นกังวลเหมือนกันเพราะการกระทำของเอนโดในคราวนี้มันก็น่าจะต่อว่าแรงๆสักทีสองทีแต่เขาก็รู้อีกนั่นแหละว่าต่อให้โกเอนจิอยากจะต่อว่าออกมาแรงๆแค่ไหนเจ้าตัวก็คงทำไม่ลงหรอก ก็หมอนั่นเป็นแบบนี้กับเอนโดมาตลอดนี่นา เก็บกดมันเอาไว้ ทับถมมันด้วยความอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่ถึงขีดสุดจริงๆหมอนั่นไม่มีทางทำอะไรเอนโดแน่
ก็เล่นใช้คำว่าเชื่อใจมาปิดบังการตามใจของตนเองนี่นะ ตอนนี้ถึงได้ต้องเดินออกไปเพื่อตอกย้ำตนเองว่าให้อดทนและพยายามข่มความรู้สึกทั้งหมดของตนเองให้กลับมาเป็นปกติซึ่งคิโดคิดว่ามันไม่ง่ายเลย แต่โกเอนจิก็เป็นแบบนั้นแหละ
ทว่าสิ่งที่อากิพูดก็มีส่วนถูก มนุษย์เรามีความอดทนมากก็จริงแต่ความอดทนของมนุษย์เราก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ยิ่งอดทนมาก ยิ่งกดและฝังมันลงไปมากเท่าไหร่สักวันความรู้สึกเหล่านั้นจะต้องระเบิดออกมาแน่
คิดมาถึงตรงนี้คิโดก็ชักเป็นห่วงขึ้นมาเหมือนกันแต่เรื่องมาถึงขนาดนี้เขาจะไปทำอะไรได้เล่า ที่ทำได้ก็มีแต่ช่วยส่งกำลังใจไปให้เพื่อนสนิททั้งสองคนให้ ‘เคลียร์’ กันเข้าใจเท่านั้นแหละ
“หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย” ตอนนี้ทุกคนก็หวังได้แค่นี้แหละ
ทุ่มเทให้คนอื่นจนสุดตัว
นั่นคือนิสัยของนาย
ทว่าบางครั้งมันก็มากเกินไป
มาก...จนนายละเลยตนเอง
ฉันถึงทำได้แค่ยอมรับ
และทำได้แค่อดทนยังไงละ
ทำได้แค่อดทน...
ในยามที่นายทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง
โดยไม่สนใจตนเอง
ความคิดเห็น